รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 17)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย karan20, 11 พฤศจิกายน 2011.

  1. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุพระโสดาบัน"
    หลักสูตรออนไลน์ 30 ชั่วโมง
    (ชั่วโมงที่ 17)


    เกริ่นนำ

    หากปฏิบัติธรรมแล้วมีความเครียดขอให้รู้ว่าท่านกำลังทำผิดทาง
    นั่นไม่ใช่ทางสายกลาง ไม่ใช่อริยมรรค ไม่ใช่ทางอันประเสริฐ



    สรุปทบทวนจากชั่วโมงที่ 16

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ"
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า "เจตนาคือกรรม"


    คำว่า "ไม่มีเจตนากระทำ" นั้นอันที่จริงหมายถึง "กระทำโดยไม่มีเจตนา"
    อย่ามาจากคำเต็ม ๆ ว่า "กระทำโดยไม่มีเจตนาอันเป็นอกุศล"

    "ไม่เจตนาย่อมไม่ผิด" (ไม่มีเจตนาอกุศลย่อมไม่ผิด) นั้นต่างจากที่คนชอบเอามาอ้างว่า "ไม่รู้ย่อมไม่ผิด"
    เพราะตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า คือ "ผิดที่ไม่รู้"
    เปรียบเหมือนคนจับถ่านไฟร้อนโดยไม่รู้ว่าร้อนย่อมได้รับอันตรายมาก
    การไม่รู้หรือรู้ไม่ครบในอริยะสัจเรียกว่า "อวิชชา"
    เป็นเหตุนำไปสู่อบายภูมิและการเวีนว่ายเป็นผู้ประสบภัยซ้ำซากในวัฏสงสาร

    <table class="D" border="0" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td>
    </td><td colspan="2">ถ้าแผลไม่พึงมีในฝ่ามือไซร้, บุคคลพึงนำยาพิษไปด้วยฝ่ามือได้, </td></tr><tr valign="top"><td>
    </td><td colspan="2">เพราะยาพิษย่อมไม่ซึมเข้าสู่ฝ่ามือที่ไม่มีแผล ฉันใด, </td></tr><tr valign="top"><td>
    </td><td colspan="2">บาปย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ทำอยู่ ฉันนั้น</td></tr></tbody></table> <center>
    </center>


    (ชั่วโมงที่ 17)


    เพราะอยากเป็นพระโสดาบันจึงปฏิบัติ
    แต่อย่าปฏิบัติเพราะอยากเป็นพระโสดาบัน


    เพราะอยากเป็นพระโสดาบันจึงศึกษาจนมีความเข้าใจและลงมือปฏิบัติ
    เช่นการรักษาศีลนั้นก็เข้าใจว่าต้องรักษาเป็นอธิศีล
    มีพื้นฐานมาจากเพราะความเห็นทุกข์ในตนและเห็นทุกข์ของผู้อื่น
    อาศัยเจริญพรหมวิหาร มีความเมตตากรุณา จึงไม่คิดเบียดเบียนใคร
    มีมุฑิตาจึงไม่มีความอิจฉาริษยา มีอุเบกขาเพราะยอมรับกฏของความเป็นธรรมดา
    การรักษาศีลจึงเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ใจหาได้เป็นการรักษาศีลเพราะอยากเป็นพระโสดาบัน

    ไม่ใช่รักษาศีลเพราะอยากเป็นพระโสดาบัน
    แต่รักษาศีลเพราะจิตมีเมตตา

    หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง ท่านสอนว่า
    ถ้าไม่อยากก็ไม่ได้ปฏิบัติ ถ้าปฏิบัติเพราะความอยากก็ไม่พบธรรมะ อันนี้มันเป็นปัญหาอยู่อย่างนี้
    ฉะนั้นในการประพฤติปฏิบัตินี้มันมีความยุ่งยากมีความลำบาก
    ถ้าไม่มีความอยากก็ไม่มีกำลังที่จะปฏิบัติ ถ้าปฏิบัติเพราะความอยากก็วุ่นวายไม่มีความสงบ
    ทั้งสองอย่างนี้เป็นเหตุอยู่เสมอ ดังนั้นท่านทั้งหลายลองคิดดูซิว่าจะทำอะไรๆ
    ถ้าไม่อยากทำมันก็ทำไม่ได้ มันต้องอยากทำมันถึงทำได้ ถ้าไม่อยากจะทำก็ไม่ได้ทำ
    ก้าวไปข้างหน้ามันเป็นตัณหา ถอยกลับมามันก็เป็นตัณหาทั้งนั้น
    ดังนั้นพระโยคาวจรเจ้าผู้ประพฤติปฏิบัตินี้จึงว่าเป็นของยุ่งยาก เป็นของลำบากที่สุดอยู่เหมือนกัน อ้างอิง

    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ (ศิษย์หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง) ท่านสอนว่า
    " จำไว้ว่า..ถ้าทำเพราะอยาก จะได้ยากมาก ต้องทำเพราะเห็นประโยชน์แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำไป
    ส่วนจะได้หรือไม่ได้ จะเป็นหรือไม่เป็น..ก็ช่าง


    การปฏิบัติจำเป็นต้องมี อุเบกขา ถ้าไม่มีอุเบกขาก็จะไม่สามารถก้าวถึงจุดสูงสุดของการปฏิบัติได้
    ตัวอุเบกขาก็คือตัวช่างมัน เรามีหน้าที่ทำ จะได้หรือไม่ได้ จะเป็นหรือไม่เป็นก็ช่างมัน " อ้างอิง




    ถ้าไม่อยากก็ไม่ได้ปฏิบัติ ถ้าปฏิบัติเพราะความอยากก็ไม่พบธรรมะ
    เิริ่มต้นปฏิบัติเพราะ 'ความอยากเป็นพระโสดาบัน'
    แต่สุดท้ายให้ละ 'ความอยากเป็นพระโสดาบัน'

    เรื่องการปฏิบัติมันมีจุดหักมุมอยู่ตรงนี้
    แต่ต้องนำมาเฉลยในเวลาที่เหมาะสม
    เหมือนภาพยนต์ถ้าเอาจุดไคลแม็กซ์มาเฉลยเสียแต่ต้นเรื่องคนก็ไม่อยากดู


    ในคำว่า "ความอยากเป็นพระโสดาบัน"
    หากตัดคำว่า ความอยาก ทิ้งเสีย
    เมื่อนั้นจะเหลือเพียงคำว่า เป็นพระโสดาบัน

    'ความอยากเป็นพระโสดาบัน' เป็นตัวเร่งลัดการปฏิบัติ
    แต่เมื่อถึงจุดที่ใกล้ความเป็นพระโสดาบันให้ละ 'ความอยาก' นั้นเสีย
    จึงเหลือเพียงความเป็นพระโสดาบัน


    ข้อสังเกตคือหากปฏิบัติแล้วเครียดนั่นแสดงว่าเพราะมี ความอยาก



    สวัสดี.


    - จบชั่วโมงที่ 17 -

    การบ้านของชั่วโมงที่ 17 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง การบ้านคราวนี้มี 2 ไฟล์เสียง

    [​IMG] การบ้านบทที่ 17 - 1.mp3
    [​IMG] การบ้านบทที่ 17 - 2.mp3
    <table style="width: 10px; height: 27px;" border="0" cellpadding="0" cellspacing="3"><tbody><tr></tr><tr><td>
    </td><td>
    </td></tr></tbody></table>วิธีการฟัง :
    ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย
    ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรม
    ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง

    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ



    ไฟล์ MP3 การบ้านของวันนี้ คือเสียงเทศน์ของท่านจิตโต
    ท่านเป็นพระลูกศิษย์ของหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง
    ดังนั้นเวลาที่หลวงพี่จิตโตกล่าวถึงคำว่า " หลวงพ่อ "
    ขอให้ทราบว่าหมายถึงหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง


    ส่งการบ้านและพูดคุยกันได้ที่นี่
    สำหรับท่านที่ไม่ได้สมัครสมาชิกเว็บพลังจิต เชิญพูดคุยแนะนำกันได้ที่ Facebook กาขาว


    ทบทวนย้อนหลัง
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 1)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 2)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 3)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 4)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 5)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 6)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 7)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 8)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 9)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 10)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 11)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 12)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 13)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 14)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 15)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 16)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2011
  2. eee

    eee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +23
    การบ้านของชั่วโมงที่ 17 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ รู้สึกดีค่ะ ^^ เพราะตอนที่เริ่มอ่านบทความผู้เขียนตั้งแต่ชั่วโมงที่1และปฏฺบัติตามแรกๆรู้สึกแปลกๆ บางทีก็ขัดๆใจกับตัวเองเพราะไอ่ความอยาก มันหลายตำรา เดิมทีไม่ได้มีความอยากอะไร การปฏิบัติก็เรื่อยๆแต่หวังนิพพานอยู่เสมอในซักชาติหนึ่งแต่ก็ยังไม่ได้มีหลักปฏฺบัติอะไร
    เคยคิดไว้ว่าเป็นเรื่องห่างไกลความเป็นอริยเจ้าทั้งที่ยังไม่ศึกษา เมื่อไม่นานนี้ก็พบเจอเหตุการณ์อะไรหลายๆอย่างทำให้เกิดรู้สึกว่ายังไงก็ต้องปิดอบายภูมิ ได้ฟังว่าโสดาบันเป็นขั้นต่ำที่จะปิดอบายภูมิได้เลยตั้งใจไว้ว่าชาตินี้อย่างน้อยจะต้องเป็นพระโสดาบัน หลังจากนั้นก็เจอหนังสือที่บ้านของดร.สนอง วรอุไรเรื่องถึงโสดาบันในชาตินี้
    อ่านไปซักพักเริ่มเข้าใจว่า อ้อ หนทางไม่ยากนี่หน่า แล้วก็เจอเวปนี้หน้านี้ เลยติดตามอ่านเรื่อยมาจนถึงบทความชั่วโมง17นี้ รู้สึกว่ามาถูกทางแล้ว มีเครื่องวัดผลที่ใจ อ่านบทนี้ก็มั่นใจขึ้นสบายขึ้น เคยอ่านที่พระพุทธทาสเขียนประมาณว่า ความเพียรเป็นของมนุษย์ผลเป็นตถตา ทำให้เกิดกำลังใจในการทำขึ้นเยอะเลย รู้สึกว่าไม่ต้องคิดถึงผลไรมากมาย
    วัดแล้วใจสว่างโปร่งสบาย มันก็ถือว่ามาถูกแล้ว นอกนั้นก็ช่างมัน ขอบคุณผู้เขียนและเรียบเรียงอีกซักทีค่ะ อนุโมทนานะคะ เพราะว่าคาดว่ามีหลายคนมากที่ได้รับประโยชน์กับบทความของคุณ ^___^
    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง การบ้านคราวนี้มี 2 ไฟล์เสียง
    การบ้านบทที่ 17 - 1.mp3
    การบ้านบทที่ 17 - 2.mp3
    วิธีการฟัง :
    ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย
    ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรม
    ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง
    ตอบ ฟังแล้วค่ะ
    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    ตอบ อย่าได้คิดทึกทักว่าเราเป้นหรือไม่เป้ฯให้เชื่อยอ่างเดียวว่าทางที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำ ครุบาอาจารย์แนะนำกับเราท่านให้ความสุขแก่เราแล้วจงทำเถิดแล้วเราจะเห็นผลของความสุขแก่เราไปเอง
     
  3. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
  4. thitarat

    thitarat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +203
    สวัสดีค่ะ

    ขอส่งการบ้านบทที่ 17 ค่ะ

    1. จากการได้ศึกษาบทเรียนในวันนี้ ทำให้ได้ทราบถึงความละเอียดของการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุโสดาบันค่ะ ส่วนเรื่องความอยากเป็นโสดาบัน ตอนนี้เลยไม่มีอยู่ในจิตใจ ดังที่ได้กล่าวไปแล้วในบทเรียนครั้งที่แล้ว ตอนนี้รู้แค่ว่าได้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบก็รู้สึกสงบและสบายใจแล้วค่ะ ^^

    2. สิ่งที่ประทับใจจากการฟังไฟล์เสียง ในครั้งนี้ทำให้ได้ทราบว่า การปฏิบัติตามหลัก 4 ประการเพื่อให้บรรลุโสดาบัน คือ การนึกถึงความตาย การมีศีล5 และกรรมบถ 10 ครบ การระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยโดยปราศจากวิจิกิจฉา และการปฏิบัติเพื่อให้ถึงพระนิพพานเป็นสิ่งสำคัญ และควรจะปฏิบัติตามอยู่เสมอ

    ท่านจิตโตได้กรุณาให้ตัวชี้วัดที่ดี ก็คือถ้าทำแล้วเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวเองก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีแล้ว ท่านสอนให้เราปฏิบัติตามหลักธรรม ละวิจิกิจฉา ทำด้วยความศรัทธา ทำอย่างคนโง่ อันนี้ก็เห็นด้วยค่ะ หลงว่าตัวเองฉลาดมาเสียนาน เกิดมิจฉาทิฏฐิมาก็เยอะ เลยไม่ยอมปฏิบัติ ถึงปฏิบัติก็ไม่ไปถึงไหนเพราะความมีวิจิกิจฉานี่แหละ เห็นได้ชัดเลยว่าเมื่อละวิจิกิจฉาแล้ว มีศรัทธาเต็มแล้ว ชีวิตเบาขึ้นเยอะ และปฏิบัติง่ายขึ้นเยอะค่ะ

    อีกอย่างที่ประทับใจคือการที่ท่านสอนว่าต้องทำ 4 อย่างนี้ให้ชินจนเป็น ฌาณ และควรปฏิบัติด้วยความเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา เพื่อไม่ให้ศีลและกรรมบถ 10 นั้นต้องพร่องไป เลยรู้สึกว่าการทำดีนี้เป็นสิ่งเกี่ยวเนื่องกัน มีศีล มีเมตตา ทำให้เกิดสมาธิ และเกิดปัญญา

    อีกเรื่องที่ยังไม่ได้เขียนตั้งแต่บทที่แล้ว(ตามความรู้สึกส่วนตัว)ก็คือ เวลาท่านจิตโตเทศน์ เหมือนกับท่านล่วงรู้วาระจิตของเรา ว่าจิตของเราเป็นอย่างไรขณะปฏิบัติ เช่น เกิดความลังเลสงสัยในพระธรรมคำสอน เกิดความสงสัยในการรักษาศีล 5 เกิดความสงสัยในการรักษากรรมบถ 10 เกิดความไม่มั่นใจ และเวลาท่านเทศน์ รู้สึกเหมือนท่านกำลังคลายกังวลในการปฏิบัติของเราทีละข้อๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะตอนที่ศึกษาหลักสูตรนี้สักพัก ใจก็เกิดกังวลเรื่องศีล กังวลเรื่องธรรมะ กังวลไปสารพัด แต่ไม่สามารถอธิบายและถามได้ ได้แต่เก็บไว้อยู่ในจิต แต่เมื่อได้ฟังธรรมะทีละบท โดยเฉพาะในบทที่ 15 เป็นต้นมา ก็เริ่มเกิดความมั่นใจ เกิดศรัทธา ละความสงสัย และเกิดความชัดเจนในการปฏิบัติ

    ยิ่งฟัง ก็ยิ่งมีตัวชี้วัดการกระทำด้วยตัวเอง ทำแล้วมีความสุขขึ้นไหม สงบขึ้นไหม ตัวเองเปลี่ยนแปลงไปในด้านไหนบ้างหรือเปล่า ทำให้รู้ว่าตอนนี้เรามาถูกทางแล้วหรือไม่ แล้วเราควรจะประพฤติปฏิบัติต่อไปอย่างไร ความพึงพอใจในชีวิตเราเปลี่ยนไปไหม เราหวั่นไหวในทุกข์มากขึ้นหรือน้อยลง อะไรประมาณนี้ค่ะ

    บทนี้ก็ขอจบการส่งการบ้านเพียงเท่านี้ ขอขอบพระคุณ และอนุโมทนาสาธุการในการให้ธรรมทานของท่านเจ้าของกระทู้ และผู้ร่วมหลักสูตรนี้ด้วยทุกคนนะคะ

    ฐิตารัตน์
     
  5. gogogourmet

    gogogourmet สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +24
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    - นึกถึงอิทธิบาท 4 ค่ะ จะทำอะไรต้องมีใจรักที่จะทำสิ่งนั้นก่อน อยากเป็นพระโสดาบันไม่ใช่แค่นั่งนึกอยากอย่างเดียว แต่ต้องปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงความเป็นโสดาบันด้วย จะได้หรือไม่ได้ก็ช่าง สำคัญว่าปัจจุบันเราได้ทำเหตุไว้หรือยัง
    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    - 4 ประการนี้เราต้องทบทวนตลอด วันนี้เรานึกถึงความตายหรือยัง เราสงสัยในพระคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์หรือเปล่า ศีล5กรรมบถ10ของเราครบถ้วนดีไหม เรามีเจตนาไหม เรามีเจตนาทำเองไหม มีเจตนายุยงส่งเสริมให้เขาทำไหม ยินดีที่เขาทำอยู่ไหม แล้วก็ทบทวนเราเรื่อยๆ ไม่ต้องนั่งสมาธิ ทำอะไรอยู่นึกได้ก็ทบทวนเอา ไม่ต้องไปหวังว่าทบทวนเพื่อเป็นพระโสดาบัน อย่าคิดอย่่างนั้นถ้าคิดแบบนั้นไม่ได้ คิดอย่างเดียวว่าเราไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ให้คิดไว้ เราต้องเป็นผู้ที่พร้อมที่จะตายเสมอ ศีล5กรรมบถ10คือทางออกที่จะไม่กลับมาทุกข์อีก เราจะต้องมีความหนักแน่นมั่นคงในพระรัตยตรัย เราต้องบูชาพระรัตนตรัยด้วยชีวิตจิตใจของเราในทุกๆเรื่อง อะไรที่เกี่ยวพระรัตนตรัยเราจะไม่ทอดธุระ เราจะไม่มองข้ามสิ่งนั้นไป เราต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ หรืออันดับแรกของชีวิตเรา เราจะทุ่มเททำทุกอย่าง หวังจุดเดียวคือไม่ต้องการกลับมาเกิด นิพพาน
    - เอาแค่ทบทวน ไม่ต้องไปคิดว่าเข้าใจมากหรือเข้าใจน้อย หรือเราเป็นแล้วหรือยังไม่เป็น อย่าคิดนะ อย่าได้คิดทึกทักว่าเราเป็นหรือว่าเราไม่เป็น ให้เชื่ออย่างเดียวว่าทางที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำ ครูบาอาจารย์แนะนำต่อเรา นั่นคือท่านให้ความสุขแก่เราแล้ว จงทำเถิด แล้วเราจะเห็นผลของความสุขมันไปเอง
    -ความรู้ของพระโสดาบัน หนึ่งรู้จักทุกข์ รู้จักเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ แล้วก็คิดเสมอว่าความทุกข์เหล่านี้ท่านไม่อยากให้มันเกิดอีก ทำยังไงจึงมันเกิดทุกข์อีก หนึ่งเราจะไม่เกิดทุกข์ที่ต้องตกอบายภูมิคือต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์

    เหมือนจะตอบไม่ตรงคำถามบ้าง ประโยคที่ประทับใจอาจจะสั้นบ้างยาวบ้าง เผื่อไว้เวลากลับมาอ่านเพื่อทบทวนตนเองไปในตัวด้วยค่ะ

    ขอขอบคุณ และขอโมทนากับคุณkaranที่นำมาให้ได้เรียนและได้ปฏิบัติด้วยค่ะ

    5 อานิสงส์ของการฟังธรรม
    http://palungjit.org/threads/5-อานิสงส์ของการฟังธรรม.314708/
     

แชร์หน้านี้

Loading...