ฟังธรรมแบบพระพาหิยะ ฟังอย่างไร วิเคราะห์ให้ที

ย่อยให้หน่อยไม่เก็ท แต่น่าสนใจ น่าจะเป็นวิธีที่สมเหตุสมผลดีมาก

{ยกมา..}

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรพาหิยะ เพราะเหตุนั้นแล
ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเห็น จักเป็นสักว่าเห็น
เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง
เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ
เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง
ดูกรพาหิยะ ท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล
ดูกรพาหิยะ ในกาลใดแล เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น
เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง
เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ
เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มี
ในกาลใด ท่านไม่มี ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า ย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ

ลำดับนั้นแล จิตของพาหิยทารุจีริยะ กุลบุตรหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลายเพราะไม่ถือมั่นในขณะนั้นเอง ด้วยพระธรรมเทศนาโดยย่อนี้ของพระผู้มี-*พระภาค ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสสอนพาหิยทารุจีริยะกุลบุตรด้วยพระโอวาทโดยย่อนี้แล้ว เสด็จหลีกไป ฯ

http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=25&A=1607&Z=1698

 

ไม่นุ่งผ้าก็เห็นธรรมได้ด้วย

 

ลวกเพ่คร้าบ ภาพ เนี่ยะ หากจะไม่ผิด นั่น ศาสดา
ของ ศาสนา นิครณนาฏบุตร

ถือการ นุ่งลมห่มฟ้า ประกาศนิพพาน เพราะ
ตอนมีชีวิต เกิดมี ฉัพพันรังษี ที่ศรีษะ

อัน พระศาสดาตรัส พยากรณ์ที่ไปไว้ว่า

ไป นา-ที่ ค่อนข้าง รก มัว์กๆ เพราะ จัดว่า "ไป5+1"
สาวกตลอดเวลา พอศาสดาเจ้าของศาสนา ลาลับ
ศาสนาก็แตก เพราะ คำสอนนั้นจับต้นชนปลายอะไรไม่ได้


กรณี พระพาหิยะ ...พระพาหิยะ ก่อนหน้า ไม่ได้ไปเกี่ยว
อะไรกับ นิครณฑ์ ......ท่านแค่ เดินทางๆเรือ แล้ว เรือแตก
ท่านก็เลยเดิน ขึ้นมาบนบกโดยไม่มีเสื้อผ้า ชาวบ้าน เห็น
ไม่ได้สวมอะไรเลย ต่างจาก นิครรฑ์ทั่วไป อย่างน้อยจะมี
หนวดเคราปิดบ้าง ...ชาวบ้านสำคัญว่า ตบะแรงกว่า เลย
เคารพกราบไหว้ .....จนท่านเผลอเพลิน ในลาภ ...เดชะบุญ
เพื่อนที่เป็นพรหม มาเตือนว่าไม่ใช่ พระอรหันต์ ให้ไปหา
พระพุทธองค์แสดงธรรม ....จึงกลายเป็น ตำนาน พระพาหิยะ

 

งั้นลองภาพจากอากู๋ใหม่ ว่าจะโอไหม

 

ธรรมใช้จิตและปัญญาเห็น

 

ไม่มีหูตาตีนก็อดนะครับ เพราะไม่อาจไม่ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าพระอรหันต์

 

ผมรู้แค่ว่าไม่ใช่ใครที่ได้ยินได้ฟังพระศาสดาสอนจะบรรลุทุกคน ย่อมมีความแตกต่างตามกาลสมัย การมีนิสัยหรืออุปนิสัยจึงเป็นการมีมานานยากจะตอบแทนพระศาสดาถ้าพระศาสดาไม่ทรางตรัสมาก่อนว่า เขาทั้งหลายต่างเคยพบเห็นพระศาสดาในกาลและอัตภาพที่แตกต่างกันมันนานมากคับ

 

วางสมมุติเรื่อง ถีบบันได บรรลุเร็วออกไป สูตรนี้สอนภาวนาสัมมาสติตรงๆใช่ไหมครับ

 

เอาอะไรเป็นตัวตั้งละคับ...ถ้าว่า ด้วยปัจจุบันของพระมหาเถระตอบว่าใช่คับ แต่พระมหาเถระนั้นมีกาลยาวนานกว่าจะพบพระศาสดาอันนี้ความจริงใครจะบอกได้ ซึ่งถ้าไม่มีสัมมาสติเกิดและลำดับญาณฉับพลันทันใดคงไม่ใช่พระมหาเถระมีพระธาตุจารึกจวบจนปัจจุบันแน่

 

พระพาหิยทารุจีริยเถระผู้ได้รับการแต่งตั้งจากพระบรมศาสดาให้เป็นยอดของภิกษุสาวกผู้ตรัสรู้เร็ว
ด้วยท่านสั่งสมบุญและบารมีมาโดยเฉพาะทางในสมัยของ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ปทุมมุตตระ ท่านได้เห็นสาวกของพระปทุมมุตตระ ผู้เป็นตำแหน่งที่เลิศกว่าพวกภิกษุผู้ขิปปาภิญญา (ตรัสรู้ได้เร็วไว) ท่านปรารถนาจะได้ตำแหน่งนั้นบ้างจึงเป็นเหตุให้ท่านนั้นเพียงได้ฟังธรรมโดยย่อเพียงบทเดียวก้บรรลุได้ครับเพราะเป็นผู้ เลิศกว่าพวกภิกษุผู้ขิปปาภิญญา (ตรัสรู้ได้เร็วไว)

จากกระทู้ถามว่า
ฟังธรรมแบบพระพาหิยะ ฟังอย่างไร วิเคราะห์ให้ที
ดังนั้นผมคาดว่าเราไม่สามารถฟังธรรมแบบท่านพาหิยะได้ครับ เพราะเหตุและปัจจัยคงจะแตกต่างกันลิปลับเลยครับทั้ง จิตก่อนฟังขณะฟังที่พระพุทธเจ้ารู้ด้วยพระญานว่าต้องให้ท่านเกิดอินทรีกล้าก่อนระงับปิติก่อน และพร้อมมที่จะฟังในที่สุด ดังนั้น ธรรมที่ท่านได้สดับจากพระพุทธเจ้านั้น จะวิเคาะแบบเราได้ยาก แต่ก้เป็นเพียงหนึ่งความเห็นของผมเท่านั้นครับท่านอื่นอาจสามารถวิเคาะได้ก้เป็นได้

 

ท่านยังไม่ง่อนแง่นคลอนแคลนไปในอดีต แล้วเราอ่านสูตรของท่านแล้วไปหลงไปลืมจะดีหมือไร่

 

ไม่ดีแน่ เพราะจุดชี้วัดของพระอริยะเจ้าทุกพระองค์ล้วนลงเอยในปัจจุบันของท่านเหล่านั้น แม้อดีตจะต่างกันแต่ปัจจุบันเป็นเช่นเดียวกัน เพียง....อาจนานหรือสั้นก็แล้วแต่บารมีที่สั่งสมมา แต่ทุกองค์ลงที่ปัจจุบันและตัดขาดจากปัจจุบันจึงไม่มีอดีตและอนาคต ผมพูดไปงั้นแหละตามที่ผมเข้าใจได้

 

เราฟังแบบท่านน่าจะได้นะตั้งสติแบบท่านน่าจะพอได้ทำเหตุ แต่บรรลุไม่บรรลุก็อีกเรื่อง เป็นวาสนาขิปปาภิญญาของท่านก็วางไว้

จะสู้กับกามผมวิเคราะห์ว่า วางจิตแบบนี้จิตน่าจะเป็นธรรมชาติ น่าจะเป็นฐานตั้งสติที่ เมื่อกระทบ จิตปรุงราคะปฏิฆะขึ้นมาให้เห็นเหตุได้เสมอๆ ผมอ่านตำรามาเยอะแล้วผมเลยว่าจะเริ่มปฏิบัติแล้ว หมายจะเอาบทนี้แหละบรรลุไวดี หนอนิ

 

เป็นสิ่งที่ดีครับอนุโมทนา ผมมีธรรมประโยคหนึ่งที่ฟังแล้วรู้สึกอะไรบางอย่างครับ
"ปีติและปัสสัทธิทำลายปฏิฆะและกามราคะอนุสัย"

 

อนุโมทนาด้วยคับ

 

พบเห็นผู้ชายคนหนึ่ง เคยได้ฟังมาว่า เขามีลูกชายตัวดำๆ
พบเห็นผู้ชายคนหนึ่ง เคยได้ฟังมาว่า เขามีลูกชายตัวขาวๆ

เมื่อพบเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ก็เพียงแต่แค่เห็น ก็ไม่ได้ใช้สัญญาเข้ามาร่วมปรุงแต่ง
ให้มี ลูกชายตัวดำๆ ตัวขาวๆ ติดตามมาด้วย

เรามีกรรมเป็นทายาท เมื่อไม่มีทายาท ก็ไม่มีคนสืบเชื้อสายต่อ

 

ไม่ปรุงต่อครับ

ไม่ปรุงต่อแบบโง่ๆ และก็ไม่ใช่ไม่พยายามไม่ปรุงต่อ หรือว่าปล่อยให้จบไปโง่ๆ ด้วยน่ะครับ และก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่ตรงไหนของทางอีกต่างหาก

 

เพราะเกิดจากความโง่จึงปรุงไปเป็นธรรมคู่ งี้หนอหรือ

 

"จึงปรุงไปเป็นธรรมคู่.." ธรรมคู่-เดี่ยว อะไรพวกนี้ ก็ยังปรุงๆเอาอยู่นะครับ ทันครับ ทันความปรุง ทันความคิด ต่อไปก็ทันในความเห็นผิด ทันทุกข์ ทันความอยากไม่อยาก ทันตัณหาอันเดียวกันนั่นแหละครับ ทันไปเรื่อย แต่ไม่ได้ทำเพื่อเอาชนะหรอก ทำความจริงจนประจักษ์ไปเองครับ

 

เนื้อหาเดิมแท้ของจิตสะสมมาต่างกัน
คงตอบแทนท่านไม่ได้ครับ