มหาบพิตร..ไม่ยากนักโลกเรานี้มีสองอย่าง

ในห้อง 'ในหลวงกับพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 22 เมษายน 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]



    @อำนาจของอวิชาทางต่ำ ไม่สามารถที่จะมีอำนาจเหนือความวิเศษของอำนาจพุทธคุณไปได้ เพราะอำนาจของพระพุทธคุณนั้น เป็นอำนาจที่เกิดจากความบริสุทธิ์ เกิดจากความดี ไม่มีความชั่วร้ายแอบแฝงอยู่เลย…..@
    ครับคำกล่าวข้างต้นนี้เป็นคำพูดของท่านหลวงพ่อสารันต์ จนทนูปโม หรือท่านพระครูจันทสิริธร เจ้าอาวาสวัดดงน้อย ตำบลกกโก อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ซึ่งผมและเพื่อนๆ ร่วมอุดมคติรู้จักท่านมานานแล้วครับ ในฐานะที่หลวงพ่อเป็นพระนักพัฒนา อาคมขลัง ปฏิปทาดีเยี่ยม สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำครับ....


    [​IMG]


    พวกเราใช้เส้นทางถนนสายเอเชีย ถึงทางแยกต่างระดับจะเข้าตัวเมืองอ่างทองให้ใช้เส้นทางที่จะไปอำเภอท่าเรือ ลงสะพานข้ามแม่น้ำลพบุรี ให้ขับรถตรงไปจนถึงสี่แยกไฟแดงบ้านโพธิ์เก้าต้น ซึ่งเป็นเส้นทางเลี่ยงเมือง ให้ใช้เส้นทางไปอำเภอพระพุทธบาท ประมาณไม่เกินสิบกิโลก็จะพบวัดดงน้อย”อยู่ทางด้านขวามือครับ


    [​IMG]


    หลวงพ่อสารันต์ เป็นพระรูปร่างเล็ก สันทัด ผิวคล้ำนิดๆ พูดจามีรอยยิ้ม สุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตนและสำรวม มากๆ ครับ ท่านเล่าให้พวกเราฟังว่า ท่านเป็นคนบ้านปราสาท บุรีรัมย์ แต่ย้ายตามพ่อแม่ซึ่งไปประกอบอาชีพค้าขายที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศเขมร ซึ่งท่านได้เริ่มเรียนหนังสือ บรรพชาเป็นสามเณรและอุปสมบทเป็นพระสงฆ์ ณ วัดบรมนิเวศน์ เมืองพระตะบองครับ ภายหลังจากประเทศเขมรแตก ท่านจึงได้ธุดงค์เข้ามาที่ประเทศไทยและบวชให้ตรงกับบัญญัติของคณะสงฆ์ในประเทศไทย ณ วัดปราสาท อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อปี ๒๕๑๔ นับถึงปัจจุบันนี้ก็ ๓๗ พรรษาแล้วครับ....สำหรับตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่ท่านจะเดินทางออกจากประเทศเขมร คือ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชแห่งประเทศเขมร ครับ


    [​IMG]


    ย้อนกลับไป ณ เวลานั้น เขมรแดงได้เข้ายึดประเทศเขมร และได้เริ่มทำการ ปฏิวัติสังคม” เพื่อนๆ คงเคยผ่านตาคำๆนี้จาก “การปฏิวัติวัฒนธรรมของจีน” ซึ่งก็คือการเผาทำลายวัด เผาตำราเรียน จับพระสึก ฯลฯ แต่การ “ปฏิวัติสังคม” ของพวกเขมรแดงจะโหดร้ายอยู่มาก ตามที่ผมเคยศึกษามาจะเป็นการกระทำที่เรียกว่า “การสร้างสังคมที่คนคิดเหมือนกัน” คือการสังหารทุกคนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลเดิม พระ ข้าราชการหรือแม้แต่เด็กๆก็ไม่เว้น อย่างที่เราเรียกกันว่า “ฆ่าล้างโคตร” แหละครับ....และนี่เองที่เป็นจุดกำเนิดของ “ทุ่งสังหาร” หรือ “Killing Fields” ครับ (เคยมีการสร้างเป็นภาพยนตร์กันโด่งดัง)


    [​IMG]


    ผมว่าถ้า “ทัชมาฮาล” เป็นอนุสรณ์สถานของความรักที่ระบือลือโลก “ทุ่งสังหาร” แห่งนี้คืออนุสรณ์สถานของ “ความสลดหดหู่” อย่างแท้จริงเลยครับ...


    [​IMG]


    หลวงพ่อสารันต์ได้เดินธุดงค์มาจนถึงวัดดงน้อย ซึ่งขณะนั้นวัดอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมมาก ท่านจึงได้ตัดสินใจจำพรรษาที่วัดแห่งนี้และเริ่มพัฒนาวัดท่ามกลางบริบทของชาวบ้านที่มีความเลื่อมใสศรัทธาเกี่ยวกับเรื่องภูตผีปีศาจและคุณไสยต่างๆ แต่หลวงพ่อท่านก็ได้ต่อสู้ด้วยวิชาความรู้ทางพุทธาคมที่ได้เคยร่ำเรียนมาเมื่อครั้งที่อยู่ในประเทศเขมร และพัฒนาคุณภาพชีวิต คุณภาพจิตใจของชาวบ้านกกโก จนเป็นที่ยกย่องของชาวบ้าน ท่านว่าคนเราเกิดมาทั้งทีต้องรู้จัก "ทดแทนคุณแผ่นดินและพระเจ้าอยู่หัว



    [​IMG]

    รูปธรรมในเรื่องของการแทนคุณแผ่นดินเริ่มจากการบูรณปฏิสังขรณ์วัดให้อยู่ในสภาพที่ดี มีที่ประกอบกิจกรรมของสงฆ์ครบถ้วนและสร้างโรงเรียนวัดดงน้อย ซี่งเป็นโรงเรียนแบบบ้านนอกให้มีตึกเรียนที่ดีและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ครบถ้วน….

    [​IMG]

    ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับถ้าเพื่อนๆรู้ว่าการสร้างตึกพร้อมอุปกรณ์นี้ทำในราวปี ๒๕๔๐ ซึ่งสภาพเศรษฐกิจช่วงนั้นแย่มากๆ (ต้มยำกุ้ง) ทั้งหมดนี้คงเกิดจากบารมีของหลวงพ่อสารันต์ท่านแหละครับ...
    หลวงพ่อเล่าให้พวกเราฟังว่าสมัยท่านเป็นเด็ก ท่านมีอุปนิสัยเป็นคนเอาจริง อยากรู้อยากเห็น ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ก็อยากรู้ว่าวิทยาศาสตร์เป็นจริงหรือเปล่า ได้รับฟังคนเล่าเรื่องลี้ลับ ก็ต้องค้นคว้าหาความจริงให้ได้....


    [​IMG]


    เราต้องเรียนรู้จากตนเอง และเรียนรู้จากครูบาอาจารย์ เมื่อเรียนแล้ว ต้องพิสูจน์ครูบาอาจารย์ว่าทำได้จริงมั๊ย ต้องทำให้เราเห็น
    หนึ่งในครูบาอาจารย์ที่หลวงพ่อสารันต์ยกย่องคือ หลวงปู่ธรรมรังษี หรือท่านพระมงคลรังษี วัดพระพุทธบาทพนมดิน อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์” หลวงพ่อเล่าด้วยแววตาแจ่มใสว่าสมัยท่านเป็นเณรเคยพักอยู่กุฏิข้างๆกับกุฎิของหลวงปู่ธรรมรังษี และเห็นเรื่องแปลกๆเกี่ยวกับวิชาอาคมที่หลวงปู่ธรรมรังษีแสดงให้ดู จึงมีความสนใจอยากเรียนในวิชาอาคม ขยับจะเรียนก็มีเหตุให้ต้องแยกย้ายกันไปก่อน ซึ่งกาลต่อมาเรื่องที่...คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสบอกว่าโลกนี้มันกลมยิ่งนักก็เป็นจริงครับ...


    [​IMG]


    หลวงปู่ธรรมรังษี ท่านเป็นพระที่เก่งและมีชื่อในแถบอีสานตอนใต้ สมัยนั้นทางราชการเคยนิมนต์ให้ท่านไปช่วยชักจูงพวกปัญญาชน ที่เข้าป่าไปเป็นคอมมิวนิสต์และฝังตัวอยู่ในประเทศเขมร ให้กลับมาช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง อาตมาคิดว่าท่านเสียชีวิตไปแล้วเพราะในขณะนั้นท่านมีชื่ออยู่ในบัญชีดำ....จนอาตมาได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดดงน้อยแห่งนี้ ลูกศิษย์ได้มาบอกว่ามีพระเก่งชื่อธรรมรังษี อยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ เห็นว่าชื่อนี้คุ้นๆ เลยตามไปดูพบว่าเป็นท่าน นั่งสนทนาฟื้นความหลังกับท่านจนจำได้ ท่านกอดอาตมาแน่นเลย วันนั้นญาติโยมเยอะไปหมด
    หลังจากเหตุการณ์ประทับใจในวันนั้น วิชาอาคมของหลวงปู่ธรรมรังษี จึงถูกถ่ายทอดมาที่หลวงพ่อสารันต์ จนหมดสิ้น....ครับ


    [​IMG]


    นอกเหนือจากการศึกษาด้านคาถาอาคมแล้ว แนวทางการปฏิบัติของสำนักอื่นๆ หลวงพ่อก็ได้เดินทางไปศึกษาเพิ่มเติม เช่นสายหลวงปู่มั่น ที่ภาวนา พุทโธ” สายวัดมหาธาตุ ในเรื่อง “ยุบหนอ พองหนอ” หรือสาย มโนมยิทธิ ของหลวงพ่อฤษีลิงดำ (พระมหาวีระ ถาวโร) วัดท่าซุง ที่ว่าด้วยเรื่องของ นะ มะ พะ ธะ” ซึ่งในเรื่องของการแสวงหาครูบาอาจารย์... ผมได้เรียนถามหลวงพ่อและได้รับคำตอบว่า เดิมสมัยที่ท่านอยู่ในประเทศเขมร การเรียนวิชาอาคม คุณไสยต่างๆ เป็นที่นิยมเหมือนจะเป็นเอกลักษณ์ของชาวเขมรเลยที่เดียว ซึ่งท่านเองก็ไม่ปฏิเสธว่าไม่เคยเรียน..เพียงแต่ว่าการเรียนของท่านเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า”ไสยศาสตร์มีจริง”...ดังนั้นเมื่อท่านมาอยู่ในเมืองไทย พระเกจิอาจารย์องค์ไหนที่ว่าแน่ๆ หรือเก่งๆ หลวงพ่อท่านเป็นต้องเดินทางไปกราบขอเรียนวิชาอาคม หรือหากเป็นพระปฏิบัติ สายวัดป่า ท่านก็จะขอเรียนกรรมฐานเพิ่มเติมครับ...
    ทั้งหมดนี้เกิดจากคำว่า สงสัย” ตัวเดียวครับ ผมนั่งเรือมาถึงบางอ้อแล้วครับ..จะว่าไปแล้ว “ความสงสัย” มันมีอยู่ในตัวคนทุกคนแหละครับ และมันก็เกิดมีขึ้นมาได้ประจำทุกทีซิน่า ทั้งช่วง “จิตว่างและไม่ว่าง” ตายเมื่อไหร่แหละครับถึงจะ “หมดความสงสัย” ไปได้ซึ่งก็เป็นเฉพาะผู้เสียชีวิตอย่างเดียวเท่านั้น คนเป็นก็ยังคงนั่งสงสัยกันต่อไป ..เพื่อนๆ ว่าไหมครับ..


    [​IMG]


    ในเรื่องของครูบาอาจารย์ที่หลวงพ่อสารันต์ ท่านได้เข้าไปขอศึกษาเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่เรียนจากหลวงปู่ธรรมรังษีแล้ว เรื่องของกรรมฐานและการปฏิบัติในสายของหลวงปู่มั่น หลวงพ่อสารันต์ท่านก็ได้ให้ความสนใจ โดยเฉพาะ”พระอริยสงฆ์”นขณะนั้น ครับ...ผมกำลังลำดับครูบาอาจารย์ที่น่าสนใจครับ .....


    [​IMG]

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ หลวงพ่อสารันต์ท่านได้รับคำแนะนำจากหลวงปู่แหวนในเรื่องของ กรรมฐานเดิมที่ได้รับจากพระอุปัชฌาย์ คือ เกสา โลมา นักขา ฯลฯ ขันธ์ ๕ คือส่วนประกอบต่างๆ ที่เข้ามารวมเป็นตัวตน และ หลักพระไตรลักษณ์ ซึ่งก็คือ กฎสำคัญของธรรมชาติครับ อันได้แก่ อนิจจัง(ความไม่เที่ยง) ทุกขัง (ความทนอยู่ไม่ได้) และอนัตตา (ความไม่ใช่ตัวตน)

    [​IMG]

    นอกจากนี้หลวงพ่อสารันต์ท่านได้เล่า ความประทับใจ ถึงช่วงที่ได้มีโอกาสรับฟังคำสอนในช่วงที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ให้หลวงปู่แหวนช่วยแนะนำธรรมะ...ซึ่งหลวงปู่แหวนท่านแนะว่า


    [​IMG]

    “มหาบพิตร ไม่ยากนัก โลกเรานี้มีสองอย่าง คือ “กายกับจิต” เราอยากรู้เรื่องกาย ก็ศึกษาเรื่องกาย เราอยากรู้เรื่องจิต ก็ต้องศึกษาเรื่องจิต”
    ผมฟังแล้วรู้สึกงงๆ เพราะมันสั้นมากเลยถามหลวงพ่อว่าหลวงปู่แหวนท่านสอนในหลวงแค่นี้เหรอ หลวงพ่อท่านยิ้มๆและกล่าวยืนยันว่าแค่นี้จริงๆ ผมถามว่าแล้วในหลวงท่านไม่ว่าอะไรเหรอ หลวงพ่อตอบว่า ในหลวงท่านยิ้มแล้วก้มลงกราบพร้อมพูดว่า ขอบพระคุณหลวงปู่มาก...เท่านี้ก็พอแล้ว

    ครับ...เท่านี้ก็เท่านี้ กาย กับ จิต” อยากรู้เรื่องกาย ศึกษากาย อยากรู้เรื่องจิต ให้ศึกษาจิต ....คิดไปคิดมาเข้าข้างตัวเองว่ายังพอมีบุญตัวกลมอยู่บ้างหรือชาติที่แล้วเคยถวายการรับใช้พระเจ้าอยู่หัวของเรา เกิดมาชาตินี้เลยมีโอกาสได้รับฟังธรรมะแบบเดียวกับที่พระองค์ท่านเคยได้ยิน..ถึงจะเป็นต่างกรรม ต่างวาระ ก็ไม่เป็นไร...

    [​IMG]


    ครูบาอาจารย์ในสายหลวงปู่มั่น ที่หลวงพ่อสารันต์ท่านได้ไปศึกษาในเรื่องของกรรมฐานอีกองค์หนึ่งคือ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร แห่งวัดป่าอุดมสมพร จังหวัดสกลนครครับ หลวงพ่อสารันต์ท่านได้รับคำแนะนำในเรื่องของ ขันธ์ ๕ ซึ่งก็คือส่วนประกอบต่างๆ ที่เข้ามารวมเป็นตัวตนแท้ๆ อันได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ตลอดจนการภาวนา พุทโธ” ซึ่งหลวงพ่อสารันต์ท่านเน้นว่า หลวงปู่ฝั้นสอนให้บรรดาพระที่มาฝึกปฏิบัติใช้หลักการ “เราศึกษาเอง ปฏิบัติเอง และเราจะรู้เอง” ได้รับฟังแล้วพาลคิดไปว่า เออ..ตอนแรกผมว่ามาถึงบางอ้อแล้วแต่ไหงเราดันมาโผล่ที่บางพลัดได้...

    [​IMG]

    ครับเพื่อนๆ หลักคำสอนของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร แห่งวัดป่าอุดมสมพร อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร...เราศึกษาเอง ปฏิบัติเอง และเราจะรู้เอง “ ฟังเอาไว้เป็นแนวนะครับ ที่จะขยายผลคงต้องไปทำกันเองแล้วเพราะตัวผมเองก็ยังไม่บรรลุในปัญญาครั้งนี้ ผมถามหลวงพ่อท่านว่า “ศึกษาเอง ปฏิบัติเอง” คืออะไรท่านตอบผมว่า “นั่นแหละต้องศึกษาเอง ปฏิบัติเองแล้วจะได้กับตัวเอง” เอวังแบบได้ใจครับ..
    พูดถึงท่านหลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราแล้วก็อดที่จะนำเสนอรูปภาพซักสอง สามภาพเพื่อแสดงให้เห็นถึง“ความผูกพันที่พระองค์ท่านมีกับหลวงปู่ทั้งสององค์นี้”ครับ


    [​IMG]

    ภาพแรก ถ่ายเมื่อ 16 มกราคม 2525 ครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการหลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ เวลาที่มีพระราชปฏิสันถารอยู่กับหลวงปู่อยู่นั้น มักทรงเตรียมกล้องถ่ายภาพกับไฟแฟลชพร้อมไว้เสมอ พอทรงเห็นหลวงปู่ทำท่าทีได้เหมาะดีจะทรงถ่ายภาพไว้โดยมิต้องทรงนิมนต์หลวงปู่ให้รู้ตัว


    [​IMG]
    [​IMG]


    และอีกสองภาพคือ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปประชุมเพลิงท่านหลวงปู่ฝั้น อาจาโรครับ
    หลวงพ่อสารันต์ท่านบอกพวกเราว่า นอกจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านจะทรงแตกฉานในเรื่องของธรรมะ”แล้ว “การปฏิบัติกรรมฐาน”ของพระองค์ท่านก็ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเรื่องของ”กระแสจิต”..เรื่องนี้มี “คำยืนยัน”จากปากของครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อสารันต์ถึงสององค์ครับ คือ หลวงพ่อฤษีลิงดำ วัดท่าซุง ที่สมัยนั้นได้เข้าวังเพื่อสอนกรรมฐานแก่ในหลวง

    [​IMG]

    พระองค์ทรงมีกระแสจิตแรงมาก ฉันเองยังสู้ท่านไม่ได้
    และครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า..

    [​IMG]

    กระแสจิตของพระองค์ท่านมีพลัง พลังที่เกิดจากการปฏิบัติที่ดี”….
    ผมแอบสังเกตดูเวลาที่หลวงพ่อสารันต์ท่านเล่าเรื่องของในหลวง ท่านจะยิ้มและมีความสุขมากเลยครับ ทำให้พวกผมพลอยร่วมปิติไปกับท่านด้วย

    [​IMG]

    ผ่านเรื่องบุ๋นไปแล้ว ตอนนี้มาถึงบทบู้ละครับ..เป็นที่รับทราบกันดีของบรรดานักนิยมพระเครื่องว่าหลวงพ่อสารันต์ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงองค์หนึ่งของเมืองไทย การสร้างเครื่องรางของขลังแต่ละครั้งส่วนมากแล้วท่านจะปลุกเสกเดี่ยว โดยเฉพาะพระปิดตากับตะกรุด”ที่สร้างชื่อเสียงให้ท่านมาก ซึ่งตะกรุดโทนและตะกรุดจักรพรรดิของท่านนั้นเป็นที่ต้องการของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาแต่หลวงพ่อท่านก็มิได้สร้างออกมามากมายนัก ในปีหนึ่งท่านจะทำแค่สองครั้งคือในช่วงเข้าพรรษาหรือไตรมาส กับในเทศกาลไหว้ครูของท่าน ไม่มากครับทำครั้งละประมาณร้อยกว่าดอกเรียกว่าพอเปิดให้บูชาไม่ถึงสิบนาทีก็หมดแล้ว

    [​IMG]

    นอกจากเรื่องการทำตะกรุดแล้ว ในเรื่องของการแก้คุณไสยมนต์ดำ ซึ่งเป็นศาสตร์วิชาที่ต่ำสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายไปทั่ว หลวงพ่อท่านก็ได้ใช้วิชากำหราบไปนักต่อนัก ยิ่งในช่วงแรกๆ ที่ท่านมาจำพรรษา ณ วัดดงน้อยแห่งนี้ คุณไสยจากหมอแขก หมอเขมร ยังคงมีมากมาย ก็ได้หลวงพ่อนี่แหละครับค่อยเป็นผู้อนุเคราะห์แก่ชาวบ้านกกโกและญาติโยมต่างถิ่นทั้งไกลและใกล้ โดยท่านเองไม่เคยเรียกร้องใดๆเลย สิ่งนี้แหละครับที่ส่งผลให้บารมีชื่อเสียงของท่านขจรขจายไปไกล ยังพาให้เกิดความเจริญเข้าสู่วัดและท้องถิ่นพลอยได้อานิสงส์นี้ไปด้วยแล.....

    [​IMG]


    ปัจจุบันหลวงพ่อสารันต์ ท่านได้เอาหลักธรรมที่ท่านเล่าเรียนมาเผยแพร่ให้กับชาวบ้านในละแวกบ้านกกโก โดยการจัดให้มีสวนป่า สำหรับปฏิบัติธรรม มีการก่อสร้างอาคารสำหรับคอยรับญาติโยมจากต่างถิ่นไกลๆ หรือหน่วยงานราชการมาเข้าใช้สถานที่ โดยหากหลวงพ่อสารันต์ท่านว่างจากกิจนิมนต์ ท่านก็จะมาเป็นวิทยากรด้วยตัวเอง..และด้วยเหตุที่ว่าเสนาสนะสิ่งก่อสร้างในวัดดงน้อย และโรงเรียนวัดดงน้อยได้เสร็จครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว หลวงพ่อสารันต์ท่านจึงได้ไปหาที่สงบสำหรับไว้ในกิจกรรมการฝึกอบรมวิปัสสนากรรมฐานโดยเฉพาะ และนั่นเองคือจุดกำเนิดของ..

    [​IMG]
    [​IMG]

    สำนักปฏิบัติธรรม ธรรมสถานเฉลิมพระเกียรติ เขาเตียน” ซึ่งท่านหลวงพ่อสารันต์ได้กล่าวกับพวกผมด้วยแววตาที่มีความสุขอย่างยิ่งใหญ่ว่า..“ได้เวลาทดแทนคุณในหลวงแล้ว


    [​IMG]


    ครับจากพุทธพจน์ที่ว่า เขาสำคัญว่าถูก ก็ถูกของเขา แต่ไม่ถูกของเรา” ทำให้เรื่องของไสยศาสตร์และพุทธศาสตร์ ยังเป็นข้อถกเถียงกันไม่รู้จบ…บางท่านว่า”ไสยศาสตร์และพุทธศาสตร์มันเป็นคนละเรื่อง..ซึ่งอันนี้จบไปคนละเรื่องก็ไม่ต้องอ้างเหตุผลมาก ส่วนบางท่านก็ว่า “ไสยศาสตร์และพุทธศาสตร์เป็นเรื่องเดียวกันก็มาฟังเหตุผลกัน เวทย์มนต์คาถา หรืออักขระเลขยันต์ ต่างๆ ล้วนแล้วมาจากคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น ที่กล่าวเช่นนี้ด้วยเหตุที่ว่า คาถาก็คือการนำยกเอาบทสวดมนต์มาสวดนั้นเอง..ซึ่งทั้งสองความคิดเห็นนี้อาจจะนำมาซึ่งคำว่า “มิจฉาทิฐิ” ได้นะครับ...


    [​IMG]


    พูดถึงตอนนี้ผมมานั่งคิดดู..พวกเราเข้ามาวัด มาหาพระ ถือว่าเป็นการกระทำหรือวัฒนธรรมที่ดีงาม” แต่พวกเราก็ไม่เคยนึกถึง “สิ่งที่มีคุณค่าในวัฒนธรรม”เหล่านี้เลย เพราะ “วัด” คือสถาบันหลักที่ได้ให้การศึกษากับคนไทยมาแต่ไหนแต่ไรและผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนก็ทราบกันดีโดยเฉพาะชาวพุทธ แต่จะมีใครคนไหนเล่าครับที่หันไปศึกษาถึงคุณค่าในสถาบันหลักนี้อย่างจริงจัง..
    คำว่า”การศึกษา”ในที่นี้ผมหมายตามนัยยะว่าด้วย “กระบวนการวิจัย” “หาข้อมูลมาวิเคราะห์” เพื่อที่จะได้นำมาเป็นประโยชน์สำหรับปัจจุบันและอนาคตต่อไป...ที่ผมพูดเช่นนี้เพราะว่าการศึกษา”เจาะลึก”เข้าไปในสถาบันหลัก “วัด” นี้ มันจะทำให้เราทราบถึง “เรื่องของชาวบ้าน” “วัฒนธรรมของพวกเขา” “ภูมิปัญญาท้องถิ่น”ฯลฯ นั่นแหละครับจะเป็น “สาเหตุ”ให้พวกเราต้องหันมาสนใจในเรื่อง “ความเชื่อถือทางไสยศาสตร์และโหราศาสตร์” ที่มันเป็น”เรื่องเหนือจริง”และ “นอกเหนือไปจากพุทธศาสนา”ออกไปด้วย ผมพูดอย่างนี้คิดว่าพอเอาได้นะครับ.....


    [​IMG]


    ขอขอบคุณรูปภาพประกอบเรื่องบางส่วนที่ผมได้เสาะหามาจากเวปต่างๆ หากท่านได้เปิดมาอ่านก็ขออนุญาตไว้ตอนนี้เลยนะครับถือซะว่ามาช่วยกันแทนคุณแผ่นดิน สนองคุณในหลวงของพวกเรานะครับ......
    วัฏฏโก โลโก ความว่านี้เป็นของกลมหมุนอยู่เป็นนิจ วัตถุธาตุสิ่งใดเกิดขึ้นมาแล้วจะต้องดับไปเป็นที่สุด ไม่มีใครแต่งมัน หากเกิดจากเหตุปัจจัยของมันเอง เกิดมาแล้วก็ดับไป หากมันเป็นอยู่อย่างนั้นจึงเรียกว่า โลก....ขอบคุณครับ




    </TD></TR><TR><TD align=right>โดย ศิษย์กวง</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ------------------
    ขอขอบคุณและอนุโมทนาสาธุกับเจ้าของบทความดีๆ:คุณศิษย์กวง จาก โอเคเนชั่น
    http://www.oknation.net/blog/print.php?id=264533
     
  2. Bird RPCA4561

    Bird RPCA4561 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +0
    อนุโมทานิ
     
  3. หนุ่มเมืองเลย

    หนุ่มเมืองเลย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +6
    อนุโมทนา...สาธุ

    หลวงพ่อเป็นยอดนักสร้างและนักพัฒนา ปฏิปทาน่าเลื่อมใสจริงๆครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  4. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    ^_^
    อนุโมทนาสาธุค่ะ..ที่แวะมาอ่านเรื่อยๆ
     
  5. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,661
    ค่าพลัง:
    +9,236
    ขออนุโมทนาค่ะ
    อยู่ใกล้..แต่ไม่เคยไปกราบท่านคราวนี้จะได้ไปกราบท่านค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  6. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    อ่านกี่ทีๆก็ซึ้งตรงนี้ รู้สึกปิติอย่างบอกไม่ถูก
    ความคิดก็เหมือนคนเขียนบทความเลยค่ะ..สั้นๆแค่นี้เองหรือ
    แต่รู้สึกซาบซึ้ง...^_^
    อย่างน้อยเราก็ได้อ่านธรรมะที่พระอริยะสงฆ์ท่านกล่าวกับในหลวงของเรา
    แม้จะต่างกรรมต่างวาระกัน

    ^_____________^

    ----------
    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ หลวงพ่อสารันต์ท่านได้รับคำแนะนำจากหลวงปู่แหวนในเรื่องของ กรรมฐานเดิมที่ได้รับจากพระอุปัชฌาย์ คือ เกสา โลมา นักขา ฯลฯ ขันธ์ ๕ คือส่วนประกอบต่างๆ ที่เข้ามารวมเป็นตัวตน และ หลักพระไตรลักษณ์ ซึ่งก็คือ กฎสำคัญของธรรมชาติครับ อันได้แก่ อนิจจัง(ความไม่เที่ยง) ทุกขัง (ความทนอยู่ไม่ได้) และอนัตตา (ความไม่ใช่ตัวตน)

    [​IMG]

    นอกจากนี้หลวงพ่อสารันต์ท่านได้เล่า ความประทับใจ ถึงช่วงที่ได้มีโอกาสรับฟังคำสอนในช่วงที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ให้หลวงปู่แหวนช่วยแนะนำธรรมะ...ซึ่งหลวงปู่แหวนท่านแนะว่า


    [​IMG]

    “มหาบพิตร ไม่ยากนัก โลกเรานี้มีสองอย่าง คือ “กายกับจิต” เราอยากรู้เรื่องกาย ก็ศึกษาเรื่องกาย เราอยากรู้เรื่องจิต ก็ต้องศึกษาเรื่องจิต”
    ผมฟังแล้วรู้สึกงงๆ เพราะมันสั้นมากเลยถามหลวงพ่อว่าหลวงปู่แหวนท่านสอนในหลวงแค่นี้เหรอ หลวงพ่อท่านยิ้มๆและกล่าวยืนยันว่าแค่นี้จริงๆ ผมถามว่าแล้วในหลวงท่านไม่ว่าอะไรเหรอ หลวงพ่อตอบว่า ในหลวงท่านยิ้มแล้วก้มลงกราบพร้อมพูดว่า ขอบพระคุณหลวงปู่มาก...เท่านี้ก็พอแล้ว

    ครับ...เท่านี้ก็เท่านี้ กาย กับ จิต” อยากรู้เรื่องกาย ศึกษากาย อยากรู้เรื่องจิต ให้ศึกษาจิต ....คิดไปคิดมาเข้าข้างตัวเองว่ายังพอมีบุญตัวกลมอยู่บ้างหรือชาติที่แล้วเคยถวายการรับใช้พระเจ้าอยู่หัวของเรา เกิดมาชาตินี้เลยมีโอกาสได้รับฟังธรรมะแบบเดียวกับที่พระองค์ท่านเคยได้ยิน..ถึงจะเป็นต่างกรรม ต่างวาระ ก็ไม่เป็นไร...
     

แชร์หน้านี้

Loading...