มหาราชจตุโลกบาล แห่งทิศทักษิณ กับประเทศไทย

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์ธรรมเทพ, 17 พฤศจิกายน 2009.

  1. ศิษย์ธรรมเทพ

    ศิษย์ธรรมเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +786
    [FONT=&quot]ท้าววิรุฬหกมหาราช ทรงเป็นเทวราชผู้ปกครองในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา[/FONT] [FONT=&quot]โลกบาลทิศทักษิณ กล่าวไว้ในทิพยมนต์ทรงเป็นอธิบดีแห่งกุมภัณฑ์ แต่ในอาฏานาติยปริต หรือ บทภาณยักษ์กล่าวว่าเป็นอธิบดีของเทวา ในหนังสือตำนานเทวกำเนิด ของพระยาสัจจาภิรมณ์ กล่าวว่าเทวราชที่ปกครองทิศทักษิณ คือ พระยม หรือ ท้าวพญายมราช ในที่นี้ข้าพเจ้าจะขอเรียบเรียงเพื่อถวายพระเกรียรติแด่ องค์ท้าววิรุฬหกมหาราช และเพื่อประโยชน์ในการศึกษาของผู้ที่มีศรัทธา[/FONT]

    [FONT=&quot]ในเทวตำนานยุคต้น เป็นยุคก่อนพุทธกาล การกล่าวถึงเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะเป็นไปตามลัทธิความเชื่อของแต่ละวํฒนธรรม ส่วนใหญ่จะเป็นการเซ่นสรวงบูชาต่อเทพเจ้าผู้ดูแลปรกฏการณ์ตามธรรมชาติ เช่น เทพเจ้าแห่งไฟ หรือ เทพเจ้าแห่งลม เทพเจ้าแห่งฝน เป็นต้น ต่อมาศาสนาพราหมณ์ ซึ่งเป็นเป็นศาสนาที่มีความเชื่อแบบพหุเทวนิยม ได้มีการบัญญัติไว้ว่าเทพเจ้าผู้ปกครองดูแลในทิศใต้ หรือ ทิศทักษิณ คือพระยม ทรงเป็นเทวกำเนิด กล่าวคือ กำเนิดเป็นเทวดาโดยมิได้เป็นมนุษย์มาก่อน (ตามหลักพุทธศาสนา เรียกการเกิดแบบโอปปาติกะ) มีหน้าที่ดูแลทิศใต้ของโลกธาตุ โดยมีอีกหน้าที่หนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปทุกชาติพันภาษาทุกหมู่เหล่าวัฒนธรรมของโลกใบนี้ คือเป็นจ้าวแห่งนรก อันเป็นโลกวิญญาณเบื่องล่างเป็นที่ชดใช้ชำระวิญญาณที่ทำความผิด ซึ่งมีการกล่าวไว้ในหลายที่ว่า เทพารักษ์ผู้ปกปักษ์รักษาประเทศไทยคือ พระกาฬชัยศรี เจ้าพ่อเจตคุปต์ และ ยมฑูต ผู้เป็นบริวารของท้าวพญายมราช หรือ พระยม เป็นกุมภัณฑ์ พวกหนึ่ง จึงอาจกล่าวได้ว่า ในยุคต้นนั้นท้าวมหาราชแห่งทิศทักษิณ คือพระยม เป็นองค์เดียวกัน ด้วยเหตุว่ายุคต้นนั้นมนุษย์ ยังมีไม่มาก เทวมหาราชทั้งหลายทรงดำรงตำแหน่งต่างๆ เพื่อดูแลให้โลกธาตุและเหล่าวิญญาณทั้งหลายให้อยู่ด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย เมื่อเวลาผ่านเนิ่นนานมากยิ่งขึ้นมนุษย์มีมากขึ้นขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมต่างก็มีมากขึ้น มนุษย์ผู้มีคุณงามความดีมากขึ้นจนได้ไปเกิดบนสรวงสรรค์ ดังเช่น องค์เทวมหาราชอินทรา ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งแต่เดิมสวรรค์ชั้นนี้เป็นที่อยู่ของเหล่าอสูรเทพ แต่มิได้สร้างกุศลสิ่งใด เพลินเพลินอยู่กับน้ำสุธาทิพย์ จนถูกองค์เทวมหาราชขับให้ออกจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เช่นเดียวกันกับองค์เทวมหาราชผู้ปกครองโลกบาลแห่งทิศทักษิณเมื่อมีมนุษย์มากขึ้นผู้ที่สร้างบุญ-กรรมอันเหมาะสมกับตำแหน่งพระยม หรือ ท้าวพญายมราช กล่าวคือ มนุษย์ผู้หนึ่งนาม “กานากะ” เป็นผู้มีวิชาความรู้ในศาสตร์โบราณ จึงได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านในยุคที่มนุษย์ยังอาศัยอยู่เป็นชุมชนที่ไม่ใหญ่นัก ได้ใช้วิชาความรู้ที่มีดูแลทุกข์สุขของผู้ใต้ปกครองด้วยดี อยู่มาวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ฆ่ากันตายภายในหมู่บ้านผู้นำต้องหาตัวคนผิดเพื่อลงโทษ ซึ่งโทษก็คือต้องตายตกตามกัน ท่านที่เป็นผู้นำจึงได้ใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาเสกแป้งซัดออกไป ปรากฏเป็นรอยเท้าของผู้กระทำผิดเมื่อติดตามไป ปรากฏว่าผู้ที่เป็นฆาตกรนั้นก็คือบิดาของท่านเอง เมื่อเป็นดังนี้ท่านผู้มีจิตใจอันเป็นธรรมอย่างยิ่งได้ตัดสินให้ประหารฆาตกรผู้เป็นบิดาของท่านเอง ด้วยจิตที่เศร้าหมองที่ต้องตัดสินให้ประหารบิดาท่านจึงลาออกจากการเป็นผู้นำเร่ร่อนออกจากหมู่บ้านไปจนกระทั่งตายอย่างเดียวดาย เมื่อสิ้นชีวิตจากโลกมนุษย์ดวงวิญญาณของท่านได้รับการสรรเสริญในความเที่ยงธรรมเทวดาทั้งหลายจึงได้สถาปนาให้ท่านดำรงตำแหน่ง พระยม หรือ ท้าวพญายมราช เมื่อมีผู้บุญญาธิการได้รับสถาปนาจากเทวสภา เทวสภาจึงสถาปนาอัญเชิญมหาราชแห่งทิศทักษิณขึ้นปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาทรงพระนาม “ท้าววิรุฬหกมหาราช” โดยทั่วไปการเผยแผ่ประวัติของมหาราชพระองค์นี้ไม่มากเหมือน ท่านท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร ซึ่งเป็นมหาราชผู้ปกครองโลกบาลแห่งทิศเหนือ ซึ่งในสมัยพุทธกาลท้าวมหาราชทั้ง ๔ พร้อมทั้งมวลมหาพรหมเทพทั้งหลายได้กราบทูลเชิญพระมหาโพธิสัตว์ให้เสวยพระชาติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ เพื่อตรัสรู้เป็นสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า[/FONT]<o>:p></o>:p>
    [FONT=&quot]ท้าวมหาราชทั้ง ๔ นั้น มี ท้าวธตรฐมหาราช จ้าวแห่งคนธรรพ์ ปกครองทิศตะวันออก ท้าววิรุฬหกมหาราช จ้าวแห่งกุมภัณฑ์(เทวา) ปกครองทิศใต้ ท้าววิรูปักมหาราช จ้าวแห่งพญานาค ปกครองทิศตะวันตก ท้าวกุเวร(ท้าวเวสสุวรรณ) จ้าวแห่งยักษ์ ปกครองทิศเหนือ เหล่าบริวารของท้าวมหาราชทั้ง ๔ นั้นมีหน้าที่ในการดูแลในสถานที่ต่างๆ เช่น ป่า เขา แร่ธาตุ ทรัพยากร ปูชนียสถาน ปูชียวัตถุ ในทั่วทุกภูมิภาคของมนุษย์โลก หรือจะเรียกอีกอย่างว่า “เทพารักษ์” ดังนี้จึงมีเรื่องเล่าและความเชื่อเกี่ยวกับยักษ์หรือเทวดาและพญานาค ปกปักษ์รักษาทรัพย์สมบัติ ลักษณะคล้ายคลึงกันทั่วทุกภูมิภาคทุกวัฒนธรรมทั่วโลก ในที่นี้จะขอกล่าวถึงกุมภัณฑ์บริวารแห่งท่านท้าววิรุฬหกมหาราช มีการบันทึกความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรต่างๆในประเทศไทยของเรามาตั้งแต่สมัยเริ่มสร้างอาณาจักรเชียงแสน มีการสร้างเสาอินทขิล (หลักเมือง) และสร้างรูปกุมภัณฑ์ ๒ ตน เฝ้ารักษาเสาและอาณาจักร จวบจนกระทั่งในสมัยอาณาจักรหริภุญชัย การสร้างพระธาตุหริภุญชัย ก็มีการสร้างรูปกุมภัณฑ์เพื่อดูแลปกปักษ์รักษาองค์พระธาตุฯ และยังสามารถพบเห็นทั่วไปในจังหวัดภาคเหนือในพื้นที่อาณาจักรล้านนาจนถึงปัจจุบัน [/FONT]<o>:p></o>:p>
    [FONT=&quot]ท้าวมหาราชทั้ง ๔ เป็นที่เคารพกราบไหว้ของชาวพุทธทั่วโลก ด้วยมีการแสดงไว้ในพระสูตร หรือ แม้แต่พุทธประวัติอย่างชัดเจนว่า ทรงแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะได้บรรลุคุณธรรมแห่งอริยะบุคคล มีหน้าที่เทิดทูนพระพุทธศาสนา ช่วยเหลืออุปฐากผู้ทำความดี จึงมีเทวรูปของมหาราชทั้ง ๔ อยู่ทุกวัดพุทธศาสนาในนิกายมหาญาณ (วัดจีน) สำหรับวัดพุทธศาสนาในประเทศไทยก็มีหลายวัด หนึ่งในนั้นมีวัดญาณสังวราราม มีการสร้างเทวรูปองค์ท้าววิรุฬหกมหาราชและศาลาปฏิบัติธรรมถวายพระนาม“ศาลาท่านท้าววิรุฬหกมหาราชพุทธบัญฑิต” เพื่อถวายกุศลด้วยเหตุที่สยามประเทศ หรือ
    ราชอาณาจักรไทยนี้ตั้งอยู่ในทิศใต้ของโลก [/FONT]<o>:p></o>:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2013
  2. ศิษย์ธรรมเทพ

    ศิษย์ธรรมเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +786
    คำบูชา ท้าวมหาราชจตุโลกบาล

    ปุริมะทิสัง ธตรัฐโถ ทักขิเนนะ วิรุฬหโก ปัจฉิเมนะ วิรูปักโข กุเวโร อุตตะรัง ทิสัง จัตตาโรเตมหาราชา โลกะปาลา ยัสสะสิโน เตปิตุมเห อานุรักขันตุ อาโรขะเยนะ สุเขนัสสะ
     
  3. ศิษย์ธรรมเทพ

    ศิษย์ธรรมเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +786
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2022
  4. nuttyty

    nuttyty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +579
    อนุโมทนาครับ อนุโมทนาครับ อนุโมทนาครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  5. ศิษย์ธรรมเทพ

    ศิษย์ธรรมเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +786
  6. tonyoam

    tonyoam Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +29
    ดูจากหนังสือ PDF นั้นแล้ว คิดว่า เราอาจได้ข้อมูลมามจากแหล่งเดียวกันนะครับ คุณศิษย์ธรรมเทพ... ขอเสริมสักหน่อยก็แล้วกัน

    องค์พระยายามราชนั้น ก็เป็นชื่อตำแหน่ง ที่ใช้คุมนรก ทรงปกครองการตัดสินคดีของผู้ที่เป็นสามัญชน และเหล่าสรรพวิญญาณ ทั่วๆ ไป..

    แต่ตำแหน่ง "องค์พระธรรมิการช" นั้น เป็นอีกตำแหน่งหนึ่ง ที่จิตดวงเดียวกันนี้ กระทำหน้าที่ตัดสินโทษของเทวดาทั้งหลาย รวมถึงใช้ในการเสด็จทรงรับพระวิญญาณของกษัตริย์ รวมถึงจิตของพระอริยเจ้า เมื่อท่านเหล้านั้น ละสังขาร...

    เปรียบเสมือนข้าราชการหนึ่งคน มีเสื้อ 2 ชุด ใส่ในวาระที่ต่างกัน แต่ตำแหน่งที่สองนั้น ทรงประกอบกิจเป็นวาระๆ มิได้ประจำเสมอ คือ ทำหน้าที่เป็นคราวๆ ไป ตามที่เทวดามาทูลเชิญ และเมื่อต้องเชิญเสด็จพระวิญญาณ หรือ พระจิต ของบุคคลดังกล่าวข้างต้นเหล่านั้น

    อันนี้ ก็ไม่ได้มีหลักฐานยืนยัน เพียงแต่ได้ทราบมาเท่านั้นครับ
     
  7. ศิษย์ธรรมเทพ

    ศิษย์ธรรมเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +786
    วนอุทยานจตุรังสี เทวาลัยท้าววิรุฬหกมหาราช ณ.วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • img097.jpg
      img097.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.3 KB
      เปิดดู:
      123
    • img099.jpg
      img099.jpg
      ขนาดไฟล์:
      121.3 KB
      เปิดดู:
      154
    • C112.jpg
      C112.jpg
      ขนาดไฟล์:
      151.7 KB
      เปิดดู:
      210
    • C113.jpg
      C113.jpg
      ขนาดไฟล์:
      129.6 KB
      เปิดดู:
      127
    • C114.jpg
      C114.jpg
      ขนาดไฟล์:
      199.7 KB
      เปิดดู:
      101
    • C115.jpg
      C115.jpg
      ขนาดไฟล์:
      139.4 KB
      เปิดดู:
      116
  8. ศิษย์ธรรมเทพ

    ศิษย์ธรรมเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +786
    คำสนทนาระหว่างท่านท้าววิรุฬมหาราช และ สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฒฺโน)
    ณ.พระตำหนักคอยท่าปราโมช วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อ วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๒๑

    เสด็จพ่อ(ท่านท้าววิรุฬหกมหาราช) ข้าพระพุทธเจ้าในนามว่า “วิรุฬหก” ขอน้อมถวายเครื่องสักการะนี้แก่องค์ผู้ทรงศีล ผู้ทรงปัญญา ผู้ทรงธรรม ขอท่านได้ประทานแมตตาธรรมอันสูงที่เปี่ยมอยู่ในสัจจะแห่งท่าน ได้โปรดเป็นประธานในพิธีเททองรูปสมมติแห่งข้าพระพุทธเจ้า ที่บรรดาศิษยานุศิษย์ลูกๆ ทั้งหลายน้อมจิตตั้งมั่นต้องการให้อุบัติขึ้นในโลกมนุษย์ด้วยความกตัญญูอันนี้ ขอท่านผู้บริสุทธิ์แล้วได้โปรดรับและประทานเมตตาให้การตั้งมั่นในครั้งนี้ได้สำเร็จสัมฤทธิ์ผลด้วย ท่านผู้ทรงศีลจะทรงประทานเมตตารับในคำอาราธนาแห่งข้าพระพุทธเจ้าด้วยหรือไม่

    สมเด็จฯ (สมเด็จพระญาณสังวร) อนุโมทนารับ

    เสด็จพ่อ สมแล้วดังกิตติศัทพ์ร่ำลือว่า ท่านเป็นผู้ที่ทรงเปี่ยมด้วยศีล ปัญญา อันบริสุทธิ์ มีเมตตาธรรมอันสูงส่งเหนือกว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายที่พึงจะได้ประสบ

    สมเด็จฯ คณะศิษยานุศิษย์ลูกของท่านท้าววิรุฬหกได้มาแจ้งเรื่องที่จะหล่อรูปสมมติของท่านท้าวฯ และโยที่ได้ยินกิตติศัพท์ของท่านท้าวฯ จากศิษยานุศิษย์บางคน สรรเสริญถึงเมตตากรุณาของท่านท้าวฯ ที่ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ตลอดจนถึงได้สนทนาธรรมะของพระพุทธเจ้า และอบรมให้ทุกคนตั้งอยู่ในความดีและช่วยเปลื้องทุกข์ให้แก่คนที่มีความทุกข์ทั้งทางร่างกาย และ ทางจิตใจ ตลอดจนแนะนำข้อที่ถูกต้อง ให้คำพยากรณ์หลายข้อหลายประการซึ่งเป็นการถูกต้อง เพราะฉะนั้นจึงรู้สึกชื่นชมอนุโมทนามานาน แต่ว่าเพิ่งมีโอกาสได้พบท่านท้าวฯ ซึ่งมาที่นี่ในร่างทรงในวันนี้ ในวันที่จะมีพิธีหล่อรูปสมมติของท่านท้าวฯ ในวันนี้ จึงมีความอนุโมทนาในการอันเป็นกุศศล และ กุศลจิตเปี่ยมด้วยเมตตากรุณณาของท่านท้าวฯ ที่ได้มาช่วยแก่บรรดาศิษยานุศิษย์และลูกศิษย์ทั้งหลายในโอกาสนี้ด้วย

    เสด็จพ่อ ด้วยเหตุการณ์ปัจจุบัน เป็นส่วนมากแห่งมนุษย์มีความเสื่อมด้านจิต ดังองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “มนุษย์นั้นเป็นผู้ประเสริฐแล้ว เพราะมนุษย์นั้นเป็นผู้ที่มีบุญบารมีอันจะได้ก้าวเดินถึงนิพพานในเบื้องหน้าได้” ด้วยในกาลปัจจุบันมนุษย์หาได้มีจิตประเสริฐสมดังกายที่ได้ก่อสร้างขึ้นมาไม่ ขณะนั้นไม่เพียงพอ เมื่อจิตตนเองเสื่อมยังกาญด้วยความโง่เขลา อ้างว่านั่นเพราะศาสนาเสื่อม ความจริงอันนั้นไม่ถูกต้อง สำหรับธรรมะบางข้อบางประการที่ให้แก่บรรดาลูกๆ ทั้งหลายนั้นก็ได้อาศัยกลักได้อาศัยฟัง เมื่อครั้งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประการศศาสนาในโลกมนุษย์ และ บางมนุษย์ก็เข้าใจไขว้เขว มักอวดอ้างว่าตนรู้โดยไม่เข้าถึงการณ์ จึงจำเป็นจะต้องแก้ไขให้พิจารณาใหม่เพื่อจะได้ถูกต้องสมเป็นพุทธมามกะ ด้วยสัจจะตั้งมั่นแห่งข้าพระพุทธเจ้าในชั้นแรกนี้มุ่งหวังที่จะอัญเชิญพระสัจจธรรมแห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าประทานให้โดยแท้จริง แต่เมื่อรับปฏิบัติแล้ว ก็ได้เห็นว่า มนุษย์ก็คือมนุษย์ยังติดอยู่ในลาภ-ยศ เป็นอันมาก ถ้าอาศัยหลักธรรมล้วนๆ แล้ว ก็เปรียบเหมือนตักน้ำรดหัวตอ จึงจำเป็นจะต้องกระทำบางอย่างอันจะเป็นเครื่องชักนำชี้ให้มนุษย์ผู้ประสบพบเห็นได้ยอมศิโรราบยอมนอบน้อม เพื่อเป็นจุดที่จะชักพาให้ถึงพระนิพพาน ให้ถึงหลักธรรม ฉะนั้ถ้าแม้มีบรรดาลูกๆ คนใดได้นำข่าวอันเกี่ยวแก่ข้าพระพุทธเจ้าว่าได้สร้างอภินิหาร กฤษฎาอันใดก็ขออย่าได้เชื่อ หรือ อย่าได้สรรเสริญเขาเหล่านั้นเลย เพราะนั่นเป็นหนทางที่ไม่ใช่หนทางแห่งความพ้นทุกข์ที่แท้จริง และตัวข้าพระพุทธเจ้าทั้งที่รู้ว่าไมใช่หนทางที่แท้จริงก็ได้กระทำในวิถีทางนั้นหลายครั้ง ก็ด้วยจุดประสงค์เพื่อชักนำให้เขาเหล่านั้นมีจิตมั่นเพราะความเคารพมั่นแล้ว ย่อมจะทำให้มีจิตสมาธิอันเข้มแข็งที่ได้ฟัง และ เชื่อมั่นในคำสั่งสอนอบรมที่แนะนำให้ ความตั้งมั่นอันนั้นในวันนี้ก็ได้พิจารณาว่าจะกระทำถวายท่าน ได้พิจารณาว่าที่สถานที่แห่งนี้ เป็นของผู้ทรงบริสุทธิ์ เป็นดินแดนที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานไว้จึงกราบขออภัยที่จะละเว้นงดการกระทำอันนั้นแต่จะนำมาถวายในภายหลัง

    สมเด็จฯ ข้าพเจ้าเห็นด้วยที่ท่านได้พูดในทางตรงที่ถูกต้อง แต่ว่าการที่จะนำไปสู่ทางพ้นทุกข์ล้วนๆ นั้น บางทีก็เป็นการยากสำหรับคนทั่วไป ฉะนั้นจึงได้ช่วยสงเคราะห์ด้วยลาภ-ยศในทางที่ควร ด้วยความเมตตา-กรุณา สำหรับที่จะชักนำไปสู่สัจจธรรมของพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นการกระทำที่ชอบ ที่ถูกต้อง แสดงถึงความเมตตา-กรุณา ของท่านท้าวฯ ที่ได้กรุณาแก่ลูกๆ ศิษยานุศิษย์ทั้งหลายด้วย ในโอกาสที่จะหล่อรูปสสมติในวันนี้ คุณผวน(พล.ร.ท ผวน ศรีเพ็ชร์)นำนี่ (แผ่นทอง) มาให้เข้าพิธีอาสาฬหะ และนี่ได้นำเข้าตามประสงค์แล้ว ก็มีทองสำหรับหล่อพระพุทธรูป ภปร. ที่จะประสมหล่อพระปรางค์ คิดว่าจะมอบสำหรับหล่อรูปท่านท้าวฯ สัก ๙ ชั้น ถ้าท่านท้าวเห็นสมควรก็โปรดรับ

    เสด็จพ่อ สัจจะนั้นยิ่งใหญ่กว่าทั้งมวล ตั้งมั่นแล้วในวันนี้ว่าที่นี่เป็นดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา จะไม่แสดงอานุภาพ อย่าได้คิดว่านี่เป็นสิ่งที่พวกเจ้านั่งอยู่ที่นี่คิดหวังเลย เพราะอันนั้นมิใช่ทางแห่งความหลุดพ้น ทางแห่งความมสุขที่แท้จริง องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าก็เคยแสดง แต่ว่าจะแสดงสำหรับผู้ที่มีจิตสันดานที่ต่ำ แต่เพื่อให้ลูกหลานทั้งหลายได้เคารพมั่น และได้ถึงพระรัตนตรัยที่แท้จริง

    สมเด็จฯ ที่ท่านท้าวฯ ได้พูดถูกต้อง

    เสด็จพ่อ เอาหล่ะ เมื่อสมควรแก่เวลา ข้าพระพุทธเจ้าขอลาท่านแล้ว.
     

แชร์หน้านี้

Loading...