ยกนิมิตอสุภ เป็นวิปัสสนา

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย อรชร, 6 ตุลาคม 2010.

  1. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]


    ยกนิมิตอสุภเป็นวิปัสสนา

    ธรรมดาของนิมิตที่เกิดจากอารมณ์ของสมาธิจะเป็นนิมิตของอุปจารฌานหรือที่เรียกว่า อุคคหนิมิต หรือขั้นอัปปนาสมาธิที่เป็นอารมณ์ปฐมฌานก็ตาม

    จะเกิดยืนสภาพตลอดกาลตลอดสมัยนั้นไม่ได้เกิดขึ้นแล้วชั่วครู่ชั่วพักก็หายไปทั้งนี้ก็เพราะจิตไม่สามารถจะทรงสมาธิไว้ได้นานมากนักจิตก็จะเคลื่อนจากฌาน

    ตอนที่จิตเคลื่อนจากฌานนี่แหละภาพนิมิตก็จะเลือนหายไป ถ้าต้องการเห็นภาพใหม่ก็ต้องตั้งต้นสมาธิกันใหม่ ถ้าประสงค์จะเอานิมิตเป็นวิปัสสนาเมื่อเพ่งพินิจอยู่พอนิมิตหายไปก็ยกอารมณ์เข้าสู่ระดับวิปัสสนา

    โดยพิจารณาว่านิมิตนี้เราพยายามรักษาด้วยอารมณ์ใจโดย
    ควบคุมสมาธิจนเต็มกำลังอย่างนี้แต่นิมิตนี้จะได้เห็นใจเราจะอยู่กับเราโดยที่เราหรืออุตสาห์ประคับประคองจนอย่างยิ่ง

    อย่างนี้นิมิตนี้จะเห็นอกเห็นใจเราก็หาไม่ กลับมาอันตรธานหายไปเสียทั้ง ๆที่เรายังต้องการ ยังมีความปรารถนานิมิตนี้มีสภาพที่จะต้องเคลื่อนหายไปตามกฎของธรรมดาฉันใดชีวิตของสัตว์ทั้งหลายที่มีความเกิดขึ้นแล้วก็ต้องมีอันตรธานไปในที่สุด

    ฉะนั้นความไม่เที่ยงของชีวิตที่มีความเกิดขึ้นนี้มีความตายเป็นที่สุด เช่นเดียวกับนิมิตนี้ ขึ้นชื่อว่าความเกิดไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไร เป็นสัตว์ มนุษย์ เทวดา พรหมต่างก็มีความไม่เที่ยงเสมอเหมือนกันหมด

    เมื่อเกิดแล้วก็มีอันที่จะต้องตายเหมือนกันหมดเอาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้เลยเมื่อความไม่เที่ยงมีอยู่ ความทุกข์ก็ต้องมี

    เพราะการต้องการให้คงอยู่ยังมีตราบใดความทุกข์ก็มีอยู่ตราบนั้นเพราะความปรารถนาให้คงอยู่โดยไม่ต้องการให้เสื่อมสิ้นนั้นเป็นอารมณ์ที่ฝืนต่อกฎของความเป็นจริง

    การทรงชีวิตนั้น ไม่ว่าจะทรงอยู่ในสภาพใดๆ ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ทั้งสิ้น เพราะทุกข์จากการแสวงหาอาหารและเครื่องอุปโภคมาเลี้ยงชีวิตและครอบครัว ทุกข์เพราะโรคภัยไข้เจ็บรบกวนทุกข์เพราะไม่อยากให้ของรักของชอบใจแม้ในที่สุดชีวิตที่จะต้องแตกทำลายนั้นต้องอันตรธานไป

    ความปรารถนาที่ฝืนความจริงตามกฎธรรมดานี้เป็นเหตุของความทุกข์แต่ในที่สุดก็ฝืนไม่ไหวต้องแตกทำลาย

    อย่างนิมิตอสุภนี้เหมือนกัน นิมิตอสุภนี้เดิมทีก็มีปัญจขันธ์เช่นเราบัดนี้เขาต้องกระจัดพลัดพรากแตกกายทำลายขันธ์ออกเป็นชิ้นน้อยชิ้นใหญ่อย่างนี้ความที่ขันธ์เป็นอย่างนี้เขาจะมีความปรารถนาให้เป็นอย่างนี้ก็หาไม่แม้เขาจะฝืนอย่างไรก็ฝืนกฎธรรมดาไม่ได้

    ในที่สุดก็ต้องสลายอย่างนี้ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าโลก เป็นอนัตตา คือไม่มีอะไรทรงสภาพ ไม่มีใครบังคับการสิ้นไปของชาวโลกนั้นเป็นความจริง

    สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงไม่มีความทุกข์์มีแต่ความสุขทรงสภาพปกตินั้นมีพระนิพพานแห่งเดียวผู้ที่จะถึงพระนิพพานได้ ท่านปฏิบัติอย่างเรานี้ท่านเห็นสังขารทั้งหลายเป็นของน่าเกลียด เห็นสังขารทั้งหลายเป็นแดนของความทุกข์

    เพราะกิเลสและตัณหาปกปิดความรู้ความคิด สังขารทั้งหลายเป็นอนัตตาท่านไม่ยึดมั่นในสังขาร ท่านเบื่อในสังขารโดยท่านถือว่าธรรมดาของการเกิดมามีสังขารต้องเป็นทุกข์อย่างนี้ท่านไม่
    ปรารถนาการเกิดอีก ท่านไม่ต้องการชาติภพใดๆ อีกท่านหวังนิพพานเป็นอารมณ์

    คือท่านคิดนึกถึงพระนิพพานเป็นปกติ ไม่มีอารมณ์รักความเกิด รักสมบัติ รักยศ รักสรรเสริญไม่รักแม้แต่สุขที่เกิดแต่ลาภที่ได้มาโดยชอบธรรม

    ท่านตัดฉันทะความพอใจในโลกทั้งสิ้น ท่านตัดราคะ ความกำหนัดยินดีในโลกทั้งสิ้นท่านพอใจในพระนิพพานเมื่อทรงชีวิตอยู่ท่านก็ทรงเมตตา

    เป็นปุเรจาริกคือมีเมตตาเป็นปกติท่านไม่ติดโลกามีสคือสมบัติของโลก ท่านที่เข้าพระนิพพาน ท่านมีอารมณ์เป็นอย่างไรบัดนี้เราผู้เป็นพุทธสาวกก็กำลังทรงอารมณ์อย่างนั้นเราเห็นความ
    ไม่เที่ยงของสังขารแล้ว

    เพราะมีอสุภเป็นพยานเราเห็นความทุกข์ เพราะการเกิดแล้ว เพราะมีอสุภเป็นพยาน เราเห็นอนัตตาแล้ว เพราะมีอสุภเป็นพยานเราจะพยายามตัดความไม่พอใจในโลกามีสทั้งหมดเพื่อได้ถึงพระนิพพานเป็นที่สุด

    จงคิดอย่างนี้ พิจารณาอย่างนี้เนืองๆทุกวันทุกลมหายใจเข้าออกท่านจะเข้าถึงนิพพานในชาติปัจจุบันพระนิพพานเป็นของมีจริง พระนิพพานเป็นสุขไม่มีทุกข์เจือปนผู้ที่มีจิตผูกพันพระนิพพานเป็นปกติ จะมีความสุขในสมัยที่ทรงชีวิตอยู่ความสุขนี้อธิบายให้สมเหตุสมผลไม่ได้

    เพราะเป็นสุขประณีต สุขยิ่งกว่าความสุขใดๆ ที่เจือด้วยอามิสท่านที่เข้าถึงแล้วเท่านั้นที่ท่านจะทราบความสุขใจของท่านที่เข้าถึงพระนิพพานได้จริง

    ขออธิบายวิปัสสนาญาณโดยอาศัยนิมิตอสุภกรรมฐานเป็นบาทไว้โดยย่อเพียงเท่านี้ขอนักปฏิบัติจงคิดคำนึงเป็นปกติ ท่านจะเข้าถึงพระนิพพานได้อย่างคาดไม่ถึง

    [​IMG]
    <O:p</O:p

    ภาพประสาทหลอน

    นักปฏิบัติกรรมฐานในอสุภกรรมฐานนี้มักจะถูกอารมณ์อย่างหนึ่งที่คอยหลอกหลอนอยู่เสมอ อารมณ์ที่คอยหลอกหลอนนั้นคืออารมณ์อุปทาน

    อารมณ์อุปทานนี้มีความรู้สึกอยู่เสมอว่าจะถูกอสุภคือซากศพนั้นคอยหลอกหลอนการที่ออกไปเยี่ยมป่าช้าเพื่อพิจารณาอสุภ ก็ดีหรือกำลังที่พิจารณาอสุภอยู่ที่วิหารก็ดี

    ในกาลบางครั้งอารมณ์จะหลอนตนเองว่าเหมือนมีภาพซากศพที่
    พิจารณานั้นบ้างมีภาพปีศาจจากที่อื่นบ้างแสดงอาการต่างๆจะเข้ามาทำร้ายตน บางรายถึงกับตกใจกลายเป็นคนเสียสติไปก็มี

    ที่เป็นดังนี้ความจริงซากศพนั้นไม่ได้หลอกหลอน ผีปีศาจอื่นใด
    ก็มิได้หลอกหลอนที่เป็นดังนั้นก็อาศัยอุปทานการยึดถือเดิมที่มีประจำจิตใจคนเรามาแต่อดีตว่าผีทำร้ายหลอกหลอน

    ถ้าอารมณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นแล้วท่านให้ตัดใจว่านี่เราจะฝึกเพื่อมรรคผลความดีเพื่อพ้นจากทุกข์ซากศพที่ตายแล้วไม่มีวันจะลุกขึ้นมาทำร้ายได้

    และปีศาจใดที่จะทำอันตรายแก่พระโยคาวจรอย่างเรานี้ก็ไม่มีพระอริยเจ้าทั้งหลายที่ท่านได้สำเร็จมรรคผลนับไม่ถ้วนไม่มี
    พระอริยเจ้าแม้แต่องค์เดียวที่ท่านไม่ได้เจริญอสุภกรรมฐานแล้วสำเร็จมรรคผลทุกท่านต่างก็สำเร็จมรรคผลมาด้วยผ่านการเจริญอสุภกรรมฐานมาแล้วทั้งสิ้น

    ทุกท่านผ่านมาได้ไม่มีอันตรายต่อชีวิต เพราะซากศพหรือปีศาจเลยภาพที่ปรากฏต่อหน้าเรานี้เป็นภาพประสาทหลอนเป็นอารมณ์
    ของอุปทานไม่มีอะไรจริงจังแล้วตัดใจปฏิบัติต่อไปด้วยการทรงสมาธิมั่นเพียงเท่านี้ภาพหลอนที่เห็นนั้นก็จะอันตรธานหายไป

    บางรายตัดสินใจด้วยเอาชีวิตเป็นเดิมพันคือจะเห็นภาพหลอกหลอนหรือเกิดอารมณ์กลัวขึ้นมาก็ตามท่านตัดสินใจ เชิญเถิดถ้าเราจะต้องตายเสียในระหว่างปฏิบัติความดีนี้จะตายเมื่อสิ้นลมปราณก็ดีจะตายเพราะถูกปีศาจทำอันตรายก็ดี

    เราพร้อมที่จะตายเพราะเราไม่ ปรารถนาการเกิดและไม่ปรารถนาจะอยู่คู่กับโลกที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน เต็มไปด้วยความทุกข์มีแต่ความหลอกหลอนปลิ้นปล้อน หาความจริงที่เป็นเหตุของความสุขไม่ได้

    ใครต้องการชีวิตก็เชิญเถิดแล้วท่านก็ทำไม่รู้ไม่ชี้เสียจะมีเสียงมีอาการอะไรปรากฏท่านไม่สนใจ เท่านี้ ภาพหลอนและอารมณ์กลัวก็จะหายไปท่านก็กลับได้สมาธิตั้งมั่นอย่างคาดไม่ถึง

    และมีผลทางวิปัสสนาญาณอย่างเลิศท่านที่ตัดสินใจเอาชีวิตเป็นเดิมพันนี้ นอกจากจะหมดความกลัวแล้วถ้าทำถูกทางรู้สึกว่าฌานและวิปัสสนาญาณไม่มีอะไรยากสำหรับท่าน ทำได้ดีได้รับผลรวดเร็วเกินกว่าที่คาดคิดไว้ขอท่านนักปฏิบัติจงสนใจและนำไปปฏิบัติท่านจะได้รับผลสมความตั้งใจ

    ภาพหลอน
    <O:p</O:p

    นอกจากอารมณ์หลอน ก็ยังมีภาพหลอนอีกภาพหลอนนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว แต่เป็นภาพที่น่ารัก เป็นภาพคนสวยๆ บ้างเป็นเทวดาบ้าง เป็นภาพปราสาทหรือวิมานบ้าง

    เมื่อปรากฏขึ้นก็สร้างอารมณ์ปลาบปลื้มแก่ท่านที่ได้เห็นขอเตือนนักปฏิบัติว่าภาพอื่นนอกจากภาพนิมิตที่ท่านกำหนดไว้เดิมแล้วท่านอย่าสนใจเป็นอันขาดเพราะจะทำให้จิตซ่านออกจากอารมณ์สมาธิเป็นภาพลวงตา

    จงรักษาแต่ภาพนิมิตที่กำหนดแล้วเท่านั้นจงทิ้งภาพอื่นเสียเพราะจะทำให้สมาธิเสีย

    [​IMG]

    ความมุ่งหมายในอสุภ
    <O:p</O:p

    อสุภกรรมฐานนี้ ท่านสอนไว้ถึง ๑๐ อย่างก็ด้วยมีความมุ่งหมายดังต่อไปนี้

    ๑. อุทธุมาตกอสุภ ท่านสอนไว้เพื่อเป็นที่สบายของบุคคลผู้มีความกำหนัดยินดีในทรวดทรงสัณฐาน เพราะอสุภกรรมฐานข้อนี้แสดงให้เห็นเนื้อแท้ของทรวดทรงสัณฐานว่าไม่มีสภาพคงที่ในที่สุดก็ต้องอืดพองเหม็นเน่าเป็นสิ่งโสโครกที่ไม่น่าใคร่ไม่น่าชอบใจอย่างนี้

    ๒. วินีลกอสุภ เป็นที่น่าสบายของบุคคลที่หนักไปในทางมีความใคร่พอใจในผิวพรรณที่ผุดผ่องเพราะอสุภกรรมฐานข้อนี้แสดงให้เห็นว่าผิวพรรณนั้นไม่สวยจริงในที่สุดก็จะกลายเป็นผิวที่มีสีสันวรรณะที่เขียวขาวแดงเละเทะเลอะเลือน แปดเปื้อนไปด้วยสิ่งโสโครกที่มีอยู่ภายในผิวพรรณที่หุ้มห่อไว้นั้นจะหลั่งไหลออกมาให้กลายเป็นของน่าเกลียดโสโครก

    ๓. วิปุพพกอสุภ เป็นที่สบายของบุคคลที่มีความยินดีในผิวพรรณที่ปรุงด้วยเครื่องหอมเอามาฉาบทาไว้อสุภนี้แสดงให้เห็นว่าเครื่องหอมที่ฉาบทาประทินผิวไว้นั้นไม่มี ความหมายในที่สุดก็ต้านทานสิ่งโสโครกที่อยู่ภายในไม่ได้ น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนองที่มีอยู่ภายในก็จะทะลักออกมาทับถมเครื่องประทินผิวเหล่านั้นให้หายไปร่างกายจะเต็มไปด้วยสิ่งโสโครกที่สิงอยู่ภายใน

    ๔.วิฉิททกอสุภ เป็นที่สบายของผู้ที่มีความกำหนัดยินดีร่างกายที่มีแท่งทึบมีเนื้อล่ำที่พอกนูนออกมาเป็นเครื่องบำรุงราคะของผู้ที่มักมากในเนื้อแท่งที่กำเริบกรรมฐานนี้แสดงให้เห็นว่าร่างกาย
    นี้มิใช่เป็นแท่งทึบตามที่คิดไว้ความจริงเป็นโพรงโปร่งอยู่ภายในและเต็มไปด้วยของโสโครก

    ๕.วิกขายิตกอสุภ กรรมฐานนี้เป็นที่สบายของผู้ที่มีความกำหนัดยินดีในเนื้อกล้ามบางส่วนของร่างกายกรรมฐานนี้แสดงให้เห็นว่าส่วนของกล้ามเนื้อบางส่วนของร่างกายที่ตนใคร่และปรารถนาอย่างแรงกล้านั้นในไม่ช้าก็ต้องวิปริตสลายตัวไปและเป็นกล้ามเนื้อที่เต็มไปด้วยสิ่งโสโครกไม่น่าใคร่ไม่น่าพอใจ

    ๖. วิกขิตตกอสุภ อสุภนี้เป็นที่สบายของผู้ที่มีความกำหนัดยินดีในลีลาอิริยาบถ มีการยกย่างก้าวไป ถอยกลับ และการคู้แขนเหยียดแขน ของเพศตรงข้าม เรียกว่า เป็นผู้ใคร่ในอิริยาบถ

    พอใจกำหนัดยินดีในท่อนแห่งกล้ามเนื้อที่เคลื่อนไหวนั้นเป็นอารมณ์กรรมฐาน

    ข้อนี้แสดงให้เห็นว่าอวัยวะต่างๆที่เคลื่อนไหวในอิริยาบถนั้นไม่มีอะไรแน่นอนไม่สามารถจะรวมกลุ่มกันได้ตลอดกาลตลอดสมัยในที่สุดก็ต้องกระจัดพลัดพรากจากกันไปเป็นท่อนน้อย
    ท่อนใหญ่ตามที่ปรากฏนี้

    ๗. หตวิขิตตกอสุภ เป็นที่สบายของผู้ที่มีความกำหนัดยินดีในข้อต่อ คือร่างกายที่มีอาการ ๓๒ครบถ้วน คนประเภทนี้รักไม่เลือก ถ้าเห็นว่าเป็นคนที่มีอวัยวะไม่บกพร่องแล้วเป็นรักได้

    กรรมฐานนี้แสดงให้เห็นว่า การติดต่อส่วนต่างๆ ของร่างกายนี้ไม่จีรังยั่งยืนในไม่ช้าก็จะต้องพลัดพรากจากกันตามกฎของธรรมดา

    ๘. โลหิตกอสุภ เป็นที่สบายของคนรักความงามของร่างกายที่ตกแต่งด้วยเครื่องประดับคือเป็นคนที่บูชาเครื่องอาภรณ์มากกว่าเนื้อแท้กรรมฐานนี้แสดงให้เห็นว่าอาภรณ์นั้นไม่สามารถจะรักษาแท่งทึบของก้อนเนื้อที่รับรองเครื่องประดับไว้ได้ในไม่ช้า
    สิ่งโสโครกภายในก็จะหลั่งไหลออกมาเครื่องประดับที่เป็นเครื่องเจริญตามิได้มีอำนาจต้านทานกฎธรรมดาไว้ได้เลย

    ๙. ปุฬุวกอสุภ เป็นที่สบายของคนที่ยึดถือว่าร่างกายนี้เป็นของเรา แต่กรรมฐานนี้แสดงว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเราร่างกายนี้เป็นสาธารณะแก่หมู่หนอนที่กำลังกินอยู่ ถ้าร่างกายเป็นของเราจริงเจ้าของร่างคงไม่ปล่อยให้หนอนกัดกินเป็นอาหารได้

    ๑๐.อัฎฐิกอสุภ เป็นที่สบายของผู้มีความกำหนัดยินดีในฟันที่ราบเรียบขาวเป็นเงางามกรรมฐานนี้แสดงให้เห็นว่ากระดูกฟันนี้ก็ต้องหลุดถอนเป็นธรรมดาไม่คงสภาพสวยสดงดงามให้ชมอยู่ตลอดกาลตลอดสมัยได้ ตัวไม่ทันตายฟันก็หลุดออกก่อนแล้วและความศิวิไลซ์ของฟันที่ว่าสวยนั้นก็ไม่จริงถ้าปล่อยไว้ไม่ชำระขัดสีเพียงวันเดียวสีขาวไข่มุกนั้นก็จะเริ่มกลายเป็นสีเหลืองเพราะสิ่งโสโครกที่ฟันเกาะไว้นอกจากจะโสโครกแล้วฟันก็จะปรากฏกลิ่นเหม็นจนเจ้าของเองทนไม่ไหว

    อสุภกรรมฐานที่ท่านกล่าวสอนไว้ถึง ๑๐ อย่างมีความหมายอย่างที่ว่ามานี้แล้วของท่านนักปฏิบัติ ที่จะฝึกหัดกำจัดอำนาจราคะคือความกำหนัดยินดีในเพศตรงข้าม หรือ
    เป็นนักนิยมสีสันวรรณะแล้วท่านจงเลือกฝึกในอสุภทั้ง ๑๐ อย่างนี้อย่างใดอย่างหนึ่งที่เหมาะสมแก่ความรู้สึกเดิมที่มีความกำหนัดยินดีอยู่นั้นเพื่อผลในการปฏิบัติในส่วนวิปัสสนาญาณเพื่อมรรคผลต่อไปเถิด


    อ้างอิง...กรรมฐาน๔๐ หลวงพ่อพระราชพรหมญาณ<O:p</O:p
     
  2. ศรีสิทธิ

    ศรีสิทธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +1,515

    กราบอนุโมทนา สา..ธุ สาธุ สาธุ
     
  3. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา </O:p>
    *
    [​IMG]
     
  4. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    [​IMG]

    สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ<O:p
    การให้ธรรม ย่อมชนะการให้ทั้งปวง<O:p

    อภิวาท วันทาโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...