มีใครตัดกามฉันทะ เเล้วกินข้าวอร่อยขึ้นมั้ย d^_^b

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย somkiatfem, 21 มกราคม 2017.

  1. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    กระทู้เขาตั้ง ตำถามว่า ตัดกามฉันทะ..ได้แล้ว..เป็นไงบ้าง
    โสดา สกทาคา มัน ยังตัดกามฉันทะทางโลก ไม่ได้ เด็ดขาดนี่นา..จะเอามาตอบ เพื่อ อ้างว่า จะต้องอยู่แต่ในสมาธิ งั้นหรือ...
     
  2. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ขอบคุณที่ชม เด้อ..จะบอกว่า ผมดีกว่าคน แตหลอ ..บางคน ว่างั้นเถอะ

    มันมีฌาณ กับญาณ...น่ะมันมี แต่ มันเป็นผลแล้วเรียกว่า สำเร็จผล ไม่ได้ใช้ มรรค อยู่กับมรรค ไง

    อันนี้ นิวรณ์ก็คงจะไม่เข้าใจ ตามเคยแหล่ะ
     
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    โสดามรรค สกทาคามรรค ...มันเทียบกันได้กับ อานาคามีมรรคหรือไง นิวรณ์...การแบ่งระดับฌาณ ญาณ มันก็บ่งบอก ระดับของ ญาณอยู่แล้ว..ไง

    จะเถียง ไปทำไมกัน ว่า ปฐมญาณกับ ทุติยญาณ ก็เหลือแหล่แล้ว ในการตัดกามฉันทะ...ก็นิวรณ์ แถ ไปอย่างนี้ นี่นา อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2017
  4. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    กระทู้เขาถามว่า ..ใครที่ตัดกามฉันทะ ได้แล้ว กินข้าวอร่อยมั้ย

    ไม่ได้ถามว่า ใครที่กดข่มกามฉันทะ แล้วกินข้าวอร่อยในสมาธิ ได้บ้าง

    นะเว้ยเฮ้ย...
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ก็ต้อง หัดฟังธรรม ของ พระพุทธเจ้า ขอรับ

    กามฉันทะ ไม่ใช่เรื่องอย่างว่า

    มันเป็นเรื่อง ความพอใจในสี กลิ่น รส สัมผัส ความคำนึง

    อย่างเช่น น้าจะ จะใส่เสื้อผ้า ก็เลือกสีเสื้ออยู่นั่น อันนี้คือ กามกัดหัวเหวะหวะ
    มีกำหนัด มีหยากเยื้อ เหม็นโฉ่

    แต่ถ้า น้าจร พิจารณาสีเสื้อ อนุโลมไปตาม วัฒนธรรม ไม่ได้เอา ความพอใจ
    ของตนเป็นใหญ่ เนี่ยะ แค่เนี้ยะ มีปฐมฌาณ ทุกครั้ง ที่ระลึกถึงเสื้อ (แต่จะ
    เห็นว่า ไม่ได้ไปอะไรกับ สีเสื้อ เพราะ กามฉันทะ มันดับ แต่ ก็ แย๊บๆ เกิดดับ มี
    อุเบกขาอยู่ -- เวทนาบางเหล่า ยังมีอำนาจเหนือจิต )

    ส่วน กามกินอะไรไม่อร่อย กามยังต้อง7 8เปื้อน นั่น คนละศาสนา
    เป็นเรื่อง นิครณฑ์มันหลอกเอา
     
  6. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    แล้วที่นิวรณ์ ยกเอาเรื่อง อาหารสี่อย่างมา
    คือ คำข้าว ผัสสะ มโนสัญญา วิญญาณ....เนี่ย

    คำข้าว ผัสสะ มันเป็นเรื่อง ของ กายใจ...ของโลกธรรม...ไง
    ส่วน
    มโนสัญญา หรือวิญญาณ...มันเป็นเรื่อง โลกุตร เป็นเรื่องของ อวิชชา

    ส่วน อาหารที่กล่าวถึงในกระทู้...มันจึงเป็นเรื่องของ..โลกธรรม...ฉันทะในกายใจน่ะ ไม่เกี่ยวกับจิต....นะ แยกให้ออก
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    โลกุตระ ตรงไหน

    วิญญาณเป็นอาหาร เป็น โสดาปฏิมรรค ธรรมดาๆ

    พระพุทธองค์ตรัสมา คุณ รับฟังด้วยดี ได้หรือเปล่า

    พระพุทธองค์ตรัสออกมา คุณ ใช้ สัททา แค่นี้ ธรรมก็สถิตตั้งไว้ในใจ ได้ ใช่หรือไม่ใช่

    แล้ว เอาอะไรมาพูด อนาคา อรหันต์

    แค่ โสดาปฏิมรรค ธรรมดาๆ
     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ขอตอบในประเด็นของ หัวข้อกระทู้นะครับ
    ส่วนตัวมองว่า ถ้าตัวจิตจะทำได้
    ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไรก็ตาม
    ตัวจิตจะต้องมองเห็นว่า
    มันเป็นทุกข์ และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ได้
    ไม่ว่า จะด้วยวิธีเข้าสมาธิได้ในกำลังระดับสูง
    แล้วรักษาสภาวะไว้ได้ จนจิตวิ่งดูอวัยวะในกาย
    จนเห็นการเกิดดับ พูดง่ายๆจนเกิดการระเบิด
    หรือได้จากการเดินจงกลมที่เข้าไปเห็นการเกิดดับ
    หรือได้จากปัญญาญานที่เข้าไปเห็นเหตุ
    แห่งการก่อตัวของอารมย์พวกนี้
    ถึงจะตัดได้ถึงระดับละเอียด....

    แต่ถ้าในกำลังระดับอุปจารสมาธิที่รักษาสภาวะ
    ไว้ได้นาน แล้วสามารถรักษาอารมย์จนมีเรื่องนี้
    ผุดขึ้นมาให้พิจารณาโดยไม่หลุดจากสภาวะ
    และสามารถพิจารณาได้ แม้ว่าพอลืมตาปกติ
    จิตจะยังฟูอยู่ แต่ถ้าอาศัยการเข้ากำลังระดับนี้
    ได้อีก ๓ ถึง ๔ ครั้งก็สามารถเข้าถึงระดับละเอียดได้เช่นกัน

    การใช้สมาธิ ใช้ปัญญาทางโลก การกด การข่ม
    หรือใช้กำลังจิต การพยายามผลักด้วยวิธีการต่างๆ
    การเปลี่ยนอารมย์ด้วยวิธีการต่างๆ
    พวกนี้แม้ว่าจะระงับได้ ณ เวลานั้น
    แต่ก็เป็นเพียงชั่วคราว ไม่ใช่ของจิต
    ที่รู้เห็นตามความเป็นจริง จนจิตยอมรับ
    และรู้ว่าการเกิดเรื่องแบบนี้เป็นทุกข์
    จนจิตเค้าไม่อยากเกิดเอง(ไม่เกิดคือไม่ปรุงร่วม)
     
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    มโนไปโน่น....ได้ไง
    แล้วเกิดคนเอาคำถามนี้ มาถามกับพระพุทธเจ้า ล่ะ

    นิวรณ์ว่า พระพุทธเจ้าท่าน จะตอบอย่างไร...จะเอา มรรค ตอบ หรือ เอาผลตอบ....ความจริง..คำตอบที่พระพุทธเจ้าตอบมันคือผล ทั้งนั้น คือปัญญาทั้งนั้น...รู้แล้ว เข้าใจแล้ว ทำได้แล้ว ทั้งนั้น

    พระองค์ไม่เอา มรรค เอาในสิ่งที่กำลังทำอยู่ มาตอบหรอก
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    เชยระเบิดระเบ้อ

    พระพุทธองค์ ตรัส กำชับ ไว้เอง

    84000 พระธรรมขันธ์ เป็น มรรค ทั้งหมด

    เป็น สุญญตา ไม่ใช่เรื่อง ผล ที่จะต้อง เอา ตัวตน บุคคล มารองรับ

    เป็น โลกุตระพาออกจากโลก ไม่ใช่การคลุกคลี โฆษณา ฯลฯ ไปวันๆ
     
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ก็แกเข้าใจ ได้แค่ มั่วๆ นี่ไง เลยแถ อยู่แบบนี้ทุกวัน

    ผมเคย แยกให้แล้วว่า ถ้าฝึก สติปัฏฐาน วางกายเวทนาความคิดหรือใจ...ไม่ได้...อย่าพูดเรื่องจิต เพราะ มันก็ยังคงปนกันอยู่ วันยังค่ำ

    ผัสสะ กายใจ คือ โลกธรรม...ขันธ์ จิต คือ โลกุตรธรรม

    ถ้า ตราบใดที่ ผัสสะ อายตนะ ยังมีวิญญาณ ครอบงำอยู่...จะมาบอกว่า วิญญาณ ทางผัสสะ คือ...โลกุตรธรรม..บ้าน เตี่ยแกดิ...ก็มันปนกันอยู่แบบนี้ ยังมีหน้ามาเอ่ยว่า มันคือเรื่องของโลกุตรธรรม...ไปได้
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    เบื่อหว่ะ....เป็นมรรคทั้งหมด คือ เป็นมรรค สำหรับ คนที่เขากำลังอยากรู้ ในผลของการปฏิบัติโว้ยยยย...

    พระพุทธเจ้าท่านตอบน่ะคือผล ด้วย คือ ผลคือคำตอบที่เขาอยากรู้

    มีด้วยหรือ ถ้ามีคนถามว่า พระพุทธเจ้าครับ ฌาณสี่คืออะไร..(ถามมรรค)..ตอบมรรค ก็จะตอบว่า..คือฌาณสี่นั่นแหล่ะ.งั้นเหรอนิวรณ์

    สิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านตอบ อธิบาย ขยายความ นั่นแหล่ะคือท่านรู้ แล้ว เข้าใจแล้ว มันคือผล ของท่าน....

    อย่าปึก..โดยถาวรหลาย นิวรณ์
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ฮี้ ฮี้ ฮี้ ฮี้

    นี่ดีนะ ที่ยังไม่ อัด สำทับว่า ในแง่ของ สัทธรรมแล้ว เอกัคตา จะเกิดขึ้นทุก ขณะจิต

    ฌาณ เนี่ยะ น้าจะปฏิเสธว่า ไม่มีอยู่ ไม่ได้

    เว้นไว้แต่ จะเห็น มรรค ที่เป็น สุญญตา ก็จะ พ้น ภวังค ภวังค ....... ชวนะ ....ตลัมภนะ
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ก็ลองไป หาอ่าน จีฮับ

    สัมมาสมาธิ มีกี่อย่าง

    ข้อแรก ก็ ปฐมฌาณ แล้ว ..
    ไล่ไปข้ออสี่ เป็น จตุถฌาณ

    แต่ข้อสุดท้ายเนี่ยะ มะบอก

    เว้นไว้แต่ คนมีสัททาในคำสอนพระพุทธองค์ ค้นหา สมาทานกังขาเพื่อความวิสุทธิเอาเอง
     
  15. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    อันนี้ ไม่รู้กับแกหรอก...ไม่ได้เรียนมาเว้ย

    ว่าแต่ที่แก เถียงชั้นมา ฉอดๆๆๆๆ เนี่ย...แล้วไอ้คำว่า...เว้นไว้แต่ของแกเนี่ย...แกก็รู้ ว่า ยังมี เว้นไว้แต่... สำหรับคนที่เข้าใจแล้ว ทำได้แล้ว

    แล้วแกมาเถียง ฉันทำไม...ก็ฉันพูดถึงผลว่า..รู้แล้ว เข้าใจแล้ว ทำได้แล้ว..

    แล้วแกเถียง.....ทำไม ฟะ
     
  16. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    แกจะแถ ไปไหนอีก ฟะ....ไอ้ปึก...ถาวร

    สัมมาสมาธิ เมื่อได้..มันส่ง ผลไป ถึง สัมมาไหนต่อ...ตอบมาฅิ ..ที่ว่า อ่านมาเยอะน่ะ ตอบมา

    เมื่อเกิดสัมมาสมาธิ มันส่งผล ไปสัมมาไหนต่อ...
    ...
    ทีนี้...ไอ้คำว่าปฐมญาณที่พระพุทธเจ้าท่านกล่าวถึง..น่ะคือ ปฐมญาณที่เป็นผลแล้ว ทำได้แล้ว ...มันอยู่ที่ ทุติยญาณแล้ว....แล้วถ้าพระองค์กล่าวถึง ทุติยญาณ ก็เป็น ทุติยญาณผลไปแล้ว ผ่านมาแล้ว ทำได้แล้ว ถึงกล่าวถึง ญาณที่สามต่อไป...ต่อไปถึงญาณที่สี่...โน่น..ทีนี้ถ้าพูดแบบนี้ แสดงว่า ...ท่านผ่านญาณที่สี่เรียบร้อยแล้ว ท่านถึงอ้าง ปฐมญาณได้ เว้ยยยยยย

    ปฐมญาณที่อ้าง...มันเป็น ทุติญาณผล ตติยญาณผลไปแล้ว เว้ยยยย เป็นจตุญาณผล ไปแล้ว เป็นพระอรหันตผล ไปแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2017
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ฮี้ ฮี้ ฮี้ ฮี้

    ".............." มีไว้ ให้เห็น จิตมันเคลื่อน

    ถ้า จิตสว่างว๊าป กัมปนาท เป็นจุด เป็นดวง มีขอบ มีเขต มีขยาย มีหด มีใส ไม่ใส
    อย่า สำคัญว่า เห็นจิต

    จิต วิญญาณ ไม่มีสี ไม่มีสัณฐาน ไม่มีไป ไม่มีมา

    ถ้าน้าจร เห็น "..............." แล้ว มีคำตอบเติมทันที ก็ภาวนาผิด
    ไม่ตอบเลยเพราะอึ้งกิมกี่ ก็ภาวนาผิด

    "..........." เห็นแล้ว ขัดใจ อย่าพึงบอกว่า จบ รอดู ลมสุดท้าย ให้ดีๆ มีประโยชน์กว่า
     
  18. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    พูดง่ายๆ ถ้าแกพูดว่า เอาแค่ปฐมญาณ...ก็พอแล้ว

    คำว่าพอแล้วนี่คือ อยู่ที่ทุติญาณ แล้วนะเว้ย

    เช่น คนกำลังเรียน ป1..กับคนที่ขึ้น ป2 แล้ว...แกว่าใคร จะเข้าใจเรื่องของป1..ดีที่สุดล่ะ

    แกนี่...โง่ดักดานนานหลายปี อยู่แบบนี้..น่าเบื่อหว่ะ
     
  19. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    เอาไว้ให้ฉัน ตระคุบเหยื่องั้นสิ...แล้วแกก็จะได้ช่อง..ว่า..ฉันเคลื่อน ไปตะครุบ เพราะ ไม่จริง ของปลอม ...ไช่มั้ย...อันนี้ เรื่องของแกไง ปึก..ปึ๊ก ปึก..ดักดาน

    อิอิ..ไร้สาระ
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    เอาแบบนี้ ละกัน

    ปิดท้าย ไปก่อง ด้วย คำสอนพระ

    จาก พระราชบุรี เจียวนะ จั๊บ

    เสนอคำว่า " จิตตกอับ "

    จิตตกอับ ไม่ใช่ เจริญแล้วเสื่อม เจริญแล้วจบ รู้จักสัมผัสพยักหน้าหงึกๆ แบบ ฌาณและญาณ

    จิตตกอับ จะเป็นเรื่อง ธรรมดาของบุคคลที่ไม่ใช่ พระสัพพัญญู จะต้องมี จิตตกอับอยู่

    แม้นแต่ อรหันต์

    จิตตกอับ คือ อาการจับนิสัยเก่า มาทำ ดื้อๆ

    ถ้า จบกิจ ก็ไม่มีปัญหา

    ถ้า ยังไม่จบกิจ แล้ว ไปทำนิสัยเก่าๆ ให้รู้ไปเลยฮับ จิตตกอับ แล้ว ทะลึ่งไปเชื่อมัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...