รวมคาถากันผี ไล่ผี

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย chaokhun, 19 สิงหาคม 2013.

  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    สวัสดีครับและขอบคุณมากนะครับ คุณpongio เด่วยังไงรบกวนคุณช่วยอ่านที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ก่อนนะครับ คือบทความนะดีมากครับการที่คุณนำมาลงดีแล้วครับ แต่หลังจากที่อ่านแล้ว
    คุณจะรู้ว่าคุณยังมองผมและคุณโลโปคาดเคลื่อนไปหน่อย จากคำต่อท้ายด้วยความคิดตัวคุณเอง
    แต่ไม่ว่ากันครับ ถือว่าเจตนาดีครับ. กรุณาอ่านดีๆนะครับ...จริงๆแล้ววิธีการแบบที่คุณนำมาลง
    จะเน้นไปทางด้านการสร้างปัญญามากกว่าเรื่องอื่นๆ เพราะอะไรจะเล่าให้ฟังนะครับ
    คุณสังเกตุไหมว่าธาตุที่คุณพูดถึง. หน้าตาและลักษณะพลังงานเป็นอย่างไรคับ. คุณอ่านคุณก็ไม่รู้.
    และคุณสังเกตุไหมครับว่าบทความไม่ได้เน้นในเรื่องของการนำพลังงานไปใช้เลย. การรวบรวม
    พลังงานเป็นอย่างไร. การเรียกพลังงานขึ้นมาใช้งานเป็นอย่างไร การหนุนเพื่อการส่งพลังงานไปยังที่ต่างๆเป็นอย่างไร. ตลอดจนการนำพลังงานมาใช้งานให้เกิดประโยชน์เป็นอย่างไร เหมือนที่บางท่าน
    ในปัจจุบันใช้รักษาคนฟรีไม่คิดตังค์ ในกรณีที่ไม่พึงการแพทย์แผนปัจจุบัน. แต่วิธีการต่างที่คุณนำมาลงถ้าคุณอ่านดีๆแล้วสังเกตุ คุณจะพบว่าจะเน้นอยู่ที่ฐานกายเท่านั้นแม้แต่การขยายวงก็เน้นที่ฐานกาย
    และเน้นการพิจารณซึ่งบอกได้เลยครับว่าไม่มีข้อโต้แย้งใดๆในหลักที่กล่าวมาเลยครับ.
    พักหายใจยาวๆเข้าออก ๓ ครั้งแล้วลองอ่านที่จะเขียนใหฟังต่อไปนี้นะครับ.
    แม้วิธีการที่คุณพูดมาจะดีมาก. แต่คุณเชื่อไหมครับว่านั่นยังไม่ได้ขึ้นขั้นพื้น
    ฐานของพระอาจารย์ในดงที่ท่านมาสอนเลยครับ แฮะๆหวังว่าคุณคงไม่คิดจะพูดให้ผมแสวงหาอาจารย์หรือพิสูจน์ด้วยตัวเองอีกนะครับ แต่ช่างเถอะครับยังไงก็ไม่ใช่ตัวชี้วัดว่าชาตินี้เราจะรอดหรือเปล่าหรอกครับ. และก็อย่าว่าผมโม้เลยนะครับ. เพราะอะไรถึงบอกว่ายังไม่ได้พื้นฐาน.
    เพราะถ้าคุณไม่รู้จักอากาศธาตุซึ่งเป็นธาตุที่๕ แล้วคุณจะไม่มีทางดึงพลังงาน
    ที่เป็นนามธรรมของธาตุ ดิน น้ำ ลม และไฟ ขึ้นมาให้สามารถจับต้องได้ สร้างให้หนาแน่นได้ ขยายวงได้รอบตัวตลอดจนรู้ลักษณะความแตกต่างของพลังงานธาตุแต่ละอย่างได้เลย.
    ถ้าคุณเรียก พลังงานธุาตดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศขึ้นมาได้ตลอดแยกกันได้จนคล่อง.
    จะถึงจุดที่เป็นแค่พื้นฐานสำหรับพระอาจารย์ในดงที่จะต่อยอดให้คุณฝึกขั้นต่อไปได้

     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    การมาถึงจุดนี้นอกจากวิธีที่คุณนำมาลงแต่ต้องเพิ่มอากาศธาตุด้วยครับด้วยการเปิดจักระเพิ่ม
    หรืออีกวิธีคือการฝึกบังคับนิมิตรกสินกองใดกองหนึ่งที่ตนถนัดให้เปลี่ยนแปลงรูปร่างได้บ่อยๆ
    ไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตาจนสะสมกำลังจิตให้จิตจนสามารถถึงระดับที่เรียกเป็นพลังงานธาตุต่างๆขึ้นมาได้.
    ถึงจุดนี้จะสามารถรวมพลังงานได้ สามารถแยกได้ และจะสามารถทราบลักษณะเฉพาะแต่ละธุาตได้ และจะทำให้เข้าใจว่าทำไมเค้าถึงเขียนรูปแทนพลังงานธาตุอย่างที่เราเห็นใน google ได้ความจริงความรู้พิเศษมันจะเกิดขึ้นก่อนที่คุณจะมาถึงจุดนี้ด้วยครับ และก็ก่อนมาถึงคุณก็จะเจอครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิแล้วครับแต่จะเป็นใครขอยืมคำพูดคุณนะครับว่าไปพิสูจน์เองซะ
    ต่อจากนี้คุณจะมาถึงจุดการฝึกการรวมธาตุ การหนุนธาตุ การส่งธาตุ. การฝึกขยายวง ไม่ว่าจะเพิ่มขนาดหรือความหนาแน่น. ก็จะเป็นภพภูมิอีกกลุ่มครับ. ที่จะสอนเทคนิค. ซึ่งก็ไปพิสูจน์เองนะครับว่าใครจะสอน พวกคาถาเดินธาตุใช้ท่องเพื่อความสม่ำเสมอ เพี่อฝึกฝนเพิ่มกำลังสมาธิครับ พลังงานไม่เกิดตอนท่องหรอก
    ยกเว้นคำภาวนาเฉพาะ หรือแค่คิดก็ขึ้นแล้วครับและถ้าคุณแค่คิดแล้วพลังขึ้นมาได้ และระดับกิเลสในใจคุณน้อยลงและคุณฝึกสะสมกำลังสมาธิเรื่อยๆตลอดจนตัดปฎิฆะในใจให้เหลือน้อย มีเมตตามากขึ้น
    รวมทั้งผ่านการทดสอบการใช้ฤิทธิ์ที่จะเกิดเป็นปกติจากทางภพภูมิได้ มาจุดนี้แล้วใช้งานบ่อยๆ
    ในทางที่เป็นธรรมหรือเป็นประโยชน์โดยไมหวังสิ่งตอบแทนแล้ว คุณจะขึ้นสู่ขั้นวิญญานธาตุได้
    ถึงตรงนี้ก็จะมีภพภูมิท่านหลักๆจะมาสอนให้ ก็ไปพิสูจน์เองนะครับ
    ซึ่งจะแปรผันตามกำลังสมาธิของคุณจุดนี้ไม่ต้องสอนกันแล้วครับถ้าคุณทำได้ คุณจะรู้
    จะเห็นอะไรที่เหนือธรรมชาติได้แต่คงเหาะไม่ได้นะครับและอะไรอีกมากมาย
    สำคัญคุณจะพูดหรือไม่พูด แล้วภพภูมิสายในดงจะเปิดให้คุณทราบเรื่อยๆตามระดับกิเลสในใจที่ต้องมาเดินปัญญาร่วมด้วยตนเองเพราะไม่มีใครช่วยได้.
    ปล.เขียนให้อ่านประมาณนี้คงเข้าใจอะไรๆมากขึ้นนะครับ. ตำราใช้เป็นแนวทางได้
    การจะสอนคนหรือแนะนำคนได้หรือตัดสินว่าใครเป็นอย่างไร. เราต้องปฎิบัติให้เข้าถึงก่อน
    ให้พอรู้ก่อนครับ ไม่มีใครสำเร็จได้จากการอ่านหรอกครับ
    มันอยู่ที่การลงมือทำลงมือปฏิบัติครับ การถ่ายทอด จะเป็นตัวชี้วัดระดับการปฏิบัติ
    และปัญญาทางธรรมของตนสำคัญที่ว่าเห็นใจตนเอง เห็นกิเลสในใจตนหรือยัง
    หรือมัวแต่เพ่งโทษคนอื่นๆอยู่ครับ เป็นกันได้ทุกคน ฝึกปฎิบัติทำได้หมดทุกคนหละครับ.
    สำคัญว่ารู้ตัวหรือยังถ้ารู้แล้วก็กลับตัวกลับใจตอนนี้ ตั้งสติดีๆครับอาจยังไม่สาย
    ขอบคุณมากครับที่อ่าน
     
  3. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... ขอประธานอภัยที่โผล่ขึ้นมาอีกนะคะ ... แค่ กาลีนะอยากบอกอะไรสักนิดหนึ่งเกี่ยวกับทำไมถึงชื่นชมท่านพี่ผู้นี้อีกประการคะ ... มันคือความบังเอิญแบบไม่ตั้งใจ ... สมัย กาลีนะอายุ 17 เรียน ม.5 กาลีนะเคยตามครูที่โรงเรียนไปปฏิบัติธรรมที่แถววัดในป่าลึก อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี วัดนี้อยู่บนเขามีต้นไม้เก่าแก่ 2 ต้นซึ่งตอนนี้ก็ยังคงอยู่ แค่สภาพแวดล้มอเปลี่ยนไป มีพระผู้ก่อตั้งวัดนี้เป้นผู้สอนธรรมมะ และ สมาธิ แก่ผู้สนใจ เป็นวัดป่าที่เคร่งครัดมาก .. ชื่อเล่นวัดนี้เรียก " ภูย่าอู่ " กาลีนะไปเรียนที่นั้น 7 วัน และได้เห็นความอัศจรรย์มากมายจากที่นั้น ... และ เจ้าอาวาสท่านนั้นก็เป็นพระอาจารย์ของหนึ่งในพระอาจารย์ของท่านพี่ผู้นี้ที่ข้าพเจ้าชื่นชมเช่นกัน ... ซึ่งข้าพเจ้าก็เพิ่งทราบเมื่อไม่นานมานี้เอง ... และท่านพี่ผู้นี้ก็เพิ่งทราบเช่นกัน ... แต่นี้ไม่ใช่การมาโอ้อวดแต่ประการได้ เพราะความรู้ที่ข้าพเจ้าเคยได้นั้นไม่ได้เศษเสี้ยวของพี่เขาเลย ... เพียงแค่กล่าวขึ้นมาให้รับทราบเพื่อให้เข้าใจถึงหลักการหนึ่งที่บอกว่า " สิ่งที่เหมือน หรือ คล้ายกันจะดึงดูดเข้าหากัน .. ฯลฯ "

    ...... แต่ทุกคนย่อมต้องมีแนวทาง เป็นของตนเองตามความพึงพอใจของตนเอง ... ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร แค่เรารับรู้ว่าเราเป้นใคร และ กำลังทำอะไรอยู่ ... สิ่งที่ทำมันมีประดยชน์ หรือ ไม่ นำพาเราสู่ความสุขสงบที่แท้จริงได้แค่ไหน ... และ เราเต็มใจยอมรับผลที่ตามมา หรือ เปล่า เท่านั้น .
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035

    เอกลักษณ์ในการตอบคุณคือ การชอบกล่าวอ้างพระพุทธแล้วก็เสริมความ
    คิดตนเองได้คงเส้นคงวาเหมือนเดิมนะครับ


    ขอบคุณที่เตือนครับ.คุณโลโป คิดว่าคงบอกผมนะครับ..อ่อบอกอีกครั้งนะครับว่า
    วิชาเดินธาตุเป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตที่ไม่ใช่มายากลและไม่ใช่ไสยศาสตร์.
    ผู้ที่มาสอนเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญานที่อยู่มาตั้งแต่สมัยผู้เป็นเลิศทั้งภพองค์ปัจจุบันท่านยังดำรงขันธ์อยู่ซึ่ง
    ได้เขียนบอกกล่าวไปแล้วก่อนหน้า
    .คุณอาจจะยังอ่านไม่ดี.ถือว่าบอกอีกรอบนะครับ
    และก็บอกไปแล้วว่าคุณยังไม่มีอานิสงค์จะเข้าใจและสัมผัสในเรื่องแบบนี้ได้
    เลยมองไปแต่ไสยศาสตร์เพราะคุณรู้เห็นแค่นั้น.บอกอีกรอบเพื่อว่าคุณจะลืมนะครับ..เพราะอะไรนะหรือ เพราะตัวคุณเอง
    ยังไม่เห็นใจตัวเองไงคับ ว่าตนเองนะดีหรือเลว
    เห็นตรงนี้ก่อนที่จะเตือนคนอื่นๆดีกว่านะครับ....

    ผมจะขอกล่าวรวมๆแล้วกันนะครับ..การเคารพพระรัตนตรัย.
    ไม่ว่าจะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ตั้งแต่สมัยก่อนที่จะกำเนิดผู้
    เป็นเลิศทั้ง ภพนั้นเราเริ่มต้น
    จากการบูชาผีหรือวิญญานมาก่อน ตามมาด้วยการบูชาไฟหรืออะไรก็แล้วแต่
    หลังจากนั้นพัฒนามามีส่วนของ ศีล สมาธิเข้ามาเสริม และสุดท้ายก็ถึงเรื่องปัญญา ไม่ว่าจะศาสนาอะไรก็ตามก็อยู่ในแนวทางนี้.
    ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ในส่วนระดับใดบ้าง
    ถ้าเราวางใจเป็นกลางบ้างก่อนที่จะรีบตัดสินใจ
    อะไรก็ตามเราจะมองเห็นได้..ตั้งแต่สมัยพุทธกาลเราปฏิเสธ
    ไม่ได้หรอกครับในตำราก็มีเขียนบอกไว้.ว่าพุทธศาสนาของเราเกี่ยวข้องกับ
    เรื่อง ภพภูมิลักษณ์นี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว..และส่วนภพภูมิต่างๆก็ชื่มชมบารมี และศรัทธาในตัวของผู้เป็นเลิศทั้ง ภพทั้งนั้น

    .ในการศรัทธาของภพภูมิท่านต่างๆท่านเหล่านั้นก็ได้ร่วมมีส่วนสนับ
    สนุนการดำรงอยู่ของพระพุทธศาสนาด้วยกันทั้งนั้นไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆก็ตาม
    ถ้าเราสังเกตุทุกรูปแบบที่ท่านส่งเสริมจะเน้นเพื่อให้บุคคลหันมาทำความดี.
    แต่เนื่องจากความคิดและความเข้าใจและความแตกต่างกันด้วยเหตุและปัจจัย
    ของแต่ละคนมีไม่เท่ากัน.แต่ทุกคนก็มีพระพุทธเจ้าเป็นที่สุดด้วยกันทุกคน
    อยู่ในตนอยู่แล้ว.

    การที่พระท่านสร้างเพื่อให้มีวัตถุมงคล หรือการฝึกสมาธิในวิธีการที่แตกต่างกัน
    ออกไป หรือการฝึกความสามารถพิเศษพิเศษอะไรต่างๆก็ตาม
    ล้วนแล้วแต่น้อมนำมาเพื่อให้เห็นใจตนเองทั้งนั้น และเป็นเส้นทางในการที่จะเดิน
    ไปให้ถึงปลายทางเช่นเดียวกัน.

    บางคนชอบเดิน บางคนอาจจะจักรยาน บางคนก็ไปรถยนต์ส่วนตัว หรือพาหนะต่างๆที่บินได้ก็ตาม.ทุกวิธีที่เดินนั้นก็ล้วนแต่มีปลายทาง
    เดียวกันทั้งนั้น คุณจะมาบอกว่าวิธีการของคุณดีที่สุดแล้ว ต้องทำอย่างคุณ
    ไปปรามาสวิธีการอื่นๆ.ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่อยู่ในเส้นทาง และทุกคนก็รู้ในใจตนอยู่แล้วว่าปลายทางเดียวกัน ใครจะแวะทำธุระอะไร
    ข้างทางมันเรื่องของคนอื่นๆเค้า ไม่ใช่ธุระที่เราจะต้องไปก้าวก่าย.

    .คุณ โลโป ชอบเอาพระพุทธมาอ้าง ชอบเอาคำสอนของพระอริยะต่างๆมาอ้างเพื่อประกอบความคิดของตนเองที่ยัง
    ไม่มีความเป็นกลางจุดนี้ผมไม่เห็นด้วย
    และไปปรามาสพระ ปรามาสคนที่เค้าเดินทางด้วยพาหนะไม่เหมือนคุณ
    ถามว่าทุกคนรู้ไหม เค้าก็รู้หมดแระครับที่คุณพูด แต่ปัญหาคือ
    คุณพูดคุณเขียนจากการปฏิบัติแล้วไปปฏิเวธ หรือคุณยกมาเพื่อเสริมตนเองให้ดูดีขึ้นครับ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035


    .คนเราเกิดมาบารมีทางธรรมมันไม่เท่ากันครับ.พระอรหันต์ในปัจจุบันยังแยกได้ สาย
    เป็น สุขวิปัสสโก เตวิชโช(วิชา) ฉฬฉิญโญ(อภิญญา,วิชา ) และปฏิสัมภิทัปปัตโต ที่ความสามารถมากกว่าทุกสาย
    แต่ส่วนตัวไม่ได้แยกอย่างนี้ แยกที่ระดับความดี และระดับความสามารถทางจิต
    ถ้าคุณสังเกตุไม่ว่าพระสงฆ์จะสายไหนก็ตามท่านก็มีพระพุทธเจ้าเป็นที่สุดด้วยกันทั้งนั้น
    ไม่มีใครมาแยกแยะหรอกครับว่าตนเองดีกว่า หรือมาแบ่งพรรคแบ่งพวก
    ไม่ว่าจะมาทางสายไหนก็เป็นสายที่ทำเพื่อลด ละกิเลส
    ในใจตนด้วยกันทั้งนั้น.ขึ้นอยู่กับว่าตัวเราจะมีจริตไปทางด้านไหน.
    ก็จะได้สัมผัสและพบเจอครูบาร์ อาจารย์ทางด้านนั้น.จะด้านไหนก็ตามแม้
    แตกต่างกันด้วยกำลังสมาธิ หรือความสามารถในการรับรู้ทางด้านนามธรรม
    ก็ล้วนแล้วแต่มีพระพุทธเจ้าเป็นที่สุดและเน้นเพื่อลด ละ กิเลสในใจตนเองทั้งนั้น.
    .
    ถ้าเราคิดว่าสิ่งที่เราทำนะดีแล้ว เราก็ทำไปครับ.แต่ไม่ใช่จะต้องไปน้อมนำหรือไปพยายามยัดเหยียด
    ให้คนอื่นๆเห็นว่าสิ่งที่ตนทำเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ตลอดจนไปกล่าวปรามาส ฝ่ายต่างๆว่าไม่ใช่ทางไม่ใช่แนว.
    ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ผมไม่เห็นด้วยกลับคุณครับ...
    และสิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยอีกอย่างก็คือ การที่คุณชอบอ้างพระพุทธ
    พระอริยะ เพื่อมาเสริมแนวความคิดในใจของคุณ
    ที่ยังไม่เป็นกลาง..ทั้งๆที่สายอื่นๆตั้งแต่ วิชา ขึ้นไปเค้าจะสามารถรับรู้ได้
    มากกว่าคุณแน่นอนครับ เห็นได้มากกว่าคุณ และมีสัมผัสได้ลึกซึ่งมากกว่าที่คุณเข้าใจในตอนนี้แน่นอนครับ...
    เพียงแต่เค้าไม่อยากเอามาพูดโอ้อวด หรือเอามาอ้างเพื่อยกตนเองเพื่อเอามาข่มคุณ
    หรือเอามาพูดเพื่อยกให้ตัวเองดูมีภูมิธรรมเหมือนที่คุณทำทุกวันนี้เฉยๆครับ..
    ของคุณเห็นแต่เพียงภาพวาด อ่านแต่หนังสือ และก็ชอบอ้างพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่ในทางหนึ่งคุณ กลับมาปราสพระรัตนตรัยไปด้วยในตัวเองช่วง
    เอาพระรัตนตรัยมาอ้างตอนที่จะยกตนเอง
    เพื่อให้ดูมีภูมิธรรมในการปฏิบัติสูงส่ง และเหมือนมีปัญญาอะไรมากมาย.เอา
    ผีหรือวิญญานซักตัวให้เห็นก่อนก็ได้ครับ..แล้วจะพัฒนาไปเห็น เทวดา เห็น
    พรหม หรือระดับพระพุทธหรือพระอริยะที่คุณ ชอบเอาคำสอนท่านมาอ้าง..
    แต่ตอนนี้ คุณเห็นผีร้ายผีชั่วในตัวคุณหรือยังครับ ก่อนที่จะมาเตือนคนอื่นๆ
    และการเตือนคนอื่นๆคุณยังคงเอกลักษณ์ในการอ้างอิง
    เสริมความคิดคุณเหมือนเดิมนะครับ

    คุณต้องมาดูว่า คุณเห็นกิเลสในใจตัวเองหรือยังครับ..คุณบอกว่า
    คุณไม่มีภูมิธรรมนั้นเพราะคุณ ไม่สามารถมาเถียงมาแย้งกับผมได้ใน
    ทางปฏิบัตินั่นเรื่องที่ผมกำลังสื่ออยู่และไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม
    .แต่พอคุณยกคำสอนพระมาอ้างสนับ
    สนุนกลับพูดเหมือนตนมีภูมิสูงส่ง คุณต้องการให้คนมองคุณอย่างนั้น..คุณไม่สังเกตุหรือครับว่า
    ทำไมในห้อง อภิญญาสมาธิ หรือ อภิญญา xp เวลา
    คุณ Ctrl + C และ Ctrl + V
    ไปวางถึงไม่มีคนสนใจที่จะไปสนทนาหรือถามปัญหาคุณ เพราะเข้าเห็นที่คุณแสดงความคิดเห็น
    ก็ทราบได้ว่าคุณนะอ่านมาจากตำราอย่างเดียว
    ขาดการปฏิบัติ ขาดการปฏิเวธ แถมยังมีทิฐิมานะ สูงแบบไม่รู้ตัวอีก

    และพอใครมาแย้งคุณ คุณก็ทนไม่ได้ เล่นมุขแบบมวยลักไก่ แบบเด็กๆทำกัน
    คือ เอาคำพระ เอาคำสอนมาอ้างเพื่อสนับสนุนความคิดตน แถมยังกล่าวปรามาสพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญานในดง
    ที่อยู่ตั้งแต่สมัยพุทธกาล ไปปรามาสพระที่ท่านทำวัตถุมงคล คุณรู้เจตนาท่านหรือยังครับ
    ก่อนที่คุณจะไปเอาคำสอนพระพุทธมาอ้างเพื่อเสริมความคิดคุณ

    ไปปรามาสบุคคลที่อยู่ในส่วนที่จะคอยช่วยส่งเสริมพระพุทธศาสนา
    กล่าวปรามาส ชีปะขาว ฤาษี ต่างๆซึ่งเคยมีสัมผัสกับพระพุทธ
    เป็นถึงระดับอาจารย์ท่านมาก่อนแล้ว.
    แลัวยังเที่ยวมาคอยตำหนิ ติเตียนคนอื่นๆ ที่มีแนวทางการปฏิบัติไม่ตรงกับตนเอง.
    ผมถามว่าถ้าคุณ นับถือพระพุทธเจ้า.
    รูปหล่อตัวแทนพระพุทธ พระสงฆ์ต่างๆ
    คุณมีไว้ คุณไหว้ทำไมครับ...คนอื่นๆเค้าก็มี เค้าก็ไหว้ เหมือนกัน
    แต่เค้าคิดได้เหมือนกันหมดว่าไหว้เพราะอะไร..
    ไม่มีใครที่่พยายามเอาเรื่องทำนองนี้มา
    แอบอ้างเพื่อยกตัวเองหรอกครับ..

    นิสัยอย่างนี้ให้เกิดในสมัยที่ท่านยังมีร่างกายอยู่
    คุณก็เข้าไม่ถึงแม้กระทั่งเปลือกหรอกครับ.
    .ใครจะดีไม่ดี มันอยู่ที่ว่าเรารู้ใจตนหรือยัง
    .ไม่ใช่ต้องไปคอยพยายามสร้างหรือแสดงอะไร
    เพื่อให้คนอื่นๆมาเห็นตนเองว่าดีหรอกครับ..
    แต่สิ่งที่คุณพยายามเขียน หรือพยายามสื่อออกมา เป็นเครื่องแสดงอย่างหนึ่งที่ทำให้
    สังคมรับทราบถึงระดับความดีที่มีอยู่ในใจตนเองได้...

    ซึ่งมันพยายามจะมาสร้างหรือพยายามอัพเดทเพื่อหลอกหลวงคนอื่นๆ
    ไม่ได้หรอกครับเพราะว่าเป็นส่วนของนามธรรม..เราต้องคิดให้ดีนะครับ.
    .รู้ตัวเองตอนนี้ว่าใจเรายังเลวอยู่
    คุณยังมีโอกาสจะสร้างความดี ลด ละ กิเลสได้ คิดว่าตัวเองดีที่สุด
    ต้องอย่างตนว่าตัวว่าตน คนอื่นๆถ้าคิดไม่เหมือนตน จะตัดโอกาสที่คุณจะเข้าถึงความดีจริงๆตลอด
    จนความสามารถในการรับรู้ ต่างๆรวมทั้งปัญญาทางธรรม

    คุณควรจะหยุดคิดซักนิดบ้างนะครับ..ขอบคุณที่เตือนผม.จริงๆพูดกับคุณ
    เรื่องสัมผัสอะไรมากมายก็ไม่ได้ บอกไปคุณก็เห็นแต่ภาพและตำรา.
    พูดไปคุณก็ไม่รู้เรื่อง.เอาว่าที่ผมพูดมาถือว่ากล่าว
    แบบรวมๆอย่างนี้หวังว่าคุณคงจะพอเข้าใจและมองเจตนาออกนะครับ..

    ปล.สำหรับคุณโลโป ผมขอยุติการสนทนากับคุณเพียงเท่านี้นะครับ
    ผมไม่อยากคุยกับบุคคลที่ได้ตั้วชั้นธุรกิจลงข้างล่างหรอกครับ.
    หวังว่าจะเข้าใจที่สื่อนะครับ
    ขอบคุณมาก
     
  6. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042

    .... ขอบคุณเช่นกันนคะที่ทำให้ดิฉันเห็นสัจจธรรมอะไรหลาย ๆ อย่างในตัวคุณ .. และ มันคงไม่มีประโยชน์อะไรแล้วที่จะมาถกปัญหาอันจะนำพาไปสู่สถานที่ที่ทุกคนไม่ประสงค์ไป .. ไม่ว่าคุณจะคิดยังไงมันชีวิตของคุณแล้วคะ

    ... แต่ขอความกรุณา " อย่าเหมารวมคนอื่น ๆ " แบบที่คุณกำลังทำอยู่ได้ไหม๊คะ เพราะใครมาอ่านข้อความของคุณเข้า ... ก็เหมือนคุณ " ด่าพวกเขา " อย่างน้อยก็เกือบทุกคน " ในพลังจิต " คุณกำลังสร้างศัรตูรแบบไม่รู้ตัว ...


    .... ดิฉันคงทำเหมือนคุณไม่ได้หรอกคะ .. เพราะเท่าที่ดูคุณมีอาจารย์เป็นพระพุทธองค์เพียงองค์เดียว และ นำท่านมาใช้ในทางดูถูกบุคคลอื่น ... เพราะมันเป็นเหมือนเกราะป้องกันตัวเองได้อย่างดี .. เพราะคนอื่นคงไม่กล้าก้าวล่วงเกินในคำสอนของพุทธองค์ .. แม้แต่ดิฉันเองก็ไม่กล้าวิจารย์ในจุดนี้ ..

    .... แต่คุณคงลืมไปว่า ฤษี พราหมณ์ หรือ ครูบาศาสตร์ต่าง ๆ ในสมัยพุทธองค์ไม่ตรัสรู้ ก็เป็นครูของพระพุทธเจ้าหลายต่อหลายท่านจนพระองค์แตกฉานในทุกศาสตร์ .... คุณกำลังปรามาศพระอาจารย์ของพระพุทธเจ้าผู้ที่คุณบอกว่านับถือเพียงองค์เดียว ....


    .. ส่วนความคิดของคุณที่นำมาไม่เกี่ยวกับอ้างอิง ... ดิฉันกล้าวิจารย์ด้วยเหตุผล และ ความคิดของตนเองนี้แหละคะ ไม่เอาของคนอื่นมาอ้างให้ท่านเหล่านั้นต้องด่างพร้อยไปด้วย .. ในกรณีนี้

    .. เพราะคุณไม่ให้เกียรติบุคคลอื่น .. คุณกล่าววาจาจาบจ้วงครูบาอาจารย์ทั้งของตนเอง และ ผู้อื่น โดยไม่สมเหตุสมผล .. มันทำให้ดิฉันมองว่า ... คุณคงไม่เคยสวดคาถาต่าง ๆ .. คงไม่ได้มีครูบาอาจารย์เลยสักท่าน เพราะครูคุณ คือ พระพุทธองค์เท่านั้น ...

    ...และ หวังว่าคุณคงไม่มีพวกเครื่องรางของขลัง หรือ เหรียญเกจิอาจารย์ต่าง ๆ หรือ พวกของต่าง ๆ ที่ผ่านการปลุกเสกไว้ติดตัว หรือ ที่บ้านนะคะ .. และคุณคงไม่เคยไปวัดไปไหว้พระทำบุญต่าง ๆ เพราะพระส่วนมากก็คงไม่เลวเหมือน ๆ กันในสายตาคุณไปแล้ว .. แต่ถ้าเกิดคุณมีของเล่านี้ไว้ในครอบครองมันคงจะเสื่อมในอีกไม่ช้าเพราะภพภูมิท่านรับรู้ทุกอย่างที่เรากระทำ และ คิด อยู่ท่านคงไม่ปลื้มแน่นอน


    .... ส่วนตัวดิฉันเคารพ พระรัตนะไตร + ครูบาอาจารย์ตัวเอง ทั้งที่มีตัวตน และ ไม่มีตัวตน + ผู้มีพระคุณทุกท่าน + ผู้ที่มีจิตใจใฝ่ดี .. แต่ถามว่า แล้ว ไสยย์ศาสตร์ดิฉันเคารพไหม๊ .. ดิฉันก็เคารพคะ .. เคารพในตัวผู้คิดค้น และ ผู้ที่นำมาใช้เพื่อประโยชน์ในการรักษาความดี ... เพราะทุกอย่างมักมีสองด้านเสมอ ...

    ...คุณไสยย์ มันจะดี หรือ ร้าย มันอยู่ที่ตัวคนใช้ต่างหาก ... น่าเสียดายนะคะ ที่ดิฉันไม่ได้เรียนการใช้วิชาคุณไสยย์มามีแต่ความรู้เท่านั้น .. แถมไม่ค่อยมีเครื่องรางของขลังเยอะ ๆ แบบคนอื่นเขา มีแค่เหรียญหลวงปู่แหวน กับ พุทธาจารย์โต รุ่นธรรมดาห้อยคอเท่านั้น ... กับ ของที่พ่อให้มาพวกพระโบราณไม่กี่องค์ที่แกได้มา ... เพราะปกติไม่เคยห้อย

    ...... " คิดแค่ว่ามีพระอยู่ในใจก็พอแล้ว .. " แต่พอมาเข้าพลังจิตจึงต้องแขวนไว้ เพราะอันตรายมีรอบด้าน ...


    .... หวังว่าเราคงไม่ต้องมาโคจรพบกันอีกนะคะ .. เพราะมันคงไม่เกิดประโยชน์อันใดทั้งคุณ และ ฉัน .. มีแต่จะกลายเป็นการสร้างบาปต่อกันเสียมากกว่า ... หรือ บางทีดิฉันอาจมองคุณผิดไปก็ได้ .. คุณอาจย้อนเวลาได้เรียนธรรมกับพระพุทธองค์โดยตรงจนบรรลุธรรมของพุทธองค์ไปแล้ว .. ดิฉันอาจเป็นพวกเต่าที่เดินช้าตามภูมิธรรมของคุณไม่ทันก็ได้ .. ทำไงได้คะ ดิฉันยังเป็นแค่นักศึกษาขั้นเบื้องต้นเท่านั้น ... ที่บังอาจไปแย้งผู้สำเร็จธรรมอย่างคุณ .. ดิฉันอาจคิดผิดจริง ๆ ก็เป็นได้ ... ขอให้คุณเจริญในธรรมแล้วกันนะคะ ... ดิฉันก็คงจะคลานเป็นเต่าต่อไป เพราะตอนนี้ดิฉันเพิ่งเรียนถึงแค่เรื่องศลี เท่านั้นเอง สมาธิยังนั้งไม่เป็นเลย ... วัน ๆ ก็พบปะแต่พวกภพภูมิธรรมดาแบบผิวเผิน ... คงต้องพยายามต่อไปอีกนาน ...
     
  7. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    เบาๆ หน่อยคุณ อย่าลากไปไกลขนาดนั้น ถ้าไม่พอใจอะไรก็ขอให้อยู่ในวงจำกัดครับ ถือว่าผมขอล่ะน่ะ

    เอาล่ะครับ ขอกลับสู่ประเด็นการไล่ผีกันต่อ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=sGAsWqnRcBQ]ใครที่ด่าการทำน้ำมนต์ ก็เท่ากับด่าพระพุทธเจ้าด้วย!!! - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=M8sWW_cadZ8"]???????????????????? ??????????????????????? - YouTube[/ame]

    http://palungjit.org/threads/วิธีทำน้ำมนต์-และ-รัตนสูตร-โดย-หลวงพ่อฤาษี.443134/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2013
  8. Jindamunee

    Jindamunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,186
    ขออนุโมทนาภูมิรู้ที่เต็มอัตตาศึกครับ อยากให้ไปบวชปฏิบัติเต็มอัตราไปเลยแล้วใช้ภูมินี้มาเผยแพร่ครับจะเป็นประโยชน์แต่เพื่อนผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายอันล้นหลาม
     
  9. teebusoh

    teebusoh Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +76
    เรียนคุณ nopphakan บางคนเขารู้แค่นั้นแหละ อย่าไปว่าเขาเลย
     
  10. ชีวอน

    ชีวอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +763
    คาถากับอาคมหรือมนต์ต่างกันครับแต่ส่วนมากจะเรียกปนกัน คาถาอ้างเอาคำสัตร์มาเป็นพลัง ส่วนอาคมหรือมนต์นั้นอ้างเอาพลังจากผู้คิดค้นหรือรักษามนต์นั้นหรือธาต์นั้นมาเป็นพลัง หรือที่เราเรียกกันว่าครูวิชาครูอาคมครูอัขระเลขยันต์นั้นแหล่ครับ นั้นสำหรับผู้ที่เรียนวิชาอาคมมนต์เป็ยต้น บ่างคาถาก้อไม่ได้ผลไม่รู้เป็นเพราะอะไรเช่น มนต์ตวาดฟ้าป่าหิมพานต์หลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอมท่องกันผีตอนท่านธุดงค์ยังไล่ไม่ได้ขนาดอาจารย์ว่าได้ผลชงักนัก หรือคาถามงกุฎพระเจ้า ผีบ่างตัวยังท่องตามได้อยู่ (เป็นเรื่องที่ได้ฟังมานะครับโปรดใช่วิจารณญาณในการรับฟัง) แต่ผมมีคาถากันผีอยู่2บทครับ เป็นคาถานะครับ ไม่ใช่อาคมหรือมนต์ บทแรกชื่อว่า หัวใจเปรต 4คำจำง่ายๆ ทุ สะ นะ โส บทที่2 เราๆท่านคุ้นเคยดีครับ เส้นผมบังภูเขา บท อนิจจา วะตะ สังขารา อุปปาทะวะยะธัมมิโน อุปปัชชิตวา นิรุชฌันติ เตสัง วูปะสะโม สุโข ฯ แปลว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีความเกิดขึ้นแล้วเสื่อมไปเป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป ความเข้าไปสงบสังขารเหล่านั้นเป็นสุข ฯ ถูกต้องแล้วครับ ในงานศพนั้นเอง บทแรกนั้น เปรตเป็นผู้คิด ทำไมผีถึงกลัวว่ากันว่ากลัวการชดใข่กรรมในนรก อะไรทำนอนนี้เหละ บทที่2นั้นฟังแล้วอึ่งครับ ท้างสักกะเทวราชเป็นผู้คิด ตอนที่เผาสรีระของพระพุทธเจ้าครับ ผู้กลัวผีทั้งหลายจำเอาไว้ได้ดีนะครับ เพื่อต้องใช่สักวัน ถ้าคาถาอื่นว่ายาวไปก้อ ทุ สะ นะ โส (ประสบการณ์เรื่องเล่าเยอะนะครับคาถานี้นะ) บทที่2ก้อของพระอินทร์ ว่ากันว่ามีทิดคนนึงโดนผีหลอกแกก็ท่องคาถาทุกอย่างที่จำได้ที่เคยเรียนมา ท่องอะไรผีก้ออย่างสามขุมเขาหาไม่กลัวเลย แต่นึงคาถา อนิจจาออก แค่ท่องอนิจจา ผีกระเจอหายไปเลย ค้นพบโดยบังเอิณครับ (อันนี้ฟังเขาเล่ามา) แต่ดูประวัติแล้วพระอินทร์เป็นผู้แต่ง คงจะแรงจริง ขอบคุณที่รับฟีงขอบคุณครับ
     
  11. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    ....มีคนเข้ามาขัด กลายเป็นไม่ได้เดินเรื่องวิชาเดินธาตุต่อเลย ยังงงๆและอยากรู้อยู่เนี่ยว่าพอภาวนาแล้วจะดึงมาใช้ในรูปแบบไหน..

    นักตำราที่ครูบาอาจารย์ท่านพูดถึงน่ากลัวตามสมญาที่เล่าขานจริงๆ...
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    คุณ Asvel สนใจจะให้เล่าให้ฟังไหมหละครับ..
    เอาว่าหลักการมันคล้ายๆ.พวกที่เปิดจักระได้และก็มี
    ความสัมพันธ์กันในบางจุด.ที่ต่างกันก็
    ตรงพลังงานที่ดึงขึ้นมามันจะเป็นพลังงานจากกสิณกองต่างๆ
    ร่วมกับพลังงานภายนอกที่มันสามารถรวมเป็นก้อนๆได้ในเบื้องต้น
    ซึ่งสามารถต่อยอดไปรักษาโรคบางโรคได้ทั้งเห็นตัวและไม่เห็น
    ตัวผู้รักษา.จริงๆพวกที่เปิดจักระก็ทำได้แต่วิธีการรักษาจะแตก
    ต่างกันในด้านเทคนิคคอลเทอม.
    ..หรือแม้ว่าจะให้เป็นสายใยเหมือนพวกที่เปิดจักระก็ได้ครับ
    ถ้าเข้าใจและทำได้ตาจะมองเห็นอะไรดีหลายๆอย่างครับ....
    ถ้าคุณ Asvel สนใจจริงๆหรืออยากให้เล่าให้ฟัง.
    .ค่อยว่ากันนะครับ..
     
  13. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    สนใจสิครับ โดยเฉพาะเรื่องการใช้พลังรักษา เพียงแต่ว่าของผมกำลังสมาธิยังไม่ดีจึงยังไม่ฝึกฝนอะไรแม้แต่กสิณ คงภาวนาทำกรรมฐานธรรมดาไปเรื่อยๆน่ะครับ ถ้ามีกำลังแล้วค่อยคิดดูอีกทีว่าจะฝึกต่อทางวิชชาสามหรืออย่างอื่นดีไหม

    แต่อยากถามว่าเวลาภาวนาก็บริกรรมภาวนาไปทีละบทจนครบไปเรื่อยๆแบบคาถาบริกรรมบทอื่นๆทั่วไปใช่ไหมครับ ?
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035

    เรื่องพลังในการรักษาทางจักระก็สามารถทำได้
    โดยไม่ต้องฝึกกสิณครับเพียงแต่ต้องมั่นใจในกำลัง
    สติทางธรรมของเราไม่งั้นจะโดนควบคุมจากภายนอก
    ได้ครับเพราะสิ่งที่รู้ต่างๆและสิ่งที่ทำได้จะไม่ใช่จากตัวเรา
    จะกลายๆเป็นคล้ายๆโดนยืมร่างกายได้.ประเด็นนี้ต้องพิจารณาดีๆครับ
    ส่วนบทภาวนาพื้นฐานของวิชาเดินธาตุพื้นฐาน.ที่จะช่วยสร้าง
    ให้ไปถึงระดับแค่เพียงแต่นึก.ก็จะเรียกพลังงานขึ้นมาได้มีดังต่อไปนี้:d

    นะโมฯ ๓ รอบ
    เอหิปัฐวีพรหม.มา เอหิอาโปอินทรา
    เอหิเตโชนารายะ เอหิวาโยอิสรา

    นะอิ เพชชคง อรหังสุคโตภควา
    โมติ พุทธะสัง อรหังสุคโตภควา
    พุทปิ อิสวาสุ อรหังสุคโตภควา
    ธาโส มะอะอุ อรหังสุคโตภควา
    ยะภะ อุอะมะ อรหังสุคโตภควา

    นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะมะมะนะ
    นะอะอะนะ นะอุอุนะ
    (๑๒ รอบ)
    นะโมพุทธายะ มะพะทะนะ ภะกะสะจะ มะนะนะมะ
    มะอะอะมะ มะอุอุมะ
    (๒๑ รอบ)
    นะโมพุทธายะ พะทะนะมะ กะสะจะภะ อะนะนะอะ
    อะมะมะอะ อะอุอุอะ
    (๖ รอบ)
    นะโมพุทธายะ ทะนะมะพะ สะจะภะกะ อุนะนะอุ
    อุมะมะอุ อุอะอะอุ
    (๗ รอบ):'(

    ปล.ในการภาวนาปกติสามารถใช้น้อมเพื่อฝึกให้จิตสงบได้
    และสามารถใช้สร้างกำลังจิตแบบสะสมได้ขี้นอยู่กับความเพียรส่วนบุคคล....
    และจะสามารถเรียกพลังงานขึ้นมาได้ทั้ง ๕ กองคือ ดิน น้ำ ลม ไฟและอากาศ
    ในเบื้องต้น..และหากว่าวันหนึ่งเราผ่านเกณฑ์.
    .แม้เราอยู่เฉยๆก็จะเห็นและรับรู้ได้เองว่าใครจะมาสอนต่อยอด
    และถ่ายทอดเทคนิคต่างๆให้เราด้วยตัวเอง.

    และจะพัฒนาก้าวเข้าสู่วิญญานธาตุต่อไปได้ครับ.
    หากไม่ผ่านเกณฑ์ก็จะเป็นเพียงคำภาวนาเพื่อให้จิตสงบแบบทั่วๆไป
    ส่วนจะผ่านเกณฑ์หรือไม่อยู่ที่ตัวเราเองครับ

    เล่าใหัฟังได้ประมาณนี้หละครับ.;).
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ส่วนถ้าทำได้ในเบื้องต้นในขั้นแรกมันจะขึ้นมาเป็นลูกกลมๆ
    บนฝ่ามือเราได้เอง.ซึ่งแต่ละธาตุจะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป
    ให้ลองนึกทีละธาตุแล้วสังเกตุลักษณะการหมุนและเอกลักษณ์
    เฉพาะของแต่ละธาตุดูแล้วจะเข้าใจว่าทำไมเค้าถึงเขียนภาพ
    แทนของแต่ละธาตุอย่างนั้นครับ..
     
  16. THE SEVEN

    THE SEVEN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +870
    อนิจจา วะตะ สังขารา อุปปาทะวะยะธัมมิโน อุปปัชชิตวา นิรุชฌันติ เตสัง
    วูปะสะโม สุโข ฯ แปลว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีความเกิดขึ้นแล้วเสื่อมไปเป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป ความเข้าไปสงบสังขารเหล่านั้นเป็นสุข ฯ

    ผมเคยได้ยินคนใช้คาถานี้มาหลายปีมากเหมือนกัน มีคนใช้ได้ผลมากเพราะเป็นสัจธรรมความจริง สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง เส้นผมบังภูเขาจริงๆนะ
    ตอนเด็กๆพ่อให้คาถา นะโมหัวขอดฯ สำหรับกันผี แต่ไม่เคยได้ใช้เลย ไปไหนพวกเพื่อนๆเขาเห็นผีหัวขาดผีโดนหั่นศพ มีผมไม่เห็นคนเดียว สรุปเราก็ทำสังฆทานให้พวกเขากับผีผู้น่าสงสาร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2014
  17. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    สาธุ.. ขอขอบคุณท่าน nopphakan ไม่ทราบว่าพอจะมีคำแปลความหมายของบทภาวนาและรายละเอียดไหมครับ ความจริงบางบทก็พอจะเข้าใจความหมายอยู่บ้างเหมือนกัน
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ไม่เป็นไรครับถือว่าแลกเปลี่ยนกันความรู้กันนะครับ..
    ส่วนตัวคิดว่าคุณน่าจะพอเดาได้ว่าแต่ละตัวหมายถึงธาตุอะไรนะครับ.
    และในความหมายทั่วๆไปหากลองไปค้นดู.ขอพูดในมุมของการใช้งาน
    และมองในมุมของพลังงานและลักษณะพลังงาน..
    ลองฟังมุมนี้ดูนะครับ..บทคาถา ๒ บรรทัดแรกในความหมายก็
    คือการเคารพบูชาผู้ที่เป็นเลิศในธาตุแต่ละด้านในด้านธาตุนั้นๆ แต่คนที่อ่าน
    จากตำรามักจะเข้าใจว่าคือการชุมนุมธาตุ.หากดูดีๆก็คือท่านที่ส่งเสริม
    เกี่ยวกับเรื่องพลังงานธาตุนั้นๆนั่นเอง.พอเดาได้ว่า
    แต่ละท่านเป็นใครนะครับ.เหมือนเป็นการบูชาท่านที่เป็นเลิศในด้านนั้นๆ
    และแสดงเจตนาเราเพื่อให้ท่านทราบว่าเรามีขอบเขตการใช้งานในธาตุทั้ง ๔ นี้.สังเกตุได้ถ้าขาดบทบูชานี้
    หรือเราแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายไม่เคารพด้วยใจจริง.
    มักจะใช้งานได้บางอย่างหรือเรียกขึ้นมาได้ไม่ครบครับ
    แม้บางคนจะมีของเก่ามาแต่ก็จะเรียกได้เป็นบางธาตุแต่ใช้งานไม่ได้แบบรูปธรรม.
    หรือไม่รู้ว่าจะนำไปใช้อย่างไรหรือเอาไปทำอะไร..
    ไว้พอเรียกมาใช้งานได้ผมจะบอกวิธีดูให้รู้ให้เห็นท่านๆต่างๆให้ครับ
    แล้วจะทราบว่าทำไมบทนี้ถึงสำคัญ...

    ส่วนคาถาบทที่ ๒ ทั่วไปจะเข้าใจว่าคือแม่ธาตุหรือธาตุใหญ่.ในความ
    หมายนอกจากตำราก็คือจะมีธาตุอากาศอีกธาตุหนึ่งที่เป็นตัวเชื่อมธาตุทั้ง ๔
    แม้ว่าเราจะทำธาตุทั้ง๔ ได้แต่หากขาดธาตุตัวนี้
    ก็จะเปรียบเหมือนขาดพาหนะในการเดินทางให้ธาตุ
    ทั้ง ๔ ซึ่งมันจะสัมพันธ์ในการใช้งานแบบทางไกลด้วยครับและ
    ในบางครั้งทำหน้าที่คล้ายๆกับธาตุลม.จนแยกออกได้ค่อนข้างยากว่า
    เป็นธาตุลมหรือธาตุอากาศ.หากเคยฝึกกสิณสองธาตุนี้มา
    และเรียกพลังงานทั้งสองธาตุนี้ได้จะเข้าใจที่เล่าให้ฟังครับ
    .เพราะต้องอาศัยการสังเกตุพอสมควรเนื่อง
    จากลักษณะการตั้งต้นหรือเอกลักษณะเฉพาะค่อนข้างคล้ายคลึงกันมาก
    ตลอดจนการทำหน้าที่ก็คล้ายๆกัน..และถ้าสังเกตุดูว่าบทที่ ๒ นี้จะสามารถ
    ทำให้เราน้อมนำธาตุขึ้นมาใช้งานได้เนื่องจากมีพาหนะ.

    ส่วนบทสุดท้ายเป็นบทตั้งธาตุ หนุนธาตุ เพื่อที่จะเชื่อมและเรียกธาตุนั้นๆขึ้นมาและ
    ปิดท้ายด้วยแก้วต่างๆ.เพื่อให้อยู่ขอบเขตและควบคุมการเรียกธาตุนั้นๆ.
    ป้องกันการแทรกแซงการสลับจำนวนธาตุที่จะทำให้ขาดสมดุล
    ของธาตุอื่นๆในขณะที่เราทำการฝึกครับ.ไม่งั้นจะส่งผลกระทบกับร่างกายเราได้
    หลักการที่เล่าให้ฟังนี้ถ้าเราอยากจะเข้าใจมากกว่านี้
    .ให้ลองนำบทภาวนาบทสุดท้าย.
    แล้วลองมาเขียนในตำแหน่งดาว ๕ แฉกดูครับ หรือถ้า ๔ ธาตุก็ให้ลองวางไว้ในแต่ละมุมดู.
    .ให้ลองลากเส้นเชื่อมดูตามบทคาถา
    แล้วจะพบว่าแต่ละบทแม้ว่าจะภาวนาต่างกัน
    .แต่ว่าลักษณะพลังงานตั้งต้นที่ขึ้นมา
    และลักษณะเฉพาะมันจะเป็นของธาตุนั้นๆนั่นเองครับ..

    ปล.ดูภาพแทนธาตุต่างๆในเนทดูเทียบได้จะเข้าใจครับ..
     
  19. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    สาธุ สำหรับผมคงจะนำไปใช้หลังจากที่จำบท กะระณียะเมตตาสูตร กับ พระคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าได้แล้ว ตอนนี้อยู่ในช่วงต่อสู้กับความขี้เกียจและกำลังพยายามหัดตนเองให้"เรียนวิชาอย่างแบบคนโง่" ตามที่หลวงพ่อปานสอนให้ได้ครับ :p
     
  20. Penty

    Penty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2014
    โพสต์:
    475
    ค่าพลัง:
    +1,580
    เอ่อ หนูขอถาม เรื่องไล่ผีต่อ แล้วกันนะคะ ตอนนี้ไหว้พระ นั่งสมาธิ มาเป็นเดือนและค่ะ มีสวดคาถาท้าวเวสสุวรรณ คาถาบูชาพญายม ที่เคยตั้งกระทู้ไปเลยสวดซะเลย แต่ที่สวด 2 คาถานี้เพิ่ม ไม่ได้เป็นเชิงไล่ผีนะคะ

    ที่สวดคาถาท้าวเวสสุวรรณ เพราะเคยนำท่านมาบูชาเฉยๆ เป็นปีแล้ว แต่ไม่เคยไหว้ท่านเลย ตอนนี้ก็เลยกลับสวดบูชาด้วยเลย เคยอ่านกระทู้เก่าบอกท่านจะคอยดูแลคนนั่งสมาธิทำกรรมฐานอะไรพวกนี้อ้ะค่ะ สวดพญายมก็ฝันเห็น เพื่อนๆพี่ๆเลยแนะนำให้สวด ก็อ้ะสวดก็ดี ชวนท่านมาร่วมอนุโมทนาบุญด้วย

    ก็ชอบนะคะ ที่จะแผ่เมตตา ส่วนบุญ ส่วนกุศลให้วิญญาณรอบๆตัวเรา ที่จริงไม่เห็นหรอกค่ะ แค่เคยมีประสบการณ์เล็กๆน้อยๆ อย่างนี้ ผู้สวดจะไปทำร้ายเค้าโดยไม่ได้เจตนามั้ยคะ กลัวเค้าจะน้อยใจเรา รึงอนไปเลย นี่เธอมาสวดไล่ชั้นหรอ อะไรประมาณนี้ ควรทำไงดีคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...