พุทธวจน-ท่านสอนแบบเชื่อมโยง-ไม่สอนแบบให้แยกส่วน ครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เราโตมาคนละแบบ, 10 พฤษภาคม 2017.

  1. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    :):);) มหามกุฏ-มหาจุฬา-เปรียญ9-หลวงปู่-หลวงตา-หลวงพ่อ-หลวงพี่-นิมนต์หยุด สอน การปฏิบัติธรรม-แบบแยกส่วน-เถอะครับ-เถอะครับ
    :):mad: หันมาเรียนรู้-พุทธวจน-แล้วสอนการปฏิบัติธรรม-แบบเชื่อมโยง- ตามหัวข้อธรรมใหญ่-เชื่อมโยงกับธรรมเล็ก-หรือตามตำราที่ถูกต้อง เขาแก้ทุกข์ได้จริง-ไวด้วย-เบาสบาย-ถูกต้อง- สงสารชาวบ้านบ้างเถอะครับ- วันนี้วันดี นะขอรับ นิมนต์ครับ ขอให้ตาสว่าง...กันถ้วนหน้า สาธุ
    แสดงธรรมตามสามารถเถิด จะผิดจะถูก จะมากจะน้อย ไม่สำคัญ เราเองเรา.เอง จักเป็นผู้ วิเคราะห์-วิจัย-แทงตลอดธรรมด้วยตนเอง สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2017
  2. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    :)สมถะ-วิปัสสนา ต้องเชื่อมโยงกัน ;)
     
  3. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    อินทรีย์5..ต้องเสมอกัน
    ศรัทธา-วิริยะ-สติ-สมาธิ-ปัญญา ต้องเชื่อมโยงกัน ไม่แยกส่วน
     
  4. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    :):):) มรรคมีองค์8 ..
    ..สัมมาทิฏฐิ-สัมมาสังกัปโป-สัมมาวาจา-สัมมากัมมันตะ-สัมมาวายามะ-สัมมาอาชีวะ-สัมมาสติ-สัมมาสมาธิ..ย่อแล้วเหลือ3 คือ ปัญญา-ศิล-สมาธิ
    :):)สรุปแล้วลงเหลือหนึ่งคือ จิต..ที่รวมธรรมทั้งหลายให้เป็นหนึ่ง.. สอนปฏิบัติ-แบบเชื่อมโยงกัน อย่าสอนปฏิบัติ แบบแยกส่วน-ชาวบ้านเขาเดือดร้อน..เช่น
    :mad::eek::pเช่นมา แยกเอา- สติ-สมาธิ..ไปตั้งหลักสูตรใหม่..ยุบหนอ-นับจังหวะ-สมาธินำ40 กอง-ปัญญาไม่มี สุตตตะไม่สะสมก่อน ให้ชัด หยุดแสวงหาลูกศิษย์-มุ่งเจตนาอื่นแทนธรรมการหลุดพ้น สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2017
  5. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    สัญชัย..ตื่นเถิด ตื่นเถิด-..พวกเธอหลับมานานแล้ว..พวกเธอหลับมานานแล้ว สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2017
  6. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    กาย (ขันธ์ๅ5)..
    :):):) เราตถาคต..องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะกำเนิดมา-หรือเกิดมา-ในโลกนี้ รึไม่ก็ตาม โลกนี้ หรือ ขันธ์5 -อริยะสัจจ์4 -เขาก็ทำงานของเขา แบบนี้-แบบ อิทัปปัจจยะตา เกิด-ดับ-ตาม วงจรปฏิจจะสมุปบาทห่วงโซ่ทั้ง 12 ..ของเขาอยู่แล้วทุกเวลา-ทุกเมื่อเชื่อวัน-ตามธรรมชาติของเขาเอง..มันเป็นเช่นนั้นเอง..แม้ไม่มีเรา หรือเราไมไ่ด้เกิดมาในโลกนี้..เขาก็ป็นของเขาอยู่ก่อนแล้ว มันเป็นเช่นนั้นเอง..ตถะตา..ตถะตา..สาธุ
    :)เราแค่มาค้นพบและเห็นการทำงานของเขาเท่านั้น เรารู้แล้ว รู้แจ้งแล้ว ตัณหาเอย..เราจะรื้อเรือนของเจ้าทิ้งเสีย..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2017
  7. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    :p:)เด็ก ONET..ม.6 พวกเขายังเรียนแบบเชื่อมโยงกันแล้ว..เรียนแบบแยกส่วน- ทำให้คนโง่ -ทำให้คนโง่-ทำให้คิดแบบองค์รวม-แบบภาพกว้าง-แบบค้นหาปัญหาจริงๆไม่เป็น -เหตุแห่งธรรม-หาไม่เจอเพราะ ทำไม่เป็น -เชื่อม-เหตุและผลไม่เป็น- เขากำลังตาสว่างแล้ว..ทั้งประเทศ
    :);)ปรับตัวเถอะ..พลวงปู่-หลวงตา-หลวงพ่อ-หลวงพี่ -แม่ชี-สามเณรคำ.. สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2017
  8. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    :):):)พุทธวจน..เท่านั้น จะเป็นที่พึ่งของชาวพุทธในยามนี้ครับ..
    สาธุ อจ.พุทธทาส-อจ.คึกฤทธิ์ มีบุญคุญใหญ่หลวงต่อชาวพุทธจริงๆ..
     
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    เชิญสอนเลยครับ เชื่อมโยงยังไงว่าไปตามลำดับ
     
  10. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ตย.นี้ เชื่อมโยงกันหรือยังครับ สมถะ-วิปัสสนา

    เชื่อมไม่เชื่อมยังไง เราจะโต อธิบายเพื่อเป็นวิทยาทานด้วย ดูครับ


    เพิ่งเริ่มนั่งสมาธิได้สองเดือนกว่า ช่วงแรกที่นั่งก็ใช้อานาปานสติและพุทโธค่ะ ก็จะเอาจิตแนบกับลมหายใจตอนเข้าออก

    ตอนแรกที่นั่งไม่มีความรู้อะไรเลยค่ะ ปรากฎว่านั่งได้นานกว่า ช.ม. มีอยู่ครั้งนึงเหมือนสัปหงก รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นหัวตัวเองและช่วงบ่าจากด้านซ้ายมือ ทั้งที่นั่งตอนเย็นกลับรู้สึกเหมือนกลางวันค่ะ ก็แปลกใจระคนตกใจนิดหน่อย มีความรู้สึกว่ามีตัวตนอีกคนดูตัวเราที่นั่งสมาธิอยู่

    อีกครั้งนั่งดูลมหายใจและภาวนาพุทโธก่อนจะหลับ เน้นยังไม่หลับค่ะ รู้ตัวตลอด รู้สึกเหมือนมีอาการคล้ายผีอำค่ะ แต่ขนลุกด้านหลังแบบเย็นวาบเลยค่ะ แต่เรากลับเห็นแขนเรา กะขาหนึ่งข้าง (เรานอนตะแคงขวา) เราก็เกิดความกลัวระคนแปลกใจ นึกในใจว่า เฮ้ย วิญญานออกจากร่าง ก็เลยพยายามขยับแขนกะขาข้างที่เห็น ปรากฎว่าไม่สามารถค่ะ แถมมันสว่างเหมือนกลางวัน ต้องพยายามหมุนตัวให้แขนมันตรงกัน จนค่อยขยับออกมาได้ (ยังขำตัวเองจนถึงปัจจุบัน ที่พยายามหมุนให้แขนมันตรงกัน)
     
  11. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    :p:mad:มาจากดิน..คุณเพี้ยนหนักเลย ใช่หมอหรือมาสมอ้างนี่หือ..บ้าๆบอๆแล้วนะออกอาการใหญ่เลย ไปกินยาไป
     
  12. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ถามอย่าง ตอบอย่าง เขาถามงัว ตอบควาย คิกๆๆ
     
  13. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    เราจะโต เราจะพูดอะไร ตัวเราเองต้องรู้เข้าใจ เคยทำเคยลองมาแล้วมีประสบการณ์ตรงมาแล้ว แต่นี่คุณไม่มีเลย เพียงแต่จำชื่อได้เพราะได้ยินได้ฟังมาบ้างอ่านมาบ้าง ชักชวนชาวพุทธ มามาเอหิจงมา เช่นที่ว่า สมถะ -วิปัสสนา ต้องเชื่อมโยงกันนะ อินทรีย์ 5 ก็ต้องเชื่อมโยงกันนะ ไม่แยกส่วนกันนะว่าไป พอตั้งคำถามว่า ไหนว่าไปตามลำดับสิ สมถะวิปัสสนามันเชื่อมโยงกันยังไง แล้วก็นำตัวอย่างมาแบให้ดูว่า นั่นมันเชื่อมโยงกันไหม คุณก็ว่าผมเพี้ยนบ้า อิอิ ไล่ให้ไปกินยา แต่ไม่บอกว่ากินยาอะไร เออ เดี๋ยวผมกินยาผิดตายล่ะ คุณรับไหวหรอ เออ :p คนจัดงานศพคือคนใกล้ชิดนะ ไม่ใช่เราจะโตนะ เออ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2017
  14. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ขอแย้งหน่อย ที่พึ่งของชาวพุทธได้แก่พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ (พระรัตนตรัย) พระพุทธเจ้าเป็นเจ้าของพระศาสนา .... ก่อนพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ได้ฝากพระศาสนาไว้กับชาวพุทธทั้งมวล (ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา) ให้ช่วยกันสืบต่อ บุคคลเหล่านั้นไม่มีบุญคุณเลยหรือ

    เราจะโตมาตัดแค่ อ.พุทธทาส กับ อ.คึกฤทธิ์ซึ่งเกิดเมื่อนี่ แล้วก่อนหน้าที่สองท่านจะเกิด ผู้ช่วยกันสืบต่อ เอาท่านไปไหวไหน มองเลยไปอีก อ.พุทธทาสมรณภาพไปแล้ว ยังเหลือ อ.คึกริด อีกไม่เกิน 50 ปีก็คงกลับบ้านเก่า หมดทั้งสองอาจารย์นี่แล้ว พระพุทธศาสนามิล่มสลายหรือ

    เราจะโตแก้ข้อกล่าวหาสิ
     
  15. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    พระ- คำนำหน้า ที่ใช้ประกอบหน้าคำอื่น เพื่อแสดงความยกย่อง เคารพ นับถือหรือให้ความสำคัญ

    พระพุทธเจ้า พระผู้ตรัสรู้เองโดยชอบแล้วสอนผู้อื่นให้รู้ตาม, ท่านผู้รู้ดีรู้ชอบด้วยตนเองก่อนแล้ว สอนประชุมชนให้ประพฤติชอบด้วย กาย วาจา ใจ

    พระธรรม คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลักความจริง และหลักความประพฤติ

    พระสงฆ์ หมู่ชนที่ฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัย, หมู่สาวกของพระพุทธเจ้า


    สงฆ์ หมู่, ชุมนุม 1. หมู่สาวกของพระพุทธเจ้า เรียกว่า สาวกสงฆ์ ดังคำสวดในสังฆคุณ ประกอบด้วยคู่บุรุษ ๔ บุรุษบุทคล (รายตัวบุคคล) ๘ เริ่มแต่ท่านผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติมรรค จนถึงพระอรหันต์ ต่างจากภิกษุสงฆ์ คือหมู่แห่งภิกษุหรือชุมนุมภิกษุ ต่อมา บางทีเรียกอย่างแรกว่า อริยสงฆ์ อย่างหลังว่า สมมติสงฆ์ 2. ชุมนุมภิกษุหมู่หนึ่งตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ซึ่งสามารถประกอบสังฆกรรมได้ ตามกำหนดทางพระวินัย ต่างโดยเป็นสงฆ์จตุรวรรคบ้าง ปัญจวรรคบ้าง ทศวรรคบ้าง วีสติวรรคบ้าง, ถ้าเป็นชุมนุมภิกษุ ๒ หรือ ๓ รูป เรียกว่า คณะ ถ้ามีภิกษุรูปเดียว เป็นบุคคล

    ตรัสรู้ รู้แจ้ง หมายถึงรู้อริยสัจ ๔ คือ ๑. ทุกข์ (ทุกฺขํ อริยสจฺจํ) ๒. สมุทัย (ทุกฺขสมุทโย อริยสจฺจํ) ๓. นิโรธ (ทุกฺขนิโรโธ อริยสจฺจํ) ๔. มรรค (ทุกฺขนิโรธคามินีปฏิปทา อริยสจฺจํ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2017
  16. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ความหมายของอริยสัจ

    "ภิกษุทั้งหลาย อริยสัจ ๔ ประการเหล่านี้แล เป็นของแท้อย่างนั้น ไม่คลาดเคลื่อนไปได้ ไม่กลายเป็นอย่างอื่น ฉะนั้น จึงเรียกว่า อริยสัจ...

    "ภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเป็นอริยะในโลก พร้อมทั้งเทวะ ทั้งมาร ทั้งพรหม ในหมู่ประชาพร้อมทั้งสมณะและพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวะและมนุษย์ ฉะนั้น จึงเรียกว่าอริยสัจ (เพราะเป็นสิ่งที่ตถาคต ผู้เป็นอริยะ ได้ตรัสรู้ และได้แสดงไว้)"

    “ภิกษุทั้งหลาย เพราะได้ตรัสรู้อริยสัจ ๔ นี้ตามเป็นจริง พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้นามเรียกว่าเป็น อริยะ”
     
  17. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    มาจากดิน-จิตยิ้ม..
    เพี้ยนทั้งคู่เลย-ตามเชียร์กันผิดๆ จิตยิ้ม..
     
  18. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    เพี้ยนยังไง เราจะโต บอกให้ชัด ผิดยังไงบอกให้แจ้ง ไหนลองบอกสิผิดยังไง
     
  19. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    แสดงธรรมตามสามารถเถิด จะผิดจะถูก จะมากจะน้อย ไม่สำคัญ เราเองเรา.เอง จักเป็นผู้ วิเคราะห์-วิจัย-แทงตลอดธรรมด้วยตนเอง สาธุ

    (เลียนแบบคำพูดอุปติสสะสะด้วย อิอิ)

    ที่ถามไม่ตอบ ถ้ายังงั้นถามใหม่ ธรรมตามที่ เราจะโต คิดจะแทงตลอดน่าจะได้แก่อะไร ตามๆที่ตัวเองคิดไว้
     
  20. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    เราจะโตวิจัยสิใช่ธรรมไหม


    ครั้งหนึ่ง อุชชัยพราหมณ์ได้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า และกราบทูลว่า ตนจะไปอยู่ต่างถิ่น จะขอให้พระพุทธองค์แสดงธรรม ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขปัจจุบัน และธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขภายหน้า

    พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า

    “ดูกรพราหมณ์ ธรรม ๔ ประการนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์เพื่อความสุขปัจจุบัน กล่าวคือ อุฏฐานสัมปทา อารักขสัมปทา กัลยาณมิตตตา สมชีวิตา

    ๑) อุฏฐานสัมปทา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรหาเลี้ยงชีพด้วยความขยันในการงาน ไม่ว่าจะเป็นกสิกรรม ก็ดี พาณิชยกรรม ก็ดี โครักขกรรม ก็ดี ราชการทหาร ก็ดี ราชการพลเรือน ก็ดี ศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ดี เธอเป็นผู้ขยัน ชำนิชำนาญ ไม่เกียจคร้าน ในงานนั้น ประกอบด้วยปัญญาเครื่องสอบสวนตรวจตรา รู้จักวิธีปฏิบัติในเรื่องนั้นๆ สามารถทำ สามารถจัดการ นี้เรียกว่า อุฏฐานสัมปทา

    ๒) อารักขสัมปทา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรมีโภคทรัพย์ ที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร เก็บรวบรวมขึ้นด้วยกำลังแขน อย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ เป็นของชอบธรรม ได้มาโดยธรรม เธอจัดการรักษาคุ้มครองทรัพย์เหล่านั้น โดยพิจารณาว่า ทำอย่างไร ราชาทั้งหลายจะไม่พึงริบโภคะเหล่านี้ของเราเสีย พวกโจรไม่พึงลักไปเสีย ไฟไม่พึงไหม้เสีย น้ำไม่พึงพาไปเสีย ทายาทอัปรีย์ก็จะไม่พึงเอาไปเสีย นี้เรียกว่า อารักขสัมปทา

    ) กัลยาณมิตตตา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรเข้าอยู่อาศัยในคามหรือนิคมใดก็ตาม เธอเข้าสนิทสนมสนทนาปราศรัย ถกถ้อยปรึกษา กับท่านที่เป็นคหบดีบ้าง บุตรคหบดีบ้าง พวกคนหนุ่มที่มีความประพฤติเป็นผู้ใหญ่บ้าง คนสูงอายุที่มีความประพฤติเป็นผู้ใหญ่บ้าง ผู้ประกอบด้วยศรัทธา ประกอบด้วยศีล ประกอบด้วยจาคะ ประกอบด้วยปัญญา เธอศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยศรัทธา ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยศรัทธา ศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยศีล ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยศีล ศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยจาคะ ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยจาคะ ศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยปัญญา ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยปัญญา นี้เรียกว่า กัลยาณมิตตตา

    ๔) สมชีวิตา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรเลี้ยงชีวิพอเหมาะ ไม่ให้ฟุ่มเฟือยเกินไป ไม่ให้ฝืดเคืองเกินไป โดยรู้เข้าใจทางเพิ่มพูนและทางลดถอยแห่งโภคทรัพย์ ว่าทำอย่างนี้ รายได้ของเราจึงจะเหนือรายจ่าย และรายจ่ายของเราจึงจักไม่เหนือรายได้ เปรียบเหมือนคนชั่งตาชั่งหรือลูกมือคนชั่งยกตาชั่งขึ้นแล้ว ย่อมรู้ว่าหย่อนไปเท่านั้น หรือเกินไปเท่านี้

    “ถ้าหากกุลบุตรนี้ รายได้น้อย แต่เลี้ยงชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อ ก็จะมีผู้กล่าวว่าเอาได้ว่า กุลบุตรผู้นี้ ...กินใช้ทรัพย์สมบัติเหมือนคนกินมะเดื่อ ถ้ากุลบุตรนี้มีรายได้มาก แต่เลี้ยงชีวิตอย่างฝืดเคือง ก็จะมีผู้กล่าวว่าเอาได้ว่า กุลบุตรผู้นี้ คงจะตายอย่างคนอนาถา แต่เพราะกุลบุตรนี้เลี้ยงชีวิตพอเหมาะ...นี้เรียกว่า สมชีวิตา

    "ดูกรพราหมณ์ โภคะที่เกิดขึ้นโดยชอบอย่างนี้แล้ว ย่อมมี อบายมุข (ช่องทางเสื่อม) ๔ ประการ คือ เป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา เป็นนักเลงการพนัน มีมิตรชั่วสหายชั่ว ฝักใฝ่ในคนชั่ว เปรียบเหมือนอ่างเก็บน้ำแหล่งใหญ่ มีทางไหลเข้า ๔ ทาง มีทางไหลออก ๔ ทาง หากคนปิดทางน้ำเข้าเสีย เปิดแต่ทางน้ำออก อีกทั้งฝนก็ไม่ตกต้องตามฤดูกาล เมื่อเป็นเช่นนี้ อ่างเก็บน้ำใหญ่นั้น เป็นอันหวังได้แต่ความลดน้อยลงอย่างเดียว ไม่มีความเพิ่มขึ้นได้เลย...

    “ดูกรพราหมณ์ โภคะที่เกิดขึ้นโดยชอบอย่างนี้แล้ว ย่อมมี อายมุข (ช่องทางเพิ่มขึ้น) ๔ ประการ คือ ไม่เป็นนักเลงหญิง ไม่เป็นนักเลงสุรา ไม่เป็นนักเลงการพนัน มีมิตรดี มีสหายดี ใฝ่ใจในกัลยาณชน เปรียบเหมือนอ่างเก็บน้ำใหญ่ มีทางไหลเข้า ๔ ทาง มีทางไหลออก ๔ ทาง หากคนเปิดทางน้ำเข้า ปิดทางน้ำออก และฝนก็ตกต้องตามฤดูกาล เมื่อเป็นเช่นนี้ อ่างเก็บน้ำใหญ่นั้น เป็นอันหวังได้แต่ความเพิ่มพูนอย่างเดียว ไม่มีความลดน้อยลงเลย...

    “ดูกรพราหมณ์ ธรรม ๔ ประการ เหล่านี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขปัจจุบัน แก่กุลบุตร”

    จากนั้น ตรัสแสดงธรรม ๔ ประการ ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขเบื้องหน้า หรือประโยชน์ล้ำเลยตาเห็น (สัมปรายิกัตถะ) คือ สัทธาสัมปทา ศีลสัมปทา จาคสัมปทา และปัญญาสัมปทา
    (องฺ.อฏฺฐก.23/145/294)
     

แชร์หน้านี้

Loading...