รวมธรรมะ "ฐานิยปูชา ๒๕๕๑ "

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ญ.ผู้หญิง, 28 กันยายน 2008.

  1. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    เรื่องที่ ๒๐...คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นสัจธรรม

    ชีวิตทุกชีิวิตขึ้นอยู่กับกฎของกรรม สิ่งใดที่พระพุทธเจ้าสอนว่ามันเป็นบาป พระองค์เคยทำบาปสิ่งนี้ตกนรกมาแล้ว สิ่งนี้เป็นบุญ พระองค์เคยทำบุญขึ้นสวรรค์มาแล้ว การบำเพ็ญตบะ บำเพ็ญฌานได้สำเร็จฌานสมาบัติ ตายแล้วไปเกิดเป็นพระพรหมในพรหมโลก พระองค์ก็เคยปฎิบัติมาก่อนแล้ว

    เรื่องปุพเพนิวาสานุสสติญาณ การระลึกชาติหนหลังได้ ทำให้พระองค์รู้สิ่งเหล่านี้ เพราะฉะนั้น คำสอนของพระองค์นี่ มันจึงเป็นสัจธรรม เพราะเป็นสิ่งที่พระองค์ได้ทดสอบมาแล้วด้วยตนเอง อย่างที่ท่านมาสอนให้เราบำเพ็ญเพียรภาวนาเพื่อให้บรรลุอริยมรรคอริยผล พระองค์ก็ได้ปฎิบัติสำเร็จมาก่อนแล้วจึงได้มาสอนเรา ไม่ใช่ลักษณะที่ว่า นอนหลับแล้วตื่นขึ้นมาเทศน์สอนให้คนฟัง ไม่ใช่! ล้วนแต่พระองค์เอาของจริงมาว่ากันทั้งนั้น
     
  2. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    เรื่องที่ ๒๑..."พุทธะ" คืออะไร

    พุทธะ ผู้รู้ คือผู้ไม่ดื้อ ไม่ใช่ว่าู้ผู้มีความรู้พิสดารกว้างขวาง อย่างไปเข้าใจผิด ผู้รู้ นี่คือผู้ไม่ดื้อ ไม่กล้าทำบาปทั้งในที่ลับและในที่แจ้ง เรียกว่า ผู้รู้

    กิริยาของการมีพุทธะในติตในใจ คือเรามีสติกำหนดรู้จิตของเราตลอดเวลา ก็เป็นพุทธะ ผู้รูู้้

    เมื่อจิตมีสติกำกับตลอดเวลา ก็เป็นพุทธะ ผู้ตื่น คือเตรียมพร้อมที่จะรับสถานการณ์ตลอดเวลา

    เมื่อเป็นเช่นนั้น จิตแช่มชื่นเบิกบาน ก็เป็นพุทธะ ผู้เบิกบาน
     
  3. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    เรื่องที่ ๒๒...ชาวพุทธต้องเข้าใจเรื่องสมาธิให้ถูกต้อง

    โดยปกติคนเราทุกคนมีสมาธิประจำตัวอยู่แล้ว แต่เราไม่รู้ว่าเรามีสมาธิ เพราะเราไปยึดมั่นถือมั่นว่า สมาธิต้องนั่งหลับตาอย่างเดียว

    คนที่ทำอะไรด้วยความมีสติรอบคอบ คนนั้นคือคนมีสมาธิและก็ได้ปฎิบัติสมาธิอยู่ตลอดเวลา

    นักเรียนนักศึกษาที่เขาเรียนหนังสือ ถ้าเขามีสติคอยกำหนดจดจ้องอยู่ เขาก็เรียนหนังสือด้วยความมีสมาธิ สมาธิแบบนักเรียนที่เขาปฎิบัตินี่ บางคนสามารถรู้ข้อสอบล่วงหน้า บางคนพออ่านคำถามจบ จิตมันว่างลง คำตอบมันผุดขึ้นมาโดยไม่ต้องใช้ความคิด

    หลวงพ่อจึงว่า ถ้าหากชาวพุทธในเมืืองไทยเรานี่รู้เคล็ดลับของการปฎิบัติสมาธิเกี่ยวกับเรื่องชีวิตประจำวัน สอนเด็กเล็กของเราให้มันฝึกสมาธิ ตั้งแต่มันเิกิดมาจนกระทั่งมันโต คนไทยที่เป็นชาวพุทธจะได้สมาธิ ได้สติปัญญา สนันสนุนกิจการที่เขาทำ เป็นเรื่องชีวิตประจำวัน

    ที่นี้ถ้าเราจะเอาดีกับสมาธิจริงๆ น่ะ ศีล ๕ ข้อ ปักหลักลงไปให้มันมั่นคง มันมีอยู่แค่นั้น

    หลวงพ่อหลวงพี่ทั้งหลายว่า ท่านว่าท่านมีศีลมากๆ ถ้าท่านมองข้ามศีล ๕ ข้อ ท่านก็ไม่มีทางสำเร็จพระนิพพาน

    เพราะศีล ๕ ข้อเป็นคุณธรรมปรับพื้นฐานความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์ ผู้มีศีล ๕ บริสุทธิ์ เป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ จะปลูกฝังคุณธรรมอื่นๆ ที่สูงไปกว่านี้ลงไป มันก็มั่นคงแน่นหนา
     
  4. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    เรื่องที่ ๒๓...สมาธิของแท้ต้องอย่างนี้

    ในปัจจุบันนี้ นักสมาธิในประเทศไทยเรานี่ องค์นี้เรียนมาแบบ "พุทโธ" องค์นี้เรียนมาแบบ "ยุบหนอ-พองหนอ" องค์นี้เรียนมาแบบ "สัมมาอรหัง" พอมาเจอกันเข้า เถียงกันหัวร้างข้างแตก เข้าใจเรื่องสมาธิไม่ตรงกัน แสดงว่ารู้แค่ตำรา แต่ทำสมาธิไม่เป็น

    สมาธิมีหนึ่งเดียว เป็นสัจธรรม หนึ่งไม่มีสอง ถ้าสมาธิธรรมชาิติมันเกิดขึ้นกับจิตท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นจะไม่มีสัญญาเจตนาที่จะควบคุมจิตให้เป็นไปแบบไหน นอกจากจิตจะปฎิวัติตัวไปเองโดยอัตโนมัติ

    ถ้าหากว่าไปบังคับจิตให้ไปหยุดนิ่ง แล้วยังไปประครองมันอยู่ แล้วก็นึกไปถึงโน่นนึกไปถึงนี่ อันนี้มันยังนึกได้อยู่ มันยังไม่ใช่สมาธิ เป็นแค่เพียงความสงบที่เราแต่งเอาได้เท่านั้น

    ถ้าสมาธิธรรมชาติมันเกิดขึ้นจริงๆ แล้ว ไม่มีใครไปบังคับมันได้ มันจะไปดูนรก มันไปของมันเอง จะไปดูสวรรค์ ไปมันเอง มันจะรู้จะเห็นอะไร มันเป็นเองโดยอัตโนมัติ

    คนที่ทำสมาธิเก่งที่สุดที่เรารู้กันในปัจจุบันนี้ ไม่ใช่คนไทย แต่คนๆ นั้นเขาจะนับถือศาสนาอะไร หลวงตาไม่รู้ คนที่สร้างจรวดไปลงดวงจันทร์ได้คนแรก นั่นแหละคือคนที่ทำสมาธิเก่งที่สุด แต่ถ้าหากว่าคนที่คำนวณระยะเวลากับความเร็วของจรวดตัวเล็กที่ไปลงดวงจันทร์แล้วย้อนกลับมาเกาะยานแม่ลงสู่โลก ถ้าหากว่าเขาเป็นคนละคน คนที่คำนวณระยะเวลากับความเร็วของจรวดตัวเล็กนั่นเก่งที่สุด ถ้าหมอนี่คำนวณผิดเพียงเสี้ยววินาที จรวดตัวเล็กจะเกาะยานแม่ไม่อยู่ จะไม่มีโอกาสกลับมาสู่โลกมนุษย์

    นี่พวกเรายังมาเถียงกัน พุทโธ สัมมาอรหัง ยุบหนอ-พองหนออยู่นี่ มันแก้ปัญหาไม่ตก แก้ปัญหาจิตตัวเองก็ไม่ตก แก้ปัญญาสังคมก็ไม่ตก หนักๆ เข้า พุทธบริษัทหันไปนับถือภูิติผีปีศาจ พระไม่มีปัญญาแก้ หนักๆ เข้า พระไปเป็นคนทรงวิญญานเสียเองด้วย

    เพราะอะไร

    เพราะทำสมาธิไม่เป็น
     
  5. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    เรื่องที่ ๒๔...มือใหม่หัดสมาธิ

    สมาธิเป็นกิริยาของจิต เมื่อเรากำหนดจิต สติรู้จิต จะบริกรรมภาวนาอะไรก็ไ้ด้ เราจะยืน เดิน นั่ง นอน ได้ชื่อว่าปฎิบัติสมาธิทั้งนั้น

    ถ้านั่งขัดสมาธิมันลำบาก เก้าอื้นวมตัวใดที่มันสบายๆ นั่งเลย

    ไม่ต้องไปกำหนดจิตไว้ตรงไหน เอาสติตัวเดียวรู้จิตเอาไว้เฉยๆ มันจะอยู่ที่ไหนก็ช่างมัน สติกับจิตนี่พยายามอย่าให้มันพรากจากกัน

    ที่กำหนดสติ เอาจิตไว้ตรงนั้น เอาจิตไว้ตรงนี้ อันนี้เป็นสมาธิแบบบำเพ็ญฌานสมาบัติ แต่ก็เป็นอุบายปฎิบัติเหมือนกัน ถ้าหากใครคล่องตัวในการปฎิบัติอย่างนั้น ก็เอามาใช้ก็ได้

    พระพุทธเจ้าท่านก็อาศัยธรรมชาติ ลมหายใจเป็นธรรมชาติของกาย พระองค์ก็กำหนดสติรู้ลมหายใจ ช่วงใดที่จิตของพระองค์อยู่กับลมหายใจ พระองค์ก็ปล่อยให้อยู่ ถ้ามันว่าง พระองค์ปล่อยให้ว่าง ถ้าจิตคิด พระองค์ปล่อยให้คิด เพราะความคิดเป็นธรรมชาติของจิต เพียงแต่มีสติประคับประครองรู้จิตของเราอยู่ตลอดเวลา

    สมาธินี่เป็นหลักธรรมกลางๆ ไม่ได้สังกัดในลัทธิและศาสนาใดๆ ทั้งสิ้น หลวงพ่อเทศน์ในค่ายทหาร พอเทศน์จบ จ่าแก่ๆ คนหนึ่งพูดว่า

    "ผมก็อยากปฎิบัติสมาธิ แต่มันแบกปืนไม่ลงบ่า"

    "อ้าว! คุณแบกปืนอยู่ คุณอยากปฎิบัติสมาธิ มันจะไปยากอะไร ขณะที่คุณแบกปืนอยู่ คุณก็กำหนดซิ กำหนดจิตของคุณ ถอดชิ้นส่วนของปืนออกมาทีละชิ้นๆ พอถอดออกมาหมดแล้วกำหนดจิตทำความสะอาดมันเสียด้วย พอทำความสะอาดเสร็จแล้ว ก็กำหนดจิตประกอบให้มันเป็นรังปีนตามเดิม พอประกอบเสร็จ คุณก็กำหนดจิตว่า จะบรรจุกระสุนมันอย่างไร จะเล็งศูนย์มันอย่างไรมันจึงจะยิงแม่น มันก็เป็นอารมณ์สมาธิทั้งนั้น"

    เพราะฉะนั้น หลวงพ่อพูดถึงวิธีปฎิบัตินี่ พูดขึ้นมาทีไรแล้วชาวบ้านเขาหัวเราะ

    การทำ การพูด การคิด ถ้าเรามีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา นั่นแหละคือการปฎิบัติสมาธิ
     
  6. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    เรื่องที่ ๒๕...ภาวนาได้ทุกเวลาทุกโอกาส

    สำหรับผู้ที่เป็นฆราวาส ถ้ามุ่งหมายที่จะปฎิบัติธรรมเอาดีกับพระพุทธเจ้า ก็ยึดศีล ๕ เป็นหลักในการปฎิบัติ

    การปฎิบัติสมาธิ ฝึกสติ หรือจะบริกรรมภาวนา พิจารณาอะไรก็ได้ อารมณ์ที่เราจะเอามาพิจารณาเป็นอารมณ์ในการปฎิบัติเรื่องชีวิตประจำวัน วิชาความรู้ งานการที่เรารับผิดชอบ จะเป็นอะไรก็ได้ เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเป็นสภาวธรรม เป็นอารมณ์สิ่งรู้ของจิต สิ่งระลึกของสติ

    พระพุทธเจ้าปฎิบัติสมาธิ ท่านเอาธรรมชาติของกาย ของจิต เป็นอารมณ์

    ธรรมชาติของกาย คือลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ท่านกำหนดสติรู้ลมหายใจจนกระทั่งจิตเป็นสมาธิ ถ้าช่วงใดที่จิตอยู่กับลมหายใจ ท่านก็ปล่อยให้มันอยู่ไป พระองค์ก็ปล่อยให้คิด พระองค์กำหนดสติตามรู้อยู่ที่ ลมหายใจ ความคิด ความว่าง วนเวียนอยู่ใน ๓ จังหวะนี้

    ธรรมชาติของจิต ถ้ามีสิ่งรู้ สติมีสิ่งระลึก เขาจะเพิ่มพลังงานมากขึ้นทุกที แม้แต่ ยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน ดื่ม ทำ พูด คิด เราฝึกสติกำหนดรู้อยู่ตลอดเวลา ก็เป็นการปฎิบัติสมาธิ

    เวลาเรานั่งเขียนหนังสือ มีสติรู้อยู่ที่การเขียน

    เวลาพูด มีสติรู้อยู่กับการพูด

    เวลาคิด มีสติรู้อยู่กับการคิด

    เป็นการปฎิบัติกรรมฐานทั้งนั้น

    เพราะฉะนั้น อย่าไปสงสัยข้องใจในอารมณ์ที่พระท่านสอนกัน พุทโธ สัมมาอรหัง ดีไหม ยุบหนอ-พองหนอ ดีไหม อย่าไปสนใจ ถ้าจะถามอย่างนี้ ก็ตอบว่า ดีทุกอย่าง ความดีหรือไม่ดีอยู่ที่เราจะเอาจริงหรือไม่จริงเท่านั้นเอง นี่ปัญหาอยู่ที่ตรงนี้
     
  7. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    เรื่องที่ ๒๖...อยากปฎิบัติกรรมฐาน ไม่ต้องหนีเรียนเข้าวัด

    ไปเจอเด็กผู้ชายอยู่ที่แปดริ้ว ไปพบกับพระกรรมฐาน เกิดเลื่อมใส หนีไป ๒ ปี ไปอย่างไม่ส่งข่าวให้พ่อแม่รู้เลย จนกระทั่งภายหลังพ่อแม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ก็ไปตามเอากลับคืนมา มาก็มาบอกว่า

    "ไม่รู้จะเรียนไปทำไม เดี๋ยวก็ตาย" นี่! เขาว่าอย่างนี้
    "อยากไปปฎิบัติกรรมฐาน"

    พ่อแม่ขอร้องให้กลับไปเรียนอีกแกก็ไม่ยอม ลงผลสุดท้ายต้องมาหาหลวงพ่อ

    หลวงพ่อแนะวิธีทำสมาธิในห้องเรียนให้
    "หลวงตาขอร้องให้เธอไปเรียน ขอเวลาเดือนเดียว แต่ต้องปฎิบัติตามแนวที่หลวงตาแนะนำนี่อย่างเคร่งครัด"

    เสร็จแล้วเขาก็ยอม

    พอไปเรียนได้เดือนหนึ่ง กลับมารายงานตัว
    "ถ้าผมรู้แต่ทีแรกว่าเรียนหนังสือก็ปฎิบัติสมาธิได้ ผมไม่ไปแล้ว ผมปฎิบัติตามคำแนะนำของหลวงตานี่ มันได้ผลดีกว่าไปวิ่งตามพระเสียอีก เรียนหนังสือก็ดี เวลาไปสอบ พออ่านคำถามจบไม่ต้องไปคิด คำตอบมันโผล่ขึ้นมาเอง แล้วก็ถูกต้องด้วย ถ้ารู้อย่างนี้ผมไม่ไปเสียแต่แรกแล้ว"

    หลานๆ กำลังเรียน ลองไปปฎิบัติดู เวลาอาจารย์มาสอน มองจ้องอาจารย์ ส่งจิตไปรวมไว้ที่ตัวอาจารย์ อย่าให้สายตาและจิตไปอื่น เอาแค่นี้ ไม่เห็นจะยากอะไร

    มันมีกฎธรรมชาติอยู่ว่า อาจารย์สอนเรา ท่านรวมกำลังจิตและวิชาความรู้จะถ่ายทอดให้เรา ถ้าเราเอาใจใส่จดจ้อง เราก็ได้รับการถ่ายทอดพลังจิตและวิชาความรู้จากอาจารย์อย่างตรงไปตรงมา

    อันนี้คือกฎของธรรมชาติ

    เรื่องนี้ แม้แต่พระเจ้าพระสงฆ์ท่านก็ไม่ยอมรับ พระเรียนจบดอกเตอร์จากประเทศอินเดียมา ได้ยินเข้าส่ายหัว ถามว่าเป็นไปได้หรือ

    ทุกคนที่เรียนปริญญาจบมาแล้ว ได้ปฎิบัติสมาธิมาแล้วจริงๆ อย่างเช่นเวลาเราวิจัยวิชาความรู้ของเรานี่ คิดวกไปเวียนมาๆ ประเดี๋ยวจิตว่างลง ความรู้ที่เราต้องการรู้มันโผล่ขึ้นมา นั่นคือสมาธิปัญญา

    ถ้าใครเข้าใจอย่างนี้แล้วยอมรับ ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งสมาธิกับหลวงพ่อหลวงพี่ที่วัด ทำมันอยู่กับงานนั่นแหละ การทำ การพูด การคิด เอาสติตัวเดียว เวลานอนลงไป จิตมันคิด ปล่อยให้มันคิดไป เอาสติกำหนดตามรู้ไปจนกว่าจะนอนหลับ ปฎิบัติต่อเนื่องไปอย่างนี้ ได้สมาธิแน่นอน

    ถ้าอยากจะให้สมาธิมันดีขึ้น เป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์สะอาด กาย วาจา และใจ ศีล ๕ ข้อเท่านั้นเป็นหลัก อย่าไปกังวลสิ่งอื่น
     
  8. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    เรื่องที่ ๒๗...อย่าเถียงกันเรื่องสมาธิ

    ในคัมภีร์นี่ท่านกล่าวหลักฐานอ้างเอาไว้หมด ซึ่งมาพิจารณาดูแล้วนักปฎิบัติในปัจจุบันไม่น่าจะเถียงกัน

    ช่างทอหูก ฝึกสติ ทอหูกเสร็จได้สำเร็จอรหันต์

    ช่างปั้นหม้อ ฝึกสติไปกับการปั้นหม้อ ปั้นหม้อเสร็จได้สำเร็จอรหันต์

    ช่างถากไม้ พอถากไม้เสร็จ ได้สำเร็จอรหันต์

    มันก็มีตัวอย่างอยู่ถมเถไป

    ที่นี้หลวงพ่อหลวงพี่สมัยนี้มาเถียงกัน พุทโธ สัมมาอรหัง ยุบหนอ-พองหนอ อยู่นี่ มันไม่ไปถึงไหนหรอก หลวงพ่อจึงกล้ากล่าวได้ว่า ถ้าหากว่านักสมาธิคนใดยังไปตำหนิโจมตีลัทธิของคนอื่นแสดงว่าภาวนาไม่เป็น

    โดยหลักธรรมชาติของการปฎิบัติสมาธิ คือ ทำจิตให้มีสิ่งรู้ สติมีสิ่งรำลึก จะเป็นอะไรก็ได้ เราไปทำมาค้าขาย เรามีสติ ไปสอนเด็ก เรามีสติ

    เคยสังเกตุไหม เวลาเราไปพูด เริ่มต้นพูดทีแรก ทีแรกเราใช้ความคิดใช่ไหมล่ะ บางทีเราก็อาจจะชะลอเวลาด้วยการครางออกมา "ท่านผู้มีเีกียรติทั้งหลาย... เอ่อ... ข้าพเจ้าจะ... เอ่อ... ปาฐกาถาเรื่อง... เอ่อ..." อันนี้คือชะลอเวลาใช้ความคิด ที่นี้พอสำรวมจิตพูดไปๆๆๆ สมาธิมันเกิด หลังจากนั้นไม่มี "เอ่อ" แล้ว พอพูดจบประโยคนี้ปั๊บ ประโยคใหม่มันขึ้นมาแทน นั่นคือสมาธิ แล้วมันเป็นสมาธิปัญญาด้วย
     
  9. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    เรื่องที่ ๒๘...สมาธิคลายเครียด

    ...จะนั่งขัดสมาธิก็ได้ นั่งเก้าอี้ก็ได้ พอเตรียมตัวนั่งเสร็จเรียบร้อย พยายามสูดลมหายใจช้าๆ เบาๆ จนหมดแรง กลั้นไว้นิดหนึ่ง แล้วก็ปล่อยช้าๆ เบาๆ จนหมดแรง สูดลมเข้า ปล่อยลมออก นับเป็น ๑ ครั้ง ทำสัก ๕ ครั้ง

    เมื่อครบ ๕ ครั้ง มากำหนดสติรู้ลมหายใจเฉย อย่าไปบังคับลม อย่าไปบังคับจิต เพียงแต่ประคองให้มันรู้ลมหายใจอยู่เท่านั้น พยายามทำครั้งละ ๕ นาที ๑๐ นาที อาการปวดศรีษะมันจะลดลงหรือหายไปเลย

    อันนี้เป็นวิธีปฎิบัติสมาธิเพื่อรักษาความตึงเครียด เพื่อคลายความเครียด

    ...อันนี้เคยแนะนำให้ข้าราชการผู้หลักผู้ใหญ่ที่ท่านปวดศรีษะมาเป็นสิบปี ให้ไปทำ ๒-๓ วันก็หาย ขอให้ท่านทั้งหลายลองจำเป็นไปปฎิบัติ เวลามันเกิดความตึงเครียดมาก็หาที่นั่งให้มันสบาย แล้วก็ทำ ทำทีละ ๕ นาที ๑๐ นาที วันหนึ่งทำหลายๆ ครั้ง ว่างเมื่อไรก็ทำได้เมื่อนั้น
     
  10. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    เรื่องที่ ๒๙...สมาธิบำบัด

    ในตัวของเรานี่ โดยธรรมชาติมันมีธาตุ ๖ มี ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ อากาศธาตุ วิญญานธาตุ

    วิญญานธาตุ เป็นใหญ่กว่าธาตุทั้งปวง วิญญานธาตุก็หมายถึงวิญญานของเราเองนั่นแหละ วิญญานนี้ บางทีเราก็เรียกว่า จิต บางทีเราเรียกว่า วิญญาน

    โดยปกติแล้ว จิตวิญญานนี้มันจะวิ่งส่ายแส่อยู่ในกาย อยู่ในดิน ในน้ำ ในลม ในไฟ ในอากาศ แต่ถ้ามันวิ่งออกไปข้างนอก มันก็ไปไขว่คว้าหาอารมณ์ภายนอก มันยังไม่รวมจุด ถ้าเราสามารถทำให้มันรวมจุดลงได้ในจุดใดจุดหนึ่ง เช่น มันมารวมจุดอยู่ที่ลมหายใจหรือไปรวมจุดอยู่ในกาย คือ อาการ ๓๒ จุดใดจุดหนึ่ง เช่น ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น อย่างแน่วแน่ ถ้ามันไปหยุดอยู่ที่ตรงนั้นอย่างแน่วแน่มั่นคงไม่หวั่นไหว มันสามารถที่จะดึงดูดพลังรอบข้างเข้ามารวมจุดนั้น ซึ่งคนสมัยใหม่เขาเรียกว่า พลังจักรวาล

    ตามธรรมชาติของสิ่งที่มีอยู่ในจักรวาลนี้ ในดวงอาทิตย์ก็มีสนามแม่เหล็ก ในดวงจันทร์ก็มีสนามแม่เหล็ก ในดวงดาวก็มีสนามแม่เหล็ก ในตัวของเรานี่ก็มีธาตุเหล็ก ที่นี้ สนามแม่เหล็กหรือธาตุเหล็กก็ดี มันมีความสัมพันธ์กันด้วยกระแสไฟฟ้า เมื่อเรารวมจิตให้ไปแน่วแน่อยู่ในจุดใดจุดหนึ่ง พลังมันจะมารวมอยู่ที่ตรงนั้น พลังตัวนั้นก็คือ กระแสไฟฟ้า นั่นเอง

    เมื่อเป็นเช่นนั้น เราสามารถที่จะน้อมเอาพลังมารักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ เราสามารถน้อมเอาพลังอันนั้นไปสนับสนุนธุรกิจการงานที่ีเ่รารับผิดชอบอยู่ได้

    อันนี้คือจุดกำเนิดของพลัง นักเผยแพร่สมัยใหม่เขาเรียกว่า พลังจักรวาล

    คำว่า พลัง นี่ คนโบราณเราใช้กันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว เช่นอย่างพลังวิชาอาคม แล้วก็พลังของสมาธิ หรือพลังจิต

    จิตของคนเรา ถ้าหากว่ามันไปยึดมั่นแน่วแน่อยู่ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างมั่นคง มันก็จะเกิดพลังงานขึ้นมาอย่างที่กล่าวแล้ว เพราะฉะนั้น เมื่อเราสามารถทำจิตให้หยุดนิ่งในจุดใดจุดหนึ่งได้ ในช่วงนั้นเราสามารถที่จะน้องพลังของจิตไปใช้ประโยชน์ได้นานัปการ แล้วแต่ความฉลาดของท่านผู้ใดจะน้อมนำเอาไปใช้ได้

    อันนี้คือวิธีการสร้างพลังจิตเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บ มันเป็นสายตรง ซึ่งเป็นแนวทางที่ให้เราอบรมจิตของเราให้เป็นใหญ่ ให้เป็นอิสระ ไม่ตกอยูุ่่ในอำนาจของสิ่งใด
     
  11. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    เรื่องที่ ๓๐...อย่างไรถึงจะเรียกว่า ภาวนาได้ผล

    เราจะกำหนดเอาอะไรที่ว่ามันได้ผลเกิดจากการปฎิบัติ

    เช่นอย่างสมมติว่า พระภาวนาเก่งๆ แต่พอเห็นเลขหวยเบอร์ ก็วิ่งไปซื้อหวย อันนี้ก็แสดงว่าภาวนาแล้วไม่ได้ผล เพราะยังไปทำผิดวินัยอยู่

    ที่นี้ของเราฆราวาสนี่ เราก็เอาศีล ๕ เป็นหลัก สิ่งที่มันผิดศีล ๕ นี่ เราภาวนาเก่งแล้ว เรายังอยากจะละเมิดมันอยู่หรือเปล่า ถ้าหากว่าความรู้สึกมันไม่มีความที่อยากละเมิดล่วงเกิน แสดงว่า มันได้ผล
     
  12. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    เรื่องที่ ๓๑...มิจฉาสมาธิ พาไปหาบาปหากรรม

    การสร้างพลังจิตหรือสมาธิเป็นหลักธรรมกลางๆ ไม่ได้สังกัดในลัทธิและศาสนาใดทั้งสิ้น ศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม หรือคนไม่มีศาสนา ปฎิบัติสมาธิได้ทั้งนั้น แต่สมาธิอันใดที่ไม่มีศีลเป็นประกันความปลอดภัย สมาธิอันนั้นไม่เป็นไปเพื่อความพ้นบาปพ้นกรรม

    เช่นอย่างพระที่เรียนวิชาอาคมในทางเรียกเจตภูต หรือเรียกวิญญานคนได้ เขาถามชื่อเราแล้วเอาชื่อเราไปเขียนลงในกระดาษเอาไปควั่นเป็นไส้เทียน แล้วก็มานั่งบริกรรมภาวนา พอได้ที่แล้วคนที่ถูกเขียนชื่อลงนั่นจะรู้สึกตัวว่า ใครทำอะไร ที่ไหน พอตื่นเช้าจะรีบวิ่งไปหาเขาทันที

    อันนี้ สมาธิแบบนี้เรียกว่า สมาธิประเภทมิจฉาสมาธิ

    ที่นี้พระที่มีฤทธิ์ทางใจ ใช้อำนาจใจหรืออำนาจจิตนี่ไปบังคับใคร ให้มาเคารพนับถือเรา แล้วก็ให้เอาโภคทรัพย์สมบัติมาบำรุงบำเรอเรา ช่วยเราสร้างวัดสร้างวา โดยถูกวิชาอาคมนั้นบังคับ พระองค์ใดไปทำเช่นนั้น มีค่าเท่ากับมหาโจรไปจี้ปล้น เพราะว่าคนที่นอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็น ไม่รู้เนื้อรู้ตัว เอ้า! อยู่ๆ ก็มาถูกบังคับจิตให้เอาเิงินไปให้เขา มันก็มีค่าเท่ากันกับจี้ปล้น

    ประเภททั้งหลายเหล่านี้ มันเป็นประเภทมิจฉาสมาธิ


     
  13. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    เรื่องที่ ๓๒...สัมมาสมาธินำไปสู่การรู้ธรรมเห็นธรรม

    สัมมาสมาธิของพระพุทธเจ้า การปฎิบัติเพื่อมุ่งให้จิตสงบเป็นสมาธิ มีสติปัญญารู้ธรรมเห็นธรรมตามความเป็นจริง ตามแนวคำสอนของพระพุทธเจ้า

    การรู้ธรรมเห็นธรรมนี่ รู้เห็นอย่างไร

    การรู้ธรรมเห็นธรรมนี่ เราจะสังเกตได้ง่ายๆ เช่นอย่างสมมติว่าจิตของเรามันนึกถึงสิ่งที่เราเคยทำผิด ทำความเดือดร้อนให้แก่ใครต่อใครมา พอมานึกถึง แล้วก็ใด้ความรู้สึกขึ้นมาว่า สิ่งนี้มันไม่ดี เราเคยทำแล้ว ต่อมาเราไม่ควรทำอีก

    อันนี้คือลักษณะการรู้ธรรมเห็นธรรม คือรู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้นมันผิด เมื่อมันผิด จิตก็ยอมรับ พอยอมรับ จิตก็สอนตัวเองว่า เราไม่ควรทำซ้ำอีก

    แต่การรู้ธรรมเห็นธรรมในระดับอริยมรรคอริยผล ท่านว่ารู้เห็น อริยสัจ ๔ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค รู้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา รู้ว่าสรีรยนต์สกนธ์กายของเรานี่เป็นของปฎิกูลน่าเกลียด รู้แต่ว่าเราจะต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย จิตมันยอมรับ อันนี้ก็รู้ธรรมเห็นธรรม

    เพราะฉะนั้น ที่แน่ๆ ที่สุดที่ควรจะสังเกตุที่คือ เมื่อจิตมันปรุงแต่งไป มันนึกถึงสิ่งที่เคยทำผิดต่อพ่อต่อแม่ ต่อครูบาอาจารย์ ต่อบ้านต่อเมือง แล้วมันสำนึกได้ว่ามันเป็นความผิด มันยอมรับแล้วมันก็เตือนตัวเองว่า ต่อไปท่านไม่ควรทำอย่างนี้

    ยกตัวอย่างเช่น นายตำรวจท่านหนึ่งไปบวชกับหลวงพ่อที่วัดป่าแสนสำราญ อำเภอวารินฯ จังหวัดอุบลฯ ที่วัดนั้นถือหลักการปฎิบัติสมาธิเหมือนกับของเรานี่แหละ พอแกบวชมาแล้ว ก็พาแกนั่งสมาธิ พอจิตสงบได้สมาธิแล้ว แกก็ได้ความรู้สึกขึ้นมาว่า เมื่อก่อนนี้เราคิดแต่จะฉ้อจะโกง ช่องโหว่ที่จะทำให้เราฉ้อโกงรีดไถได้มันมีถมเถไป พอเรามาปฎิบัติสมาธิแล้วความรู้สึกอยากจะทำเช่นนั้นมันไม่มี อันนี้ก็เพราะจิตมันรู้จริงว่าสิ่งที่ทำมาแล้วมันผิด แล้วมันก็ยอมรับความจริง เมื่อมันยอมรับความจริงแล้ว มันก็ไม่ประพฤติชั่วเช่นนั้นอีก

    อันนี้คือลักษณะของการรู้ธรรมเห็นธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...