รวมเรื่องจริงอิงนิทานของ หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุงค่ะ..

คุยกับหม่อมกร
9 ชั่วโมงที่แล้ว
ขออภัยที่หายไปพบชาวบ้านในพื้นที่ขุดเจาะหลายวัน พบการหลอกลวงชาวบ้านมากมาย เพื่อการเข้ายึดครองทรัพยากรของชาติ ซึ่งผมจะเล่าวันหลังนนะครับ

วันนี้ได้ดูฟัง รมต.พลังงาน+กระทรวงพลังงาน+ปตท เล่านิยายพลังงานใน Asia Update ดูถูกแผ่นดินไทยว่าพลังงานมีน้อยนิด(แต่อยากให้สัมปทานมาก) ฟังแล้วก็เหนื่อยใจว่าเราจะหาความจริงได้จากไหนถ้าคนที่มีคุณวุฒิเช่นนี้ ยังไม่พูดความจริงทั้งหมด

ประเด็นสำคัญวันนี้ ที่ผมอยากเล่าให้ฟังคือ มีคนถามว่าทำไมน้ำมันมาเลเซียและอินโดนีเซียถูกกว่าไทย คุณมนูญตอบว่าก็เขาใช้เงินอุดหนุนราคาพลังงาน....ความจริงคืออะไรลองอ่านดูครับ

ผมขอขยายความดังนี้ มาเลเซีย+อินโดเซีย ปัจจุบันเขาไม่ได้ให้สัมปทานขุดน้ำมันอย่างบ้านเราทำครับ เขาจะทำเหมือนเป็นเจ้าของสวนผลไม้ คือจ้างคนมาช่วยเก็บ ผลไม้ทั้งหมดจึงเป็นเจ้าของสวน แล้วแบ่งผลไม้เล็กๆน้อยๆประมาณ 14%เป็นค่าที่มาช่วยเก็บ ผลประโยชน์จึงเข้าประเทศเต็มๆ หากคนเก็บตกต้นไม่ก็ต้องรับความเสี่ยงเอง เจ้าของสวนไม่เกี่ยว

กรณีการขุดน้ำมันก็เหมือนกัน ผู้มาขุดเจาะได้สิทธิแค่ขุดและนำขึ้นมาและจะต้องรับความเสี่ยงเองหากไม่เจอน้ำมัน แต่เมื่อเจอน้ำมันแล้ว น้ำมันทั้งหมดยังเป็นของรัฐอยู่100% เอกชนจะได้น้ำมันเมื่อรัฐแบ่งให้ อุปกรณ์ทั้งหมดจะเป็นของรัฐตั้งแต่วันเริ่มผลิต แต่รัฐจะจ่ายเป็นน้ำมันคืนให้เป็นรายปีเรียกว่า Cost Oil (ต้นทุนการขุดเจาะเท่านั้น จะเอารถเบนซ์ของผู้บริหารบริษัทน้ำมันมาหักเป็นต้นทุนแบบประเทศไทยไม่ได้นะครับ)

สรุปว่ารัฐจะได้น้ำมันทั้งหมด หัก Cost Oil และส่วนที่เหลือจะเรียกว่า Profit oil รัฐจะเก็บไว้ 86% เหลือให้เอกชน 14% เท่านั้น

ส่วน Profit oil ของเอกชน ประเทศอินโดนีเซียยังบังคับให้เอกชนขายกลับมาในราคาเพียง ¼ ของราคาตลาดโลกด้วย เรียกว่า Domestic Market Obligation เพื่อใช้ในประเทศให้พอเพียงเสียก่อน(ต่างกับไทยอีกที่ใช้ไม่พอแต่ส่งออกเสรี)

สรุปว่าทั้งอาเซี่ยน รัฐในฐานะเจ้าของทรัพยากรจะได้มากกว่าเอกชนประมาณ 4-5เท่า ทั้งนี้ หากเอกชนต้องการน้ำมันดิบไปส่งออก ก็ต้องมาซื้อจากรัฐไปในราคาตลาดโลก ระบบอย่างนี้ยิ่งขุดประเทศยิ่งรวย

ส่วนสัมประทานประเทศไทย เหมือนกับการยกสวนผลไม้ที่ปู่ย่าตายายปลูกไว้ให้เขาไปเฉยๆเลย ผลไม้ทั้งหมดทั้งที่เก็บแล้วและยังไม่เก็บเป็นของผู้มาเอาสวนของเราไป เมื่อเขาเอาผลไม่ไปขาย เขาก็เอาเศษสตางค์มาแบ่งให้เราเรียกว่าค่าภาคหลวงและภาษี โดยไม่มีส่วนแบ่งกำไรทั้งที่เป็นเจ้าของสวน!! เมื่อลูกเจ้าของสวนหิวก็ต้องไปซื้อผลไม้เขากินราคาตลาดโลก แบบนี้ไม่มีที่ไหนนอกจากประเทศไทย

สรุปว่า เราทำตรงข้ามกับอาเซี่ยนปฏิบัติอย่างสิ้นเชิง สรุปว่าเรามีทรัพยากรน้ำมันดิบก็เหมือนไม่มี และที่ขำไม่ออกก็คือ หากคนไทยต้องการน้ำมันดิบของเราเอง ก็ต้องไปซื้อจากผู้ขุดเจาะในราคาตลาดโลก!!! คงมีแค่ประเทศไทยและบางประเทศในอัฟริกาที่เป็นแบบนี้ครับ

สรุปอีกครั้งเรื่องความเป็นเจ้าของในทรัพยากรปิโตรเลียม ของอินโดและมาเลย์ ก่อนขุดและหลังขุด รัฐเป็นเจ้าของทรัพยากร 100%แล้วค่อยแบ่งให้เอกชนส่วนน้อยเป็นค่าขุดเจาะ

ส่วนของไทยก่อนขุดรัฐเป็นเจ้าของทรัพยากร 100% หลังขุดเอกชนเป็นเจ้าของทรัพยากร 100% แล้วค่อยแบ่งให่รัฐส่วนน้อย นี่คือเหตุผลว่าทำไมยิ่งพบน้ำมันมากขึ้น คนไทยยิ่งจนลง

แล้วน้ำมันอินโดและมาเลย์ ถูกได้อย่างไร ขอตอบว่า เมื่อเขาได้น้ำมันดิบมาฟรีจากแหล่งในประเทศ เขาจะขายต่ำกว่าราคาตลาดโลกก็ไม่แปลกอะไร หากขายถูกเงินก็เข้าหลวงน้อยหน่อย หากขายราคาตลาดโลกเงินก็เข้าหลวงมาก ดังนั้นคำว่าอุดหนุนที่คุณมนูญพยายามให้คนไทยเข้าใจผิดก็คือการควักเงินภาษีมาอุดหนุน แต่ในความเป็นจริงเขาเอาทรัพยากรของประชาชนมามาให้ประชาชนใช้ในราคาที่เขาเห็นสมควร หรืออาจนำเงินจากการเอาน้ำมันดิบของรัฐไปขายได้เงินทำรัฐสวัสดิการอื่นๆได้อีกมากมาย

หลังจากผมได้อ่านเอกสารของอินโดนีเซียหลายชิ้นก็ต้องเข่าอ่อน เพราะระบบนี้เขาใช้มา 50ปีแล้วและมีการแก้ไขให้ทันสมัยจนเป็นแบบอย่างให้ทั่วโลกใช้อยู่ในปัจจุบัน ผมเห็นว่าคนไทยถูกปล้นทรัพยากรแน่นอนแล้วครับ ช่วยกันแชร์จนกว่าท่านอธิบดีจะได้อ่านนะครับ เผื่อท่านจะเปลี่ยนใจมาช่วยประชาชนเพราะผมอยากเจอท่านบนสวรรค์มากกว่าครับ ที่มา
http://www.facebook.com/pages/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3/605419889485777?fref=ts
อยากให้ทุกท่านติดตามลิ๊งค์ที่ให้มานี้ไปเรื่อยๆจริงๆ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวม เพื่อประโยชน์ของประชาชนคนไทยทุกคน

 

"ถ้าคนมีกำลังใจเป็นพาล คือ ความโง่ ชอบเห็นคนอื่นดีกว่าพวกของตน และขนของออก

ไปเป็นส่วนของตนมาก เมืองของตนรวยไม่ชอบ ชอบไปให้เมืองชาวบ้านอื่นเขารวย ขน

ทรัพย์ขนสินไปให้ชาวบ้านอื่นเขารวย ถ้ายังมีน้ำใจอยู่อย่างนี้ละ ของที่มีค่า มีราคาดี มันก็

ยังปรากฏน้อย ถ้าคนทุกคนในเขตนี้ ที่เรียกกันว่า คนไทย มีใจรักชาติ มีความซื่อสัตย์สุจริต

หวังความเจริญของบ้านเมือง ต้องการให้บ้านเมือง เจริญจริงๆ ทรัพยากรจะได้มากยิ่งกว่า

นี้" ไอ้ที่เขาว่ายังไม่ขึ้นมาๆ นี่ ไม่ใช่เทวดากันไว้ ไม่ใช่ผีกันไว้ ไม่ใช่อย่างงั้น มันเป็นไอ้

มนุษย์ ที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นแหละที่กันอยู่"

สัจจังเว อมตะ วาจา วาจาที่พูดตามความเป็นจริงเป็นวาจาที่ไม่ตาย สัจจะวาจาขององค์หลวงพ่อของเรา ผ่านไปร่วม 40 ปีแล้ว แต่ยังมีผลอยู่จนทุกวันนี้ ขอให้เราเฝ้าติดตามชมบาระมีของครูบาอาจารย์ของเราว่าท่านเป็นพระปฏิสัมภิทาญาณ ที่มีความรู้ยิ่ง สิ่งที่ท่านนำมาบอกมาสอนเราเป็นความจริงทั้งหมด ทนต่อการพิสูจน์ คำขององค์หลวงพ่อของเราจะปรากฏให้สาธารณะชนส่วนใหญ่ได้ประจักษ์ชัดแจ้งว่า สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ปฏิบัติตามได้จริง ย่อมให้ผลอันประเสริฐจริง เรื่องทรัพยากรณ์ ที่ท่านเล่าให้ฟังนี่แหละ จะเห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดที่สุด สามารถจับต้องได้ แต่ก็อย่าลืม เหตุที่องค์หลวงพ่อท่านพูดเรื่องนี้ให้ฟังด้วยว่า


"เรื่องที่ฉันพูดให้ฟังนี้ก็เพื่อจะให้เป็น กำลังใจ กับคนที่มีความคิดปรารถนา ต้องการให้

ประเทศชาติร่มเย็น เป็นสุข อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สินแล้วเด็ก ๆ รุ่นลูก ๆ หลาน ๆ ของคน

พวกนี้โตขึ้น มีอำนาจวาสนา เมื่อไรจะเห็นว่า ตอนนั้นแหละ ประเทศไทย เต็มไปด้วยความ

รุ่งเรือง เพราะว่าอะไร เพราะว่า คนไทยเดิมมาเกิดมาก และที่คนไทยเดิมมาเกิดมาก ก็

เพราะว่า ถึงกาลสมัยที่คนไทย ต้องทำให้ประเทศไทย เป็นแหลมทองตามเดิม คำว่า

"ทอง" หมายถึง ดี มีค่าสูง ฉันไม่ได้คิดว่าประเทศไทยจะรวยด้วยทองคำ แต่สิ่งเหล่านี้จะ

ปรากฏขึ้นภายหลัง หลังจากที่ได้น้ำมันแล้ว"

 

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=651576138203485&set=a.608891892471910.1073741828.605419889485777&type=1&theater
คุยกับหม่อมกร
53 นาทีที่แล้ว
ทำไมข้าราชการระดับสูงกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติที่ได้รับเกียรติ ได้รับเครื่องราชฯชั้นสูง จึงกล้าบิดเบือนว่าคนไทยใช้น้ำมันดิบวันละกว่า 1 ล้านบาร์เรล ทั้งที่คนไทยไม่เกินวันละ 6 แสนบาร์เรลเท่านั้น ทำไมเขาถึงกล้าทำลายเกียรติยศและศักดิ์ศรีที่ประเทศนี้ให้แก่เขา เขาทำไปเพื่ออะไร และเพื่อใคร??? ที่สำคัญน้ำมันดิบอีกกว่า 4 แสนใครเอาไปใช้ ทำไมไม่บอก???

วันนี้ผมได้ดูรายการ @Energy ทางช่อง 11 พบท่านรองอธิบดีกำลังสาธยายบิดเบือนความจริงเรื่องปิโตรเลียมไทย นับเป็นอีกครั้งในจำนวนหลายสิบครั้งที่รู้สึกว่าคนไทยกำลังถูกดูหมิ่น และต้องออกมาโพสต์ในวันหยุดเช่นนี้

วันนี้ไทยมีการนำเข้าปิโตรเลียมที่กว่า 8 แสนบาร์เรลจริง แต่ทั้งหมดมันมิได้เกิดจากการใช้ของประชาชนอย่างเราๆท่านๆเลย เพราะ
1)มันเป็นการนำเข้าแทนน้ำมันดิบที่ส่งออกไป(ที่โกหกกันว่ากลั่นไม่ได้ แต่ฝรั่งดันกลั่นได้)
2)เป็นการนำเข้าน้ำมันดิบเพื่อกลั่นแล้วส่งออกขายต่างชาติแล้วขายถูกว่าขายคนไทยด้วย
3)เป็นการนำเข้าเพื่อทดแทน คอนเดนเสต+ก๊าซโซลีนธรรมชาติ(ของดีจากหลุมก๊าซที่กลั่นได้เบนซิน+ดีเซล) ที่โรงงานปิโตรเคมีของปตท.เอาไปใช้ทำพลาสติก

รวมทั้ง3 กรณีมากถึงกว่า 4.8 แสน บาร์เรล/วัน ดังนั้นการนำเข้าน้ำมันดิบกว่า 8แสนบาร์รลจึงมิได้เกิดจากประชาชนใช้ตามที่เขาอ้าง เรียกว่าบิดเบือนเอาดื้อๆเลย

แล้วเรามีวัตถุดิบใช้กลั่นน้ำมันเท่าไร ของจริงคือ 2.7 แสนบาร์เรล/วัน (คือ น้ำมันดิบ 1.5 แสนบาร์เรล คอนเดนเสต+ก๊าซโซลีนธรรมชาติ 1.2 แสนบาร์เรล) แต่ข้าราชการผู้ทรงเกียรติจะต้องบอกเราว่ามีน้ำมันดิบแค่ 1.5 แสน โดยเม้ม คอนเดนเสต+ก๊าซโซลีนธรรมชาติไว้ทั้งหมด เม้มไปให้ใครทำไมไม่พูดครับ ท่านอธิบดีท่านรองฯ!

อีกประเด็นหนึ่งที่โกหกคนไทยด้วยกัน(ขอย้ำครับว่าโกหก) ก็คือคำที่ท่านอธิบดีท่านรองฯพูดเสมอว่าเมืองไทยขุด 10 หลุมเจอปิโตรเลียมหลุมเดียว เพราะตามรายงานประจำปีของท่านเองก็ระบุชัดครับว่า ขุดเจอกว่า 70% นี่คือสาเหตุว่าผู้ที่ตื่นรู้เรื่องพลังงานจึงโกรธนักหนาเพราะเขาเหมือนถูกข้าราชการพลังงานตบศีรษะทุกวัน

สิ่งที่ท่านในกระทรวงทำ มันเหมือนผู้จัดการมรดก บอกว่าประชาชนเจ้าของมรดกว่า บ้านนี้ไม่มีสมบัติเลยยากจนมาก แล้วก็แบมือขวาให้เราดูว่ามีแต่ความว่างปล่าว ส่วนมือซ้ายก็ช่วยคนนอกบ้านโกยสมบัติเราออกไปทุกวัน

ท่านอาจจะไม่อายประชาชนเพราะท่านคิดว่าเขาไม่รู้ แต่ท่านก็ควรละอายต่อวิญญาณบรรพชน และสิ่งศักด์สิทธิ์ทั้งหลายที่ปกป้องแผ่นดินไทยบ้าง ผมเชื่อว่าแม้ประชาชนยังไม่ตื่นรู้ทั้งประเทศ แต่ผมเชื่อว่าฟ้าดินรู้ในสิ่งที่ท่านทำ กลับตัวกลับใจก่อนจะสายดีกว่าไม๊ครับ ที่สำคัญคือ หยุดใช้เงินภาษีของคนไทยที่ควรนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชาติมาหลอกคนไทยด้วยกันเองเลยครับ



เรื่องนี้อยากจะขอให้เราในฐานะผู้มีใจใฝ่ธรรมทุกท่าน เฝ้าดู เฝ้าติดตามกันด้วยใจที่เป็นธรรมอย่าได้ลดละ เกาะติดสถานะการณ์ตลอดไป เพราะเมื่อมีคนไทยที่มีใจเป็นธรรมเฝ้าติดตามกันมากๆ จนมีกำลังใหญ่ มีกำลังหนัก ตามคำขององค์หลวงพ่อเราแล้ว คนชั่วจะนำความชั่วมาใช้กับประเทศนี้ไม่ได้อีกต่อไป ผลประโยชน์ คือความอยู่ดีกินดี จะได้ตกแก่คนไทยทุกๆคน ซึ่่งนั่นก็หมายถึงตัวเรา ครอบครัวเรา และ ลูกหลานของเราทุกๆคนด้วยด้วย ขอให้ช่วยกันเฝ้าติดตาม...จนกว่าผู้ที่กำลังทำในเรื่องนี้ ประสบผลสำเร็จ...

 

ประเทศไทย มีน้ำมันมากจริงๆ หลวงพ่อเล่าเกี่่ยวกับน้ำมันไว้ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2518 ต่อเนื่องถึง พ.ศ.2524 รวมเวลาก็ เกือบจะ 40 ปีแล้ว เมืองไทยก็ไ้ด้พบน้ำมันมาตามลำดับ ที่จำได้ หลวงพ่อเคยเล่าไว้ว่าประเทศไทยเป็นท้องกระทะน้ำมัน พม่า บรูไนน์ อินโดฯ จีน ที่เขาพบๆกับเป็นขอบของกระทะน้ำมัน ทีนี้ในประเทศไทย ส่วนที่ตรงกับท้องกระทะน้ำมันตรงกับจังหวัดสุพรรณบุรี ผ่านมา เกือบ40 ปี เราจึงมีคลิปนี้โผล่ขึ้นมาให้ดูกัน
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=2vlOZX2--7w]แหล่งน้ำมันสุพรรณบุรี 8/6/2556 - YouTube[/ame]

เอามาให้ดูเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันประกอบว่า สิ่งที่ครูบาอาจารย์เราพูดไว้นั้นเป็นเรื่องจริง ทนต่อการพิสูจน์ และสมารถพิสูจน์ได้จริงไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่อย่าลืมเรื่องเรื่องนี้ด้วยนะ "ถ้าคนมีกำลังใจเป็นพาล คือ ความโง่ ชอบเห็นคนอื่นดีกว่าพวกของตน และขนของ อกไปเป็นส่วนของตนมาก เมืองของตนรวยไม่ชอบ ชอบไปให้เมืองชาวบ้านอื่นเขารวย ขนทรัพย์ขนสินไปให้ชาวบ้านอื่นเขารวย ถ้ายังมีน้ำใจอยู่อย่างนี้ละ ของที่มีค่า มีราคาดี มันก็ยังปรากฏน้อย
ถ้าคนทุกคนในเขตนี้ ที่เรียกกันว่า คนไทย มีใจรักชาติ มีความซื่อสัตย์สุจริต หวังความเจริญของบ้านเมือง ต้องการให้บ้านเมือง เจริญจริงๆ ทรัพยากรจะได้มากยิ่งกว่านี้"
ไอ้ที่เขาว่ายังไม่ขึ้นมาๆ นี่ ไม่ใช่เทวดากันไว้ ไม่ใช่ผีกันไว้ ไม่ใช่อย่างงั้น มันเป็นไอ้มนุษย์ ที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นแหละที่กันอยู่"

พวกเรามาช่วยๆกันเฝ้าติดตามเรื่องนี้มากๆ ไปเรื่อยๆดีที่สุด เพราะเมื่อมีคนรู้ความจริงเรื่องนี้

มากขึ้นๆคนชั่วจะได้นำความชั่วมาใช้กับประเทศนี้ไม่ได้อีกต่อไป ตามสัจจะวาจาขององค์

หลวงพ่อของเรา

 

อีกภาพพิสูจน์ อนาคตังสญาณขององค์หลวงพ่อพระราชพรหมยานมาหาเถระ(ฤาษีลิงดำ)พระปรมาจารย์ของเรา สาธุ...

หัวหลุมน้ำมันลักษณะนี้ต้องใช้วิธีสูบน้ำมันขึ้นมา​

แต่แหล่งน้ำมันที่บ้านกง จังหวัดสุโขทัย ไม่ต้องสูบเปิดวาวแล้วน้ำมันขึ้นมาเลยโดยธรรมชาติดังภาพทั้งหมดนี้...

รวมภาพบ่อน้ำมันในจังหวัดสุโขทัยที่พอหามาให้ดูได้







​

เห็นหัวหลุมแบบนี้ คือไม่ต้องสูบ เปิดวาวน้ำมันก็ไหลโดยธรรมชาติ ​

หลุมน้ำมันและก๊าซอีกหลุมของ ปตท.ที่บ้านเสาเถียร ต.ไกรใน อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย​

ล่าสุดแท่นขุดเจาะที่ปากน้ำหลังสวนชุมพร



ทะเลปากน้ำหลังสวนชุมพร​

เครดิตภาำพ...https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1376066282653963&set=pcb.1376066325987292&type=1&theater

​

โหลดเก็บไว้ศึกษาได้ตามลิี๊งค์นี้นะ
http://www.mediafire.com/view/qonmnbxl7w8fr18/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2_%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B9%88._56.pdf

 

เกาะติดแสวงหาข้อมูล อย่าให้คนชั่วนำความชั่วมาใช้กับประเทศนี้ได้อีกต่อไป

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=rYBO0MjyIwg]เปิดหลักฐานปล้นประเทศไทย - YouTube[/ame]

​

ขณะที่ประชาชนพยายามมุ่งสู่การปฎิรูป...หน่วยงานหนึ่งซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของประชาชน นั่นคือ ทรัพยากรพลังงานของแผ่นดิน กำลังเร่งจะเปิดสัมปทานครั้งที่ 21 จากข่าว จะมีการประชุมเดือนธ.ค.นี้!!! ://www.facebook.com/photo.php?fbid=745034985524266&set=a.608891892471910.1073741828.605419889485777&type=1&theater

เรื่องที่ควรช่วยกันติดตามอย่างต่อเนื่องคือ การเปิดสัมปทาน รอบที่ 21 หลังจากที่ผ่านมา20 รอบแล้ว เราส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องเลย เฝ้าระวัง!!! คนประเภทที่องค์หลวงพ่อบอกไว้


"คำว่า "ไท" หมายถึงว่าจิตใจที่เต็มไปด้วยอิสรภาพ ไม่เป็นทาสของความโลภ ไม่เป็นทาสของความ

เห็นแก่ตัว ไม่เป็นทาสของความอยากใหญ่ ที่มีกำลังใจ ต้องการให้ประเทศชาติเจริญ ไม่ขายประเทศ

เพราะว่า ได้ทรัพยากรมาแล้วจะหวังประโยชน์ส่วนตัว คือ เปอร์เซ็นต์ส่วนตัวมากเกินไป หมายความว่า

แทนที่บุคคลผู้ ค้นพบจะต้องจ่ายเงินให้แก่ ประเทศชาติมาก คนประเภทนี้ ก็ตัดรายรับของประเทศลง

มีความประสงค์ เพียงรางวัลของตัว ประเทศชาติจะได้รับประโยชน์น้อยไป ถ้ายังมีบุคคลที่มีความคิด

ตามที่กล่าวมานี้ อยู่ในส่วนการบริหารประเทศ ตั้งแต่เป็นรัฐบาล ลงมาถึงข้าราชการชั้นผู้น้อย คำว่า

"น้อย" ในที่นี้ก็ไม่น้อยมาก หมายถึง อันดับผู้มีวาสนาบารมี อยู่ในเกณฑ์ปานกลางหรือสูง ทรัพยากร

หรือก็พอจะหลบหน้าคุณอยู่ได้ เพราะกำลังใจของบุคคลประเภทนี้ยังมีโมหะ"


!!!ขอยืนยันว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเนื้อข่าว ส่วนข้อเท็จจริง ก็ต้องสืบค้นกันดูให้แน่ชัด

อย่างพึ่งเชื่อ และ อย่าพึ่งไม่เชื่อถ้าเราสนใจเรื่องผลประโยชน์ส่วนรวม

ของของชนในชาติื ด้วยความบริสุทธิใจ อย่างแท้จริงไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดแอบแฝง!!!

http://manager.co.th/Politics/ViewNe...=9560000154293

วันนี้ (16 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. นพ.ระวี มาศฉมาดล กรรมการ กปปส. กองทัพประชาชนฯ และตัวแทนจากสภาปฏิรูปพลังงาน ได้เข้าพบตัวแทนจากกระทรวงพลังงาน เพื่อสอบถามถึงขั้นตอนการเปิดสัมปทานรอบที่ 21 พร้อมยื่นหนังสือคัดค้านการให้สัมปทานครั้งที่ 21 และการขึ้นค่าไฟฟ้า

โดยตอนหนึ่งในหนังสือแถลงการณ์ได้เรียกร้องให้มีการตั้ง “สภาประชาชน” ปฏิรูปประเทศไทย โดยประชาชน ไม่ใช่นักการเมือง โดยให้ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปพลังงาน แก้ไข ขอให้ลดราคาน้ำมันเบนซินลง 10 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ถังละ 5 บาทต่อลิตร ขอให้รัฐบาลหยุดการขึ้นราคาและน้ำมัน ขอให้รัฐบาลยกเลิกมติ ครม. ที่ให้อ้างอิงราคาก๊าซ และน้ำมันให้ใช้ต้นทุนไทย และมีกรรมการสามฝ่าย ตั้งราคาเหมือนค่าโดยสารรถยนต์ ขอให้รัฐบาลหยุดเลือกปฏิบัติโดยให้ภาคปิโตเคมีจ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในอัตราเดียวกับอุตสาหกรรมอื่นอีก 12 บาทต่อกิโลกรัม ให้ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปพลังงานแห่งชาติขึ้น โดยขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี โดยมีสัดส่วนของภาคประชาชนกึ่งหนึ่งของจำนวนคณะกรรมการทั้งหมด เพื่อจัดทำนโยบายและแผนการปฏิรูปพลังงานของประเทศไทยในทุกด้านให้เป็นธรรม ให้แก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียมให้สัดส่วนสัมปทาน ฯลฯ ทั้งนี้ในเวลา 14.00 น.คณะได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รักษาการรองนายกรัฐมนตรี ที่ รร.พลาซ่า แอทธินี

ขณะที่ตัวแทนสภาปฏิรูปพลังงานเปิดเผยว่า ในเดือนธันวาคมนี้ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจะรายงานความคืบหน้าในการเปิดให้ยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียม ครั้งที่ 21 ต่อที่ประชุมผู้บริหารระดับสูงที่มีนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รักษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน โดยเฉพาะแผนการดำเนินงานที่ได้มีการปรับปรุงใหม่ในรายละเอียดการดำเนินงานต่างๆ ซึ่งหากเป็นไปตามแผนจะมีการนำเสนอและขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการปิโตรเลียมภายใน ม.ค. 2557 และออกประกาศเชิญชวนให้เอกชนยื่นขอสัมปทานฯ ได้ในเดือน มิ.ย. 2557


สำหรับแปลงสัมปทานรอบที่ 21 จะมีทั้งหมด 27 แปลง แบ่งเป็นบนบก 22 แปลง

ได้แก่บริเวณภาคเหนือและภาคกลาง 6 แปลง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 16 แปลง

และแปลงในทะเลที่บริเวณอ่าวไทยอีก 5 แปลง ซึ่งได้กำหนดปริมาณงานและ

เงินลงทุนขั้นต่ำดังนี้

ภาคเหนือและภาคกลาง และอ่าวไทย ปริมาณงาน ต้องเจาะหลุมสำรวจ 1 หลุม

วางเงินประกันลงทุนขั้นต่ำ 3 ล้านเหรียญสหรัฐ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เจาะหลุมสำรวจ 1 หลุม เงิน 5 ล้านเหรียญ โดยสัมปทานครั้งนี้ยังคงค่า k

(การคงสภาพทางธรณีวิทยา) และ srb (เงินผลประโยชน์ลดหย่อนพิเศษ)

ในสัดส่วนที่เท่าเดิม แต่ให้ผู้ขอสัมปทานจะต้องเสนอโบนัสลงนาม

(Signing Bonus) แปลงละ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ และโบนัสการผลิต (Production Bonus)

ซึ่งคิดจากปริมาณการผลิตสะสม

โดยขั้นตอนการดำเนินงานที่สำคัญก่อนที่จะออกประกาศเชิญชวนจะมีการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในจังหวัดที่กำหนดจะเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่ที่มีทั้งหมดประมาณ 32 จังหวัด โดยจะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมจังหวัดเพื่อที่จะนำไปสู่กระบวนการให้ความรู้ ข้อมูลต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจและยอมรับแก่ประชาชน โดยมีเป้าหมายหน่วยงานราชการจังหวัดละ 100 คน รวมไปถึงผู้นำและสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับ ซึ่งคาดว่าส่วนนี้จะใช้เวลาดำเนินการระหว่าง ม.ค.-เม.ย. 2557 หลังจากสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21 ได้เลื่อนออกมานับตั้งแต่กลางปี 2555 ซึ่งรัฐมนตรีพลังงานในช่วงนั้น ทั้งนายพิชัย นริพทะพันธุ์, นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ ไม่ได้อนุมัติ(เพราะมีผู้ต่อต้านคัดค้านเป็นจำนวนมาก)

ทั้งนี้ หากเป็นไปตามแผนงานการออกประกาศเชิญจะทำได้ช่วง พ.ค. 57 และขั้นตอนการยื่นขอสัมปทานจะใช้เวลาประมาณ 5 เดือนหรือถึง ต.ค. 57 หลังจากนั้นก็คงจะมีการพิจารณาคัดเลือกเสนอ ครม.ชุดใหม่ อนุมัติได้ราว ก.พ. 2558 และออกสัมปทานปิโตรเลียมได้ มี.ค. 58 ซึ่งจะเห็นว่ากว่าจะมีการขุดเจาะสำรวจได้จะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1-2 ปี และหากพบว่าคุ้มค่าเชิงพาณิชย์ก็ต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่า 1 ปีรวมแล้วก็ไม่น้อยกว่า 2-3 ปี หรือกว่าจะผลิตได้จริงก็ปี 2560 ซึ่งขณะนั้นไทยก็มีความต้องการใช้พลังงานอย่างมากขณะที่การผลิตในประเทศเริ่มลดลง

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้น น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพฯ ได้ออกแถลงการณ์ถึงกระทรวงพลังงาน เรื่อง “หยุดลักไก่ให้สัมปทานน้ำมันช่วงวิกฤติของบ้านเมือง”
มีใจความว่า กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงานอาศัยช่วงชุลมุนทางการเมืองของประชาชนเตรียมเสนอบอร์ดปิโตรเลียมให้เปิดสัมปทานรอบที่ 21 ในช่วงขึ้นปีใหม่ 2557
โดยไม่ยอมปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยส่วนแบ่งผลผลิตเพื่อให้ประเทศชาติและประชาชน

ได้รับส่วนแบ่งที่เป็นธรรมก่อนจะเปิดสัมปทานรอบใหม่

ระบบสัมปทานปิโตรเลียมที่ประเทศใช้อยู่ตามกฎหมายปิโตรเลียม พ.ศ 2514 มีการแก้ไขส่วนแบ่งรายได้ในปี 2532 เพียงครั้งเดียวโดยเปลี่ยนแปลงค่าภาคหลวงจาก 12.5% เป็นการเก็บแบบขั้นบันได 5-15% ซึ่งในขณะนั้นราคาน้ำมันดิบมีราคประมาณ 18 เหรียญต่อบาร์เรล แต่ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบมีราคา 100-120 เหรียญต่อบาร์เรล แต่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติยังยืนยันว่าระบบที่ใช้อยู่เป็นส่วนแบ่งที่เหมาะสมแล้ว
ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านของเรา ทั้งพม่า กัมพูชา มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ล้วนเปลี่ยนมาใช้ระบบการแบ่งปันผลผลิต (Production หรือ Profit Sharing) แทนระบบสัมปทาน (Concession)


ทั้ง 2 ระบบต่างกันที่เรื่อง “กรรมสิทธิ์”

ปิโตรเลียมว่าเป็นของรัฐ หรือเอกชน



1) ระบบสัมปทาน กรรมสิทธิ์เป็นของเอกชน เมื่อเอกชนรายใด

ได้รับสัมปทานปิโตรเลียมจากรัฐบาล กรรมสิทธิปิโตรเลียมที่ขุดได้

จะตกเป็นของเอกชนทั้งหมด และเอกชนจ่ายผลตอบแทนให้รัฐบาลเป็นส่วนน้อย

เมื่อเอกชนเป็นเจ้าของผลผลิตปิโตรเลียม ตามกฎหมายปิโตรเลียม 2514

จึงสามารถส่งออกปิโตรเลียมที่ตนเองขุดได้ในประเทศไทยเท่าไหร่ก็ได้

และเวลาขายให้คนไทยก็ขายในราคาเท่ากับนำเข้าจากต่างประเทศ


2) ระบบแบ่งปันผลผลิต กรรมสิทธิ์ปิโตรเลียมเป็นของรัฐ

เอกชนเป็นเจ้าของเฉพาะส่วนแบ่งที่ได้รับ เอกชนหักค่าใช้จ่ายในการขุดเจาะแล้ว

ส่วนที่เหลือคือกำไรที่ต้องนำมาแบ่งกัน และรัฐบาลทุกประเทศจะได้ส่วนแบ่งมากกว่าเอกชน

อินโดนีเซียจะได้ส่วนแบ่งที่รวมภาษีแล้ว 85% ในส่วนผลผลิตที่หักค่าใช้จ่ายการขุดเจาะแล้ว

และเอกชนได้ส่วนแบ่ง 15% และในส่วนแบ่งปิโตรเลียม 15% นั้น

เอกชนต้องขายคืนให้รัฐจำนวน 25% ในราคาลด 25% จากราคาตลาดโลก

พม่าได้ค่าภาคหลวง10% และหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วเอาส่วนแบ่งกำไรอีก 50-80%

และภาษีอีก 30% ส่วนกัมพูชา ได้ค่าภาคหลวง 12.5% และได้ส่วนแบ่งกำไรอีก 40-60%

และภาษีอีก 30% ส่วนประเทศไทยได้ค่าภาคหลวง 5-15% และภาษีเงินได้ 50%

ไม่มีส่วนแบ่งผลผลิตหรือกำไร ได้ผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษอีกเล็กน้อย


ระบบของประเทศอินโดนีเซียเป็นต้นแบบการจัดการส่วนแบ่งรายได้

จากทรัพยากรปิโตรเลียมที่ประเทศเพื่อนบ้านรอบๆ ประเทศไทยนำไปใช้

ยกเว้นประเทศไทยยังคงยืนหยัดจะใช้ระบบเดิมที่ใช้มาเป็นเวลา 42 ปี

ซึ่งเป็นระบบของยุคล่าอาณานิคม ที่เจ้าอาณานิคมได้ทรัพยากรทั้งหมด

ไปเป็นกรรมสิทธิ และจ่ายเงินตอบแทนเพียงเล็กน้อยให้ประเทศ

เจ้าของทรัพยากร

ระบบแบ่งปันผลผลิต กรรมสิทธิ์ปิโตรเลียมเป็นของประเทศและประชาชน ถ้ารัฐบาลขายประชาชนในราคาถูก ประชาชนได้ประโยชน์ ระบบเศรษฐกิจมีศักยภาพในการแข่งขัน แต่ถ้ารัฐบาลขายราคาสูง รัฐบาลจะได้รายได้เพื่อเป็นงบประมาณในการพัฒนาประเทศ โดยไม่ต้องกู้ หรือกู้น้อยลง ไม่เป็นภาระกับประชาชนแต่ระบบสัมปทานของไทย เอกชนได้กำไรสูง ประชาชนต้องใช้ราคาก๊าซและน้ำมันแพง โดยรัฐได้ส่วนแบ่งรายได้ที่ไม่เป็นธรรม

***** แต่กระทรวงพลังงานยืนหยัดไม่ยอมเปลี่ยนแปลงระบบเพื่อให้ประเทศ และประชาชนได้ประโยชน์จากส่วนแบ่งปิโตรเลียมที่เป็นทรัพยากรของประเทศก่อนที่จะเปิดสัมปทานรอบใหม่ รอบที่ 21 และยังจะอาศัยช่วงประชาชนชุลมุนเปิดสัมปทานภายในปลายปี 2556 ต่อช่วงต้นปี 2557***


ขอเรียกร้องให้กระทรวงพลังงานหยุดการดำเนินการใดๆ

จนกว่าจะมีการปฏิรูประบบการให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม

เป็นระบบแบ่งปันผลผลิตตามเจตนารมณ์ของประชาชน

ที่คัดค้านการเปิดสัมปทานรอบ 21 ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา

ที่ทำให้กระทรวงพลังงานต้องเลื่อนการเปิดสัมปทานรอบ 21 ออกไป

จากที่กำหนดไว้เดิมในเดือนมิถุนายน 2554



หยุดฉ้อฉลใช้วิกฤตของบ้านเมืองเป็นโอกาสในการดำเนินการ

เพื่อประโยชน์ของเอกชนมากกว่าประเทศชาติและประชาชน

บัดนี้ประชาชนจำนวนมหาศาลได้ตื่นตัวขึ้นมา

ปกป้องผลประโยชน์ปิโตรเลียมของพวกเขา

และเฝ้าจับตากลุ่มธุรกิจการเมือง กับข้าราชการ

ที่ฉ้อฉลไม่ให้ฉวยโอกาสปล้นชิงทรัพยากรของประชาชนอีกต่อไป

คำถามจากกลุ่มผู้ต่อสู้เรื่องนี้​

รสนา โตสิตระกูล
16 นาทีที่แล้ว
ขอปรับปรุงข้อมูลในกระทู้ก่อน

อดีตประธานปิโตรนัส และปัจจุบันเป็นประธานสถาบันบรรษัทภิบาลมาเลเซีย ( Malaysia Institute of Corporate Governance)
ท่าน Tan Sri Dato'Seri Megat Najmuddin Khas
ได้ให้เวลาคณะอนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา เข้าพบที่อาคารปิโตรนัสเพื่อพูดคุย ซักถามข้อมูลเกี่ยวกิจการปิโตรเลียมของมาเลเซีย ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

ท่านตันศรีได้เล่าให้คณะฟังว่าเมื่อมาเลเซียได้รับอิสระจากระบบอาณานิคมในปี 1957 ระบบจัดการผลประโยชน์ยังคงเป็นระบบสัมปทาน จนเมื่อเกิดวิกฤติน้ำมันแพงในปี 1973 หรือปี 2516 ราคาน้ำมันแพงขึ้น 3เท่า ทำให้รัฐบาลต้องการแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง มาเลเซียได้ออกพระราชบัญญัติปิโตรเลียม( Petroleum Act ) และเปลี่ยนมาใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตแทนระบบสัมปทานที่ใช้มาตั้งต่ยุคที่ตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ การขุดเจาะน้ำมันในรัฐซาราวักใช้ระบบสัมปทาน จนเมื่อปี 2516 รัฐบาลได้ส่งคนไปศึกษาต้นแบบกฎหมายปิโตรเลียมจากอินโดนีเซีย และเป็นต้นแบบของกฎหมายปิโตรเลียมของมาเลเซีย

หลังปี1974 บริษัทปิโตรนัสถือกำเนิดมาพร้อมกับกฎหมายปิโตรเลียมของมาเลเซีย เป็นยุคใหม่ที่เปลี่ยนระบบการจัดการผลประโยชน์ปิโตรเลียมจากระบบสัมปทานมาเป็นระบบแบ่งปันผลผลิต( Production Sharing ) และล่าสุดมีการใช้ระบบจ้างบริการในบางแปลง (Service Contract)

ดิฉันถามท่านตันศรีว่า ทำไมจึงใช้ระบบแบ่งปันผลผลิต ท่านตอบว่า "เพราะเป็นระบบที่ประเทศเราได้รับผลประโยชน์สูงสุด"

ดิฉันถามต่อว่าเมืองไทยมีนักวิชาการบอกว่า ระบบแบ่งปันผลผลิตใช้กับเราไม่ได้ เพราะน้ำมันของไทยเป็นกระเปาะเล็กๆ ท่านตันศรีตอบว่า " ประเทศเราก็อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน บางบ่อเราก็ขุดร่วมกัน ไม่น่าเป็นไปได้ที่ไทยจะใช้ระบบนี้ไม่ได้ ที่มาเลเซียเราก็เริ่มจากเล็กๆในยามเริ่มต้นเหมือนกัน"

ปัจจุบันระบบแบ่งปันผลประโยชน์ปิโตรเลียมของมาเลเซียนับว่าก้าวหน้าที่สุด ดิฉันจะค่อยๆนำมาเล่าให้เพื่อนมิตรได้ฟังโดยลำดับ

รสนา โตสิตระกูล
19 นาทีที่แล้ว บริเวณ Sepang, Malaysia
ขอแก้ไขข้อมูลในกระทู้ก่อนค่ะ

อดีตประธานปิโตรนัส และปัจจุบันเป็นประธานสถาบันบรรษัทภิบาลมาเลเซีย ( Malaysia Institute of Corporate Governance)
ท่าน Tan Sri Dato'Seri Megat Najmuddin Khas
ได้ให้เวลาคณะอนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา เข้าพบที่อาคารปิโตรนัสเพื่อพูดคุย ซักถามข้อมูลเกี่ยวกิจการปิโตรเลียมของมาเลเซีย ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

ท่านตันศรีได้เล่าให้คณะฟังว่าเมื่อมาเลเซียได้รับอิสระจากระบบอาณานิคมในปี 1957 ระบบจัดการผลประโยชน์ยังคงเป็นระบบสัมปทาน จนเมื่อเกิดวิกฤติน้ำมันแพงในปี 1973 หรือปี 2516 ราคาน้ำมันแพงขึ้น 3เท่า ทำให้รัฐบาลต้องการแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง มาเลเซียได้ออกพระราชบัญญัติปิโตรเลียม( Petroleum Act ) และเปลี่ยนมาใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตแทนระบบสัมปทานที่ใช้มาตั้งต่ยุคที่ตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ การขุดเจาะน้ำมันในรัฐซาราวักใช้ระบบสัมปทาน จนเมื่อปี 2516 รัฐบาลได้ส่งคนไปศึกษาต้นแบบกฎหมายปิโตรเลียมจากอินโดนีเซีย และเป็นต้นแบบของกฎหมายปิโตรเลียมของมาเลเซีย

หลังปี1974 บริษัทปิโตรนัสถือกำเนิดมาพร้อมกับกฎหมายปิโตรเลียมของมาเลเซีย เป็นยุคใหม่ที่เปลี่ยนระบบการจัดการผลประโยชน์ปิโตรเลียมจากระบบสัมปทานมาเป็นระบบแบ่งปันผลผลิต( Production Sharing ) และล่าสุดมีการใช้ระบบจ้างบริการในบางแปลง (Service Contract)

ดิฉันถามท่านตันศรีว่า ทำไมจึงใช้ระบบแบ่งปันผลผลิต ท่านตอบว่า "เพราะเป็นระบบที่ประเทศเราได้รับผลประโยชน์สูงสุด"

ดิฉันถามต่อว่าเมืองไทยมีนักวิชาการบอกว่า ระบบแบ่งปันผลผลิตใช้กับเราไม่ได้ เพราะน้ำมันของไทยเป็นกระเปาะเล็กๆ ท่านตันศรีตอบว่า " ประเทศเราก็อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน บางบ่อเราก็ขุดร่วมกัน ไม่น่าเป็นไปได้ที่ไทยจะใช้ระบบนี้ไม่ได้ ที่มาเลเซียเราก็เริ่มจากเล็กๆในยามเริ่มต้นเหมือนกัน"

ปัจจุบันระบบแบ่งปันผลประโยชน์ปิโตรเลียมของมาเลเซียนับว่าก้าวหน้าที่สุด ดิฉันจะค่อยๆนำมาเล่าให้เพื่อนมิตรได้ฟังโดยลำดับ

รสนา โตสิตระกูล
สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพฯ
26 ก.พ 2557

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=592077790868788&set=pcb.592077877535446&type=1&theater

https://www.facebook.com/rosana.tsk?hc_location=timeline

 

เอาภาพข่าวมาให้ดูว่า น้ำมันในเมืองไทยมีเยอะจริงๆตามที่หลวงพ่อเราเคยบอกไว้ ส่วนเรื่องเกี่่ยวกับว่า

จะมีการเบียดเบียนผลประของส่วนรวมไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว และพวกพ้องบริวารว่า่นเครืออย่างเป็น

ธรรมหรือไม่เป็นธรรมอย่างไร? งัดเอาหลักฐานนั้นหลักฐานนี้มาแก้ตัวแก้ต่างแก้แทนร้อยแปดเราไม่

เกี่ยวเพราะสิ่งที่เราต้องการคือว่า น้ำมัีนในประเทศไทยมีมากจริงหรือไม่จริงตามคำของพระเดชพระคุณ

หลวงพ่อครูบาอาจารย์ของเราเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ธรรมะย่อมชนะอธรรมได้ในที่สุด ใครอยู่ฝ่ายธรรม

หรือฝ่ายอธรรม มองทุกมุมไม่ขอเกี่่ยวข้องด้วย ปล่่อยให้ผู้ที่เกิดมาเพื่อทำหน้าที่นี้ เขาทำกันไป เอาใจ

ช่วยสุดตัวสำหรับคนที่คิดทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อบ้านเพื่อเมือง เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนคน

ไทยทุกคน

​

มีลูกศิษย์ขององค์หลวงพ่อคณะหนึ่ง
ร่วมกันตั้งบริษัทเพื่อจะขอสัมปทานขุดเจาะน้ำมัน​

ประมาณปี พ.ศ.2543 มีกลุ่มคณะศิษย์ขององค์หลวงพ่อกลุ่มหนึ่ง ไปหาข้าพเจ้า หลายครั้ง เขาไปปรึกษาเรื่องจะตั้งบริษัทเพื่อขุดเจาะน้ำมันนี่แหละ เขาบอกว่า ถ้าเรากลุ่มลูกศิษย์ไม่คิดทำแล้วใครจะทำ อย่างนี้ ข้าพเจ้า ก็ถามถึงความเป็นไปได้ เขาบอกว่าเป็นไปได้ เขามีวิศกรณ์ด้านนี้ซึ่งเป็นคนไทย ทำงานขุดเจาะน้ำมันที่ รัฐเท็กซัส หลายท่านด้วยกัน และผู้มีความสามารถด้านอื่นๆด้วย ...เขารวมทีม ตั้งทีม เสร็จ ตั้งบริษัทเสร็จ ดำเนินไปจนถึงขั้นสุดท้ายคือติดต่อเรื่องจะขอสัมปะทาน ปรากฏว่า ทางรัฐได้ให้สัมปทานสำรวจ คลุมพื้นที่ทั้งหมดให้กับต่างชาติไปแล้ว ความคิดของเขาเลยไม่สำเร็จ และก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ถ้าใครมีศักยภาพและมีความสนใจก็สืบค้นดูว่า บริษัทคนไทย มีสิทธิ์ หรือ ไม่มีสิทธิ์อย่างไร? กติกาทำให้ได้สิทธิ์โดยยากหรือง่ายอย่างไร? แนวคิดนี้ก็ดีเหมือนกันนะ เล่าให้ฟัง..แต่คงไม่เป็นธรรมะ ธัมโม เท่าไหร่ ก็ขออาราธนาคำขององค์หลวงพ่อเรามาต่อท้ายไว้หน่อย ว่า


" บอกทุกคนว่า ฉันโมทนาที่ทุกคนมีเจตนาดีเพื่อไทย

และทำใจให้เป็นไท คนใดเมื่อมีจิตใจเป็นไท

คนนั้นในเวลานั้นอารมณ์ใจจะผ่องใส จะเข้าถึงธรรมโดยง่าย

คือโลกไม่ช้ำธรรมไม่เสีย

เมื่อเป็นคนก็เป็น คนดี ตายแล้วก็เป็น ผีดี พ้นจากผีก็เป็นเทวดา

เข้า นิพพาน ได้อย่างดี ในที่สุดนี้ขอ จงบอกเขาว่า

ฉันดีใจกับความดีของคนไทยทุกคน..."

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=giCRKoL3xXU"]????????????? ??? ???????????????? - YouTube[/ame]



เรื่องที่ 8 ประเทศไทย จะเป็นมหาอำนาจและรวยมากเป็นมหาเศรษฐี

ระหว่างที่คณะของหลวงพ่อนั่งเรือจากอ่าวพังงาจะไปเกาะปันหยี ถ้ำลอด และเขาพิงกัน เทวดาที่เป็นเพื่อนเก่าของหลวงพ่อมาต้อนรับ และชี้ให้หลวงพ่อดูจุดที่เจาะพื้นทะเลลงไป จะพบหินดาน เจาะหินดานทะลุจะพบน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมาปริมาณมากมายมหาศาล ข้าพเจ้าเคยเรียนวิชาธรณีวิทยาทราบว่า แหล่งน้ำมันดิบจะมีขนาดใหญ่มาก ถ้าน้ำมันถูกกักเก็บภายใต้ชั้นหินโค้งรูปโดม

ปกติน้ำมันเบากว่าน้ำ ถูกสูบน้ำมันออก ระดับน้ำมันจะลดลงจากข้างล่างขึ้นไปหาข้างบน และจะมีน้ำไหลเข้าไปแทนที่น้ำมัน ถ้าดูตามภูมิศาสตร์ ทวีปอาเซียบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ มีน้ำมันดิบทิศใต้ที่ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ซาราวัค และบรูไน ทิศเหนือ พบน้ำมันดิบทางตอนใต้ประเทศจีน จังหวัดเช็งลี ทิศตะวันออกมีน้ำมันที่ชายฝั่งประเทศเวียดนาม ทิศตะวันตกพบน้ำมันดิบที่ประเทศพม่า

ประเทศไทยอยู่ตรงกลาง เปรียบได้เหมือนอยู่ตรงศูนย์กลางรูปโดมมหึมา น้ำมันใต้พื้นดินประเทศไทยจะสูบออกหมดทีหลัง ประเทศบรูไน ซาราวัค อินโดนีเซีย จีน เวียดนาม และพม่า ซึ่งอยู่ขอบรูปโดม หลวงพ่อเล่าว่า เทวดาท่านอธิบายว่า ขณะนี้ทั่วโลกใช้น้ำมันรวมกันเท่าใด ถ้ารุมกันมาใช้น้ำมันจากไทยเพียงแหล่งเดียวนาน 99 ปี จะหมดน้ำมันไทยไปเพียงหนึ่งในสามของจำนวนที่มีใต้แผ่นดินไทย

ถ้าสูบน้ำมันใต้เมืองไทยออกหมดแล้วไม่มีน้ำไหลเข้าไปแทนที่ เมืองไทยจะจมหายลงไปอยู่ใต้ทะเล ต่อไปเมืองไทยจะขายน้ำมันรวยมากเป็นมหาเศรษฐี แขกซาอุที่ว่ารวยนักหนาในปัจจุบัน ต่อไปจะอายประเทศไทย แม้กระทั่งฝรั่งชาติยุโรปก็ยังต้องเกรงใจไทย ส่วนญี่ปุ่นนั้นต้องคุกเข่าให้ไทยมาขอซื้อน้ำมันไปใช้ นอกจากน้ำมันแล้ว ไทยยังมีแร่ทองคำธรรมชาติมากมาย หลวงพ่อเล่าว่ามีแร่ทองคำอยู่ใต้ภูเขายาวเป็นหลายกิโลเมตร ต่อไปจะมีการระเบิดภูเขาทิ้งไปทั้งลูกเพื่อจะเอาแร่ทองคำ

ถึงสมัยนั้นศีลธรรมของคนไทยดีมาก ความร่ำรวยและความเจริญจะปรากฏขึ้นถึงขีดสูงสุด นอกจากจะรวยแล้ว ไทยยังจะมีอำนาจมาก เพราะเมืองไทยจะพบแร่ปรมาณู ต่อไปความลับเรื่องการทำระเบิดปรมาณูจะไม่เป็นความลับสำหรับคนไทย


หลวงพ่อเล่าเสริมว่า ขณะนี้พบกากแร่ปรมาณูนั้นแล้ว เป็นแร่ที่หมดสภาพแล้ว สีขาวใส ผู้หญิงเอามาทำเครื่องประดับ หลวงพ่อถามข้าพเจ้าว่ารู้จักชื่อไหม แร่นี้เมื่อแตกตัวจะให้ความเย็นจัด ตรงข้ามกับแร่ยูเรเนียมซึ่งให้ความร้อนจัด แต่ก็เอามาทำระเบิด เอามาทำเป็นเครื่องมือรักษาคนไข้ได้เหมือนกัน สมัยที่ข้าพเจ้ายังเรียนวิชาวิศวกรรมเหมืองแร่ไม่เคยได้ยินว่ามีแร่ลักษณะนี้ จึงกราบเรียนหลวงพ่อว่าข้าพเจ้าไม่ทราบว่าแร่นี้ชื่ออะไร

เรื่องไทยจะเป็นประเทศมหาอำนาจและร่ำรวยมากนี้ หลวงพ่อยังได้เล่าให้ฟังต่อไปอีกว่า หลวงพ่อได้รับมอบหนังสือสมุดข่อยโบราณ เขียนด้วยธงสีเหลือง กล่าวเอาไว้ว่าผู้เขียนคือ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ได้พยากรณ์อนาคตของประเทศไทย ต่อจากสมัยกรุงศรีอยุธยาไว้ว่ามี 10 ยุค

คือ 1.มหากาฬ 2.พันธุ์ยักษ์ 3.รักบัณฑิต 4.สนิทธรรม 5.จำแขนขาด 6.ราชโจร 7.นนท์ร้องทุกข์ 8.ยุคทมิฬ 9.ถิ่นตาขาว และ 10.ชาววิไล

หลวงพ่อเคยกราบเรียนถาม สมเด็จผู้พยากรณ์ว่า ราชวงศ์จักรีมี 10 รัชกาลเท่านั้นเองหรือ
สมเด็จท่านตอบว่า ใครบอกว่ามี 10 รัชกาล ท่านเรียกว่า 10 ยุค ไม่ใช่ 10 รัชกาล ความจริงยุคที่ 11 ก็ชื่อชาววิไล ยุคที่ 12 ก็ชาววิไล ยุคที่ 13 ก็ชาววิไล ฯลฯ ชื่อซ้ำกัน จึงเขียนชื่อยุคไว้ 10 ชื่อเท่านั้น ความจริงราชวงศ์จักรีจะมีสืบต่อไปอีกนาน

อ่านฉบับเต็มลิงค์นี้นะ ผู้เขียนคือหม่อมวรวัตร ข้าพเจ้าไม่ได้พบท่านมานานเป็นสิบกว่าปีแล้วไม่ทราบว่่าท่านยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้หรือเปล่า...http://palungjit.org/threads/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89.520935/

​

สรุปธรรมะที่องค์หลวงพ่อซึ่งเป็นครูบาอาจารย์

ผู้ทรงคุณอันประเสริฐของพวกเรา

นำมาสอดแทรกสอนเราท่านทั้งหลาย

ตามอัชฌาศัย

ซึ่งส่วนใหญ่มาจากพุทธภูมิลาดังนี้....

"เรื่องที่ฉันพูดให้ฟังนี้ก็เพื่อจะให้เป็น กำลังใจ

กับคนที่มีความคิดปรารถนา ต้องการให้ประเทศชาติร่มเย็น

เป็นสุข อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สิน"


เอาละ สำหรับวันนี้ก็พอกันทีนะ แต่ว่า ฉันก็ยังไม่ได้หมายความว่าจะกลับ

จงคิดว่าเราจะมีประเทศเป็นทองคำ ก็ดี จะมีประเทศเป็นน้ำมันก็ดี

จะมีประเทศเป็นแร่ใสก็ดี ทุกคนจะคิดว่าเราจะตาย

จงอย่าเอาจิตใจ ไปเกาะไอ้น้ำมัน และแร่ธาตุให้มากนัก

คิดว่า เราทำเพื่อความเป็นอยู่ของคนทั้งมวล

แต่เราไม่ทำเพื่อหวังอยู่ตลอดกาล ตลอดสมัยของชีวิต

มีจิตใจตั้งตรงอยู่เฉพาะพระนิพพาน

แล้วทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เจ้าเด็กหนุ่ม ๆ ที่มันมารวมตัว เป็นลูก

เป็นหลาน กับยังมีกลุ่มคนดีอีกหลายกลุ่ม คนพวกนี้ถ้าคิดว่า

สามารถจะสกัดจิตของตน ให้เป็นคนไท ไร้ความเป็นทาสทางด้านจิตใจ

คือ โลภะ โทสะ โมหะ ก็หมายถึงว่า นั่นคือ การเป็นศัตรูของประเทศ

โมหะให้เบาลงมา คิดแต่เพียงว่า เราต้องตาย

แต่จำต้องอาศัยทรัพย์สินเพื่อหวังความสุข นี่เป็นเรื่องของคนธรรมดาถ้า

จิตใจของคนชำระความชั่ว เข้ามาสู่ความดี ได้ถึงขนาดนี้

ประเทศไทยจะเป็นไทสมบูรณ์บริบูรณ์ และเพียบพูนไปด้วยทรัพย์สิน

ประเทศไทยจะเต็มไปด้วยความสุข

ประเทศไทยจะเต็มไปด้วยสรรพาวุธที่บุคคลอื่น เขาหามาแลกน้ำมัน

แม้แต่สรรพวุธที่ประหัตประหารโลกทั้งโลก ด้วยเพียงจุดๆ เดียวก็จะพึงมี

ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่า เขาให้แก่ประเทศไทยโดยรู้ว่า ประเทศไทย

ไม่ทำลายเขา




แล้วในกาลต่อไป พระราชาองค์นี้ ก็จะเป็นที่พึ่งของคนไทยต่อไป

ความราบเรียบสงบเงียบ จากอันธพาล จากคนที่ขายชาติ

จะค่อย ๆ มีขึ้นทีละน้อย จิตใจของคนจะเป็นไท ขึ้นมาทีละหน่อย ๆ

ในเมื่อพระมหากษัตริย์ ทรงอยู่ใน ทศพิธราชธรรม

และข้าราชบริพารรู้จักความเป็นไท ไทยเก่าๆ จะเข้าสิงใจไทยปัจจุบัน

ให้ทำการให้ประเทศไทย เพื่อไทย การคิดล้มล้างชาติไม่มีผล

สำหรับคนทั้งหลายที่คิด พวกเขาจะต้องสลายตัวไปตามกาลสมัย

เอาละ ฉันจะกลับ บอกทุกคนว่า ฉันโมทนาที่ทุกคนมีเจตนาดีเพื่อไทย

และทำใจให้เป็นไท คนใดเมื่อมีจิตใจเป็นไท

คนนั้นในเวลานั้นอารมณ์ใจจะผ่องใส จะเข้าถึงธรรมโดยง่าย

คือโลกไม่ช้ำธรรมไม่เสีย เมื่อเป็นคนก็เป็น คนดี ตายแล้วก็เป็น ผีดี

พ้นจากผีก็เป็นเทวดา เข้า นิพพาน ได้อย่างดี

ในที่สุดนี้ขอ จงบอกเขาว่า ฉันดีใจกับความดีของคนไทยทุกคน... สวัสดี

การเจริญพระกรรมฐานในวันเดียวมีผล

ธรรมโอวาทหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ​

ทำกรรมฐาน รักษาอารมณ์ใจนี้ให้จริง คือ

นึกถึงความตายให้ทรงตัว

เคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ให้มั่นคง

มีศีลให้บริสุทธิ์

มีจิตรักพระนิพพาน

ถ้าทุกคนมีอารมณ์อย่างนี้

การเจริญพระกรรมฐานในวันเดียวมีผล

​

สักวันหนึ่งข้างหน้าเราจะต้องตาย

ในเมื่อความตายมาถึงเรา เราจะไปทางไหนเลือกทางไว้เลย

อย่าตายอย่างคนตาบอด เราว่าเราจะต้องออกจากบ้านหลังนี้

ก่อนจะไป สะสมทรัพย์อะไรบ้าง มีไว้เพื่อเป็นความสุขวันหน้าและข้างหน้า

ร่างกายอันนี้มันจะพัง พังเมื่อไรก็ไม่แน่ มันอาจจะพังเดี๋ยวนี้ หรืออีกสักครู่จะพัง

จะพังด้วยอาการอย่างไรเราก็ไม่ทราบ ฉะนั้นเราก็ต้องหาทางตัด ตัดด้วยวิธีไหน

ก็ตัดด้วยวิธีมรณานุสสติกรรมฐาน กันไว้ว่า ตายเมื่อไรก็ช่าง เป็นสังขารุเปกขาญาณ

พร้อมกันนั้นยึดอารมณ์พระนิพพานไว้เป็นอารมณ์

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

เครดิต...https://www.facebook.com/photo.php?fbid=260981850764030&set=a.102354906626726.1073741847.100562406805976&type=1&theater

เรื่อง..ปฏิปทาพระโพธิสัตว์​

สำหรับท่านที่บำเพ็ญตนซึ่งปรารถนาเป็น พระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ

คนที่ปรารถนาพุทธภูมินี่ต้องสร้างกำลังใจให้ถูกต้อง

มิฉะนั้นการก้าวเข้าสู่ฐานะพุทธภูมิจะไม่มีผล

สำหรับท่านที่ปรารถนาเป็นพุทธภูมิ เป็นของดี

แต่จะต้องทำความรู้สึกไว้เสมอว่า เราปฏิบัตินี้เพื่อประโยชน์แก่ชาวโลก

เราต้องการรื้อสัตว์ขนสัตว์ที่มีความทุกข์ให้มีความสุข

ฉะนั้นขณะใดที่กำลังใจปรารถนาพุทธภูมิ จิตจะต้องคิดอยู่เสมอว่า

ทุกข์ของตนไม่มีความหมาย แต่ว่าทุกข์ของชาวประชาทั้งหลาย

เป็นภาระของเรา เขาทำกำลังใจกันแบบนี้ หมายความว่า

เราจะทุกข์แค่ไหนนั้นมันเป็นเรื่องของเรา ไม่มีความสำคัญ

จิตใจของเรานั้นเราคิดว่าเราจะพ้นทุกข์ได้ เพราะว่าเราช่วยเหลือความสุข

แก่บรรดาประชาชนที่มีความทุกข์ ถ้าเราเปลื้องทุกข์ของเขาได้ เราก็เป็นคนหมดทุกข์

เราสร้างให้เขาเป็นคนมีความสุขได้ เราก็เป็นคนมีความสุข

จิตใจของพระโพธิสัตว์มีอารมณ์อย่างนี้ แต่ทว่าให้เป็นไปตามบารมี

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

เครดิต...https://www.facebook.com/photo.php?fbid=260974700764745&set=a.102354906626726.1073741847.100562406805976&type=1&theater

 

ประเทศไทย มีแหล่งปิโตเลียมจำนวนมาก จริงหรือไม่ ( ตอนที่ 1 )
​

(วันศุกร์ ที่ 7 มีนาคม 2557)​

http://www.oknation.net/blog/pasalarksee/2014/03/07/entry-1

คนไทยได้ประโยชน์อะไรบ้างจากการที่เรามีบ่อน้ำมันในประเทศ
​

http://www.oknation.net/blog/pasalarksee/2014/03/07/entry-2

ขอผู้อ่านกระทู้นี้ ต่อแต่นี้ไปต้องทำใจ​

เพราะกระทู้นี้ดังออกไปภายนอกในวงกว้าง สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้ที่มีข้อมูลทางวิชาการในด้านน้ำมัน ณ.ปัจจุบันมาก เพราะหลายส่่วนมันตรงกันกับข้อมูลที่พิสูจน์ชัดได้ใดยเทคโนโลยี่ปัจจุบันอย่างไม่น่าเชื่อ และเป็นที่สนใจของประชาชนคนไทยผู้ที่มีพื้นฐานด้านความเชื่อในแนวนี้มาก มีจำนวนผู้สนใจมากขึ้นทุกวัน เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็มีข่าวว่า มีกลุ่มบุคคล หรือกลุ่มทุน หรือกลุ่มอะไรซักอย่างนี่แหละ ทุ่มงบประมาณมหาศาล ให้มีการติดตามเรื่องเหล่านี้ในโลกไซเบอร์อย่างสู้ทุกเว็ป สู้ทุกเม็ด เพราะฉะนั้น กระทู้นี้ก็เป็นเป้าใหญ่มากเป้าหนึ่ง เพราะเป็นเรื่องสั่นคลอนอย่างรุนแรงต่อกลุ่มนี้มาก หวาดหวั่นมากๆ ก่อนที่เขาจะเข้ามา เขาได้ศึกษาคำสอนของหลวงพ่อเราอย่างกว้างขวาง เก็บข้อมูลย้อนหลังทั้งหมด แล้วจะแทรกเข้ามาในห้องหลวงพ่อ แล้วสร้างกระแสว่า มีคนนำเอาคำสอนขององค์หลวงพ่อ ไปอ้าง ไปหากิน หวังผลต่างๆนาๆ(ทำท่าเป็นเดือดเป็นแค้นราวกับว่าต้องตายกันไปข้างหนึ่งอย่างนั้น ทำเนียนเหมือนเป็นลูกศิษย์ที่ไกล้ชิด คอยปกป้องใครเอาหลวงพ่อไปหากินต้องข้ามศพฉันไปก่อน ก็ไม่ปาน) หวังให้คณะศิษย์ขององค์หลวงพ่อเป็นแนวร่วมมุมกลับร่วมต่อต้านเรื่องนำเอาคำสอนขององค์หลวงพ่อไปเผยแพร่โดยอ้างว่าเป็นการหาผลประโยชน์ ฯลฯ ดังนั้นถ้าเจอข้ออ้างทำนองนี้ ก็ขอทุกท่านต้องทำใจ เพราะกระทู้นี้ ตอนนี้ดังจริงๆ แต่กระทู้นี้คิดว่า จขกท.มีความประสงค์ที่จะเป็นการแบ่่งปันเฉพาะภายในของลูกศิษย์ขององค์หลวงพ่อด้วยกัน จึงแบ่งปันกันในเฉพาะห้องหลวงพ่อเราเท่านั้น ไม่ได้ใช้ข้อมูลทั้งหมดนี้เพื่อหวังผลประโ่ยชน์ใดๆเลย ส่วนที่เขาต่อสู้กันที่ภายนอก เราทั้งหลายเพียงรู้ก็สักว่ารู้เท่านั้นเราไม่ขอเกี่ยวข้องกับความเห็นและข้อมูลที่ไม่ตรงกันของแต่ละฝ่าย เพราะปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ส่วนที่ข้าพเจ้า นำข้อมูลภายนอกมาประกอบบ้าง ก็เฉพาะตอนที่เห็นว่าสิ่งนี้หลวงพ่อเราเคยบอกไว้ ก็เท่านั้น มีความประสงค์ให้ลูกศิษย์ขององค์หลวงพ่อเฝ้าจับตาดู ว่าใครเป็นมิตรแท้ต่อผลประโยชน์ส่วนรวม ใครเป็นมิตรแท้ต่อผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง อยากให้เฝ้าดูไปเรื่อยๆ และอยากให้ใช้วิจารณะญาณ จนกว่ากาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า มิตรแท้ของประเทศไทยมิตรแท้ ของผลประโยชน์ส่่วนรวมของชาติ คือฝ่ายไหนกันแน่ ก็เท่านี้ เพราะหน้าที่สู้เรื่องนี้ ไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของพวกเรา เพราะเราส่วนใหญ่ จะวางโลกไปมากแล้ว จะหนักแน่นในธรรมมากกว่าทางโลกเสียส่วนใหญ่ และอีกอย่างสังขารก็ร่วงโรยมากแล้วตามๆกัน

สัจจังเว อมตะ วาจา

วาจาที่พูดตามความเป็นจริงเป็นวาจาที่ไม่ตาย ​

 

เวลาเขียน ก็อ้างหลวงพ่อ แต่สิ่งที่หลวงพ่อบอก ดันไม่เชื่อ รู้ดีกว่าหลวงพ่ออีกนะนี่

 

๒๐ หัวเจาะ แล้วมันขุดได้วันละกี่บาเรลล่ะครับ ?

ที่อ้างรายงานว่า เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๓ เจอเท่านั้นเท่านี้ แล้วประเภทบอกว่า แอบส่งไปขายสิงคโปร์ แล้วทำกำไรหลอกคนไทยด้วยกัน

ถามหน่อยครับว่า มีกี่หลุม ?

ขอหลักฐานหน่อย

ถ้าหาไม่ได้ ผมช่วยหาให้ คุณมองทุกมุม จะได้เต้าข้อมูล เอ๊ย เอาข้อมูลจริง ๆ มาเผยแพร่ให้ดูดีสักหน่อย

ไหน ๆ ก็อ้างรายงานของหม่อมแล้ว ซึ่งหม่อมก็อ้างรายงานของกระทรวงพลังงาน เพราะฉะนั้น ถ้าว่าข้อมูลมันหลอกลวงคนไทย

ก็เอาข้อมูลมาให้ดูหน่อยครับ ว่าจริง ๆ เป็นอย่างไร


ปริมาณการสำรวจปิโตเลียม รายเดือน ข้อมูลเก็บไว้ตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๕๓


http://www.dmf.go.th/index.php?act=service&sec=monthlyReport&year=2010


ปริมาณการผลิตปิโตรเลียมรายเดือน ข้อมูลเก็บตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๓

http://www.dmf.go.th/index.php?act=service&sec=prodReport&year=2011


อยากรู้เหมือนกันว่า ๒๐ หัวเจาะที่สุพรรณ หรือที่อื่น ๆ มันเจาะได้วันละกี่บาเรลครับ ?

 

นี่ก็อีกประเด็น ถามแล้วก็ไม่เคยตอบ เปลี่ยนประเด็นไปใหม่ ๆ เรื่อย ๆ

ถามนานแล้ว ก็ไม่ตอบว่า


๑. ราคาขายน้ำมันที่หัวจ่าย ซึ่งเป็นน้ำมันที่กลั่นแล้ว จะให้ขายเท่ากับน้ำมันดิบที่ค้นพบเลย ใช่หรือไม่ ? (พูดง่าย ๆ กลั่นฟรี ไม่คิดเงิน)

๒. ย้อนกลับไปคำถามเดิม แล้วปริมาณที่ค้นพบจริง ๆ มีเท่าไร หลุมที่ว่าเจอ ๆ กนน่ะ ปริมาณการผลิตจริง ๆ มีเท่าไร ขอให้ตอบหน่อย

ข้อมูล Link ก็แปะไว้ให้แล้ว สรุปให้ผมฟังหน่อยก็ยังดี

 

แหม... ของเก่ายังไม่ตอบเลย จะตรวจสอบของใหม่แล้ว ฮ่า ๆ ๆ

เอา ๆ ผมขอเอาข้อมูลอีกด้านจากผู้รู้ด้านพลังงานมาให้อ่านกันครับ


======================================
======================================

ซึ่งถ้าเรานำเอามูลค่าของการผลิตปิโตรเลียมทั้งหมดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2524-2554 มาคิดเป็นรายได้จะเป็นเงิน 3,415 ล้านล้านบาท
หัก ต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 1,461 ล้านล้านบาท
คงเหลือเป็นรายได้หลังหักค่าใชัจ่าย 1,954 ล้านล้านบาท
สัดส่วนการแบ่งผลประโยชน์จากกำไรหลังหักค่าใช้จ่าย
รายได้รัฐ 1,166 ล้านล้านบาท (60%)
ผู้รับสัมปทาน 0.788 ล้านล้านบาท (40%)



ดังนั้นคิดยังไงๆส่วนแบ่งรายได้จากการให้สัมปทานปิโตรเลียมของไทยก็ไม่ใช่แค่ 12.5% อย่างที่ชอบเอามาอ้างๆกันใน social media และที่บอกว่าแม้แต่กัมพูชายังคิดส่วนแบ่งรายได้สูงถึง 70-80% นั้น ผมก็ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน เพราะวันนี้กัมพูชายังไม่ได้เริ่มขุดน้ำมันเสียด้วยซ้ำไป



ส่วนบางคนพอจนแต้มกับตัวเลขแบ่งปันผลประโยชน์ 60/40 ระหว่างรัฐกับผู้รับสัมปทาน ก็ดิ้นไปข้างๆคูๆว่า ต้องคิดจากตัวเลขก่อนหักค่าใช้จ่าย ถึงจะยอมรับได้


ถ้าอย่างนั้นผมว่าต้องให้ท่านไปตั้งบริษัทของท่านเองแล้วมาขอรับสัมปทานดูซิว่า ท่านจะทำได้ไหม !!!


มนูญ ศิริวรรณ

http://www.dailynews.co.th/Content/Article/25902/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2

 

เบื่อคนเอาหลวงพ่อฯ มาหากินเป็นที่ซู๊ดเลย คนประเภทนี้ ต้องรบกันให้แตกหักไปข้างหนึ่ง



ตารางผู้ถือสัมปทานปิโตรเลียม
ผู้ถือสัมปทานปิโตรเลียม


คุณสมบัติผู้ยื่นประมูลสัมปทาน
แปลงสัมปทานที่เปิดให้ยื่นขอ


ที่อ้างกันว่า ไปยื่นขอแล้ว ทางหน่วยงานราชการบอกว่าหมดแล้ว

เออ แปลกดีน่อ ทำไมหมดไวจัง

 

สาวกของผู้หวังดีต่อชาติ(มั้ง)นี่ ทำไมไม่หาข้อมูลให้แน่น ๆ หน่อยล่ะครับ ?

คือศาสดาของคุณ มากล่อมคุณให้คุณเชื่อ ก็เข้าใจอ่ะนะ แต่ไม่คิดจะตรวจสอบข้อมูลหน่อยเลยหรือ ?

ข้อมูลที่เอามาอ้างกันนี่ ตัดโน่นนิด ตัดนี่หน่อย เอามาแปะกันให้วุ่น บางข้อมูล มันก็มีอยู่แล้วบน internet ก็ไม่รู้ว่า ทำไมไม่ตรวจสอบก่อนจะเอามาลงกัน

หรือว่าศาสดาของคุณทำถูกทุกอย่าง ?


เนี่ย อย่างที่อ้างมาว่า ปี พ.ศ. ๒๕๔๓ มีลูกศิษย์หลวงพ่อ (อีกแล้วครับท่าน !!!)

ไปขอสัมปทาน ทางราชการบอกว่าหมด เต็มแล้ว


คำถามก็คือ

เนี่ย ข้อมูลปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ก็บอกไว้ชัดเจนว่า

ให้สัมปทานไปตั้ง ๘๗ แปลง ทั้งบนบกและในทะเล

คำถามก็คือ ไปขอช่วงไหนหรือ ถึงไม่ได้สักแปลง ?

นี่ผมมองโลกแบบแง่ดีสุด ๆ แล้วนะ




ข้อมูลประวัติการขอสัมปทานน้ำมัน
ประวัติการเปิดให้ยื่นขอสัมปทาน

 

ผมเชื่อว่า ถ้าหลวงพ่อฯ สั่งให้คนมาทำจริง อย่างชื่อหัวกระทู้ก่อน ผู้มาทำงานตามที่หลวงพ่อฯ สั่ง

คงไม่สะเพร่า เลินเล่อ ทำข้อมูลได้โหลยโท่ยขนาดนี้แน่ ๆ

เพราะผมว่า หลวงพ่อฯ น่าจะใช้คนที่มีคุณภาพหน่อย ไม่ใช่ประเภทนักเลงตัดแปะแบบนี้

พอโดนถามหนัก ๆ ขอแหล่งข้อมูล ก็เงียบแบบเดิม ไม่เคยตอบได้ แต่ก็ขยันอ้างอิงหลวงพ่อกันจัง

เรื่องที่จะเรียกแขกให้หลวงพ่อฯนี่ รู้สึกสาวกหม่อมกับเจ๊รถ จะถนัดเหลือเกิน

คนแบบนี้หรือจะมากู้ชาติ ??????????????????????????????????????????????????

ขนาดข้อมูลยังมั่วขนาดนี้ ยังจะคิดกู้ชาติกันอีกเนี่ยนะ ????????

 

แล้วข้อมูลปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ที่อ้างว่าขอไม่ได้สักแปลงนี่


ทานโทษนะฮะ ดูข้อมูลใน Link ดี ๆ นะฮะ สัมปทานปี พ.ศ. ๒๕๔๓ เนี่ย เหลือตั้ง ๑๓ แปลงนะครับ


เอ่อ ไปขอช่วงไหนหรือครับ ถึงขอไม่ได้


ประวัติการเปิดให้ยื่นขอสัมปทาน


แค่นี้ก็เห็นแล้ว ที่สังหรณ์ใจไม่ผิดเลย เอาหลวงพ่อมาหารับประทาน

คนแบบนี้ต้องอัดกันสักตั้ง ถ้ายังไม่เลิกหากินกับหลวงพ่อ ก็ต้องประกาศตัวเป็นศัตรูกันล่ะ !!!!!!!!!!

 

ผมล่ะเห็นใจทีมนักวิชาการทีมนี้จริง ๆ ครับ คงคร่ำเคร่งกับการปกป้องสิทธิของพี่น้องในชาติอยู่ จึงไม่มีเวลาไปอ่านข่าวเลย

ขอนำข่าวมาให้อ่านกันนะครับ



กรมเชื้อเพลิงฯ พบแหล่งน้ำมันดิบใหม่ที่สุโขทัย เริ่มผลิตแล้ว



กรมเชื้อเพลิงฯ พบแหล่งน้ำมันดิบใหม่ที่สุโขทัย เริ่มผลิตแล้ว



นายคุรุจิต นาครทรรพ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า บริษัท สยามโมเอโกะ จำกัด (ในเครือบริษัทมิตซุยออยล์ จากญี่ปุ่น)

ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแปลงสำรวจบนบกหมายเลข L10/43 และ L11/43 ซึ่งครอบคลุมเขตพื้นที่ 3 จังหวัด คือ สุโขทัย พิษณุโลก และอุตรดิตถ์ เริ่มทำการผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งน้ำมันดิบอรุโณทัยในเขตตำบลไกรใน อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2553 จากฐานผลิต อรุโณทัย - A ในอัตราการผลิตน้ำมันดิบประมาณ 500 บาร์เรล/วัน



อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวต่อไปว่า นับจากที่ได้รับสัมปทานตั้งแต่ปี 2547 บริษัทผู้รับสัมปทานได้ใช้เงินลงทุนในช่วงเวลา 6 ปีที่ผ่านมาแล้วกว่า 1,600 ล้านบาท และคาดว่าในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ (มี.ค.-ก.ค.) จะสร้างรายได้ให้แก่ประเทศจากการผลิตปิโตรเลียมเฉพาะในส่วนของค่าภาคหลวงเป็นเงินประมาณ 6,727,500 บาท


ซึ่งจะจัดส่งเป็นรายได้แผ่นดินผ่านกระทรวงการคลัง และจัดสรรแบ่งให้แก่องค์กรปกครองท้องถิ่น


โดย 1.จัดส่งเป็นรายได้แผ่นดินผ่านกระทรวงการคลัง ร้อยละ 40 คิดเป็นเงินประมาณ 2,691,000 บาท


2.จัดสรรให้องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือเทศบาลในพื้นที่สัมปทานที่มีการผลิตปิโตรเลียมร้อยละ 20 คิดเป็นเงินประมาณ 1,345,500 บาท


3.จัดสรรให้ อบต. หรือเทศบาลที่อยู่ในจังหวัด ที่มีพื้นที่ครอบคลุม การผลิตปิโตรเลียม ร้อยละ 10 คิดเป็นเงินประมาณ 6,727,500 บาท


4. จัดสรรให้ อบต.หรือเทศบาลอื่น (ทั่วประเทศ) นอกจากข้อ 2 และ 3 ร้อยละ 10 คิดเป็นเงินประมาณ 6,727,500 บาท และ


5. จัดสรรให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่มีพื้นที่ครอบคลุมการผลิตปิโตรเลียม ร้อยละ 20 คิดเป็นเงินประมาณ 1,345,500 บาท

นายคุรุจิต กล่าวว่า สำหรับน้ำมันดิบที่ผลิตจากแหล่งอรุโณทัยทั้งหมดจะถูกส่งไปกลั่นที่โรงกลั่นบางจาก เพื่อใช้ในประเทศ ซึ่งจะช่วยลดการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศได้ส่วนหนึ่ง โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมสนับสนุนและเร่งรัดการสำรวจและพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมภายในประเทศให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป

ที่มา : สำนักข่าวไทย
ผู้เสนอ : กลุ่มวิเคราะห์ข่าวและฐานข้อมูล สำนักโฆษก



กรมเชื้อเพลิงฯ พบแหล่งน้ำมันดิบใหม่ที่สุโขทัย เริ่มผลิตแล้ว

 

คงจะได้คำตอบแล้วนะครับ ว่า คนบ้างกง อ.กงไกรลาศ ได้ประโยชน์อะไรบ้าง!!!

ถ้ายังไม่ได้คำตอบ ผมจะคัดลอกคำตอบมาให้นะครับ



ซึ่งจะจัดส่งเป็นรายได้แผ่นดินผ่านกระทรวงการคลัง และจัดสรรแบ่งให้แก่องค์กรปกครองท้องถิ่น


โดย


1.จัดส่งเป็นรายได้แผ่นดินผ่านกระทรวงการคลัง ร้อยละ 40 คิดเป็นเงินประมาณ 2,691,000 บาท


2.จัดสรรให้องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือเทศบาลในพื้นที่สัมปทานที่มีการผลิตปิโตรเลียมร้อยละ 20 คิดเป็นเงินประมาณ 1,345,500 บาท


3.จัดสรรให้ อบต. หรือเทศบาลที่อยู่ในจังหวัด ที่มีพื้นที่ครอบคลุม การผลิตปิโตรเลียม ร้อยละ 10 คิดเป็นเงินประมาณ 6,727,500 บาท


4. จัดสรรให้ อบต.หรือเทศบาลอื่น (ทั่วประเทศ) นอกจากข้อ 2 และ 3 ร้อยละ 10 คิดเป็นเงินประมาณ 6,727,500 บาท และ


5. จัดสรรให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่มีพื้นที่ครอบคลุมการผลิตปิโตรเลียม ร้อยละ 20 คิดเป็นเงินประมาณ 1,345,500 บาท



ขอบคุณทีมงานวิชาการของหม่อมและเจ้รถไถนา ที่ช่วยถ่ายรูป และ คุณมองทุกมุมได้กรุณานำมาให้ดูนะครับ

ลป.

1 Barrel = 119.24 ลิตร

เพราะฉะนั้น ผลิตได้วันละ 500 บาเรล ก็เท่ากับ 500 X 119.24 = 59,620 ลิตร ต่อวัน นั่นคือกำลังการผลิตเมื่อปี 2553 นะครับ​

 

แต่ช้าก่อนนนนนนนนนนนน

บ่อนี้ ทำไมปริมาณการผลิตน้ำมัน มันถึงน้อยลง ๆ ไปเรื่อย ๆ ล่ะหนอ ????


เอาข่าวเก่ามาให้ดูกันอีกครั้ง



ไทยเฮสุโขทัยเจอน้ำมันอื้อ

โดย ข่าวสด วัน อังคาร ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2549 09:36 น.


นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า รับรายงานว่าขณะนี้มีผู้ผลิตเอกชนที่ได้รับสัมปทานปิโตรเลียมสามารถพบแหล่งน้ำมันดิบที่ จ.สุโขทัย จากการสำรวจเบื้องต้นจะสามารถผลิตน้ำมันดิบ 1,254 บาร์เรล/วัน และก๊าซธรรมชาติ 0.72 ล้านลบ.ฟุต/วัน เป็นของบริษัท มิตซุยออยล์ เอ็กโปซโปลเรชั่น (โมเอโกะ) ซึ่งสำรวจพบน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติหลุมสำรวจ อรุโณทัย-1 บนแปลงสำรวจ แอล 10/43 ตั้งอยู่ในบริเวณ อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ซึ่งใกล้กับแหล่งน้ำมันสิริกิติ์ ที่สามารถผลิตน้ำมันดิบบนบกที่ใหญ่ที่สุดของไทยขณะนี้


นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า บริษัท โมเอโกะ เริ่มต้นสำรวจปิโตรเลียมตั้งแต่เดือนม.ค.47 ซึ่งจะเริ่มต้นสำรวจเพิ่มเติมอีก 2 หลุม ในปี 2550 คาดว่าจะเริ่มผลิตได้จริงตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งในแถบจ.สุโขทัย เคยพบแหล่งน้ำมันดิบมาแล้ว 1 ครั้ง โดยบริษัท เชลล์ แต่ประสิทธิภาพของน้ำมันไม่ได้คุณภาพจึงไม่ได้ผลิตออกมาในเชิงพาณิชย์

สำหรับภาพรวมการขุดเจาะสำรวจแหล่งปิโตรเลียมในปีที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยพบแหล่งน้ำมันดิบและก๊าซในพื้นที่ใหม่ๆ ที่ไม่เคยพบมาก่อน ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานได้อย่างมาก และคาดว่ารัฐจะสามารถเก็บค่าภาคหลวงได้ถึง 37,000-38,000 ล้านบาท มีอัตราเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ในส่วนการอนุมัติสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 19 ทางกรมเชื้อเพลิงฯ เตรียมเสนอครม.อนุมัติจำนวน 4 แปลง ได้แก่ 1.บริษัทแพน โอเรียนท์ เจาะสำรวจบริเวณภาคกลาง แปลงแอล 53/48 2.บริษัท เพิร์ล ออยล์ ออฟชอว์ บริเวณอ่าวไทย แปลงจี 2/48 3.บริษัทนอร์ทเทิน กัลฟ์ บริเวณ อ่าวไทย แปลงจี 3/48 และ 4.บริษัทออฟพิเรนทัล บริเวณอ่าวไทย แปลงจี6/48 ซึ่งยังเหลือแปลงสัมปทานอีกประมาณ 12 แปลงที่ยังรอเข้าสู่การพิจารณาของครม. โดยจะพยายามพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในเดือนม.ค.2550

รายงานข่าวแจ้งว่า บริษัทสยามโมเอโกะเป็นบริษัทในเครือโมเอโกะ ปัจจุบันโมเอโกะ มีกิจการปิโตรเลียมในหลายประเทศ และมีรายได้หลักของบริษัทอยู่ในอ่าวไทย โดยมีผลผลิตปิโตรเลียมเท่ากับการผลิตน้ำมันดิบรวมทั้งสิ้นประมาณ 88,000 บาร์เรล/วัน

http://news.sanook.com/economic/8/economic_61209.php

ข่าวปี 2549 บอกผลิตได้ 1,200 กว่าบาเรล

ข่าวปี 2553 บอกว่าผลิตได้ 500 บาเรล / วัน

ททำไมผ่านไป 4 ปี กำลังการผลิตมันน้อยลงไปเรื่อย ๆ


ฮ้า สงสัยจะมีการโกงกินกันแน่ ๆ ล่ะงานนี้