มีปัญหามาถามค่ะ คือว่าถ้าเรามีเงิน100บาท ตอนนี้แล้วเราจะเลือกทำบุญกับ......

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ลีน่า, 28 ธันวาคม 2004.

  1. Karz

    Karz Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2005
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +96
    อีกอย่างนึงครับ

    ถ้าคุณคิดถึงนาบุญมากๆ ใครๆก้อมองหานาบุญดีๆ แล้วมโนธรรมคุณอยู่ตรงไหนครับ
    พรหมวิหารสี่คุณจะอยู่แค่ในวัดรึปล่าวครับ

    ตัวเราเองก้อสามารถเป็นนาบุญได้ครับ แค่เราถือศีล (จะกี่ข้อก้อแล้วแต่) มีคุณธรรม มีจิตใจดีงาม เวลาใครมาทำดีกับเรา ก็ถือว่าเค้าได้บุญเยอะครับ

    pay it forward ครับ ถ้าเราไม่ทำดีต่อกัน แล้วใครจะทำดีต่อกันครับ? ความดีไม่ได้อยู่แค่ในวัดครับ
     
  2. amee

    amee สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +1
    เอาไปช่วย คนใต้ดีกว่า
     
  3. พฤติจิต

    พฤติจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +230
    เรียนคุณจริงใจด้วยความรู้น้อยขอพิจารณารับฟังด้วยครับ

    1.ถ้าคุณเคยรู้จักเยวกับคำว่าบารมี อุปบารมี ปรมัตถบารมี ทั้ง 30 ทัศ จะทราบว่าการทำทานนั้นมีอานิสงค์แค่ไหน และ ทำอย่างไรและเพื่ออะไร
    2.โดย การที่คิดว่าตนขัดสนแล้วไม่ทำทานนั้น ในความคิดเห็นส่วนตัวของกระผมเองเห็นว่าผิดแน่ๆ (แต่ถ้ากรณีที่บางท่านไม่ได้หวังที่จะเร่งรีบหลบภัยในวัฏฏะ สงสารก็ไม่ต้องรีบเร่งสร้างบารมี ทำบ้างไมทำบ้างก็จะคิดแบบนี้ เพราะการคิดเช่นนี้บ่อยๆ อาจเกิด ความตระหนี่ขึ้นในจิตใจขึ้นมาได้)
    3.คำว่าขัดสนของคุณ มีขอบเขตแค่ไหน อย่างไหนที่เรียกว่าพอดี อย่างไหนเรียกว่าขัดสน ตัวอย่างเช่น พระภิกษุสงฆ์ผู้เจริญ ดำเนินชีวิตสมณเพศด้วยอัฐบริขาร เท่านั้นเอง และ ยังต้องทำการ "ขอ" (ภิกขุ=ผู้ขอ) อาหารและปัจจัยบางอย่างจากคฤหัส เลย แต่ก็ยังสามารถที่จะปฎิบัติธรรมและดำรงชีวิตอย่างพอเพียงดังนั้น คำว่าขัดสนของผู้ที่จะสร้างบารมีเพื่อนหนทางพระนิพพานนั้นย่อมไม่ใช่อุปสรรคใหญ่ หรือไม่ได้อยู่ในสายตาเลยก็ว่าได้
     
  4. กรุงเก่า

    กรุงเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +335
    ไม่ต้องคิดมาก ๑๐๐บาทซื้อดอกไม้ธูปเทียนของคาวของหวานและน้ำถ้ายังเหลือก็ใส่ซองแล้วถวายสังฆทานไปเลยครับ
     
  5. Karz

    Karz Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2005
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +96
    :D hahaha คุณอำนาจ ขอบคุณนะครับที่ท้วง ดีแล้วครับ แสดงว่ายังมีคนไม่เข้าใจ ทำให้ผมมีโอกาสได้อธิบาย (ดีนะไม่เลิกเข้าเวปนี้ไปซะก่อน กำลังคิดว่าจะเลิกตอบปัญหาแล้ว) งั้นแปะให้ดูอีกที


    ผมเน้นเรื่องมโนธรรมครับ เพราะเราเป็นชาวพุทธ ถือว่าเป็นกลุ่มชนที่เจริญทางมโนธรรมแล้ว เรื่องภาคใต้เป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติ และเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เรื่องนี้กระทบกับมโนธรรมของคนในทุกศาสนา เรื่องทำบุญร้อยครั้งกับใครไม่เท่าทำกับใครนั้นผมคิดว่าพวกเราคงพอจะทราบกันมาบ้างแล้ว ถึงได้แปะเรื่องนาบุญซ้ำให้ดูเพราะไม่อยากให้มิจฉาทิฏฏิที่ผ่านเข้ามาเจอโดยไม่ใส่ใจเห็นเข้าแล้วจะหาว่าเราไม่อยากช่วยภาคใต้เพราะบุญไม่เท่าไปทำวิหารทาน ยิ่งหากคนต่างศาสนา (ซื่งคงไม่ทราบเรื่องนาบุญอยู่แล้ว) มารู้เข้า คงไม่เป็นที่เจริญศรัทธาแน่ๆ ไหนว่าคนไทยเป็นคนมากน้ำใจ? แล้วชาวภาคใต้ที่ปฏิบัติธรรมก้อมีเยอะนะครับ แถมวัดจำนวนไม่น้อยที่เสียหายไปด้วย ยิ่งเป็นโอกาสที่จะได้ทำวิหารทานได้เต็มที่ด้วย

    ใช่แล้วครับ คนเราไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ คนที่มีปัญญาย่อมไม่ประมาท ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่ควรทำบุญสั่งสมอริยทรัพย์ภายใน ผมไม่รู้พวกเราที่อ่านกันอยู่นี่ จนถึงตอนนี้ทำบุญไปแล้วเท่าไหร่ แต่คิดว่าคงจะเยอะเหมือนกัน เพราะศรัทธาแรงๆกันทั้งนั้น แสดงว่าพวกเราสั่งสมบุญญาบารมีมาแล้วจำนวนหนึ่ง ผมจึงไม่คิดว่าพวกเราคงเพิ่งจะเคยทำบุญกันครั้งแรกตอนซึนามินี่หรอกครับ นี่คือความหมายของคำว่า "พระสงฆ์ท่านรอได้" ที่ผมต้องการสื่อ อีกอย่างนึง ถ้าพระท่านรู้ว่า เงินนี้เราต้องเลือกระหว่างทำบุญกับท่าน และทำบุญเรื่องซึนามิ ท่านคงอยากให้เราช่วยภาคใต้มากกว่าครับ ดีไม่ดี ท่านรับของเราแล้ว อาจฝากเงินนี้ไปช่วยภาคใต้อีกก้อได้

    นั่นแหล่ะ ความสำคัญของมันถึงอยู่ในลำดับแรกครับ บอกแล้วงัยครับ ถ้าผมมีสองร้อย ไม่มีปัญหา (โจทย์ตั้งไว้ว่าร้อยนึง)

    อย่าประมาทนะครับ ผมเองถือศีลเป็นปกติ นั่งสมาธิทุกวัน คนเราไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ ขอบคุณ คุณอำนาจอีกทีครับ
     
  6. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    766
    ค่าพลัง:
    +5,790
    ทำกับเนื้อนาบุญที่ดีครับเลือกเอา

    แต่ถ้าเราไม่หวังอะไรมากหวังเพียงช่วยเหลือคนแค่นี้ก็พอ ถ้าหวังเพียงได้ช่วยไม่ต้องกังวลครับช่วยไปเหอะทำไปเหอะ ....

    ค้นต่อได้ที่ http://dungtrin.com/whatapity/06.htm<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 มกราคม 2006
  7. phuang

    phuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,033
    ค่าพลัง:
    +10,040
    พี่อำนาจถูกต้องมากเลยค่ะ:cool:
    เคยได้ฟังพระอาจารย์ท่านนึงเทศน์เหมือนกันค่ะ
    เรื่องอานิสงค์ของผลบุญที่จะได้รับว่าทำบุญอย่างไรได้บุญมากค่ะ
    เหมือนที่พี่อำนาจบอกเลยค่ะ_/\_
     
  8. phuang

    phuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,033
    ค่าพลัง:
    +10,040
    อ๋อ...ค่ะ พี่อำนาจ ก็คือหมายถึงว่าพี่อำนาจอธิบายได้แจ่มที่สุดค่ะ
    นับถือ ๆๆๆ_/\_
     
  9. wit

    wit บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อย่างไหนจะมากกว่ากันนั้นขึ้นอยู่ที่เจตนาและกำลังใจของผู้ให้ ส่วนอานิสงส์ที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับลักษณะของการให้ เราให้เช่นไรเราก็จะได้รับมาในลักษณะเช่นนั้นครับ

    ให้ทานแก่พระภิกษุสงฆ์เพื่อให้ท่านมีปัจจัยช่วยอำนวยความสะดวกในการประพฤติพรหมจรรย์และการปฎิบัติธรรมของท่าน อานิสงส์ก็จะทำให้เรามีปัจจัยต่างๆในการดำรงชีวิต(อยู่ที่ว่าให้ทานกับท่านเรื่องอะไร) มีปัญญาและเมื่อเกิดมาย่อมมีอานิสงส์ทำให้เราต้องมีความข้องเกี่ยวกับพระ ศาสนา และธรรมอยู่เสมอๆ(จะมีเหตุทำให้เราได้เข้าไปคลุกคลีและเรียนรู้ปฎิบัติธรรมเพราะอานิสงส์แห่งทานที่ทำกับพระ)

    ให้ทานกับผู้ที่เดือดร้อน อานิสงส์ย่อมทำให้ผลทานที่เราได้ทำไปนั้นตอบสนองมาถึงเราในยามที่เราต้องการ เช่นในยามที่เราเดือดร้อนก็มักจะมีเหตุหรือมีผู้อื่นมาช่วยเหลือเราอย่างพอดีกับเหตุการณ์ และผลทานต่างๆของเราก็มักจะเกิดขึ้นมาตามกาลในช่วงเวลาที่เราต้องการพอดีครับ

    ปล.สำคัญว่าการให้ทานต้องให้ด้วยจิตที่เป็นสุขและเป็นกุศล ถ้าเราจำใจต้องให้ทานหรือให้ทานด้วยความทุกข์สู้อยู่เฉยๆจะดีกว่าครับ เพราะถ้าให้ทานด้วยจิตที่เป็นทุกข์หรือทำให้ตนเดือดร้อนแล้ว ผลแห่งทานนั้นก็จะทำให้เราได้รับอานิสงส์ซึ่งอาจจะเป็นวัตถุสิ่งของแก้วแหวนเงินทอง ลาภยศสรรเสริญ หรือผู้คนบริวาร(เพราะเราให้ทาน) ฯลฯ แต่สิ่งที่เราได้รับมานั้นก็จะก่อให้เกิดความทุกข์หรือความเดือดร้อนแก่เรา(เพราะเจตนาและสภาวะจิตที่เป็นทุกข์และเศร้าหมองในช่วงขณะกำลังให้ทาน) ยกตัวอย่างเช่น เป็นเศรษฐีมีเงินทองสมบัติมากมายแต่ไม่มีความสุขเพราะหวาดระแวงกลัวคนจะมาขโมยหรือกลัวทรัพย์สมบัติจะเสื่อมสูญไป , ได้รับสิ่งใดมาก็มักจะมีเหตุทำให้เราต้องเป็นทุกข์กังวลใจกับสิ่งที่ได้รับมาเสมอๆ เป็นต้น ฯลฯ (ขึ้นอยู่ที่ลักษณะของการให้ทานและสาเหตุที่ทำให้เป็นทุกข์ในขณะให้ทานครับ)
     
  10. Karz

    Karz Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2005
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +96
    :D hahaha

    ผมไม่เคยค้านเลยเรื่องทำบุญนอกเขตฯในเขตฯ ผมก็อ่านมาจากตำราเดียวกันนี่แหล่ะ คิดว่าเราชาวพุทธควรทำความเข้าใจในเรื่องนี้มาอย่างดีแล้ว

    หวังเพียงว่าพุทธบริษัทที่บำเพ็ญพรหมวิหารดีแล้วจะสมบูรณ์ด้วยมโนธรรมที่พร้อมจะช่วยเหลือไม่ว่าใครก็ตามหรือแม้แต่สัตว์เดรัจฉานที่กำลังเดือดร้อน ไม่ใช่แค่เป็นแค่พ่อค้าบุญที่ลงทุนบุญไปแล้วก็คาดหวังแต่ผลกำไรบุญอย่างเดียว

    จุดประสงค์ของทาน การให้ คือการตัดโลภะ กิเลสที่เราควรต้องละ

    แล้วแต่ท่านครับ ทรัพย์ของท่าน บุญของท่านเองครับ มโนธรรมของท่านเองด้วย (กำลังใจมันต่างกัน)
     

แชร์หน้านี้

Loading...