ภาวนาอย่างไรจึงจะทำให้เกิดญาณ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Prasit5000, 18 มกราคม 2017.

  1. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ผมจะยังไม่พูดถึง วงจรหรอก ..เพราะถ้า คนที่ฝึกสติปัฏฐานสี่..ยังไม่เข้าไปเห็น ขั้นตอนการเกิดดับของความคิด ...จนเข้าใจในพระไตรลักษณ์ได้แล้วนั้น..จะไม่มีปัญญา เข้าใจ ในวงจรได้หรอกครับ...เพราะตามวงจร...ช่วงหลังมรณะไป นั้น คิอ อวิชชา สังขาร วิญญาณ...มันคือช่วงของคนตายไม่มีชีวิตแล้ว..ไม่มีกายใจแล้ว ไม่มีอายตนะแล้ว...มันคือสภาวะอรูปธรรม ในการฝึกสติปัฏฐานครับ

    ส่วนช่วง ที่เกิดมีรูปนาม ไล่ไป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ไปจน ภพชาติ ชรา มรณะ นั้น..คือช่วงที่มีชีวิต มีอายตนะ คือฝึกสติในช่วงรูปธรรม...นั่นเอง

    ดังนั้น...การมีมหาสติ จึงหมายถึงการฝึกสติจนสามารถเข้าไปรู้รอบ ของการเกิดดับของความคิด..ได้จนครบรอบ ได้จริง และเข้าใจได้จริงๆ...จะมานั่งอ่าน ตีความ คิดเอาเอง..มันเพ้อเจ้อชัดๆครับ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    พอน้าจร โพส รูปวจร อรูปวจร กามวจร มั่วตั้วแบบนี้

    น้าจร กำหนดหู้ไปเลยฮับ

    ใกล้จะหายไปจากบอร์ดสักพัก ดู จิกยิ้มหมาตาสฟิงค์ ไปก่อง
     
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ยกตัวอย่างนั่งสมาธิ...(กายดับไปใจดับ..เหลือแต่จิตรู้..นี่คือ ตัวอย่างของคนตาย)

    ช่วงที่เริ่มนั่ง คือคนเป็น...กายสงบรำงับ(เปรียบว่าดับผัสสะทางกาย ชั่วคราว จิตไม่รับรู้...ผัสสะทางกาย)...ใจสงบรำงับ(เปรียบว่าเมื่อไม่รับรู้ผัสสะกาย ใจก็ไม่มีผัสสะจากกายส่งมา ใจก็สงบรำงับตาม เหมือนใจดับไป(ชั่วคราว))...และเมื่อกายใจสงบรำงับ..(ดับไปชั่วคราว เปรียบเหมือนตายไปชั่วคราว).....แปลว่าจะเหลือเพียงจิตรู้ตัวเดียว...ตรงจิตรู้ตัวเดียวที่ รำงับกายใจเอาไว้ได้แล้วนี่..เปรียบสภาวะนี้ว่า เป็นสภาวะอรูปธรรม..นั่นเอง..คือ .ตายชั่วคราว...เพื่อเรียนรู้สภาวะอรูปธรรมต่อไป

    ที่ยกตัวอย่างมา ก็ เพื่อให้รู้ว่า.เวลาไม่นั่งสมาธิ กายใจทำงานปกติ มันก็คือ ผัสสะกายใจทำงานปกติ.นั้น มันคือสภาวะรูปธรรม..จ่ก รูปนามไปจนชรามรณะ...มันคือสภาวะรูปธรรม....ถ้านั่งสมาธิจรสงบรำงับกายใจไปชั่วคราวเหลือแต่จิตรู้ตัวเดียว..เรียกสภาวะนี้ใรวงจรว่า มี อวิชชา สังขาร วิญญาณ..คือ อรูปธรรมหรืออรูปญาณ..อันเดียวกัน

    แต่จะเป็น...ญาณหรือไม่ ก็ต้องมาดูที่ การภาวนา การกรรมฐานนั้นๆว่า มันเป็น สติปัฏฐานสี่ ที่เป็นไปเพื่อ เกิดญาณ หรือปัญญา จริงหรือไม่...อีกที
     
  4. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    การนั่งสมาธิ เพื่อสงบรำงับกายใจ...มันก็ไม่เกิดญาณเพราะถ้าไม่ทำการดูกาย..กายตยคติ...มันก็คือเพื่อความรำงับ ข้ามไป ก็จะไม่เข้าใจรูปธรรม ก็จะไม่มีรูปญาณ
    ถ้านั่งต่อจนเหลือจิตรู้ตัวเดียว..อยู่แบบนั้นโดยไม่ฝึกสติดูจิต มันจะเอาญาณที่ไหน ไปรู้อรูปธรรม อรูปญาณก็ไม่เกิด
     
  5. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    โง้ววววววววโง่อีกละ..นิวรณ์...

    ถ้าไม่รู้ ผมจะโพสเป็นเรื่องเป็นราวได้ไง...ถามมาตอบได้หมดแหล่ะในเรื่องที่ตัวเองโพสมา....ผมไม่เหมือนพวกคุณที่ดีแต่พูด ตามที่จะคิดมาได้ พอถามอะไรไป..ไม่ตอบ..ตอบไม่ได้ไช่มั้ย....ยังมีการมาอ้าง พุทธะวจน อีกด้วย...

    ในความคิด ในสมอง ก็ คิดให้แต่ว่าคนอื่น ไม่ดี สู้ตนเองไม่ได้...อิอิ...แค่ระงับความโกรธยังไม่ทันเลย...ยังมีหน้ามาบอกให้ผม กำหนดรู้ตัวเอง ..ด้านมากนะ นิวรณ์
     
  6. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ตั้งแต่รู้จักกันมาหลายปี...นิสัยตรงนี้..ของนิวรณ์ดูยังคงเหมือนเดิมอยู่เลยนะ...ชำระมันไม่ออกหรือหมดปัญญา..ที่จะจัดการกับมันได้หรือ อนุสัยตัวนี้น่ะ....อิอิ

    ผมว่า อาจจะ ตายเปล่าก็ได้นะ..ชาตินี้..อิอิ
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    เชยระเบิด

    จริงอยู่ นักธรรมส่วนใหญ่ มุ่งภาวนา จิตอึก
    ฌาณ4

    แล้วก้คว้า นั่นจิต นั่นkuเหนจิต แยกจิต แยกรูปแยกนาม

    แต่เปล่าเลย นั่นแค่สอนให้รู้จัก สมมติบัญญัติ

    ถ้าจะแยกรูปแยกนาม พระพุทธองค์ตรัสว่า
    เมื่ออยู่ในฌาณ4 ให้กำหนดรู้ปิติ ที่สัมปัสถูกต้องกาย

    ตรงเนี่ยะ พวกหลงเหนโน้น เหนนี่ งง และปฏิเสธ
    ว่าเปนไปไม่ได้

    แหม่มเก่งก่า ศาสดา ขึ้นมา (หวงศาสดาอื่น ที่มาหาบ่อยๆ ก้มี)

    ทั้งๆที่ น้อมลงมาเนี่ยะ มีกายได้เนี่ยะ เปน
    หนทางที่พระพุทธกำชับว่า สัมมาสมาธิ4

    ถ้าลองแล้ว เปนแล้ว ให้แช่ อย่าไปไหน
    ห่างจาก ผีใหญ่ ได้แน่นอน

    ถ้าไปไหน กุปธรรม อกุปธรรม จะแบเบอร์
    ไม่ใข่โวหาร สายวักแป่ หนา.......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2017
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    เอาหน่า

    สังเกตุไหม พอ ยอดมนุษย์อุ้งต้าแมง เกิดปิ้งๆๆๆ

    จะยิ่ง เร่งพลังสาดแข้ง สาดขา

    พอหมดแรง ไม่ต้องรอ ห้าโมงเย็ลเลย

    คลานเอาสีสะไถไปโน้น
     
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ก็พระองค์ ชี้ให้ถอยมารับรู้ ผัสสะกายใจด้วยไง...มันถึงจะเห็นความจริงของ รูปธรรม รูปญาณจึงเกิด....กายตยคติ..ก่อนไง..เพราะเข้าถึงความสงบระดับฌาณสี่ได้แล้ว ก็เอาความสงบตรงระดับฌาณสี่...มาใช้เป็นฐานในการดู กายตยคติ...ทีนี้ ส่วนมากจะเข้าใจผิดว่าเป็นการถอย ลดระดับ จาก ฌาณสี่ มาที่ฌาณสอง..จะเข้าเกียร์ถอยยังไงดีล่ะ... มันไม่ไช่..การถอย..แต่มันคือการนำเอาความสงบระดับฌาณสี่ มาใช้ดูกาย ในเวลาปกติ...คือ..ต้องรู้จักฝึกรักษาสภาวะจิตที่สงบในระดับฌาณสี่..นั้นให้ได้ ในขณะ ลืมตา จงกรม ขณะทำกิจกรรมตามปกติ...ให้ได้นั่นเอง โดยรักษาสภาวะความสงบระดับฌาณสี่เอาไว้ โดยเอามาดูกาย ในเวลาปกติทั้งวัน ให้ได้..นั่นเอง
    มันถึง จะเป็น การภาวนาเพื่อทำมห้เกิด ญาณ...ไง
     
  10. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ไม่เกี่ยวหรอก..แค่เห็นว่า เมื่อไหร่สมควร ..ลงสนามรบก็ลง เมื่อไหร่สมควรเพิ่มเติมก็จะทำ...เพราะจะได้เป็นการ เพิ่มแผนที่ให้คนอื่น ก็เท่านั้น
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    เนี่ยะ พอบอกไป ฌาณ4 แล้วให้เหนปิติ เกิดดับ
    เนื่องกับกาย

    ก้จะทำเปนรู้ ต้องฌาณสี่ก่อน แล้วถอย ถึงจะหมดสัญญา

    ตะกี้พูดไป สัมมาสมาธิ4 (น่าจะเปน 5)

    เพราะเอาเข้าจริงๆ ปฐมฌาณ ก้ต่อด้วยดูปิติ
    เหมือนกันเปะ แตกต่างเฉพาะ ความหนาแน่น

    นี่ยังไม่รวม ยืนเหนนั่ง นั่งเหนนอน เลยนะ
    (กลัวสัญญาขี้เล็ด รับไม่ได้เอาเลย)
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    และอีกอย่าง ในการแยกรูป..แยกนาม..มันต้องใช้ความสงบระดับฌาณสี่เท่านั้น...ถึงจะถึงขั้น แยกนามได้....จะมาพูดว่า เป็นการแยกนาม..เฉยๆไม่ได้..ถ้าไม่ทำให้เกิดปัญญา หรือ ญาณ...เพราะในสภาวะอรูปธรรม จะเกิดอรูปญาณได้...มันต้อง มีญาณทัศนะ ที่ต่องเริ่มด้วย สติปัฏฐานสี่..มาเสมอ..เน้นว่า ทั้งสี่ฐาน จะข้าม ความเข้าใจในกาย เวทนา จิต ไม่ได้ ...เพราะจะไม่มีรูปญาณ.เกิด..พระไตรลักษณ์ญาณไม่มี...จะเอาปัญญาที่ไหน ไปฟัดกับ อรูปธรรม..แล้วอรูปญาณที่ไหน จะมีได้ ถ้าไม่ผ่านรูปญาณ
     
  13. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อย่าคิดไปเองสิ....การแยกรูป น่ะเริ่มที่ญาณ หนึ่ง สอง สาม ก็ได้...แต่จะแยกนาม มันต้อง ญาณสี่เท่านั้น...แปลว่า เริ่มรบที่ฌาณสาม ..แต่จะรบได้ต้องถึงระดับญาณสี่...ผมจึงข้าม เรื่อง แยกรูปไปไง...เลยไปเน้นที่ แยกนามคือ สภาวะ อรูปธรรมโน้น....อย่าคิดเอาเองสิ
     
  14. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ดังนั้น ถ้าไม่ฝึกสติปัฏฐ านสี่ ดู กาย เวทนา จิต ธรรม รวมทั้งสี่ฐานะพร้อมกัน โดยนั่งสมาธิ รำงับกายใจเอาไว้ มันจะไม่เป็นการฝึก จากญาณ หนึ่ง สอง สาม สี่ ตามลำดับ มันจะไม่เข้าใจ ในระดับญาณที่แตกต่าง ว่า มันสงบต่างกันอย่างไร มันเกิดญาณ(ปัญญา)ต่างกัน ของแต่ละญาณตรงไหน...เพราะมันจะต้อง ไล่จากหยาบไปหาละเอียด จาก กาย เวทนา ไปจิต ไปพร้อมธรรม(หรือญาณที่ได้) มันถึงจะเข้าใจในญาณทั้งหมด ..และโดยเฉพาะญาณที่สาม ที่เริ่มดูจิต เพื่อ ไต่ระดับปัญญา ไปสู่ญาณสี่..ตรงนี้ ต้อง เพียรเป็นพิเศษ..ถ้าไม่ผ่านไม่เข้าใจในญาณ หนึ่ง ญาณสองมาดีแล้ว..จะท้อทุกราย...มักจะหนีเข้าไปหลบมุม ในฌาณสี่..กันทั้งนั้น..ทิ้งสติปัฏฐานสี่..แบบจนปัญญา ในการดูจิต ไปเลย
     
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ก็กล่าวไป หยกๆว่า พระพุทธองค์ ทรงจำแนก สัมมาสมาธิ ไว้

    น้าจร ก็ทำการ ขัดใจ ปู่ฉับชน (พุทธวจน) บ่อยๆ ระวังน๊า
    พอถูกปัด ฌาณ4 ถอยมา3

    เดี๋ยวถอยไป 1

    ก็บอกไปแล้ว นอกเหนือจาก ฌาณ1-4 ยังมี
    สัมมาสมาธิอีกชนิดนึง( มักได้ยินจากพระป่า ในบท เทวดา มาหาตอนกังคืน
    แล้ว นอนระเกะระกะ นอนแบบมี.... นอนไม่เป็น นั่งไม่เป็น ฯ )
     
  16. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อาจมีการเขียนผิดไปบ้าง

    ระดับสมาธิที่สร้างความสงบที่ ทำให้สงบเฉยๆ..เรียก...ฌาณ 1 2 3 4(อ่านว่า..ชาน)
    แต่ถ้าความสงบนั้นเป็นการเอามาฝึกสติปัฏฐานสี่..เพื่อให้เกิดปัญญารู้ความจริง..เรียก ญาณ 1 2 3 4...ส่วนมากจะเรียกการผ่านระดับฌาณแล้วเกิดปัญญาว่า เป็นการได้ญาณ (อ่านว่า ยาน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2017
  17. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    สัมมาสมาธิระดับ..ฌาณ....กับระดับได้ญาณ....มันจึงต่างกันไง
    อย่าคิดเอาเอง

    ดังนั้นระดับมรรค คือกำลังสู้รบ คือ ใช้ฌาณ ใช้ความสงบสู้..กับความไม่จริงอยู่
    ระดับผล คือได้ญาณ คือ รบจบ ชนะเป็นระดับๆไป..มันจึงแตกต่างกัน..

    ส่วนมากพวกระดับ ฌาณสาม จะติดสนามรบนี้กันเยอะมาก. เพราะไม่ผ่านสนามรบ ฌาณ หนึ่ง และฌาณสองมาไง...นั่งสมาธิรำงับกายใจ เอาไว้..จะได้ญาณ ปัญญามาจากไหนกันเล่า

    พอมาถึงสนามรบดูจิต....หลบหนีเข้า ฌาณ สี่ เกือบทุกราย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2017
  18. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    บางคนแค่ตนเองนั่งสมาธิ ได้ความสงบ ..ได้ฌาณ..ก็หลงว่าตนเอง..มีสัมมาสมาธิ..ไง ทั้งที่มันนั่งหลับตา ไม่แยแสสนใจ ในชนชาวโลก และไม่สนใจในชีวิตของตนเองด้วยซ้ำ.....สัมมา..อะไรก็แล้วแต่..จะเรียกชื่อ มันว่าเป็นสัมมาได้ก็ต่อเมื่อ.มันสามารถเอามาใช้เพื่อให้เกิดปัญญาเข้าไปรู้เห็นในความจริงของ พระไตรลักษณ์ ขอวอริยสัจสี่ได้ เท่านั้น..จึงควรเรียกชื่อ การกระทำนั้นว่า เป็น สัมมา...ไม่ไช่แค่ได้ความสงบ ปัญญารู้เห็นความจริงแห่งอริยสัจสี่ ไม่มี..ยังมีหน้า มายกว่าตนเองเป็น สัมมาสมาธิ สัมมาสติ..ได้ยังไง
     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    เชยระเบิดระเบ้อ

    พวก ดูจิต ดูจิต ที่เขา อัดกันเพื่อธรรม เวลาเขาอัด เขาจะต้องพูดว่า
    แหม่มไม่รู้จักฌาณ4 จิตอึ๊ก สันติ !!!

    จริงๆ สัมมาสมาธิ มีหลายอย่าง เขาก็เลยต้อง
    สอนอ้อมแอ้ม เห็นกายเดินเหมือนเห็นหุ่นยนต์ ฮะเอ่อ

    ต้องเห็นตลอด แช่แป้งนะ ฮับ ถึงจะเห็น อะไรอีกอย่างนึ่ง " น้อมไปเพื่อ....... " มะเหลือๆ

    ไม่ใช่ น้าจร 45องศา ได้ ทีเดียว ฮานาก้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา เวรกรรม บระขันธ์ คว่ำทำเสีย
     
  20. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เฮ้ย 45 องศาของผม ดูได้รอบทิศทาง..อากาสายตนะ ไปด้วยนะเฟ้ย
    ตัวที่ดู เจตสิกที่ตั้งก็ ทั้งหมดมันคือ...ฟัดกับ อรูปธรรม ไปด้วยนะเฟ้ย

    มันเริ่ม จากฌาณ 1 2"3"4 ตามลำดับ นะเฟ้ย กาย เวทนา จิต ธรรม ครบทั้งสี่ฐาน เลย นะเฟ้ย
    และได้ ญาณ 1 2 3 4..ตามลำดับนะเฟ้ย..
    อย่าหาว่าคุย...เพราะ มีสัมมาทิฐิ...นะเฟ้ย..

    ที่ขาดก็แต่ปัญญา จากการอ่านพระสูตร หรือพุทธวจน เท่านั้นแหล่ะ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...