รวมเรื่องปาฏิหาริย์ของพระสมเด็จ

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย pongio, 15 กรกฎาคม 2016.

  1. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    ปีระกาป่วงใหญ่ พ.ศ. 2416 หลังสมเด็จโตมรณภาพ 1 ปี เกิดอหิวาตกโรคระบาดในไทย ผู้คนล้มตายกันมาก สมเด็จโตได้เข้าฝันชาวบ้านบางช้างให้นำพระสมเด็จแช่น้ำทำน้ำมนต์กินรักษาโรค เมือคนกินแล้ว หายข่าวแพร่สะพัดเข้าพระกรรณ พระพุทธเจ้าหลวง จึงทรงนำพระสมเด็จที่ทรงเก็บไว้ แจกข้าราชการเป็นการใหญ่ ทำให้โรคระบาดสงบลงอย่างรวดเร็ว<o:p</o
    <o:p


    </o
    อย่าขนมามากมาย

    ร.อ.จวง ภักดีชุมพล เล่าว่า เมื่อพ.ศ. 2487 สงครามโลกครั้งที่ 2 เขารับราชการที่เพชรบูรณ์ ได้ห้อยพระสมเด็จคล้องคอไปด้วย
    นอกจากนั้น ยังพกเครื่องรางอื่น ๆ ไว้เต็มเอว วันหนึ่งมีไข้หนาวสั่น
    นอนคลุมโปงคิดไปว่าที่เขาลือกันว่าพระสมเด็จป้องกันไข้ป่าได้ท่าจะไม่จริงเสียแล้วพอหลับไป ก็ฝันว่ามีพระแก่รูปหนึ่งร่างกายสูงใหญ่ มาเขย่าปลุกให้ตื่นแล้วกล่าวว่า ก็เมื่อเจ้าเชื่อว่าเราจะป้องกันไข้ให้เจ้าได้แล้วทำไมเจ้าจึงขนเอาอะไรมาช่วยป้องกันอีกมากมายเล่า เมื่อตื่นขึ้นมาจึงก้มลงกราบหัวนอน กล่าวว่า
    ถ้าพระแก่ในฝันเป็นเจ้าพระคุณสมเด็จโตจริง ขอให้เขาหายไข้โดยจะไม่กินยาเลย แล้วจึงถอดเครื่องรางอื่นออกทั้งหมด
    รุ่งขึ้นอาการก็ดีขึ้น วันที่สองก็หายเป็นปลิดทิ้ง<o:p



    </o
    ประสบการณ์นิรันตรายเขานิมนต์มา

    มีพี่น้องสองคน คนโตเป็นอันธพาล อยู่ต่างจังหวัด
    คนน้องทำงานอยู่กรุงเทพ ทั้งสองมีลุงเป็นเศรษฐีไม่มีลูกจึงตั้งใจจะมอบสมบัติให้หลานทั้งสอง แต่ลุงรักน้องชายมากกว่า เพราะความประพฤติดี เป็นที่อิจฉาของพี่ชาย ต่อมาเมือลุงเสียชีวิต

    น้องชายเดินทางไปงานศพลุงที่ต่างจังหวัดก่อนเดินทางได้มาขอยืมพระสมเด็จบางขุนพรหมของ ครูเอื้อ สุนทรสนาน ติดคอไปด้วย เพราะไม่ไว้ใจพี่ชาย เมือไปถึงเวลาค่ำ พี่ชายให้ลูกน้องดักรอฆ่าน้องชายที่ท่าน้ำหน้าวัดแต่ลูกน้องก็หลีกทางให้ขึ้นเรือแต่โดยดี เมือเสร็จงานศพ
    รุ่งขึ้นน้องชายก็รีบกลับกรุงเทพ พี่ชายจึงวางแผนฆ่าในคราวทำบุญ 100วัน เมือถึงกำหนด น้องชายก็มาที่บ้านได้อีก พี่ชายจึงตามหาลูกน้องว่าทำไมไม่ลงมือ ลูกน้องบอกว่าไม่เห็นใครเลย มีแต่พระแก่ๆจากกรุงเทพอกว่าเจ้าภาพนิมนต์มางานบุญ 100 วันที่นี่ พี่ชายตกใจมาก คิดได้ว่าน้องชายคงมีของดีติดตัวมา จากนั้นมาน้องผู้นั้นได้พระสมเด็จมาบูชาติดตัวตลอดเพราะได้ช่วยชีวิตเขาไว้<o:p



    </o
    รถยนต์มหากาฬ

    นายแม่น ชลานุเคราะห์ ได้เล่าว่า มีพระสมเด็จห้อยที่คออยู่
    ขณะเดินทางไปรับแหวนอัศวิน จาก พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์
    เมื้อวันที่ 1 มกราคม 2495 ในความดีความชอบครั้งกบฏแมนฮัตตัน
    เขาเป็นผู้สื่อข่าวที่เสียงอันตรายเข้าไปทำข่าวระหว่างที่เดินจากปากคลองตลาดจะไปขึ้นรถเมล์ขาวที่เชิงสะพานเจริญรัช (ว.ป.ร. ) ขณะอยู่บนสะพานซึ่งเป็นทางโค้งพระสมเด็จที่คอก็เลื่อนหลุดเหมือนสร้อยขาดจึงชะงักอยู่กับที่เอามือทั้งสองกุมหน้าอกด้วยความตกใจทันใดนั้นเองก็มีรถเก๋งพุ่งแหกโค้งมาชนราวสะพาน
    ห่างจากตัวเขาเพียงก้าวเดียว เขายืนตะลึงอยู่กับที่เมือได้สติมองคนในรถ ล้มหน้าฟุบกับพวงมาลัย เลือดเต็มตัวหลังรถ เต็มไปด้วยอาเจียน แสดงว่าคนขับดื่มเหล้าฉลองปีใหม่มาเมื่อคืน<o:p



    </o
    นอนบ้านสายโจร

    พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร ได้เล่าเรื่องของนายตำรวจผู้หนึ่งขอสงวนนามให้ฟังว่า ได้รับคำสั่งไปสืบข่าวโจรในต่างจังหวัด และได้อาราธนาพระสมเด็จไปด้วย โจรชุมนี้มีสายอยู่มากเมื่อเดินทางไปถึง ก็ขอพักที่บ้านราษฎรคนหนึ่ง โดยที่ไม่รู้ว่าบ้านหลันี้เป็นสายให้โจร เมือเจ้าของบ้านรายงานให้หัวหน้าโจรทราบ ก็รีบเดินทางมาหมายจะฆ่าตำรวจพอเปิดมุ้งดูปรากกฎว่าเป็นพระแก่ๆ นอนจำวัดอยู่ในมุ้งเปิดดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจก็เห็นเป็นพระทุกครั้ง ขุนโจรจึงไม่ฆ่า เมือถูกจับได้ได้เล่าเรืองปาฏิหาริย์อันนี้ให้ฟัง<o:p



    </o
    มีดโกนหรือพระ ใครจะแน่กว่ากัน

    นายสำเภา สิริสัมพันธ์ เล่าว่า เมื่อเขาอายุ ได้ 14 ขวบ คืนหนึ่งประมาณตีสอง ระหว่างที่นอนกับพ่ออยู่ในบ้าน มีพระแก่ๆ ห่มจีวร
    มานั่งด้านซ้ายมือ เคี้ยวหมากยิ้มอยู่ ปกติเขาเป็นคนกลัวผี แต่วันนี้แปลกไม่กลัวเหมือนเคย จะปลุกพ่อก็ไม่กล้าสักครู่ใหญ่ก็หายไป ขณะนั้นไม่ทราบว่าท่านเป็นใครรุ่งเช้าเล่าให้พ่อฟังท่านบอกว่าอาจจะเป็นปู่ย่าตายาย กระมังจนเมื่อท่านได้เห็นรูปของเจ้าพระคุณสมเด็จ สอนหนังสือ รัชกาลที่ 5
    ก็จำได้ว่าเป็นคนเดียวกันที่เห็นคืนนั้นจึงเคารพนับถือสมเด็จโตเรื่อยมา ตั้งแต่ได้พระสมเด็จมาก็แขวนอยู่องค์เดียว ไม่ปลี่ยนแปลง
    จนเกิดเหตุการณ์วันที่ 10 พฤศจิกายน 2495 ได้มีการจับกุมนักการเมืองครั้งใหญ่ 276 คน รวมทั้งตัวเขาด้วยในข้อหากบฏ

    พวกอัศวินของกรมตำรวจ สมัย พล.ต.อ.เผ่า ทำเรืองเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่กวาดล้างคอมมิวนิสต์เพราะงบประมาณจากอเมริกา เข้ามาจำนวนมาก ข้าพเจ้าเลยถูกจับไปด้วยทั้งๆที่ ไม่รู้จักนักการเมืองเลยเพียงมีเพื่อนเป็นนักปฏิวัติเท่านั้น อัศวินของกรมตำรวจ ชื่อ พ.ต.ท.อรรณพ พุกประยูรซึ่งความจริงก็เป็นเพื่อนเทพศิริทร์ของข้าพเจ้าพร้อมด้วย ร.ต.ท.ประชา พูนวิวัฒน์ มาเบิกตัว ข้าพเจ้าหลังจากจับมา 2 เดือน ไม่ได้ความคืนหน้าอะไรเลย ข้าพเจ้าไม่ยอมไปเพราะเป็นเวลากลางคืน และไม่สบายอยู่ด้วยอีกอย่างได้ข่าวว่ามีการนำตัวไปสอบสวน และซ้อมให้รับสารภาพหรือฆ่าทิ้งไปก็หลายคน แต่ก็ไม่กลัวเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนกันมาคงไม่ทำอะไร จึงแต่งตัวและไม่ลืมพระสมเด็จติดตัวไปด้วยเมื่อขึ้นรถของพ.ต.ท.อรรณพ พุกประยูร เขาก็พูดขึ้นว่าต่อไปนี้ข้ากับเอ็งหมดความเป็นเพื่อนกันแล้ว มีอะไรก็ให้การไปอย่าคิดว่าจะได้รับการช่วยเหลือ ถ้าบอกความจริงและยอมเซ็นชื่อแล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย แต่ถ้าไม่ยอมก็มีเรืองกันละวันนี้ ข้าพเจ้านิ่งพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะมาไม้นี้ ตอบได้เพียงว่าผมไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ เขาพูดว่า ปากแข็ง ดีแล้วไม่ยอมให้การ จนถึงท่าวาสุกรี มีเรือชื่อ พิชิตธุรการ เป็นเรือตรวจฝั่งของตำรวจจอดอยู่ เขาสั่งว่า เอามันไปลงเรือ แล้วก็แล่นเรือออกปากแม่น้ำเจ้าพระยาในเรือมีตำรวจอัศวินหลายคน คือ พ.ต.อ.พันศักดิ์ วิเศษภักดี พ.ต.ท.อรรณพ พุกประยูร พ.ต.ท.พุฒ บูรณสมภพ พ.ต.ท.วิชิต รัตนภานุ ร.ต.ท.ประชา พูนวิวัฒน์ และพวกตำรวจสันติบาลเล็กอำประมาณ 3 คนคอยรับใช้อยู่นอกห้องเคบิน
    อัศวินอรรณพ เริ่มสอบสวน ให้ข้าพเจ้าเซ็ยชื่อในคำให้การที่พิมพ์มาแล้วและจะให้ประกันตัว กันเป็นพยาน ข้าพเจ้ารู้ดีว่าถ้าเซ็นไป<o:p

    </o

    จะมีคนเดือดร้อนอีกมาก เช่น น.ต.มนัส จารุภา กับพวกทหารเรือ
    น.อ.ต.พร่างเพชร บุณยรั้ตพันธ์ กับพวกทหารอากาศ พ.ท.สาลี่ ร.อ.พิมพ์กับพวกทหารบก ซึ่งถูกจับรวมกันตั้งข้อหาว่าเป็นกังกับขบวนการนักศึกษาธรรมศาสตร์อีก 30 คน พร้อมด้วยท่านผู้หญิงพูนสุขกับลูกๆ และพวกอิสาณสัมพันธ์ กับนักศึกษาธรรมศาสตร์อีก 50 คนข้อหาแบ่งแยกดินแดน นอกจากนี้ยังมี นักหนังสือพิมพ์ เช่น
    อารีย ริวีระ นายสละ ลิขิตกุล นายอุทร พลกุล นายกุหลาบ สายประดิษฐ์คุณเจริญ สืบแสง ในข้อหาว่าเป็นหัวหน้าแบ่งแยกดินแดนจังหวัดปักษ์ใต้พร้อมพวก อีก 30 คน เมื่อข้าพเจ้าไม่เซ็นคำให้การ พ.ต.ท. อรรณพ ก็ตบหน้าข้าพเจ้าอย่างแรง
    แล้วพูดว่า มึงปากแข็งดีนัก ดีแล้วอย่าอยู่เลย จะจัดการเสีย

    แล้ว
    ทุกคนก็ออกจากห้องเคบิน สักครู่ เขาก็เข้ามาด้วยอาการเมามีคนโยนมีดโกนเป็นสนิมอันหนึ่งลงมา เขาพูดว่า สส.พร ก็ตายด้วยมีดโกนอันนี้ ถูกใส่กระสอบถ่วงน้ำไว้ในทะเลแถวนี้ มึงอยากตายตามสส.พร ใช่ไหม ใคร ๆ เขาว่ามึงมีพระดีใช่ไหม แล้วเขาก็เอามีดโกนเขี่ยสร้อยพระสมเด็จที่คอ แล้วพูดต่อว่า จะได้รู้กันว่าพระจะแน่หรือมีดโกนจะน่ากว่า ถ้ามึงไม่ยอมเซ็นก็จะได้รู้กันละ ทันใดนั้น ร.ต.ประแสร์ อุณจิตร ต้นกลเรือ พร้อมด้วยลูกเรือ 6 คน
    เข้ามา อ้อนวอนว่า ท่านรองผมขอเถอะครับ คนๆนี้มีบุญคุณกับพวกผมถ้าจะทำอะไร ไปทำลำอื่นเถอะครับ ในเวลานั้นเอง เกิดพายุพัดกระหน่ำเรือ พวกอัศวินทั้งหลายวิ่งเข้ามาในเรือ เมาเรืออ้วกแตก สลบไปทุกคน ผมจึงรอดมาได้<o:p

    </o
    พระมงคลราชมุนี (เจ้าคุณสนธิ์ วัดสุทัศน์ ) เล่าให้ฟังว่า มีข้าราชการบำนาญคนหนึ่งเคยไปมาหาสู่ท่านเสมอ เคยได้พระสมเด็จไว้องค์หนึ่งบริเวณหน้าวัดสุทัศน์ โดยปลิวมากับลมพายุแล้วปะทะที่หน้าอกตกลงในกระเป๋าเสื้อ พอดี รักษาไว้หลายปีและอำนวยลาภผลมากอยู่ต่อมาก็หายไปจากตู้พระที่ใส่กุญแจแน่นหนา จากนั้น 7 วันก็เกิดเพลงไหม้บริเวณเสาชิงช้า เผาบ้านวอดวาย เจ้าคุณสนธิ์ ท่านเล่าต่อว่าพระกริ่งของท่านก็เช่นเดียวกัน บางองค์ก็หายจากบาตรที่ครอบไว้แล้วกลับมาอยู่ที่เดิม แต่บางองค์ก็อ่อนคุณวิเศษ ทั้งๆ ที่สร้างพร้อมกัน<o:p</o
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2016

แชร์หน้านี้

Loading...