พุทธวจน-ท่านสอนแบบเชื่อมโยง-ไม่สอนแบบให้แยกส่วน ครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เราโตมาคนละแบบ, 10 พฤษภาคม 2017.

  1. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    เราจะโต ที่เขาถามนี่วิจัยสิใช่ธรรมไหม อ่านดู

    คือผมใช้วิธีรู้ลมหายใจที่บริเวณจมูก บางครั้งใช้ท่องพุทโธร่วมด้วย แต่หลักๆใช้วิธีรู้ลม นั่งครั้งแรกๆก็ยาก ทำไม่ได้ ทำทีไรเป็นว่าบังคับลมทุกที หายใจอึดอัด บางครั้งถึงขั้นเหนื่อยกับการหายใจ ผลทำให้นั่งได้ไม่นานก็เลิก

    ประเด็นที่พบ

    การนั่งครั้งหลังๆมานี้ เกิดสภาวะคล้ายๆเดิม ตลอดเกือบทุกครั้ง คือ มือหายไปจากความรู้สึก ไม่รู้สึกว่ามีมืออยู่ (รู้ว่ามี แต่รู้สึกว่าไม่มี ผมอธิบายไม่ถูก เชื่อว่าท่านผู้รู้คงเข้าใจผม) ก้น และต้นขาที่นั่งทับพื้นยังรู้สึกว่ามีอยู่ หลังที่นั่งพิงเก้าอี้ก็รู้สึกว่ายังมีอยู่ คือสรุปว่า มือหายทั้งสองข้าง อย่างอื่นที่เหลือยังรู้สึกถึงได้ อยู่ครบยังไม่หาย มีอาการตัวพองๆยุบๆบ้างแต่ก็ไม่บ่อย มีอาการหายเกือบทั้งตัวบ้างแต่น้อยมาก แต่ที่แน่ๆคือ มือทั้งสองข้างหายทุกครั้ง, ทุกครั้งจริงๆครับ นั่งแป๊บเดียวก็หายแล้ว และหายไปจากความรู้สึกตลอดเวลาที่ยังนั่งอยู่

    ลมหายใจเริ่มแผ่วเบาลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเหมือนลมหายไป เหมือนไม่ได้หายใจ ในครั้งแรกๆที่เจอสภาวะนี้ ผมตกใจทำอะไรไม่ถูก ตะลีตะลานรีบควานหาลม แล้วก็กลับมาหายใจแบบปกติ, แต่ในครั้งหลังๆ ผมจะพยายามทนอยู่กับสภาวะนี้ ซึ่งผมจะอึดอัดมาก และในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว จนต้องบังคับให้ตัวเองหายใจด้วยการสูดยาว จึงจะกลับมารู้สึกว่าผมหายใจแล้ว ผมจึงเริ่มรู้ลมใหม่ .. แล้วลมก็แผ่ว .. แล้วลมก็หาย .. แล้วผมก็ทน .. แล้วผมก็ทนไม่ไหว .. แล้วผมก็สูดลม .. แล้วผมก็รู้ลม .. แล้วลมก็แผ่ว .. ฯลฯ วนรอบอยู่อย่างนี้ ซ้ำรอบอยู่อย่างนี้

    ข้อคำถาม

    1. อาการมือหายคืออะไรครับ? ผมเข้าใจว่าไม่ต้องไปสนใจมัน ปล่อยมันใช่ไหมครับ?

    2. สภาวะอาการเรื่องลมหายใจ เป็นปัญหาใช่ไหมครับ? ผมควรทำอย่างไรต่อไปครับ?

    3. ผมเข้าใจว่าผมถนัดวิธีรู้ลมหายใจ แต่ผมไม่แน่ใจจริงๆว่า ที่ผมคิดว่าผมถนัดวิธีรู้ลมหายใจนั้น ผมเข้าใจถูกไหม? ผมยังควรใช้วิธีรู้ลมต่อไปไหม? หรือควรใช้วิธีอื่นดีกว่า? ผมควรศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากเว็บไหน คลิปไหน กระทู้ไหน จึงจะเหมาะกับสภาวะอาการที่พบเจออยู่?

    ขอความกรุณาทุกท่านช่วยแนะนำผมทีเถอะครับ ชี้ทางออกให้ผมด้วยนะครับ
     
  2. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    กท.นี้ มีหลักเยอะ แต่ขาดรายละเอียด ชวนให้คนมโนได้มาก (รวมจขกท.ด้วย) เราจะโต ดูรายตัวอินทรีย์หรือพละ 5 ซึ่งเป็นนามธรรมมองด้วยจักขุไม่เห็น ต้องใช้ญาณทัสสนะดู


    เครื่องวัดความพร้อม

    หลักธรรมที่เป็นเครื่องวัดความพร้อม และบ่งชี้ความก้าวหน้าช้า หรือเร็วของบุคคล ในการปฏิบัติธรรมได้แก่ อินทรีย์ ๕ คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา หลักธรรมชุดนี้ ใช้สำหรับการปฏิบัติธรรมได้ทั่วไป ตั้งแต่ต้นจนถึงที่สุด มิใช่ใช้เฉพาะสำหรับการเจริญสมาธิเท่านั้น

    อินทรีย์ แปลว่า สภาพที่เป็นใหญ่ในกิจของตน คือ ธรรมที่เป็นเจ้าการในการทำหน้าที่อย่างหนึ่งๆ ในที่นี้ หมายถึง เป็นเจ้าการในการทำหน้าที่กำจัดกวาดล้างอกุศลธรรม ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้าม เช่น ความเพียร กำจัดความเกียจคร้าน ทำให้เกิดความพร้อมในการทำงาน และปฏิบัติธรรมก้าวหน้าไปได้

    ความหมายของ อินทรีย์ ๕ อย่างนั้น ท่านแสดงไว้พอสรุปได้ ดังนี้ (สํ.ม.19/852-875/259-265)

    ๑. ศรัทธา (เรียกเต็มว่า สัทธินทรีย์) พึงเห็นได้ใน โสดาปัตติยังคะ ๔ ว่าโดยสาระก็คือ ศรัทธาในตถาคตโพธิ หรือ ตถาคตโพธิสัทธานั่นเอง กิจหรือหน้าที่ของ ศรัทธา คือ ความน้อมใจดิ่ง มุ่งดิ่งไป ปลงใจ ปักใจ (อธิโมกข์) ความหมายที่ต้องการว่า ความเชื่อที่มีเหตุผล มั่นใจในความจริง ความดี ของสิ่งที่นับถือ หรือปฏิบัติ

    ๒. วิริยะ (เรียกเต็มว่า วิริยินทรีย์) พึงเห็นได้ใน สัมมัปปธาน บางแห่งว่า ความเพียรที่ได้ด้วยปรารภสัมมัปปธาน ๔ หรือตัวสัมมัปปธาน ๔ นั่นเอง บางทีก็พูดให้สั้นลงว่า ความเพียรเพื่อละอกุศลธรรม และทำกุศลธรรมให้ถึงพร้อม การมีความแกล้วกล้าแข็งขันบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม หน้าที่ของวิริยะ คือ การยกจิตไว้ (ปัคคาหะ) ความหมายสามัญว่า ความเพียรพยายาม มีกำลังใจ ก้าวหน้า ไม่ท้อถอย

    ๓. สติ (เรียกเต็มว่า สตินทรีย์) พึงเห็นได้ใน สติปัฏฐาน ๔ บางแห่งว่า สติที่ได้ด้วยปรารภสติปัฏฐาน ๔ หรือตัวสติปัฏฐาน ๔ นั่นเอง บางทีให้ความหมายง่ายลงมาว่า การมีสติ การมีสติครองตัวที่ยวดยิ่ง สามารถระลึกนึกทวนถึงกิจที่ทำ คำที่พูดแล้ว แม้นานได้ หน้าที่ของสติ คือ การดูแล หรือคอยกำกับจิต (อุปัฏฐาน) ความหมายสามัญว่า ความระลึกได้ กำกับใจไว้กับกิจ นึกได้ถึงสิ่งที่พึงทำพึงเกี่ยวข้อง

    ๔. สมาธิ (เรียกเต็มว่า สมาธินทรีย์) พึงเห็นได้ใน ฌาน ๔ บางแห่งว่า หมายถึงตัวฌาน ๔ นั่นเอง หรือพูดอย่างง่าย ได้แก่ การทำภาวะปล่อยวางให้เป็นอารมณ์แล้ว ได้สมาธิ ได้แก่ เอกัคคตาแห่งจิต หน้าที่ของสมาธิ คือ การทำจิตไม่ให้ฟุ้ง ไม่ให้ส่าย (อวิกเขปะ) ความหมายสามัญว่า ความมีใจตั้งมั่น แน่วแน่ในกิจ ในสิ่งที่กำหนด

    ๕. ปัญญา (เรียกเต็มว่า ปัญญินทรีย์) พึงเห็นได้ใน อริยสัจ ๔ คือการรู้อริยสัจ ๔ ตามเป็นจริง หรือพูดอย่างง่าย ได้แก่ การมีปัญญา ความประกอบด้วยปัญญา ที่หยั่งถึงความเกิดขึ้นและความเสื่อมสิ้นไป ซึ่งเป็นอริยะ ทำลายกิเลสได้ อันจะให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ หน้าที่ของปัญญา คือ การเห็นความจริง (ทัสสนะ) ความหมายสามัญว่า ความรู้เข้าใจตามเป็นจริง รู้ทั่วชัด รู้สิ่งที่ทำที่ปฏิบัติ หยั่งรู้ หรือรู้เท่าทันสภาวะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2017
  3. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    มีพุทธพจน์รับรองคำกล่าวของพระสารีบุตรว่า อินทรีย์ ๕ อย่างนี้ ส่งผลเป็นปัจจัยต่อเนื่องกัน กล่าวคือ

    - ศรัทธา ทำให้เกิดความเพียร

    - ความเพียร ช่วยให้สติมั่นคง

    - เมื่อสติมั่นคงแล้ว กำหนดอารมณ์ ก็จะได้สมาธิ

    - เมื่อมีสมาธิดีแล้ว ก็จะเกิดปัญญา รู้เข้าใจมองเห็นซึ้งถึงโทษของอวิชชาตัณหา ที่เป็นเหตุแห่งสังสารวัฏ มองเห็นคุณค่าของนิพพาน ซึ่งเป็นภาวะปราศจากความมืดแห่งอวิชชา และความทุรนทุรายแห่งตัณหา สงบประณีตดีเยี่ยม

    - ครั้นเมื่อปัญญารู้ชัดเจ้าใจแจ่มแจ้งด้วยตนเองแล้ว ก็จะเกิดมีศรัทธา ที่เป็นศรัทธาอย่างยิ่ง หรือยิ่งกว่าศรัทธา หมุนเวียนกลับเป็นสัทธินทรีย์อีก ดังพุทธพจน์ท่อนสุดท้ายว่า

    "ดูกรสารีบุตร อริยสาวกนั้นแล เพียรพยายามอย่างนี้ ครั้นพยายามแล้ว ก็ระลึกอย่างนี้ ครั้นระลึกแล้ว ก็มีจิตมั่นแน่วอย่างนี้ ครั้นมีจิตมั่นแน่วแล้ว ก็รู้ชัดอย่างนี้ ครั้นรู้ชัดแล้ว ก็ยิ่งกว่าเชื่อ (อภิศรัทธา) อย่างนี้ว่า ธรรมทั้งหลาย ที่แต่ก่อนนี้ เราเพียงแต่ได้ยินได้ฟังเท่านั้น ย่อมเป็นดังนี้แล ดังเราสัมผัสอยู่กับตัวและเห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญาอยู่ในบัดนี้" (สํ.ม.19/1010-1022/297-300)

    ...........

    เราจะโต อ่านๆทำความเข้าใจข้อความที่ขีดใต้หลายๆรอบจนกว่าจะเข้าใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2017
  4. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ต่อ

    ในพุทธพจน์ แสดงปฏิปทา ๔ ว่าด้วยแนวการปฏิบัติธรรมของบุคคล ที่แตกต่างกันไปเป็น ๔ ประเภท คือ บางพวกปฏิบัติลำบาก ทั้งรู้ได้ช้า บางพวกปฏิบัติลำบาก แต่รู้ได้เร็ว บางพวกปฏิบัติสะดวก แต่รู้ได้ช้า บางพวกปฏิบัติสะดวก ทั้งรู้ได้เร็ว พระพุทธเจ้าทรงชี้แจงว่า ตัวการที่กำหนดให้รู้ช้าหรือเร็ว ก็คือ อินทรีย์ ๕ กล่าวคือ ถ้าอินทรีย์ ๕ อ่อนไป ก็รู้ช้า ถ้าอินทรีย์ ๕ แก่กล้า ก็รู้ได้เร็ว แม้แต่การที่พระอนาคามีแตกต่างกันออกไปเป็นประเภทต่างๆ ก็เพราะอินทรีย์ ๕ เป็นตัวกำหนดด้วย

    กว้างออกไปอีก ความพรั่งพร้อม และความหย่อนแห่งอินทรีย์ ๕ นี้แล เป็นเครื่องวัดความสำเร็จเป็นอริยบุคคลชั้นต่างๆ ทั้งหมด กล่าวคือ เพราะอินทรีย์ ๕ เต็มบริบูรณ์ ก็เป็นพระอรหันต์ ถ้าอินทรีย์ ๕ อ่อนกว่านั้น ก็เป็นพระอนาคามี อ่อนกว่านั้น เป็นพระสกทาคามี อ่อนกว่านั้น ก็เป็นพระโสดาบันประเภทธัมมานุสารี อ่อนกว่านั้นอีก ก็เป็นพระโสดาบันประเภทสัทธานุสารี ดังนี้เป็นต้น ตลอดจนว่า ถ้าไม่มีอินทรีย์ ๕ เสียเลยโดยประการทั้งปวง ก็จัดเป็นพวกปุถุชนคนนอก

    มีคำสรุปว่า ความแตกต่างแห่งอินทรีย์ ๕ ทำให้มีความแตกต่างแห่งผล ความแตกต่างแห่งผล ทำให้มีความแตกต่างแห่งบุคคล หรือว่าอินทรีย์ต่างกัน ทำให้ผลต่างกัน ผลต่างกัน ทำให้บุคคลต่างกัน
     
  5. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    คัมภีร์ปฏิสัมภิทามัคค์ แสดงอกุศลธรรมฝ่ายตรงข้ามที่อินทรีย์ ๕ จะกำจัด เป็นคู่ๆ จะยกมากล่าวไว้ พร้อมทั้งหน้าที่ หรือกิจของอินทรีย์เหล่านั้น ซึ่งได้กล่าวไว้แล้ว อีกครั้งหนึ่ง

    ๑. ศรัทธา เป็นใหญ่ในหน้าที่น้อมใจดิ่งหรือปลงใจให้ กำจัดอกุศล คือ ความไม่เชื่อถือ

    ๒. วิริยะ เป็นใหญ่ในหน้าที่ประคองหรือคอยยกจิตไว้ กำจัดอกุศล คือ ความเกียจคร้าน

    ๓. สติ เป็นใหญ่ในหน้าที่คอยคุ้มหรือดูแลจิต กำจัดอกุศล คือ ความประมาท

    ๔. สมาธิ เป็นใหญ่ในหน้าที่ทำจิตไม่ให้ซ่านส่าย กำจัดอกุศล คือ อุทธัจจะ

    ๕. ปัญญา เป็นใหญ่ในหน้าที่ดูเห็นตามสภาวะ กำจัดอกุศล คือ อวิชชา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2017
  6. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ขออนุโมทนากับท่าน เกิดมาจากดิน มากๆ
    ที่มีเมตตา มีน้ำใจ ยกธรรมที่พระพุทธองค์แสดงเอาไว้ มาให้อ่านกัน..ชอบครับ ปลื้มปีตีที่ได้อ่านครับ..เพราะผมไม่เคยอ่าน
    ขอบคุณอีกครั้ง ขอผลกรรมดีนี้จงมีแก่คุณมาจากดินและครอบครัว ขอให้มีความสุขสวัสดี สุขภาพร่างกายแข็งแรง ร่ำรวย ปรารถนาสิ่งใดที่ดีงาม จงสำเร็จเถิด..ปรารถนาพระนิพพาน พระพุทธะ พระจักรพรรดิ์ พระศรีอาริย์ ก็จงสำเร็จเถิดๆๆๆๆๆสาธุสาธุสาธุ
     
  7. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    มาจากดิน..
    ไอ้เถรใบลานปล่าว..บ้าแต่ตำรา ยกมาเต็มบอร์ด-ตัดแปะน่ารำคาญ-นี่บอร์ดอภิญญาสมาธิ ไม่ใช่มานั่งเรียนตำรา แปลตำราให้เป็นการกระทำให้เป็นนะ..ไอ้เพ้อเจ้อ ท่องเข้าไป-ๆๆๆ
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    มจด ไม่ยอมบอกว่าเป็น หมออะไร เอา หมอหมางัด ก๊อกก็ไม่ไข ไม่ไหล

    ก็คงต้อง เหวี่ยงแหว่า

    มจด เขาคงเป็น หมอเฉพาะทาง บางอย่าง เกิดโดยกรรม โทษกันไม่ได้

    พอไปเกิดเป็น หมอแบบนั้น ก็พยายาม รักษาโรค คนแบบ น้าจรจับ

    คนแบบน้าจรจับ จะเอาอะไรไปใช้ก็ได้ ขอให้ " ยอมนอน "

    ถ้า วันๆ น้าจร ไม่พูด ไม่เต้น ถึงเวลามากินข้าว พอได้เวลา อาบน้ำ เข้านอน

    มจด เขาก็ว่า ได้แบบนี้ น้าจรจับ ย่อมนิพพาน ( แปลว่า เย็น ) ส่งกลับบ้าน

    ก็ถูกใน มุมของ มจด และ ไม่มีทางอื่น ส่วน การออกจากสังสารวัฏ
    แบบนักธรรม มจด คงไม่ได้เจตนาปฏิเสธ แต่เพราะ หน้าที่ หรือ กรรม
    ร้อยรัด ผู้ข้อง สัตตานัง เอาไว้
     
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เออ ไอ้อาจานนิวอนกับสิด ไม่รู้จักโต ทั้งสองคนเนี่ย...สงสัยร้อนจัด จนพิษสุนัขบ้ากำเริบ...หรือไง.....ไปว่าเขา อิอิ

    อย่างน้อย มาจากดิน ก็...ไม่กำเริบ เหมือนท่านสองคนหรอก...อิอิ
     
  10. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +1,919
    ผมว่า มีไว้สอนแค่ทาน รู้จักพระรัตนตรัย กับ ศีล ก็พอ จริงๆนะ
    หรืออย่างมากก็ให้คนเลิกงมงาย วัตถุมงคล การเสกเป่า

    ไม่ต้องไปไกลถึง เรื่องภาวนา เรื่องจิต ไรพวกนี้

    เพราะๆ ดูๆจากกระทุ้ที่ผ่านๆมา คำว่าเชื่อมโยง ในความหมายของ จขกท

    ผมดูแล้วเหมือนลัทธินี้ จับเอา คำสอนของ

    พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ทรงเป็น สัพพัญญุตญาณ รู้ถึงความแตกต่าง แล้วทรงแยกส่วน มาอธิบาย โดยแยบคาย เป็นส่วนๆโดยลำดับ ดีแล้ว

    แถมสาวก ที่ร่วมสังคายนา พระไตรปิฏก ก็เป็น พระอรหันต์ ปฏิสัมภิทาญาณ ก็อธิบายเพิ่มเติมกล่าวไว้

    แล้วลัทธินี้ ก็แค่อาศัยอ่านตำรา เพียงไม่กี่บท ไม่ได้เทียบเคียง ส่วนคำสาวก ก็ตัดออก
    แล้วทึกทักไปเอง ตามระดับปัญญาทีมี ไปเหมารวมเชื่อมโยง หลายสิ่งว่าเป็นสิ่งเดียวกัน
     
  11. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    เราจะโต อ่านตำราไม่เป็นหนึ่งล่ะ สอง พอผมนำภาคปฏิบัติมาให้ดู ก็ว่า เอาสมาธินำ ไม่เอาสุตตะ ทางปริยัติ อิอิ

    ตกลง เราจะโต พูดไม่อยู่กับร่องกับรอย เชื่อถือไม่ได้ เมื่อไรจะเป็นผู้ใหญ่เสียที หือ เราจะโต อิอิ
     
  12. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ถ้าวิเคราะห์สภาพจิต จขกท.ดูแล้ว บอกได้ว่า กำลังคลั่งร้อนรนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หมายความแว้ (ว่า) :) ก่อนหน้า กท. ที่เราจะโตตั้ง หาคนสะกัดไม่ได้ พอมาเจอะคนอย่างข้าพเจ้าเข้าไป เท่านั้นแหละ กินไม่ได้นอนไม่หลับ กัดฟันกรอดๆ ยืนเดินนั่งนอนคิดอยู่คนเดียวว่า เออๆ นี่กรูจะไปรายงาน อ.คึกคักตะกั่วป่ายังไง คิดๆแล้วก็มองหาไม้จิ้มฟันเพื่อเอามาแทงเหงือกตัวเอง :) (เลือดออกไม่หยุดเสียชีวิตได้นะ ทำเป็นเล่นไป)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2017
  13. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    :mad::eek:มาจากดิน..
    ไอ้เพ้อเจ้อ..ติดแต่ตำรา มองภาคปฏิบัติจริงไม่เป็นเลย ยังบวชอยู่ใช่ไหมนี่ สึกมาเถอะเปลืองข้าวชาวบ้านเขา..ออกจากกะลาซะทีไป
     
  14. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    แล้วที่เราจะโตเอามา นอกตำราใช้ไหม ไม่ได้เอามาจากตำราใช้ไหม
     
  15. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    นี่ใช่ปฏิบัติจริงไหม ? มีในตำรา หรืออยู่นอกตำรา อ้าวดู

    ปัญหาในการนั่งสมาธิค่ะ เพิ่งจะเกิดอาการตอนปีนี้ เป็นทุกครั้งที่นั่งสมาธิเลยรู้สึกกลัวที่จะนั่งไปเลย
    คือว่าพอนั่งไปสักพัก พอจิตเริ่มจะนิ่งๆ แขนซ้ายเราก็จะขยับได้เอง แรกๆเราก็ตกใจสงสัยว่าจะขยับไปไหน
    เราเลยปล่อยให้มันขยับแล้วส่งจิตตามดูค่ะ ปรากฏว่ามือขยับไปปิดหู เลื่อนมาปิดปาก จมูก ตา แล้ววนมาปิดหู
    วนไปวนมาอย่างนั้นไม่ยอมหยุด เราเมื่อยมากค่ะ บางทีครึ่งชั่วโมงผ่านไปแขนเราก็ยังไม่ยอมหยุดหมุน
    เราเคยใช้มืออีกข้างดึงมือซ้ายเราลงมาทำท่านั่งสมาธิใหม่ แต่พอเราปล่อยมือ มือเรามันก็เหมือนโดนปัดกลับไปทำแบบเดิมๆอีก
    บางทีเราเริ่มโมโหดึงแขนเรากลับมา แต่มันก็ปัดกลับไปปิดหูตาจมูกปากเราเหมือนเดิม ซึ่งตัวเราเองก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร

    ถ้ามองแบบวิทยาศาสตร์ เราว่าเราก็คงมีปัญหาตรงที่จิตไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนย้ายของร่างกายได้ สรุปว่า เราเป็นผู้ป่วยโรคจิต??
    ถ้ามองแบบศาสนาการฝึกปฏิบัติธรรม: อุปสรรคระหว่างนั่ง จิตปรุง เกิดได้กับทุกคน?? เราอยากทราบว่าอาการแบบนี้หมายถึงอะไร
    เราควรหยุดชั่วคราวก่อน หรือฝึกต่อไป ทำอย่างไรดี??

    ตอนนั่งเราก็พิจารณาคิดถึงลมหายใจเข้าออกๆ พอมันเป็นแบบนี้เราก็กลัว เพราะเรามั่นใจว่ากายเรามันไม่ได้ไปด้วยกันกับจิต
    เราสวดมนต์นั่งสมาธิเดินจงกรมตลอด อาจไม่ได้ทำทุกวันแต่ก็ฝึกตลอดสม่ำเสมอมาสิบกว่าปี
    ยิ่งตอนนี้เราปฏิบัติเองอยู่ที่บ้านเรายิ่งกลัว ไม่ทราบว่าเราควรแก้ไขอย่างไรดีคะ
    ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ ดูว่าจะทำไปได้แค่ไหน หรือว่าถ้าเป็นแบบนี้อีกให้ลืมตารีบออกจากสมาธิเลย
     
  16. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    มาจากดิน..
    ไอ้เพ้อเจ้อ..ติดแต่ตำราปลอมปน-ในพระไตรปิฏก มองภาคปฏิบัติจริงไม่เป็นเลย ยังบวชอยู่ใช่ไหมนี่ สึกมาเถอะเปลืองข้าวชาวบ้านเขา..ออกจากกะลาซะทีไป
     
  17. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ที่ถามข้างบน ไม่ตอบ คิกๆๆ

    เราจะโต ภาคปฏิบัติจริงตามที่ตัวเองมโนเปนยังไงรึ ตอบชัดๆสิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...