ร่วมทำบุญบูชา ชุดลองพิมพ์ปัดเสนียดพระธนบดีเปิดคลังพ่อเศรษฐี(ยอดขุนคลังกายสิทธิ์) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    เห็นมีคนสอบถามเข้ามา ตะกร้อค่ายกลที่จะเปิดจองรอบเย็นนี้จะเก็บไว้ทำหัวแหวนหรือหัวจี้ก็ได้นะครับ หรือจะเลี่ยมผ่าหวายก็ตามแต่ความชอบ ยิ่งใส่แนบเนื้อพลังงานยิ่งเยอะมาก
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    ร่วมทำบุญบูชา ลูกตะกร้อผสานธาตุค่ายกลปิดกรรม (ลงอักขระปิดกรรมชุดพิเศษ)

    วิชาค่ายกลปิดกรรมนี้เป็นวิชาเฉพาะทางขององค์ปฐมท่านที่ต้องสร้างค่ายกลคลุมตัวดุจลูกตะกร้อลงอาถรรพ์ผสานธาตุขันธ์ ท่านว่าสัตว์ทั้งหลายนั้นล้วนแต่ถูกผูกอยู่ในกฏแห่งกรรม มีเกณฑ์ชะตาที่จะเกิดสุขทุกข์ระคนกันไป ซึ่งเกณฑ์ชะตาเหล่านี้สามารถที่จะแก้ไขได้ด้วยความประพฤติและการกระทำ หากแต่กฎแห่งกรรมนั้นแก้ไขไม่ได้ สัตว์ทุกรูปนามนั้นปรารถนาความสุข ซึ่งสุขนั้นก็มีทั้งสุขที่ฉาบฉวย ปราณีต ไปจนถึงบรมสุข ไม่ว่าจะสัตว์ชนิดใดหรือมหาสัตว์โพธิสัตว์ก็ตาม ล้วนบำเพ็ญบารมีทนรับความลำบากอย่างยิ่งเพื่อไปให้ถึงความสุขนั้นนั่นคือพระนิพพาน

    เมื่อจะทำตะกร้อผสานธาตุค่ายกลปิดกรรมนั้นท่านได้ทำตามวิชาเฉพาะซึ่งสมเด็จองค์ปฐมได้ประทานให้แก่ท่านไว้ ท่านว่าวิชานี้เป็นวิชาที่พิเศษมากเนื่องจากเกี่ยวเนื่องด้วยธาตุนิพพานอันต่างจากเครื่องมงคลใดๆที่จะพึงมีหรือปรากฏมี ซ้ำวิชาที่ใช้ลงนั้นก็เป็นของสูง เป็นวิชาชั้นสูงยิ่งกว่าตำรับใดๆ ท่านว่าไม่ว่าวิชาในมนุษย์โลก หรือเทวะโลก ตลอดจนพรหมโลกก็ดีนั้น ล้วนเทียบกันไม่ได้ เพราะวิชานี้มีเฉพาะเหล่าพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่รู้ แม้พระอริยสาวกผู้เป็นอรหันต์ขีณาสพก็ไม่สามารถรู้ได้จะมีที่รู้ก็คือเหล่าพระพุทธเจ้า

    นอกจากนั้นก็คือผู้ที่รับวิชาจากเสด็จพระใหญ่ท่านโดยตรง สำหรับพ่ออาจารย์นั้นท่านพิจารณาเห็นแล้วว่ากระแสแห่งพระนิพพานนั้นนอกจากเหล่าพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์แล้วยากที่บุคคลทั้งหลายจะเข้าถึง ทั้งตะกร้อค่ายกลนี้มีอานุภาพต่อต้านกรรมโดยตรงท่านว่าเหนือกว่าวิชาหนุนดวงหรือวิชาที่เสกโดยคุณแห่งวิปัสนาญาณทั้งหลายเพราะธาตุนิพพานในค่ายกลนี้มีผลเกี่ยวเนื่องกับบรมสุขโดยเฉพาะ เมื่อธาตุนิพพานอยู่กับผู้ใดก็ย่อมถือได้ว่าผู้นั้นถึงซึ่งบรมสุขอย่างแท้จริง เมื่อนั้นความทุกข์ทั้งหลายย่อมจะไม่มากล้ำกรายได้แม้แต่กรรมเวรหรือภัยจากอมนุษย์ทั้งหลายก็ดี

    พ่ออาจารย์ท่านว่าโดยปกติแล้วแม้เหล่าสมเด็จพระบรมศาสดาเมื่อทรงตรัสรู้นั้นตลอดไปจนสิ้นอายุขัยแห่งพระชนม์ชีพท่านก็ยังรับผลของกฏแห่งกรรมอยู่จวบจนท่านเข้านิพพานจึงจะพ้นกฏของสิ่งสมมติทั้งหลาย ดังนั้นตะกร้อค่ายกลนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญท่านว่าจะเกิดขึ้นในวาระสำคัญเท่านั้นแม้พระศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองหรือตกต่ำเพียงใดหากเสด็จพระใหญ่ท่านไม่เปิดให้แก่ผู้ใดแล้ววิชานี้ย่อมไม่เกิดขึ้นเลย

    เพราะมีผลใหญ่หลวงให้ล่วงกรรมได้โดยตรง ท่านว่าแม้มีทุกข์เข็ญใดเป็นปัจจัยให้เผชิญอยู่ก็ดีให้ระลึกถึงองค์ปฐมเป็นที่สุดกาลแห่งทุกข์นั้นย่อมคลี่คลายและล่วงผ่านไปได้เสมอดุจว่าไม่เคยเกิดขึ้นเลยแม้ทุกข์นั้นจะมีผลสืบมาจากกฏแห่งกรรมก็ตามท่านว่าตรงนี้ศรัทธามีส่วนมากยิ่งศรัทธามากก็ยิ่งได้ผลมาก

    พ่ออาจารย์ท่านพิจารณาแล้วว่าเหตุในปัจจุบันนั้นคนลืมสุขตกทุกข์นั้นมีมากด้วยว่าวาระเวรกรรมนั้นหนุนสัตว์ให้โลกปั่นป่วนวุ่นวาย ผู้มีอำนาจล้วนทุศีลขาดความสุจริตยุติธรรมส่งผลตามมาถึงคนกลุ่มใหญ่ในทุกๆประเทศล้วนเดือดร้อนตามกันไปทั้งหมด องค์ปฐมท่านจึงให้นำตะกร้อค่ายกลออกมาฝังไว้กับเจ้าสัวพระแก้วเพื่อปิดกรรมและเร่งกำลังบารมีหนุนชีวิตตัวเองให้กุศลกรรมส่งผล ท่านว่าพูดได้เพียงเท่านี้นอกจากเสริมบารมีแล้วยังเกี่ยวกับการสร้างฤทธิ์เป็นวิชาที่มีอิทธิฤทธิ์วิเศษ..โดยปกติแล้วจะหาวิชาใดที่จะเสริมส่งให้ผู้ครอบครองนั้นล่วงอิทธิฤทธิ์วิเศษได้ย่อมไม่มีอยู่เลย

    ฤทธิ์วิเศษนี้คือฤทธิ์ทางใจไม่ใช่จะไปดำดินเหินฟ้าที่ไหน ท่านพิจารณาแล้วว่าตะกร้อค่ายกลนั้นเป็นของมงคลชั้นเลิศติดตัวเอาไว้เดี๋ยวก้รู้เอง มันจะพอกพูนและเกิดขึ้นกับจิตวิญญาณติดตัวไปถึงภพหน้าไม่ตายตามกายสังขารคนที่ไม่เคยมีสัมผัสพิเศษ ไม่เคยมีลางสังหรณ์ ไม่เคยมีฤทธิ์ทางใจทั้งหลาย ท่านว่าเดี๋ยวก็จะมี จะค่อยๆมีค่อยๆเกิดขึ้น ค่อยๆเป็นค่อยๆไปและมากขึ้นแม่นยำขึ้นพอกพูนไปเรื่อยๆ

    ปกติแล้วตะกร้อค่ายกลมันจะหมุนล้อมครอบตัวเราอยู่ตลอดเวลา
    หากคนไหนใช้เป็นนำมาประกอบการทำสมาธิเข้าฌานหรือฝึกพลังทางจิต อธิษฐานนำมาครอบจิตตนไว้ท่านว่าคนผู้นั้นยิ่งกว่าเสือติดปีก จะไปชมป่าหิมพานต์ จะไปพิภพนาคา หรือจะไปคุยกับเทวดาหรือพรหมทั้งหลายก็ย่อมทำได้ทั้งสิ้น ท่านว่าฤทธิ์ทางใจนี้มันจะสั่งสมพอกพูนขึ้นเองเวลาเราสร้างบารมีหรือนำมาใช้เวลานั่งสมาธิวิปัสนา แม้พกไว้ปกติก็ยังเป็นมหาอำนาจทำให้คนเคารพหวั่นเกรงมาจากจิตใจของเค้า

    คาถาบูชา
    เดินค่ายกลปิดกรรม นะมะพุทธัง นะพุทธะสังสะตะอุอิ ปาสุอุชาวิระสติพุทธิจิตติสิวังพุทธัง อิมังคะมังทิตวิสังอรหังโลกะวิทู ยะวะโลกะวิทู สัพพะอะระหาพุทธะสังมิพุทธะสังอิ อิสวาสุ สะระณะมะ ทุสะนิมะ ผะเวสัจเจเอหิ อะนิโสสะ เอตังสะตึงเยตะมังคะลัง

    ### รายการนี้เป็นรายการที่พ่ออาจารย์ท่านแนะนำให้บูชากันมากที่สุดสำหรับคนที่ยังไม่เห็นในภัยอันเกิดสืบเนื่องมาจากบุพกรรมของตนเอง ทุกลูกท่านเมตตาลงจารอักขระปิดล้อมกรรมให้เป็นกรณีพิเศษ ท่านวามีอานุภาพใหญ่นัก คนที่ถือครองหมั่นอาราธนาพระคาถาจะจำเริญสวัสดิมงคลยิ่งนัก ถ้ากำหนดจิตเห็นลูกตะกร้อแก้วทิพย์ครอบตัวได้ทุกวันภัยจากกรรมใดๆก็เล็ดลอดมาบีฑาย่ำยีมิได้เลย ปิดทางตกต่ำไม่จำเริญจากกรรมเวรและเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ายการนี้รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น รายได้ร่วมสมทบทุนวิหารทานสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา ลูกตะกร้อผสานธาตุค่ายกลปิดกรรม (ลงอักขระปิดกรรมชุดพิเศษ) บูชา 900 บาท

    94387648-2304692879831849-8402664500246872064-n.jpg

    93898999-2536230193354492-8366479052885721088-n.jpg
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    รายการนี้จัดเป็นรายการที่พ่ออาจารย์ท่านแนะนำเป็นกรณีพิเศษ เพราะพ่ออาจารย์ท่านยกไว้ว่าเป็นเครื่องรางที่มีอานุภาพออกได้รุนแรงกว่าเครื่องมงคลที่เป็นรูปพระหรือเทพเจ้า เพราะเป็นของใช้งานเฉพาะทาง คาดเครื่องรางแบบนี้ดีกว่าคาดพวกปั้นเหน่งอะไรเหล่านี้มากนัก ท่านว่าจะทำพวงกุญแจหรือจะเก็บไว้ทำหัวแหวนหรือหัวจี้ก็ได้ทั้งสิ้น *** แต่โดนเนื้อโดนตัวกรรมจะปิดไวที่สุด
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่วุฒิชัย EI 8931 1286 5 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ EI 8931 1287 9 TH

    พี่ศิระ EI 8931 1288 2 TH

    พี่ณธพรหม EI 8931 1289 6 TH
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    เมื่ออาทิตย์ก่อนก็มีปรึกษากันเข้ามาเกี่ยวกับปัญหาในระบบชีวิตอยากจะขอบูชาเครื่องมงคลที่เด่นๆมีอานุภาพทางด้าน "สยบ" บูชาไปใช้ ...จนถึงวันนี้ก็คอยติดตามผลพูดคุยกันมาตลอดแต่ก็มาแปลกใจเพราะเครื่องมงคล..นี้มีผลชัดเจนมาก เดี๋ยวจะยกไว้มาทยอยพูดคุยกันเรื่อยๆนะครับ
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่วีรภัทร EI 8931 2244 8 TH

    พี่ศิระ EI 8931 2245 1 TH
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    อุเบกขา

    อุเบกขา เราแปลว่า “วางเฉย” ถ้าเป็นความรูสึกหรือเวทนา หมายถึงความรู้สึกว่าไม่ทุกข์ ไม่สุข เป็นความรู้สึกเฉยๆ ถ้ามีใจเป็นกลางคือไม่เอนเอียงไปตามภาวะต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะผิดหรือถูก ไม่ว่าจะเป็นโทษหรือเป็นคุณ เป็นความรู้และเข้าใจในเรื่องกรรม มีใจยุติธรรม เคารพในกฎกติกาหรือกฎหมาย เพ่งพิจารณาด้วยเหตุผลเป็นสำคัญ

    อุเบกขาเป็นธรรมอย่างหนึ่งใน “พรหมวิหารธรรม” (คือ 1.เมตตา 2.กรุณา 3.มุทิตา 4.อุเบกขา) คำว่า “พรหมวิหาร” คือ คุณธรรมของผู้ใหญ่,ผู้ปกครองหรือหัวหน้า พรหมในที่นี้คือ พระพรหมหรือเทวดาซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสูงสุด(ในลัทธิพราหมณ์) เรามักจะแสดงด้วยภาพ “พรหม 4 หน้า” คือรูปเทวดาที่มี 4 หน้า ซึ่งมีลักษณะมองเห็นปวงสัตว์ในทิศทั้งสี่ แต่ความจริงเทวดาประเภทนี้ไม่ใช่มี 4 หน้า แต่หมายถึง มีคุณธรรมทั้งสี่ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา

    พระพุทธเจ้าเอาความเชื่อในทางลัทธิมาอธิบายให้เป็น “ธรรม” ที่ปฏิบัติได้ หมายความว่า พระพรหมที่ว่ามี 4 หน้านั้นคือมีธรรม 4 ประการประจำใจคือ
    1 เมตตา – ความรัก ความปราถนาดี ต้องการให้คนอื่นมีความสุขสมหวัง มีอาการดีใจ
    2 กรุณา – มีใจสงสาร เห็นใจ อยากให้เขาพ้นทุกข์ภัยได้ไม่อยากให้เขาลำบาก
    3 มุทิตา – ยินดีกับความสุขความสำเร็จของคนอื่น ได้ข่าวดีก็ดีใจ
    4 อุเบกขา – วางใจเป็นกลาง มีจิตเที่ยงตรง ใช้ปัญญาพิจารณาให้รู้เท่าทันความจริงที่เกิดขึ้น ไม่เอนเอียงด้วยอคติอย่างใดอย่างหนึ่งเข้าใจกฎแห่งกรรม

    วันนี้ต้องการจะเขียนถึงข้อสุดท้ายคือ “อุเบกขา” ขอทำความเข้าใจก่อนว่าอุเบกขาเป็น “ธรรม” อย่างหนึ่งคือเป็น “สภาวะ” อย่างหนึ่ง สภาวะ คือ “สิ่งที่มีอยู่จริงในตัวเอง” ทุกสภาวะคือ “ธรรม” ในคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงในตัวเองไม่ว่าจะบัญญัติหรือไม่บัญญัติว่าเป็นอะไร มันก็มีอยู่เช่นสภาวะทีเรียกว่า “รูป” คือความเปลี่ยนแปลงความแตกสลายรูปเป็นธรรมอย่างหนึ่งจึงเรียกเต็มๆได้ว่า “ธรรม”คือรูปธรรม ทุกสภาวะในคำสอนของพระพุทธเจ้าล้วนแต่เป็น “ธรรม” อย่างหนึ่งๆเอาคำว่า “ธรรม” ต่อท้ายได้ทั้งหมด

    สิ่งที่เรียกว่า “ธรรม” จะเรียกว่า “ธาตุ” ก็ได้ “ธาตุ” คือสภาวะที่มีอยู่แต่เดิมไม่ว่าจะเรียกหรือบัญญัติเป็นอะไรก็มีอยู่จริง ไม่ใช่มีอยู่เพราะการเรียกหรือบัญญัติขึ้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าธรรม (หรือ “ธาตุ”) เป็นสิ่งที่ทรงแสดงหรือเปิดเผยให้รู้ให้เข้าใจคือมันมีอยู่แล้ว ไม่ใช่สิ่งที่เรียกหรือบัญญัติขึ้น(อย่างสิกขาบทแต่ละข้อ) ในภาษาบาลีแยกกันอย่างชัดเจนระหว่าง “ธรรม” กับ “วินัย” ใช้คำว่า “ธมฺโม จ วินโย จ” (คือ ธรรมและวินัย) หมายความว่าในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามีธรรมและวินัย ส่วนที่เป็นธรรมคือ สภาวะที่มีอยู่ในตัวเอง ส่วนที่เป็นวินัยคือสิ่งหรือเรื่องที่บัญญัติขึ้นตั้งขึ้นซึ่งเรียกว่า “กฎ” บ้าง “สิกขาบท” บ้าง ฯลฯ ธรรมเปลี่ยนแปลงไม่ได้ วินัยเปลี่ยนแปลงได้ ยกเลิกได้ เพิ่มเติมได้ ปรุงแต่งได้ ด้วยการเรียกหรือบัญญัติขึ้น คำว่าธรรมในคำสอนของพระพุทธเจ้าแต่ละอย่าง เรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า “กรรม” เมื่อเป็นการกระทำ (แต่คำว่ากรรมในที่นี้ต้องเนื่องกับจิตจึงจัดเป็นกรรม)

    อุเบกขา เป็นธรรมอย่างหนึ่ง เป็นสภาวะมีอยู่ในตัวเอง และเป็น “กรรม” อย่างหนึ่ง เมื่อจิตเข้าไปจับ เรียกว่า ”อุเบกขาธรรม” ก็ได้ เรียกว่า “อุเบกขากรรม” ก็ได้ หรือจะเรียกว่า “อุเบกขาจิต” ก็ได้ (หมายถึงจิตที่ประกอบด้วยอุเบกขา)

    จิตในที่นี้คือ “ความตั้งใจ” หรือ “เจตนา” ทุกอย่างที่เป็นกรรม เพราะมีความตั้งใจหรือมีเจตนา คือต้องเนื่องกับจิตเสมอถ้าจิตไม่รับรู้ก็ไม่เป็นกรรม จะเห็นได้ว่าธรรมทุกอย่างเป็นสภาวะแต่ละอย่างคือมีอยู่ในตัวเอง จะเป็นกรรมหรือไม่ขึ้นอยู่กับจิตว่ารับรู้หรือไม่ จิตที่รับรู้นี้แหละเรียกว่า “เจตนา” กรรมจึงเป็นสภาวะที่เนื่องกับจิตเสมอ กรรม (การกระทำ) เป็นสภาวะหรือเป็นธรรมอย่างหนึ่ง,จิต ก็เป็นสภาวะหรือเป็นธรรมอย่างหนึ่ง

    อุเบกขาเราแปลว่า “วางเฉย” จึงไม่ใช่การไม่รับรู้อะไรแต่เป็นการรับรู้อย่างยิ่ง มีการเพ่งพิจารณาและรู้ อุเบกขาที่เป็นความรู้สึกหรือเป็น “เวทนา” เป็นสภาวะที่รู้ว่าไม่ทุกข์ไม่สุข ซึ่งเป็นความรู้สึก (รู้ได้)ในฌานที่ 4 เรียกว่าจิตเป็นอุเบกขาอันเป็นสภาวะที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง

    อุเบกขาที่เป็น “ปัญญา” บาลีใช้คำว่า “ปัชฌัตตตา” คือความที่จิตเป็นกลาง หรือการวางจิตเป็นกลาง จะเห็นได้ว่าทั้งอุเบกขาที่เป็นความรู้สึก(เวทนา) และอุเบกขาที่เป็นปัญญาไม่ใช่การไม่รับรู้อะไรแต่เป็นการรับรู้ด้วยสติและปัญญาอย่างยิ่ง อุเบกขาในฌานที่ 4 เป็นสภาวะของจิต(รู้ด้วยสติ)ว่าไม่ทุกข์ไม่สุขจึงมีความบริสุทธิ์อย่างยิ่ง ส่วนอุเบกขาที่เป็นมัชฌัตตตา (วางใจเป็นกลาง) เป็นสภาวะของจิตที่อยู่ตรงกลางระหว่างความถูกกับความผิด,ระหว่างทุกข์กับสุข,คุณหรือโทษ ซึ่งจะเป็นได้อย่างนั้นต้องใช้ปัญญาเพ่งพิจารณาไม่ใช่การไม่รู้อะไร

    จึงอาจเป็นไปได้ว่าเพราะคำแปลว่า “วางเฉย” สำหรับ “อุเบกขา” ทำให้เข้าใจผิดได้ว่าเป็นการเฉยเมยไม่รับรู้อะไรเสียเลย แต่ความจริงสภาวะที่เรียกว่าอุเบกขาเป็นการมีสติอย่างยิ่งในฌาน 4 และเป็นการเพ่งพิจารณาด้วยปัญญาอย่างยิ่งในการวางใจเป็นกลาง ดังนั้นอุเบกขาจึงเป็นเรื่องของความรู้ไม่ใช่การไม่รับรู้อะไร การวางเฉยโดยไม่รับรู้อะไรย่อมไม่เป็น “กรรม” แต่ความจริง อุเบกขาในคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นกรรมอย่างหนึ่งคือมีการกระทำ(มีเจตนา)ทางจิต จึงจะเรียกว่า“อุเบกขา” อุเบกขาใน “พรหมวิหาร 4” เป็นเรื่องของการใช้ปัญญาเพ่งพิจารณาเพื่อวางใจเป็นกลางไม่ให้ใจเอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ให้พิจารณาเห็นกรรม เห็นความยุติธรรม หรือเห็นหลักการเห็นเหตุผลจนวางใจเป็นกลางได้

    น่าแปลกใจว่าคนส่วนใหญ่วางใจเป็นกลางไม่ได้ทั้งไม่เพ่งพิจารณาให้เห็นกรรม หรือไม่เข้าใจธรรม จึงต้องใช้อุเบกขาให้มากๆไม่ใช่สอนให้วางเฉยโดยไม่รับรู้อะไร อุเบกขาไม่ใช่การมีท่าทีวางเฉย หรือมีกิริยาอาการ “ปลง” ไม่สนใจอะไรแต่เป็นการใช้สติปัญญาอย่างยิ่งต่างหาก เมื่อสอนเรื่องพรหมวิหาร 4 ดูเหมือนเราจะเข้าใจแต่ธรรม 3 ข้อแรกคือเมตตา,กรุณาและมุทิตา เท่านั้นส่วน “อุเบกขา” กลับไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดๆเป็นส่วนมาก อุเบกขาในฌาน 4 (ความรู้สึกไม่ทุกข์ไม่สุข) อาจจะเป็นเรื่องที่อยู่ห่างไกลออกไปแต่อุเบกขาในพรหมวิหาร 4 เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติอยู่เสมอๆ *** จะได้ไม่ยึดมั่นถือมั่นอยู่ข้างใดข้างหนึ่งหรือเอาแต่ “วางเฉย” เฉยเมยไม่รับรู้อะไรที่เข้าใจว่าเป็น “อุเบกขา”

    557000001349001.jpg
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    ใครชอบเครื่องรางที่มีอานุภาพในทางมหาสยบ.. พรุ่งนี้ติดตามดีๆนะครับ
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    พรุ่งนี้ติดตามกันนะครับสำหรับคนที่มีภาระหนัก มีปัญหาเยอะจะได้ผ่อนแรง ด้วยเครื่องรางที่มีการสร้างสืบทอดยาวนานกว่าพันปี
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    ร่วมทำบุญบูชา หลักเสาสักการะยึดโยงฟ้าค้ำโลกาหมื่นชะตาสยบ (รวมศูนย์ชะตาหมื่นวาสนาชนชาติมนุษย์,มหายักษ์แบกให้ถึงสวรรค์)

    เสายักษ์ค้ำหมื่นชะตาเป็นเครื่องรางที่อาศัยโชคชะตาของผู้อื่นโดยรอบเสริมพลังสร้างโชคชะตาใหม่ที่แข็งแกร่งให้เรา พ่ออาจารย์ท่านว่าสมัยนี้ปฏิเสธกันไม่ได้เลยที่ว่าคนเราจะไม่สัญจรไปไหน อย่างน้อยหากอยู่กับที่แต่รอบๆก็ยังมีบ้านคน,มีจิตวิญญาณ,มีพลังงานแม้ใต้ปฐพีหรือเหนือชั้นฟ้าก็ยังมีการเคลื่อนไหว..เสานี้จึงดึงดูดโชคชะตาของชนชาติรอบๆผลักดันเจ้าของ...พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นดั่งเสาหลักคำฟ้าเพราะเป็นวิชาอาถรรพ์ที่หาผู้รู้ลงมือทำได้ยาก ดั่งที่ฟ้าบรรพกาลมีทั้งแกนจักรวาล,มีหลักโลก แม้ลึกลงไปในมหาสมุทรก็ยังมีเสาค้ำสมุทรทั้งเจ็ด,เสาค้ำทะเลทั้งสี่ทิศเหล่านี้เธอรู้กันหรือไม่..แน่นอนว่าบางคนก็มองไม่เห็นหาให้ตายก็ไม่พบ รวมๆพ่ออาจารย์ท่านเรียกเสาหลักว่าหลักค้ำฟ้า โดยที่เสาหลักนี้จะเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงที่ล้มลงไปไม่ได้ เป็นทั้งหลักที่พึ่งและเครื่องยึดเหนี่ยวยึดโยงของชนทั้งโลก เพราะเสาค้ำฟ้านั้นจะช่วยค้ำจุนโลกเอาไว้ ### ในขณะที่เสาค้ำหมื่นชะตาฟ้าสยบนี้จะค้ำจุนชะตาเราช่วยผ่อนแรงให้เรา(ที่ว่าหนักมาทั้งชีวิตก็ได้คลายเหมือนมีคนมารับกรรมต่อ มาแบกทุกข์แทน มารับช่วงแทนทุกอย่าง) ข้อดีของเสานี้หากใครจะถามว่าใช้รับน้ำหนักแรงทุกข์แรงกรรมได้มากแค่ไหน พ่ออาจารย์ท่านว่าดูง่ายๆแค่เสาในชั้นดินอย่างเสาค้ำสี่ทะเลเจ็ดมหาสมุทร แค่นั้นก็ค้ำรับแรงได้ทั้งโลกแล้ว เสานี้เมื่อลงหลักค้ำจุนผู้ใดจะนำมาซึ่งความร่มเย็นทำให้ชีวิตสงบสุขไม่ปั่นป่วนด้วยคลื่นลมและแรงปะทะทั้งหลายอันซัดโหมใส่ชีวิตของเราเมื่อถึงที่สุดแล้วจะทำให้ชีวิตเรามั่นคงโดยลำดับขั้น(คือมีแต่มากขึ้นเรื่อยๆ) ทั้งคอยค้ำจุนชะตากรรมไม่ให้พังลงมาหรือแปรเปลี่ยนปั่นป่วนเกินที่ตัวเราจะต้านทานควบคุมได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าสมัยนี้ปัจจัยโดยรวมรอบตัวทั้งปัจจัยสังคมภายนอกยิ่งส่งผลรุนแรงต่อวิถีชีวิตเช่นนั้นจึงต้องจัดระบบให้หมื่นชะตารวมศูนย์ดึงความผันผวนโดยรอบมาสร้างฐานเสริมความมั่นคง ท่านจึงมีดำริให้นำเสาค้ำโลกาหมื่นชะตาออกมาแบ่งกันใช้

    ทั้งการสร้างเสาหลักเสาชัยนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของการประกาศอำนาจ กระจายอำนาจ เป็นเครื่องรางที่จะรวบรวมชะตาโดยรอบผลักดันก่อเกิดเป็นอำนาจในทุกมิติ ให้เรารักษาความมั่นคงไว้ได้ยาวนาน มีอำนาจนิรันดร์กาล เช่นเสาอโศกเมื่อขยายไปที่ใดพระพุทธศาสนาก็เจริญรุ่งเรืองอยู่ตรงนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเสาค้ำหมื่นชะตานี้ไม่เพียงมีไว้ขับส่งแรงปะทะรอบตัวเขายังมีอำนาจเป็นแหล่งรวมพลังจักรวาลทั้งยังใช้ดูดซับวิชาทั้งหลาย(รอบตัวเราพันหมื่นเวทย์วิชา)...เกินสามัญสำนึก เช่นนั้นพ่ออาจารย์จึงมีคติให้แก่ผู้ที่ครอบครองเสาค้ำว่าชีวิตจะสงบร่มเย็นดีไม่ร้อนรุ่มเพราะอะไรก็มาทำให้ร้อนไม่ได้ เปรียบดั่งชีวิตคนเราที่มีเสาหลักให้พึ่งพิงค้ำตัวเราอยู่จะล้มก็ไม่ได้(แค่จะทรุดลงก็ยังทำไม่ได้เลย) ในขณะเดียวกันชีวิตใครที่ขาดเสาค้ำก็มักจะถูกทำลายหรือโดนรบกวนได้ง่ายๆดั่งโลกที่จุดไหนเสาค้ำมีปัญหาก็มักจะเกิดภัยพิบัติร้ายแรงถาโถมนานัปการทั้งภูเขาสั่นคลอน,ผืนป่าถูกทำลาย,มหาสมุทรเกรี้ยวกราด,เกิดน้ำท่วมผืนพิภพ,บรรยากาศหวาดผวา,อากาศผิดฤดูกาล,เกิดโรคระบาด,ปีศาจออกมาทำลายมนุษย์.. เช่นเดียวกันชีวิตเราที่ไม่ขาดเสาค้ำย่อมปลอดภัยจากมหาภัยในมหาทิศทั้งปวง

    เมื่อจะสร้างเสาหมื่นชะตา(ฟ้าสยบ) องค์ปรพรหมท่านแนะนำให้ทำตามวิชาของท่านคือทำเป็นรูปมหายักษ์แบกสวรรค์เอาไว้(ท่านว่าภาระสวรรค์ยังแบกได้ ชีวิตคนก็ไม่มีอะไรที่จะหนักหนามากไปกว่านี้แล้ว) เมื่อยักษ์ยังแบกสวรรค์อยู่เช่นนี้เสาหมื่นชะตาจึงกลายเป็นเสาหลักโลกเหนือกว่าเสาในชั้นดินทั้งหลายอย่างแท้จริง เป็นการดึงกำลังฟ้าสวรรค์ลงมาแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นอานุภาพ "สยบ" ทั้งสิบทิศ (เมื่อเราใช้ เสานี้จะสยบชะตาหมื่นแสนของสิ่งมีชีวิตโดยรอบสูบเอากำลังทั้งสิบทิศมาหนุนเรา) ทั้งมหายักษ์บรรพกาลนั้นยั่งมีฤทธิ์รุ่งโรจน์เกินทวยเทพทั้งหลายทั้งยังมีบริวารมากมาย มีอำนาจ "บัญชาการ" ความเป็นไปของสรรพชีวิตได้ ด้วยมีอำนาจถึงกับแบกเอาเขาพระสุเมรุอันเป็นหลักโลกไว้นับอสงไขยเวลาทั้งสวรรค์ก็มีทวยเทพ,พระพุทธเจ้าและเหล่าพระโพธิสัตว์หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนมากมายประทับในชั้นต่างๆ...หากแต่มหายักษ์ผู้ค้ำสวรรค์นี้กลับไม่ได้เปลี่ยนตัวไป พ่ออาจารย์ท่านว่าเสาหมื่นชะตาที่มีมหายักษ์ซึ่งคงอยู่นานนับอสงไขยเวลาคอยค้ำจุนสวรรค์อันถือว่าเป็นสิ่งสูงสุดนี้จึงช่วยให้ชีวิตเรามั่นคงได้มากขึ้น แข็งแรงแข็งแกร่งกว่าหมื่นชะตาพันชนชาติรอบตัว ทั้งมหายักษ์ยังจะแบกเราให้ถึงซึ่งสิ่งสูงสุดในชีวิต(ดุจแบกสวรรค์) ไม่หวั่นน้ำหนักของภาระทั้งหลายที่จะเพิ่มเข้ามาในแต่ละวันเลย ****พ่ออาจารย์ท่านว่ายิ่งคนภาระเยอะก็ให้บอกพ่อยักษ์เขาให้เขาช่วยรับแทนเราให้หน่อย วันนี้เรื่องอะไร พรุ่งนี้เรื่องอะไรจะค่ำเช้าดึกดื่นไม่ว่าขึ้นว่าแรมบอกเขาให้ครบให้ละเอียด เขาจะแบกเราให้เอาตัวรอดได้สบายจะได้รีบสร้างฐานะไปก่อนเช่นนี้ท่านช่วยไม่ขัดข้องเลย

    เมื่อชีวิตตกต่ำต้องใช้เสาค้ำฟ้า

    วิชาสร้างเสาค้ำฟ้าค้ำชีวิตนี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามีมามากกว่าพันปีแล้ว สมัยก่อนเขาจะเรียก "เสาสักการะฟ้าดิน" บ้าง "เสาค้ำฟ้า" บ้าง ซึ่งเสานี้จะมีอานุภาพใช้ค้ำได้ทั้งโคตรบรรพชน ยุคน่านเจ้าก็มีการบวงสรวงเสาเหล็กเสมอด้วยการบวงสรวงต่อฟ้าดิน บางอารายธรรมถึงกับทำการบูชายัญสรรพชีวิตในใต้หล้านี้สังเวยเสาค้ำสวรรค์ของชาติพันธ์ของเขาทั้งใช้มนุษย์เฉพาะผู้ชายมาพันธนาการไว้หน้าเสาก็มี...พ่ออาจารย์ท่านว่านับพันปี..หลายพันปี..เมื่อจะสถาปนาอำนาจแห่งรัฐ อำนาจแห่งปัจเจกบุคคลก็ดีย่อมสร้างเสาค้ำฟ้านี้ให้ปรากฏขึ้น เช่นนั้นเมื่อพ่ออาจารย์ท่านสร้างเสาหมื่นชะตาท่านจึงสร้างสืบสานต่อเวทย์วิชาอันถูกปกปิดไว้ เพื่อที่เสานี้ปรากฏแก่ผู้ใดจะได้เป็นเกียรติยศดุจได้รับการสถาปนาให้คงอยู่ในอำนาจใต้ฟ้าดินนี้ไร้ผู้ทัดเทียม มีเสาเป็นสื่อให้ตัวเราผสานเข้ากับพลังงานฟ้าดินโดยไม่ขัดต่อเจตนารมณ์กฏฟ้า นอกจากจะเป็นเสาค้ำฟ้าค้ำชีวิตแล้ว...ยังใช้ยึดโยงตัวเราเข้ากับโคตรบรรพชนนับแต่อดีตกาลทั้งหมด ดึงอำนาจบรรพชนทั้งหลายมาหนุนส่งเราตามอาถรรพ์แห่งเสาสักการะฟ้าดิน ทั้งจะได้ปรับภพภูมิทั้งตัวเราและเหล่าบรรพชนให้สูงส่งยิ่งๆขึ้นไป(นี่คืออาถรรพ์พิเศษของเสาค้ำฟ้า)

    เพื่อจะสถาปนาซึ่งมงคลค้ำคูณสูงสุดดังนี้จึงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย พ่ออาจารย์ท่านว่าต้องหาฤกษ์หายามตั้งแต่ปั้นหุ่นกันทีเดียว ซ้ำยังต้องลงอักขระทุกสายตั้งแต่พุทธวิชา,พรหมศาสตร์และเวทย์สวรรค์ตลอดจนวิชาในพระพิชัยสงครามเลือกเอาแต่ที่หนุนดวง,หนุนชะตา,ค้ำดวงวาสนาให้ไม่ต่ำกว่าคนไม่จนกว่าใคร พ่ออาจารย์ท่านว่ายันต์แต่ละสูตรขององค์ปรพรหมและองค์ปฐมที่ยังไม่ได้เปิดเผยนั้นล้วนแต่เปลี่ยนยาจกให้เป็นคนมีอันจะกินมามากแล้ว..ใช้เปลี่ยนเจตนาฟ้าได้แรงใช่ย่อยเลย พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์ปรพรหมนั้นท่านให้สถาปนาเสาค้ำฟ้านี้ไว้ถึงขั้นที่ว่าหากได้ใช้แล้วขาดเสานี้ไปจะรู้ตัวเองเลยว่าที่ผ่านมาทำไมชีวิตถึงพังทลาย(ชีวิตหลังจากนี้ไปที่ว่าขึ้นว่าดีมันเป็นอย่างไร) ด้วยเป็นวิชาที่มีมานานเกินพันปีหากแต่ไม่ใคร่มีใครสืบทอดไว้เมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ถูกต้องครบถ้วนตามเคล็ดคนโบราณ(พ่ออาจารย์ท่านว่าต้องตั้งพิธีสังเวยฟ้าร้อยแปดครั้งเพื่อสูบเอาพลังฟ้าดิน หากแต่ไม่ได้ใช้สิ่งมีชีวิตใดๆมาสังเวย ท่านปั้นเป็นหุ่นสมมติเป็นรูปนามโยนบูชากองกูณพระอัคคีขึ้นแทนไม่ว่าจะคนจะสรรพสัตว์ทั้งหลายใช้หุ่นเหล่านั้นเพื่อทำพิธีเป็นการสังเวยตัวแทน พ่ออาจารย์ท่านว่ามีอาถรรพ์เสมอกันทั้งยังได้พลังฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ปนอาถรรพ์วิญญาณใดๆรบกวนด้วย) เพื่อให้ผู้ครอบครองได้อยู่เป็นสุขไปสืบลูกสืบหลาน ภายใต้ร่มกำบังแห่งเสาค้ำฟ้านี้ใครได้อาศัยจะมีแต่สุขสวัสดิ์พิพัฒมงคลและเจริญสุขในทุกๆประการ

    *** พ่ออาจารย์ท่านว่ารับเอาเสาค้ำฟ้าไปชีวิตมันเปลี่ยนนะ เหมือนชีวิตเราที่มีหลักแล้วย่อมต่างกับตอนยังไร้หลักเกาะแค่นี้มันก็ต่างกันแล้วเทียบกันไม่ได้เลย พ่ออาจารย์ท่านว่าคนที่ยังไม่มีหลัก คนที่มองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป คนที่เห็นว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญก็ปล่อยเขาเถอะ ของแบบนี้ถ้าไม่ดีจริงแต่โบราณกาลคงไม่เสียสละชีวิตมนุษย์นับร้อยพันหมื่นเพื่อสถาปนาเสาสักการะฟ้าดิน ก็คนที่ไม่มีหลัก คนเหล่านั้นแหละที่หาความสุขความเจริญได้ยากมากนักใช่หรือไม่

    พ่ออาจารย์ท่านว่าเสานี้ทำยาก ฉันทำมาเลือดตาแทบกระเด็น เพราะทุกขั้นตอนเน้นฤกษ์ยามท่านว่าจะได้เป็นโฉลกกัน ให้สังเกตุง่ายๆพอรับของไปอะไรที่มันโฉลกได้ไปปุ๊ปชีวิตก็ดี แต่ของอะไรต่อให้ดีอย่างไรแพงแค่ไหนถ้ามันไม่โฉลกชีวิตก็นิ่งเงียบอยู่เท่าเดิม เพื่อจะแก้เคล็ดตรงนี้ให้โฉลกเข้ากับทุกคนทุกขั้นตอนจึงต้องใช้ฤกษ์ยามอย่างละเอียด คนที่มีปัญหาชีวิตชอบมีปากเสียงโต้แย้งกับคนในบ้านและนอกบ้าน หรือชีวิตใครที่เจ็บป่วยออดๆแอดๆดีมาร้ายกลับสุขสวัสดิ์ไม่ได้อยู่คงทน หรือชีวิตใครเจอแต่เหตุที่นำมาซึ่งความเสื่อมห่างไกลเหตุแห่งความเจริญมีแต่เรื่องเดินเข้ามาหามีแต่ทุกข์ถมเข้ามาใส่ ยิ่งมีชีวิตอยู่นานไปก็ยิ่งเสีย..ชีวิตใครที่เสียเกียรติ,เสียชื่อเสียง,เสียเงินทอง,เสียความสุขมวลรวม..พ่ออาจารย์ท่านว่านั่นแหละเขาเรียกว่าต้องอาถรรพ์ ต้องแก้อาถรรพ์ในทิศทั้งสิบซึ่งท่านลงไว้พร้อมแล้วในเสาค้ำฟ้านี้ กว่าจะออกมาเป็นเสาฉันต้องจารยันต์โดยวิธีการลบถมเป็นพันหมื่นครั้งเพื่อรวมธาตุกายสิทธิ์เข้ากับคุณวิชาหมื่นสายจะได้ลดแรงปะทะของเคราะห์กรรมต้านทานคลื่นลมอันรุนแรงของธรรมชาติทั้งจะนำให้ห่างไกลภัยพิบัติทั้งปวง ขอแค่ใครที่ได้รับไปก็จะพบนิมิตมงคลทำให้ชีวิตดีขึ้นตลอดไป ...แม้บุคคลใดที่คิดว่าหมดหนทางเยียวยาแล้ว จบแล้ว สิ้นแล้วจะกลายเป็นจับงานจับเงินจับทองทรัพย์สมบัติไหลมาเทมา จะปรากฏสิ่งเกื้อกูล จะปรากฏนิมิตมงคล ความโชคดีจะปรากฏแก่โชคชะตาไม่พ้นในสามวันเจ็ดวัน ถ้าหากใครดวงเปิดดวงดีนอนมาดวงไม่มีอะไรเสียมีชีวิตดีอยู่แล้วจะยิ่งเจริญรุ่งเรืองขึ้นผิดหูผิดตาเป็นอัศจรรย์ในอาถรรพ์ของเสาค้ำฟ้า..เสาสักการะฟ้าดินนี้

    เมื่อหล่อหลอมองค์ปรพรหมโองการให้ฝัง "ตะกรุดหมื่นชะตาฟ้าสยบ"

    อานุภาพ "สยบ" เป็นอานุภาพที่ใช้ให้ชนทั้งหลายยอมอ่อนน้อม,อ่อนข้อ,ยอบลง,ซบลงพินอบพิเทาเกรงกลัวในวาสนาบารมีของเรา ดั่งค่ำว่ายอมอ่อนน้อมก้มหัวก้มได้ลดเกียรติลดศักดิ์ศรีได้แม้แต่อวัยวะที่สูงสุดของตนก็ลดกดลงต่ำถึงพื้นดินได้ จะเรียกว่ายอมแพ้ยอมสยบอยู่แทบเท้าอย่างราบคาบก็ได้ ผู้ที่มีอานุภาพ "สยบ" เช่นนี้เมื่อปรากฏขึ้นจิตใจสรรพสัตว์จะหวาดหวั่นรู้สึกตกใจ มีใจครั่นคร้ามขยาดไม่กล้าสู้ไม่กล้าเผชิญหน้าเลย ความเกรงขามกริ่งเกรงจะปรากฏ ความพรั่นพรึงสะทกสะท้านไปถึงใจจะปรากฏ ความเข็ดขยาดจะปรากฏ นั่นคือคนที่เกิดมาพร้อมหรือผู้ที่ได้รับอำนาจฟ้าพิเศษมีอานุภาพสยบเช่นนี้

    อานุภาพสยบนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าจะใช้กำราบศัตรูให้พ่ายสิ้นก็ได้ผลนัก แม้จะใช้สยบศัตรูคู่แค้น,คู่แข่ง,คู่เวร,คู่กรรมก็ยังทำได้ จะอาราธนาเข้าปราบปรามเรื่องแย่ๆในชีวิตก็ทำได้ พวกที่ดวงคุดดวงแตกพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกราหูทับลัคนา.. หรือพวกที่ทำอะไรไปก็เจอแต่ศัตรูหนทางชีวิตไม่ได้ราบเรียบทำมาหากินไม่ขึ้น จำต้องใช้อานุภาพสยบนี้ปราบมารปราบไพรีเพื่อจะได้ระงับต้นเหตุแห่งความเสื่อมและภัยอันตรายรอบกาย ยิ่งเจอคนที่คิดไม่ดีอานุภาพสยบนี้ก็จะสะท้อนย้อนกลับสิ่งที่ส่งมา
    ท่านว่าสยบได้ทั้งหมดจะได้พบโชคพบชัยชนะ เอาไปอาราธนาสยบอุปสรรคและปัญหาของตัวเองแม้จะมากมายทับถมสักเท่าไหร่ก็หายไปดับสูญไม่ช้านาน

    - ตะกรุดหมื่นชะตาฟ้าสยบ ตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าลงไว้ด้วยเวทย์สวรรค์เฉพาะกาลเป็นศาสตร์ราชวังโบราณชั้นสูงสุดเมื่อสถาปนาอาณาจักรแว่นแคว้น มีอานุภาพสยบได้แม้กระทั่งแรงฟ้าทั้งรวมศูนย์หมื่นชะตารอบกายมาต่อต้านกฏฟ้าดิน ให้ดับทุกข์ภัย,ทุกข์ร้อนในชีวิตได้ทั้งสิ้น หมู่มารคู่แข่งคู่อาฆาตก็สยบลงแทบเอาหัวกดดินหายขาดทั้งหมดไม่มีแก่ใจจะมาแผ้วพาน ด้วยเป็นตะกรุดที่ใช้สยบกฏฟ้าโดยเฉพาะจึงคุ้มครองเคราะห์ภัยได้หมดทั้งที่เกิดโดยธรรมชาติหรือเหนือธรรมชาติก็ดี จะภัยในกิจการ ในภารกิจการทำมาหากิน จะภัยจากมนุษย์ตั้งแต่คนชั้นรากญ้าหรือเจ้าคนนายคนท่านว่าล้วนถูกสยบทั้งสิ้น ให้เราฝ่าคลื่นลมขวากหนามอันตรายแม้มากมีดุจอันตรายในมหานทีสีทันดรก็กลับร้ายให้กลายเป็นดี ให้เราผ่านพ้นผองภัย ความขุ่นข้องขัดแย้ง ทั้งสยบอารมณ์โลภโกรธหลงและกิเลสมารไม่ให้กระเพื่อมนำมาซึ่งสุขนิรันดร ทั้งตะกรุดนี้ยังกดดันชะตานับหมื่นรอบกายเราข่มเอาไว้ ทำให้คนรอบตัวทั้งที่ระดับเดียวกับเราหรือจะสูงจะต่ำกว่าเราก็ดีถูกเราข่มไว้ทั้งสิ้น เช่นนี้จึงเป็นกฤติยาคมแฝดช่วยให้เราได้เจอสิ่งที่ดีที่สุดสูงที่สุด เอาไปใช้เรื่องความรักก็จะเจอแต่คนชั้นสูง เอาไปใช้เรื่องมิตรภาพก็จะดึงดูดผู้สูงศักดิ์ เอาไปใช้ในหน้าที่การงานก็จะคัดกรองแต่งานทีดันวาสนาเราให้สูงขึ้นทั้งยังจะข่มเขาไว้สะท้านไปถึงจิตใจ ท่านว่าสุดแล้วแต่จะใช้จะเชยชมสมบัติฟ้า(หมายถึงเอาไปใช้หาทรัพย์ที่มากค่าสูงขึ้น)หรือจะเอาไปเด็ดดอกฟ้า(คนที่ชาติตระกูลดี)ก็อยู่ที่เราอาราธนาเพราะอานุภาพสยบนี้ออกได้ทุกทาง เพื่อจะเปลี่ยนตัวตนเราที่ต่างจากบุคคลโดยรอบดั่งฟ้าสูงกับเหวลึกให้อยู่ระดับเดียวกัน

    นอกจากนี้เสาค้ำฟ้าหรือเสาสักการะฟ้ายังใช้เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อฟ้าดินรับคำอธิษฐานคำสักการะฟ้าของคนมากมายในระดับชนชาติทั้งชนชาติทั้งอาณาจักรมานับพันปี จึงเป็นเสาที่สามารถอธิษฐานและบนบานได้ทุกเรื่อง จะดับทุกข์ภัยในชีวิต ดับทุกข์ร้อนในครอบครัว ขออาถรรพ์แรงครูสงเคราะห์ขับคุณไสยคุณผีก็ทำได้ แม้ติดตัวกันสิ่งอัปมงคลขั้นรุนแรงทั้งหลายก็ได้ทั้งสิ่งอัปมงคลอันจัญไรเลวร้ายจะมิได้ต้องกาย ทั้งปัดเป่าสิ่งเลวร้ายอุบาทว์ต่างๆให้ออกไปไกลตัว หากพกไว้เสานี้จะคอยเตือนเหตุเภทภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่ตัวเรา(ท่านว่าถ้าเข้าถึงเขาได้มากขึ้นเขาจะขยายโลกทัศน์ไปถึงคนรอบตัวเราและเขตชุมชนขยายกว้างไปเรื่อยๆให้เราได้รู้ได้เห็นเหตุเภทภัยอันจะอุบัติในระยะอันใกล้ เพราะเขาคือเสาหมื่นชะตา) แม้พกพาเดินทางไปในทิศทั้งแปดมหาทิศทั้งสี่เทวดาก็รัก,มนุษย์ก็เอ็นดู,เจ้าชีวิตก็เมตตา จะใช้กันตนป้องกันภัยจากอันตรายและอุบัติเหตุเภทภัยทั่วทั้งสิบทิศ ป้องกันอันตรายจากธาตุทั้ง 4 อันมีดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นที่สุดก็ได้ทั้งสิ้น ทั้งยังมีพลังสยบสรรพสิ่งทั้งคน,สัตว์ บ่าวไพร่บริวารในแวดล้อมรอบตัวให้เกรงขามตัวเรา จะใช้หนุนดวง,ขอโชค(ท่านว่าถ้ามีโชคเลขจะลอยให้เราเห็นที่องค์เสาค้ำฟ้านี่เลย จะได้เห็นกันบ่อยมากหนึ่งตัวสองตัวสามตัว),จะขอทางการงานเปิดดวงให้กับตัวเองท่านว่าขออะไรกับเสาค้ำฟ้านี้ขอแค่มีศรัทธาอย่างจริงใจเสาจะเชื่อมต่อเจตนารมณ์ของเราเข้ากับบรรพบุรุษย้อนไกลไปหลายภพชาติส่งตรงถึงฟ้าสวรรค์ประทานพร

    *** เพียงเชื่อมั่นให้จริงย่อมสมหวัง ทั้งขอเงินทอง,โชคลาภ,ยศถาบรรดาศักดิ์ จะมีกินไม่มีหมดไม่อดไม่อยาก เพราะเป็นของสูงที่แม้แต่เจ้าชะตาหมื่นพัน เจ้ามหาชีวิต(กษัตริย์ราชวงศ์โบราณ)ที่ปกติเหยีบย่ำสรรพชีวิตก็ยังต้องก้มหัวไหว้กราบลดเกียรติอธิษฐานเพื่อสังเวยน้อมส่งคำอธิษฐานต่อฟ้าดิน ส่งความปรารถนากลับคืนสู่สวรรค์ พ่ออาจารย์ท่านว่าเหตุที่ทำเสาค้ำฟ้าเป็นเครื่องรางนี้ก็เพื่อจะให้พลิกชะตาชีวิตแก้ร้ายให้กลายเป็นดีไม่รู้จักความย่ำแย่ ทั้งยังค้ำภาระชะตาตนไว้ทุกสิ่ง เพิ่มวาสนากันปีชงกันดวงตกทุกอย่างไม่ให้เธอตกหล่นตกต่ำตกอับอาภัพวาสนา แม้เจอหมู่มารก็ยอมถอย เจอศัตรูก็ยอมสยบไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่ตัวเราดั่งเสาค้ำฟ้าที่สยบทั้งชนชาติให้ขึ้นตรงต่อสวรรค์ได้เช่นนี้

    คาถาบูชา
    มะโทรัง อะตะระโร เวสะวะโน นะหากปิ ปิสาคะตาวาโหมิ มหายักขะ เทพะอนุตะรัง เทพะดา เทพะเอรักขัง ยังยังอิติ เวสะวะนันภูตัง มหาลักชามะนง มะภูอารักขะ นะพุททิมะมัตตะนัง กาลปะติทิศา สัพเพยักขา ปะลายัตตะนิ


    ตรงลูกโลกแทนสวรรค์ทั้งหมื่นจักรวาลทุกชั้นฟ้านั้น องค์ปรพรหมท่านโองการให้พ่ออาจารย์ลบถมผงหัวใจหมื่นพุทธ(พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ที่มีคุณวิเศษต่างๆกันไป)ตลอดจนผงหัวใจพระโพธิสัตว์,เทพยดา,มหาเทพ,มหาพรหมทั้งหลาย พ่ออาจารย์ท่านว่าเขียนผงหัวใจแต่ละพระองค์ทีละพระองค์เสกลบเสมือนอัญเชิญเทพทั่วหมื่นจักรวาลลงมาสถิตย์ในทุกอณูผง แต่ละพระองค์ถ้วนทุกพระองค์ล้วนมีอานุภาพแตกต่างกันไปเพื่อรวบรวมบรรจุไว้ในเสาค้ำฟ้านี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าผงนี้เป็นดั่งตัวแทนของทวยเทพทั้งหมดบนสวรรค์ที่จะเชื่อมต่อวาระจิตเล่นแร่แปรธาตุกลับวาสนาเข้ากับเสาค้ำฟ้า เพื่อส่งคำพรปกาศิตทุกๆคำอธิษฐานสื่อตรงถึงร่างกายเราผ่านเสาค้ำฟ้า(เสาอธิษฐานสักการะฟ้าดิน)

    ### รายการนี้มีน้อยมาก(พ่ออาจารย์ท่านแจ้งมาแบบนี้) ทั้งเสานั้นยังเลือกเจ้าของเองทุกองค์ทุกต้น ด้วยว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ระดับชาติพันธุ์ที่ท่านย่อลงมาทำเครื่องรางเน้นขับให้มีอานุภาพคงเดิมเข้มขลังในฤกษ์ยามและพิธีกรรมเพื่อรับโฉลกชะตาลิขิต รายการนี้รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น ผู้จองให้แจ้งชื่อนามสกุลไว้เพียงเท่านั้น(ท่านว่าเหนือกว่านั้นมีปัญหาใดบอกเสาได้โดยตรง แต่อย่าเอาไปขูดหาเลขบ่อย ท่านย้ำว่าเพียงมีวาสนาแค่มองเลขก็ลอยออกมาแล้ว) รายได้ร่วมสมทบทุนวิหารทานสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา หลักเสาสักการะยึดโยงฟ้าค้ำโลกาหมื่นชะตาสยบ (รวมศูนย์ชะตาหมื่นวาสนาชนชาติมนุษย์,มหายักษ์แบกให้ถึงสวรรค์) บูชา 2,500 บาท

    **** เวลาขออะไรกับพ่อยักษ์ให้เรียกท่านว่าพ่อยักษ์ใจดีช่วยหน่อยจะได้ไวทันตาเห็น

    94258302-538844620160327-1588040732944367616-n.jpg 94220705-228297518446827-6803783596264914944-n.jpg
    94269635-277194549980160-5097835733188608000-n.jpg
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    รายการนี้เฉพาะตะกรุดหมื่นชะตาฟ้าสยบที่ท่านเคยลงใส่แผ่นทองแดงเวลามีคนขอบูชาเครื่องมงคลทางมหาสยบแบบแรงมากๆกันเข้ามาก็ดอกละหกพันแล้ว รายการนี้ใครได้ไปแค่ตะกรุดดอกเดียวก็นับว่าคุ้มค่าแล้วและเสาชะตานี้เป็นสิ่งที่ทำให้สำเร็จยากเพราะพิธีกรรมบวงสรวงสวรรค์นั้นท่านว่าทำยากใช้เวลานานท่านจึงตั้งใจทำแค่ครั้งเดียว ท่านว่าเสาค้ำฟ้านี้เป็นของสร้างคนม่ได้ออกแพงมากเพราะตอนนี้คนลำบากกันมากให้แบ่งๆกันไปใช้นะ
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    พรุ่งนี้ส่งของแล้วติดตามพูดคุยกันนะครับ พอดีมีเรื่องน่าสนใจที่คนถามเข้ามาและก็เห็นว่าเป็นปัญหาหนักมากๆของคนทั่วไปจะได้ยกมาพูดกัน
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    สัญญากรรม

    ปัญหาแห่งชนทั้งผอง ..คำสัญญาเมื่อชาติก่อนๆย่อมผูกพันอย่างไม่สิ้นสุด ชาติที่แล้วเราไปผูกมัดใครไว้บ้างก็ไม่รู้ด้วยคำสัญญา โดยหารู้ไม่ว่ากรรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ชาติภพใหม่ก็เลยแตกต่างกันไปแต่คำมั่นที่สาบานยังอยู่ ....

    สัญญากรรม ก็คือ ผลแห่งกรรมนั่นแหละหากจะกล่าวให้ละเอียดขึ้นก็คือ ผลแห่งกรรมที่ก่อให้เกิดพันธะข้อผูกมัดหรือก่อให้เกิดความสัมพันธ์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพันธะหรือความสัมพันธ์(ทั้งด้านดีหรือไม่ดี) ต่อผู้หนึ่งผู้ใด กลุ่มหนึ่งกลุ่มใด หรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง

    คนบางคนสัญญากรรมซับซ้อนมาก เพราะเกิดบ่อยและเกิดมาแต่ละชาติก็ทำแต่ความดีเป็นส่วนใหญ่ การทำความดีก็ต้องไปเกี่ยวข้องกับบุคคลและสถานที่ยิ่งหลากหลายสัญญากรรมก็ยิ่งซับซ้อนถือว่าเป็นสัญญากรรมฝ่ายดี

    เมื่อสัญญากรรมฝ่ายดีตามทันก็ทำให้คนผู้นั้นไปรู้จักกับคนนั้นคนนี้ ต้องกลับไปสร้างบุญสร้างกุศลกับคนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ หรือต้องเดินทางไปณ.จุดนั้นจุดนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่ที่ไหนเลยหากแต่เป็นที่ๆคนผู้นั้นเคยมีสัญญากรรมมานาน นานเสียจนอาจลืมไปแล้วแต่สัญญากรรมก็ยังคงมีอยู่ สัญญากรรมไม่เคยเป็นฝ่ายลืมเราตราบใดที่เรายังไม่พ้นการเวียนว่ายตายเกิดเราเสียอีกกลับเป็นฝ่ายลืมเลือนสัญญากรรมนั้น จนกระทั่งต้องให้สัญญากรรมาเตือนแต่ก็ไม่ใช่ว่าเมื่อสัญญากรรมเตือนเราแล้วจะทำให้เรารู้ระลึกหรือเข้าใจได้เสมอไป ตรงกันข้ามอาจทำให้เรางุนงงสงสัยไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นอย่างนั้นทำไมต้องเป็นอย่างนี้หรืออาจคิดได้เพียงแค่ว่า "ซวยจริงๆ"

    และถึงแม้เราจะสร้างบุญสร้างกุศลมากเพียงใดก็ตาม ตราบใดที่กิเลสยังครอบงำใจเราอยู่เราก็ยังมีโอกาสทำกรรม มีโอกาสลุ่มหลงมัวเมาเมื่อเราทำผิดพลาดไปก็จะก่อให้เกิดสัญญากรรมฝ่ายไม่ดีรอเวลาให้เราชดใช้หนี้กรรมนั้น

    *** พ่ออาจารย์ท่านทราบถึงสาเหตุว่าคนส่วนใหญ่ คนส่วนมาก คนบางคนก็ตั้งสัจจะอธิษฐานกันเป็นจริงเป็นจัง ลั่นกันออกมาแล้วตั้งแต่ก่อนลงมาเกิดว่าจะขอมาสร้างบารมี จะขอลงมารับทุกขเวทนาขัดเกลาจิตใจตนเองให้พ้นห้วงกิเลสบรรดามี...ก็สัญญากรรมนั้นอย่างไรจึงทำให้เกิดมาทั้งชีวิตหนีห้วงแห่งทุกข์ไม่พ้นเลย จบเรื่องหนึ่งก็เจอเรื่องหนึ่งเหมือนฉากละครที่คอยมอบบทส่งบททดสอบให้ตั้งแต่เกิดจนตาย บันดาลให้ต้องจมทุกขเวทนาไปตลอดชีวิต ### วันนี้ก็พูดถึงกันคร่าวๆไปก่อน เดี๋ยวมาติดตามกันอีกที

    b475bf7c9427a179e31fda933bba992b.jpg
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่คณพศ EI 8931 1977 5 TH

    พี่พิสิษฐ์ EI 8931 1978 9 TH

    พี่วุฒิชัย EI 8931 1979 2 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ EI 8931 1980 1 TH

    พี่สราวุฒิ EI 8931 1981 5 TH

    พี่ทวีพงษ์ EI 8931 1982 9 TH

    พี่ศิระ EI 8931 1983 2 TH

    พี่กฤตยชญ์ EI 8931 1984 6 TH
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่นฐมน EI 8931 5130 8 TH

    พี่วิศณุกร EI 8931 5131 1 TH

    พี่จุฑามาศ EI 8931 5132 5 TH

    พี่ชัยวัฒน์ EI 8931 5133 9 TH
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ใครที่รอชุดเทพศาสตราก็ติดตามกันไว้นะครับช่วงนี้ เพราะนานๆทีถึงจะมีเทพศาสตราที่พ่ออาจารย์ท่านตั้งใจสร้างได้นำออกมาและพอเอาออกมาทีก็ติดจองบ้างคนแย่งกันหมดอย่างรวดเร็วบ้างคนช้าไม่เคยได้ทุกที เหตุเพราะท่านทำออกมาน้อยและเหล่าศาสตราวุธพวกนี้ท่านก็ทำไว้น้อยรุ่นจริงๆด้วยต้องนั่งทำนั่งลับกับมือท่านทุกขั้นตอน ...ส่วนรุ่นนี้(ยังเป็นความลับอยู่)แต่ท่านว่าเอาไว้ใช้ตอบโต้...กลับคืน โดยเฉพาะ *** จะใช้โต้ตอบอะไรบอกได้คำเดียวว่าถ้าเฉลยหรือบอกล่วงหน้าเปิดจองมายอดคงหายวับไปกับตาอีกเหมือนเดิม ติดตามกันดีๆนะครับ
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    พรุ่งนี้รอบเย็นติดตามเกาะขบวนกันแน่นๆนะครับ..เดี๋ยวตกรถ
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้ห้ามพลาดกันนะ
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    ร่วมทำบุญบูชา มีดเดือนดับแหกสัญญากรรมประทับนัยน์ตาสัจธรรม(ชุดโต้กลับ - ปฐมพุทธจักรเพชรมหาสัมฤทธิ์ผล)

    ### เทพศาสตราที่ยิ่งใช้งานมาก...ก็ยิ่งขลัง...ยิ่งศักดิ์สิทธิ์..ประสิทธิ์มาก
    ### ด้วยเป็นศาสตราวุธที่เอาไว้ใช้...เพื่อตัวเอง..รักษาตัวเอง


    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านจะทำมีดแหกเพื่อสืบสานตำรับพระเวทย์นั้น องค์ปฐมท่านแนะแนวทางให้พ่ออาจารย์ท่านสร้างทำในรูปของมีดอีโต้....และประทับนัยน์ตาแห่งสัจธรรมลงไป ด้วยเหตุว่ามีดนี้จะได้ตอบสนองผู้ถือผู้จับคอยตอบโต้ต้านทานโดยอาถรรพ์ในตัวมันเอง พ่ออาจารย์ท่านอธิบายเอาไว้ว่าอานุภาพของมีดแหกที่ทำเป็นรูปอีโต้นี้จะใช้โต้คืนและตอบโต้เสนียดและสิ่งที่คอยรังควานตลอดจนกฏแห่งกรรมได้ด้วยตัวของมันเองแม้เราจะไม่อาราธนา ทั้งยังโต้ตอบเอาคืนสวนกลับอย่างรุนแรงต่อการกระทำย่ำยีและการรังแกเจ้าของมีด ท่านว่าไม่เพียงแต่เวลามีเรื่องมีปัญหาเขาจะทานไว้ต้านไว้ให้เรา แต่มีดโต้นี้จะสวนกลับสนองคืนอย่างรุนแรงเรียกว่าโต้กลับไปในสิ่งที่ทำมาตีกลับการกระทำของฝ่ายตรงข้ามไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรืออมนุษย์แม้แต่แรงกรรมที่กระทำกับเราเค้าก็โต้กลับเช่นกัน เรียกว่ากระทำตอบแก่คนหรือสิ่งที่ทำให้เราเจ็บปวดด้วยความเท่าเทียมถ้าดีมาก็ดีกลับแต่หากร้ายมาเขาจะไม่เอาไว้เลย..แรงแค่ไหนก็คืนไปแค่นั้นให้สาสมกัน เช่นนั้นมีดแหกรุ่นนี้จึงใช้ต่อต้านขัดขวางคนที่รังแกเราและสิ่งที่ดึงชีวิตเราให้เปลี่ยนไปไม่ว่าจะมองเห็นหรือมองไม่เห็นก็ดี ท่านว่าเขาจะค้านไว้คอยขัดขวางไม่ให้สำเร็จผลเรียกว่ารับและยันเอาไว้ให้เราก่อนโต้กลับทั้งหมด...ดั่งเช่นที่องค์ปฐมท่านบอกแก่เราว่า "ผู้ที่ทนมามากแล้ว ก็ให้เขาได้โต้กลับไปเสียบ้าง"

    ### มีดแหก คืออะไร พ่ออาจารย์ท่านว่ามีดแหกตำรับของท่านที่องค์ปฐมท่านให้ทำนั้นเรียกอีกชื่อว่า "มีดแหกทุกข์" หรือจะเรียกว่า "มีดครู" ก็ได้ พูดแค่นี้ก็รู้แล้วว่าแรงกว่ามีดทั้งหมดเป็นของครูที่มีอาถรรพ์มีแรงครูสูงสุดเมื่อยึดครองไว้จะเคารพเสมอด้วยเป็นตัวแทนของครูบาอาจารย์ก็ได้ ...ซึ่งมีดแหกนี้จะต่างจากเทพศาสตราทั้งหลายด้วยจะทำโดยวัสดุที่มีอาถรรพ์(ท่านเลือกใช้ธาตุกายสิทธิ์หลอมถลุงร้อยแปดครั้งจนเนื้อแร่ศักดิ์สิทธิ์สูงสุด) และจะทำออกมาแบบทื่อๆไม่ให้มีคม(ปกติมีดหมดจะเน้นคม)เพื่อเน้นผลประโยชน์ในการใช้งานอย่างแท้จริง ***...อย่างที่ท่านบอกไว้ว่าเป็นมีดที่ใช้โดยตัวเอง..เพื่อตัวเอง เพราะมีดนี้จะใช้ขูดและถูส่วนต่างๆตามร่างกายเพื่อเปิดสัมผัสให้มีดแหกช่วยขับของเสียออกไปทั้งกระตุ้นพลังงานและกรรมดีที่เราเคยทำไว้ให้ตอบสนองออกมาเรียกว่าผลักทุกข์ออกและส่งพลังไปกระตุ้นให้ผลดีเกิดเร็วขึ้น ท่านว่าเวลาใช้ขูดเนื้อตัวนี้บางครั้งร่างกายก็จะร้อนเพราะข้างในนั้นเขาเผาผลาญสลายกรรมปรับธาตุกันอยู่เพื่อให้ร่างกายเราอยู่ในภาวะที่สมดุลย์และสมบูรณ์ด้วยชะตาวาสนามากที่สุด ทั้งมีดแหกนี้ยังใช้ขับพิษหรือสิ่งเลวร้ายตกค้างในตัวเราได้ อะไรที่เป็นอันตรายต่อเราและขึ้นชื่อว่าเป็นภัยกับชีวิตเราที่มีติดมีตกอยู่ในธาตุในขันธ์ในตัวเอง อันจะทำให้เราทุกข์ เราเจ็บปวด เราพิการหรือเป็นเคราะห์ที่จะทำให้เราพลัดพรากจากความสุขสมบูรณ์ ..ทำให้เราตายเช่นนี้เขาขับออกได้ทั้งสิ้น *** เพราะมีดเเหกนั้นคือมีดที่ใช้บังคับให้ออกและต้องออก(ท่านว่าเป็นการบังคับเอาออก เอาทิ้งไปเลย) โดยใช้แรงครูเป็นกำลังดึงออกให้ชีวิตเราฝ่าความเจ็บปวดทั้งหลายพ้นไปทั้งสิ้น

    นอกจากใช้เพื่อดับล้าง - ขับไล่ เคราะห์ร้าย,สิ่งชั่วร้าย,วิญญาณร้าย,ยาพิษ,ยาเบื่อ,ยาสั่ง,โรคภัยไข้เจ็บ,โรคร้ายต่างๆ...บรรดามีอันฝังอยู่และทำให้เกิดอาถรรพ์ร้ายในตัวเราและธาตุขันธ์ของเรา เขายังขับสิ่งที่ทำให้เราทุกข์ออกมาในคราเดียวกันด้วยซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราเองมองไม่เห็น ไม่ว่าจะเกิดจากกรรม,สัญญากรรม แม้คุณไสยลมเพลมพัดหรือภูติผีปีศาจมันเล่นเอาก็ดี ทั้งเสนียดจัญไรต่างๆเหล่านี้พ่ออาจารย์ท่านว่าหลุดหมดเลย องค์ปฐมท่านตั้งใจให้พ่ออาจารย์ทำมีดแหกในรูปอีโต้เพื่อแหกออกและโต้กลับในสิ่งที่เรามองไม่เห็นโดยเฉพาะ ทั้งมีดนี้มีแรงครูสูง *** ท่านเน้นว่าจะลับจะทำให้แหลมให้คมไม่ได้เด็ดขาดเพื่อจะได้ใช้ถากใช้ขูดร่างกายไม่ให้เข้าเนื้อเอาไว้ใช้แค่ขูดๆสับๆไม่บาดเนื้อ หากเข้าเนื้อได้เลือดเดี๋ยวเนื้อจะยุ่ยจะเปื่อยเอา(อุปมาว่ามีดถอนอาคมที่คุ้มตัวเราหมดท่านจึงให้ตัดปัญหาทำเป็นมีดทื่อๆจะสับจะขูดยังไงก็ไม่เข้าเนื้อเข้าเลือด) จะอาราธนาปัดเป่าสิ่งใด..จะอาราธนาขับไล่สิ่งใด...ฉันบอกแล้วว่าเป็นมีดครู มีแรงครูจะขับจะไล่อะไรก็ยกมีดจบหัวบอกครูท่านได้เลยแล้วเอามีดขูดไปจากบนลงล่างพอเป็นพิธี คนไหนที่เจ็บที่ป่วยปวดตรงไหนหากคิดว่าเป็นไปด้วยคุณไสยการกระทำแล้วก็ให้เอามีดกดลงไป จะจี้จะทิ่มลากไล่คุณไสยออกไปก็ได้

    ความนัยที่ครูแฝงไว้(นัยน์ตาแห่งสัจธรรม)

    มีดแหกทุกข์นี้ท่านว่านอกจากจะใช้ไล่ใช้โต้ตอบแล้วยังใช้ตัดก็ได้...ใช้ปัดก็ได้...ใช้แก้ก็ได้ จะตัดกรรมตัดทุกข์ปัดอุปสรรคปัดรังควานปัดสิ่งไม่พึงประสงค์ให้พ้นตัวหรือจะแก้อาถรรพ์ที่ทำให้ชีวิตเราไม่เจริญเหล่านี้ท่านว่าสุดแล้วแต่จะใช้ พกเอาไว้กับตัวภูติผีเทวดาเกรเรจะกลัวนัก พ่ออาจารย์ท่านว่าใช้ข่มขู่พวกนี้ได้หมดเลยเพราะเขากลัวมีดครูกันทั้งนั้น องค์ปฐมท่านให้ประทับนัยน์ตาหรือดวงเนตรแห่งสัจธรรมลงไปด้วยตานี้คือการเปิดพระเนตรแล้ว..เบิกแล้ว...ลืมตาอ้าปากขึ้นมาแล้วไม่ปิดลงดั่งชีวิตเราที่ใครก็ไม่ปิดลง พ่ออาจารย์ท่านพูดถึงความสำคัญของดวงเนตรแห่งสัจธรรมนี้ไว้ว่าสำคัญนัก องค์ปฐมท่านได้จำแนกพอจะบอกสืบต่อไปถึงพวกเธอได้ ดังนี้

    - ปกตินั้นตาเป็นสัญลักษณ์ของการมองเห็น เป็นเครื่องรู้ เช่นเดียวกันกับดวงเนตรแห่งสัจธรรมนี้ หากเบิกขึ้นแล้ว ผู้ครอบครองไว้จะไม่เดินทางผิด สิ่งที่ไม่เห็น ไม่รู้ ไม่เคยประสบพบเจอ นับจากนี้ไปก็จะได้เห็นได้ทราบเฉพาะตัวของตนเอง

    - ตาเป็นสัญลักษณ์ของการเห็น การรู้แจ้ง เป็นสัญลักษณ์ของปัญญาอันยิ่ง ท่านว่าสัญลักษณ์ดวงเนตรแห่งสัจธรรมนี้ดีนัก ให้เอาไว้กับตัวสมองจะปลอดโปร่ง ความคิดจะแจ่มใสขึ้น จะคิดอ่านทำสิ่งใดย่อมเกิดตัวรู้ ตัวปัญญาเด่นชัด ไม่ขุ่นเคือง

    - แม้ในพระพุทธศาสนา สมเด็จพระสุคตบรมครูท่านก็ได้แสดงธรรมไว้อย่างชัดเจนแล้วถึงความสำคัญของการมองเห็นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้เกิดขึ้นแล้ว ปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิชชาได้เกิดขึ้นแล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา สิ่งนี้นั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าเราถือเป็นเคล็ด สำหรับคนที่ยังมืดบอดอยู่ ยังไม่รู้จักคำว่ามี เพราะเรายัดหัวใจพระธรรมจักรของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสกลงไปด้วย สิ่งใดที่ปรารถนาจะมี ยังไม่เกิด ยังไม่มี นับจากนี้ให้เกิดมีตามที่เรานี้สรรค์ประสิทธิ์เอาไว้

    - นัยน์ตานั้น คำนี้สื่อถึงความหมายยิ่งใหญ่ ประดุจสิ่งอันเป็นที่รัก สิ่งที่มีค่าสูงสุดของเจ้าของ ดั่งที่คำโบราณท่านเปรียบเปรยว่าแก้วตาดวงใจ นัยน์ตานี้ก็คือแก้วตาสื่อถึงความรักหวงแหนสูงสุด เป็นอิทธิคุณแฝดทางด้านมหานิยม มหาเสน่ใหญ่อย่างที่สุด ถ้ารักใครชอบใครนั้น ต่อไปไม่ใช่เรื่องยาก ดุจเราได้ครองของสำคัญคือแก้วตาดวงใจของเค้าไว้แล้วนั่นเอง ให้ตั้งจิตนึกเอาว่าเรากุมแก้วตาดวงใจของเขาไว้อยู่ในตัวเราเขาอยู่ในอุ้งมือเราแล้ว จะใช้ทางเสน่ห์เล่กลใดก็สุดแต่ใจเถิด

    - เป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจการทำลายล้างสูงสุดในจักรวาล(ของครูพระสยม) พ่ออาจารย์
    ท่านว่าแม้ในเหล่ามาร อสุรกาย เทพเจ้า และพระเป็นเจ้าด้วยกัน ก็ยังเกรงอำนาจการทำลายล้างอันเป็นปรมัตถ์นี้ เพราะเป็นการทำลายขั้นสูงสุด พกไว้กับตัวเป็นมหาเดช มหาอำนาจเหนือสิ่งอื่นใด เป็นที่เคารพและเกรงกลัว จนเข้าต้องรีบเข้าหาเรามาประจบเอาใจเราเช่นนั้น

    เช่นนั้นดวงเนตรแห่งสัจธรรมจึงอยู่ในข่ายอันเรียกว่ามหาสัญลักษณ์ ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ใช้แทนตัวพระเป็นเจ้าแทนอำนาจบัญชาการศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติทั้งปวง พ่ออาจารย์ท่านว่าโดยปกตินั้นดวงตาคือสิ่งที่ใครๆผู้ใดก็ย่อมมีแต่ตาแห่งสัจธรรมที่จะล่วงรู้ดูเห็นในตรีกาลทั้งสามอันจะปรากฏระหว่างพระนลาฎนั้น แม้ในหมู่เทพยดาผู้ทรงมเหศรศักดิ์ทั้งหลายก็ยังไม่ค่อยจะปรากฏมี เพราะเป็นสัญลักษณ์ป็นตัวแทนอำนาจที่จะทำให้เราล่วงเข้าถึงพลังของมหาจักรวาล เป็นสัญลักษณ์ของการหยั่งรู้คือรู้กาลอดีต,รู้กาลปัจจุบันและหยั่งรู้ในอนาคตกาลเช่นนี้จึงมีพลังเปิดญาณทัศนะของผู้ครอบครองได้โดยตรง *** เมื่อประทับลงบนมีดแหกทุกข์ ดวงเนตรนี้นอกจากจะเป็นตัวแทนกำลังฟ้าแล้ว ยังเป็นตัวแทนการดึงอำนาจครูบาอาจารย์ผู้สูงส่งทรงศักดิ์ทั้งหลายลงสู่มีดเพื่อสงเคราะห์เรา

    เพื่ออาถรรพ์สูงสุด...ท่านได้ลงวิชาแผ่นชนวนด้วย
    สองสุดยอดนัยนาวุธเพื่อจะให้เป็นที่สุดของการประทับดวงเนตรแห่งสัจธรรมลงไป นอกจากเสกมีดแล้วพ่ออาจารย์ท่านยังต้องแยกเสกเปิดเนตรเฉพาะดวงเนตรนี้ ท่านเสริมกำลังแห่งดวงตาพระสยมและดวงตายมราชลงไปเป็นกาลเฉพาะ

    ### เนตรพระสยมภูวญาณ เมื่อพูดถึงพระเนตรที่สามอันเกิดแต่พระนลาฏของเทพเจ้าผู้ทรงมเหศักดิ์แล้ว ก็หามีดวงพระเนตรใดอันจะเป็นที่เกรงกลัวและเชื่อได้ว่ามีอานุภาพร้ายกาจสูงสุด เท่ากับดวงนัยน์เนตรขององค์พระสยม(ศิวะเทพ) ด้วยดวงเนตรนี้หาได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของความรู้แจ้งเท่านั้น หากแต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังการทำลายล้างสูงสุดอันเกิดมีมาแต่เดิมในฐานะพระผู้เป็นเจ้าอีกด้วย เหนือกว่าและมากกว่าเหล่าเทพอาวุธอันทรงอานุภาพทั้งหลายของเทพเจ้าต่างๆซึ่งอาจเกิดมีขึ้นได้ด้วยอำนาจการสร้างสรรค์ของแต่ละพระองค์ แต่เมื่อเทียบกับอำนาจการทำลายล้างของดวงเนตรพระสยมแล้วยังห่างกันไกลมาก สาเหตุที่เหล่าเทพเจ้านั้นเกรงกลัวและเคารพองค์พระศิวะเทพเป็นที่สุดนั้นก็เพราะกลัวอำนาจการทำลายล้างของดวงเนตรนี้ แม้พระองค์มีพระประสงค์จะทำลายมหาจักรวาลให้ถึงกาลพินาศย่อยยับไป ก็จะเกิดเพลิงประลัยกัลป์ขึ้นมาจากพระเนตรที่สามนี้เผาผลาญห้องมหาจักรวาลให้พังพินาศไป พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าดวงพระเนตรนี้ ถ้าจะสร้างเป็นเพียงสัญลักษณ์ดวงตานั้นย่อมกระทำได้ง่ายนัก แต่ถ้าจะทำเป็นดวงตาของพระศิวะเจ้าแล้วนั่นคือสิ่งที่สร้างได้ยากที่สุด เพราะมีอานุภาพรุนแรงนักแม้สัญลักษณ์ดวงเนตรพระสยมปรากฏขึ้นที่ใด เหล่าเทพเจ้าทั้งหลายย่อมกลัวเกรงในอาญาสิทธิ์นี้ของพระเป็นเจ้า จึงอาจจะกล่าวได้ว่าบุคคลที่ได้ครอบครองไว้ จะสามารถปราบและข่มเขาได้ทั้งโลก วิชานี้ถือว่าเป็นมหาปราบอย่างที่สุดอีกสายหนึ่งทีเดียว

    ### นัยน์ตาแห่งยมราช นัยเนตรของท่านพญายมราชที่เพ่งแล้วภูตผีทั้งหลายจะมอดไหม้ไปเป็นจุลมหาวิจุลในพริบตา เมื่อพญายมราชพิโรธแล้ว สักว่ามองดูด้วย นัยนาวุธ กุมภัณฑ์ทั้งหลายนับหมื่นพันตนก็จะลุกเป็นไฟพินาศไป ดุจหญ้าและใบไม้บนกระเบื้องร้อนฉะนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่านัยน์ตามยมราชนั้นเป็นอีกหนึ่งสุดยอดอาวุธทำลายล้างที่ทรงกำลังสูงสุดเพียงหนึ่งเดียวซึ่งเกิดจากการบำเพ็ญตบะและบารมีอย่างแท้จริงแตกต่างจากอาวุธวิเศษอื่นใดทั้งหมด ดังนั้นจึงมีฤทธานุภาพร้อนแรงสูงสุดสามารถแผดเผาสรรพสิ่งอันเป็นอุปาทวอันตรายทั้งหลายได้ อีกทั้งเมื่อญานบารมีแห่งพระยมนั้นเบิกเนตรจะทำให้ชีวิตคนใช้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อพลังแห่งนัยนนาวุธปรากฏเราจะมีพลังมีตบะดุจถือครองนัยน์ตาของพระยมฉันใดก็ฉันนั้น ท่านว่าฤทธิ์นัยนาวุธนั้นเพียงแค่มองใครเค้าก็กลัวก็เกรงเราแล้ว พอคนนอบน้อมจะทำอะไรก็สะดวกและง่ายไปเสียทั้งหมด ท่านว่าดวงเนตรแห่งพระยมนี้นอกจากจะสูงสุดด้วยฤทธิ์แล้ว ยังเป็นเนตรสอดส่อง เนตรแห่งความรักความยุติธรรมที่จะใช้มองสัตว์ทั้งหลาย พ่ออาจารย์ท่านว่านี่คือที่สุดแล้วของวิชาสายพญายม ใครจะได้ดีได้ชั่วอยู่ในอำนาจแห่งดวงเนตรนี้ทั้งสิ้น ท่านได้ทำการบอกกล่าวพญายมราชผู้เป็นนายเหนือหัวแห่งยมโลก เป็นนายแห่งสรรพชีวิตหลังความตาย ให้เมตตาช่วยเหลือและคุ้มเกรงผู้บูชา ท่านว่าบูชาไว้เถิด เราเชื่อใจพระยมท่านแล้วจะรู้ว่าได้ดีอย่างคาดไม่ถึงนั้นเป็นอย่างไร

    มีดแหกทุกข์ฝังตะกรุดปฐมพุทธจักรเพชรมหาสัมฤทธิ์ผล

    ตะกรุดตัวนี้ได้ชื่อว่าเป็นตะกรุดชั้นสูงเพราะมีขั้นตอนรายละเอียดการสร้างที่ลึกซึ้งอย่างมาก ท่านว่าปกติสมัยก่อนจะเอาไว้ออกในช่วงที่คนเค้าลำบาก..เรียกว่
    า ไม่ขัดสน ไม่ทุกข์ยาก อย่าเพิ่งให้ใครเอาไปใช้ ตะกรุดนี้ชื่อว่าปฐมพุทธจักรเพชรมหาสัมฤทธิ์ผล พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าวิชานี้เป็นวิชาของสมเด็จองค์ปฐม ท่านเล่าว่าในมวลหมู่พระพุทธเจ้าทั้งหลายและเหล่าพระมหาโพธิสัตว์ตลอดจนเทวราชที่มีลำดับศักดิ์ใหญ่ๆนั้น จะมีจักรเพชรอันเกิดขึ้นแต่บุญและโพธิสมภารเป็นอาวุธประจำกาย เช่นพระศิวะก็มี,พระนารายณ์ก็มี,พระพรหมก็มี,พระอินทร์ก็มี แม้แต่ในสภาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ล้วนแต่มีจักรเพชรอันเกิดแต่พุทธบารมีของแต่ละพระองค์ ขึ้นชื่อว่าจักรเพชรนั้นด้วยจักรนั้นจะหมุนไปไม่ขาดช่วงขาดตอนเหมือนการดำเนินวนเวียนของวัฏสงสาร หมุนถ่ายสับเปลี่ยนคงอยู่ดับไปเช่นนั้น เป็นวงล้อแห่งพระเวทย์และพระธรรม เป็นสัญลักษณ์ทางกายภาพของการตัดขาดหมดสิ้น ซ้ำยังเป็นยอดศาสตราวุธที่สูงส่ง มวลสรรพชีวิตเกรงกลัวด้วยอานุภาพการทำลายล้างนั้นสามารถตัดทุกสิ่งได้ หากจะกล่าวแล้วจักรเพชรที่เปี่ยมด้วยอานุภาพสูงสุดก็คือจักรเพชรของสมเด็จองค์ปฐมนั่นเอง

    จักรเพชร คือบารมีอันสำเร็จออกมาเป็นรูปทางกายภาพของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่ละพระองค์เหนือกว่าพระขรรค์หรือศาสตราวุธใดๆ จะมีกำลังเพียงไหนก็ขึ้นอยู่ที่บารมีของผู้นั้นตกผลึกออกมา พ่ออาจารย์ท่านเคยได้รับนิมิตรจากองค์ปฐมท่าน ให้นำวิชาพุทธจักรเพชรของพระองค์ท่านมาทำเครื่องรางเอาไว้ ต่อไปจะสูงค่าหาได้ยากยิ่ง ด้วยว่าจะค้ำจุนสรรพชีวิตทั้งมวลและพาเค้าดำเนินเป็นสายตรงเข้าไปหาความสำเร็จสูงสุด ซึ่งวิชานี้พ่ออาจารย์บอกว่าลึกล้ำพิศดารนักเพราะในส่วนของวิชาคือดวงความสำเร็จหรือจะเรียกว่าดวงสัมฤทธิ์ผลจะช่วนหนุนในทุกเรื่อง ทุกสรรพสิ่ง ที่มนุษย์จะคิดจะพึงปรารถนา ด้วยเป็นฐานดวงยันต์หนุนด้วยพุทธจักรเพชรองค์ปฐมแบบส่งต่อกันไร้จุดบกพร่อง ดุจดั่งว่าจักรเพชรของสมเด็จพระยอดแก้วดวงธรรมนั้นจะหมุนทำลายความขัดข้องและปัญหาทุกสรรพสิ่ง ตัดขาด ทำลาย ซึ่งจัญไรและอุปาทวมงคลทั้งปวง ด้วยอำนาจแห่งวิปัสนาญาณของสมเด็จองค์ปฐมอันจะริดรอนผลกรรมขยายขอบข่ายกรรมดีของสรรพสัตว์ ซ้ำยังเป็นสัญลักษณ์ที่หมุนวนไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ ทำลายกรรมหนักชนเข้าด้วยกำลังแห่งวิปัสนาญาณ ทำให้ชีวิตสรรพสัตว์นั้นหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปไม่มีหยุด ที่ว่าเลวลงก็จะดีขึ้น เจอแต่เรื่องดีๆยิ่งๆขึ้นไป ตัดสิ้นทุกสิ่ง สะบั้นให้เป็นธุลีแม้แต่กิเลสและอวิชชาทั้งหลายก็ไม่อาจทานอำนาจของพุทธจักรเพชรองค์ปฐมนี้ได้ ตัดแล้วก็หมุนวนไปหาความสำเร็จซ้ำแล้วซ้ำเล่า ได้แล้วได้อีก

    เหนือทุกสรรพสิ่งพ่ออาจารย์ท่านเล่าว่าวิชานี้แปลก สมเด็จชินเจ้าผู้บรมครูท่านคงรู้กาลในอนาคตเบื้องหน้าจึงเมตตาถึงปานนี้ ด้วยวิชาที่ประทานนั้นเป็นพุทธจักเพชรอันทรงอำนาจสูงสุด แวดล้อมรักษาดวงความสำเร็จเอาไว้ ปฐมพุทธจักรเพชรนี้อยู่กับผู้ใดคิดการณ์จะกระทำสิ่งใดก็สำเร็จดั่งความคิด ท่านว่าเวลาจะใช้ให้อาราธนาให้ดี ระลึกถึงสมเด็จองค์ปฐมและจักรเพชรนี้เป็นที่สุด ตั้งจิตเพ่งความปรารถนาเข้าไปในตะกรุด เมื่อส่งความปรารถนาไปก็ได้ชื่อว่าสัมฤทธิ์แล้ว สำเร็จแล้วแก้เคล็ดของความตกต่ำย่ำแย่ในทุกๆสิ่ง พ่ออาจารย์ท่านว่าลงยากนัก วิชานี้ต้องลงในเวลาอันมีฐานของดวงมหาอุจจ์ ท่านว่าเบื้องบนกำชับมานักหนาใช้ฤกษ์อื่นไม่ได้ เพราะว่าฐานมหาอุจจ์นี้จะวิ่งยิงตรงไปเสริมพื้นดวงของผู้ครอบครองให้สูงส่ง หนุนขึ้นไป ยิ่งหน้าที่การงานจะยิ่งได้ผลดีมาก พ่ออาจารย์ท่านว่าชีวิตเค้าที่ว่าแย่จะหักเหเปลี่ยนแปลง พลิกตัวมาเจอสิ่งดีๆ จากหน้ามือเป็นหลังมือเปลี่ยนดุจคนละคน คนเราลองดวงชนเสียเจอแต่อะไรแย่ๆท่านว่าวิชานี้มันแก้ที่ฐานดวงกันเลย เสริมมหาอุจจ์เข้าชีวิต ใช้ปฐมพุทธจักรตัดขาดความยากจน ความสิ้นเนื้อสิ้นตัวทั้งหลาย สิ่งเลวร้ายทั้งปวงต่อไปจะไม่มาย่ำยี หนุนด้วยอำนาจแห่งสมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลญาณที่ 1 (องค์ปฐม) ย่อมเป็นที่เคารพเกรงใจแก่สรรพชีวิตทั้งหลายเป็นมหาจักรที่หมุนไปวิ่งเข้าหาความสำเร็จ

    ท่านว่าวิชานี้แปลกและตรงมาก คือปกติความสำเร็จนั้นมันคือเป้าหมายที่รอคนอยู่เบื้องหน้า มนุษย์ปรารถนาความสำเร็จในทุกกิจที่กระทำ มันไม่ได้วิ่งเข้ามาหาเรา แต่เราต้องวิ่งไปหามัน มันเหนื่อยยากตรงนี้ วิชานี้เป็นการขับเคลื่อนหนุนส่งด้วยปฐมพุทธจักรเคลื่อนตัวเข้าสู่ช่วงชีวิตวงจรแห่งความสำเร็จ ต่อไปทุกกิจที่กระทำไม่ต้องกลัวว่าจะล่าช้า ทำอะไรจะเลวจะแย่ไม่สัมฤทธิ์ประสิทธิ์ผลเพราะการกระทำและความสำเร็จนั้นจะเคลื่อนต่อกัน วิ่งเข้ามาชนกัน ไม่หยดุรอเราอยู่นิ่ง ว่องไวดั่งจักรผัน เมื่อลงตะกรุดนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่านี่เป็นวิชาที่สำคัญในฝ่ายของพระโพธิญาณ เพราะอักขระที่แวดล้อมกงจักรนั้น ก็เปรียบเสมือนตัวแทนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหนึ่งพระองค์ มีกี่ตัวก็ยากเพียงนั้น ท่านว่าวิชานี้ยากเอาเรื่อง ต้องใช้ญาณใช้กำลังใจในการลงสูงมาก ดุจดั่งว่ามีพลังงานหมุนวนส่งต่อกันเป็นช่วงๆไม่ขาดตอน ดุจดั่งจักเพรชที่ผันอยู่ตลอดเวลาไม่มีช่องว่างเว้น ชีวิตเราก็จะหมุนวนดำเนินไปสู่หนทางที่ดีขึ้น สูงขึ้นตลอดเวลาเช่นกัน ท่านว่าเจอแต่สิ่งดีงามซ้ำๆซากๆไม่เลวลงด้วยมหาจักเพชรนั้นเป็นอาวุธทางกายภาพก็จริงแต่ก็มีจิตรู้เป็นเจตสิกที่จะแยกแยะออกว่าสิ่งไหนดีหรือไม่ดี จะดูดเข้ามาหรือทำลายให้ย่อยยับไป เป็นคติที่จะบอกเป็นความนัยย์ว่าตะกรุดนี้มีชีวิตไม่ใช่ของเล่น

    เมื่อจะเสกตลอดระยะเวลาสามปีนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่ามันยาก เพราะต้องเชิญที่ละขั้นเริ่มจากเทวดาก่อน ให้เทพผู้มีมเหศรศักดิ์ทั้งหลายนำเอาจักแก้วจักรเพชรของแต่ละพระองค์นั้นมาเปล่งอานุภาพลงในตะกรุดนี้ ทำเป็นกลบทไป ไล่ไปทีละชั้นจากเทพ โพธิสัตว์ พรหม มหาพรหม มหาพรหมโพธิสัตว์ พระปัจเจกพุทธเจ้า แหละสภาพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่จะมีมหากรุณามาสงเคราะห์อันมีสมเด็จองค์ปฐมเป็นประธาน ก่อนที่จะอาราธนาสมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลญาณให้ลงมากระทำวิชาประทานจักรเพชรของพระองค์ให้แยกออกและสิงสถิตย์ไว้ด้วยพุทธานุภาพ

    *** พ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่อจะทำมีดแหกทุกข์อันได้ชื่อว่าเป็นมีดครูแล้ว จึงจำเป็นจะต้องลงต้องอาบอาถรรพ์แห่งยอดศาสตราวุธอย่างแท้จริงลงไปด้วยท่านจึงนำยอดตะกรุดปฐมพุทธจักรเพชรที่ลงใส่เเผ่นทองเหลืองแยกไว้สมัยออกตะกรุดเงินรุ่นแรกฝังลงไปตอนหล่อมีดพร้อมๆกัน

    มีดแหกทุกข์(ตัดสัญญา)

    โดยมีดแหกทุกข์แต่ละเล่มนั้นท่านจะนำมาจารอักขระ
    ปลุกเสกทุกวันเดือนดับจึงเรียกว่ามีดเดือนดับแหกสัญญากรรม ท่านว่าถือเป็นเคล็ดเฉพาะทางที่จะใช้ดับพิษภัยโรคร้ายแลอาถรรพ์อัปมงคลทั้งปวง ท่านว่าเล่มหนึ่งก็วันหนึ่งต้องทำพิธีลงจารเสกเป่ามนต์ตามตำรับการสร้างมีดแหกโดยเฉพาะ แต่พ่ออาจารย์ท่านว่ามีดนี้ต่างกับมีดแหกอื่นๆเพราะฉันทำตามตำรับขององค์ปฐมท่านเป็นมีดที่ใช้แหกทุกข์ตัดสัญญากรรมเช่นนี้จึงทำยากแต่ก็ต้องทำ ..เพื่อที่จะใช้แหกสิ่งอัปมงคลดันเอาสัญญากรรมที่ผิดพลาดดับล้างไป ให้ผู้เป็นเจ้าของมีชีวิตปกติห่างจากภัยอันเกิดแต่การผูกสัญญากรรมอย่างน่าอัศจรรย์ แล้ว...สัญญากรรมร้ายแรงปานใด

    ด้วยปัญหาแห่งชนทั้งผอง ..คำสัญญาเมื่อชาติก่อนๆย่อมผูกพันอย่างไม่สิ้นสุด ชาติที่แล้วเราไปผูกมัดใครไว้บ้างก็ไม่รู้ด้วยคำสัญญา โดยหารู้ไม่ว่ากรรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ชาติภพใหม่ก็เลยแตกต่างกันไปแต่คำมั่นที่สาบานยังอยู่ ....

    สัญญากรรม ก็คือ ผลแห่งกรรมนั่นแหละหากจะกล่าวให้ละเอียดขึ้นก็คือผลแห่งกรรมที่ก่อให้เกิดพันธะข้อผูกมัดหรือก่อให้เกิดความสัมพันธ์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพันธะหรือความสัมพันธ์(ทั้งด้านดีหรือไม่ดี) ต่อผู้หนึ่งผู้ใด กลุ่มหนึ่งกลุ่มใด หรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง
    ยิ่งคนบางคนสัญญากรรมซับซ้อนมาก เพราะเกิดบ่อยและเกิดมาแต่ละชาติก็ทำแต่ความดีเป็นส่วนใหญ่ การทำความดีก็ต้องไปเกี่ยวข้องกับบุคคลและสถานที่ทั้งหลายมากขึ้น ยิ่งหลากหลาย สัญญากรรมก็ยิ่งซับซ้อนถือว่าเป็นสัญญากรรมฝ่ายดี เมื่อสัญญากรรมฝ่ายดีตามทันก็ทำให้คนผู้นั้นไปรู้จักกับคนนั้นคนนี้ ต้องกลับไปสร้างบุญสร้างกุศลกับคนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ หรือต้องเดินทางไปณ.จุดนั้นจุดนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่ที่ไหนเลยหากแต่เป็นที่ๆคนผู้นั้นเคยมีสัญญากรรมมานาน นานเสียจนอาจลืมไปแล้วแต่สัญญากรรมก็ยังคงมีอยู่

    สัญญากรรมไม่เคยเป็นฝ่ายลืมเราตราบใดที่เรายังไม่พ้นการเวียนว่ายตายเกิด เราเสียอีกกลับเป็นฝ่ายลืมเลือนสัญญากรรมนั้น จนกระทั่งต้องให้สัญญากรรมาเตือนแต่ก็ไม่ใช่ว่าเมื่อสัญญากรรมเตือนเราแล้วจะทำให้เรารู้ระลึกหรือเข้าใจได้เสมอไป ตรงกันข้ามอาจทำให้เรางุนงงสงสัยไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นอย่างนั้นทำไมต้องเป็นอย่างนี้หรืออาจคิดได้เพียงแค่ว่า "ซวยจริงๆ" และถึงแม้เราจะสร้างบุญสร้างกุศลมากเพียงใดก็ตาม ตราบใดที่กิเลสยังครอบงำใจเราอยู่เราก็ยังมีโอกาสทำกรรม
    มีโอกาสลุ่มหลงมัวเมาเมื่อเราทำผิดพลาดไปก็จะก่อให้เกิดสัญญากรรมฝ่ายไม่ดีรอเวลาให้เราชดใช้หนี้กรรมนั้น

    *** พ่ออาจารย์ท่านทราบถึงสาเหตุว่าคนส่วนใหญ่ คนส่วนมาก คนบางคนก็ตั้งสัจจะอธิษฐานกันเป็นจริงเป็นจัง ลั่นกันออกมาแล้วตั้งแต่ก่อนลงมาเกิดว่าจะขอมาสร้างบารมี จะขอลงมารับทุกขเวทนาขัดเกลาจิตใจตนเองให้พ้นห้วงกิเลสบรรดามี...ก็สัญญากรรมนั้นอย่างไรจึงทำให้เกิดมาทั้งชีวิตหนีห้วงแห่งทุกข์ไม่พ้นเลย จบเรื่องหนึ่งก็เจอเรื่องหนึ่งเหมือนฉากละครที่คอยมอบบทส่งบททดสอบให้ตั้งแต่เกิดจนตาย บันดาลให้ต้องจมทุกขเวทนาไปตลอดชีวิต ### เช่นนั้นท่านจึงทำมีดเดือนดับแหกสัญญากรรม(มีดแหกทุกข์) ขึ้นมา เพื่อจะได้ตัดสัญญารบกวนทั้งหลายเหล่านั้น ให้บอกกล่าวแก่ตัวมีดและแรงครูบาอาจารย์ให้ท่านตัดสัญญาที่ไม่ดีซึ่งคอยเปลี่ยนชีวิตเรา(ข้อนี้สำคัญพ่ออาจารย์ท่านว่าต้องอาราธนานะเขาถึงจะทำ หากเอาไปพกเฉยๆไม่อาราธนาเฉพาะเรื่องนี้เขาจะไม่ทำไม่ยุ่งเลย)

    คาถาบูชา
    อมจะรุ่งชะชะ พิษสะหิงสะแห สะแกแม อมวะวะ กะริสสามิ อมสะวาหะเท็ก อุ่ง แซ แซ ซะตอแซ อุ่งตุ๊ก นะมุดวุ๊ก อุ่งสวาหะ เกสานัง ปิวิจะยะ อุอะมิ เกสาปะติ กุลาตุ สุเต กัตวา สวาหาย อุ่งมะ อุ่งปะ อุ่งฝะ อุ่งมะลิจอ ขันธะ สวาหะ นะอุ นะเต๋ ยะเย เจ๋ลัง
    อมพิษพญาเจ็บ อมพิษพญาไหม้ อมพิษพญาไข้ อมพิษพญาหนาว พิษเดือนพิษดาว ไสยศาสตร์คุณไสย์ กูจักเรียกหื้อมึงออก มึงจึงออก กูจักเรียกหื้อมึงหนี มึงจึงหนี สะหรี๋กันใจ กูจักบาด กูจักตัด หื้อมึงขาดเป็นสอง อมสวาหาย นะหลุด โมถอด พุธหลั่ง ธาเลื่อน ยะถอน อมปุปิ สะละหิง สวาหาย อุ่งทองปิ๊ทอง อมมะแล แจคอง ผั๊วหาย ติ๊ก ติ๊ก

    เวลาใช้มีดแหกทุกข์กดลากไปตามตัว ให้ภาวนาว่า เวสสุวัณณะราจา สุวัณณะเวสสะปัสสะติ ต๋าถาอาวุธา จัตต๋าโรอาวะ ทาโรเก๋ อาวุนันติ ทันติ หัตถานัง เสตตว๋า สันติ มรณัง

    นอกจากจะทำในส่วนของมีดแหกทุกข์ตัดสัญญากรรมแล้ว พ่ออาจารย์ท่านยังทำให้มีอานุภาพแบบเทพศาสตราไปพร้อมๆกันด้วยจะพกติดตัวไว้กำราบผีก็ทำได้ จะใช้ทางกันคุณไสย์,กันคุณคน,กันกระทำย่ำยี,กันภูติผีปีศาจ,กันภยันตราย,กันสิ่งอัปมงคล,กันลมเพลมพัด หรือจะใช้ทำลายอาถรรพ์จากอาคมของผู้ไม่หวังดีและภูตผีเวลาเดินทางหรือเวลานอนต่างถิ่นเข้าไปเกี่ยวข้องในที่อาถรรพ์แรงทั้งหลายในบริเวณที่เราก็ไม่ทราบว่ามีอาถรรพ์อะไรบ้าง พ่ออาจารย์ท่านว่าใช้มีดแหกนี้สับลงไปก็ทำลายได้ทั้งสิ้น จะอาราธนาทำน้ำมนต์ดื่มกิน ทำน้ำมนต์รักษาโรคที่เกิดจากอาถรรพ์ต่างๆก็ได้...สารพัดที่จะใช้

    *** มีดแหกทุกข์นี้สร้างไว้สำหรับคนพร้อมที่จะให้โอกาสตัวเอง..ท่านว่าพร้อมกันหรือยัง อยากหยุดอยากเลิกสัญญาเก่าเพื่อเปิดชีวิตใหม่ค่อยมาเอาไป มีดนี้ยิ่งใช้ยิ่งขลัง ท่านว่าชีวิตนึงทำได้ครั้งเดียว จะฝากให้คนที่เรารักพกติดตัวก็ได้ด้วยในอนาคตนั้น สัญญากรรมที่ผูกเราไว้ให้เกิดในยุคนี้ จะได้เห็นได้เจอความทุกข์ทับถมทวียิ่งกว่าทุกวันนี้ คนที่ไม่อยากจะทนให้เวลานั้นมาถึงในสภาพที่ตัวเองยังพึ่งตัวเองไม่ได้ก้ให้รีบตัดของเก่าเสียเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เตรียมตัวกันไว้ให้พร้อมให้ดี ...รายการนี้รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น ผู้จองให้แจ้งชื่อนามสกุลเอาไว้ด้วย พ่ออจารย์ท่านจะประสิทธิ์ให้อีกครั้งหนึ่ง ท่านว่ามีดแบบนี้เราทำได้ครั้งเดียว ใครเค้าพลาดเค้าไม่สนใจรอจนเวลาทุกข์สาหัสมาถึงค่อยมาถามหาก็ไม่มีอีกต่อไปแล้ว เพราะนั่นย่อมสายเกินไปที่จะแก้กันใดๆได้อีก รายได้ส่วนหนึ่งร่วมสมทบทุนวิหารทานสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา มีดเดือนดับแหกสัญญากรรมประทับนัยน์ตาสัจธรรม(ชุดโต้กลับ - ปฐมพุทธจักรเพชรมหาสัมฤทธิ์ผล) บูชา 2,500 บาท

    94779691-542248933151376-4631018503745306624-n.jpg 95281871-2891722690916312-3118179959504371712-n.jpg
    95597184-1341583666232526-6802413596186771456-n.jpg
    94884222-554204872198289-6482916820192854016-n.jpg
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +17,478
    วิชาทำมีดแหกนั้นถือว่าทำยากกว่ามีดหมอมาก ยิ่งมีดแหกทุกข์ที่ถือเป็นยอดกว่าเทพศาสตราทั้งหลายท่านสร้างและเน้นให้ใช้งานจริงเท่านั้น ### ท่านว่าชุดนี้จะมีไว้ถือไว้ใช้กันเฉพาะผู้เห็นภัยในสังสารวัฏ ท่านว่า.. ถ้าเขาพร้อมก็ลุย
     

แชร์หน้านี้

Loading...