รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 10)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย karan20, 13 ตุลาคม 2011.

  1. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุพระโสดาบัน"
    หลักสูตรออนไลน์ 30 ชั่วโมง
    (ชั่วโมงที่ 10)

    เกริ่นนำ

    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุพระโสดาบัน" ดำเนินมาถึงบทที่ 10
    พร้อม ๆ กับข่าวที่คุณตันผู้บริจาครายใหญ่กลายเป็นผู้ประสพภัยพิบัติเสียเอง

    อ่านเพิ่มเติม
    ภัยพิบัติกับคนดีชื่อ 'ตัน' และพระโสดาบันชื่อ 'อนาถบิณฑิกะ'


    ในหลวงท่านได้ทรงสั่งสอนเรา
    ผ่านพระราชนิพนธ์เรื่อง 'พระมหาชนก'
    เรื่องความเพียร ความมีสติ ความอดทนในยามที่ต้องประสพกับภาวะวิกฤติที่ยากลำบาก
    ตลอดจนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและตั้งอยู่ในศีลธรรม

    ขอให้สังเกตการเตรียมพร้อมของพระมหาชนกเมื่อรู้ตัวว่าจะประสพภัยพิบัติ
    ท่านมีสติเตรียมเสบียงคือน้ำตาลคลุกเนยกินเข้าไปจนอิ่ม
    การไม่งอมืองอเท้ารอความช่วยเหลือไม่ว่าจากมนุษย์ด้วยกันเอง
    หรือแม้กระทั่งเทวดา นางฟ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์

    ในขณะที่คนอื่น ๆ มัวตื่นกลัว หรืออ้อนวอนทำพิธีขอร้องเทวดา

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมช่วยผู้ที่คิดจะช่วยเหลือตัวเองก่อน
    สิ่งสำคัญคือเรามีความดีคู่ควรพอที่จะทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์์
    เช่น เทวดา นางฟ้ารู้สึกผิดมหันต์บ้างไหมถ้าจะไม่ช่วยเรา

    ในยุคภัยพิบัตินี้แค่การบริจาคทานไม่เพียงพอนะครับ
    สิ่งสำคัญคือการเคารพพระรัตนตรัยอย่างแท้จริงและมีศีลที่บริืสุทธิ์เท่านั้น
    ครูบาอาจารย์ท่านว่าอย่างนั้น ขอเชิญทุกท่านพิจารณาและตัดสินใจเอาเอง

    ก่อนเข้าสู่การเรียนรู้ในชั่วโมงนี้ ขอย้ำว่าต้องทำการบ้านของทุกบทนะครับ.



    สรุปทบทวนจากชั่วโมงที่ 9


    ในพระราชนิพนธ์พระมหาชนก
    แม้ขณะพระมหาชนกท่านกำลังว่ายน้ำกลางมหาสมุทร และว่ายน้ำมาแล้วถึง 7 วัน
    เมื่อทราบว่าเป็นวันวันอุโบสถ (วันพระ) ท่านก็สมาทานศีล 8
    แสดงให้เห็นว่าท่านย่อมมีศีล 5 เป็นปกติ และสมาทานศีล 8 ในวันพระ

    พวกเรามีคุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก
    บุคคลที่มั่นคงในคุณพระศรีรัตนตรัยจริง ๆ จะไม่เป็นอันตรายด้วยอุบัติเหตุต่าง ๆ ยกเว้นว่าหมดอายุขัย
    และอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า ท้าวจาตุมหาราช ท่านเคยให้พรไว้ว่า
    "บุคคลใดก็ตาม ถ้าตั้งใจปฏิบัติเพื่อความเป็นพระโสดาบันขึ้นไป ท่านจะตามคุ้มครองตลอดชีวิต"



    ท่านผู้อ่านจะเป็นผู้ที่อาจหาญกล้าพอจะประกาศ ต่อเทพ พรหม เทวดา นางฟ้าทั้งหลายหรือไม่ว่า
    " เราเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า เราเป็นลูกพระตถาคต เรามีศีล 5 บริสุทธิ์์
    ภยันอันตรายทั้งหลายเหล่านี้จะมีแก่เราไม่ได้
    "



    (ชั่วโมงที่ 10)

    ศีล 5 ดูเหมือนเป็นยาขมหม้อใหญ่เกินกว่าบางคนจะดื่มได้
    รู้ว่าดี แต่คิดว่ายาก

    เหตุผลของคนจำนวนมากที่ไม่สามารถบรรลุพระโสดาบันได้คือ
    ไม่สามารถรักษาศีล 5 ได้ และเหตุผลที่บอกว่ารักษาศีล 5 ไม่ได้นั้นก็คือ

    1. จำเป็นหรือเผลอตบยุง ฆ่ามด
    2. จำเป็นต้องโกหก
    3. จำเป็นต้องดื่มเหล้า


    สิ่งที่น่าคิดว่าถ้ามันจำเป็นสำหรับเราจริง ๆ
    แล้วมันไม่จำเป็นสำหรับคนอื่นหรือ ? ทำไมคนอื่นเขารักษาศีลกันได้

    ถ้ามันยากเกินไปพระพุทธเจ้าคงไม่กำหนดให้เป็นคุณสมบัติขั้นต้น
    ปัญหาจริง ๆ มันอยู่ที่เรายังไม่เห็นความสำคัญและวางกำลังใจไม่ถูกต้อง

    ไม่เห็นความสำคัญคืออะไร
    ถ้ามีคนจ้างให้เรารักษาศีล 5 โดยจ้างเป็นเงินเดือน ๆ ละ 5 หมื่นบาท
    เราจะทำได้หรือไม่ คิดว่าน่าจะทำได้
    นี่ก็แสดงว่าเราให้ราคาพระโสดาบันน้อยกว่าเงิน 5 หมื่นบาท
    เราเห็นเงิน 5 หมื่นดีกว่าพระโสดาบัน
    แล้วเราคิดว่าพระโสดาบันมีมูลค่าเท่าไหร่ ? พระนิพพานมีมูลค่าเท่าไหร่ ?

    อีกตัวอย่าง
    สมมติว่ามีโจรก่อการร้ายจับคนในครอบครัว หรือจับคนที่เรารัก
    เช่นจับแฟนหรือลูกของเราไว้เป็นตัวประกัน
    แล้วบอกว่าห้ามเราฆ่าสัตว์ เช่น มดหรือยุงเด็ดขาด
    มิฉะนั้นทยอยฆ่าคนที่เรารักทีละคน ต่อสัตว์หนึ่งตัวที่เราฆ่า
    ถามตัวเองว่าเราจะงดเว้นการฆ่าสัตว์เล็ก ๆ เหล่านั้นได้หรือไม่
    ระหว่างชีวิตยุงมด กับชีวิตลูกเราอะไรมีค่ากว่ากัน
    เราคงอุทานว่า โถ ! โจรกระจอก เรียกร้องอะไรง่าย ๆ อย่างนี้
    ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าหากเราให้ความสำคัญกับศีล เราก็รักษาศีลได้

    แล้วชีวิตเราล่ะสำคัญไหม เราจะต้องมาแก่ มาเจ็บ มาเจอภัยพิบัติ มาผิดหวัง
    ต้องกลับมาตายซ้ำแล้วซ้ำอีกกี่ครั้งในวัฏฏะอันน่าสงสารนี้ เราจึงจะเห็นความสำคัญของศีล

    เรื่องของการวางกำลังใจในการรักษาศีลไม่ถูกต้อง
    คือตั้งใจรักษาศีลด้วย หิริโอตัปปะ แต่เพียงอย่างเดียว
    เพราะการรักษาศีลด้วยความละอายและเกรงกลัวต่อบาปกรรมนั้น
    ผลที่ได้จึงกลายเป็นการรักษาศีลแบบเกร็ง ๆ เพราะมัวแต่กลัว
    กลัวจะบาป กลัวจะตกนรก กลัวจะเป็นคนไม่ดี
    รักษาศีลแบบนี้เป็นของหนัก เพราะศีลไม่ได้รักษาเรา
    เหมือนเราแบกศีลไม่ใช่ถือศีล
    เลยรู้สึกว่าศีลไม่ทำให้เราเย็นเลย เพราะศีลไม่รักษาใจ


    หิริ โอตัปปะ เป็นคุณธรรมของเทวดา ทำให้เป็นเทวดาได้ก็จริง
    แต่อาจไม่เพียงพอจะสามารถเป็นพระโสดาบันได้

    เพราะกลัวบาปใจจึงไม่เป็นสุข
    และการกลัวบาปนั้น ถ้าเจอยุงตัวเล็ก มดตัวเล็ก ๆ ก็คิดว่าบาปน้อย
    เผลอ ๆ ก็ตบซะหน่อย ไม่บาปเท่าไหร่ อยากมากัดฉันมันก็สมควรตาย
    แล้วพอเห็นคนที่ไม่แม้แต่ตบยุง บี้มด
    ก็อาจเห็นเป็นเรื่องขบขัน นึกว่าโถกลัวบาป ไม่กล้าฆ่าแม้แต่สัตว์เล็กสัตว์น้อย
    ถ้าคิดแบบนี้คือยังรักษาศีลแบบลูบๆ คลำ ๆ ยังไม่หนักแน่นในศีล
    แบบนี้ไปสวรรค์ได้ แต่ยังไม่ใช่พระโสดาบัน ยังมีสิทธิ์ไปอบายภูมิ

    การจะเป็นพระโสดาบัน คือมีศีล 5 บริสุทธิ์นั้น
    พระโสดาบันรักษาศีลด้วยเพราะรักและเคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์
    พระโสดาบันรักษาศีลโดยใช้พรหมวิหาร
    คือรักษาศีลเพราะมีความเมตตากรุณาต่อตัวเองและสัตว์ทั้งหลาย
    เมื่อรักษาศีลเพราะมีจิตเมตตากรุณาจึงไม่ปราถนาจะเบียดเบียนใคร ๆ
    ยิ่งเป็นสัตว์เล็กสัตว์น้อย ยิ่งเมตตาเพราะเห็นว่า
    ที่เขาต้องมาเสวยกรรมเป็นสัตว์เดรัจฉานแบบนี้ก็มีทุกข์มากอยู่แล้ว
    สัตว์เหล่า ๆ นี้ ในอดีตก็เป็นมนุษย์มาก่อนแต่ไม่มีศีล
    สัตว์เหล่า ๆ นี้บางทีอาจจะเคยเป็นญาติ เป็นพ่อแม่หรือคนรักของเราก็ได้
    หากเจริญเมตตาแบบนี้จนจิตเริ่มชิน ศีลจะเริ่มค่อย ๆ เป็นฝ่ายรักษาเราแทน
    จิตจึงรู้สึกเบาเพราะศีลไม่ได้เป็นภาระ
    แต่กลายเป็นเหมือนเสื้อชูชีพคอยประคับประคองใจและกายในยุคแห่งภัยพิบัติ


    จริงอยู่ที่การฆ่าคนและสัตว์ใหญ<wbr>่นั้นบาปกว่าฆ่าสัตว์เล็ก
    แต่การงดเว้นที่จะฆ่าสัตว์เล็กเ<wbr>ช่นยุงและมดนั้น
    ต้องใช้กำ<wbr>ลังเมตตาที่สูงยิ่งกว่า...
    เป็นบ<wbr>ุญยิ่ง
    ผู้มุ่งเจริญเมตตาหรือพรหมวิหาร
    <wbr>จึงไม่ประมาทว่าชีวิตสัตว์เล็กน<wbr>ั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย

    การไม่ฆ่าสัตว์ใหญ่นั้น บางครั้งอาจเป็นเพราะไม่มีโ<wbr>อกาสบ้าง
    ไม่มีความจำเป็นบ้าง (เพราะมีสัตว์ที่ตายแล้วขาย<wbr>ในตลาด)
    เพราะเกรงกลัวกำลังความดุร้<wbr>ายบ้าง เพราะมีกำลังเสมอกันบ้าง
    เพราะมีกำลังต่างกันบ้าง เพราะกลัวอาญาแผ่นดินบ้าง
    เพราะกลัวการถูกแก้แค้นจากบ<wbr>ริวารของสัตว์เหล่านั้นบ้าง<wbr>
    แต่การฆ่าสัตว์เล็ก เช่น มดและยุงซึ่งด้อยกว่าในทุกๆ<wbr>ด้านนั้นเป็นเรื่องง่าย
    การยับยั้งงดเว้นไว้จึงต้องใช้กำลังเมตตา นอกจากนี้ยังต้องมีปัญญา

    คนที่คิดจะรักษาศีลนั้นเพราะมีปัญญา
    เห็นว่าศีลนี่เป็นของดี พระพุทธเจ้าท่านถึงตรัสสอน ถ้าไม่ดีท่านคงไม่สอน
    แล้วการจะรักษาศีลโดยที่ตนเองไม่เดือดร้อนก็ต้องมีปัญญา
    เช่น ถ้ายุงรบกวนเรา แต่เราไม่ต้องการฆ่า เราก็ต้องหาวิธีไล่หรือป้องกันวิธีอื่น
    ไม่ใช่อยู่เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร

    เรื่องการงดเว้นการโกหก เช่นกัน
    หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านเทศนาว่า
    คำว่า “มุสา” นี่ต้องทำลายผลประโยชน์เขา
    แต่นี่เราทำเพื่อรักษาผลประโยชน์เรา ใช่ไหม...
    ยังไม่อยู่ในเกณฑ์มุสา อย่างนี้เขาไม่ถือว่าขาดศีล 5

    รายละเอียดเพิ่มเติมนั้นข้อให้อ่านและศึกษาเพิ่มเติมเอาเองตามลิงค์ด้านล่างนี้
    เพราะผู้เขียนเห็นว่ามีหลายกรณี ไม่ขอแสดงไว้ในที่นี้เพราะจะดูเยิ่นเย้อเกินไป

    หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงตอบปัญหาเรื่องการรักษาศีล อ่านเพิ่มเติมที่นี่

    ส่วนศีลข้ออื่น ๆ ก็จะรักษาไว้ได้ด้วยกำลังใจแบบเดียวกัน
    เช่น การงดเว้นดื่มสุราของมึนเมานั้น
    เพราะมีเมตตาต่อสุขภาพตัวเอง และการขาดสติเป็นการขัดต่อการทำดี เช่น การเจริญสติปัฏฐาน
    เมตตาต่อคนอื่น ๆ เพรากลัวว่าอาจจะไปก่ออุบัติเหตุ หรือทำร้ายผู้อื่น
    เมตตาต่อคนในครอบครัว ไม่อยากให้คนที่รักเราต้องเป็นทุกข์เป็นกังวลใจ

    เมื่อรักษาศีลข้อแรกได้เพราะวางกำลังใจได้ถูก
    ศีลข้ออื่น ๆ ก็รักษาได้เช่นเดียวกัน

    ครูบาอาจารย์ท่านว่า คนฉลาดเค้าไม่ต้องรักษาศีล
    เค้ารักษาใจอย่างเดียว มีเมตตาไม่คิดจะเบียดเบียนประทุษร้ายใคร
    ถ้ารักษาใจได้ อย่าว่าแต่เพียงศีล 5 เลย ต่อให้ศีล 227 ข้อก็รักษาได้

    การรักษาศีลนั้น ต้องประกอบด้วยเมตตาและปัญญา
    การยอมรักษาศีล แท้จริงคือการยอมให้ศีลรักษาเรา


    เรื่องการปฏิบัติและการรักษาศีลโดยใช้ปัญญาและกำลังใจที่ถูกต้องนั้น
    ขอฝากให้ไปฟังเพิ่มในไฟล์เสียงที่เป็นการบ้านของบทที่ 10 นี้

    บทนี้มีการบ้าน 5 ข้อนะครับ


    สวัสดี.


    - จบชั่วโมงที่ 10 -

    การบ้านของชั่วโมงที่ 10 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง [​IMG] การบ้านบทที่ 10.mp3
    วิธีการฟัง :
    ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย
    ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรม
    ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง
    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    4. อ่านเพิ่มเติม เรื่องหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงตอบปัญหาเรื่องการรักษาศีล
    อ่านเพิ่มเติมที่นี่
    5. อ่านนอกเวลา
    ภัยพิบัติกับคนดีชื่อ 'ตัน' และพระโสดาบันชื่อ 'อนาถบิณฑิกะ'

    ส่งการบ้านและพูดคุยกันได้ที่นี่
    สำหรับท่านที่ไม่ได้สมัครสมาชิกเว็บพลังจิต เชิญพูดคุยแนะนำกันได้ที่ Facebook กาขาว


    ทบทวนย้อนหลัง
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 1)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 2)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 3)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 4)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 5)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 6)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 7)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 8)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 9)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2011
  2. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    อย่าทะนงตน คิดว่าเราเป็นคนดี ถ้าคิดว่าดีเป็นผู้วิเศษเมื่อไร<wbr>
    เมื่อนั้นแหละกรรมใหญ่ อันตรายใหญ่จะมาถึงท่าน ที่เราเรียกกันว่า.. "ความประมาท"

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมย<wbr>าน
    (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
     
  3. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
  4. eee

    eee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +23
    การบ้านของชั่วโมงที่ 10 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ รู้สึกมีกำลังใจ และได้เข้าใจเรื่องศีลมากขึ้นเป็นผลทำให้ละทิ้งกรรมเก่าๆที่ปราศจากเจตนา เช่น ฆ่ามดโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้จิตใจผ่องใสและจะไม่กลับไปคิดสงสัยอีกค่ะ
    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง การบ้านบทที่ 10.mp3
    วิธีการฟัง :
    ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย
    ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรม
    ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง
    ตอบ ฟังแล้วค่ะ
    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    ตอบ ฟังจบแล้ว เข้าใจเรื่องศีลบริสุทธิ์มากขึ้น ชอบตรงเราฝืนกรรมของใครไม่ได้ แม้จะไม่เจตนาทำให้เขาตาย แล้วก็ตรงให้ยอมรับกฎของความเป็นจริง
    4. อ่านเพิ่มเติม เรื่องหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงตอบปัญหาเรื่องการรักษาศีล
    อ่านเพิ่มเติมที่นี่
    ตอบ อ่านแล้วค่ะ ได้ความรู้ในทางที่ถูกที่ควรค่ะ
    5. อ่านนอกเวลา
    ภัยพิบัติกับคนดีชื่อ 'ตัน' และพระโสดาบันชื่อ 'อนาถบิณฑิกะ'
    ตอบ อ่านแล้วค่ะ รู้สึกยินดีกับคุณตันมากๆๆๆๆๆ ถือเป็นแบบอย่างสำหรับคนรวยสมัยนี้นะคะ จริงๆคนไม่รวยก็ทำได้ค่ะ
     
  5. thitarat

    thitarat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +203
    สวัสดีค่ะ

    ขอส่งการบ้านบทที่ 10 ค่ะ (ส่งด้วยความตั้งใจค่ะ ตั้งใจอ่าน ตั้งใจฟังและพิจารณาธรรมตั้งแต่เมื่อวาน จนถึงวันนี้ จดคำตอบไว้ เพื่อมาตอบโดยเฉพาะค่ะ)

    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ดิฉันรู้สึกว่าการเรียนในวันนี้ เป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ในชีวิตจริง รู้สึกเห็นด้วยกับการรักษาศีล เพราะดิฉันเคยได้ฟังพระเทศน์ผ่านวิทยุก่อนหน้านี้ในเรื่องเบญจศีล เบญจธรรม และรู้สึกเห็นด้วยกับการรักษาศีล และรู้สึกว่า ทำไมตัวเองจะทำไม่ได้ และเคยได้สนทนาธรรมกับพระอาจารย์ก่อนหน้านี้มาแล้ว ดิฉันเข้าใจว่า การตั้งใจมั่นรักษาศีลเป็นสิ่งง่าย เพราะมีความตั้งใจเป็นทุนเดิม และเมื่อตั้งใจจะทำให้ดี ย่อมต้องทำให้ได้โดยไม่มีข้อยกเว้น ดังบทเรียนก่อนหน้านี้ที่ว่า ยอมตายเสียดีกว่าจะเอาดีไม่ได้

    แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ดิฉันก็ยังไม่อาจวางใจได้ว่าการรักษาศีลนี้จะเป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย เพราะต้องเฝ้าระวังตนเองไม่ให้ประมาท ไม่ให้ผิดศีล จากที่แต่เดิมคิดแต่เพียงไม่ให้ผิดศีลทางวาจาและการกระทำ ต้องเพิ่มมิให้ผิดศีลทั้งทางกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ต้องเตือนตนให้ทำดีให้เป็นนิสัย และตั้งสัจจะอธิษฐานว่าจะใช้ชีวิตทั้งหมดที่เหลือจากนี้ไปในทางสายธรรมค่ะ

    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    จากการฟังในเรื่องการรักษาศีล ทำให้ดิฉันได้ทราบว่า การรักษาศีลเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มิใช่แต่เพียงยึดถือการรักษาศีลตามที่ได้อ่านมา 5 ข้อ เพียงแต่ว่าไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดปด ไม่ดื่มสุรายาเสพติด แต่ต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่างๆตามมา เช่น ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ทำให้ใครเจ็บปวด โดยอาศัยเมตตา กรุณา เป็นฐานในความคิด อย่าเพียงแต่รักษาศีลเพียงสักแต่รักษา แต่ต้องให้ศีลรักษาเรา และเราต้องรักษาศีลด้วยความไม่ประมาทด้วย

    4. อ่านเพิ่มเติม เรื่องหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงตอบปัญหาเรื่องการรักษาศีล
    จากการอ่านเรื่อง หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงตอบปัญหาเรื่องการรักษาศีล ทำให้ดิฉันเข้าใจในความละเอียดอ่อนของการรักษาศีล ว่าการรักษาศีลเป็นหนึ่งในการขัดเกลาตัวเองให้มีกิเลสลดลง และสามารถปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบได้เพิ่มมากขึ้นด้วยการมีความเมตตา กรุณา

    นอกจากนี้ จากการอ่าน ทำให้ทราบว่าดิฉันยังประมาทในการรักษาศีลอยู่ เนื่องจากไม่ขาดศีล 5 แต่ยังละเลยการประพฤติตนตามกรรมบถ 10 โดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้น หลังจากการอ่านในบทเรียนนี้แล้ว ดิฉันจำต้องเพิ่มความระแวดระวัง และมีความไม่ประมาทในกรรมบท 10 โดยเฉพาะไม่พูดส่อเสียดให้เขาไม่แตกแยกกัน และไม่นินทาชาวบ้าน

    แต่อย่างไรก็ตาม ในข้อนี้ดิฉันก็ยังสงสัยอยู่ว่าเมื่อไรจึงจะหมายความว่านินทา และเมื่อไรจึงจะหมายความว่าไม่นินทา เพราะ

    ถ้าเรายกตัวอย่างบุคคลที่ 3 มาเพื่อเป็นตัวอย่าง และเรากล่าวถึงเขา จะหมายถึงการนินทาหรือไม่?

    หรือถ้าเรากล่าวถึงบุคคลที่ 3 แล้วต้องการวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของเขา ทั้งในแง่ดี และแง่ไม่ดี เพื่อเป็นบทเรียนให้เราปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ สิ่งนี้ถือเป็นการนินทาหรือไม่?

    หรือแม้แต่ การกล่าวถึงบุคคลที่ 3 ในทางที่ไม่ดี เพื่อเป็นบทเรียนให้กับเรา ในการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ สิ่งนี้ถือเป็นการนินทาหรือไม่?

    เพราะใจจริงแล้วเจตนาเรามิได้ต้องการจะนินทา แต่ด้วยการกล่าวถึงบุคคลที่ 3 ก็อาจจะมีขอบเขตการตีความที่กว้างขวาง และครอบคลุมไปได้ถึงการนินทา

    5. อ่านนอกเวลา ภัยพิบัติกับคนดีชื่อ 'ตัน' และพระโสดาบันชื่อ 'อนาถบิณฑิกะ'
    ในการอ่านนอกเวลาครั้งนี้ อ่านแล้วทำให้ดิฉันรู้สึกอนุโมทนากับคุณงามความดีของทั้งสองท่านในการทำความดี ไม่ว่าจะเป็นในเวลาใดก็ตาม และทำให้คิดถึงความสอดคล้องของบทเรียนก่อนหน้านี้ที่เราจำเป็นต้องปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา อย่างต่อเนื่องให้เป็นอารมณ์ เป็นนิสัย และทำให้ดิฉันต้องการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบให้ได้อย่างสองท่านนี้

    ขอบพระคุณค่ะ และขอให้เจริญในธรรมนะคะ

    ฐิตารัตน์
     
  6. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ"
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า "เจตนาคือกรรม"



    ดูที่เจตนาว่าเป็นกุศลหรือเป็นอกุศลขณะที่พูด
    หรือกล่าวอีกอย่างว่าพูดด้วยเจตนากุศลหรืออกุศล
    พูดง่าย ๆ คือประสงค์ดีหรือประสงค์ร้าย
    ทั้งต่อตนเอง ต่อผู้ฟัง และต่อผู้ที่ถูกกล่าวถึง

    บางครั้งต้องระวังด้วย ตั้งต้นด้วยกุศลแต่พูด ๆ ไปชักมีอารมณ์
    คือขาดสติ แม้ตอนแรกตั้งใจดีแต่พูด ๆ ไปชักเผลอ
    ยิ่งพูดยิ่งมีอารมณ์ เผลอพูดด้วยความโกรธ ความเกลียด ความริษยา

    ลองพิจารณาดูว่าในการพูดถึงใครก็ตามนั้นเราขาดจิตเมตตาหรือไม่
    บางครั้งเราเลี่ยงได้ด้วยการ พูดถึงเป็นตัวอย่างโดยไม่จำเป็นต้องระบุตัวคนหรือไม่ต้องระบุชื่อ


    อันที่จริงเราอาจจะไม่สามารถระบุได้ว่าทำอย่างนี้เรียกว่านินทาหรือไม่
    เพราะเราต้องดูเจตนาเป็นสำคัญ
    และคนที่จะรู้เจตนาก็คือตัวผู้กระทำนั่นล่ะ
    วันไหนถ้ารู้สึกไม่แน่ใจ รู้สึกมีอารมณ์โกรธไม่พอใจเจือปน ทำแล้วใจเศร้าหมองก็อย่าพูดถึง
    แต่ถ้าวันไหนมั่นใจว่าหายโกรธแล้ว เพียงแต่พูดถึงโดยมีเจตนากุศลอื่น ๆ ก็ค่อยพูด
    แบบนี้น่าจะสบายใจที่สุด

    ตัวอย่างที่อาจไม่ถือว่าเป็นการนินทา ในความเห็นของผม
    (อย่างไรก็ตามต้องพิจารณาด้วยว่ามีเจตนาอย่างไร บริสุทธิ์ใจหรือไม่)

    1. การร้องทุกข์หรือแจ้งความโดยกล่าวพาดพิงถึงผู้ที่ได้ทำชั่ว

    2. การขอร้องแก่ผู้ที่มีความสามารถที่จะเปลี่ยนความชั่ว เช่น ตำรวจ ผู้บังคับบัญชา
    โดยกล่าวพาดพิงถึงผู้ที่กระทำความชั่วนั้น

    3. การเตือนให้ผู้คนระวังการจากบุคคลที่ทำความชั่วหรือเป็นอันตรายต่อสังคม

    4. การขอให้ผู้มีอำนาจชี้ขาดในปัญหาต่างๆโดยกล่าวพาดพิงถึงผู้อื่น
    เช่น กล่าวว่า เขาได้ทำชั่วอย่างนั้น อย่างนี้


    เป็นตัวอย่างนะครับ
    เราไม่ได้มุ่งร้าย ต่อคนชั่วนั้น เราเพียงต้องการหยุดการกระทำของเขา
    แต่ถ้าเขาถูกจับแล้ว ตำรวจจะลงโทษอย่างไรก็เป็นเรื่องของกฏหมาย


    หลักในการปฏิบัติของศีลคือ
    1. เราจะไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง
    2. เราจะไม่ยุยงให้คนอื่นละเมิดศีล
    3. และเมื่อเห็นคนอื่นละเมิดศีลแล้วเราจะไม่พลอยยินดี


    ดังนั้นแม้ว่าเราไม่ได้นินทา แต่เราฟังใครนินทาแล้วเรามีใจยินดีในการกระทำของเขาไปด้วย
    ก็ถือว่า ศีลกรรมบท 10 เราไม่บริสุทธิ์แล้ว
    (แต่ศีล 5 ยังบริสุทธิ์)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2011
  7. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    ส่งการบ้านชั่วโมงที่ 10 ค่ะ

    การบ้านของชั่วโมงที่ 10 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ ทำให้ย้อนกลับมาสำรวจตรวจสอบศีล 5 ของตัว รักษาศีล 5 ด้วยปัญญาและเมตตา ไม่ใช่รักษาศีล 5 เพราะกลัวไม่ดีกลัวบาปกลัวตกนรก แบบนี้ยังไม่ใช่ศีล 5 ที่บริสุทธิ์ คนมีปัญญารักษาศีล 5 ด้วยพรหมวิหาร 4

    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง [​IMG] การบ้านบทที่ 10.mp3
    วิธีการฟัง : ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรมฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง ...ฟังแล้วค่ะ...

    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    ตอบ ...ทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามก็มีกรรมเป็นของๆ ตน...
    ...ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือคนก็ตาม ทุกชีวิตเกิดมาใช้กรรม...
    ...การรักษาศีลไม่ใช่การรักษาส่งเดช...
    ...ถ้าบริสุทธิ์มันต้องบริสุทธิ์ด้วยปัญญาบริสุทธิ์ มีสมาธิบริสุทธิ์...
    ...เราจะไม่โหดร้ายกับคน ไม่โหดร้ายกับสัตว์ เค้าทุกคนก็เหมือนกับเรา รักสุขเกลียดทุกข์เหมือนกับเรา...
    ...ต้องเมตตาทุกๆ คนเหมือนกัน...
    ...ความตายเป็นของเที่ยง ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง...

    4. อ่านเพิ่มเติม เรื่องหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงตอบปัญหาเรื่องการรักษาศีล อ่านเพิ่มเติมที่นี่
    ...อ่านแล้วค่ะ...

    5. อ่านนอกเวลา ภัยพิบัติกับคนดีชื่อ 'ตัน' และพระโสดาบันชื่อ 'อนาถบิณฑิกะ'
    ...อ่านแล้วค่ะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2011
  8. gogogourmet

    gogogourmet สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +24
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    -ที่ผ่านมาเราไม่ค่อยเข้าใจการรักษาศีลที่ถูกต้อง คือรักษาเพราะกลัวบาปอย่างเดียว พออ่านบทนี้แล้วต้องหัดเจริญพรหมวิหารด้วย
    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    -ต้องไม่โหดร้ายกับคนกับสัตว์
    4-5 อ่านแล้วค่ะ
     
  9. T8

    T8 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +21
    การบ้านของชั่วโมงที่ 10 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    = ย้อนกลับมามองตัวเองทำให้รู้ว่ายังวางกำลังใจผิดอยู่
    การจะรักษาศีลนั้น ต้องประกอบด้วยเมตตาจากใจ จริงๆ
    รักษาศีลด้วยความสบายใจ ไม่ใช่แบกศีลเพราะกลัวบาปกลัวตกนรก

    2-3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    = อย่าปล่อยให้ยุงกัดด้วยความเมตตาโง่ๆ ถึงแม้จะมีเมตตา แต่ก็ต้องมีีปัญญาด้วย
    เราไม่คิดฆ่าเขา แต่เราก็ต้องปกป้องตัวเรา ไม่ให้เกิดโทษเกิดภัย

    4. อ่านเพิ่มเติม เรื่องหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงตอบปัญหาเรื่องการรักษาศีล
    = อ่านแล้วครับ

    5. อ่านนอกเวลา ภัยพิบัติกับคนดีชื่อ 'ตัน' และพระโสดาบันชื่อ 'อนาถบิณฑิกะ'
    = อ่านแล้วครับ
     
  10. My Buddha

    My Buddha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +2,473
    ธรรมะจากท่านจิตโต : รักษาศีลโดยใช้ปัญญาพิจารณา ไม่ใช่กลัวบาปแต่เพียงอย่างเดียว จะทำให้ใจหม่นหมอง และรักษาศีลโดยใช้พรหมวิหาร 4 มีความเมตตากรุณา ศีลจะรักษาเราแทน เป็นการทรงศีลที่บริสุทธิ์

    ได้ดูคลิป คุณตัน และได้อ่านบทความเรื่อง อนาถบิณฑิกะเศรษฐีแล้ว รู้สึกปลาบปลื้มมาก อยากให้มีคนที่มีคุณธรรมและเมตตาธรรมสูงส่งเช่นนี้มากๆ และได้ข้อคิดว่าเราจะไม่ละทิ้งความดีไม่ว่าจะมีเรื่องเลวร้ายอย่างไรกับชีวิต และจะไม่ถอยศรัทธาในคุณพระรัตนตรัยอย่างเด็ดขาด

    อ่านเรื่องการรักษาศีลของหลวงพ่อฤาษีแล้ว ได้ความรู้ที่เป็นประโยชน์กับตัวเองมากๆคือ ศีล 8 สามารถทานนมได้ เพราะงานของดิฉันบางครั้งต้องอยู่ดึกและบางครั้งต้องใช้กำลังกายมาก การดื่มนมช่วยให้หายหิวได้ค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...