มโนมยิทธิ ไปนิพพานได้จริง?

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ทุกขัง, 19 ตุลาคม 2010.

  1. ทุกขัง

    ทุกขัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +14
    ก่อนอื่นต้องประทานโทษ ลูกศิษย์สายนี้เป็นอย่างสูง เดี๋ยวจะหาว่าทางเราลบหลู่ดูหมื่นทางสายของท่าน
    ที่อ่านๆดุเหมือนลูกศิษย์สายมโนมยิทธิ จะกล่าวว่าไปนิพพานได้

    เราได้เคยอ่านหนังสือแต่จะไม่ได้ว่าเล่มไหน พระพุทธองค์ตรัสว่า
    " มโนมยิทธิเป็นของดี แต่ไม่ช่วยให้พ้นทุกข์ " ทางที่ช่วยให้พ้นทุกข์คือ สติปัฏฐาน 4 ทางสายเอก
    และเราได้รู้ว่าหลวงปู่ฤาษีลิงดำสุดท้ายท่านก็ไม่เอา มโนมยิทธิ (ไม่ทราบว่าใช่แน่ชัดรึไม่)
    แต่จากการที่ทราบท่านใช้มโนมยิทธิ เป็นอุบายต่อไปทาง สติปัฏฐาน 4 เท่านั้น

    เท่าที่ทราบมาคนฝึกมโนมยิทธิ 100 คนจะหลงไป 90 คน
    พี่ที่เรารู้จักศึกษามานานเกี่ยวกับมโนมยิทธิ ดูดวงให้คนอื่นๆ ได้แม่นมากๆ
    ประกาศว่าตัวเองเป็นโสดาบันแล้ว สุดท้ายแล้วก็ทราบว่าตัวเองหลงไป ว่าตัวเองเป็นโสดาบัน

    และตอนที่เราเคยศึกษากับคนเมืองบัว อ.ไก่ ลูกศิษย์ท่านคนนึงบอกว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเค้า
    เค้าจะไม่กลับมาเกิดอีก ถาม อ.ไก่ ตอนหลัง อ.ไก่บอกว่าไม่ใช่หรอก เค้าหลงไปแล้ว

    เราขอคำชี้แนะด้วย ขอบคุณมาก
     
  2. Heartsutra

    Heartsutra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +98
    มโนมยิทธิก็เจริญสติปัฏฐาน๔ไปในตัวครับ
    ก็เหมือนวิชชาธรรมกายที่เจริญสติปัฏฐาน๔ไปในตัว
    สติปัฏฐาน๔ไม่ใช่วิธีปฏิบัติตายตัว ว่าต้องปฏิบัติกับสายนั้นสายนี้
    สติปัฏฐาน๔เป็น๑ในโพธิปักขิยธรรม๓๗ ซึ่งต้องครบ เป็นองค์แห่งการบรรลุธรรม
    สมถวิปัสสนามีหลายลีลา ทั้งสมถะนำ วิปัสสนานำ หรือสองอย่างควบคู่กันไป
    ในลีลาแบบโบราณ จะใช้ปุพเพนิวาสานุสติญาณ กับจุตูปปาตญาณ ในการทำวิปัสสนา
    ซึ่งแน่นอนว่าต้องได้ญาณทัสสนะจากฤทธิ์ของสมถภูมิก่อน

    พระพุทธองค์ทรงถือว่าเป็น๒วิชชาของพระศาสนา สมถะ-สำรอกราคะ วิปัสสนา-ตัดอวิชชา
    ภิกษุทั้งหลาย เธอจงยัง"สมาธิ"ให้เกิด ชนผู้มีสมาธิแล้ว ย่อมรู้ตามจริง

    ชนเหล่าใด มีจิตสงบแล้ว มีปัญญาเป็นเครื่องรักษาตน มีสติ "มีฌาน" ไม่มีความเพ่งเล็งในกามทั้งหลาย ย่อมเห็นแจ้งธรรมโดยชอบ เป็นผู้ยินดีแล้วในความไม่ประมาท มีปรกติเห็นภัยในความประมาท ชนเหล่านั้นเป็นผู้ไม่ควรเพื่อความเสื่อมรอบ ย่อมมีในที่ใกล้นิพพานทีเดียวฯ


    ดังนั้น สมถะวิปัสสนาหนุนกันเช่นนี้ ส่วนจะช่วยให้พ้นทุกข์ได้หรือไม่นั้น
    ขึ้นอยู่กับความฉลาดของผู้ปฏิบัติเอง เช่น บางคนใช้วิปัสสนานำ แต่ไม่ก้าวหน้าไปไหน
    พิจารณาอยู่ได้แต่อนุปัสสนา คือวิปัสสนาชั้นโลกียะ พิจารณาติดกับไตรลักษณ์ ติดอุปัฏฐาน

    วิปัสสนาขั้นโลกุตตระนั้น พิจารณาเหนือขึ้นไปด้วย คือพิจารณาอสังขตธรรม พิจารณาอริยสัจจ์... ซึ่งต้องใช้สมถภูมิช่วยให้ละราคะก่อน จึงจะไปต่อได้ ถ้ามัวแต่เจริญสติปัฏฐานขั้นต้นๆ อิริยาบถบรรพ สัมปชัญบรรพ แล้วจิตไม่ฉลาดพอจะละสักกายทิฏฐิได้ ก็ไม่ต้องไปไหนแล้ว ต้องพิจารณาขั้นธรรมานุปัสสนาด้วย กายานุปัสสนาไว้ปราบตัณหาจริตอ่อน เวทนานุปัสสนาไว้ปราบตัณหาจริตอย่างแข็ง จิตตานุปัสสนาไว้ปราบทิฏฐิจริตอย่างอ่อน ธรรมานุปัสสนาไว้ปราบทิฏฐิจริตอย่างแข็ง ก็เจริญไปตามที่เหมาะ ทำให้มาก เป็นสัมมาสติ แต่อย่าลืมว่าอริยมรรคต้องครบ อีกอย่างคือ"สัมมาสมาธิ"


    "ภิกษุทั้งหลาย สัมมาสมาธิเป็นไฉน? ภิกษุในธรรมวินัยนี้สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก วิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เธอบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตภายในมีธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตก วิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เธอมีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป เธอบรรลุตติยฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข เธอบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัสก่อนๆได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุ ให้สติบริสุทธิ์อยู่ นี้เรียกว่า "สัมมาสมาธิ"


    ที่สำคัญคือต้องได้โคตรภู เกาะกระแสนิพพาน ถึงจะพิจารณาอสังขตธรรมได้ นี่ก็เป็นจุดเด่นของมโนมยิทธิ ที่ถึงกระแสนิพพานได้เร็ว จะเป็นประโยชน์กับคนฉลาด ถ้านำนิโรธสัจจ์มาเป็นอารมณ์แล้วพิจารณาลักษณะ ที่ไม่ปรากฎความเกิด ไม่ปรากฎความเสื่อม ไม่ปรากฎความแปรปรวน... อันนี้ขึ้นอยู่กับภูมิธรรมจริงๆ


    เอาล่ะ คงคลายความข้องใจไปได้พอสมควรนะครับ
     
  3. Heartsutra

    Heartsutra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +98
    ถึงในที่สุด ก็ต้องพิจารณาธรรมานุปัสสนา ขันธบรรพ อายตนบรรพ โพชฌังคบรรพ สัจจบรรพ ข้อที่สำคัญที่สุดคือสัจจบรรพ เป็นใหญ่ที่สุดในวิปัสสนาภูมิทั้ง ๖ อันประกอบด้วย ขันธ์๕ อายตนะ๑๒ ธาตุ๑๖ อินทรีย์๒๒ สัจจะ๔ ปฏิจจสมุปบาท

    การปฏิบัติธรรมนั้นมีหลายอัชฌาสัย แล้วแต่จริต ดังนั้น ตัดสินไม่ได้ว่าอันไหนพาไปนิพพานได้หรือไม่ได้(กรณีที่มีสติปัฏฐาน) ซึี่งหลักสูตรมโนมยิทธิก็พิจารณาสติปัฏฐานไปในตัว ดังนั้น ที่ว่าไปไม่ได้ ก็คือเอาแต่ดู แต่ไม่พิจารณาให้แยบคาย...

    สาธุ... ถูกแล้วสติปัฏฐานคือทางสายเอก แต่ไม่ใช่ว่าสติปัฏฐานเป็นวิธีปฏิบัติตายตัวของสำนักไหน ที่ชอบอ้างว่าเป็นแนวสติปัฏฐาน สำนักที่ไม่อ้าง เขาก็เป็นสติปัฏฐานเช่นกัน และรู้จริง"เห็น"จริงได้มากกว่าด้วย เพราะเจริญสมถภูมิ ซึ่งบางสำนักรังเกียจสมถภูมิ(ถือว่ากล่าวตู่พุทธพจน์เลยทีเดียว)
     
  4. วง

    วง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    339
    ค่าพลัง:
    +437
    มโนมยิทธิเป็นสมถะกรรมฐานบวกกับวิปัสนากรรมฐานไปในตัว เป็นการพิสูจน์คำสอนว่า นรก สวรรค์ พรหม นิพพานมีจริง เป็นวิธีที่ทำให้จิตเข้าถึงอุปสมานุสติคือ คือนิพพาน
    แต่มโนมยิทธืยังเป็นฌาณโลกีย์ ยังเสื่อมได้ หลวงพ่อท่านก็สอนให้เจริญวิปัสสนา ตัดสังโยชน์ 10 เพราะรุปฌาณเป็นแค่บันไดในการเดินเข้าสู่นิพานเท่านั้น หลวงพ่อจึงสอนศิษย์ไม่ให้ติดอยู่กับมโนมยิทธิ แต่ให้ใช้มโนมยิทธิเป็นบันไดที่เดินเข้าสู่นิพพานคือเจริญวิปัสนาต่อไป
    ดังนั้น ถ้าการปฏิบัติขาดสมถะ ก็จะทำให้มีพลังปัญญาไม่มากพอที่จะตัดกิเลสในใจได้ เปรียบเหมือนกับว่า ถ้าน้ำมันขุ่น ต่อให้คนตาดีแค่ไหนก็มองไม่เห็นตัวปลา ก็เพราะขาดสมถะกรรมฐานนั่นเอง
     
  5. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191
    ทุกขัง

    ก่อนอื่นต้องประทานโทษ ลูกศิษย์สายนี้เป็นอย่างสูง เดี๋ยวจะหาว่าทางเราลบหลู่ดูหมื่นทางสายของท่าน ที่อ่านๆ ดุเหมือนลูกศิษย์สายมโนมยิทธิ จะกล่าวว่าไปนิพพานได้

    ไปในขณะฝึก ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ นะ มโนมยิทธิ นี่ สูงกว่าวิชาสาม และต่ำกว่า อภิญญาหก นิดหน่อย

    เราได้เคยอ่านหนังสือแต่จะไม่ได้ว่าเล่มไหน พระพุทธองค์ตรัสว่า
    " มโนมยิทธิเป็นของดี แต่ไม่ช่วยให้พ้นทุกข์ " ทางที่ช่วยให้พ้นทุกข์คือ สติปัฏฐาน 4 ทางสายเอก

    กรรมฐานแยกเป็น ๒ คือ มหาสติปัฏฐาน และกรรมฐาน ๔๐ และแบ่งเป็น ๔ หมวด คือ สุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ และ ปฏิสัมภิทัปปัตโต

    และเราได้รู้ว่าหลวงปู่ฤาษีลิงดำสุดท้ายท่านก็ไม่เอา มโนมยิทธิ (ไม่ทราบว่าใช่แน่ชัดรึไม่)

    มโนมยิทธิ คือบทพิสูจน์ คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเรื่อง นรก เปรต อสุรกาย เทวดา พรหม พระนิพพาน และการเวียนว่าย ตายเกิด

    แต่จากการที่ทราบท่านใช้มโนมยิทธิ เป็นอุบายต่อไปทาง สติปัฏฐาน 4 เท่านั้น

    อาการแห่งการบรรลุ มรรคผล ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ สุกขวิปัสสโก แต่ถ้าได้มโนมยิทธิ ก็จะเสริมในด้านกำลังใจ เครื่องมือที่สำคัญในการประหานกิเลส คือ ไตรลักษณ์ และ อริยสัจน์ ๔

    เท่าที่ทราบมาคนฝึกมโนมยิทธิ 100 คนจะหลงไป 90 คน

    ทราบมาจากใหน ครับ

    พี่ที่เรารู้จักศึกษามานานเกี่ยวกับมโนมยิทธิ ดูดวงให้คนอื่นๆ ได้แม่นมากๆ
    ประกาศว่าตัวเองเป็นโสดาบันแล้ว สุดท้ายแล้วก็ทราบว่าตัวเองหลงไป ว่าตัวเองเป็นโสดาบัน

    อาจจะมีบ้าง เป็นบางคน พระพุทธเจ้า ทรงเปรียบคน ไว้เหมือนบัว ๔ เหล่า

    และตอนที่เราเคยศึกษากับคนเมืองบัว อ.ไก่

    ตอนนี้ เหรอ ครับ ???

    ลูกศิษย์ท่านคนนึงบอกว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเค้า เค้าจะไม่กลับมาเกิดอีก ถาม อ.ไก่ ตอนหลัง อ.ไก่บอกว่าไม่ใช่หรอก เค้าหลงไปแล้ว

    เรื่องนั้น ขอให้มันเป็นเรื่องของเขา นะ เค้าอิ่ม หรือ เค้าหิวกระหาย นั่นมันตัวเขา .. สิ่งที่สำคัญ คือตัวเรา ต่างหาก

    เราขอคำชี้แนะด้วย ขอบคุณมาก

    อนุโมทนา
     
  6. กิดากร

    กิดากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +1,039
    มโนมยิทธินั้นสามารถพิสูจน์คำสอนขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้าว่า นรก สวรรค์นั้นมีอยู่จริงๆไหม นิพพานมีจริงไหม และสงสัยอะไรผู้ที่ได้มโนมยิทธินั้นสามารถถามตรงพระพุทธองค์ได้เลย แต่ว่าอาจเปลี่ยบได้กับพระบาลีเรื่อง พระลูกชายนายช่างทอง ที่พระพุทธองค์ทรงนิรมิตดอกบัวสีแดง(กสิณ)มาให้พระลูกชายของนายช่างทองได้ฝึกจนจิตเข้าสู่ญาณ4 แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงพิจารณาว่า "ถ้าเราไม่ช่วยพระลูกชายของนายช่างทองนี้จะสำเร็จมรรคผลหรือไม่ พระพุทธองค์ทรงทราบว่าถ้าพระพุทธองค์ไม่ทรงช่วย พระลูกชายของนายช่างทองผู้นี้จะไม่สามารถสำเร็จมรรคผลได้ พระองค์นี้จะมีความสุขกับการเล่นญาณ4อยู่อย่างนั้น" แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงช่วยโดยการนิรมิตให้ดอกบัวนั้นเหี่ยวแห้ง ร่วงหล่นไป พระลูกชายของนายช่างทองอาศัยที่จิตเข้าถึงญาณ4 ปัญญา เกิดมาก จึงคิดว่าโอ่หนอ มีวิตของเรา ร่างกายของเรา ร่างกายของบุคคลอื่นย่อมมีสภาพเช่นดอกบัวที่กำลังจะสลายตัวนี้

    มันค่อนข้างที่จะชัดเจนว่า ผู้ที่สามารถพ้นทุกข์ หรือนิพพานได้นั้น ไม่ใช่ผู้ที่จะฝึกกรรมฐานกองใดๆ สำเร็จแล้วจะมาสามารถนิพพานได้ แต่ผู้ที่จะพ้นทุกข์ตามความหมายนั้นจะต้องเป็นผู้ที่ มีปัญญา เท่านั้น แม้แต่ผู้ที่ฝึกกรรมฐานถ้ายังมีความรู้สึกว่า ตัวกูของกูอยู่ ชาติไหนก็อย่าหวังพ้นทุกข์เลย

    ดังนั้นเข้าใจหรือยังครับว่า ผู้ที่จะพ้นทุกนั้นไม่ใช่ผู้ที่จะฝึกมโนมยิทธิ ฝึกธรรมกาย ฝึกกสิณ หรือฝึกอะไรก็ตาม แต่เป็นผู้ที่ฝึกปัญญานั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...