มีความทุกข์ทางใจหนักๆ ฝืนต้าน อยากหาย ยิ่งทุกข์ ปฏิบัติอย่างไรดีคะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย pum_anatta, 4 ตุลาคม 2017.

  1. pum_anatta

    pum_anatta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +805
    ช่วงนี้มีความทุกข์หนักจากการสูญเสียค่ะ ประมาณ 7 วันแล้ว ความทุกข์จะมาหนักๆช่วงตื่นนอน และตอนเย็นๆ
    แรกๆพยายามอย่างมากที่จะหาย ฝืนมัน และดิ้นรนให้มันหายไป หาคนคุยคนระบาย และร้องไห้เมื่อมันอยากจะร้อง
    มีความรู้สึกเหมือนมองไม่เห็นอนาคต ไม่รู้ว่าต่อไปจะมีชีวิตที่มีความสุขได้ยังไง ในเมื่อชีวิตมันเป็นทุกข์
    มีความรู้สึกว่า ไม่อยากใช้ชีวิต เพราะยังไงก็ต้องทุกข์หาความสุขแท้จริงไม่ได้อยู่ดี
    อยากจะไปบวชตลอดชีวิต แต่ก็รู้ว่ายังไม่ใช่ทางแก้ปัญหา

    วันสองวันมานี้ พยายามทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำ แม้จะฝืนใจ แต่ก็ทำ เช่น ออกกำลังเล็กน้อย ออกไปนอกบ้านบ้าง ไปสมัครงาน ก็ได้งานมา
    แล้วพอตกเย็น ทุกข์มาหนักๆอีก ไม่รู้จะทำยังไง เลยบอกตัวเองว่า ปล่อยให้มันทุกข์ไป จะทุกข์จนตายก็ให้มันตายไปเลย (ไม่มีความคิดจะฆ่าตัวตายนะคะ ไม่เอาเลย สงสารพ่อแม่ กลัวบาปค่ะ)
    มันก็ทุกข์อยู่ ซักพักเห็นชัดว่ามันคลาย บางลมหายใจมันปลอดโปร่ง บางครั้งมันก็ทุกข์ ส่วนมากทุกข์มาเพราะความคิดความจำเดิมๆมันแว๊บเข้ามา
    พอลองปล่อยให้มันทุกข์ ไม่พยายามไปกำจัดมัน รู้สึกเหมือนจะดีขึ้น ไม่ฟูมฟาย ไม่เที่ยวดิ้นๆๆหาใครมาช่วย ปล่อยมันทุกข์ แล้วดูมัน ดูได้บ้างไม่ได้บ้าง

    อยากถามว่า เราคิดอย่างนี้ ทำอย่างนี้ถูกหรือไม่คะ หรือว่ามันจะเป็นการทำให้จิตแย่ลงรึเปล่า เพราะกลัวจิตมันดิ่งลงอีก กลัวว่ามันจะทำให้ดีขึ้นแค่ชั่วคราว ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่แท้จริง เรากลัวเป็นโรคซึมเศร้าอีก (เคยเป็นและได้รับการรักษา)
    และเราควรปฏิบัติยังไงต่อดี ขอแนวทางที่ทุกท่านเคยทำแล้วเห็นผลดี ได้ผลดี เป็นไปในทางกุศล เป็นพยานได้ว่าปฏิบัติแล้วดีจริง ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วค่ะ


    เคยทุกข์แบบนี้มาหลายรอบแล้วค่ะ แต่ละครั้งก็ต่างกันไป แต่คราวนี้มันหนักมากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา บวกกับตอนที่มีความสุข แทบจะไม่เคยปฏิบัติเลย แค่สวดมนต์ทุกวันเท่านั้น แต่ไม่เคยเตรียมใจเลย มันเลยเหมือนตั้งหลักไม่ได้ค่ะ
    เหมือนสูญเสียทุกสิ่งไป ทั้งงาน ทั้งความรัก ทั้งความอบอุ่นใจ ทั้งอนาคต พยายามคิดและบอกกับตัวเองว่ามันต้องดีขึ้น ต้องอยู่ได้ ต้องมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

    ชีวิตมันเปลี่ยนไป จากหน้ามือเป็นหลังมือ(จริงๆอยากจะบอกว่าหลังเท้ามันก็เหมือนจะเกินไป) คิดไม่ออกว่าจะทำให้มันดีขึ้นได้ยังไง ตอนนี้ยังนึกไม่ออกจริงๆ แต่ก็บอกตัวเองว่ามันต้องดีขึ้นๆ พยายามทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำก่อน

    ขอคำแนะนำ และขอความกรุณานะคะ กราบขอบคุณล่วงหน้า และขออุโมทนาบุญด้วยค่ะ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    อ่านประวัติ มหาเถรีปฏาจาราเถรีเพิ่ม.....อันนี้อย่างนึง

    ตรงที่ตั้งจิต แล้วปรารภว่า ชีวิตต้องดีขึัน
    ตรงนี้แหละ. ที่ทำให้ วนเวียน

    เวียนกลับไปไหน

    เวียนกลับไปฉวยเรื่องราวมาเทียบ

    ดีขึ้น. ดีขึ้น. โดยมี ความไม่ดีเปนสิ่งอาสัยเทียบ

    เหมือนคนเอาเท้าเหยียบหัวงู เหยียบอยู่
    แล้วมันจะพ้นไหม

    แต่ อย่ายกนะ. ยกละก้อ.......

    ดังนั้น เหยียบเนี่ยะ ให้รู้ว่าอาสัยเหยียบ

    จังหวะที่วางลงได้ มันก้เหยียบอยู่ แต่พอดีๆ
    ไม่หลุด. รู้ว่าพ้น. รู้อุบายใดพอดีๆ พ้น และเหนืออยู่

    ก้พิจารณาไป
     
  3. สมิง สมิง สมิง

    สมิง สมิง สมิง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2017
    โพสต์:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +952
    ช่วงนี้มีความทุกข์หนักจากการสูญเสียค่ะ ประมาณ 7 วันแล้ว ความทุกข์จะมาหนักๆช่วงตื่นนอน และตอนเย็นๆ
    แรกๆพยายามอย่างมากที่จะหาย ฝืนมัน และดิ้นรนให้มันหายไป หาคนคุยคนระบาย และร้องไห้เมื่อมันอยากจะร้อง
    มีความรู้สึกเหมือนมองไม่เห็นอนาคต ไม่รู้ว่าต่อไปจะมีชีวิตที่มีความสุขได้ยังไง ในเมื่อชีวิตมันเป็นทุกข์
    มีความรู้สึกว่า ไม่อยากใช้ชีวิต เพราะยังไงก็ต้องทุกข์หาความสุขแท้จริงไม่ได้อยู่ดี
    อยากจะไปบวชตลอดชีวิต แต่ก็รู้ว่ายังไม่ใช่ทางแก้ปัญหา

    ตอบ
    1. การสูญเสีย เกิดขึ้นกับทุกคน อย่างไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ไม่ว่าวันใดก็วันหนึ่ง ไม่มีครอบครัวใดเลยไม่เคยสูญเสียของรัก คนรัก ที่จากไป และไม่มีใครเลยที่ไม่เคยผิดหวัง เพราะเราต่างก็ต้องประสบพบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ชอบใจกันทุกคน ในวังวนของวัฏฏจักรนี้ เป็นการเวียนว่ายต่ายเกิดที่มีสุขน้อยหรือแทบไม่มีเลย เป็นสุขก็สุขไม่จริง แต่ล้วนเต็มไปด้วยทุกข็เท่านั้นเอง
    2. การได้ระบายบ้างเป็นสิ่งที่ดี ควรมีกิจกรรมทำ น้ำตาก็สามารถทำให้เรารู้สึกดีขึ้นบ้างเช่นเดียวกัน อนาคตไม่ได้มืดมนอย่างที่คิด ลองนึกถึงคนที่เขาลำบากกว่าเรายังมีอีกมากมายในโลกใบนี้ ยิ่งถ้าเขาเป็นคนพิการ แต่เขาสู้นะ สู้ชีวิต ความสุขเกิดจากความปล่อยวาง ความพอเพียงความไม่ยึดมั่นถือมั่น ถ้าอันไหนมันหนัก มันแบกไว้ ก็วาง ๆ มันลง มันจะได้เบา


    วันสองวันมานี้ พยายามทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำ แม้จะฝืนใจ แต่ก็ทำ เช่น ออกกำลังเล็กน้อย ออกไปนอกบ้านบ้าง ไปสมัครงาน ก็ได้งานมา
    แล้วพอตกเย็น ทุกข์มาหนักๆอีก ไม่รู้จะทำยังไง เลยบอกตัวเองว่า ปล่อยให้มันทุกข์ไป จะทุกข์จนตายก็ให้มันตายไปเลย (ไม่มีความคิดจะฆ่าตัวตายนะคะ ไม่เอาเลย สงสารพ่อแม่ กลัวบาปค่ะ)
    มันก็ทุกข์อยู่ ซักพักเห็นชัดว่ามันคลาย บางลมหายใจมันปลอดโปร่ง บางครั้งมันก็ทุกข์ ส่วนมากทุกข์มาเพราะความคิดความจำเดิมๆมันแว๊บเข้ามา
    พอลองปล่อยให้มันทุกข์ ไม่พยายามไปกำจัดมัน รู้สึกเหมือนจะดีขึ้น ไม่ฟูมฟาย ไม่เที่ยวดิ้นๆๆหาใครมาช่วย ปล่อยมันทุกข์ แล้วดูมัน ดูได้บ้างไม่ได้บ้าง

    ตอบ
    1. สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งหนึ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา
    2. โลกล้วน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยง เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เกิด เกิด ดับ ดับ เต็มไปด้วยทุกข์ และไม่สามารถบังคับให้อยู่ในอำนาจของเราได้
    3. เรียนรู้ที่จะอยู่กับทุกข์ยังไง ให้ทุกข์น้อยที่สุด


    อยากถามว่า เราคิดอย่างนี้ ทำอย่างนี้ถูกหรือไม่คะ หรือว่ามันจะเป็นการทำให้จิตแย่ลงรึเปล่า เพราะกลัวจิตมันดิ่งลงอีก กลัวว่ามันจะทำให้ดีขึ้นแค่ชั่วคราว ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่แท้จริง เรากลัวเป็นโรคซึมเศร้าอีก (เคยเป็นและได้รับการรักษา)
    และเราควรปฏิบัติยังไงต่อดี ขอแนวทางที่ทุกท่านเคยทำแล้วเห็นผลดี ได้ผลดี เป็นไปในทางกุศล เป็นพยานได้ว่าปฏิบัติแล้วดีจริง ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วค่ะ

    ตอบ
    ...ปฏิบัติธรรม ค้นหาความจริงของชีวิต สร้างบารมี แล้วทุกอย่างจะดีเองและดีขึ้นเรื่อย ๆ ...(ยินดีเป็นพี่เลี้ยงถ้าพอแนะนำได้)


    เคยทุกข์แบบนี้มาหลายรอบแล้วค่ะ แต่ละครั้งก็ต่างกันไป แต่คราวนี้มันหนักมากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา บวกกับตอนที่มีความสุข แทบจะไม่เคยปฏิบัติเลย แค่สวดมนต์ทุกวันเท่านั้น แต่ไม่เคยเตรียมใจเลย มันเลยเหมือนตั้งหลักไม่ได้ค่ะ
    เหมือนสูญเสียทุกสิ่งไป ทั้งงาน ทั้งความรัก ทั้งความอบอุ่นใจ ทั้งอนาคต พยายามคิดและบอกกับตัวเองว่ามันต้องดีขึ้น ต้องอยู่ได้ ต้องมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

    ตอบ
    ...ต้องมีสักวัน ต้องมีสักวัน....


    ชีวิตมันเปลี่ยนไป จากหน้ามือเป็นหลังมือ(จริงๆอยากจะบอกว่าหลังเท้ามันก็เหมือนจะเกินไป) คิดไม่ออกว่าจะทำให้มันดีขึ้นได้ยังไง ตอนนี้ยังนึกไม่ออกจริงๆ แต่ก็บอกตัวเองว่ามันต้องดีขึ้นๆ พยายามทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำก่อน

    ตอบ
    ...ตั้งสติก่อนทุกครั้ง แล้วใช้ปัญญาในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น....


    อนุโมทนาบุญ
     
  4. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    คุณทำมาถูกแล้ว-ที่สุดของการแก้ทุกข์ก็คือการคิด-การคิดด้วยเหตุผล..สำนึกคุณมาดีแล้วครับไม่นานมันจะหายไป เวลาคือยารักษาใจคุณขณะนี้ครับ สาธุ เข้มแข็งและมีเกียรติ์ครับ
     
  5. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ตรงนี้ ระบุชี้ได้ว่า ในเวลาทำงาน หรือ ต้องปฏิบัติภาระกิจ
    +++ ไอ้ตัวจิตที่มัน "คิดมาก" หมดโอกาสที่จะทำร้ายตัวเจ้าของ
    +++ เพราะเจ้าของ เอาเวลาไปปฏิบัติภาระกิจอื่นที่สำคัญกว่า
    +++ แต่พอเจ้าของ หมดภาระกิจประจำวันแล้ว
    +++ ไอ้ตัว "คิดมาก" มันก็กลับมา ทำร้าย เจ้าของอีกเรื่อยไป เป็นวังวน เวียนกลับมาเสมอ
    +++ "ชีวิต"

    +++ "ชีวิต" ตัวชีวิต นั้นหมายเอาตามศีลข้อที่ 1 ที่หมายเอาตรงที่ ห้ามพรากกายมนุษย์จาก "ชีวิต"
    +++ ดังนั้น ตัวชีวิต จึงไม่ได้หมายเอาดั่งที่คุณเข้าใจ
    +++ ตรงนี้ให้หมายเอาตรงที่ "ตัวจุติจิต" ซึงมันก็คือ "ตัวคิดมาก" ในความหมาย "ณ ที่นี้"
    +++ และตรงนี้ ณ ความหมายนี้ มันก็คือ "ตัวคุณ" หรือ "ตัวอัตตา" ที่กำลังเป็น "ตัวคุณ" นั่นแหละ
    +++ "เวลา"

    +++ ตรงนี้ "ถูกต้อง" การบวช คือ การเปลี่ยนจาก การใช้เวลาในทางโลก ไปเป็น การใช้เวลาในการแสวงหาหนทางในการ ปฏิบัติธรรมเพื่อให้พ้นทุกข์
    +++ ดังนั้น "การใช้เวลา" ตรงนี้เป็น "ปัจจัย" ในการเปลี่ยนวิถีชีวิต จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะ "เวลา" มันก็คือ "เวลาอันเดียวกัน" ไม่ว่าจะเป็น "ทางโลกหรือทางธรรม"

    +++ จาก "ความทุกข์ที่มาตาม เวลา ที่คุณปลอดภาระกิจ" ตรงนี้ สามารถระบุได้ว่า "เวลา" ที่ปลอดจากภาระกิจ ก็ตือ "เวลา" ที่เจ้า "ตัวคิดมาก" มันโจมตีคุณ
    +++ หากคุณ จะใช้ "เวลา" ไปในการบวชแล้ว คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่า "ตัวคิดมาก" มันจะไม่โจมตีคุณตลอดเวลา
    +++ เพราะ "เวลาในขณะที่บวช" เป็นเวลาที่ไม่เกี่ยวข้องกับ การปฏิบัติภาระกิจในทางโลก ซึ่งมันก็คือ "เวลาที่ปลอดจากภาระกิจ" อยู่ดี เช่นเดิม
    +++ ก็ทำได้ "ถูก" แบบแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่แท้จริง (แบบยั่งยืน)
    +++ ควรปฏิบัติในแนวทางแห่ง "ความหยั่งรู้ จนกว่าจะ รู้แจ้ง ในสิ่งที่เรียกว่า จิตและตน จนถึงสภาวะที่ทำให้ การก่อกำเนิดจิตและตน ปรากฏขึ้น"
    +++ ช้าหรือเร็ว ขึ้นกับว่าจะสามารถทำ "สัมปชัญญะ (ความรู้สึกตัวทั่วถึง)" ได้เร็วหรือช้า รวมถึง ความละเอียดในการ "ดำรงค์" อยู่กับ สัมปชัญญะ นั้น
    +++ "ชีวิต" ที่น่าพอใจ (แบบทางโลก) มันก็เป็นเพียงแค่ "ตัวอัตตาจิต ตัวกูของกู" ที่ได้เสพ "อารมณ์" ที่ดี ๆ เท่านั้น ไม่เห็นมีอะไรที่ "เกินเลย" ออกไปจากนี้ได้เลย
    +++ แต่ "ศัตรู" ที่แท้ของคุณ มันเกิดจาก "คุณสร้างมันขึ้นมา จาก ตัวคุณนั่นเอง" มันก็คือ "ตัวคิดมาก" นั่นแหละ ที่ชวนคุณ "คิดแล้วได้อารมณ์ที่เศร้าหมอง" ตลอดเวลา

    +++ หากคุณ pum_anatta ยังไม่ ตัดสินใจที่จะปฏิบัติจน "รู้แจ้ง ในสิ่งที่เรียกว่า จิตและตน" แล้วละก้อ ยังมีวิธีง่าย ๆ แบบแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
    +++ คือ ยามใดที่ "ตัวคิดมาก" มันพยายามที่จะ "สร้างความคิดที่เศร้าหมอง" มาให้คุณ ก็ให้คุณ "ดัดสันดาน" มันด้วยการ "ใช้ให้มันคิดเพื่อ ผลิตอารมณ์ที่ดี" มาให้คุณแทนก็ได้
    +++ อย่าลืมว่า "คุณ" นั่นเอง เป็นโรงงาน "ผลิต" สิ่งที่เรียกว่า "ความคิด" ออกมาเพื่อให้ "มันรับใช้คุณ" และ "อย่าเผลอ" ให้คุณกลายเป็น "ผู้รับใช้" มันก็แล้วกัน
    +++ ภาระกิจประจำวันของคุณนี่เอง ที่เป็นตัว buffer (กันชน) ระหว่าง "ตัวคิดมาก" กับ "อัตตา" ที่เรียกว่า "ตัวคุณ" นั่นแหละ
    +++ ให้คุณ pum_anatta อ่านทบทวนดูสัก 2-3 รอบ ก็จะเข้าใจได้ดีขึ้นถึง จุด ที่ผมชี้เอาไว้
    +++ โพสท์นี้ เป็นโพสท์เฉพาะตัวบุคคล เท่านั้น สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ก็รับไว้ ถ้าไร้ประโยชน์กับคุณ pum_anatta ก็ทิ้งไป นะครับ
     
  6. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    นั่นๆๆๆๆๆทุกข์... "เกิด"... แล้ววววๆๆๆๆๆ... ทุกข์? (ธรรมใดเกิดแต่เหตุใด..?)
    นั่นๆๆๆๆๆๆทุกข์..."ดับ"... แล้วววววววววว...ทุกข์? (พระพุทธองค์ทรง ตรัสถึงเหตุแห่งการเกิดและการดับไป ของเหตุนั้นไว้)

    เหตุแห่งทุกข์ของคุณคือ..จะดับตรงไหน-เรื่องอะไรที่ทุกข์-รู้ธรรมมาบ้างรึยัง ? เหตุแห่งทุกข์ของคุณ..คืออะไรครับ...เห็นรึยังครับ...(ต้องละ ระลึก-ละ ดำริห์= ละความคิดในจิต-ในใจ)

    :mad::mad::mad: เกิด-ดับ...ดูตรงนี้แหละครับ.. แต่ต้องมีพื้นฐาน ตั้งใจมั่น "รู้" เหตุ-ที่เกิดของทุกข์มาก่อน..การดับไปแล้วของทุกข์ (จิตดับ) ด้วยเหตุผล ของการรู้ธรรม ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดทุกข์ ..จิตจะจดจำได้-จิตจะเบื่อหน่าย คลายวางเอง-และจะไม่ยอมให้ทุกข์ที่จิต มาเกิดอีกบ่อยๆๆๆๆๆๆๆ.. เพราะถ้าปล่อยให้ทุกข์ที่จิตมาเกิดอีก..มันจะ"ทรมาน-ทรมาน"ๆๆๆๆๆๆ ..เราอีกเรื่อยๆๆ..จนตรอมใจตาย ..
    :) ไม่ใช่เห็น..จิตดับ..แบบโง่ๆๆๆๆ นะครับ..เอะอะดับจิตทั้งที่..ยังไม่รู้เหตุที่ทำให้จิตเกิดเลย..จึง เฉยโง่กันทั้งประเทศ เพราะไม่ยอมใช้ความคิดหาเหตุตาม..พุทธวจน..สมองก็เปลี้ยง่อย..ถอยกลับไปเป็นเหยื่อของจิตที่ ..เกิด-ดับ อยู่ตลอดเวลาๆๆๆๆๆๆๆ..ๆๆๆ..ตกเป็นเหยื่อของ พวกที่สอนแบบ..ไม่ให้ใช้ความคิด ดูแต่จิต-ดูแต่จิต..แต่ไม่บอกให้หมดว่า ดูยังไงให้ครบ-ดูยังไงให้ถูกต้องแบบเชื่อมโยงกันตามหลักธรรมของ พระพุทธองค์ครับ นะครับ
     
  7. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    แบ้วเป็นโรคซึมเศร้าและนอนไม่หลับค่ะ ทุกข์หลายอย่าง หลักๆคือครอบครัวไม่ให้ความอบอุ่น โดยเฉพาะช่วงวัยรุ่น ตอนนี้อายุจะ30ละ นอนคนเดียวไม่ได้ ร้องไห้บ่อยๆ อยากมีแฟน ก้อดันมีความสัมพันธ์กับผี จนมีลูกกุมารด้วยกัน แฟนผีดันไปมีเมียผีและมีลูกอีก ขนาดเป็นแค่เจ้าที่ยังขี้เมา ใช้ กำลัง เจ้าชู้

    สรุปตอนนี้งงตัวเองเหมือนกันค่ะ ว่าจะปฏิบัติธรรมยังไง เพราะยังบ้าช้อปปิ้งอยู่เลย
     
  8. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    จขกท.ไม่บอกว่าสูญเสียอะไร
    เช่น คนรักเสียชีวิต ,อก
    หัก
    เลยไม่รู้จะแนะนำยังไง แถมยังมีอาการเศร้าเป็นเวลา แนะนำว่ามันเสียไปแล้วเรียกคืนมาไม่ได้ ควรอยู่กับปัจจุบัน หาอะไรทำที่สนุก เช่น เที่ยว ออกกำลังกาย อย่าเก็บตัว หมกตัวอยู่คนเดียว

     
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    อยากมีแฟน ก้อดันมีความสัมพันธ์กับผี จนมีลูกกุมารด้วยกัน แฟนผีดันไปมีเมียผีและมีลูกอีก ขนาดเป็นแค่เจ้าที่ยังขี้เมา ใช้ กำลัง เจ้าชู้

    เพิ่งเคยได้ยินเนี่ย คนมีอะไรกับผีแถมมีลูกด้วยกันด้วย คุณปรางค์พูดเล่นหรือพูดจริงขอรับ คิกๆๆ
     
  10. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ตอนนี้โสดละ
     
  11. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ผีทิ้งหรือทิ้งผีขอรับ แล้วลูกกุมารอยู่กับใคร :)
     
  12. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ผีทิ้งค่ะ มันมีเมียมีลูกใหม่ ส่วนลูกกุมาร ตอนนี้รอดูว่าเด็กอยากอยู่กับใครคร่า ^~^
     
  13. anijungg

    anijungg สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ทดสอบโดยไม่ต้องฝืนครับ ทรงอารมณ์ ทุกข์ ให้รู้ว่าทุกข์ ร้องต้องรู้สึก นั่งนอนยืนเดินให้รู้ตัวนั่นแหละไม่หลงครับ ถ้าไม่กดกดแบบนี้ มันจะออกแนวสมถะใช้สมาะิตั้งใจกดทุกข์ มันผิด น่ะ ต้องปล่อย วาง ละวาง แบบให้รุ้สึกตัว ว่าวางจิง สุขจิงทุกขจิงเกิดปวดหัวให้รุ้ปวดหัวเจ็บก้อทราบว่าเจ็บ ร้องไห้มีน้ำตาก้อให้ทราบว่าร้องแล้ว เหมือนนั่งสมาะิเวลายุงกัดไม่รุ้เรื่องอันนี้ใช้ไม่ได้ต้องรู้ตัวตลอดมีสติตามความตั้งใจตามอารมณ์ไปเรื่อยยุงกัดต้องรู้ตัวตลอดการนั่งสมาะิต้องรู้ตัวตลอด
     
  14. คือคนไทย

    คือคนไทย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    13
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +78
    หากยังไม่มีสติปัญญาจะหาทางออกได้ ให้คิดไปเสียว่า เรื่องราวที่เป็นทุกข์อยู่นั้น มันก็แค่เรื่องของกิเลสหลอกสัตว์โลกให้ทนทุกข์ทรมาณในวัฎฎะสงสสารแค่นั้น เราอย่าไปกลัวมัน ไอ้ตัวกิเลสจิ๊บจ้อยพันนั้น เราเก่งกว่านั้นเยอะผ่านไปได้สบายอยู่แล้ว เนอะ
     
  15. pum_anatta

    pum_anatta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +805
    ขอบคุณทุกท่านค่ะ
     
  16. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ช่วงที่เกิดความคิดเป็นทุกข์ ให้ล้างหน้าตาให้สดชื่น

    แล้วฝึกเดินจงกลมครับ
     
  17. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    ลดการดำหริถึงลงครับ แปลก้คืออย่าคิดมากครับทุกอย่างก้จะผ่านไปเช่นเดิม
     
  18. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,814
    ค่าพลัง:
    +15,099
    อดีตก็ผ่านไปแล้ว อนาคตก็ยังไม่มา ปัจจุบันขณะที่เป็นของจริง อย่าปล่อยจิตใจให้จมอยู่แต่ในโลกความฝัน ชีวิตนี้สั้นนัก วันคืนล่วงเลยผ่านไปๆบัดนี้ท่านทำอะไรอยู่! ตื่นแล้วหรือยัง ? ตื่นจากความหลับไหลชีวิตในวังวนมายา สุดท้ายไม่เคยมีใครได้ครอบครองสุขแท้จริง

    อยู่กับจิตหนึ่ง อยู่กับลม อยู่กับตน อยู่กับความว่างปล่อยวางอาลัย อยู่กับกายนอกแล้วเข้าสู่ภายใน อยู่กับธรรมถึงธรรมแล้วพ้นภัย อยู่ที่ใจดับยึดสุขแท้เย็นแน่บรมคุณ
     
  19. สุโขสุขี

    สุโขสุขี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    912
    ค่าพลัง:
    +1,469
    ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญนะครับแต่อยากจะเสนอแนะดังต่อไปนี้

    1.ต้องยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าเกิดเหตุการณ์ต่างๆได้เกิดขึ้นแล้ว
    2.แรกๆผมว่าก็เป็นกันทุกคนนะ เหมือนบาดแผลมันยังสดๆมีเลือดไหลอยู่ มันย่อมเจ็บปวด เราเพียงแค่พยายามเพิ่มความรู้สึกตัวหรือก็เปรียบเหมือนการทายาใส่ยาที่แผล ที่เราทุกข์ใจเศร้าใจจริงๆมันเกิดที่ความคิดนะครับ เพราะฉะนั้นใช้ความรู้สึกตัวตามดูความคิดสิ่งที่ปรุงแต่ง ดูเฉยๆไม่ต้องห้ามครับ มันจะคิดก็คิดไปเราเพียงแค่อย่าไปช่วยมันคิด ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ
    3.อาจจะใช้ขั้นรุนแรงขึ้นครับ ผมใช้วิธีตัดความคิดแล้วมาอยู่กับการภาวนาครับ วิธีก็ไม่มีอะไรยุ่งยากคือถ้ารู้ว่ากำลังคิดให้รีบตัดความคิดอย่าไปช่วยคิด แล้วมาดูลมหายใจที่ปลายจมูกพร้อมภาวนาพุทโธครับ หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ หรือจะทำไปเรื่อยๆทั้งวันในช่วงที่ไม่ได้ทำงานก็ได้ครับ

    ยังไงก็สู้ๆนะครับ เคยผ่านมาได้แล้วครั้งนี้ก็ต้องผ่านได้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...