พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติกับ"ศาสนา" เฉยๆ!? ต่างกันยังไง

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย paang, 19 มีนาคม 2007.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    <TABLE style="WIDTH: 100%" cellSpacing=1 cellPadding=1 border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD>

    [​IMG]



    ประเทศไทยคือ "ศูนย์กลางพระพุทธศาสนา" ของโลก มีรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ กำหนดไว้ด้วยความภาคภูมิใจว่า "พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ" แต่คงเป็นเพราะคนไทย "เข้าถึง" ความเป็นพุทธะกันลึกซึ้งถ้วนทั่ว เข้าถึงจนเข้าสู่ภาวะนามธรรม พุทธะอยู่ที่ใจ กันแล้ว

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผมว่าคนไทยนี่โชคดี เพราะใน ๓๖๕ วัน แต่ได้ฉลองวันปีใหม่กันตั้ง ๓ ปีใหม่ คือ New Year วันที่ ๑ มกรา แล้วก็มา ตรุษจีน ปีนี้วันที่ ๑๘ กุมภา แล้วก็ไปเฮฮา สงกรานต์ วันที่ ๑๓ เมษา

    คิดแล้วก็อิจฉาตัวเองที่ได้เกิดเป็นคนไทย-คนไทยที่ ๑ ปีมีปีใหม่ ๓ ครั้ง แถมเป็นคนไทยที่ "ใจกว้าง" ที่สุดกว่าบรรดาคนทุกชาติ-ทุกภาษาในโลก
    ก็ขนาดเป็นที่รู้กันเป็นสากลไปทั้งโลกว่า ประเทศไทยคือ "ดินแดนที่พระพุทธศาสนาตั้งมั่น" หรืออีกนัยหนึ่ง

    ประเทศไทยคือ "ศูนย์กลางพระพุทธศาสนา" ของโลก มีรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ กำหนดไว้ด้วยความภาคภูมิใจว่า

    "พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ"

    แต่คงเป็นเพราะคนไทย "เข้าถึง" ความเป็นพุทธะกันลึกซึ้งถ้วนทั่ว เข้าถึงจนเข้าสู่ภาวะนามธรรม พุทธะอยู่ที่ใจ กันแล้ว

    เหตุนั้น รัฐธรรมนูญยุคหลังๆ นับแต่ "รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน" พ.ศ.๒๕๔๐ มานี่ ก็เลยเป็นพุทธกันอยู่ในใจ ไม่ประกาศตนให้ประจักษ์ไว้ในรัฐธรรมนูญเหมือนแต่ก่อน!?

    นี่ได้ข่าวว่ารัฐธรรมนูญใหม่ที่กำลังร่างกันอยู่ คณะผู้ร่างต่างเห็นดี-เห็นงามว่า คงไม่ต้องระบุนาม "พุทธศาสนา" ไว้ในบรรทัดใดๆ ของรัฐธรรมนูญเช่นกัน
    เมื่อจะเอ่ยถึงประเด็นที่เกี่ยวโยงถึงพุทธศาสนา จะก็เอ่ยถึงด้วยความเกรงอก-เกรงใจ (กับใครไม่รู้?) หรือละไว้ในฐานที่ต่างคนต่างเข้าใจกันเอาเอง ด้วยคำกลางว่า

    "ศาสนา" เฉยๆ!?

    ก็..พุทธอยู่ที่ใจแล้วนี่..เนอะ ต้องเขียนให้รกหู-รกตาไว้ในรัฐธรรมนูญทำไม?
    คนไทย "ใจเข้าถึงพุทธะ" กันหมดแล้ว จนไม่ต้องเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือเป็นเพราะคนไทยวันนี้ ใจจืดจางในคุณค่า "พุทธศาสนา" ถึงขนาดเกิดทัศนคติทวนย้อนว่า

    มี กับ ไม่มี ต่างกันตรงไหน?

    "พระพุทธศาสนา" ที่เกิดมาคู่กับความเป็น "แผ่นดินไทย" และเกิดมาคู่กับ "พระเจ้าแผ่นดินไทย" นับแต่กษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย ส่งทูตไปนิมนต์พระสงฆ์เถรวาทจากลังกา ที่เดินทางมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาและอยู่ที่นครศรีธรรมราช-อาณาจักรศรีวิชัย อันล่วงแล้วกว่าพันหกร้อยปีนั่นแหละ

    ถึงยุคไทยทักษิโณมิกส์พอเพียง "สุรยุทธ์ผสมพันธุ์สมคิด" ก็ยังไม่ฉุกคิด หรือตะขิดตะขวงใจว่า การตัดคำว่า "พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ" ทิ้งไปนั้น
    เป็น "ทุติยกรรม" แห่งการผ่าตัดเอาความเป็น "หน่อเนื้อไทยพุทธศาสน์" ให้ค่อยๆ แยกออกจากกัน!?

    เหมือนรอยร้าวเล็กๆ ในร่องหิน วันนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร แต่น้ำที่ซึมไหลผ่านรอยร้าวร่องหินนั้น วันแล้ว..วันเล่า ภูผาหินทั้งลูกยังพังทลายได้ ฉันใด
    นี่ก็ฉันนั้น รอยร้าวเล็กๆ แห่งการเลือนหายไปของคำว่า "พุทธศาสนา" ในรัฐธรรมนูญไทยวันนี้ คือจุดเริ่มต้นแห่งการซึมเซาะแห่ง ลัทธิ ศาสนา นิกาย ศรัทธา และความเชื่อ นอกเหนือจาก "พุทธะ"

    สิ่งอันมิใช่พุทธะนั้น จะค่อยๆ เบียดแทรก กระแทก "พุทธะ" ให้กระจายจาก "ภาวะสหชาติ" ระหว่าง "กษัตริย์-พุทธศาสน์" ให้เกิดภาวะใหม่แห่ง
    "แผ่นดินไทย" อันจะไม่เหมือนเดิม!

    เมื่อเราแยก "ไทย" อันมีความผูกพันตรงถึงสถาบันกษัตริย์ออกจาก "พุทธะ" ไว้ให้เห็นเป็นหน่อแนวในรัฐธรรมนูญวันนี้ เช่นนี้แล้ว

    ฉะนั้น วันข้างหน้า ท่านทั้งหลายหลับตาเห็นภาพใช่ไหม ว่าใคร..คิดแอบแฝง คิดจงใจ คิดซื่อใส หรือโง่งมแล้วอวดหยิ่งบรรลัย ที่ตัดพุทธศาสนาออกไปจากรัฐธรรมนูญไทยนั้น

    จะไม่นำชาติไทยไปสู่ความเป็นอื่นในอนาคต?!

    ผมอยู่ว่างๆ ในขณะที่แผ่นดินว่างรัฐธรรมนูญ ก็เอารัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ มาพลิกดู ยังโชคดีที่มาตรา ๙ ยังระบุไว้ว่า

    "พระมหากษัตริย์ทรงเป็น พุทธมามกะ และทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก"

    ก็หวังว่า รัฐธรรมนูญที่กำลังร่างใหม่จะยังคงมาตรานี้เอาไว้!

    ผมก็คิดต่อว่า จะเป็นแผน "บันไดสามขั้น" ของใครหรือเปล่ามิทราบ คือขั้นแรก ตัดคำว่า "พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ" ทิ้งไปแล้ว

    ขั้นที่สอง ก็ไม่ทราบว่าในภายภาคหน้า เมื่อมีการฉีก-มีการร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่อีก จะมีผู้ใดเกิดความคิดทันสมัยเป็นการรุกคืบขึ้นมาอีกว่า

    "เอ๊ะ..ก็ในมาตรา ๓๘ ว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย บอกไว้ว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการถือศาสนา.......
    "
    ฉะนั้น กับความในมาตรา ๙ ก็น่าจะขยับกรอบให้สอดคล้องกับมาตรา ๓๘ นี้!?!?

    ครับ..อย่าทำเป็นเล่นไป มันก็ในลีลาน้ำเซาะตามซอกหินนั่นแหละ ใครจะรับประกันได้ว่า เมื่อลบคำว่าพุทธศาสนาออกไปได้แล้ว

    ต่อไปจะไม่คืบคลานมาแตะต้องมาตรา ๙ ?

    และบันไดขั้นที่สาม ผมลองพลิกๆ ดูมาตรา ๖๖ ว่าด้วยหน้าที่ของชนชาวไทย มีความว่า

    "บุคคลมีหน้าที่รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้"
    เห็นมั้ยล่ะ มันมีเงื่อนไขที่ใครก็ได้สามารถแอบจิตยกขึ้นมาอ้างได้ว่า ความในมาตรา ๙ น่าจะไม่สอดคล้องกับสิทธิเสรีภาพของชนชาวไทย และขัดแย้งกับบางมาตรา เช่น มาตรา ๓๘ และมาตรา ๖๖!

    เพราะมาตรา ๓๘ ก็ดี มาตรา ๖๖ ก็ดี ระบุแต่เพียงคำว่า "ศาสนา" คือหมายถึงศาสนาอะไรก็ได้

    ครั้นถึงมาตรา ๙ กลับเจาะจงว่า "พุทธมามกะ"

    เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาเหล่านั้น ในวันใดวันหนึ่งก็อาจยกเป็นเหตุถึงความไม่สอดคล้องกัน

    แก้ไขตรงประเด็น พุทธมามกะ ให้เป็นอย่างอื่นที่สอดรับกับคำกลางๆ
    คือคำว่า "ศาสนา" อันหมายถึงศาสนาอะไรก็ได้นั้น!!!

    นี่..ผมอ่านแล้วก็ต้องคิดหนัก มองเฉพาะวันนี้อาจยังไม่ต้องคิด แต่มองยาวไปข้างหน้า มองไปภายใต้คำว่า "เพื่อเป้าหมายสูงสุด ร้อยปีก็ไม่มีสาย"

    ไม่สบายใจครับ..ไม่สบายเอามากๆ ด้วย!

    ยิ่งดูตาม-คิดตามในมาตรา ๖๖ ผมก็ยิ่งไม่มั่นใจว่าในอนาคต คำว่า "ชาติ-พุทธศาสนา-พระมหากษัติย์" จะเป็นคำที่ "ผูกรัด" อยู่ในใจคนไทยได้ต่อไปอีกหรือไม่?

    เพราะที่รัฐธรรมนูญระบุว่า "บุคคลมีหน้าที่รักษาไว้ซึ่งชาติ" ก็พอเข้าใจและอุ่นใจได้ว่า ถึงอย่างไรคำว่า "ชาติ" ตรงนี้นั้น เป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก "ชาติไทย-ประเทศไทย"

    และตรงคำว่า บุคคลมีหน้าที่รักษาไว้ซึ่งพระมหากษัตริย์ ตรงนี้ก็พอเข้าใจได้ อุ่นใจได้ เพราะมีมาตราอื่นสอดรับกันอยู่ จะเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นไปไม่ได้
    แต่ตรงคำว่า บุคคลมีหน้าที่รักษาไว้ซึ่งศาสนา ตรงนี้ซีครับ น่าจะมีปัญหาบนความ "สับสน" ทางปฏิบัติว่า

    "รักษาไว้ซึ่งศาสนา..." นั้น ก็ศาสนาไหนล่ะครับที่จะให้ "ชนชาวไทย" รักษาไว้?

    เหมือนเอ่ยคำว่ารัฐธรรมนูญ มันจะเป็นรัฐธรรมนูญอะไรของประเทศก็ไม่รู้?
    อย่างของเรา ยังระบุไว้เลยว่า "รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐"

    แล้วนี่ ในเนื้อหารัฐธรรมนูญแท้ๆ กลับเขียนให้ "ตีความชิงชาติ" กันด้วยคำกลางว่า "ศาสนา...." เฉยๆ ซึ่งขาดเจตนารมณ์บริสุทธ์เพื่อการปฏิบัติของคนในชาติ

    ท่านที่ร่างรัฐธรรมนูญกันอยู่ขณะนี้ ถ้าจะยกบางหมวด บางมาตราในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๔๐ ไปใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผมว่า "คิดใคร่ครวญ-คิดทบทวน" ในประเด็น "ศาสนา" ซักหน่อยดีไหมครับ? ยังไงๆ ผมก็เห็นว่า คำว่า "พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ" สมควรคงอยู่-คู่กันไปกับ สถาบันชาติ และสถาบันกษัตริย์

    เราร่างรัฐธรรมนูญกันจนนำชาติ นำสถาบันกษัตริย์ "ทิ้งฝั่ง" คือ "พุทธศาสน์" ออกทะเลลึกกันไปทุกขณะแล้ว

    ทิ้งห่างจน "สังคมชาติเคว้งคว้าง" แล้วก็ยังไม่รู้ตัว!

    ตอบได้มั้ย..ในมาตรา ๖๖ นั่นน่ะ "บุคคลมีหน้าที่รักษาไว้ซึ่งศาสนา" นั่นคือ "ศาสนาอะไร?" ที่ให้คนไทยรักษาให้คงอยู่คู่กับความเป็นประเทศไทย-ชาติไทย?

    ต้นไม้ต้นหนึ่งมีหลายราก แต่ "รากแรก" ที่หล่อเลี้ยงให้ต้นเติบโต และดำรงอยู่คือ "รากแก้ว"

    "ศาสนาประจำชาติ" ของแต่ละชาติ ก็เช่นนั้น!

    แล้วชาติไทยเราล่ะ..? ตัดรากแก้ว แล้วฟูมฟัก "รากฝอย" จนหาฝั่งฝาไม่เจอ อย่างนี้ "ประเทศไทย" จะไม่เปลี่ยนไปในอนาคตได้อย่างไรกัน?!.




    เปลวสีเงิน
    [​IMG]
    17 กุมภาพันธ์ 2550
    กองบรรณาธิการ
    หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์

    http://www.bpct.org/index.php
     
  2. sacrifar

    sacrifar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +3,221
    "แต่คงเป็นเพราะคนไทย "เข้าถึง" ความเป็นพุทธะกันลึกซึ้งถ้วนทั่ว เข้าถึงจนเข้าสู่ภาวะนามธรรม พุทธะอยู่ที่ใจ กันแล้ว

    เหตุนั้น รัฐธรรมนูญยุคหลังๆ นับแต่ "รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน" พ.ศ.๒๕๔๐ มานี่ ก็เลยเป็นพุทธกันอยู่ในใจ ไม่ประกาศตนให้ประจักษ์ไว้ในรัฐธรรมนูญเหมือนแต่ก่อน!?"


    อันนี้คงจะเป็นข้ออ้างของผู้ใหญ่นิสัยไม่ดีบางคนนะครับ


    ตอบได้มั้ย..ในมาตรา ๖๖ นั่นน่ะ "บุคคลมีหน้าที่รักษาไว้ซึ่งศาสนา" นั่นคือ "ศาสนาอะไร?" ที่ให้คนไทยรักษาให้คงอยู่คู่กับความเป็นประเทศไทย-ชาติไทย?

    ขนาดผู้ใหญ่ระดับนั้นกันแล้วยังร่างกันไม่รัดกุม เฮ้อ หรือเพราะฉลองปีใหม่กันบ่อยไปหน่อย (อ่าว นอกเรื่องแล้ว)
     
  3. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    คุณเปลวสีเงินเขียนได้ตรงใจจริงๆ ....



    .
    .
     
  4. toottoo

    toottoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    720
    ค่าพลัง:
    +3,254
    อืม ...งงกันไปเลย
    นี่เมื่อไหร่จะเห็นร่างที่จะให้ประชามติล่ะเนี่ย
     
  5. wudiman

    wudiman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +1,333
    อนุโมทนา ด้วยครับ กายผมเป็นพุทธ วาจาผมเป็นพุทธ ใจผมเป็นพุทธ แม้ไม่มีในรัฐธรรมนูญ ผมก็เป็นพุทธครับ

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    * พระพุทธเจ้า ทรงนำทางชีวิตให้เราได้พบกับแสงสว่าง
    * พระธรรม ให้เราได้เรียนรู้ความรัก ความเมตตากรุณา ต่อเพื่อนมนุษย์ และปัญญาแห่งการบรรลุธรรม
    * พระสงฆ์ คือ ผู้ที่มีชีวิตเป็นตัวอย่างให้เราได้เห็นถึง ชีวิตที่บรรสานสอดคล้องกับธรรมชาติและปฏิบัติกับเพื่อนมนุษย์ด้วยความรัก ความเมตากรุณา และด้วยความตื่นอยู่เสมอ
     
  6. herinesga

    herinesga สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +2
    อ่านบทความที่ตัดมานี้แล้วรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากครับ ในฐานะที่ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนาและไม่ได้นับถือศาสนาใดๆ อ่านแล้วไม่สบายใจอย่างมาก

    "แต่คงเป็นเพราะคนไทย "เข้าถึง" ความเป็นพุทธะกันลึกซึ้งถ้วนทั่ว เข้าถึงจนเข้าสู่ภาวะนามธรรม พุทธะอยู่ที่ใจ กันแล้ว"

    อ่านถึงตรงนี้ แค่นี้ก็อึ้ง แล้วก็งงแล้วครับ จริงหรือที่ว่าคนไทยทุกคนเข้าถึงพระพุทธศาสนา การอ้างว่าศาสนาใดเป็นศาสนาหลักประจำชาติจนลืมนึกถึงคนที่นับถือศาสนาอื่นๆ ผมว่าเป็นการอ้างที่ใจแคบเกินไปนะครับ แม้ว่าคนไทยส่วนใหญ่จะนับถือพระพุทธศาสนาก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าทุกคนเค้าจะอินไปกับศาสนาเดียวกันหมด แม้กระนั้น คนที่เป็นพุทธมามกะเองก็ใช่ว่าจะเข้าถึงกันอย่างถูกต้องทุกคน

    "พระพุทธศาสนา" ที่เกิดมาคู่กับความเป็น "แผ่นดินไทย" และเกิดมาคู่กับ "พระเจ้าแผ่นดินไทย" นับแต่กษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย ส่งทูตไปนิมนต์พระสงฆ์เถรวาทจากลังกา ที่เดินทางมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาและอยู่ที่นครศรีธรรมราช-อาณาจักรศรีวิชัย อันล่วงแล้วกว่าพันหกร้อยปีนั่นแหละ

    เป็นจริงอยู่ที่ว่าพระพุทธศาสนาสร้างชาติไทย แต่หากจะนับดูจริงๆแล้ว บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ที่ร่วมสร้างชาติมาก็หาได้นับถือพระพุทธศาสนาไม่ ทหารต่างชาติ ขุนนางต่างชาติ ทั้งฝรั่ง ญี่ปุ่น ก็ใช่ว่าเข้ามารับราชการในสมัยอยุธยาแล้วจะเปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนาก็หาไม่

    อย่างไรเสีย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอนิจจัง ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้ ทุกสิ่งก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามไตรลักษณ์ การยึดมั่นถือมั่นใดๆก็ไม่ส่งผลดี แต่การที่อ้างว่า "สิ่งอันมิใช่พุทธะนั้น จะค่อยๆ เบียดแทรก กระแทก "พุทธะ" ให้กระจายจาก "ภาวะสหชาติ" ระหว่าง "กษัตริย์-พุทธศาสน์" ให้เกิดภาวะใหม่แห่ง "แผ่นดินไทย" อันจะไม่เหมือนเดิม!" ตรงจุดนี้หมายความว่าอะไรครับ? ผมไม่แน่ใจว่าคุณคนเขียนคอลัมน์ต้องการจะสื่ออะไร ผมเข้าใจไปเองว่าเขากำลังบอกว่า
    -สิ่งที่ไม่ใช่พุทธะ จะพาชาติเปลี่ยนแปลงไป วิบัติไปจนไม่เหมือนเดิม ไม่คงความเป็นไทยเหมือนเดิม
    -การพูดแบบนี้ แสดงว่าศาสนาอื่นไม่ดีในแง่ของความเหมาะสมกับสังคมไทยที่มีรากฐานมาจากพระพุทธศาสนา

    การอ้างแบบนี้ค่อนข้างน่ากลัวนะครับ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมมองแคบกันจังเลย ไม่นึกถึงความหลากหลายและความสำคัญของศาสนาอื่นที่อยู่ในสังคมบ้างเลยนะครับ คนไทยส่วนใหญ่คงไม่เข้าใจว่ามันแย่แค่ไหน ที่วันสำคัญทางศาสนาอื่นกลายเป็นวันธรรมดา ไม่ได้หยุดราชการ ไม่ได้หยุดไปทำศาสนกิจอย่างที่ควรจะหยุด วันคริสต์มาส วันถือศีลอด ...

    "รักษาไว้ซึ่งศาสนา..." นั้น ก็ศาสนาไหนล่ะครับที่จะให้ "ชนชาวไทย" รักษาไว้?

    ข้อความนี้ต้องการจะสื่ออะไร ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ แต่เหมือนเขาต้องการยืนยันอย่างเดียวว่า "พุทธะonly" ... อ่านแล้วเหนื่อยใจจริงๆนะครับ ผมอยากเห็นสังคมไทยอยู่ด้วยกันด้วยความหลากหลายและความเข้าใจกัน ไม่ใช่ยึดมั่นถือมั่นกับข้ออ้างเดาๆที่บอกว่าอะไรเคยสร้างมาก็ต้องดี ... ในปัจจุบันนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าความหลากหลายมันก็อยู่ได้ดี แต่ที่มันแหลกเหลวน่าจะเป็นเพราะจุดประสงค์ของศาสนามันเปลี่ยนไปไม่ใช่เหรอครับ กลายเป็นการนับถือสิ่งก่อสร้าง รูปปั้น หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ศักดิ์สิทธิ์ แล้วหลักธรรมต่างๆล่ะครับที่เป็นแกนหลักของศาสนาเอาไปไว้กันตรงไหน แล้วสังคมมันจะดีได้อย่างไรล่ะครับถ้ามัวแต่ห้อยพระเครื่องแต่ไม่ได้สนใจจะปฏิบัติตนตามหลักธรรมเลย
     
  7. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,238
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +114,964
    ผมว่าอำนาจเงินมันหนากว่าหน้าคนร่างรัฐธรรมนูญนะครับ จริงๆ แล้วเด็กสมัยนี้ท่องนะโม ตัสสะ ยังไม่ค่อยเข้าใจถึงความตรัสรู้ดีของพระพุทธเจ้าเลย ผมว่าคนไทยสมัยนี้ หาคนที่จริงใจยากครับ เพราะทุกคนก็เห็นตัวกันมากขึ้นทุกวัน ศาสนาพุทธจริงถูกศาสนาอื่นๆ รังแกอย่างเช่นทุกวันนี้ครับ สุดท้ายคงจะกลายเป็นใกล้เกลือกินด่าง ต่างชาติหันมานับถือศาสนาพุทธ แต่คนไทยกลับถือศาสนาอื่นแทนครับ
     
  8. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    อ้างอิง : คุณ lepus

    พูดเรื่องอิจฉาๆแล้ว พานนึกถึง ล่างนี้น่ะค่ะ

    คัดจากพระราชนิพนธ์ใน ร. ๔ ....
    ประกาศพระราชทานส่วนกุศลทรงบริจาคเพชรใหญ่ประดับอุณาโลมพระแก้วมรกต
    ประชุมประกาศรัชกาลที่ ๔ เล่ม ๑ องค์การค้าของคุรุสภา, ๒๕๒๘, หน้า ๘๒

    ความว่า

    ".........การพระราชบริจาคอันนี้ทรงพระราชดำริเห็นว่า
    ไม่ขัดขวางเป็นเหตุให้ท่านผู้ใดขุ่นเคืองขัดใจเลย พระนครนี้เป็นถิ่นของคนนับถือพระพุทธศาสนามาแต่เดิม ไม่ใช่แผ่นดินของศาสนาอื่น คนที่ถือศาสนาอื่นมาแต่อื่นก็ดี อยู่ในเมืองนี้ก็ดี จะโทมนัสน้อยใจด้วยริษยาแก่พระพุทธศาสนาเพราะบูชาอันนี้ไม่ได้ ด้วยไม่ใช่เมืองแห่งศาสนาตัวเลย ถ้าโทมนัสก็ชื่อว่าโลภล่วงเกินไป........"



    เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 ครับ แผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินของชาวพุทธ ไม่ใช่แผ่นดินของคนที่นับถือศาสนาอื่น เมื่อเทียบเคียงกับเรื่องการเรียกร้องให้รัฐธรรมนูญบัญญัติว่า

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2007
  9. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    คุณ herinesga ควรอ่านพระราชดำรัสของ ร.4 ตามที่คุณ tamsak ยกมาให้ข้างบนครับ รวมถึงพระราชดำรัสของพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์อื่นๆ ที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาด้วยครับ
     
  10. sukp

    sukp Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +95
    คุณ herinesga คุณเป็นคนไทยหรือเปล่า คุณแน่ใจแล้วหรือ ว่าคุณไม่ได้นับถือศาสนาใดๆ รวมถึงศาสนาพุทธ แสดงว่าที่คุณมาเป็นสมาชิกเวปพลังจิต ซึ่งเป็นเวปพุทธศาสนาโดยเฉพาะนี่....อืมม ต้องการศึกษาศาสนาเปรียบเทียบหรือคะ แล้วได้ความรู้บ้างไหมคะ ถ้าคุณเป็นคนไทย คุณน่ารู้และเข้าใจถึงรากวัฒนธรรมของไทยที่ผูกพันกับพุทธศาสนามาช้านาน บรรพกษัตริย์ไทยทุกพระองค์ล้วนแล้วแต่ทรงเป็นพุทธมามกะ ส่วนท่านจะเข้าถึงอย่างถูกต้องหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องของคุณ
    ถ้าคุณเป็นคนไทย ผืนดินที่คุณเหยียบอยู่นี่เหล่าบรรพชนใช้เลือดเนื้อแลกมา เพื่อให้สามสถาบันคงอยู่ ทั้งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พูดถึงศาสนาก็ต้องหมายถึงพุทธนั่นเอง ดิฉันว่า ถ้าคุณไม่นับถือพุทธหรือศาสนาอื่นใดจริง ก็อยู่เฉยๆเสีย อย่าทำมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ
     
  11. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ใจเย็น ๆ ครับ ทุก ๆ ท่าน

    ผมว่าตอนนี้ เราชาวพุทธควรเคลื่อนไหวอย่างมีสติ และ ไม่ใช้อารมย์นะครับ

    เพราะ ฝ่ายที่เขาจะคัดค้านเนี่ย เขารอให้เราใช้อารมย์นำอยู่แล้วครับ

    ดังนั้น ต้องมีสติให้มากขึ้นครับ

    ถ้าเขายั่วยวนมา เราก็ต้องตอบกลับด้วยเหตุผลครับ

    ยิ่งเหตุผลเรายิ่งดีเท่าไร เขาก็จะยิ่งจนมุมเราเท่านั้นครับ

    ดังนั้น สติ ต้องมาก่อนอารมย์นะครับ


    ผมมีการบ้าน อยากจะให้ทุก ๆท่าน ช่วยเหลือดังนี้

    1.. จากที่เห็นข่าวเมื่อวาน คุณ นรนิติ เศรษฐบุตร ที่เป็นประธานยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้รับทราบแล้วว่า มีการเสนอประเด็นบรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ

    คุณ นรนิติ บอกว่า

    1.1 ต้องกลับไปดูว่า รัฐธรรมนูญ 16 ฉบับก่อนหน้านั้น มีเหตุผลอะไรทำไมถึงไม่บรรจุคำว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ

    1.2 แล้วประเทศอื่นที่เขามีศาสนาประจำชาติเพราะอะไร


    ดังนั้น


    2.1 ผมอยากให้ทุก ๆ ท่านที่มีญาติพี่น้อง หรือคนรู้จักในต่างประเทศ ทุกประเทศ โดยเฉพาะ ประเทศที่เป็น ศาสนาอื่น ๆ ให้ช่วย ค้นหารัฐธรรมนูญของประเทศนั้น ๆ มา

    โดยเฉพาะ หมวดศาสนาประจำชาติ แล้วเอามาเผยแพร่ในเวปนี้ ว่าทำไม เขาถึง บรรจุศาสนาประจำชาติได้


    เช่นประชากรที่นับถือศาสนาประจำชาติมีอยู่จำนวนเท่าไร ต่อ ประชากรทั้งหมด คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์

    เช่นอย่างประเทศ บรูไน เขาประกาศตัวมีศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ เขามี คนมุสลิม 90กว่าเปอร์เซ็นต์ คนจีน 5เปอร์เซ็นต์ แบบนี้หละครับ

    และ ก็เหตุผลรองอื่น ๆ เช่น วัฒนธรรมประจำชาติ เหตุผลประมาณนี้หละครับ



    2.2 ลองค้นหาเหตุผล ดูว่า ทำไมรัฐธรรมนูญของไทยเมื่อ 16 ฉบับที่ผ่านมาแล้ว จึงไม่บัญญัติคำว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ เพราะอะไร

    กรุณา หลีกเลี่ยงอารมย์ส่วนตัวให้มากที่สุดนะครับ เพราะ ฝ่ายค้านเขารอเล่นประเด็นนี้อยู่แล้ว ควรจะหาเหตุผลที่สมควร



    ถ้าเรา ทำได้อย่างข้อ 2.1 และ 2.2 ที่ผมเสนอไปได้มากเท่าใด เราจะยิ่งมีภาษีและแต้มต่อในการซักค้าน พวกฝ่ายค้านมากเท่านั้นครับ
     
  12. lomnow

    lomnow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +353
    ในอดีต ของแผ่นดินนี้ ที่เราอาศัย บรรพบุรุษ ได้เสียสละเลือดเนื้อ เพื่อคงไว้ซึ่ง ความเป็นชาติ ความเป็นพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์
    แม้แต่ องค์พระมหากษัตริย์เอง ในอดีต ยังประกาศก้องเพื่อปกป้องแผ่นดินนี้ให้คงอยู่เพื่อ สืบต่อพระพุทธศาสนาให้มั่นคง ถาวร

    ผมเองได้เกิดบนแผ่นนี้ จะรักษา และบำรุง พระพุทธศาสนา ตามเจตนารมณ์แห่งบรรพบุรุษ

    เกิดมาพบพระพุทธศาสนา นั้นแสนยากนัก
     
  13. ณ ปลาย

    ณ ปลาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +638
    แต่ก่อน ..งง กับการเรียกร้องให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ เพราะคิดว่าเป็นอยู่แล้ว ไม่ทราบว่ารัฐธรรมนูญฉบับไหน ถอดศาสนาพุทธออกไปแต่เมื่อใด

    การร่างกฏหมายให้เอาศาสนาพุทธออกจากความป็นศาสนาประจำชาติ ทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายต่างๆ ตามมา

    เพราะตามหลักการปกครอง ควรมีศาสนาประจำชาติ เพื่อยุติหรือป้องกันปัญหาอื่นๆ ที่จะตามมา อย่างที่ประเทศอื่นๆ กำลังได้รับ

    ...การตีความว่าประชาชนประเทศไทย มีสิทธิ์เสรีในการนับถือศาสนานั้น เป็นคนละประเด็นต่อการที่มีศาสนาใดศาสนาหนึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ

    การพยายามเอาศาสนาพุทธออกจากการเป็นศาสนาประจำชาติ และยังคงมีคลื่นใต้น้ำที่จะผลักกดันให้ไทยหลุดออกไปจากความเป็นพุทธนั้น มีมาช้านาน และถึงเวลาที่จะให้ไทยกลับมามีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติอีกครั้ง

    ทั้งนี้ ที่มาโพสต์ไม่ใช่ว่าทำเพื่อไทยพุทธเท่านั้น แต่เพื่อไทยศาสนาอื่นๆ ด้วย จะได้มีสิทธิ์เสรีได้ตามควร เพราะหากไม่มีแผ่นดินอยู่ แล้วจะไปนับถือศาสนากันที่ไหนได้ล่ะ คงต้องอยู่กับแบบสัตว์เดรัจฉาน เพื่อการมีชีวิตรอดท่ามกลางแผ่นดินอันร้อนระอุในสงคราม (ทุกรูปแบบ)

    ไม่อยากให้อเมริกาแทรกแซงไทยออย่างอิรัก และอ้างว่าการก่อการร้ายนั้นเกินชาวไทยจะแก้ปัญหากันเองได้

    ไทยเป็นพุทธนั้นดีอยู่แล้ว เพราะมีอิสระจะให้คนในประเทศมีอิสระในการนับถือศาสนาได้ตามที่ตัวเองต้องการ

    ศาสนาจะเกิดขึ้นได้ เมื่อประชาชนในประเทศไม่ทุกข์ยากจนขนาดจะศึกษาสัจธรรมไหว (จากศาสนาอะไรก็ได้ ที่สอนไม่ผิด) เพราะลำพังจะเอาชีวิตรอดยังยาก

    ประเทศที่ถูกอิสลาม (ไม่แท้) ยึด ก็เห็นกันอยู่แล้ว ว่าแต่ละประเทศต้องเผชิญปัญหามากมายขนาดไหน ทำได้แค่อ้อนวอนร้องขอต่อพระเป็นเจ้า แต่ไม่มีโอกาสจะเข้าถึงพระเป็นเจ้าได้เลย

    หากเห็นว่าเป็นการปรามาสใครมา ณ ที่นี้ ต้องขออภัยอย่างสูง

    ......

    โลกไม่ใช่มีแค่ปรมัตถ์ แต่ยังมีสมมุติที่อยากแก่การหลุดออกมา
     
  14. ๋Zeus@

    ๋Zeus@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +1,960
    ไม่สนใจความแตกต่างครับ

    เพราะผมนับถือพุทธ
    คุณเชื่อไหมชาวไทยพุทธ
    ร้อยละ 50 ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีตัวจริง ๆ ในอดีต
    ร้อยละ 70 ไม่เชื่อว่านั่งสมาธิมาก ๆ จะมีญาณหรือฤทธิ์ ทั้งที่เป็นคำสอนชัดเจน
    ร้อยละ 80 ไม่เชื่อว่านรกสวรรค์มีจริง อย่างมากบอกอยู่ในใจ
    ร้อยละ 90 ไม่เชื่อว่าทำไปเพื่อนิพพาน ส่วนใหญ่บอกเพื่อมีความสุข

    แล้วจะเอาอะไร จะนับถือไปทำไม ถ้าไม่เชื่ออะไรเลย เลือกจะเชื่อแต่สิ่งที่พอใจ

    ศีล 5 มีนับถือเยี่ยงชีวิตกันกี่คน นับให้หน่อย
    สมาธิ มีใครนั่งบ้าง กี่คน
    ปัญญา มีใครมีดวงตาเห็นธรรมบ้าง
    แค่ถามก็หาว่าผมบ้าแล้ว...
     
  15. ภีมภากร

    ภีมภากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +130
    จักรพรรดิวู่เจ้าแผ่นดินจีน ทรงเป็นพุทธศาสนิกชนสร้างสิ่งที่มีประโยชน์ไว้มากในพระพุทธศาสนา วันหนึ่งจึงตรัสถาม
    ท่านโพธิธรรมว่า "หม่อมฉันจะได้รับผลบุญอะไรบ้าง จากการทำความดีมาตลอด"
    ท่านโพธิธรรมตอบว่า "ไม่ได้อะไรเลย"
     
  16. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,518
    ค่าพลัง:
    +27,187
    เดี๋ยวก็รู้เอง
    ไม่นานเกินรอ
     
  17. chotiwit

    chotiwit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,616
    ค่าพลัง:
    +1,794
    ขอร่วมทำความดี ต่อ ๆไป ผู้ก่อการดี
     
  18. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,053
    พระพุทธศาสนา คือรากฐาน หัวใจ และจิตวิญญาณของราชอาณาจักรไทย

    วัฒนธรรมประเพณีและความเป็นอยู่ของชาวไทยอย่างเรียกได้ว่าทุกอณูของสังคมไทยตั้งอยู่บนการหล่อหลอมวิวัฒนาการด้วยพระพุทธศาสนา ขนาดว่าคนที่เข้ามาอาศัยอยู่บนแผ่นดินไทยยังมีศัพท์เฉพาะว่า มาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ซึ่งแปลว่าพึ่งบารมีพระบรมโพธิสัตว์ เพราะสืบทอดต่อเนื่องมานับพันปีพระมหากษัตริย์ไทยคือพระโพธิสัตว์ผู้ปกป้องพิทักษ์พระพุทธศาสนา ทรงพระราชปณิธานเพื่อตรัสรู้อภิเษกพระสัมมาสัมโพธิญาณในอนาคตกาลเพื่อรื้อถ่ายสรรพสัตว์ให้ถึงฝั่งพระอมตนฤพาน

    กษัตริย์แห่งศรีวิชัยนิยมเรียกขานเป็นพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช เพื่อยกย่องเทียบเคียงบารมีกับมหาราชชาวพุทธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ คือ พระเจ้าอโศกมหาราช

    มาถึงยุคสุโขทัยก็เรียกขานยกย่องพระมหากษัตริย์เป็นพระมหาธรรมราชา อยุธยาก็เรียกขานพระราชโอรสเป็นหน่อพุทธางกูร คือเชื้อสายแห่งพุทธวงศ์ ขนานนามพระมหากษัตริย์เป็นสมเด็จพระสรรเพชร อันแปลได้ตรงๆว่าพระพุทธเจ้า

    มาถึงยุครัตนโกสินทร์ก็ชัดเจน มีพระมหากษัตริย์เฉลิมพระนามขึ้นต้นด้วยคำว่า พระพุทธ ถึง 2 พระองค์ตั้งแต่ต้นราชวงศ์ คือสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มาถึงล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ก็คุ้นเคยกันดีในพระราชสมัญญา พระพุทธเจ้าหลวง

    เวลากราบบังคมทูลพระมหากษัตริย์ ก็ต้องแทนตนเองว่า ข้าพระพุทธเจ้า และลงท้ายประโยคด้วยคำว่า พระพุทธเจ้าข้าขอรับ

    ล้นเกล้ารัชกาลปัจจุบันทรงมีพระปฐมบรมราชโองการว่า

    เราจักปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม

    ธรรม ก็ชัดเจนว่าแปลว่า คำสอนของพระพุทธเจ้า

    นี่แหละคืออีกตัวอย่างหนึ่งให้เห็นความผูกพันธ์อย่างแน่นแฟ้นที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ระหว่างพระพุทธศาสนากับองค์พระมหากษัตริย์ ถ้าแยกได้เมื่อไร ประวัติศาสตร์นับพันปีก็ล่มสลายลงทันที หมดความต่อเนื่อง สิ้นความสืบทอดเป็นราชอาณาจักรไทยที่พระบรมโพธิสัตว์ทุกพระองค์ร่วมกันปกป้องรักษาถวายเป็นพุทธบูชา

    การออกมาเรียกร้องให้รัฐธรรมนูญบรรจุเนื้อความให้เทิดทูนและพิทักษ์พระพุทธศาสนาไว้ให้สมสถานะที่ถูกสืบทอดมานับพันปี เป็นทั้งรากฐาน หัวใจ และจิตวิญญาณของชาติ จึงเป็นการปกป้องแผ่นดิน ปกป้องชาติไทยมิให้ล่มสลายนั่นเอง
     
  19. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,053
    ปีนี้พ่อก็ 80 พรรษาแล้ว พ่อเหนื่อยยากเพื่อพวกเรามามากแล้ว ถ้ารักพ่อจริง ถวายของขวัญให้พ่อชื่นใจ สุขใจที่สุดชิ้นนี้ไม่ได้เชียวหรือ พ่อรักพระศาสนาแค่ไหน ก็รองรับด้วยหลักฐานให้คนทั้งชาติได้รับรู้รับเห็นมาตลอดพระชนม์ชีพของพ่อ

    พ่อสามารถเป็นสุขอยู่แต่ในเวียงวัง แต่พ่อยังสละซึ่งไอยศูรย์ราชสมบัติออกผนวชถือเพศบรรพชิตเสมอด้วยสามัญชนผู้ไร้ชาติตระกูล พ่อทรงพากเพียรพระราชนิพนธ์พระมหาชนกด้วยความเทิดทูนในทศพิธราชธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครั้งยังเสวยพระชาติเป็นพระมหาโพธิสัตว์ ทั้งมีพระบรมสาทิสลักษณ์ของพ่ออีกนับไม่ถ้วนที่พ่อแสดงออกซึ่งพระราชจริยาวัตรอันอ่อนน้อมแสนงดงาม ประนมสองหัตถ์สักการะกราบไหว้หลวงปู่หลวงตา พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั่วทั้งแผ่นดิน

    ถึงแม้พ่อจะเปี่ยมล้นด้วยพระราชศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนาสักเพียงใด มีแม้เพียงสักครั้งหรือที่พ่อจะแสดงออกซึ่งความรังเกียจแม้แต่น้อยนิดให้เห็น กับลูกคนใดที่มีศรัทธาในศาสนาอื่น พ่อยังทรงไว้ซึ่งพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นโดยถ้วนทั่วเสมอกันมิใช่หรือ

    วิสัยธรรมชาติแห่งบุพการีเมื่อเล็งเห็นว่าสิ่งใดประเสริฐสุดก็ย่อมเป็นสุขใจอย่างที่สุด หากได้เห็นลูกรักได้รับสิ่งประเสริฐสุดนี้ด้วย

    ฉะนั้นถ้ารักพ่อจริงก็พร้อมใจถวายเป็นของขวัญให้พ่อไม่ได้เชียวหรือ พร้อมใจถวายให้พ่อได้ชื่นใจเป็นที่สุดสักครั้งในพระชนม์ชีพของพ่อไม่ได้เชียวหรือ

    ถวายให้พ่อเถิด ถวายคำว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติบรรจุลงในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ เป็นของขวัญที่คนไทยทั้งชาติร่วมใจถวายพ่อ ให้พ่อได้สุขใจว่าบวรพระพุทธศาสนาที่พ่อรักเป็นที่สุด จะยังคงถูกสืบทอดอย่างปักหลักมั่นคงโดยลูกๆของพ่อต่อไปตราบชั่วกาลนาน
     

แชร์หน้านี้

Loading...