มาเพิ่มพลังจิตให้ตนเอง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 14 มกราคม 2017.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    FB_IMG_1484375273311.jpg

    คำจำกัดความของจิตในแง่วิทยาศาสตร์และธรรมชาติ

    จิตเป็นพลังงานอย่างหนึ่งที่มีความถี่ละเอียด เกิดดับๆ อยู่ตลอดเวลาและเคลื่อนที่เร็วมาก เพียงแค่นึกก็ไปถึงทันที ไม่ว่าจะใกล้ไกลแค่ไหน

    หน้าที่ของจิต

    จิตมีหน้าที่ 3 อย่าง

    1. รับสิ่งกระทบจากภายนอก(ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)เข้ามาปรุงแต่ง เป็นอารมณ์ ถ้าสิ่งกระทบไม่ดี อารมณ์ก็จะไม่ดี ถ้าสิ่งกระทบดี อารมณ์ก็จะดี

    2. สั่งสมองให้คิด สั่งปากให้พูดและสั่งร่างกายให้ทำ

    3. สั่งสมพฤติกรรม ทั้งดีและไม่ดี ที่คิดพูดและทำไปแล้ว

    วิธีตรวจวัดพลังจิตแบบง่ายๆ

    1. เรานอนแต่ละวันกี่ชั่วโมง ตื่นขึ้นมาตอนเช้า ยังอยากจะนอนต่ออีกหรือไม่ ยังง่วงเหงาหาวนอนหรือไม่ ถ้ายังอยากจะนอนต่อ ยังง่วงเหงาหาวนอนอยู่อีกแสดงว่าพลังยังพร่อง ต้องเติมพลัง(คนที่ฝึกจิตมาดีจะมีพลังเต็มที่สามารถทำงานได้ทั้งวันเป็นระยะเวลานานกว่าคนธรรมดา ถึงแม้จะนอนน้อยก็ตาม)

    2. จิตของเรามีพลังเพียงใด ให้ดูจากความขยันของเรา หากความขยันเพิ่มขึ้น ความขี้เกียจจะลดลง นั่นแสดงว่า จิตของเรามีพลัง(แต่จิตจะต้องได้รับการฝึกฝนด้วย ที่เรียกว่า การเจริญจิต พัฒนาจิต การฝึกอบรมจิตใจ จิตที่ได้รับการฝึกฝนดีย่อมนำความสุขมาให้ สมดังพระพุทธภาษิตขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)

    คนสมัยนี้ส่วนมาก มักจะใช้เวลาไปกับการดูแลร่างกายมากกว่าจิต จึงควรหันมาสนใจในการเพิ่มพลังจิตให้มากขึ้น โดยมีเป้าประสงค์ดังนี้

    1. ให้จิตใจเข้มแข็งมั่นคงเจริญงอกงามไปด้วยคุณธรรมทั้งหลาย เช่น มีเมตตากรุณา ความขยันหมั่นเพียรและความอดทน

    2. มีสมาธิดี

    3. มีความสดชื่น เบิกบาน เป็นสุขผ่องใสอยู่เสมอ

    วิธีเพิ่มพลังจิต

    1. หมั่นทำจิตให้บริสุทธิ์ มีจิตเป็นปกติ ด้วยศีล สมาธิและปัญญา(ถ้าจิตผิดปกติแล้ว ก็ทำให้เกิดโรคได้มากมาย)

    2. มีความพอใจและมีความสุขกับการทำงาน กิจกรรม หรืองานอดิเรก ซึ่งเป็นอุบายทำให้จิตปกติ

    3. พยายามลดความวิตกกังวล ความระแวง ความซึมเศร้า ความจำเสื่อม นอนไม่หลับ โดยพยายามทำจิตใจให้สงบ แก้ไขที่ต้นเหตุและรีบรักษาพยาบาล

    4. เพิ่มพลังจิตด้วยสมาธิ ซึ่งเป็นขั้นต้นเป็นการฝึกจิตที่ดี ทำให้จิตมีพลังและหมั่นเติมเต็มให้แก่จิตอยู่เสมอ

    5. เพิ่มพลังจิตด้วยสติ โดยฝึกไปพร้อมๆ กับสมาธิ ปกติสติจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการฝึกสมาธิอยู่แล้ว

    6. เพิ่มพลังจิตด้วยปัญญาเห็นแจ้งซึ่งเป็นขั้นสูงสุดจะทรงพลังสุดๆ

    หมายเหตุ :

    สมาธิขั้นต้น ได้แก่ ขณิกสมาธิ เกิดจากจิตที่นิ่งชั่วขณะสั้นๆ เหมาะสำหรับนำไปใช้ในการศึกษาเล่าเรียนและการทำงาน

    สมาธิขั้นกลางได้แก่ อุปจารสมาธิ เกิดจากจิตที่สงบนิ่งนานขึ้นและมีพลังงานมากขึ้น เหมาะสำหรับใช้ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง

    ส่วนสมาธิขั้นสูง ได้แก่ อัปปนาสมาธิ จิตจะนิ่งจนเป็นฌาน ถอดจิตออก ไม่รับรู้สิ่งกระทบใดๆ

    การเพิ่มพลังจิต เพื่อนำไปใช้กับการดำเนินชีวิตประจำวัน การประกอบกิจการงานหรือการศึกษาเล่าเรียน ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ก็น่าจะเพียงพอแล้วในเบื้องต้น

    ส่วนท่านที่สนใจในระดับที่สูงขึ้นไป ก็ควรผ่านการฝึกฝนในระดับเบื้องต้นก่อนและศึกษาเรียนรู้และฝึกปฏิบัติจากผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในระดับสูงโดยตรงต่อไป

    อ้างอิง :

    1. ดร.สนอง วรอุไร, "ทำชีวิตให้ได้ดีและมีสุข", 2548

    2. ภันเต คุณารัตนา มหาเถระ, "สติ ด้วยภาษาง่ายๆ", 2544(แปลและเรียบเรียงโดย พ.ญ.ชวาลา เธียรธนู จาก Mindfulness in Plain Engligh by Venerable Henepola Gunaratana Mahathera)

    3. กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข, "คู่มือการดูแลสุขภาพจิตผู้สูงอายุ", 2543

    4. เกียรติวรรณ อมาตยกุล, "พลังแห่งความเชื่อมั่น",2540

    5. พุทธทาสภิกขุ, "ความมีจิตปรกติ คือ ยาวิเศษ",2526

    Credit : http://oknation.nationtv.tv/blog/surasakc/2008/09/14/entry-1
     

แชร์หน้านี้

Loading...