รักในพระสมเด็จ

พระสมเด็จพิมพ์เส้นด้ายครับพระองค์นี้มีการลงรักและแตกลายงา

 

แล้วทีนี่จะมาดูว่ารักและร่องรอยการแตกลายงาเป็นอย่างไรนะครับ
ตรงนี้ให้เห็นถึงตอนที่รักล่อนออกและรักซึมเข้าไปในรอยแตกกับส่วนที่รักล่อนออกหมด
เห็นเพียงรักการแตกลายงาอันนี้เรียกว่าเป็นธรรมชาติได้หรือเปล่าครับ
พึ่งเข้ามาในฉบับปรับปรุงใหม่ครั้งแรกครับเลยลองโพสดู

 

อีกอย่างขอบของรอยแตกจะต้องปรากฏเป็นคราบน้ำตาลจางๆนะครับ
ซึ่งน่าจะเกิดจากน้ำรักซึมเข้าไปในส่วนตรงที่เส้นแตกลายงาสึกไปจะเห็นชัดเจน
เส้นที่แตกลายงานี้จะเกิดบนผิวพระไม่ลึกลงไปมากจากรอยสึกของรักที่เป็นรอยแตกสีดำ
ก็จะเห็นเป็นเพียงรอยสีน้ำตาลแทนถ้ารอยสีน้ำตาลหายก็เป็นการสึกถึงเนื้อเยอะแล้วข้อนี้นำมาใช้วัดการสึกของพระได้เลยครับ

 

องค์นี้เป็นเป็นคล้ายๆกันในส่วนของรักที่ยังล่อนไม่หมดไปปิดทับตรงรอยแตกลายงาแต่ยังมองเห็นเส้นแตกลายงา ในส่วนของเส้นแตกลายงาสึกบนฐานชั้นที่1-3 ก็จะเห็นเป็นเส้นสีน้ำตาลจางๆแทนตรงไหนสึกมากก็แทบไม่เห็นร่องรอยของเส้นแตกลายงายเลย

 

บริเวณใบหน้าปรากฎการสึกมากพอควรเส้นแตกลายงาสีดำก็จะจางหายไปพบเพียงรอยสีน้ำตาลจางๆขึ้นมาแทนและตรงรอยสีน้ำตาลเหล่านี้จะปรากฎขอบสีน้ำตาลกระจายไปตามข้างเส้นแตกมองดูคล้ายๆพื้นหินอ่อนถ้าลายเส้นแตกลายงาไม่สึกไปก็จะไม่เห็นเส้นพื้นลายหินอ่อนนี้

 

การแตกลายงาแบบนั้นเรียกว่า ธรรมชาติได้ครับ แต่ธรรมชาตินั้นจะบ่งบอกถึงความถึงยุคหรือไม่ ต้องดูส่วนอื่นประกอบด้วยครับ
เช่น ธรรมชาติของด้านหลัง ธรรมชาติของเนื้อพระ เมื่อเวลาผ่านไป 140 ปี

เนื้อวัดระฆัง แต่พิมพ์เส้นด้ายวัดระฆังนี้มีหรือเปล่าก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ

 

พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่พระองค์นี้เส้นซุ้มใหญ่หน้าใหญ่ฐานใหญ่แต่ก็ดูสมส่วนครับ หลังจากที่ทราบว่าสิ่งที่อยู่บนพื้นผิวของพระสมเด็จมันคืออะไรผมก็มาพิจารณาแบบถ่องแท้ถี่ถ้วนอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่โง่มาตั้งนาน

 

ส่วนที่จะเห็นเนื้อในพระสมเด็จแบบชัดเจนที่สุดเพราะเป็นส่วนที่สึกจนเห็นเนื้อในแล้วหลังจากที่คราบรักคราบแคลเซียมหรือแป้งโรยพิมพ์หลุดออกไปหมดแล้วก็จะพบมวลสารที่ผสมในเนื้อพระสมเด็จลอยเด่นให้เห็นแบบหัวเข่าด้านซ้าย ก่อนๆผมไม่ได้คำนึงถึงจุดนี้เลยเพียงแค่ดูผ่านๆ

 

คราบแคลเซียมหรือแปงโรยพิมพ์ปรากฎอยู่เต็มทั่วบริเวณพิ้นผิวพระ

 

คราบแคลปรากฎอยู่ทั่วไปทั่วพื้นผิวพระและส่วนที่อยู่ใต้รักที่ยังไม่ปรากฎโฉม

 

ไม่ได้โชวฺครับเพียงอยากให้เห้ความต่าง

 

พระแบบองต์ที่2เปนเรชิ่นได้เจอทุกคนครับ..บางคนถามว่าเรชิ่นทำไมเผาแล้วไม่ละลายหรือไหม้..ใหม้ครับแต่เรชิ่นจะไหม้ไฟในแบบเดียวกันกับยากันยุงไปเรื่อยๆไม่ประทุ

 

สุดยอดครับท่าน หมูทะเล และท่าน watgeang_e

 

หากท่าน มีพิมพ์ไกเซอร์ ในตำนานไว้ครอบครอง ขอท่านนำออกมาให้ชม ให้ศึกษาร่วมกัน ด้วยนะครับ เพราะยังไม่เคยเจอของจริงเลยสักครั้ง
เพราะว่าพระที่น่าศึกษาน่าเก็บสะสมนั้นยังมีอีกหลายพิมพ์ที่หลายๆคนยังไม่เคยรู้ ทั้งของวัดระฆัง บางขุนพรหม และวัดเกศไชโย หรือไม่เชื่อว่าจะมีจริง เช่นพิมพ์ฐานสิงห๋ พิมพ์ไกเซอร์ พิมพ์ยอดขุนพล ฯลฯ และเนื้อหาจัดจ้านกว่าพระยุคปลาย อีกมากมาย

 

ครับท่านtanyadolถ้ามีผมจะนำออกมาให้ชมครับแต่ตอนนี้ไม่มีครับสำหรับพระสมเด็จทรงไกรเซอร์ผมว่าของแท้ๆน่าจะหาชมยากอยู่นะครับ

 

ครับ ผมพอมีเก็บไว้องค์นึง แล้วจะถ่ายภาพมาให้ชม ร่วมกันวิเคราะห์ ครับ

 

-ใต้พระเพลามีเส้นผ้าทิพย์บางๆซ่อนอยู่เส้นๆนี้จะเป็นเส้นผ้าทิพย์หรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจเส้นที่อยู่ใต้พระเพลาข้างซ้ายดูเหมือนจะชัดกว่าอีกข้าง

 

สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ครับวันนี้นำพระสมเด็จพิมพ์ใหญ่มาให้ชมอีกองค์ครับ ภาพนี้ผมถ่ายในที่ร่มโดยที่มีแสงแดดอยู่ขอบบนถ่ายแบบใช้ไฟนีออนสีจะเพี้ยนและเข้มมาก พระองค์นี้ผมเองก็ไม่ทราบว่าออกวัดไหนใครสร้างได้แต่คาดเดากันไป พระองค์นี้ผมว่าคราบผิวมีความสวยงามมากอีกองค์หนึ่งเลยทีเดียวคราบน้ำมันตังอิ้วหรือไม่ก็น้ำอ้อยน้ำผึ้งที่ผุดขึ้นมาจากรอยแตกและตามพื้นผิวครับ พระองค์นี้มีความพิเศษอยู่ครับเดี๋ยวนำมาให้ชมกัน ชมเพลินๆนะครับ

 

นี่ก็ถ่ายในร่มครับดูคราบของพิ้นผิวที่เกิดจากการผุดของขึ้นมาของน้ำมันตังอิ้วครับส่วนที่ผุดจากรอยแตกและจากพื้นผิว พระองค์นี้คาดว่ามีส่วนผสมของน้ำมันตังอิ้วเยอะมากๆจึงทำให้เกิดคราบสีน้ำตาลมากเยอะมากพอควรทั้งหนาและบางทำให้องค์พระมีสีแดง นี่ทำให้ผมนึกถึงพระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ที่บอกว่าเป็นรุ่นสุดท้าย ที่ว่าจะทำแบบไม่โย้ไม่เอียงไม่เว้าไม่แหว่ง ฯลฯ ผมคิดไปแบบนั้นของผมจริงๆครับ องค์พระสมส่วนฐานสอดคล้องรับกันอะไรประมาณนั้น

 

วงแขนแนวหัวไหล่ซอกรักแร้ได้สัดส่วนไม่เล็กไม่หนาไม่ลึกไม่ตื้นไม่โย้ไม่เอียง