รักษาศีลขั้นปรมัตถ์ คืออย่างไร. อยากถามจากผู้ปฏิบัติ ที่เข้าถึงจริง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 9 กรกฎาคม 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ตามหัวข้อกระทู้ค่ะ
     
  2. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    รักษาศีลขั้นปรมัตถ์ คืออย่างไร. อยากถามจากผู้ปฏิบัติ ที่เข้าถึงจริง

    ยอมตายดีกว่า ที่จะยอมให้ศีลขาดหรือ ด่างพร้อย นั้นและครับ คือศีล ขั้นปรมัตถ์ ว่าแต่คุณนวลยอมตายไหมครับ ถ้ามีคนจะฆ่าคุณนวล โดยมีข้อแม้ว่าจะยอมไว้ชีวิต ถ้าหากยอมทำผิดศีลข้อใดข้อหนึ่ง :cool:
     
  3. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    นี่แหละ! คือสิ่งที่ดิฉันต้องการไปให้ถึง

    มีคำถามต่อ เมื่อดิฉันสามารถรักษาศีลขั้นปรมัตถ์ได้ แม้ดิฉันจะเข้าพระนิพพานไม่ได้ แต่อานิสงค์แห่งศีลนี้ จะทำให้ดิฉันเป็นผู้ที่มีความงามจากภายในอย่างแท้จริงมั้ยคะ เกิดเป็นมนุษย์ชาติต่อไปก้องาม จุติเป็นนางฟ้าก้อมีรัศมีงาม???
     
  4. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    ทำบุญอย่างไรให้มีรูปงามในลักษณะต่างๆ

    กรรมหลักที่ตกแต่งให้รูปงาม
    ในลักษณะต่างๆ

    หลักง่ายๆคือคนตามใจกิเลสจะมีรูปทราม ส่วนคนงามจะงามเพราะสละกิเลส กรรมที่ตกแต่งให้รูปงามนั้น เป็นกรรมประเภทที่ปรุงแต่งจิตให้เกิดความผ่องใส มีความขาวสะอาดสว่างรอบปราศจากมลทิน และกิริยาที่จะก่อให้เกิดลักษณะดังกล่าว ก็ไม่พ้นเรื่องของการสละความตระหนี่ และการรักษาความตั้งใจไม่เกลือกกลั้วกับความชั่ว โดยตีกรอบความประพฤติทางกายและวาจาให้ อยู่ในศีลธรรมอันดี นอกจากนี้ยังมีเรื่องของอาการทางใจและ วิธีคิดต่างๆประกอบอยู่ด้วย
    ๑) ทำทานด้วยศรัทธา ขอให้ดูเถิด คนส่วนใหญ่แม้ชอบทำทาน ก็มักทำทานด้วยจิตที่แห้งแล้ง ทำแล้วก็ถือว่าแล้วกัน น้อยคนนักจะทราบว่าแม้อาการทางใจในขณะทำ ทานก็มีผลใหญ่หลวงกับรูปร่างหน้าตาได้ ดังเช่นที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผลของการให้ทานด้วยศรัทธา จะทำให้เป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก และเป็นผู้มีรูปงามชวนพิศ น่าเลื่อมใส ผิวพรรณงามยิ่ง
    ๒) รักษาศีลได้สะอาดครบ ศีลจะมีส่วนช่วยปรุงแต่งหน้าตาให้ดูดี จริงๆต่อเมื่อสะอาดหมดจดในข้อหนึ่งๆ ต้องจาระไนกันด้วยความรู้สึกยามเมื่อตา เห็น ศีลแต่ละข้อจะก่อให้เกิดความรู้สึกทางใจดังนี้
    ๑) อยากปกป้องชีวิตสัตว์ ทำให้หน้าตาใจดี เห็นแล้วสงบเย็น
    ๒) ไม่เพ่งเล็งอยากได้ ทำให้หน้าตาน่าไว้ใจ เห็นแล้วเชื่อถือ
    ๓) ซื่อสัตย์กับคู่ครอง ทำให้หน้าตามีเสน่ห์ชวนอบอุ่นใจ เห็นแล้วอยากเป็นคู่ด้วย
    ๔) ไม่คิดปั้นคำลวง ทำให้หน้าตาใสซื่อ เห็นแล้วนึกเอ็นดู
    ๕) ไม่เกลือกกลั้วสิ่งเสพย์ติดมึนเมา ทำให้หน้าตาดูเป็นคนมีสติปัญญาดี
    เห็นแล้วเชื่อว่าไม่ใช่พวกคิดอ่าน ฟุ้งซ่านเหลวไหล
    ๓) อาการทางใจและวิธีคิด บางคนแม้ทำทานและรักษาศีลมาดีในแบบที่จะ ทำให้สวยหล่อ แต่เป็นผู้ที่ฉุนเฉียวง่าย เก็บเรื่องเล็กๆน้อยๆมาคิดมากใหญ่โต อย่างนี้ก็มีผลกับรูปร่างหน้าตาและผิว พรรณทั้งในชาตินี้และในชาติต่อๆไปได้มาก ดังเช่นที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า "บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็น สตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม เป็นคนมักโกรธ มากด้วยความ แค้นเคือง ถูกเขาว่าเล็กน้อยก็ขัดใจ โกรธเคือง พยาบาทมาดร้าย ทำความโกรธ ความร้าย และความขึ้งเคียดให้ปรากฏ เขาตายไปจะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก และเพราะมีความข้องติดอยู่ใน กรรมเช่นนั้นแม้ตายไปไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์เกิด ณ ที่ใดๆในภายหลังก็จะเป็นคนมีผิวพรรณทราม"

    กรรมที่มีอิทธิพลปรุงแต่ง รูปร่างหน้าตาให้กระเดียดไปในทางหนึ่งๆ

    ๑) งามแบบสง่า บางคนมีรัศมีงามจับตา เห็นเด่นแต่ไกลอยู่ตลอด ท่วงท่าเวลาจะนั่งจะเดินดูมีความจับตา จับใจแปลกประหลาดกว่าคนธรรมดา ในอดีตชาติพวกนี้เคยทำบุญกับผู้มีคุณวิเศษเช่นสมณะที่พยายามเพียรเพื่อละกาม เวลาทำบุญทำด้วยความเคารพลึกซึ้ง จะจัดถวายทานใดก็นิยมพิธีรีตองที่งดงามโดยมีเจตนา ให้เกียรติผู้รับ ส่วนในแง่ศีลธรรมนั้น เวลาจะทำผิดอะไรเห็นแก่หน้าพ่อแม่และวงศ์ตระกูล ไม่ทำตามอำเภอใจเพียงเพราะเห็นแก่กิเลส ตนเอง แต่ถ้าไม่ค่อยเป็นคนรักเกียรติ ผิดศีลผิดธรรม เก่ง อย่างนี้แม้ทำบุญด้วยความเคารพก็จะได้ผลเป็นความงามสง่าแบบแปลกๆ ไม่ดูดีเต็มร้อย คือบางมุมเหมือนหงส์ แต่บางมุมเหมือนกาก็ได้

    ๒) งามแบบอ่อน หวาน ความอ่อนหวานดูเป็นธรรมชาติประจำเพศของผู้หญิง แต่ความจริงก็คือมีผู้หญิงไม่กี่คนที่ เห็นแล้วทำให้อยากออกปากวิจารณ์ว่าหน้าหวานจริง ส่วนใหญ่จะธรรมดา เอียงไปทางจืดชืดหรือทางคมคายกัน ในอดีตชาติพวกที่หน้าหวานนั้นเคยพูดจา อ่อนโยน ใช้ถ้อยคำหวานหูโดยมีเจตนาให้คนฟัง รู้สึกดี ไม่ใช่พูดหวานแต่จิตใจซ่อนแฝงความประสงค์ร้ายอย่างใดอย่างหนึ่งไว้ และไม่ใช่พูดหวานในลักษณะแกล้งดัดจริต เวลาทำบุญจะทำด้วยความนุ่มนวล ผู้หญิงแสดงท่า ทีชดช้อย ผู้ชายแสดงท่าทีนบนอบอ่อนน้อม
    ๓) งามแบบฉูด ฉาดจัดจ้าน บางคนสวยหรือหล่อแบบคมเข้ม ดูว่าบาดตาบาดใจก็ได้หรือดูว่าน่าเขม่นชวนให้อยากชิงดีชิง เด่นกันก็ได้ ในอดีตชาติพวกนี้เวลาทำบุญจะมีจิตคิดออก หน้าออกตา ชอบทำให้คนเห็นเยอะๆ เป็นจุดเด่น เป็นความสนใจ ซึ่งแง่ดีคือเป็นแรงบันดาลใจให้คนเห็น อยากเอาตาม แต่แง่เสียคือเป็นที่หมั่นไส้ได้ และจิตของคนชอบเป็นจุดเด่นในงานบุญนั้น มักพ่วงเอาความโลภเข้าไปเจืออยู่ในบุญ พร้อมจะแปรจิตจากบุญเป็นบาปได้ทันทีที่ มีการแก่งแย่งชิงดีทางหน้าตากัน
    ๔) งามแบบเร้า ความรู้สึกทางเพศ บางคนถูกจัดให้เป็นสัญลักษณ์ทางเพศโดยไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ปรากฏตัวยังไม่ทันอวดเนื้ออวดหนังสักเท่าไหร่ด้วยซ้ำ ในอดีตชาติพวกนี้เคยทำบุญแบบหวังผลทาง รูปร่างหน้าตาโดยเฉพาะ แบบที่ดึงดูดใจเพศตรงข้ามมากๆ
    ๕) งามแบบน่า เอ็นดูเหมือนเด็กๆ บางคนหน้าอ่อนเยาว์ตลอดชีวิต ดาราบางรายอายุจะ ๕๐ อยู่แล้วยังได้เล่นบทหนุ่ม ๓๐ โดยไม่ต้องอาศัยการแต่งหน้าหรือเทคนิคการถ่ายทำเข้ามาช่วย ในอดีตชาติพวกนี้เคยถวายเครื่องบำรุง สุขภาพ เครื่องชะลอความชราให้แก่สมณะหรือพราหมณ์ โดยมีเจตนาจะยืดอายุของพวกท่าน ให้พวกท่านมีความอ่อนกว่าวัย เพื่อเป็นประโยชน์กับโลกต่อไปนานๆ นอกจากนั้นยังมีศีลข้อแรกสะอาดหมดจด ไม่เบียดเบียนชีวิตอื่นแม้ด้วยความคิด
    ๖) งามแบบแปลกประหลาด บางคนมีหลายมุมมองเหลือเกิน บางมุมดูแล้วดี อีกมุมดูแล้วชอบกลเอาไปบอกต่อได้ยากว่างามหรือไม่งามกัน แน่ ต้องให้ดูเอาเอง ในอดีตชาติพวกนี้มักทำทานพอประมาณ รักษาศีลพอประมาณ แต่ชอบมีความคิดแหวกแนว พิลึกกึกกือ ไม่ค่อยลงใจสนิทกับทานและศีล ยกตัวอย่างเช่นเป็นยอมใส่บาตรพระกับญาติได้ แต่ก็มักมาพูดทีหลังว่าจะทำไปทำไม น่าจะเก็บไว้กินเองมากกว่า หรือยอมรักษาศีลไม่ประพฤติผิดทางกามกับใครแต่ก็ชอบไปยั่วเย้าให้เขามาอยากมีเพศ สัมพันธ์แบบผิดๆกับตนความคิดซ่อนแฝงที่ขัดแย้งกันกับพฤติกรรม ทำนองนี้แหละ ที่ทำให้สวยหล่อแบบแปลกๆแบบที่สมัยนี้เรียกกันว่าสวยไม่เสร็จ หล่อไม่เสร็จ คือเหมือนยังปั้นไม่ครบ หรือครบแต่เว้าแหว่งบางส่วนเหมือนหายๆไป ไม่เต็มบริบูรณ์


    ถวายดอกไม้บูชาพระ ทำให้เกิดมารูปงาม ฯลฯ
    พุทธศาสนิกชนจะทำบุญตักบาตร และสิ่งที่จะขาดไม่ได้คือดอกบัว ดอกบัวนั้นในปัจจุบันไม่ได้มีไว้เพื่อถวายพระหรือทำบุญเท่านั้น ดอกบัวยังสามารถนำมาจัดแจกัน หรือพานเพื่อใช้ประดับ ตกแต่งอาคารสถานที่ได้อีกด้วย อย่างไรก็ขอเชิญสมาชิกมาลองพับดอกบัวกันดูนะคะ
    แบบที่ 1

    1. คลี่กลีบของดอกบัวกลีบนอกสุด แล้วจึงพับกลีบจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง
    2. จากนั้นจึงพับกลับมาอีกด้าน ให้เสมอกัน
    3. ทำจนครบทุกกลีบ
    แบบที่ 2

    1. คลี่กลีบของดอกบัว แล้วจึงพับกลีบจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง
    2. พับกลับมาอีกด้านให้ปลายยื่นออกมาประมาณครึ่งหนึ่ง
    3. จากนั้นจึงพับส่วนที่ยื่นกลับลงมาให้ขอบเสมอกัน
    4. ทำจนครบทุกกลีบ
    แบบที่ 3

    1. คลี่กลีบดอกบัวกลีบนอกสุด
    2. จับขอบกลีบทั้งสองข้างเข้าหากัน
    3. กดกลีบทั้งสองข้างลงตรงโคนฐานกลีบ
    4. ทำจนครบทุกกลีบ
    แบบที่ 4

    1. คลี่กลีบดอกบัวกลีบนอกสุด
    2. ม้วนกลีบดอกจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง
    3. ทำซ้ำจนครบทุกกลีบ
    แบบที่ 5

    1. คลี่กลีบดอกบัวกลีบนอกสุด
    2. พับปลายยอดกลีบลงมาที่โคนกลีบ
    3. ทำซ้ำจนครบทุกกลีบ
    การทำให้ดอกบัวอยู่ได้นาน

    ปัจจุบันมีการนำดอกบัวมาใช้เป็นดอกไม้เพื่อประดับ และตกแต่งอาคารสถานที่ จึงได้มี ความพยายามที่จะทำอย่างไรให้ดอกบัวนั้นอยู่คงทนมากที่สุด จึงได้มีผู้รู้แนะนำมาว่า การจะให้ดอกบัวอยู่คงทนนั้น ควรปฏิบัติดังนี้
    เมื่อซื้อดอกบัวมาใหม่ ๆ ควรตัดก้านออกบ้าง แล้วนำมาจุ่มในน้ำเย็นที่แกว่งสารส้มไว้ เล็กน้อยหรือเมื่อตัดก้านดอกบัวเรียบร้อยแล้วให้ฉีดน้ำย้อนเข้าไปในก้านดอกจนน้ำซึม ไปถึงโคนดอก หากปฏิบัติดังนี้แล้วจะสามารถช่วยให้ดอกบัวคงความสวยได้นานวัน ยิ่งขึ้น

    ที่มารูปงาม
    __________________
    เรื่องเรียบง่ายและธรรมดาที่เรียกว่าธรรมะ

    ลองดูนะครับ ขอให้คุณนวลสมหวังดังที่ตั้งใจไว้ :cool:
     
  5. ขาจอน

    ขาจอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    1,009
    ค่าพลัง:
    +470
    ถ้าเอาผลที่ว่าต้องไปให้ถึง อย่างนี้ อย่างนั้น
    ก็ ในการสังเกต และทำกายวาจาของตนให้ผิดปรกติ จะเกิดขึ้น
    เอาวัตรแปลกๆมาสมาทาน เช่น จะไม่ยอมเอากาย วาจาไปทำเด็ดขาด ต้องสละตายให้ได้
    ซึ่ง ถ้าสังเกต ศีลมันก็มีปัจจัยให้เกิด
    แต่ เราจะไม่มุ่งไปสาระวนกับการควบคุม กายวาจา อย่างนั้น
    มีพระในพุทธกาลท่านหนึ่ง พอบวชมาก็สาระวนไปนับข้อวัตรศีล ควบคุมตนไปเสียทุกอย่าง อย่างนู้นก็ไม่ได้ อย่างนี้ก็ไม่ได้ จึงอยากสึก เพราะศีลมันเยอะเหลือเกิน ทุกข์เหลือเกิน เลยไปหาพระพุทธเจ้า ท่านก็กราบเรียนไปตามนั้น พุทธองค์ก็ว่ารักษาข้อเดียวได้ไหม รักษาใจตน พระท่านนั้นท่านก็เอาไปปฏิบัติ แล้วก็บรรลุมรรคผล
    ซึ่งพระพุทธเจ้าแนะนำไปนั่น ก็คือการสังเกต ใจตน
    มันมีกิเลส โลภ โกรธ หลง มันทำให้ผิดศีลได้ทั้งนั้น
    ถ้าน้อมเข้ามาสังเกตตัวกิเลส ที่เกิดที่ใจได้ แทนที่จะไปตั้งแง่ ตั้งวัตรดัดแปลงกายวาจาตน
    ศีลมันเกิด เพราะการสำรวมใจตน กายวาจามันก็เนื่องกันกับใจ ศีลมันจะไปไหนได้
    กิเลสที่เกิดกับใจก็ไม่ใช้ใจ ใจก็ไม่ใช่กิเลส
    แต่ส่วนใหญ่จะไปปฏิเสธหมด ไอ้นั่นก็ไม่ใช่ ไอ้นี่ก็ไม่ใช่ ไอ้นี่ก็ไม่ได้
    สังเกตตัวนี้ไปด้วย ที่ว่าไม่ใช่นั่นละ เราไม่ใช่
    ก็จะค่อยสลัด ข้อวัตรแปลกๆ ที่เขาลูบคลำกันได้
     
  6. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    ...คุณนวลปราง นี้ ถ้าจะเป็นคนงามแต้ๆ นะ ดูมาโพส เหมือนจะรักสวยรักงามประมาณนั้น อยากเห็นรูปว่าจะเป็นจาได
     
  7. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231
    ควรปลง แล้วปล่อยวางจะดีที่สุด
     
  8. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  9. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ปรางไม่ได้อยากถือศีลเพราะอยากงาม กลับกัน การถือศีลนั่นแหละคือความงาม ไม่ต้องรอให้อานิสงค์แห่งศีลส่งผล.. ความงามเกิดขึ้นตั้งแต่ตั้งใจรักษาศีลแล้ว
     
  10. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    552
    ค่าพลัง:
    +248
    ทำไมไม่เห็นมีใครพูดเรื่อง ระวัง รังษาใจให้เป็นปกติ ตามธรรมชาติในทุกอริยาบถ
    แล้วจะเป็นศีลชาวพุทธไหมน่ะ
     
  11. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    .....เข้าใจว่าผมหลง คุณนวลปราง ว่างั้นเถอะ ไม่หรอกครับ ผมดูมันแปลกๆ เวบธรรมะ เวลาเห็นผู้หญิงมาโพส ตอบกันสนั้นเป็นแถว นึกว่าพวกท่านหลงเสน่ห์เขา ก็ขอโทษด้วยครับ

    ....ดูสิ่งที่ผมโพส ไม่เกี่ยวกับกามราคะเลย ไม่จิจ๊ะ กันอีสตรี ที่ถามมันดูแปลกๆ
    ....ถ้าผมจะมาดูสาวๆ ไปดูเวบอื่นไม่ดีกว่าหรือครับ ไม่ต้องให้เวบธรรมะเขาสกปรก

    ....คงไม่โกรธกันนะ เดี๋ยวจะหาว่าผมย้อน ผมว่ามันดูแปลกๆท่านว่าใหม
     
  12. มังกรบูรพา

    มังกรบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +9,407
    อนุโมทนา กับคุณขาโจ๋ ประจำห้องอภิญา สาธุ
     
  13. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231
    แล้วไอ้ที่ไปขอดูรูปเขานี่มันหมายความว่ายังไงจ๊ะ จะดูเพื่อปลงอสภกัมมัฏฐานยังงั้นเหรอ

    ผมดูๆแล้ว ทุกคนที่เข้ามาตอบคำถาม เขาก็ไม่เห็นมีใครจะสนใจเลยว่า คุณนวลปราง จะมีรูปร่างหน้าตายังไงเลยนี่ เขาก็ถาม-ตอบปัญหากันธรรมดา
    ก็เห็นมีแต่คุณอยู่คนเดียว ที่ถามหารูปอยากดูหน้าเขา
     
  14. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ที่สุดของศีลคือเจตนาวิรัติ ถ้าปฏิบัติตามคุณไร้บ้านบอก จะเป็นการเจริญสติด้วย. เราต้องจับหลักให้ดี ว่าศีล ไม่ใช่เรื่องแค่ทางกายหรือวาจา แต่เป็นเรื่องของการสำรวมมโนกรรมด้วย เพราะใจเป็นใหญ่ใจเป็นประธาน สุดอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ
     
  15. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    นิยามความงามนั้นมีหลากหลายลักษณะ ตามที่คุณเอ็กตรีมบอก ซึ่งเวลาทำบุญ คนที่อยากงามอาจอธิษฐานจิตเฉพาะเจาะจงเลย แต่นวลอธิษฐานอยู่เรื่องเดียว คือ ขอเป็นบุตรพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เนื่องจากขอสิ่งที่สูง จึงปรารถนาการทำทานด้วยศรัทธาแท้ และ การรักษาศีลขั้นปรมัตถ์ น่ะค่ะก่อนบารมี10เต็ม นวลต้องการเป็นบุตรพระพุทธเจ้า
     
  16. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    สาธุ _/\_
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    พระอริยเจ้าเบื้องสูง ท่านมุ่งดูอารมณ์จิตของตน
    รักษาจิตของตนไม่ให้ยุ่งกับจริยาของผู้อื่นเป็นสำคัญ
    การพูด การคุยกับคนอื่น จิตท่านไม่หวั่นไหวไปกับกรรมของผู้อื่น
    ไม่ปรุงแต่งธรรม อยู่กับธรรมภายในเป็นปกติ
     
  18. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    รักษาโดยไม่ต้องรักษาค่ะ
     
  19. ศิษย์น้อย

    ศิษย์น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    427
    ค่าพลัง:
    +3,047
    เรื่องศีล....
    เราไม่ขอตอบคำถาม..
    แต่แชร์ประสบการณ์...

    การรักษาศีล
    เราเอง เอาเจตนาเป็นหลัก

    อย่าไประแวดระวัง
    จนวิตกจริต...เกินไป

    เช่นศีลข้อ1
    เราไม่ตั้งใจฆ่าเขานะ
    เราไม่โกรธไม่เกลียดเขานะ

    เวลาเราเดินเราก็ระวัง
    ถ้าเจอสัตว์เราก็ก้าวเลี่ยง
    แต่ถ้า...เลี่ยงแล้ว
    พลาดไปเหยียบเขาตาย

    เราก็อย่าไปวิตกจริตว่าศีล
    เราพร่อง ชาตินี่แย่แน่..

    เราอาฆาตเขาไหม
    เราอยากให้เขาตายไหม
    เราไล่เหยียบเขาไหม..

    ความเมตตาเราไม่ได้พร่อง
    เราก็ถือว่าเป็นวิบาก...

    ของเขา...
    ถึงวาระที่เขาต้องตาย

    ไม่ตายเพราะเราก็เพราะเหตุอื่น
    ทุกคน สัตว์ทุกตัวเกิดมาล้วน
    มีวิบากเป็นของตัวเอง

    เราขออโหสิกรรมเถิดนะ

    เราก็ว่าของเราไป..
    กรรมจะเกิดกับเรา
    เราก็แค่ยอมรับกฎธรรมดาไป

    เราวางจิตเรื่องศีลของเรา
    แบบนี้นะ....

    ท่านอื่นวางแบบอื่นก็เหมาะกับท่าน
    แต่..เราวางแบบนี้เหมาะกับเรามาก

    เพราะเราทุกข์น้อยลง
    จิตไม่วุ่นเรื่องศีลเกินไป
     
  20. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    สำหรับผมยังเข้าไม่ถึงนะครับ
    แต่รู้มาจากครูบาอาจารย์

    ศีลขั้นปรมัตถบารมีคือ มีความรู้สึกว่า "ตัวตายดีกว่าศีลขาด" ครับ
    คือ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ท่านผู้นั้นจะไม่ยอมละเมิดศีลเด็ดขาด ต่อให้ต้องตายก็ไม่ยอม
    นี้คือ ศีลขั้นปรมัตถบารมี
     

แชร์หน้านี้

Loading...