มองปัญหาด้วยปัญญา

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 19 มีนาคม 2010.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา วิสัชนา : ฝืนธรรมชาติหรือเปล่า <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">14 มิถุนายน 2547 18:52 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา
    ฝืนธรรมชาติหรือเปล่า
    กราบนมัสการหลวงปู่ ลูกมีเพื่อนชายคนหนึ่ง หลังจากบวชแล้ว เขารู้สึกว่าธรรมะทำให้เขามีความสุขอย่างแท้จริง และเขาคิดว่าเมื่อถึงเวลาอันควรจะบวชตลอดชีวิต ตอนนี้เขาอายุ 28 ปี เขาปฏิบัติตัวและดำเนินชีวิตคล้ายพระ

    ลูกขอเรียนถามว่า เขาฝืนธรรมชาติหรือไม่ ในฐานะเพื่อน และบุคคลใกล้ชิดควรทำอย่างไร

    วิสัชนา
    "คุณผู้รู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้ง ขอบอกคุณว่า วิถีชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกันแล้วแต่บุญทำกรรมแต่ง ที่แต่ละคนจักเลือกสรรแสวงหา ซึ่งแต่ละวิถีที่เลือกสรรแสวงหา ขอเพียงเกิดขึ้นมาด้วยความพึงพอใจ อะไรๆ ก็สุขได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่กล่าวมานี้ อาจจะเป็นวิถีที่ให้เกิดความสุบแบบฉาบฉวย ไม่คงทนถาวร เป็นสุขที่จรมาแล้วก็จากไป แต่ความสุขที่เพื่อนชายคุณปรารถนา ค้นหาจนพบ ดูจะเป็นความสุขที่เกิดจากความพึงพอใจ แล้วยังเป็นความสุขที่จีรังยั่งยืน ก็ไม่น่าจะเป็นการฝืนธรรมชาติอะไร เพราะธรรมชาติของกายต้องมีใจเป็นนายเสมอ

    ขอเพียงพึงพอใจ เย็นกาย เบาสบายไปในที่สุด คุณก็อย่าคิดอะไรมากเลยปล่อยให้เขาได้ทำความรู้จักและค้นหาสิ่งที่เขาต้อง การให้พบเถิด เพราะอย่างน้อยเขาก็มิได้ทะยานอยากในทางที่ผิด"

    ปุจฉา
    อุบายดำรงสติ
    หลวงปู่ครับทำไมบางครั้งจึงขาดสติครับ ทั้งที่พยายามแล้ว และจะมีอุบายอย่างไรในการดำรงสติอยู่ทุกขณะ ทุกอิริยาบถ และ ทุกการกระทำ พูด คิด อ่านเขียน

    วิสัชนา
    "สิ่งที่คุณพูดว่า ทำไมบางครั้งจึงขาดสติ ซึ่งที่จริงแล้ว นี่แหละคือ การทำงานของสติ เพราะถ้าคุณไม่มีสติ คุณก็จักไม่รู้เลยว่าคุณกำลังขาดอะไร ถ้าจะถามฉันว่า การทำให้สติดำรงอยู่ตลอดเวลาทำอย่างไร เรื่องมันง่าย เพียงแค่คุณให้โอกาสสติที่มีอยู่ แสดงตัวออกมาอย่างเต็มที่ โดยที่พยายามขจัด ขัด แกะ แคะ งัด เครื่องปรุงทั้งหลายที่ปรากฏอยู่แก่จิตทุกดวง โดยมิให้มันแสดงอำนาจครอบงำจิตนี้ ด้วยการเฝ้าสังเกตุสิ่งที่ปรากฏขึ้นแก่จิตด้วยความจดจ่อ จับจ้อง จริงจัง ตั้งใจ อย่างรู้เนื้อรู้ตัว

    เหมือนดังบทโศลกที่ฉันเขียนขึ้นว่า ลูกรัก ขอเพียงเจ้ารู้จักแยกแยะ มิตรและศัตรูในตัวเจ้าให้ได้ พ่อว่า เจ้าคือพระพุทธะองค์หนึ่ง สาธุ สาธุ"

    ปุจฉา
    เทคนิคขุดลอกกิเลส

    กราบขอความเมตตาจากหลวงปู่ครับ ผมคิดว่าตัวเองดีขึ้นมามากในหลายๆ อย่างจากธรรมะและคำสอนของหลวงปู่ เช่น ความเป็นคนขี้โมโห ผมพยายามให้ความรัก ความเอื้ออาทรออกมาจากหัวใจบริสุทธิ์ แต่บางเวลาเมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่าง ขึ้นมาให้รับรู้ หรือไปทำสิ่งไม่ดีบางอย่าง ความรู้สึกที่ผมไม่ต้องการให้เกิดและพยายามเอาชนะมัน ก็เกิดขึ้นอีก นั่นคือ ความอิจฉาลึกๆ และ ความขี้ใจน้อย และที่สำคัญคือ ความเป็นคนคิดมาก (มากๆ ๆ ๆ) ซึ่งมันฝังแน่นในจิตใจ
    เหลือเกินครับ พอรู้ตัว(ระหว่างเกิดความรู้สึก) แลรู้สึกผิด รู้สึกว่าตัวเองแย่มากๆ เสียใจเหลือเกิน ไม่อยากจะให้อภัยตัวเอง คิดมากไปต่างๆ นาๆ

    หลายครั้งที่ผมไปวัด ไปฟังธรรมจากหลวงปู่ ผมรู้สึกละอายใจมากๆ ๆ ครับ จนไม่กล้าไปอีก แต่ก็ยังไปครับ เพราะเป็นสิ่งเดียวที่ผมกระจ่าง สว่างขึ้น ทำแล้วรู้สึกดีมีประโยชน์ที่สุด ผมจะทำอย่างไรกับตัวเองดีครับ ในการกำจัด แก้ไข ไม่เพิ่มดีกรีให้ความรู้สึกแบบนั้น แลจะยืดมั่นในสิ่งดีงามได้ตลอดไปอย่างไร

    วิสัชนา
    "คุณกำลังตกอยู่ในพลังแห่งการเล่นกับกระแสแห่งอารมณ์ ดูช่างไม่น่าชื่นชมเลย ประโยชน์อะไรที่จักไปเสียใจ ใส่ใจกับสิ่งที่ล่วงไปแล้ว และไปพะวงระแวงกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึงทำไม ทำไมคุณไม่ให้ทุกอย่างกับปัจจุบัน และทำปัจจุบันให้สมบูรณ์ที่สุด แค่นี้คุณก็สามารถหยุดอดีตที่ขมขื่นเจ็บปวด พร้อมทั้งรังสรรค์อนาคตที่เบิกบานสุขสบาย เหล่านี้ให้เกิดขึ้นได้ ด้วยปัจจุบันที่สดใสสมบูรณ์ ฉันขอให้คุณหยุดเล่นกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว และอย่าใส่ใจสิ่งที่ยังมาไม่ถึงจงคำนึงถึงอยู่แต่ปัจจุบัน เท่านั้น"
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา-วิสัชนา <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">7 มิถุนายน 2547 15:35 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา ตร.วิสามัญผู้ร้ายจะบาปมั้ย
    นมัสการค่ะหลวงปู่ หนูอยากทราบว่า
    1. การที่ตำรวจหรือทหารได้ทำการวิสามัญฆาตกรรมผู้ร้ายนั้นไม่ทราบว่าบาปไหมคะ
    2. ทำไมตำรวจที่ทำการวิสามัญฯเหล่านั้นเขาไม่กลัวบาปกันบ้างหรืออย่างไร
    ขอความกรุณาหลวงปู่ช่วยตอบคำถามของหนูด้วยนะคะ ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

    วิสัชนา
    1.ถ้าเขาทำตามหน้าที่ มิได้มีเจตนา อาฆาต พยาบาท ไม่ถือว่าบาป เพราะบาป แปลว่า ความชั่วหยาบช้า แต่ก็ต้องถือได้ว่า เขากำลังทำกรรมที่เป็นปาณาติบาต
    2.ความกลัว มันอยู่แก่คนทุกคน สัตว์ทุกตน แหละคุณ ขึ้นอยู่ที่ว่าจะกลัวแบบไหน กลัวดี กลัวชั่ว หรือกลัวจน กลัวเจ็บ กลัวตาย ได้กลัวดี กลัวชั่ว ยังถือว่า กลัวที่เนื่องด้วยผู้อื่น แต่กลัวจน กลัวเจ็บ กลัวตาย เหล่านี้ถือได้ว่า กลัวเพื่อตนเองล้วนๆ

    ปุจฉา ถ้าจะตายควรทำอะไรก่อน
    กราบนมัสการหลวงปู่ที่เคารพ หนูอยากทราบว่าถ้าหนูตาย หนูควรทำอะไรก่อนตายดีคะ ขอความเมตตาองค์หลวงปู่ตอบคำถามด้วยค่ะ

    วิสัชนา
    ทำไมจะรีบตายเสียล่ะ สิ่งดีๆ ในโลกนี้ยังมีรอหนูให้ไปรับรู้ ศึกษาอีกเยอะ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน แต่ถ้าสถานการณ์วิกฤติ ที่ต้องเผชิญกับความตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นนี้ก็ต้องทำจิตให้สงบ อย่าฟุ้งซ่าน แล้วระลึกถึงบุญ คุณงามความดีที่หนูทำมา แต่ถ้ายังมิเคยทำเอาไว้เลย ก็ให้นึกถึงบุญ คุณความดีของใครก็ได้ ฝึกแล้วจักทำให้จิตนี้สุขสงบ สบาย

    ปุจฉา ผีเข้าสิงได้มั้ย
    กราบนมัสการหลวงปู่พุทธอิสระ
    1. คนเราตายแล้วไปไหน
    2. กายของมนุษย์มีโอกาสถูกครอบงำโดยจิตวิญญาณดวงอื่นหรือไม่ และถ้าหากมีเราจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร

    วิสัชนา
    1. ไปตามกรรม ทำกรรมดี ก็ไปสู่สุคติภพ คือ เทวดา พรหม มนุษย์
    ทำกรรมไม่ดี ก็ไปสู่ทุคติภพ คือ สัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย และ สัตว์นรก
    2. เป็นไปได้ยาก ถ้ากายนั้นยังมีวิญญาณครองอยู่

    ปุจฉา ทำบุญแทนคนป่วย
    กราบนมัสการหลวงปู่ ลูกกราบเรียนถามธรรมะจากหลวงปู่เป็นข้อๆดังนี้
    1. เราจะทำบุญแทนพี่ชายที่ป่วยเป็นอัมพาตได้อย่างไร เพราะเขาไม่สามารถที่จะทำได้ เพราะรู้ว่าเป็นโรคเวรโรคกรรม จึงอยากที่จะเอาบุญรักษาเขา แต่ไม่ทราบว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อที่เขาจะได้รับบุญจากที่เราทำไปให้เขา เพราะทุกวันนี้ลูกทุกข์ใจมาก เพราะสงสารแม่ที่จะต้องคอยดูแลรักษา ท่านเหนื่อยมาก และมีพี่ชายกับพี่สาวอีก 2 คนที่ป่วยเหมือนกันแม่ก็ต้องคอยดูแล ลูกอยากที่จะช่วยเหลือพวกเขาแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร
    2. ลูกพูดธรรมะให้แม่ฟัง ตามหลักคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ เพื่อให้แม่เห็นธรรม ไม่ทราบว่าเป็นบาปไหม เพราะบางครั้งเหมือนสั่งสอนท่าน เพราะท่านไม่ค่อยที่จะฝักใฝ่ในธรรมเท่าใด

    วิสัชนา
    1. ทำให้เขาได้ ต่อเมื่อเขาต้องมีส่วนร่วมยินดีในการกระทำนั้นๆ ด้วย
    2. เจตนาที่คุณทำถือว่าดี แต่ก็คงต้องเลือกหาวิธีที่ถูกด้วย และวิธีที่ถูกคุณควรหาเทปธรรมะต่างๆ ไปเปิดให้ท่านฟังจะดีกว่า ถ้ามีเวลาก็พาท่านไปใส่บาตร รักษาศีล เจริญภาวนา ตามวัดต่างๆ บ้าง สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็ยังดี

    ปุจฉา ทำบุญกับพระจริงพระปลอม
    การทำบุญกับพระที่ปฏิบัติจริงๆ กับพระปลอม(คนห่มผ้าเหลือง) แต่ความตั้งใจในการทำบุญเท่ากัน อย่างใดจึงจะได้บุญมากกว่ากัน เพราะบางคนเขาต้องไปทำบุญกับพระที่ปฏิบัติในป่า แต่ไม่กล้าใส่บาตรให้พระที่อยู่ในกรุงเทพ อย่างนี้ถือว่าเป็นการเลือกทำบุญหรือไม่ เพราะเคยได้ยินว่าพระพุทธเจ้าให้เลือกทำบุญ เปรียบเหมือนกับการทำนาคือการที่เราหว่านนาในที่ลุ่มกับที่ดอนได้บุญต่างกัน เปรียบได้ว่าทำบุญกับพระปฏิบัติหรือทำบุญกับพระที่ศีลขาดได้เหมือนกันใช่ไหม คะ

    วิสัชนา
    คุณปลูกผลไม้ในดินดี พร้อมกันกับปลูกในดินไม่ดี แม้จักดูแลรักษาเท่ากัน ผลก็ย่อมออกมาแตกต่างกันอยู่ดี ทั้งที่ผลไม้ที่ปลูก ก็พันธุ์เดียวกัน คนปลูกคนเดียวกัน ดูแลรักษาเท่ากัน ผลที่ได้รับย่อมต่างกัน พืชที่ปลูกในดินดีย่อมให้ผลดีกว่า ฉันใดก็ฉันนั้น คนคนเดียวกัน มีศรัทธาเหมือนกัน ถวายอาหารชนิดเดียวกัน แต่ผู้รับต่างกัน ผลที่ได้ย่อมไม่เหมือนกัน

    ปุจฉา ขอถามเรื่องปฏิคาหก
    ปฏิคาหกคืออะไร เเละมีความสำคัญอย่างไร

    วิสัชนา
    ปฏิคาหก แปลว่า ผู้รับ ซึ่งคู่กับ ทายก แปลว่า ผู้ให้ คุณสมบัติของปฏิคาหก ต้องมีศีลเป็นสำคัญ เป็นผู้ช่วยให้ทานนั้นๆ สำเร็จประโยชน์แก่ผู้ให้ และหมู่ญาติของผู้ให้ ทั้งผู้ที่ยังมีชีวิตและล่วงลับไปแล้ว

    ปุจฉา ตึกอาถรรพ์
    คือว่าผมจะตั้งกิจการส่วนตัวที่ตึกแถวริมถนนแห่งหนึ่งครับ ซึ่งฝั่งตรงกันข้ามนั้น เป็นโรงพยาบาลด้วย ที่นี่เจ้าของตึกเคยตั้งกิจการมาก่อนแล้วครับ แต่อยู่ไม่ได้ เพราะเห็นบอกว่าผีดุและมาหลอกหลอนเป็นประจำ เลยประกาศให้เช่าในราคาถูก ผู้เช่ารายต่อมาก็ทำกิจการอีกเหมือนกัน เพิ่งเปิดได้ไม่ถึงเดือน ก็บอกกว่าจะย้ายออกแล้วเหมือนกัน แต่ด้วยความที่ตึกนี้เป็นตึก 4 ชั้นริมถนน เป็นตึกใหม่ตกแต่งไว้แล้ว ผมกับหุ้นส่วนจึงอยากจะได้ไว้ทำกิจการและค่าเช่ายังถูกมากด้วย จึงขอความเมตตาจากหลวงปู่นะครับ ว่าจะมีพิธีหรือวิธีปฏิบัติอะไรที่จะทำให้อยู่ได้อย่างเป็นสุข ทำมาค้าขึ้น ไม่มีปัญหาอะไรในการเช่าตึกนี้อยู่ ขอความกรุณาช่วยเหลือด้วยครับ กราบขอบพระคุณมากครับ

    วิสัชนา
    วันที่คุณเข้าไปใช้ตึก คุณควรอุ้มพระพุทธรูปเข้าไปก่อน แล้วรุ่งขึ้น ก็นิมนต์พระมาถวายสังฆทาน สัก 10 รูป กรวดน้ำ อุทิศผลบุญให้เจ้ากรรม นายเวร และสรรพสัตว์ ผู้ร่วมเกิดแก่ เจ็บตาย ที่อยู่อาศัยในตึกนั้นทุกวัน ถ้ามีโอกาสก็ให้ใส่บาตร ทำบุญอุทิศผลบุญให้เขาทุกวันติดต่อกัน 1 เดือน และถ้ามีโอกาสก็ใส่บาตรทุกวันพระต่อๆ ไป

    ปุจฉา หิ้งพระวางตรงไหนดี
    1. ที่บ้านคุณแม่ตั้งหิ้งบูชาพระอยู่ชั้นล่างในห้องกินข้าว หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ขณะที่ห้องนอนของผมอยู่ชั้น 2 อยู่เหนือหิ้งพระแต่เยื้องออกมาหน่อยจะผิดไหมครับ
    2. ที่บ้านของผมเอารูป ร.5 ตั้งอยู่ในห้องนอน ความสูงระดับหัวเตียงแต่วางอยู่ด้านข้างเตียงจะผิดไหมครับ
    ขอขอบคุณหลวงปู่มากครับ

    วิสัชนา
    1.ผิดหรือไม่ มันอยู่ที่คุณกระทำ ถ้าทำดี พูดดี คิดดี ก็ไม่มีอะไรผิด ถ้าทำไม่ดี พูดไม่ดี คิดไม่ดี มันก็ผิดทั้งนั้น เอาเป็นว่า ถ้าคุณไม่สบายใจ ก็ลองย้ายหิ้งพระให้อยู่ตรงกับห้องของคุณ
    2. ทำไมคุณไม่ติดเอาไว้ที่ข้างฝาเหนือศีรษะที่คุณนอนล่ะ
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา-วิสัชนา <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">31 พฤษภาคม 2547 16:50 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา เรื่องภิกษุณี
    กราบนมัสการรบกวนถามคำถามหลวงปู่ดังนี้ค่ะ หลวงปู่มีแนวความคิดเกี่ยวกับภิกษุณีอย่างไรและเป็นไปได้ไหมถ้าจะเปิดโอกาส ให้สตรีไทยได้มีโอกาสบวชเป็นภิกษุณีเพื่อได้ปฏิบัติธรรมได้เต็มที่ โดยมีพระนิพพานเป็นที่ตั้งสุดท้ายของชีวิต ขอรบกวนถามเพียงเท่านี้ กราบขอบพระคุณค่ะ

    วิสัชนา
    ไม่ต้องเป็นภิกษุณี ก็นิพพานได้ ขอเพียง "เพียรพยายาม ละชั่ว ทำดี ทำจิตนี้ให้ผ่องใส"

    ปุจฉา ขอวิธีการฝึกฝนตนเอง
    นมัสการองค์หลวงปู่พุทธะอิสระที่เคารพบูชาอย่างสูง ลูกขอปุจฉาคำถามเพื่อเป็นปัญญาด้วยดังนี้ การอยู่ในสังคมที่มีอกุศลจิตของผู้อยู่ข้างๆ ที่ติฉินนินทาผู้อื่น การถือตัวถือตนไม่อ่อนน้อม ยกตนข่มท่าน การเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเบียดเบียนผู้อื่น และพิจารณาเห็นทำให้บางครั้งเบื่อหน่าย จะทำอย่างไรที่จะมีส่วนช่วยให้บุคคลเหล่านี้สะอาด สว่าง สงบมากขึ้น ลูกรู้สึกว่าลูกยังมีปัญญาน้อย ยังมีความรักที่จะให้กับบุคคลเหล่านี้อยู่อย่างจำกัด ขอนมัสการถามองค์หลวงปู่ว่า ลูกจะมีวิธีการอย่างไรในการฝึกฝนตนเองให้เจริญปัญญายิ่งขึ้น สามารถอยู่ร่วมและเป็นประโยชน์ต่อบุคคลเหล่านี้ให้มากยิ่งขึ้นด้วยเถิด

    วิสัชนา
    ชั่วชีวิตของฉันไม่เคยมองโลกในแง่ดีเลย และก็ไม่เคยมองโลกในแง่ร้ายด้วย แต่ฉันจะมองโลกตามความเป็นจริงเสมอ เป็นความจริงที่คุณก็มิอาจปฏิเสธได้ว่า มนุษย์ทั่วไปมีลักษณะอย่างที่คุณยกตัวอย่างมา เมื่อคุณเปลี่ยนเขาไม่ได้แต่คุณสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ คุณลองเปลี่ยนตัวเองให้ยอมรับความเป็นจริง แล้วก็เข้าใจว่านี่คือธรรมชาติที่มีอยู่กับทุกคนไม่มากก็น้อย คุณจะได้ไม่จ้องจับผิดเขา และก็ไปคอยยกย่องเขา ปล่อยให้เขาเป็นไปอย่างที่เขาอยากจะเป็น ที่สุดธรรมชาติก็จะต้องลงโทษเขาเอง ทำไมคุณต้องไปเดือดร้อนแทนเขาด้วย หน้าที่ของคุณก็ต้องคอยระวังไม่ให้กระทำเช่นเขาก็แล้วกัน

    ปุจฉา อธิษฐานให้พ้นทุกข์
    กราบนมัสการองค์หลวงปู่ เราควรตั้งจิตอธิษฐานอย่างไร เพื่อการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด (คือโดยปกติหลังจากเจริญมนต์แล้ว นั่งสมาธิ พร้อมทั้งแผ่เมตตาขอสัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข ๆ เสมอ แล้วลูกควรหมั่นอธิษฐานอย่างไร เพื่อหลุดพ้นจากวัฎสงสาร) ขอความเมตตาองค์หลวงปู่ชี้แนะแนวทางปฏิบัติ ลูกขอขมามา ณ โอกาสนี้หากใช้ถ้อยคำหรือปฏิบัติไม่สมควร บุญกุศลที่ลูกได้ทำแล้วแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขอผลบุญนี้จงเป็น พลวปัจจัยให้หลวงปู่มีสุขภาพแข็งแรงเป็นที่พึ่งแก่สัตว์ทั้งปวง

    วิสัชนา
    พ้นทุกข์ มิใช่จักพ้นได้ ด้วยการอธิษฐาน แต่พ้นได้ด้วยการปฏิบัติ เจริญสติ จนลุถึงปัญญารู้แจ้งชัดตามความเป็นจริง จนไม่หลงไม่ยึดต่อในสรรพสิ่ง ภพชาติ

    ปุจฉา ใจวอกแวกตอนทำสมาธิ
    กราบนมัสการหลวงปู่ ลูกชอบการทำสมาธิ เริ่มฝึกมานานแล้ว แต่เวลาทำสมาธิ ไม่ค่อยสงบ จิตใจวอกแวกเสมอ อยากให้หลวงปู่ช่วยแนะนำด้วยค่ะ

    วิสัชนา
    คุณลองนั่งในท่าสบายๆ อย่างผ่อนคลาย แล้วหลับตา ใช้มือขวา โดยใช้นิ้วโป้ง ชี้ กลาง นาง ก้อย ทำหน้าที่แทนตา ด้วยการค่อยๆ คลำไปที่นิ้วโป้งของมือซ้าย คลำไปทีละข้อ คลำให้เจอกระดูก คลำด้วยความรู้สึกว่า นิ้วสัมผัสแทนตา คลำให้ครบทุกนิ้ว ทุกข้อกระดูก แล้วสลับเปลี่ยน

    ปุจฉา ผิดโดยไม่ตั้งใจ
    ขอกราบนมัสการเรียนถามหลวงปู่ว่า หากรู้ตัวว่าเคยทำความผิดที่ไม่ใช่ขั้นร้ายแรงนัก เช่นไปขอความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นบ่อยๆ ตอนหลังมารู้ได้ว่าเป็นการทำความชั่ว นั่นคือเป็นการทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน จะแก้ไขโดยกล่าวคำขอโทษแก่เขา แล้วพยายามพึ่งตนเองให้ได้ ไม่ทราบว่าจะเป็นวิธีการที่ถูกต้องหรือไม่เจ้าคะ หากยังไม่ถูกต้องขอความกรุณาให้หลวงปู่ช่วยบอกด้วยเจ้าค่ะ

    วิิสัช นา
    นับเป็นวิธีที่ดีที่สุด เท่าที่คุณทำได้

    ปุจฉา คุณสมบัติผู้ครองเรือน
    คนครองเรือนที่ดีและเลว 10 คืออะไรคะ มีอะไรบ้าง กรุณาอธิบายโดยละเอียด

    วิสัชนา
    เหมือนคุณถามเพื่อจะพยายามลองภูมิฉันอย่างนั้น เอาเป็นว่า จะตอบให้ฟัง ส่วนจะถูกใจคุณหรือไม่นั้นก็สุดจะบรรยาย
    คุณสมบัติของผู้ครองเรือน
    - เลี้ยงตนเอง พ่อแม่ บุตร ภรรยา บริวาร ให้เป็นสุข
    - บำรุงเพื่อนฝูงให้เป็นสุขควรแก่อัตภาพ
    - ป้องกันอันตรายที่จะเกิดจากเหตุต่างๆ
    - ทำพลี 5 อย่าง คือ สงเคราะห์ญาติ, ต้อนรับแขก, ทำบุญอุทิศแก่คนตาย, เสียภาษีตามหน้าที่, บริจาคทานในสมณพราหมณ์ ผู้ประพฤติชอบ
    ผู้ครองเรือนที่จัดว่าเลว คือ คนที่ทำสิ่งตรงกันข้ามกับที่กล่าวมาแล้ว และละเมิดในศีล 5
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา-วิสัชนา <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">17 พฤษภาคม 2547 16:10 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา ญานหยั่งรู้ใจมีจริงหรือ
    การทำสมาธิจนได้ฌาน แล้วสามารถหยั่งรู้ใจผู้อื่นได้(เหมือนในสมัยพุทธกาล) จริงหรือเท็จประการใดครับ ขอขอบพระคุณพระอาจารย์ที่ช่วยตอบครับ

    วิสัชนา
    อยากรู้คุณต้องลองทำดู และต้องทำให้ได้

    ปุจฉา ตามดูอารมณ์โกรธ
    กราบนมัสการ พระพุทธะผู้ประเสริฐ ลูกขอความเมตตาจากหลวงปู่ช่วยวิสัชนาด้วยเจ้าค่ะ เพราะลูกไม่ทราบว่าลูกจะทำวิธีไหนอย่างไรจึงจะถูกต้อง เกี่ยวกับการตามไปดูสภาวะอารมณ์ที่เกิดขึ้น เช่น เมื่อลูกเกิดความโกรธไม่พอใจขึ้นมา ลูกรู้ตัวว่าตัวเองโกรธ บางครั้งก็จะบอกตัวเองว่าโกรธคืออะไร เราโกรธใคร โกรธเป็นอย่างไร ขอดูหน้าตาความโกรธ แต่ในบางครั้งลูกจะหยุดเพื่อยุติดวงจิตที่โกรธ และรีบทำจิตให้สงบ บอกตัวเองว่าโกรธไม่ดี แล้วคิดเรื่องอื่นไป แต่ความโกรธก็จะกลับมาอีก ลูกจึงกราบนมัสการหลวงปู่ชี้แนะลูกด้วยเจ้าค่ะ

    วิสัชนา
    สิ่งที่คุณพิจารณา ใช้ได้ทั้งสองอย่าง มันขึ้นอยู่ว่า จะใช้ในเหตุการณ์เช่นไร ถ้ามีเวลามาก สถานการณ์มิได้บีบคั้นมากนัก ก็ให้ไปหาเหตุของความโกรธมาจากอะไร แต่ถ้าเวลามีไม่มาก สถานการณ์บีบคั้นรอบด้านอยู่มาก ก็ควรจักหยุดโกรธให้ได้ในขณะนั้น

    ปุจฉา วิญญาณเพิ่มมาจากไหน
    กราบนมัสการหลวงปู่ครับ ทำไมคนในโลกถึงเพิ่มขึ้นล่ะครับ เมื่อก่อนแค่ 10 กว่าล้านคน เดี่ยวนี้คนในโลกกว่าพันล้านคน ถ้าคนมีวิญญาณจริง วิญญาณของคนที่เพิ่มเหล่านี้มาจากไหนมากมายจนปัจจุบันคนแทบจะล้นโลกอยู่แล้ว ครับ ขอบคุณครับ

    วิสัชนา
    มนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์นรก พรหม เทวดา ทุกตนมีสิทธิมาเกิดเป็นมนุษย์ได้เท่าๆ กันเราก็มีสิทธิจะไปบังเกิดในภพภูมิที่กล่าวมาแล้วได้ เหตุนี้จึงทำให้บางยุค บางสมัย มนุษย์มีมากกว่าสัตว์ บางยุคบางสมัย สัตว์ก็มีมากกว่ามนุษย์ รวมทั้งชนิดอื่นๆ ด้วย

    ปุจฉา สงสัยเรื่องทุกข์..ทุกข์
    หลวงปู่ครับ ผมมีคำถามดังนี้ครับ
    1. สำหรับคนไม่คิดในสิ่งที่ทำให้ตัวเป็นทุกข์ มองโลกในแง่บวก เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส มองเห็นค่าของน้ำที่ยังเหลืออยู่ในขวดมากกว่าจะมองว่ามันเหือดแห้งไปเท่าไร มีชีวิตอยู่ด้วยแนวความคิดที่ดี เป็นบวก สร้างสรรค์ บุคคลเช่นนี้ถือว่าพ้นทุกข์แล้วหรือยังครับ
    2. เพราะเหตุใดจะพ้นทุกข์ตามที่พระพุทธศาสนาบอกไว้ได้ ต้องกำจัดกิเลสให้สิ้นก่อนด้วยครับ
    3. เคยมีคนบอกว่าการพ้นทุกข์ การนิพพานทางพระพุทธศาสนานั้น จะไร้ทั้งทุกข์และสุข คือไม่มีอารมณ์ทั้งความสุข ความทุกข์เลย เป็นความจริงไหมครับ

    วิสัชนา
    1.ยัง
    2.ดับกิเลสและกองทุกข์ได้ทั้งหมดจึงจะได้ชื่อว่า ผู้พ้นแล้ว
    3.เมื่อไม่มีการเกิด ไม่มีตัวตน ไม่มีจิตที่จะให้เกิด แล้วความทุกข์จะเกิดจากที่ไหน

    ปุจฉา อยากรู้เรื่องเอตทัคคะ
    พระที่ได้เอตทัคคะจากพระพุทธเจ้าจำเป็นต้องสำเร็จอรหันต์หรือไม่

    วิสัชนา
    เอตทัคคะ เป็นดังความช่ำชอง เชี่ยวชาญ ชำนาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ถือได้ว่าเป็นคุณสมบัติพิเศษเฉพาะบุคคล ไม่มีอยู่ทั่วไปในผู้อื่น อีกทั้งยังโดดเด่นกว่า คุณสมบัติทั้งปวงที่มีอยู่ในตน สำหรับมนุษย์เราจะเป็นคุณสมบัติอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าอรหันต์เป็นไม่มี แต่ถ้าอรหันต์นั้นๆ มีความสามารถพิเศษกว่า เลิศกว่า ท่านก็เรียกความสามารถนั้นว่าเป็นผู้เลิศ เป็นเอตทัคคะ

    ปุจฉา ข้อห้ามของใคร?
    หลวงปู่ครับ ข้อความที่ว่าวันพุธห้ามตัดพฤหัสห้ามถอนนั้นเป็น ข้อห้ามของใคร มีเหตุผลอย่างไรบ้างครับ เช่นร้านตัดผมส่วนมากจะหยุดวันพุธ ขอบพระคุณมากครับ

    วิสัชนา
    เป็นความเชื่อของคนโบราณ เรื่องราศี หมอดู โหราศาสตร์ ไม่ได้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาหรอกคุณ ฉันเห็นวันโกนที่ตรงกับวันพุธ พระท่านก็โกนหัวกันทั้งแผ่นดิน ไม่เห็นจะหัวขาดเลย เชื่อโบราณมากมักจะบานบุรี ให้เชื่อแต่เพียงพอดี พาปัญญาให้เจริญ เช่นนี้ควรเชื่อ

    ปุจฉา ถวายข้าวพระพุทธ
    อยากจะเรียนถามหลวงปู่เกี่ยวกับการถวายข้าวพระพุทธ เพราะได้ฟังจากรายการโทรทัศน์ว่าเป็นการแสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้า ขอให้หลวงปู่อธิบายด้วยค่ะ และการถวายควรจะถวายปริมาณแค่ไหน

    วิสัชนา
    ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ การแสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้าสูงสุด คือการปฏิบัติธรรม รักษาศีล เจริญภาวนา

    ปุจฉา มังสวิรัติมีในพระไตรปิฎกหรือเปล่า?
    ผมอยากกราบเรียนท่านเพื่อขอทราบทัศนะต่อเรื่องอาหารมังสวิรัติ ว่าทางพระพุทธศาสนานั้นได้กล่าวไว้อย่างไรบ้าง และได้มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกหรือไม่ครับ

    วิสัชนา
    อาหารมังสวิรัติ ในพระไตรปิฎก มิได้กล่าวเอาไว้โดยตรง จะมีก็แต่คำขอของพระเทวทัต ที่มีต่อพระพุทธเจ้าให้ทรงบังคับพระภิกษุสงฆ์ฉันแต่ผัก ห้ามฉันเนื้อ พระพุทธเจ้าทรงเห็นว่า พระภิกษุสงฆ์มีชีวิตอยู่เนื่องด้วยชาวบ้านเลี้ยง จักไปเลือกมิได้ จึงไม่ทรงอนุญาตเรื่องเกี่ยวกับอาหารมังสวิรัติ ที่มีมาในพระไตรปิฎก ดูจะมีเพียงแค่นี้ แต่ใครจะไปกินได้มากกว่านี้ก็ต้องขออนุโมทนา
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา-วิสัชนา <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">10 พฤษภาคม 2547 15:26 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา วิธีบำเพ็ญตนของปุถุชน
    กราบเรียนปุจฉาหลวงปู่ครับ บุคคลที่ปราถนาที่จะฝึกตนให้มีโพธิจิตบังเกิด ขึ้นนั้น จะต้องมีความรักเมตตาจิตให้กับสรรพสัตว์อย่างไม่มีประมาณใช่ไหมครับ ? แต่ถ้าในบางครั้งคนๆ นั้นซึ่งยังเป็นปุถุชนที่ยังมีกิเลสอยู่ และยังต้องการความรักในทางโลกจากคนอื่นอยู่ เขาควรจะทำอย่างไรครับ? ถ้ายังปฏิบัติตนไม่ดีพอหรือ ยังตัดความต้องการทางโลกไม่ได้ ขอความเมตตาจากหลวงปู่ครับ

    วิสัชนา
    "ใช่ครับ ก็บำเพ็ญบารมีธรรมทั้ง 10 ต่อไป จนกว่ากายและใจจะเข้มแข็ง พร้อมที่จักพึ่งตนและทำตนให้เป็นที่พึ่งแก่ผู้อื่นได้ เหตุเพราะผู้บำเพ็ญตนให้อยู่ในโพธิศรัทธา ปฏิบัติตนตามวิถีแห่งพระโพธิญาณ จนสั่งสมอบรมโพธิบารมีได้ดี เพราะโพธิปัญญาสามารถนำพาตนให้เข้าถึงโพธิธรรมได้นั้น ล้วนแต่ต้องใช้ เวลา เป็นร้อยชาติ พันชาติ ถึงจะบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ ขณะที่บำเพ็ญ อยู่แต่ละชาติ ก็มีทั้ง รัก โลภ โกรธ หลง แต่สุดท้าย ต้องไม่ตกเป็นทาสของสิ่งเหล่านั้น ตัวอย่างพระโพธิสัตว์ห้าร้อยชาติเป็นต้น สาธุ สาธุ"

    ปุจฉา กินเหล้าหนีทุกข์
    ทำไมคนเราเวลาดีใจก็กินเหล้า เสียใจก็กินเหล้า มันช่วยปลดทุกข์ หนีทุกข์ได้หรือไม่

    วิสัชนา
    เหล้า มิได้ทำให้ใครหนีทุกข์ ปลดทุกข์ หรือว่าหายทุกข์ได้เลย ถ้าเหล้าสามารถทำให้ทุกข์หมดได้ ถ้าเช่นนั้นคนต้มเหล้าก็คงจะเป็นศาสดาแล้ว เหล้า นอกจากจะไม่ทำให้ทุกข์หายแล้ว ยังจะเป็นการเพิ่มทุกข์ให้มากขึ้นอีก เช่น ทำให้เสียเงิน เมาแล้วทำให้ครองสติไม่อยู่ระงับอารมณ์ไม่ได้ อาจทำให้ทำผิด พูดผิด จนเพิ่มทุกข์ให้มากขึ้นก็ได้
    นอกจากนี้ เหล้ายังเป็นเหตุให้เกิดโรคมากมายหลายอย่าง เหล้ายังทำให้ไม่มีผู้ใดไว้วางใจเชื่อถือในตัวเอง เป็นเหตุให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะไม่ละอายที่จะแสดงกิริยาอาการ เอะอะโวยวาย แถมยังทำให้ผู้ดื่มและติดมัน สติไม่ดี มีความทรงจำและปัญญาเสื่อมถอย ไม่เห็นมีข้อไหนที่เหล้าจะช่วยปลดทุกข์ได้เลย

    เพราะฉะนั้น คนที่คิดหรือพูดว่า ดื่มเหล้าแล้วลืมทุกข์ ปลดทุกข์ได้นั้น แสดงว่า เค้ากำลังจะหลอกตัวเอง ซ้ำยังพยายามที่จะทำร้าย ทำลายตนเอง เมื่อเห็นคนเช่นนี้ เราต้องช่วยเตือนเขา บอกเขา ทำให้เขารู้ความจริง แล้วหาวิธีที่ถูกที่ตรงในการ ปลดทุกข์ แก้ทุกข์ในโอกาสต่อไป
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา-วิสัชนา <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">30 เมษายน 2547 12:03 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา วินัยในตัวเอง
    ผมขอเรียนถามหลวงปู่ว่า วินัยในตัวเองคืออะไร

    วิสัชนา
    วินัยในตัวเองมันเริ่มต้นด้วยคุณคิดอย่างไร ก็พูดอย่างนั้น พูดอย่างไร ก็ทำ อย่างเดียวกัน ด้วยความไม่ขัด ไม่เขิน ไม่ทำให้ตน และคนอื่นเดือดร้อน วินัยในตนเองนี้ต้องรวมไปถึงการมีสัมพันธ์ภาพอันดีต่อกันและแม้แต่ในตนและคน อื่น

    ปุจฉา โลกของพุทธะ
    กราบนมัสการองค์หลวงปู่พุทธอิสระที่เคารพอย่างสูง
    ในโลกของพุทธะจะต้องประพฤติปฏิบัติอย่างไร ลูกขอความเมตาด้วยครับ

    วิสัชนา
    เริ่มต้นจากการมีน้ำใจ รู้จักให้ เมตตา อาทรต่อเพื่อนผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย
    เพียรพยายามรักษากาย วาจา ให้เป็นปกติ รักษาใจให้สงบ ปลอดจากอารมณ์และมลภาวะทั้งปวง

    ทำทุกวิถีเพื่อให้เขาถึงความรู้เห็น ตามความเป็นจริง ของสรรพสิ่ง สรรพสัตว์ สรรพชีวิตมีความขยันหมั่นเพียร ที่จะประกอบคุณงามความรู้ และละชั่ว

    ทำการทุกอย่างดังกล่าวมาแล้ว ด้วยความอดทน อดกลั้น มีความจริงใจต่อเรื่องที่เราทำ คำที่เราพูด สูตรที่เราคิด ทั้งกับตนและคนอื่น

    มีความตั้งมั่นในการกระทำคุณงามความดี อย่างไม่ย่นย่อ ไม่ท้อถอย รู้จัก วางเฉยในอารมณ์ที่มากระทบจากตาเห็นรูป หูฟัง จมูกดมกลิ่น ลิ้นรับรส กายถูกต้องสัมผัส อย่าให้เกิดอารมณ์ใดๆ กับใจ ทุกอย่างนี้ทำด้วยสติตั้ง มั่น
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา-วิสัชนา <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">26 เมษายน 2547 14:55 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา จิตตกอยู่เสมอ
    ขอความเมตตาหลวงปู่ให้คำชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ ลูกมีสภาวะจิตตกอยู่เสมอ มีอารมณ์ซึมเศร้าเป็นอนุสัย เป็นสันดาน เป็นกรรมอันใดหรือไม่ หลวงปู่เคยสอนว่าน้ำจะไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ เราต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการดึงมันขึ้นมา แต่ด้วยสติที่มีอยู่น้อยนิด คงไม่อาจสู้กับการฉุดกระชากลากถูของพญามารได้ จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ

    วิสัชนา
    แน่นอน น้ำย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำอยู่เสมอ เมื่อคุณรู้อย่างนี้ก็อย่าให้น้ำมันไหลไวเกินไป และสมควรอย่างยิ่งที่ต้องหาภาชนะหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดมารองน้ำหรือกั้นน้ำ นั้นไว้บ้าง อย่างน้อยจะได้เอาไว้ใช้ในยามจำเป็น เช่นเดียวกัน คนเรามักจะมีอารมณ์ใฝ่ต่ำเสมอ ต้องหาเครื่องกรอง เครื่องกั้นอารมณ์เอาไว้บ้าง และเครื่องกรองเครื่องกั้นนั้นก็คือ สติ สมาธิ ปัญญา ที่เกิดจากการฝึกหัดศึกษาปฏิบัติธรรม

    ปุจฉา ซึมเศร้า หมดหวัง
    กราบนมัสการหลวงปู่ หลวงปู่ครับ...
    1.เราจะมีวิธีสร้างแรงจูงใจให้ รัก เพียรพยายาม เอาใจใส่ ตรวจสอบใคร่ครวญ ในการงาน ไปตลอดได้อย่างไรครับ
    2.ในการฝึกสตินั้น สำหรับคนที่มีกิเลสมากนั้น ต้องใช้เวลาเท่าไรจึงจะได้ผลครับ และมีวิธีใดบ้างที่ฝึกง่ายๆ (ถึงแม้ต้องใช้เวลามากๆ)สำหรับคนที่ไม่ชอบการฝึกแบบเป็นพิธีการ
    3.เราจะใช้ธรรมะข้อใดครับที่ช่วยให้เรารอดพ้นจากความโกรธ หงุดหงิด รำคาญ ได้บ้างครับ
    4.อาการซึมเศร้า ท้อแท้ หมดหวัง ในความสามารถของตัวเองนั้น เราจะทำอย่างไรให้เราและคนอื่นๆ ไม่มีอาการอย่างนี้ครับ

    วิสัชนา
    1.มีสติคอยเตือนตนให้สนใจใส่ใจ รักที่จะทำอะไรให้สำเร็จลุล่วง ด้วยความจดจ่อ จับจ้อง จริงจัง ตั้งใจ เพียรพยายาม พร้อมกับใช้ปัญญาใคร่ครวญพิจารณาในการงานที่ลงมือกระทำ คำที่พูด สูตรที่คิด เมื่อกิจกรรมที่ทำแล้วมีผลสำเร็จ เรายิ่งรู้สึกภาคภูมิ ยินดี เหล่านี้ก็เป็นวิธีสร้างแรงจูงใจ ให้เรามีกำลังที่จะทำงานต่อไปอย่างไม่เบื่อหน่าย
    2.ฝึกทุกลมหายใจที่เข้าออกจนกว่าชีวิตคุณจะหาไม่ มีสติรู้ลมหายใจเข้า มีสติรู้ลมหายใจออก นี่เป็นวิธีที่ง่ายและไม่ต้องอาศัยพิธีการใดๆ
    3.สติ เมตตา ปัญญา
    4.เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะคุณไม่มีสติรู้เท่าทันอารมณ์ที่ปรากฏ แก่คุณ เมื่อไม่รู้เท่าทัน ก็ระงับอารมณ์นั้นๆ ไม่ได้ ผลก็จะเป็นอย่างที่คุณกล่าว อีกอย่างการซึมเศร้า ท้อแท้ และหมดหวัง อาจจะเกิดจากความทะยานอยาก ตัณหา และอุปาทาน คือความยึดถือ เกิดการแปรเปลี่ยน เหล่านี้เป็นเหตุให้เกิด อาการซึม เศร้า ท้อแท้ และความหมดหวังทั้งนั้น สิ่งที่แก้ได้ดีที่สุดคือ สติ สมาธิ ปัญญา
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา-วิสัชนา <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">19 เมษายน 2547 15:12 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา ธรรมะล้างบาปได้มั้ย
    กราบหลวงปู่ที่เคารพค่ะ ขอถามหน่อยค่ะ
    1.ธรรมะที่ใช้สอนบุคคลต่างๆนั้นเหมือนกันหรือไม่
    2.จะดำเนินชีวิตอย่างไรให้ประสบผลสำเร็จ
    3.ธรรมะแนวใหม่มีอะไรบ้าง
    4.ธรรมะสามารถล้างบาปได้ไหม

    วิสัชนา
    1. ไม่เหมือนกัน เพราะต่างคน ต่างก็เป็นโรคคนละชนิด เปรียบเหมือนยา จึงมีเอาไว้รักษาโรคแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน
    2. ขยันหา รู้จักรักษา คบคนดี เลี้ยงชีวิตพอประมาณ
    3. ธรรมะไม่มีแนวใหม่ แนวเก่า เพราะเป็นของดีที่มีอยู่ คู่มากับโลกแต่เดิม พระพุทธเจ้าท่านมีปัญญามากกว่าคนอื่น จึงค้นพบ และนำมาสั่งสอนเวไนยสัตว์ ขึ้นอยู่ว่าเราจักนำมาประยุกต์ใช้กับวิถีชีวิตอย่างไร
    4. ธรรมะ แปลโดยคุณลักษณะ คือ เครื่องชำระ และฟอกจิต

    ปุจฉา บาปกับเมตตาจิต
    เวลาเราขับรถไปเจอหมาข้ามถนน เบรครถไม่ทัน จึงชนหมาตาย อย่างนี้เรียกว่า ขาดความเมตตาหรือเปล่า แล้วเป็นบาปกรรมหรือไม่

    วิสัชนา
    ความเมตตาต้องไม่เลือกสัตว์ ไม่ใช่เฉพาะหมาอย่างเดียว เราต้องมีกับสัตว์ทุกชนิดที่มีชีวิตและลมหายใจ จึงจะถือว่าเราเจริญเมตตาเป็นโพธิสัตว์ เป็นโพธิจิต เป็นจิตที่มีโพธิอยู่ในใจ แต่ถ้าเราจะเลือกเฉพาะหมาอย่างเดียวมันไม่ถูก อย่างนี้ผิด การยังมีพวกมีพ้อง ยังมีพี่มีน้อง รักและเห็นแก่พวกพ้อง เป็นการเจริญพวกพ้อง ไม่ถือว่าเป็นความเมตตา
    เมตตามันต้องไม่มีประมาณ ไม่เลือกบุคคลเหล่ากอ
    สัญชาติ สี ต่ำ ดำ ขาว สูง เตี้ย ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับเมตตาของเรา นั่นถือว่าเป็นมหาเมตตาของพระโพธิสัตว์ เป็นเมตตาที่ถูกต้องของศาสนา ถ้าเมตตาแต่เฉพาะพวกพ้องของตน แต่ถ้าไม่ใช่พวกไม่ใช่พ้องแล้ว ไม่เมตตานั้น ถือว่าใช้ไม่ได้ อย่างนั้นไม่ถือว่าเมตตา แต่เป็นการรักพวกรักพ้องเฉยๆ
    อย่างเช่นพระพุทธเจ้า ตอนที่พระองค์ทรงบรรลุอนุตระสัมมาสัมโพธิญาณใหม่ๆ แทนที่พระองค์จะนึกถึงพ่อแม่ก่อน พระองค์กลับทรงนึกถึงสัตว์ทั้งหลายที่มีอยู่นั้นมากกว่าพวกของตนเอง เพราะพ่อแม่อยู่ในวัง มีกินมีใช้ นอนสบาย เมื่อเห็นว่าพอ่แม่ใกล้จะถึงชีพตักษัย (ตาย)แล้ว จึงได้ไปโปรด

    ปุจฉา หลบเจ้ากรรมนายเวร
    นมัสการ หลวงปู่ มีวิธีใดบ้างที่จะหลบเจ้ากรรมนายเวรก่อน จนกว่าจะบรรลุมรรคผล ค่อยชดใช้เวรกรรม

    วิสัชนา
    เป็นหนี้ก็ต้องใช้ เป็นบ่าวก็ต้องทำ มีกรรมก็ต้องละ โดยเจริญปัญญา ใช้ปัญญาที่ได้มาพิจารณาแยกแยะวาง อกุศล เจริญกุศลกรรม

    ปุจฉา บุญจากการใส่บาตร
    ตามที่มีคนคิดว่าการใส่บาตรในชาตินี้ คือ การเก็บไว้กินเมื่อตายไปหรือไว้กินในชาติหน้าจริงหรือไม่ อย่างไรคะ หรือการใส่บาตรเป็นการละกิเลสในเบื้องต้นเท่านั้น แต่บุญที่ทำก็ไม่ได้สะสมไว้ชาติไหนๆ ใช่ไหมคะ

    วิสัชนา
    ไม่ใช่ บุญจัดเป็นอริยทรัพย์ ที่โจรปล้นไม่ได้ น้ำท่วมไม่หาย ไฟไหม้ไม่หมด ไม่ว่าอะไรที่ทำให้บังเกิดบุญ และย่อมเป็นสมบัติของผู้กระทำ ย่อมนำไปสู่ภพภูมิที่ตนไป

    ปุจฉา สงสัยเรื่องเปรต
    ทำไมถึงมีเปรต ?

    วิสัชนา
    เพราะมีคนชั่วทำผิดบาป ความชั่วผิดบาป เป็นผลส่งให้เกิดเป็นเปรต มีมากเข้าจึงกลายเป็นภพภูมิแดนเปรตไป เป็นหนึ่งในทุคติภูมิ

    ปุจฉา สอนคนให้ซื่อสัตย์
    ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการการสอนคนให้มีความซื่อสัตย์
    1.ข้อคิด 2.วิธีการสอน

    วิสัชนา
    1. เริ่มต้นจากตัวคุณเอง ทำดีให้เขาดู เป็นครูให้เขาเห็น
    2. สอนให้เขาพูด และทำให้สิ่งที่เขาคิด ทำพูดคิดต้องเป็นเรื่องเดียวกัน
     
  9. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา-วิสัชนา <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">12 เมษายน 2547 12:26 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา แค่เจริญเมตตาก็ได้ฌาน
    ผมเคยอ่านชาดก (ถ้าผมจำไม่ผิดนะ) บางชาติท่านบวชเป็นฤาษี ตลอดชีวิต ท่านเจริญเมตตาอย่างเดียว ทำให้ท่านได้ ฌานสมาบัติ จริงหรือครับ เพียงแค่เจริญเมตตา ขอบคุณมากครับ
    วิสัชนา
    แน่นอน เพราะจิตขณะเจริญเมตตา ย่อมมีความสงบสุข แน่วแน่
    ปุจฉา ฌานขั้นไหน
    ขอฝากนมัสการถามหลวงปู่ดังนี้ครับ สมาธิที่ใช้ในการวิปัสสนาเพื่อความพ้นทุกข์นั้น จำเป็นต้องถึงระดับฌานหรือไม่ อย่างน้อยต้องถึงขั้นไหนครับ
    วิสัชนา
    สมาธิที่ใช้เจริญวิปัสสนา ใช้แค่ขั้นปฐมฌานก็ได้แล้ว เพราะมีองค์ 5 คือ วิตก วิจารณ์ ปีติ สุข เอกัคคตา เหตุเพราะมีวิตก วิจารณ์ จึงทำให้เราวิเคราะห์ ใคร่ครวญ พินิจ พิจารณ์ จนรู้ชัดตามความเป็นจริง ก็บังเกิดธรรม ปีติ สุข และ ก็วางเฉยต่ออารมณ์ทั้งปวง เรียกว่า เอกกัคคตา
    ปุจฉา มีสตรีมาทดสอบ
    กราบนมัสการหลวงปู่ครับ ผมขอเรียนถามปัญหาดังนี้ครับ การมุ่งหน้าปฏิบัติธรรมตามที่ตั้งใจไว้ให้ถึงที่สุดของความดีที่พระพุทธองค์ ทรงสอนนั้น ต้องมีเหตุการณ์เกี่ยวกับสตรีมาเกี่ยวข้องเสมอไปไหมครับ หรือแล้วแต่บุคคล (ที่ถามเช่นนี้เพราะก่อนหน้านี้ผมมีความรู้สึกขึ้นมาว่า ถ้าถึงจุดที่เราจะตัดเรื่องผู้หญิง ผู้หญิงก็จะมาหาเองเพื่อมาทดสอบกำลังใจ แล้วมันก็มีมาจริงๆครับ ทั้งๆที่ไม่ได้ไปแสวงหาเลย) ถ้าเราไม่ทำตัวเป็นพวกปากว่าตาขยิบ ย่อมถึงที่สุดของความดีได้ในปัจจุบันอย่างนั้นถูกต้องไหมครับ...สังฆัง นมามิ
    วิสัชนา
    คุณจะไปโทษผู้หญิงทั้งหมดคงมิใช่ เพราะถึงคุณจักปฏิบัติธรรมหรือไม่ โลกนี้ก็มีผู้หญิงอยู่แล้ว และผู้หญิงก็ต้องคู่กับผู้ชาย ทีนี้ถ้าต้องการหยุด มันก็ขึ้นอยู่กับชายหรือหญิงผู้นั้น จะละหยุดได้หรือไม่ กิเลสมันอยู่ที่ใจคุณ มันไม่อยู่ที่ตัวผู้หญิง หรือสิ่งของ
    ปุจฉา ผิดศีล?
    ขอเรียนถามว่าผู้ชายและผู้หญิงที่มีคู่สมรสแล้ว โดยทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกัน ผู้ชายไปนั่งคุยบ้านผู้หญิงทุกวัน ไปกินข้าวด้วยกันอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ไปวัดด้วยกัน ไปฟังธรรมด้วยกัน ฝ่ายชายอ้างว่าเป็นเพื่อนกัน ขอถามว่าทั้งคู่นี้ผิดศีลหรือไม่ ผิดจริยธรรมหรือไม่
    วิสัชนา
    คนมีครอบครัว ก็มิใช่หมายความว่า จักมีเพื่อนมิได้ แต่ก็ต้องมีเส้นแบ่ง ปฏิบัติต่อเพื่อนพองาม มิใช่ทำจนน่าเกลียด คนอื่นที่จิตไม่ดีเขาจะเข้าใจผิด เราบริสุทธิ์ใจ แต่ผู้อื่นอาจไม่ใช่ คุณก็อย่าไปอิจฉา หึงหวงเขานักเลย เดี๋ยวสุขภาพจิตจะแย่ ถ้าคุณเป็นคู่ครองเขา ก็ควรจักพูดให้เขารู้ตัวว่าคุณคิดอะไรอยู่ และคุณต้องการอะไร แต่ถ้ามิใช่ เดี๋ยวไฟลุกออกจากตาหรอกคุณ เย็นไว้โยม
    ปุจฉา รักเลิกราเพราะว่ากรรม?
    มีความรักครั้งใดก็จะมีเหตุใม่คาดฝันให้เลิกรากันทุกครั้ง ไม่ทราบว่าเกิดจากเคยทำกรรมใดไว้หรือไม่ เคยมีคนมาชอบแต่ปฏิเสธไปหลายคน เพราะไม่ต้องการทำดีแล้วเขาจะต้องเสียใจภายหลัง ที่เราไม่ได้เลือกเขา ไม่ทราบว่าเป็นกรรมอันนี้หรือไม่
    วิสัชนา
    คุณต้องถามตัวคุณเอง ว่าคุณต้องการอะไร จริงใจต่อสิ่งนั้นหรือเปล่า อีกทั้งมั่นคงตรงในสิ่งนั้นหรือเปล่า กรรมน่ะคุณมีแน่ แต่ผู้อื่นมิได้สร้าง คุณต่างหากที่เป็นผู้ทำ
    ปุจฉา กรรมของคนขายบริการ
    ผมอยากเรียนถามท่านว่า ผู้ชายหรือผู้หญิงที่มีอาชีพขายบริการหากพวกเขาขายบริการให้กับลูกค้าที่มี สามีหรือภรรยาแล้ว หรือลูกค้าที่มีแฟนแล้ว(คือเป็นแค่แฟนแต่ยังไม่ได้แต่งงานกันน่ะครับ) การกระทำของผู้ที่ขายบริการเหล่านี้ถือว่าผิดศีลห้าไหมครับ? และถ้าผิดพวกเขาจะได้รับกรรมอย่างไรครับ? ขอความกรุณาท่านตอบแบบตรงๆได้เลยครับขอบคุณครับ
    วิสัชนา
    การผิดศีลในข้อกาเม ต้องเป็นการผิดโดยเจตนา ยื้อแย่งเอาคนที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของมาเป็นของตน ในกรณีที่ทำอาชีพขายบริการ โดยมิได้เลือกว่าเป็นใคร ไม่มีใจผูกมัดให้เขามาเป็นสมบัติของตน เช่นนี้ถือว่า เป็นการประกอบอาชีพ มิได้ผิดศีล แต่ก็เป็นอาชีพที่น่าละอาย ถูกเหยียดหยาม ดูแคลนจากสังคม เหล่านี้ถือเป็นกรรมที่ผู้ขายบริการต้องได้รับ
     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา-วิสัชนา <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">5 เมษายน 2547 19:09 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา อยากรู้เรื่องนิพพาน
    การนิพพานคือการเข้าสู่ความว่างเปล่าใช่หรือไม่? หากใช่พระพุทธเจ้ากับพระอรหันต์ต่างกันอย่างไร(เพราะล้วนแล้วแต่เป็นความ ว่างเปล่า) ช่วยกรุณาตอบกระผมด้วยครับ ขอบพระคุณมาก
    วิสัชนา
    นิพพาน หมายถึง ความดับและเย็น ของกิเลส ตัณหา อุปาทาน ความทุกข์อยากเดือดร้อน รวมถึงชาติ ชรา มรณะ พยาธิ เหล่านี้จักเรียกว่า ความว่างเปล่า ก็มิน่าจะผิดอะไร
    ปุจฉา ธรรมจากยอดเจดีย์
    กราบนมัสการหลวงปู่ ลูกได้ดูสารคดีประเทศ เนปาล และมีเจดีย์ ที่เป็นสัญลักษณ์ ของประเทศนี้ และการก่อสร้างเจดีย์นี้ บนยอดจะเป็นชั้นๆ 13 ชั้น เขาบอกว่าสร้างเพื่อเป็นตัวแทนธรรมะ 13 ขั้นก่อนที่จะบรรลุนิพพาน ลูกอยากกราบเมตตาปุจฉาว่า ธรรมดังกล่าวหมายถึงธรรมใด
    วิสัชนา
    ธรรมอันเป็นกำลังเรียกว่า พละ 5ทางแห่งการตรัสรู้เรียกว่า อริยมรรค มี 8ทั้งสองหมวดธรรมรวมกันได้ 13 ข้อพอดี
    พละ 5 มี
    1.ศรัทธา ความเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ เช่นเชื่อเรื่องกฎของกรรม
    2.วิริยะ ความเพียรในทางที่ชอบ
    3.สติ ความระลึกได้
    4.สมาธิ ความตั้งใจมั่น
    5.ปัญญา ความรอบรู้
    มรรค 8 มีดังนี้คือ
    1.ความเห็นชอบ
    2.ดำริชอบ เช่นดำริที่จะออกจากกามคุณ
    3. เจรจาชอบ
    4.การงานชอบ
    5.เลี้ยงชีพชอบ
    6.เพียรชอบ
    7.ระลึกชอบ
    8.ตั้งใจชอบ
    ปุจฉา อยากให้คนใกล้ตัวมีธรรมะ

    ทำอย่างไรจึงจะทำให้คนใกล้ตัวเรามีธรรมะ เข้าใจธรรมะ เชื่อในหลักของพุทธศาสนาได้บ้าง เพราะเขาจะโต้แย้งการทำบุญอยู่เสมอ
    วิสัชนา
    ทำให้เขาเชื่อในสิ่งที่ดีๆ ที่มีอยู่ในตัวเขา และยอมรับความดีของผู้อื่น นั่นก็เป็นธรรมแล้ว
    ปุจฉา หนีปัญหา
    ข้าพเจ้าเป็นคนใจร้อน คนตรง ไม่ยอมคน ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก หลังจากไปฝึกกรรมฐาน แลดูเหมือนใจเย็น แต่จริงแล้วหนีปัญหาคือมีปัญหากับใครจะเงียบนิ่ง ไม่พูดไม่จา ใครอยากว่าอะไรก็ตามใจ มีปัญญาพูดก็พูดไป ดูเหมือนตัดได้ แต่เหมือนภูเขาไฟรอวันระเบิดมากกว่า ทำอย่างไรจะสงบได้จริงโดยยังมีลมหายใจและสติที่สมบูรณ์ นมัสการ
    วิสัชนา
    สิ่งที่คุณทำ ภาษาพระท่านเรียกว่า
    "ขันติ"คือ ความอดกลั้น พูดเป็นภาษานักสมถะเรียกว่า"วิขัมภนปหานะ" คือ การข่มเอาไว้ ด้วยกำลังสมาธิ กำลังสติ ย่อมแน่นอนหละ ถ้าวันใด ขันติ กลายเป็นขันแตก สมาธิ กลายเป็นกะทิ สติ กลายเป็นสตัง สิ่งที่คุณข่ม สะกด อดกลั้นเอาไว้ มันย่อมพังออกมา
    พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้เจริญปัญญา เรียกว่า วิปัสสนา จึงจะมีวิธีทำลาย สกัดกั้นศัตรูที่เข้ามาได้อย่างเด็ดขาด ปราศจากมลภาวะ คุณควรจะต้องทำทุกวิธีให้มีปัญญา รู้เท่าทันตามความเป็นจริง
    ปุจฉา อยากสงบ
    บ้านที่อาศัยปัจจุบันสังคมแวดล้อมมีแต่คนพาล ไม่มีใครมีวาจาสัตย์เพิ่งรู้ว่าตำบลนี้ไม่เจริญ เพราะที่นี่มีแต่คนแบบนี้ มงคลอันวิเศษสุดแห่งพระศาสดากล่าวว่าอย่าคบคนพาล อยากจะบอกว่าแค่อยู่ใกล้ก็มีแต่เรื่องเดือดร้อน ทุกคนเข้ากันเหมือนผีกับโลง คนหนึ่งใช้เงินจ้างอีกคนรับเงินไปยืนสาบานแช่งโคตรเง้าและตัวเองให้วิบัติ เวลานี้คนเลวและขโมยชุมยิ่งกว่ายุง เป็นพุทธแต่ปากใจไม่มีธรรมะ นกไม่มีขนคนไม่มีศีลบินสู่ที่สูงไม่ได้ ขอคำแนะนำเพื่อให้ดำรงชีวิตได้อย่างสงบที่นี่
    วิสัชนา
    คุณพูดยังกับรอบๆ ตัวคุณ ไม่มีคนดีเหลืออยู่เลย ฉันว่าคงมิได้รวมถึงตัวคุณด้วยหรอกนะ คนฉลาดเขารู้จักนำน้ำครำมากลั่นเป็นน้ำใส ใช้ดื่มกินได้ คนไร้ปัญญาแม้อยู่กับน้ำใส ก็ทำให้กลายเป็นน้ำครำได้ คุณก็เลือกเอาแล้วกัน จะเป็นแบบไหน ฉันเชื่อว่า ทุกคนอยากได้ดี แต่ไม่รู้วิธี คุณก็ควรเมตตา ชี้แจงแสดงดี ให้เขาดูเป็นตัวอย่างบ้าง อย่างน้อยๆ เขาจะได้เห็นข้อแตกต่าง เขาจะได้มีหนทางที่จะเลือกเดิน ลองใช้ความพยายามความจริงใจ ความเมตตา นำวิถีที่ดี ๆ ให้เขาได้ดูด้วย นึกว่าช่วยเขาเอาบุญ
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา-วิสัชนา <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">29 มีนาคม 2547 17:43 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา
    วิธีปฏิบัติแห่งพระโพธิสัตว์ ที่ยังคงดำรงสถานะฆราวาส เป็นอย่างไรครับ

    วิสัชนา
    "ก็เริ่มต้นข้อที่สำคัญ และข้อแรกที่สุดของพวกคุณ ที่พอจะทำได้ ก็คือ สร้างความรัก ความอาทร ความเมตตา และความการุณย์ ให้เกิดขึ้นภายในใจของคุณเสียก่อน เมื่อคุณรัก เมตตา อาทร และ การุณย์แล้ว คุณก็จะรู้ว่าคุณจะทำอย่างไรต่อไปในการดำรงค์ชีวิต
    การมีความรัก ความเมตตา ความอาทร และการุณย์นั้นๆ ไม่ใช่ใช้มันได้
    ทุกโอกาสทุกสมัย คือ มีความเมตตา ต่อมหาโจร ต่อคนดี ต่อคนเลว ต่อสรรพสัตว์ ต่อเพื่อนมนุษย์ ต่อคนทำถูกทำผิด
    เพราะบางครั้ง การเมตตา อาทร และการุณย์ของเราก็ทำร้ายทำลายตัวเรา และ
    สังคมคนชนในโลกเหมือนกัน เหมือนดังมีคำพูดว่า ชาวนากับงูเห่า
    เพราะฉะนั้น เบื้องต้นพื้นฐาน คุณต้องสร้างความรัก อาทร การุณย์
    ด้วยวิถีทางของการมีปัญญาเป็นตัวนำ ทำให้ถูก พูดถูก คิดถูกก่อน

    เมื่อคุณรู้จักความหมายของคำว่า ถูกต้อง คุณก็จะรู้ว่า สัตว์ทุกตน คนทั้งหลาย ชนทั้งปวงในโลกหล้านี้ ทุกคนรักสุข เกลียดทุกข์ ไม่มีใครอยากเป็นทุกข์ ทุกคนอยากเป็นสุข
    คุณก็ต้องหาวิธีที่จะให้ความสุข แจกความสุข และทำให้ความสุขนั้นๆ เจริญในหมู่สัตว์ ซึ่งเป็นความสุขที่เกิดจากปัญญา ไม่ใช่ความสุขที่เกิดจากสัญญา
    เหล่านี้ คือ วิธีสร้างเมล็ดพืชแห่งพุทธะให้เกิดขึ้น สร้างโพธิจิต โพธิวิญญาณ โพธิธรรม ให้เกิดในกายแห่งพระโพธิสัตว์

    ปุจฉา
    เราจะทำอย่างไรให้คนชั่วกลับใจมาเป็นคนดีครับ และจะทำ อย่างไรให้คนที่ค่อนไปทางดีอยู่แล้วมาสนใจปฏิบัติธรรมกันมากขึ้น

    วิสัชนา
    บางทีก็ต้องยอมรับกันว่า คนที่ชั่ว ไม่ได้ชั่วเพราะจิตสำนึก ไม่ได้ชั่ว เพราะจิตวิญญาณเดิม แต่เป็นความชั่วเพราะสภาพแวดล้อม นี่คือ คนชั่วประเภทที่หนึ่ง
    คนชั่วประเภทที่สอง ก็คือ ชั่ว เพราะสำนึก ชั่วเพราะจิตวิญญาณเดิม เรียกว่า อดีตชาติเคยทำชั่วซ้ำซากมาเก่าก่อน ปัจจุบันก็เลยมาเป็นผลให้ตนต้องเป็นคนชั่วซ้ำซากจำเจอีก ชั่วประเภทนี้ยากต่อการแก้ไข ก็ต้องปล่อยให้ตายไปเองตามกาลตามสมัย
    แต่คนชั่วประเภทที่หนึ่ง คือ ชั่วที่ไม่มีสำนึก คือชั่วแบบไม่ได้มีจิตวิญญาณเดิม ที่เป็นคนชั่วมาเก่า เป็นความชั่วเพราะเกิดจากสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเขา และตัวเรา ชั่วประเภทนี้ สามารถแก้ไขและเปลี่ยนแปลงได้ และชี้ให้เขาเห็นโทษภัยของความชั่ว ที่เกิดจากการ ทำ พูด คิด นั้นๆ ว่า เป็นเหตุปัจจัยของความทุกข์ เสียหาย เดือดร้อน แร้นแค้น ทรมาน และทำร้ายทำลายตัวเองให้เศร้าหมอง และพยายามชี้หนทางเดินแห่งความเจริญให้แก่ท่านเหล่านั้น ที่กลับตัวกลับใจได้ แล้วเป็นผู้ที่ให้กำลังใจเขา เป็นผู้ชักจูงเขา เป็นผู้คอยที่จะพยุงเขา ให้มีใจกล้า กายกล้า สมองเกล้า ความรู้สึกนึกคิดกล้าแข็ง พร้อมที่จะเผชิญต่อทุกสถานะการณ์ ในขณะที่พียรพยายามทำดี
    ถ้าทำอย่างนี้ คนชั่วเหล่านั้นก็ไม่ชั่ว คุณจงจำไว้ว่า ไม่มีใคร ในโลกอยากชั่ว แต่ที่ชั่ว เพราะไม่รู้ เพียงแค่สอนให้เขารู้ เขาก็เลิกชั่วแล้วล่ะคุณ
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา-วิสัชนา <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">22 มีนาคม 2547 19:31 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา
    กราบนมัสการหลวงปู่ที่เคารพ ผมมีข้อสงสัยกราบเรียนถามขอความกรุณาหลวงปู่เมตตาครับ ในการทำวิปัสสนา นั้นจำเป็นต้องผ่านการทำสมาธิก่อนทุกครั้งหรือไม่และการที่ในบางครั้งคน เราเมื่อผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตแล้วได้ข้อคิดต่างๆ ที่ผ่านการใคร่ครวญในการดำรงชีวิต เช่น การที่คนเราเมื่อมีการสูญเสียหรือพลัดพรากจากของที่เรารักมาก ซึ่งในความเป็นจริงตัวของเราสูญเสียสิ่งต่างๆ ไปเพียงครั้งเดียว แต่ถ้าเรายังยืดติดก็จะทำให้เราคิดถึงเหตุการณ์นั้นซ้ำๆ ในความรู้สึกของเรานั้นเปรียบเหมือนเราสูญเสียของรักทุกครั้งที่เราคิดซ้ำ ทุกทีที่เราคิด ดังนั้นคนเราถ้าไม่อยากจะสูญเสียของที่เรารักมากไปกว่าที่เป็นจริงเราก็อย่า ไปนึกถึงเรื่องดังกล่าวอีกต่อไป สิ่งที่เป็นข้อคิดดังนี้ จัดเป็นการวิปัสสนาหรือไม่ และจะมีวิธีการอย่างไร ที่จะพัฒนาให้เป็นวิปัสสนาได้ครับ
    วิสัชนา
    การทำ วิปัสสนา ไม่จำเป็นต้องทำสมาธิก่อนเสมอไปตัวอย่างคุณและผู้คนทั้งหลาย ต้องผ่านของรักของชอบใจ แล้วก็พลัดพรากจากของรักของชอบใจนั้นๆ ผ่านสุข ผ่านทุกข์ ผ่านได้ ผ่านเสียมามาก จนซ้ำซาก จำเจ เหตุการณ์เหล่านี้เป็นสภาวะ ธรรมที่เราจักสามารถใช้สติเข้าไปพิจารณา ใคร่ครวญตรวจทาน ให้รู้เห็นตามความเป็นจริงว่า สิ่งเหล่านี้เป็นสักแต่รูปกับนาม ไม่มีตัวตนที่แท้จริง มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ไม่คงที่ถาวร แถมยังเป็นเหตุปรุงจิตนี้ให้กระเพื่อม สับสน วุ่นวาย ไม่สงบลงได้
    เมื่อพิจารณาดังนี้แล้ว จิตคุณจักสลด สมาธิจะปรากฏและใช้สติกับสมาธิคอยระวังกางกั้นจิตมิให้กระเพื่อมตามอาการที่ ปรากฏ

    คุณต้องทำความเข้าใจว่า ขณะที่สภาวะธรรมใดปรากฏ แล้วคุณรู้ชัด นั่นเป็นการทำงานของสติเมื่อรู้ชัดแล้ว ห้ามสภาวะธรรมนั้นๆ มิได้ ก็ต้องสงบพร้อมที่จะรับสถานการณ์ นั่นคือการทำงานของสมาธิ
    แต่ถ้ารู้สภาวะธรรมนั้นว่ามันกำลังเกิด แล้วหาวิธีแก้ไข จะแก้ได้หรือมิได้ นั้นคือการทำงานของปัญญา แต่ถ้าแก้ได้ก็เป็นปัญญา วิมุติ ถ้าแก้มิได้ก็เป็นสหชาติปัญญา ปัญญาที่ติดตัวมาแต่เกิด เหล่า นี้เป็นวิปัสสนาทั้งนั้น
     
  13. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา วิสัชนา : วิธีบริหารสมมติให้เกิดประโยชน์ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">15 มีนาคม 2547 19:13 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา
    คนเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ควรทำอย่างไรกับชีวิต และ อะไรคือจุดหมายที่แท้จริง
    ของการดำรงชีวิต อะไรคือความจริงแห่งชีวิตครับ

    วิสัชนา
    อ่านคำถามของคุณแล้ว อยากบอกว่า... อย่าคิดมากนะรักษาสุขภาพด้วย ขณะเดียวกัน ก็ต้องขอชมคุณว่า คุณเริ่มจะเข้าใจชีวิตได้มากขึ้นแล้ว ที่กล่าวดังนี้เพราะ ชีวิตคือการตั้งคำถาม และค้นหาคำตอบ

    การที่คุณรู้จักตั้งคำถามในชีวิตต้องถือว่าเป็นเรื่องดี ถึงแม้ว่าคุณจะยังมิสามารถค้นหาคำตอบได้ด้วยตัวคุณเอง ก็ไม่ถือว่าผิดบาปอะไร ขอเพียงมีคำถาม สักวันคุณต้องได้รับคำตอบด้วยตนเอง นั่นจึงจะถือว่าเป็นคำตอบที่เหมาะเจาะ ถูกตรงต่อตัวคุณ

    แต่ถ้าจักให้ฉันช่วยตอบให้ ก็ต้องขอตอบว่า... คนเรามีชีวิตอยู่เพื่อตาย แต่ก่อนจักตายควรจักปลดปล่อยชีวิตจิตวิญญาณให้หลุดพ้นจากเครื่องร้อยรัด พันธนาการและผูกพันทั้งปวง ขณะเดียวกันก็นำพาชีวิตนี้ให้ทำดี มีสาระ ปราศจากสภาวะความผิดพลาด หรือถ้าจักผิด ก็ขอให้ผิดน้อยที่สุดด้วยความสำนึกว่า นี่คือหน้าที่สำคัญ
    ของชีวิต เรียกว่า มีลมหายใจ ได้ชีวิต เกิดพลังใช้ชีวิต สร้างสรรสาระ เมื่อหมดลมหายใจ สิ้นชีวิต ไร้พลัง แต่ยังไม่สิ้นสาระ และโปรดขอให้คุณได้เข้าใจด้วยว่า...

    ที่สุดของสรรพสิ่งทั้งปวงที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงแค่สมมติ ขอให้ใช้สมมติ ยอมรับในสมมติ ให้ประโยชน์กับสมมติ ได้ประโยชน์จากสมมติ และท้ายที่สุดอย่ายึดติดในสิ่งที่เป็นสมมติ เหล่านี้คือคำตอบเรื่องชีวิต

    ปุจฉา
    ที่หลวงปู่ได้กล่าวว่า "จงเข้าใจในสมมติ ยอมรับในสมมติ และท้ายที่สุดอย่ายึดติดในสมมติ" สามารถจะนำหลักนี้มาประยุกต์มาใช้ในชีวิตประจำวันให้มีความสุข และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กันไปด้วยได้อย่างไร ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจและสังคมที่มีวัฒนธรรมการบริโภคและแข่งขันกันสูงมากใน ปัจจุบัน ถ้าไม่ยอมรับในสมมติเราจะหนีสมมติ(สังคม) ที่ไม่ถูกต้องอย่างไร จึงจะไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง
    ในสังคม กราบขอบพระคุณหลวงปู่มากค่ะ

    วิสัชนา
    คุณคนขี้สงสัยเรื่องสมมติ คุณคงจะจำมาไม่หมด ก็เลยสงสัย ฉันจักช่วยบอกให้คุณจำและเข้าใจให้หมดจะได้หายสงสัย บทโศลกบทนี้ฉันเขียนไว้เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ณ ถ้ำรังเสือว่า ลูกรัก จงใช้สมมติยอมรับสมมติ ให้เกียรติกับสมมติ ให้ประโยชน์กับสมมติ รับประโยชน์จากสมมติ และท้ายที่สุด อย่ายึดติดในสิ่งที่เป็นสมมติ หวังว่าคุณคงจะใคร่ครวญดูแล้วจะรู้คำตอบด้วยตัวคุณเอง

    ปุจฉา
    กราบนมัสการและขอนุญาติเรียนถามอาจารย์ฯปู่พุทธะอิสระ ที่เคารพอย่างสูงว่า กระจกยันต์ที่พี่น้องชาวจีนชอบติดตั้งไว้หน้าประตูหรือหน้าบ้าน อยากทราบว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และมีประโยชน์อย่างไรครับผม

    วิสัชนา
    เรื่องกระจกยันต์แปดเหลี่ยม อันที่จริงมิได้เกี่ยวอะไรกับพุทธศาสนาแต่เป็นเครื่องลางคุ้มภัยของลัทธิ เต๋า เขานำมาใช้แก้ฮวงจุ้ยที่เป็นอัปมงคล

    กระจกแปดเหลี่ยม หมายถึง ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ 8 อย่าง ได้แก่ 1)ทิศเหนือ หมายถึง โลก 2)ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หมายถึง ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า 3)ทิศตะวันออก หมายถึง ดวงอาทิตย์ ไฟ 4)ทิศตะวันออกเฉียงใต้ หมายถึง น้ำ 5)ทิศใต้ หมายถึง สวรรค์ และพลังงาน 6)ทิศตะวันตกเฉียงใต้ หมายถึง ลม และไม้ 7)ทิศตะวันตก หมายถึง ฝน น้ำไหล และพระจันทร์ 8)ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ หมายถึง ภูเขา

    กระจกแปดเหลี่ยมหรือยันต์แปดทิศนี้ เรียกเป็นภาษาจีนว่า โป๊ยก่วย ประโยชน์ในการใช้นอกจากจะเป็นเครื่องราง ใช้ป้องกันคุณไสย์แล้ว ยังจะใช้แก้ไขภัยพิบัติที่กำลังปรากฏอยู่ด้วย พร้อมทั้งยังถือว่าเป็นสิ่งมีมงคลด้วย (ผิดถูกยังไงต้องขออภัย ได้แต่เดาๆ เอาอย่าถือว่าเป็นความถูกต้องทั้งหมด)
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา วิสัชนา : ทำอย่างไรถึงจะศรัทธาในตัวเองได้ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">8 มีนาคม 2547 20:41 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา
    ศรัทธาหมายความว่าอย่างไร และทำอย่างไรถึงจะศรัทธาในตัวเองได้

    วิสัชนา
    ศรัทธามี 2 ประเภท คือ ถ้าเป็นศรัทธาอย่างชาวบ้านก็แปลว่าความเชื่อ คือเขาบอกยังไงก็เชื่อตามเขา แต่ถ้าเป็นศรัทธาอย่างพุทธ แปลว่า ปัญญาญานหยั่งรู้

    ศรัทธาที่ใช้ปัญญาญานหยั่งรู้ นั่นก็คือ การวิเคราะห์ ให้การเปรียบเทียบ วืจารณ์พิจารณา เหมือนดังที่พระเจ้าปเสนธิโกศลถามพระพุทธเจ้าว่า พรหมณะทั้งหกที่เขาถือกันว่า เป็นพระอรหันต์ในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นนิครนถ์ สัญชัญเวลัฏฐบุตร ปกุบาธจัจจายนะ อชิตกัมพล มักขลิโคสาล ปูรณกัสสป เหล่านี้เป็นอรหันต์ จริงหรือเปล่า พระพุทธเจ้าบอกว่า "มหาบพิตร การที่พระองค์จะดูใครว่า เป็นอรหันต์ หมดกิเลสหรือไม่นั้น ก็ต้องดูว่าเขาเป็นผู้บริโภคกามไหม
    ตกเป็นทาสของกามหรือเปล่า มีกามเป็นเจ้านายไหม แล้วมีกามเป็นที่อยู่อาศัย มีกามเป็นเครื่องไปเครื่องมาหรือเปล่า ถ้าเขายังตกอยู่ในกาม มีกามเป็นเจ้านาย มีกามเป็นที่อยู่อาศัย มีกามเป็นเครื่องไปเครื่องมาแล้ว ยังแสวงหาแต่กาม แสดงว่าจะหมดกามเป็นไปไม่ได้"

    ส่วนคำถามที่ว่าทำอย่างไรถึงจะศรัทธาในตนเองได้นั้น ก็ต้องสร้าง 3 สิ่งให้เกิดขึ้น คือ การงานดี ตบะดี ปัญญาดี

    การงานดี ก็คือ การทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมเป็นใหญ่ คำนึงถึงประโยชน์ภายในเป็นเกณฑ์ ทำเพื่อส่วนรวม ทำเพื่อพลี ทำเพื่ออุทิศให้เกิดประโยชน์ เรียกว่าการงานสะอาด การงานดี

    ตบะดี ก็คือเราต้องรักษาใจเราให้เป็นหนึ่ง แนบแน่นสนิทจนกระทั่งไม่เกิดอารมณ์ชนิดใดๆ ออกมา คือสติ สมาธิ และตบะ

    ปัญญา คือ ความใคร่ครวญ ไม่ว่าจะรู้อะไร ฟังอะไร ดูอะไร ดมอะไร และสัมผัสอะไร ต้องผ่านปัญญาการใคร่ครวญก่อนที่จะเชื่อ แต่ว่าถ้าไม่เชื่อก็ปฏิเสธ นั่นก็ไม่ใช่ ต้องผ่านการวิจารณ์ตรวจสอบพิจารณาใคร่ครวญจนละเอียดถี่ถ้วน จึงยอมรับหรือปฏิเสธ

    เมื่อเรามี 3 สิ่งนี้ คือการงานดี ตบะดี ปัญญาดี ก็ถือว่าเราแก่กล้าและศรัทธาในตัวเรา

    ลูกรัก..... พ่อมีเรื่องอะไรมากมายที่จะคุยให้ฟัง อยากจะเตือนพวกเจ้าให้รู้ว่า อย่าทำตนเป็นทัพพีคนแกง เพราะมันอยู่ในหม้อก็คนแกงก็มั่วอยู่ในน้ำแกง คนจนกระทั่งสึกงอและพังไปในที่สุดแต่มันไม่เคยรับรสแกงเลย

    พวกเจ้าทั้งหลายที่อยู่ในพระธรรมวินัย นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์อยู่ในพระศาสนา ถ้าไม่รู้เรื่องอะไรในพระธรรมวินัยที่นำไปปฏิบัติ ก็ไม่ต่างอะไรกับทัพพีคนแกง โดยไม่ได้ประโยชน์อะไร และหากการที่พวกเจ้าอุตส่าห์ออกมาจากหัวเมืองเข้ามาอยู่ในป่า ซึ่งมีทั้งป่าชัฏ ป่าช้า อะไรก็แล้วแต่ ซึ่งถ้าเจ้าไม่โง่เกินไปก็คงจะได้อะไรๆ ให้มันเบาๆ ออกไปจากตัวบ้าง เพราะในป่าเขาลำเนาไพรมันมีกลิ่นอายของธรรมชาติของสรรพสิ่งที่ไร้มายาการ มีกลิ่นอายของสติและความสงบสดชื่นของความมีชีวิตวิญญาณ ซึ่งเราควรจะรู้อะไรๆ จากสิ่งเหล่านี้บ้าง ควรได้สิ่งดีๆ ความสงบสดชื่น เบิกบานแจ่มใส สิ่งใดๆ ที่เป็นธรรมชาติ ควรจะซึมสิงเข้าไปในหัวใจซะบ้าง เพราะมันจะทำให้จิตใจปลอดโปร่งไม่หงุดหงิด ไม่ฟุ้งซ่าน รำคาญ หรือโกรธง่าย ความสงบและสันติเกิดขึ้นภายใน แสดงว่าเราไม่ใช่ทัพพีคนแกง แต่เรากลายเป็นสำลีที่ดูดรสน้ำแกงได้ ถือว่าเราได้ประโยชน์จากการมาครั้งนี้

    อีกประการหนึ่ง หากครูบาอาจารย์ อบรมสั่งสอนของดีไปมากมายมหาศาล ถ้าเจ้าไม่ได้ทำให้มันเกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ก็ไม่ต่างกับทัพพีคนแกง หรือว่าสากกะเบือตำน้ำพริก ซึ่งไม่รู้รสชาติของพริกที่มันตำ ไม่รู้รสแกงที่มันคน ครูผู้อารีอุตส่าห์อบรมขัดเกลาให้อยู่ในพระธรรมวินัย ให้ออกไปเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นพี่ที่ดีของน้อง เป็นเยาวชนที่ดีของชาติ เพียงเพื่อจะอบรมให้เราเป็นคนดี แต่ถ้าเราไม่รับฟัง ฟังแล้วไม่ทำตาม ก็ไม่ต่างกับสากกะเบือที่มีไว้ตำน้ำพริกหรือทัพพีคนแกง ไม่ต่างอะไรกับไม้พายที่ใช้กวนขนม คนกันจนไม้พายหัก ก็ยังไม่รู้รสขนมที่ตัวเองลงไปกวนเลย

    เพราะฉะนั้น หวังว่าทุกคนจะไม่เป็นดังนี้ เช่นการมาอยู่ป่าเขานี้ก็สงบ ถ้าเราซึมซับก็จะรู้และสัมผัสสิ่งต่างๆ ได ้ว่ามีอะไรดีๆ ให้กับตัวเอง การที่เรามาอยู่ในป่าเขาลำเนาไพร เพราะต้องการซึมซับอิงแอบอำนาจของป่าเขาลำเนาไพร ป่ามีพลังอำนาจในตัว นั่นคือความเงียบกับความสงบ ซึ่งสามารถทำให้เราสยบ หรือผวาหวาดกลัวได้ทุกเวลานาที แต่ถ้าเราเป็นคนสงบและเงียบยิ่งกว่าป่า ก็จะกล้าเดินคนเดียวในป่าอย่างรื่นเริงบันเทิงใจไม่ต้องกลัวใครเหยียบย่ำ บีฑา เพราะเราสงบจริงๆ จึงกล้าอยู่ในป่าคนเดียว โดยไม่หวาดผวาและยุ่งเกี่ยวกับอะไร

    แต่ถ้าเมื่อใดที่เรารู้สึกกลัวและหวาดผวา แสดงว่าใจเราไม่กล้าทำให้เกิดความสงบ และไม่เคยคบหากับความสันติ ความสว่างและความสะอาดของใจเลย ฉะนั้นถ้าเราต้องการสยบป่าให้อยู่ใต้มือใต้เท้า เราก็ต้องทำตัวเราให้เงียบและสงบ มีสันติในใจ ถ้าทำได้อย่างนี้เราก็ไม่ใช่ทัพพีคนแกง แต่เป็นสำลีที่ซึมซับทุกๆ อย่างได้ และเราก็จะเกิดศรัทธาขึ้นได้ในตนเอง
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา วิสัชนา : มาฆปุณมีจะทำอย่างไรดีให้สะอาด สว่าง สงบ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">2 มีนาคม 2547 19:13 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา
    เดือนกุมภาพันธ์นี้มีวันดีๆ คือ วันแห่งความรัก ปีนี้มีนาคมก็มีวันดี คือ วันมาฆปุณมี ขอคำแนะนำจากหลวงปู่ว่า สำหรับผู้ใฝ่ใจจะเป็นคนดีจะฉลองกันอย่างไรดีให้ทันสมัย และไม่ถูกค่อนแคะว่าเชย

    วิสัชนา
    ในเทศกาลสำคัญๆ ของชาวโลกก็ย่อมมีการเฉลิมฉลองกันบ้างเป็นธรรมดาและแน่นอนว่า ต้องเต็มไปด้วยความรื่นเริง สนุกสนาน บันเทิงในวิถีโลก ซึ่งต่างก็คิดว่าเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียด ทุกข์ระทม ร้อนรุ่ม กลัดกลุ้มในใจได้ เหล่านี้เป็นความเชื่อของชาวโลกที่เชื่อว่า ความทุกข์ความเดือดร้อนทั้งหลาย ย่อมแก้ไขได้ด้วยการหาเหตุปัจจัยใหม่ๆ เพื่อให้ลืมเลือนความขัดข้องหม่นหมองเก่าๆ นั้นไปได้

    แต่ในวิถีแห่งธรรม มีมุมมองที่แตกต่างกันไปจากชาวโลก ตรงที่ท่านผู้ประเสริฐเหล่านั้นยอมรับกันว่า "สิ่งทั้งหลายเกิดได้ด้วยเหตุ ถ้าจะดับสิ่งทั้งหลายก็ต้องดับที่เหตุ" มิใช่สร้างเหตุใหม่ๆ มาทับถมกลบเกลื่อนเหตุเก่าๆ อย่างที่ชาวโลกเขาเชื่อกัน เพราะวิธีเช่นนั้นดูมันจะเหมือนกับว่า "เมื่อไม่ชอบเหวก็หาหินมาถมเหว" ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะถมอีกสักเท่าไรถึงจะเต็ม

    การเฉลิมฉลองใดๆ ที่ทำให้ชีวิตจิตวิญญาณ กาย และใจ ต้องตกเป็นทาสของรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสพระพุทธะทั้งหลายทรงถือว่ามันคือการย้อมจิตให้ฟุ้งฟู ฟูมฟาย จนสุดท้ายกลับกลายมาเป็นมลภาวะ

    สำหรับการเฉลิมฉลองในวิถีแห่งธรรมพระพุทธะทั้งหลายทรงแนะให้กระทำเพื่อขจัด ขัด กัด เกลา แกะ แคะ เคาะ มลทินในชีวิตจิตวิญญาณสันดานตน

    สำหรับผู้ประพฤติปฏิบัติธรรมทั้งหลายต้องน้อมมารำพึง รำลึกถึงและจัดให้มีการเฉลิมฉลองด้วยวิธีและวิถีแห่งพุทธ คือ ทำบุญตักบาตร บริจาคทาน รักษาศีล และฟังธรรม พร้อมกับยึดถือหลักธรรมข้อใดข้อหนึ่งน้อมนำมาปฏิบัติเป็นกรณีพิเศษ ในวันและวาระโอกาสอันเป็นมงคลนี้

    ตัวอย่างเช่น บางท่านอาจจะกำหนดอธิษฐานจิตตนเองว่า วันและราตรีนี้เราจะไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่หลง กับใคร อะไร เมื่อไร และอย่างไร

    หรือบางท่านอาจจะตั้งจิตตั้งใจว่าก่อนวันมาฆบูชา 1 วัน และหลังวันมาฆบูชา 1 วัน รวม 3 วันจะตั้งต้นปฏิบัติธรรมบำเพ็ญเพียร เพื่อความฉลาด สะอาด สว่าง สงบ โดยการเข้าไปพบพระอาจารย์ผู้ประเสริฐเพื่อให้ท่านแนะแนววิธีในวิถีพุทธที่ เจริญให้แล้วปฏิบัติตนต่อวิถีนั้นๆ อย่างจริงจังตลอด 3 วัน 3 คืน

    บางท่านอาจจะอ้างว่าไม่มีเวลา เวลาน้อยก็อาจจะทำเพียงแค่บริจาคทาน ใส่บาตรทำบุญแล้วออกท่องเที่ยวไปกราบสถูปเจดีย์ หรือพระพุทธรูปสำคัญๆ ที่ประดิษฐานอยู่ตามวัดต่างๆ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของตน

    เหล่านี้ถือได้ว่าเป็นวิธีเฉลิมฉลองของผู้มีธรรม ถูกตรงตามวิถีแห่งธรรม ย่อมเจริญในธรรมของพระพุทธะผู้เจริญ

    เรามีดีอันเป็นวิถีประเสริฐวิเศษสุดของชาวพุทธอยู่แล้ว อย่าไปหลงเห่อเหิมทะเยอทะยานอยาก ไล่จับเงาของใครเขาอยู่เลย
    หันมาจับตัวตนที่แท้จริงของตนจะดีกว่า ชีวิตจะได้มีค่ามีราคาขึ้นมา

    ปุจฉา
    ขอให้หลวงปู่อธิบายการทำให้อริยาบทสะอาดสำหรับบุคคลทั่วๆ ไปว่าควรทำอย่างไรเช่น ขณะเดิน นั่ง คุย ทำงาน ควรจะนำเอาจิตไว้ตรงไหน (ถ้าจะพูดว่าทุกอริยาบทจะต้องมีสมาธิอย่างอ่อนๆ ได้ไหมครับ)

    วิสัชนา
    "คำว่า อิริยาบทสะอาด มันได้มาจากการที่กายกับใจรวมกันเป็นหนึ่งฝึกสติ ถามว่า จะเอาจิตไว้ไหน ก็เอาจิตไว้ที่กายนี้ เอาจิตไว้กำกับอิริยาบท ยืน นั่ง เดิน นอน ขณะที่คุณ ยืน นั่ง เดิน นอน ต้องเป็นการ ยืน นั่ง เดิน นอน ด้วยความสำนึก รู้สึกว่าเรารู้เนื้อรู้ตัวในขณะ ยืน นั่ง เดิน นอน นั้นๆ อย่างชนิด จดจ่อ จับจ้อง จริงจัง และก็ตั้งใจที่จะยืน ตั้งใจที่จะเดินตั้งใจที่จะนั่ง หรือตั้งใจที่จะนอน เรียกว่า นั่ง ยืน เดิน นอน เป็นการ นั่ง ยืน เดิน นอน พร้อมทั้งกายและใจ เมื่อเป็นอย่างนี้อิริยาบทนั้นๆ ก็ไม่บกพร่องมีแต่เรื่องถูกต้องจึงกลายเป็นอิริยาบทสะอาด ไม่รก สกปรก ไม่เป็นมลภาวะ ไม่ก่อเกิดปัญหา ต่อตน และคนทั้งหลาย เหล่านี้จึงเรียกว่า อิริยาบทสะอาด สรุปก็คือ คุณต้องมีสติ กำกับอิริยาบทนั้นๆ นั่นเอง จบ"

    ปุจฉา
    กราบนมัสการหลวงปู่พุทธะอิสระ ขอเมตตาหลวงปู่ช่วยอธิบายว่าการทำอินทรีย์ให้เสมอกันนั้น คืออะไรเสมอกับอะไร ทำอย่างไร

    วิสัชนา
    "คุณช่างสงสัย ก่อนอื่นให้คุณเข้าใจก่อนว่า คำว่า อินทรีย์มีที่มาสองอย่าง คือ อินทรีย์ที่มีมาในหัวข้อธรรมได้แก่ อินทรีย์ 5 คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา ที่ว่าให้เสมอกันก็คือ เจริญศรัทธาให้เสมอกับปัญญา เจริญวิริยะให้เสมอกับสมาธิ และมีสติเป็นผู้ควบคุม อินทรีย์อีกอย่างหนึ่งก็คือ อินทรีย์ 6 ที่มีในกายได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่ว่าทำให้เสมอก็คือ เสมอกันด้วยการเห็น การได้ฟัง ดมกลิ่น รับรส สัมผัส และรับรู้ว่าสิ่งที่ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้รส ได้สัมผัส รับรู้นี้ไม่คงที่ เกิดขึ้นตั้งอยู่ ดับไป อินทรีย์ทั้งสองอย่างทำให้เสมอกันดังกล่าวมาแล้ว

    ต่อคำถามที่ว่า มีวิธีทำอย่างไร วิธีก็คือ เจริญสติ ทำให้สติที่มีอยู่แล้วเจริญขึ้นมากขึ้น เติบโตขึ้น ด้วยวิธีจัดระเบียบของกาย จนเป็นระบบของความคิด ทำเรื่องทุกชนิดในชีวิตด้วยความรู้ตัว
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา วิสัชนา : ลักษณะของผู้รู้เป็นอย่างไร <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">23 กุมภาพันธ์ 2547 20:23 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา
    ลักษณะของผู้รู้เป็นอย่างไร

    วิสัชนา
    ลักษณะ ของผู้รู้ ก็คือ ที่รู้แบบพระพุทธะ มันจะต้องคล้ายกับดาบที่อยู่ในฝัก ไม่ว่าจะชักหรือไม่ชัก ยังไงมันก็เป็นดาบที่คมของมันอยู่ในตัวมัน แต่ลักษณะของผู้ที่ไม่รู้นั้นส่วนใหญ่มักจะผยอง เป็นช้างชูงวง ปูชูก้าม กิ้งก่าชูคอ นั่นคือลักษณะของผู้ไม่รู้หรือรู้น้อย หรือรู้ไม่จริง และอวดรู้อยากรู้อะไรอย่างนั้น แต่ลักษณะของผู้รู้จริงๆ เรามองเขาไม่ออกหรอก เหมือนกับดาบที่จะคมหรือไม่คม มันอยู่ในฝัก เราไม่รู้หรอกว่ามันคมขนาดไหนบางทีชักออกมาแล้ว เรานึกว่ามันยาวใหญ่ ที่ไหนได้สั้นและกุดด้วย มันอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ แต่เขาก็ถือว่าเป็นผู้รู้

    เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้บอกเป็นคำนิยามที่จะให้สื่อความหมายได้ หลวงปู่เคยเขียนบทโศลกสอนลูกหลานว่า

    ลูกรัก...
    คุณธรรมและหัวใจสำคัญของอริยธรรม สัจธรรม ศีลธรรม วิมุตติธรรม พระบริสุทธิธรรมนั้นก็คือความอ่อนน้อมถ่อมตน


    ถ้าหลวงปู่ถามพวกเราว่า ระหว่างหญ้ากับภูเขาพวกเราจะเลือกเป็นอะไร คนทั่วไปมองว่าภูเขามันดี เพราะมันใหญ่ อะไรจะมาสู้ภูเขาได้ แต่ว่าอะไรกันแน่ที่มันอยู่เหนือเขา หญ้าใช่ไหม ถ้าจะเอาภูเขากับหญ้ามาเปรีบยเทียบผู้รู้กับผู้ไม่รู้ ควรจะเปรียบอย่างไร หญ้าควรจะเปรียบกับผู้รู้ ภูเขาควรจะเปรียบกับผู้ไม่รู้แล้วอวดรู้

    ดังนั้น ลักษณะของผู้รู้ไม่จำเป็นต้องแสดง หลวงปู่เคยพูดอยู่เสมอว่า ถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครรู้ว่าเราโง่หรือฉลาด คนโบราณจึงมีคำพูดไว้ว่า "พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งแล้วได้สิบตำลึงทอง"

    เพราะฉะนั้น ลักษณะของผู้รู้นั้น ก็ดูได้จากหญ้า จากอะไรๆ ที่มันดูเล็กๆ แต่จะยิ่งใหญ่ในหัวใจของอะไรๆ ได้ทันทีที่มันต้องการใหญ่ มันไม่ยาวไม่สั้น ไม่เล็กไม่ใหญ่ ไม่กว้างไม่แคบอะไรทั้งนั้น แต่มันเป็นได้ทุกอย่าง นั่นคือ ลักษณะของผู้รู้

    ลูกรัก...
    เจ้าจงจำไว้ว่าพหูสูตและบัณฑิตปราชญ์ ที่แท้จริงนั้น ก่อนที่เขาจะเป็นผู้รู้ที่ดีต้องเริ่มต้นจากการเป็นผู้ฟังที่ดีก่อน
    ถ้ายังเป็นผู้ฟังที่ดีไม่ได้ก็จะรู้เรื่องดีๆ ของใครไม่ได้ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องเหลวไหลอย่างไร เขาย่อมรู้จักเลือกในสิ่งที่เขาควรจะฟัง

    ตัวอย่างเช่น พระพุทธเจ้าทรงยกพระอานนท์ว่าเป็นพหูสูตผู้เลิศในความทรงจำ และสรรพรู้ รอบรู้ทุกๆ สูตรที่พระองค์ทรงแสดง เหตุผลที่พระอานนท์ได้รับยกย่องอย่างนี้ก็เพราะว่า พระอานนท์มีคุณธรรมชนิดหนึ่งก็คือเป็นผู้ฟังที่ดี จึงได้รับยกย่องว่าเป็นพหูสูต เป็นปราชญ์ราชบัณฑิต

    ไม่ว่าพ่อจะไปที่ไหน จะเป็นผู้ฟังที่ดี ฟังเขาด่าก็ยังนั่งพนมมือฟังอย่างดี เป็นผู้ฟังที่ดีเสมอ ทั้งๆ ที่สิ่งเขาด่ามันไม่จริง แต่เมื่อใดที่ควรจะแสดง และพูด คนที่เขาพูดให้พ่อฟังเขาก็ต้องฟังเราได้ เพราะพ่อแสดงให้เขาดูว่าพ่อเคารพในเหตุผลที่เขาแสดงก่อน เมื่อใดที่พ่ออยากพูดออกมา เขาก็ต้องเคารพในเหตุผลของพ่อและยอมรับฟังด้วย แต่ถ้าพ่อทำตัวไม่เคารพในเหตุผลของใครก่อนถึงพ่อจะมีเหตุผลที่ดี เขาจะมาฟังพ่อได้ยังไง นี่คือ หัวใจของปราชญ์ราชบัณฑิต จะสอนใครตัวเองต้องเป็นผู้โดนสอนอย่างดีมาก่อน คือต้องเป็นผู้รับฟังเรื่องต่างๆ ของชาวบ้านด้วยใจเป็นกลางและมีศิลปะและปัญญา

    ก่อนที่พวกเจ้าจะเป็นปราชญ์เป็นครูสอนใคร เจ้าต้องเป็นผู้รับการสอนที่ดีก่อน เมื่อถึงเวลาที่จะแสดงต่อใครหรือแสดงต่อคนที่สอนเจ้า เขาก็จะฟังและเคารพเจ้าอย่างดี เหมือนที่เจ้าฟังและเคารพเขาและได้ประโยชน์จากการฟังของเขาด้วย

    ฉะนั้นเจ้าจงจำไว้ คิดจะเป็นครูเขา เป็นบัณฑิตคิดจะสอนใครเจ้าต้องยอมโดนอบโดนรมให้ได้ก่อน การที่พ่อสามารถรู้โรคของเขา รู้ทุกข์ของเขา เพราะพ่อเป็นผู้ฟังที่ดีไม่ใช่ฟังเฉพาะหู แต่รับฟังทั้งลูกตา จมูก หู บางสัมผัสและบางอิริยาบถของเขา พ่อจึงสามารถวิเคราะห์ใคร่ครวญพิจารณาสิ่งที่เขาเป็นเขามี แล้วแก้ไขสิ่งที่เขาบกพร่องได้ วิชาอย่างนี้พระพุทธเจ้าเรียกว่า อาเทศนาปาฏิหาริย์
     
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา วิสัชนา : อยากรู้เรื่องคนอื่น <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">16 กุมภาพันธ์ 2547 20:13 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา
    งานยากจึงเครียด
    รับงานลูกค้ามาทำแล้วมันยากมาก ทำให้เกิดอาการเครียด ไม่ทำก็จะเสียหายทำอย่างไรดีครับ จากศิษย์คนหนึ่ง จ.กำแพงเพชร

    วิสัชนา
    มนุษย์เป็นสิ่งวิเศษ และสามารถที่สุดในโลกอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้ ซึ่งก็มีผลงานหลากหลายมากมายที่มนุษย์ทำขึ้น แล้วคุณเป็นมนุษย์หรือเปล่าล่ะ ใจเย็นๆค่อยๆหาวิธีที่เลิศที่สุด แล้วลงมือทำใหม่ให้พิถีพิถันที่สุดฉันเชื่อว่าคุณทำได้ อย่าใจร้อน

    ปุจฉา
    อยากรู้เรื่องคนอื่น
    ผู้ที่อยากรู้เรื่องราวบุคคลอื่นทุกแง่มุมแบบเจาะลึกในลักษณะกระหายใคร่รู้ เพื่อนำไปขยาย แต่ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับตนเองเป็นความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ จะทำให้เขารู้ตัวว่าเราไม่ชอบพฤติกรรมเช่นนี้ โดยบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น เคยชวนไปปฏิบัติธรรมเขาปฏิเสธทันที

    วิสัชนา
    เวลาที่เขานำเรื่องของผู้อื่นมาเล่าก็อย่าไปสนใจฟัง อย่าใส่ใจซักถาม อย่าให้ความสำคัญ ที่สุดเมื่อเขาเห็นว่าไม่มีผู้สนใจ เขาก็คงจะเลิกไปเองแหละ

    ปุจฉา
    สงสัยเรื่องกุฎีสงฆ์
    นมัสการเรียนถามหลวงปู่ ดังนี้ค่ะ
    1.ไม่ทราบว่าในพระธรรมวินัย ได้มีพระบัญญัติไว้หรือไม่ ในเรื่องที่เกี่ยวกับ กุฏีสงฆ์ ว่าพระสงฆ์ 1 รูป ควรใช้พื้นที่เท่าไร(กว้าง-ยาว กี่เมตร) ควรมีสิ่งจำเป็นอะไรบ้างในอาคารพักอาศัย สมควรหรือไม่ที่จะต้องมีรั้วรอบขอบชิดของกุฏีแต่ละหลังราวกับบ้านจัดสรร

    2.พระสงฆ์ กับการอนุรักษ์ป่า ท่านทำอย่างไร วิธีการ การแก้ปัญหา ผลของการอนุรักษ์ป่า(ผืนป่าอยู่ในบริเวณวัด และโดยรอบวัด )

    วิสัชนา
    1.มีพระพุทธบัญญัติเอาไว้ว่า ถ้าจะสร้างต้องให้สงฆ์ชี้ที่ให้ก่อน แล้วต้องสร้างได้ไม่เกิน ยาว 12 คืบพระสุคต (หนึ่งคืบยาว 12 เซนติเมตร) กว้างไม่เกิน 7 คืบพระสุคต แต่ถ้าที่อยู่อาศัยนั้นมีผู้สร้างถวาย ก็สุดแต่ผู้ถวายจะกำหนดเอง ไม่สมควรจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบคฤหัสถ์

    2.ไม่ทำลายไม้เดิม ปลูกไม้ใหม่เพิ่ม ดูแลรักษาให้ดี

    ปุจฉา
    ฝากคนทำบุญ
    ถ้าเรามีความตั้งใจดี ที่จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของเรา โดยใส่บาตร ทำบุญใส่ซองบ้าง แต่มีบางคนบอกว่าให้เราไปฝากคน หรือพระที่เขาปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ให้ทำแทน เช่นฝากเงินคน แล้วเขาก็ไปทำแทน เช่น ไปสร้างพระพุทธรูป หรือไปทำบุญกับพระ แล้วให้อุทิศส่วนกุศลให้ เจ้ากรรมนายเวรจะได้รับมากกว่า ที่เราทำเอง อยากเรียนถามว่า เป็นจริงหรือคะ การทำบุญต้องขึ้นกับผู้ที่ทำด้วยหรือคะ ขอบคุณค่ะ

    วิสัชนา
    ไปเอาที่ไหนมาอีกล่ะ ฉันล่ะเบื่อกับคำว่า เขาบอกนี่จริงๆ ฉันเคยแต่รู้มาว่า ทำบุญด้วยตนเองและทำกับผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ประกอบด้วยธรรม บุญอันนั้นก็จะยิ่งใหญ่ได้แก่ผู้เราต้องการอุทิศให้ ฟังอะไรมา ให้รู้จักใช้ปัญญาหน่อยจะได้ไม่โดนเขาหลอก
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา วิสัชนา : พระกับโทรฯมือถือ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">9 กุมภาพันธ์ 2547 21:43 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา
    พระกับโทรฯมือถือ
    ผมขอเรียนถามว่า ศีลของพระมีอยู่ข้อหนึ่งที่ว่าห้ามรับเงินรับทองใช่ไหมครับ นั่นหมายความว่า พระจะมีเงินใช้ไม่ได้ใช่ไหมครับ เมื่อเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุใด พระจึงมีโทรศัพท์มือถือใช้ได้ล่ะครับ ในเมื่อโทรศัพท์มือถือจะต้องเสียค่าบริการรายเดือน การใช้โทรศัพท์มือถือจะผิดพระวินัยหรือเปล่าครับ หรือว่ายุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว จึงทำให้มีความจำเป็น ทำให้พระวินัยสามารถยืดหยุ่นได้ ขอบพระคุณครับที่กรุณาตอบปัญหา

    วิสัชนา
    ที่คุณพูดมานั่นแหละถูกเผงเลย แต่มันจะทำยังไงได้ละคุณ วิถีโลกมันเข้ามาครอบงำ ไม่เว้นแต่พระเจ้า พระสงฆ์ ที่จริงถ้าจะว่าไปแล้วในหลักของพระวินัยเขามีแบบธรรมเนียม ในการบริโภคปัจจัยสี่ ว่าต้องมีเจ้าหน้าที่ไวยาวัจกรเป็นผู้จัดสรรจัดการรับใช้ ตามประสงค์ของภิกษุ ซึ่งก็ต้องอยู่ในหลักสมณะสารูป แต่เดี๋ยวนี้ไวยาวัจกรดูจะไม่ค่อยมีบทบาทเรื่องก็เลยต้องลงเอยอย่างที่คุณ เห็นนั่นแหละ แต่ถ้าจะถามว่าพระสงฆ์ที่มีชีวิตฟุ้งเฟ้อผิดไหม ตอมได้ทันที่ว่าผิดหลักของผู้สละโลก ผู้สันโดษ

    ปุจฉา
    ตั้ง เจ้าที่
    หลวงปู่ครับ บ้านที่ไม่มีการตั้งเจ้าที่นี่จะมีผลเสียอะไรไหมครับ ถ้ามีแต่โต๊ะหมู่บูชาพระพุทธรูปอย่างเดียวในห้องพระ โดยไม่มีการตั้งบูชาเจ้าที่เลยนี่จะได้ไหมครับ

    วิสัชนา
    ก็ไม่เห็นผิดอะไรนี่คุณ

    ปุจฉา
    ฤกษ์บวช
    อยากขอเรียนถามว่าจะบวชในวันที่เท่าไหร่ต้องดูฤกษ์ยามในการบวชรึป่าวครับ

    วิสัชนา
    วันที่คุณพร้อมและสบายใจ มีศรัทธาตั้งมั่น พร้อมที่จะประพฤติ ปฏิบัติตาม หลักธรรมวินัย

    ปุจฉา
    ผู้รับได้ประโยชน์ สูงสุด
    1.กรรมที่พ่อแม่ทำไว้จะตกถึงลูกหรือไม่

    2.ที่คนเขาพูดว่าใส่สร้อยพระเข้าห้องน้ำพระจะไม่ศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่

    วิสัชนา
    1.สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ผู้ใดทำกรรมเช่นใด ตนย่อมได้รับผลของกรรมเช่นนั้น มิใช่ผู้อื่นจะมารับแทนได้

    2.เขาพูด แต่ไม่ใช่พระพูด แล้วคุณจะเชื่อใคร

    ปุจฉา
    นับถือเทพถือองค์
    ทำไมประชาชนมากมายจึงไปนับถือเทพถือองค์จนเป็นบ้ากันใหญ่โตทั้งๆที่ศาสนาเรา ก็มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่สำนึกกราบไหว้บูชาก็ดีอยู่แล้ว

    วิสัชนา
    แล้วแต่ปัญญาของแต่ละคน ผู้มีปัญญามากกว่า ก็ย่อมหาที่พึ่งที่ดีกว่า แม้ทีสุดก็ไม่ต้องมีสิ่งพึ่งเลย ผู้มีปัญญาน้อยกว่า ก็ย่อมแสวงหาที่พึ่งไปต่างๆนาๆสุดแต่คิดว่าจะพึ่งได้ เรื่องนี้มิใช่พึ่งมี แม้เมื่อสองพันกว่าปี ก็มีมาแล้ว

    ปุจฉา
    ช่วยคนโรค จิต
    กราบนมัสการหลวงปู่ครับ กระผมมีข้อสงสัยอยากถามว่า คนที่เป็นโรคจิตนี่เกิดจากอะไรครับ และพระพุทธศาสนาสามารถช่วยให้คนเหล่านี้มีจิตเป็นปกติสุขได้หรือไม่ครับ ถ้าได้นี่ต้องใช้วิธีอย่างไรครับ

    วิสัชนา
    คนวิกลจริต เป็นโรคจิต ถือได้ว่าเกิดจากสาเหตุในการขาดสติ จิตตกเป็นทาสของอารมณ์ พระพุทธศาสนา ช่วยคนเหล่านี้ได้ ถ้าศึกษาฝึกหัดให้ถูกวิธี
     
  19. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา วิสัชนา : ขอวิธีคิดให้จิตเบิกบาน <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">6 กุมภาพันธ์ 2547 20:30 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา
    ขอวิธี คิดให้จิตเบิกบาน
    ขอเรียนถามหลวงปู่ว่าดิฉันเป็นผู้ที่ไม่มีจิตใจเบิกบานมาตั้งแต่เด็ก เพราะถูกส่งออกไปอยู่ห่างบ้านทั้งโรงเรียนประจำและบ้านญาติ จึงทำให้เป็นคนที่ค่อนข้างซึมเศร้าเป็นพื้นนิสัย มองอะไรจริงจังไปเสียหมด ทั้งยังเป็นคนระวังตัว จนบางครั้งขี้ระแวงซึ่งยิ่งอายุมากขึ้นๆมันทำให้จิตใจขุ่นมัว หาความเบิกบานและอารมณ์ขันในการใช้ชีวิตแต่ละวันไม่ได้ ทำให้สุขภาพจิตเสียลงทุกวัน จึงอยากทราบว่าพุทธศาสนามีการสอนวิธีคิดให้จิตใจเบิกบาน(ไม่ใช่แต่สุขสงบ เฉยๆ)หรือไม่อย่างไรคะ

    วิสัชนา
    มี... คุณ.. มองโลกในแง่ดี มองโลกตามกฎของกรรม มองโลกตามความเป็นจริง

    ปุจฉา
    ผลบุญจากการกราบ
    กราบนมัสการหลวงปู่ ลูกอยากเรียนถามท่านว่า เหตุใดที่ขณะกราบพระพุทธรูป พระสงฆ์ก็ดี ส่วนใหญ่แล้วผู้สูงอายุมักจะใช้ผ้ารองก่อนกราบพระ เป็นประเพณีปฏิบัติหรืออย่างไรครับ แล้วผลบุญที่ได้ต่างจากการกราบธรรมดาแบบเบญจางคประดิษฐ์อย่างไรครับ กราบขอบพระคุณหลวงปู่

    วิสัชนา
    เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล ไม่ถือว่าเป็นระเบียบข้อบังคับใด ซึ่งการนำผ้ามารองกราบคงมาจากความคิดว่า การกราบบูชาแต่ละครั้งควรกราบบูชาด้วยความสะอาดบริสุทธิ์หมดจด

    ที่จริงการกราบไม่ว่าจะด้วยวิธีใดสำคัญที่สุดอยู่ที่ใจต้องระลึกรู้สึกตัว ทั่วพร้อมด้วยความศรัทธา และหลังจากกราบบูชาแล้ว สิ่งที่ได้ควรเป็นความสงบ เยือกเย็น ผ่อนคลาย

    ปุจฉา
    ผู้รับได้ประโยชน์สูงสุด
    การให้ธรรมอย่างใดจะทำให้ผู้รับได้รับประโยชน์สูงสุดครับ

    วิสัชนา
    สอนให้เขาสามารถพึ่งพาอาศัยตนเองได้ อย่างมีสติปัญญารู้ต้วทั่วพร้อม

    ปุจฉา
    เรื่องของการรู้
    กราบนมัสการครับ
    1.อาการรับรู้ที่ปรากฏทางใจบางครั้งจริงบ้าง บางครั้งไม่จริงบ้าง เรียกว่าอะไรครับ

    2. การรู้ที่แท้จริง คือการรู้ตามความเป็นจริงกับสิ่งที่มากระทบ โดยมิต้องกำหนดจิต เป็นเช่นนั้นหรือไม่ครับ

    3. การรับรู้เรื่องภายนอกได้อย่างถูกต้อง แสดงว่าต้องมีพื้นฐานมาจากศีลที่ดีขึ้นตามลำดับ ประกอบกับรู้จักตนเองมากขึ้นใช่หรือไม่ครับ

    วิสัชนา
    1.เรียกว่า เจตสิก เครื่องปรุงจิต เรียกมายาขจิต เครื่องล่อหลอกจิต

    2.การรับรู้ที่แท้จริงคือการรับรู้เจตสิกเครื่องปรุงจิตและการรับรู้ความ เป็นไปแห่งกาย

    3.ที่คุณว่ามามันก็ถูก แต่ที่ถูกที่สุดคือการได้พัฒนาตัวรู้ให้พร้อมรับรู้ นั่นก็คือสติสัมปชัญญะนั่นเอง

    ปุจฉา
    อยากพ้นทุกข์
    หลวงปู่ครับ ผมมีคำถามดังนี้ครับ
    1. สำหรับคนไม่คิดในสิ่งที่ทำให้ตัวเป็นทุกข์ มองโลกในแง่บวก เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส มองเห็นค่าของน้ำที่ยังเหลืออยู่ในขวดมากกว่าจะมองว่ามันเหือดแห้งไปเท่าไร มีชีวิตอยู่ด้วยแนวความคิดที่ดี เป็นบวก สร้างสรรค์ บุคคลเช่นนี้ถือว่าพ้นทุกข์แล้วหรือยังครับ

    2. เพราะเหตุใดจะพ้นทุกข์ตามที่พระพุทธศาสนาบอกไว้ได้ ต้องกำจัดกิเลสให้สิ้นก่อนด้วยครับ

    3. เคยมีคนบอกว่าการพ้นทุกข์ การนิพพานทางพระพุทธศาสนานั้น จะไร้ทั้งทุกข์ และสุข คือไม่มีอารมณ์ทั้งความสุข ความทุกข์เลย เป็นความจริงไหมครับ

    วิสัชนา
    1.ยัง

    2.ดับกิเลสและกองทุกข์ได้ทั้งหมดจึงจะได้ชื่อว่า ผู้พ้นแล้ว

    3.เมื่อไม่มีการเกิด ไม่มีตัวตน ไม่มีจิตที่จะให้เกิด แล้วความทุกข์จะเกิดจากที่ไหน

    ปุจฉา
    สัญญากับปัญญา
    กราบนมัสการหลวงปู่ครับ กระผมขอกราบเรียนถามปัญหาที่ข้องใจครับ

    1. ความหมายของคำว่า 'สัญญา'ทางโลกหมายถึงจำแต่ไม่มีความเข้าใจแต่หากมีความเข้าใจแล้วทางธรรม เรียกว่า'ปัญญา'ใช่หรือไม่ครับ

    2.การปฏิบัติธรรมถ้าทำจริงจะรู้ชัดและเข้าใจอาการและอารมณ์ของจิตโดยไม่ต้อง ถามผู้ใด ที่เรียกว่า'ปัจจัตตัง'อย่างนั้นใช่หรือไม่ครับ

    3.เข้าใจว่าถ้าเห็นทุกขสัจของตนแล้วย่อมมีโอกาสพ้นจากทุกข์ถ้าไม่ประมาท และมีความต้องการที่จะบวชแต่หากเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่จะทำอย่างไรดีใน เมื่อเห็นฝั่งแล้วแต่เกรงว่าจะเป็นคนอกตัญญูต่อบุพการี

    วิสัชนา
    1.เข้าใจอย่างเดียวยังไม่ถือว่าเป็นปัญญา ต้องรู้แจ้งชัดตามความเป็นจริงด้วย

    2.แน่นอน

    3.เป็นเช่นนั้นจริงๆ การบวช ท่านมิได้ห้ามเลี้ยงดูพ่อแม่ กลับจะเป็นการเลี้ยงดูได้ทั้งทางกายพร้อมกับจิตใจ ที่เห็นลูกใฝ่ดีมีบุญเจือจุนพ่อแม่ ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับคุณว่าจะเลือกอะไร แล้วการเลือกนั้นทำให้ผู้ใดเดือดร้อนหรือไม่
     
  20. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปุจฉา วิสัชนา : ผู้ยึดติด จะประสบความสำเร็จ มีวาสนาทางธรรมได้อย่างไร <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">29 มกราคม 2547 23:27 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปุจฉา
    อยากเอาชนะกิเลส
    การเอาชนะกิเลสที่ชนะแบบชั่วนิรันดร์เราจะเริ่มต้นยังไงครับ

    วิสัชนา
    เริ่มต้นจากเชื่อกรรม เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วมีสติ พร้อมความเพียร หมั่นที่จะฝึกหัดดัดกาย วาจา ใจ ของตน อย่างไม่ย่นย่อ ไม่ท้อถอย มีขันติ ความอดทน อดกลั้น ต่อสภาพความบีบคั้นและหลอกล่อทั้งปวง มีสมาธิ คือ ความตั้งมั่น องอาจ ผ่าเผย มีปัญญารอบรู้ แจ้งชัด ทุกเรื่องที่คุณทำ พูด คิด รวมถึงรู้ตามความเป็นจริงของสรรพสิ่ง สรรพสัตว์ สรรพชีวิต และสรรพวัตถุ

    ปุจฉา
    ชอบตามใจตัวเอง
    อยากมีขีวิตที่เป็นระบบระเบียบ แต่ยังชอบทำอะไรตามใจตัวเองอยู่เสมอ จะมีวิธีฝึกอย่างไรให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง ไม่โอนอ่อนไปตามกิเลสตัวเอง

    วิสัชนา
    ฉันว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ที่ไม่ค่อยได้มีชีวิตอยู่เพื่อความฝึกหัด ปฏิบัติ เรียนรู้ คุณลองค่อยๆ ทำความเป็นระเบียบให้แก่วิถีชีวิตคุณ ไปวันละเล็กๆ น้อยๆ ทำบ่อยๆ เหมือนดังฝนที่ตกลงมา หาใช่หยดเดียวแล้วเต็มตุ่มเมื่อไหร่ การฝึกฝนอบรมตนจึงจำเป็นต้องเพียรพยายามฝึกบ่อยๆ ฝึกอยู่เป็นนิจ จนเป็นหนึ่งเดียวกับชีวิต จิตวิญญาณ สันดานตน

    ปุจฉา
    ไม่ อยากยึดติด
    เราควรยกธรรมะข้อใดมาพิจารณาเป็นพิเศษ เพื่อบรรเทา ความยึดติด ทั้งหลาย

    วิสัชนา
    ธรรม ที่สามารถบรรเทาความยึดติดมีอยู่เยอะแยะมากมาย จะยกมาให้ดูสั้น ๆ สักเล็กน้อยก็ได้ เริ่มต้นจาก มีสติรู้เท่าทันสภาพตามความเป็นจริง ที่ปรากฏ จนจิตสงบเป็นสมาธิ บังเกิดปัญญาพิจารณา สภาพตามความเป็นจริงเหล่านั้นว่า เกิดขึ้นได้ด้วยเหตุ ปัจจัยอะไร ตั้งอยู่ และ แปรปรวน ด้วยอาศัยเหตุปัจจัยอะไร สุดท้ายแตกสลาย เสียหาย เพราะขาดเหตุปัจจัยอะไร หรือ จะเจริญสติจนบังเกิดสมาธิ จนถึงองค์แห่งฌานอันมี อุเบกขา ความวางเฉยเป็นอารมณ์หรือ ไม่ก็มีสติรู้เท่าทัน กาย เวทนา จิต ธรรม เรียกว่า มหาสติปัฏ ฐานสี่ หรือ ไม่ก็เจริญอริยสัจสี่ คือ รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ ความทางดับทุกข์ รู้ ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ อะไรก็ได้ทำให้จริง ๆ จัง ๆ สักอย่าง ผลที่ปรากฏคุณย่อมรู้เอง

    ปุจฉา
    อยากประสบความสำเร็จ
    จะปฎิบัติตนให้ถูกต้องตามพุทธศาสนาอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

    วิสัชนา
    ทำทุกอย่างด้วยความรัก มีความเพียรพยายามที่จะทำการงานนั้นอย่างจดจ่อจริงจัง ตั้งใจ เจาะจ้อง พร้อมกับใช้ปัญญาใคร่ครวญพิจารนาให้ถ่องแท้และถูกต้อง ด้วยการสรรหาวิธีทำอันเลิศ และผลที่ประเสริฐจะเกิดตามมา

    ปุจฉา
    วาสนา
    คำว่า วาสนา มีความหมายที่แท้จริง ชัดเจน ครอบคลุมถึงเรื่องอะไรบ้าง
    และมีจุดเริ่มต้นมาจากที่ไหน

    วิสัชนา
    คำว่า วาสนา หมายถึง เรื่องที่ทำ คำที่พูด และสูตรที่คิด เกิดขึ้นติดต่อกันเป็นเวลานานหลายภพหลายชาติอย่างซ้ำซากจำเจ จนเป็นเหตุให้บางทีบางครั้งผู้เป็นเจ้าของวาสนานั้นๆ ก็ควบคุมมันไม่ได้ ซึ่งก็มักจะทำพูดคิดตามความเคยชิน โดยไม่รู้ตัวบ้างหรือรู้ตัวบ้าง แต่ติดเป็นนิสัย เลยเห็นว่าไม่มีความจำเป็นอะไรต้องแก้ไขปรับปรุง
     

แชร์หน้านี้

Loading...