ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดวางแหพระเจ้าเหวี่ยงกวาดสังสารวัฏ พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่สุรวุฒิ EV 4402 9233 9 TH

    พี่ศิระ EV 4402 9234 2 TH
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    พูดคุยรอบเช้า

    อรุณสวัสดิ์ครับ ก็จะมาพูดคุยกันสบายๆตอบคำถามที่มีคนฝากไว้เมื่อวาน

    เกี่ยวกับเรื่องเจริญสตินี้ที่พ่ออาจารย์ท่านมักย้ำให้ทำและก็ย้ำกันในกระทู้ตลอดทั้งการเจริญสติ การภาวนา เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องด้วยมีอานิสงค์ครอบคลุมหลายด้าน

    ไอ้ตัวอานิสงค์นี้ก็พูดกันแบบเห็นๆเป็นรูปธรรมจับต้องได้เลย นั่นคือตัวปัญญาของเรานั่นเอง ความคิด ปัญญา การไตร่ตรองพิจารณาทั้งหลายของเราจะเฉียบคมขึ้น

    " ปัญญาเปรียบดั่งอาวุธ เช่นนั้นสติก็ย่อมเปรียบดุจเครื่องระวังและเป็นกระทั่งที่ปรึกษาชั้นครู " พ่ออาจารย์ท่านมักจะกล่าวเช่นนี้เสมอ ตรงนี้แม้เป็นคนหรือสัตว์ท่านว่าก็มีเหมือนกันทุกคน จะมากจะน้อยนั้นล้วนขึ้นอยู่กับการฝึกฝนขัดเกลาและต้องถามตัวเองว่ารู้จักนำออกมาใช้หรือไม่

    สมัยนี้ยิ่งเป็นสมัยที่นิยมความสะดวกสบาย สงสัยอะไรก็กดเข้าเว็ปไซด์ทันที อันไหนหนักหนาหน่อยก็ไปยืมสมองคนอื่นคิดให้ ที่เป็นเรื่องยากขึ้นมาอีก คนปกติไม่น่าเชื่อถือแล้วก็วิ่งไปหาหมอดูหมอทรงมาเป็นที่ปรึกษา ทั้งๆที่ปัญหาทั้งหลายมีไว้เพื่อพัฒนาตนเอง มีไว้เพื่อใช้สติตั้งระวังแลขัดเกลาปัญญา แต่ในปัจจุบันนี้ปัญหาเหล่านั้นกลับไม่ได้รับการแก้ไขด้วยขั้นตอนที่สมควรของมัน ไม่ได้นับ 1..2...3 ไปจนถึง10 แต่วิ่งเข้าไปหา10เลย และเมื่อกระทำจนเป็นนิสัย ติดความสบายอย่างมากแล้ว ชนทั้งหลายจึงไม่ได้ขัดเกลาปัญญา ไม่มีการใช้สติค้นคว้าพิจารณาสิ่งใดๆ เมื่อไม่ใช้ของมันก็ไม่พัฒนา ซ้ำยิ่งจะเสื่อมจะสูญลง

    น่าแปลกที่คนเรานั้น บางคนเรียนมาก็มาก รู้ก็มาก รู้แทบจะทุกอย่าง แต่กลับไม่รู้ปัญหาของตน ไม่รู้คิดรู้แก้รู้แต่สวดอวดภูมิคนแบบนี้พอเจอปัญหาหนักๆก็ไปไม่เป็นต้องไปยืมจมูกคนอื่น ไปถามความเห็นคนอื่น บางคนไม่รู้จักกันเลยก็ยังต้องการความเห็นเค้า พ่ออาจารย์ท่านเปรียบว่าความรู้ของคนนั้น ถ้าเรียนมาตั้งมากแล้วใช้การไม่ได้จะรู้ไปเพื่ออะไร

    เช่นนี้ท่านจึงหมั่นพูด หมั่นเตือนให้เจริญสติเพื่อจะได้ใช้ปัญญาของตน พัฒนาตน พัฒนาศักยภาพทางจิตวิญญาณไปตามลำดับขั้น พ่ออาจารย์ท่านห่วงอยู่ว่าคนอยากบรรลุมรรคผลตั้งมาก วันๆฝันหาแต่สวรรค์นิพพาน แต่ตัวปัญญาไม่ได้รับการขัดเกลาอะไรเลย นั่งสมาธิยิ่งนั่งก็ยิ่งหลง เพราะไม่รู้จักนำผลที่ได้จากการเจริญสติมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตแล้วจะฝันหานิพพาน หาความรู้แจ้งไปทำไม ในเมื่อรู้จิตตน อารมณ์ ความคิด รู้ให้เท่าทันตนเองยังทำกันไม่ได้เลย

    สติปัญญาเป็นคำใช้คู่กัน สติเป็นของเรา ปัญญาก็เป็นของเรา แม้ร่างกายแตกดับไปมันก็ยังเป็นของเราท่านว่านี่พูดถึงเพียงวัฏจักรแห่งภพนะไม่ใช่การหลุดพ้นใดๆ ทั้งสองตัวนี้ใช้ได้ตั้งแต่เกิดยันตายและหลังตายเช่นนั้น ต่างกับธาตุขันธ์ร่างกายที่แตกดับอยู่กับเราไม่นาน แต่ชนทั้งหลายก็สรรหาอาหารดีๆ หาอะไรต่อมิอะไรสารพัดมาบำรุงปรนเปรอมันทั้งๆที่มันไม่ใช่ของเรา เหมือนมายืมร่างเขาอยู่มายืมอู่เขานอนใช้งานเสร็จก็ต้องจากไป ขนาดบำรุงมันมากในทุกๆวัน วันละหลายๆเวลามันยังมีแต่เสื่อมกับโทรมตามกฏไตรลักษณ์ ในขณะเดียวกันสิ่งที่เอากลับไปได้ สิ่งที่ควรพัฒนา ควรคิดและใช้งานอย่างเป็นระบบนั้นกลับไม่สนใจจะบำรุงมันบ้าง ไม่ได้สนใจจะพัฒนาปรับปรุงให้มันสูงขึ้น ทำให้มันเจริญสมกับชาติมนุษย์

    การเจริญสติ การทำสมาธิ การภาวนานี้ไม่ใช่ทำแต่เพียงลมๆ ทำเพราะดูว่าขลัง ทำเพราะเป็นคนพุทธ ทำเพราะอยากทำ อยากไปนิพพาน เห็นพระท่านทำเห็นพระพุทธเจ้าท่านทำเราก็ทำบ้าง มันไม่ใช่งานประเพณี หากแต่ทำแล้วต้องรู้จักการประคับประคองสติ ไม่ใช่มีสติแค่เวลาภาวนาพอลืมตาก้าวเข้าสู่วังวนปัญหาในวัฏจักรของมันสติก็หลุด เช่นนั้นท่านเอ๋ยสิ่งที่ทำไปย่อมเปล่าประโยชน์เพราะเขานำมาใช้ไม่เป็น

    เมื่อเกิดปัญหาก่อนที่เราจะไปปรึกษาอะไรใคร ก็สมควรจะใช้สติหยุดคิดพิจารณากันเสียก่อน อบรมขัดเกลาปัญญาของตน ปรึกษาทบทวนด้วยตัวของตนเอง เชื่อได้ว่าความรู้ที่เรียนมาทั้งชีวิตดีไม่ดีเราอาจจะมีเยอะกว่าคนอื่นก็ได้ ปัญญาเราที่สติประคับประคองดีแล้วเมื่อใช้ในการพิจารณาไตร่ตรองแบบลำดับขั้น ย่อมประณีตกว่าการคิดแบบส่งๆขอไปทีของคนอื่นแน่นอน เมื่อใช้ปัญญาแล้วต่อให้ยังผิดอยู่ก็จะได้รู้ได้เห็นเป็นประสบการณ์ขัดเกลาตนเอง ให้รู้จักคิดอ่านแก้ไขในลำดับต่อไป


    * ตรงนี้ก็ฝากกันเอาไว้ด้วย ไม่ต้องไปเร่หาหมอดูหมอทรงที่ไหน ถ้าเรายังเจริญสติเป็นประจำ มีคุณธรรมมีศีลขัดเกลาเป็นเกราะป้องกันตน เช่นนั้นก็นั่นแหละปัญญาของเราย่อมดีที่สุดในการที่จะเรียนรู้และแก้ปัญหาทุกสิ่ง อย่าเอาง่ายเอาแค่สะดวกสบายเข้าว่า เพราะถึงมันจะผ่านปัญหาไปได้แต่สติปัญญาของเรากลับไม่ได้ใช้และมีพัฒนาการขึ้นมาเลย

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2018
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่แมน EV 4402 9377 6 TH

    พี่พรเทพ EV 4402 9378 0 TH
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    มีคนเล่าๆมาว่าพระไพรีพ่ออาจารย์ท่านบารมีสูงมาก เดี๋ยวไว้ว่างๆจะยกมาพุดคุยกัน ส่วนที่ถามหาเครื่องรางหรือตะกรุดนั้นเอาไว้เดี๋ยวจะขอท่านมาลงให้อดใจกันสักหน่อยนะครับ ;)
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    อรุณสวัสดิ์ครับ พุดคุยยามเช้านี้ก็จะเริ่มจากเรื่องพระไพรีก่อน ได้ยินว่าคันฉ่องด้านหลังนั้นบางคนเขาเอาไปเล่นฤทธิ์กันได้หลายทาง อันนี้ก้ขึ้นอยู่กับการใช้งานว่าจะประยุกต์เอาไปใช้ทำอะไรด้วย เดี๋ยวรอเขาเล่าๆให้มีความชัดเจนมากกว่านี้ก่อนแล้วผมจะนำมาเล่าให้ฟังกัน

    ส่วนเรื่องตะกรุดที่จะเปิดพรุ่งนี้ ใครรอเครื่องรางพลาดๆกันมาหลายรุ่นพรุ่งนี้ก็ติดตามกันไว้ บอกคร่าวๆว่าเป็นวิชามหากลับ ทั้งกลับร้ายกลายเป้นดี กลับสิ่งที่สูญเสียไม่มีวันได้คืนให้ฟื้นขึ้นมา(ไม่ใช่ชีวิตนะ)....รายละเอียดเยอะเพราะเป็นวิชาสำคัญของท่าน


    * รายการมหากลับดอกครูนี้ติดตามกันดีๆ เฉพาะลายถักตะกรุดแค่เห็นก็รักแล้ว สวยดีจริงๆ
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ใครที่รู้ตัวว่าฐานรากไม่แน่น ล้มง่าย วันพรุ่งนี้ห้ามพลาดนะครับ;)
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดตั้งรากต่อฐานต้านคลื่นลม(กาลมหากลับพันธะสัญญา)

    ด้วยมนุษย์ย่อมมีช่วงเวลาที่ดีที่สุด ย่อมมีช่วงชีวิตที่เป็นสุขที่สุด ย่อมมีเวลาที่พึงใจ พอใจ สบายใจที่สุด และย่อมมีเวลาที่เสื่อมสูญความปรารถนาอันพึงสำเร็จนั้นไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้ ด้วยสัญญาความจำได้หมายรู้ที่ผูกพันธ์และจดจำบันทึกช่วงชีวิตนั้นไว้อย่างแม่นยำ ด้วยความปรารถนาและความเพียรพยายามต่อสู้กับเวทีชีวิตเพื่อไปให้ถึงช่วงเวลาที่ดีที่สุดอีกครั้ง...และอีกครั้ง

    อันชนทั้งหลายล้วนฝากคำถามและเคยปรารภบรรยายถึงช่วงเวลาสำคัญและถดถอยดั่งระดับน้ำที่มีขึ้นมีลง ล้วนแต่ใช้คำว่าเคย ทั้ง..เคยได้..เคยมี..เคยรวย..เคยคบ ....เคยสุขสมหวังต่างๆนานา แต่ไอ้ตัวเคยเหล่านั้นในสถานการณ์ปัจจุบันล้วนไม่มีสิ่งใดเป็นเหมือนเมื่อวันวานทั้งสิ้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือรักษาอะไรไว้ไม่ได้เลย

    พ่ออาจารย์ท่านเล็งเห็นว่าชนทั้งหลายนั้นย่อมมีวาสนา คนที่เคยสำเร็จ เคยสุขเสมอใจ เคยรวย เคยมีเคยได้ คนเหล่านี้ล้วนเคยมีวาสนาทั้งสิ้นและก็ยังมีสัญญายึดติดอยู่กับความสุขทางกามคุณทั้งลาภยศชื่อเสียงอันเป็นโลกียะที่ผองชนใฝ่ฝันหา ด้วยสัญญาความจำได้หมายรู้ ด้วยความเพียรพยายามไม่หยุดนิ่ง พ่ออาจารย์ท่านว่าก็ควรแก่เวลาที่คนเหล่านั้นจะข้ามอุปสรรคได้เสียที

    เหตุที่คนทั้งหลายนั้นล้มบาง ลดบ้าง ทิ้งตัวบ้าง ต่ำตกบ้าง สูญเสียบ้าง ท่านว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะรากไม่มั่นคง ฐานก็ไม่แน่น แล้วยังไปคิดฝันไปฝืนสร้างให้ใหญ่โต ยังรั้นจะเดินตามความปรารถนาต่อไปในฐานที่ทรุดๆแหว่งๆเช่นนั้น ท่านว่าสุขเท่าไหร่ รวยเท่าไหร่ มีเท่าไหร่ มันก็รังแต่จะรั่วจะไหลออกหมด ยิ่งฝืนมากมันก็ยิ่งพังยิ่งล้มง่าย ด้วยวาสนาที่เป็นพื้นฐานแต่ละคนมันรองรับไม่ไหว ด้วยไม่ได้เกิดมาเพื่อให้มีวาสนาเช่นนั้นแม้เพียรพยายามอย่างไรก็มีแต่จะพังพินาศย่อยยับไปได้ไม่เป็นท่าเหลือเพียงความจำและสัญญาที่ปรากฏว่าเคยมีเคยไปถึงเพียงเท่านั้น

    ด้วยสถานการณ์เช่นนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าจะแก้คนก็ต้องแก้ที่ฐานราก แก้ที่ตัววาสนาในชะตาของเขาท่านจึงได้ขอครูพระสยมเพื่อใช้วิชาท่านสร้างตะกรุดตั้งรากต่อฐานต้านคลื่นลม(กาลมหากลับพันธะสัญญา)ขึ้นมา

    ตะกรุดนี้สำคัญอย่างไร ...พ่ออาจารย์ท่านว่าเราเสกกลยันต์หนุนกลวาสนาชะตาชีวิตคน วางระบบแบบจักรวาทิน ใช้ชะตามหาจักรพรรดิผูกเข้า แทรกซึมไปในเนื้อตัวและวาสนาคนใช้คนรับไปอาราธนา อันมหาจักรพรรดิคือเจ้าแห่งราชาที่อยู่เหนือจอมราชันทั้งหลาย การจะเป็นมหาจักรพรรดิได้นั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าไม่ใช่แต่คนเขาจะยอมรับ หากแต่สามโลกแม้ในนรกหรือบนสวรรค์ก็ต้องยอมรับด้วย เรียกว่ามีอำนาจและบารมีสะกดภพภูมิทั้งหลายได้ไม่ครั่นคร้ามทีเดียว

    ดังนั้นเมื่อพ่ออาจารย์ท่านทำตะกรุดและได้ใช้บารมีมหาจักรพรรดิมาเป็นรากฐาน เป็นวาสนาให้กับคน ท่านว่าตรงนี้สำคัญมากเพราะมหาจักรพรรดิมีบุญบารมี มีพระราชอำนาจเป็นอาญาสิทธิ์กดขี่สรรพชีวิตทั้งปวง ท่านทำเพื่อหนุนนำวาสนาลับฐานร้ายให้กลายเป็นดี พลิกฟื้นสิ่งที่เราสูญเสียไปให้กลับคืนมาเป็นของเราตามกาลมหากลับแห่งพันธะสัญญา

    ด้วยวิสัยวาสนาของมหาจักรพรรดิ สิ่งที่ได้มาแล้ว เป็นของเราแล้วย่อมไม่มีเสื่อมสูญไปทั้งยังจะได้มากขึ้น เพิ่มพูนขึ้น เรียกว่าแผ่กระจายรากฐานได้มั่นคงเป็นปึกแผ่นขึ้นตามคติจักรวาทินของการขยายพระราชอำนาจสู่ทิศตะวันออก พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดเสริมรากฐานเช่นนี้ทำยากนะเพราะมันต่อวาสนาคนใช้เท่านั้นไม่พอมันยังเสริมให้จนแกร่งแม้อยากจะทรุดก็ทรุดลงไปไม่ได้อีก ทั้งยังขยายขอบเขตอาณาบริเวณฐานรากเราออกไปเนืองๆด้วย กล่าวภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายก็คือขยายอำนาจวาสนาชะตาของเราออกไปให้ดีขึ้น ประเสริฐขึ้นดั่งวาสนามหาจักรพรรดิที่หนุนนำอยู่

    พ่ออาจารย์ท่านว่านี่เป็นวิชาเฉพาะทางเป็นของคู่บารมีคน เอาว่าเค้ารู้ตัวว่าชีวิตเขาเป็นอย่างไร จะชัดแจ้งแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขา เขารู้อยู่แก่ใจว่าทำให้ตายลงไปตรงนั้นแต่วาสนาเขารับได้แค่ไหน ท่านว่าถ้าคนที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้จักเขาจะไม่คู่ควรกับตะกรุดนี้เลย

    ตะกรุดนี้นอกจากตั้งรากต่อฐานแล้ว ท่านว่าที่สำคัญเลยคือเอาไว้ใช้ต้านคลื่นลมด้วยนะ คลื่นลมที่ฉันหมายถึงนี้ไม่ใช่จะเอาไปหยุดฝนหยุดน้ำขึ้นน้ำลงในทะเลแต่อย่างใด หากแต่หมายถึงคลื่นลมที่พัดใส่ชีวิต เป็นมรสุมของความยุ่งยากเรื่องเดือดร้อนที่จำเพาะพัดโหมมาในบางช่วงเวลาเป็นระยะๆไป คลื่นลมเหล่านี้พ่ออาจารย์ท่านว่าล้วนแต่เจอกันทุกคน กำลังดีๆมีลาภบ้างมีความสุขบ้างคราวเคราะห์ก็มาเยือนทำให้มีอันเป็นไปต่างๆนานนา

    เช่นนั้นท่านจึงว่ามีร้อยก็ลดเหลือสิบ มันจะเอาอะไรไปสำเร็จไปเจริญขึ้นมาได้ นอกจากรากจะแข็ง ฐานจะกว้างแล้ว คลื่นลมยังเป็นสิ่งสำคัญ ถ้ามรสุมเล็กๆพอที่จะผ่านไปด้วยกำลังปัญญาของตนได้นั่นมันก็ไม่มีอะไร แต่หลายๆครั้งหรือแทบจะทุกครั้ง ทุกคนจะเจอมรสุมใหญ่ คลื่นลมที่มีกำลังแรงเกินกว่ารากกว่าฐานเราจะต้านรับได้ มันสำคัญอยู่เช่นนี้ถ้าทำฐานให้กว้าง ทำรากให้แน่น แต่วิบากกรรมมันแรง มรสุมมันมีกำลังมากจะแน่นจะกว้างอย่างไรรากก็พังฐานก็แตกพ่ออาจารย์ท่านจึงต้องใช้ค่ายกลคุณวิชาของครูพระสยมนำบารมีมหาจักรพรรดิมาจำกัดขอบเขตกระแสกรรมอันเป็นปัจเจกของแต่ละบุคคล

    ตะกรุดนี้นอกจากจะมีความลึกซึ้งถึงระดับยากเกินจะบรรยายและทำความเข้าใจได้เพราะเป็นค่ายกลกำลังที่ส่งผลต่อเนื่องกันอย่างเป็นระบบ เป็นของเฉพาะคนเฉพาะกาลอย่างแท้จริงแล้ว พ่ออาจารย์ท่านยังเสกไว้ให้ใช้ได้ครอบคลุมแก่ผู้รับอาราธนาอีกด้วย นอกจากจะกลับร้ายให้กลายเป็นดีอุปมาเหมือนเนื้อร้ายกลายเป็นเนื้อดีพลิกฟื้นคืนวาสนากลับสิ่งอันสูญเสียเป็นของเราแล้ว ยังใช้ได้ในด้านอื่นๆอีกเหลือคณานับ

    ทั้งช่วยหนุนดวง เร่งโชคชะตา ทำให้เหตุการณ์ร้ายๆเปลี่ยนแปลงและมีจุดจบลงเอยที่ดีเหมาะสมแก่ตัวเรา ทำให้ศัตรูที่ปองร้ายกลับกลายเป็นมิตรมีความคิดช่วยเหลือเรา ทำให้ศัตรูแพ้ภัยตัวเองส่งผลกรรมวิบัติแก่ผู้คิดทำลาย เดินทางไปไหนเมื่อไปแล้วต้องได้กลับ ไปได้ก็กลับได้แคล้วคลาดปลอดภัย...ท่านว่าอุปเท่ห์ใช้ได้ไม่รู้จบถือคติไปได้ก็กลับได้ทั้งกลับใจคนรัก คนที่จากไปแล้วให้กลับมาหาเรา กลับของที่สูญเสียไปทั้งโชคลาภวาสนาชะตามงคลให้เข้ามาเพิ่มพูนมากล้นเหนือกว่าเดิม ท่านว่าตามแต่จะอธิษฐานเอาเลย ใช้ทางปลดหนี้ก็ได้ อะไรที่เป็นของเราล้วนแต่เอากลับคืนมาได้ ทั้งยังสร้างสิ่งที่เป็นของเราให้มากขึ้น เยอะขึ้นตามวาสนาจักรพรรดิที่กำกับไว้

    นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันขจัดปัดเป่าภัยพิบัติต่างๆไม่ให้มาย่ำยีฐานชะตาชีวิตเรา ท่านว่าสิ่งที่จะทำลายเราเข้าถึงไม่ได้เลย ถึงวันนั้นจะรู้เองจำคำของเราไว้ให้ดีว่าเอาไว้ใช้กันภัยพิบัติในอนาคต นอกจากนั้นตะกรุดนี้ท่านยังลงไว้ให้ครบ ท่านว่าติดตัวเอาไว้ดีใช้ได้ยันตัวตาย เมื่อถึงกาลกิริยาจะไม่ตายทรมาน ไม่ตายโหง จะจากโลกนี้ไปอย่างสบาย ไม่ทนทุกข์ทรมานต้องสอดใส่สารพัดสายหรือนอนติดเตียงทรมานกับกายสังขารที่ไม่มีพลังงานให้เคลื่อนไหวเช่นนั้นเลย

    คาถาบูชา
    สหวัสสา ทัสสะนา สัมปะถากะถา สาสินิระ สัพพา นะหิชาติ

    * พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี้เป็นของเฉพาะคน จะชี้มาก แนะมากก็ไม่ได้มันผิดกฏข้างบนเขา เราได้แต่ทำแต่ถ้าเขาไม่ขวนขวายกันเองก็ถือว่าไม่มีวาสนา ท่านว่าทำไว้ให้แปดดอกถักเชือกลายจรเข้ขบฟันเพื่อแยกไว้เป็นเอกลักษณ์ ปัจจุบันเหลืออยู่ห้าดอก อีกสามดอกนั้นคนที่เขารู้เขาก็รีบมาเอาไปอุดฐานชะตาเขาจนมั่งคั่งมั่งมีไม่รู้เสียเท่าไหร่ ด้วยสำคัญว่าวิชานี้จะหาใครทำให้ไม่ได้เลย และท่านก็จะทำหนเดียวเพราะต้องเสกนาน ท่านว่าจะจารจะถักก็ไม่ยากเท่ากับเสก

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดตั้งรากต่อฐานต้านคลื่นลม(กาลมหากลับพันธะสัญญา) บูชา 2,500 บาท

    39274522_303582110447403_3377704298963009536_n.jpg
    39388089_2108030879484632_560960266871767040_n.jpg
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    - เกี่ยวกับตะกรุดก็มีถามกันเข้ามาหลายท่านว่ายาวกี่นิ้ว อย่างที่ทราบกันบอกได้แค่รายการนี้แรงเพราะนานๆท่านจะทำของแก้พื้นฐานชะตาคน ท่านว่ามันทำยากยิ่งกว่าพวกหนุนดวงไม่รู้เท่าไหร่ ได้สอบถามพ่ออาจารย์ท่านแล้วว่าจริงๆความยาวตะกรุดนั้นยาวห้านิ้ว แต่ท่านม้วนมุมตัดด้านความกว้างเพื่อเน้นให้ตะกรุดมีขนาดดอกเล็กพกง่ายแต่ด้วยความยาวเต็มพิกัดม้วนก็หนาพอประมาณ ลองวัดดูแล้วก็ประมาณดอกละสองนิ้วกว่าๆอาจจะถึงจุดห้าหรือไม่ถึงคลาดกันนิดหน่อย
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    พูดคุยยามเช้า

    อรุณสวัสดิ์นะครับ เคยได้ยินคนเรียกกันถึงคำว่าผีสางนางไม้ วันนี้ก็จะยกมาพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนางไม้ก่อน เพราะคนยังสับสนอยู่มากกับนางไม้ที่เป็นรุกขเทวดากับสัมภเวสี



    ตำนานนางไม้

    นางไม้ในคติความเชื่อของไทยเราสามารถแสดงฤทธิ์ทำให้คนไม่กล้าตัดต้นไม้ เช่นอาจจะร่ายมนตร์ทำให้คนไม่กล้าตัดต้นไม้ เช่น อาจจะร่ายมนตร์ทำให้คนที่ตัดต้นไม้ล้มเจ็บ เป็นไข้ หรือคลุ้มคลั่งเป็นบ้าเสียสติไป นางไม้ที่ปรากฏในภาพวาดหรือนิยาย เรื่อเล่าต่าง ๆ มักถูกจินตนาการเป็นหญิงสาวสวยผมยาวสลวยประบ่า นุ่งผ้าจีบ ห่มผ้าสไบเฉียง ถ้านางไม้ที่เป็นฝ่ายชายจะเรียกว่า รุกขเทวดาอยู่ส่วนใหญ่มักรุกขเทวาจะอยู่ประจำที่ต้นไทร หรือรักษาต้นไม้ใหญ่ ๆ ส่วนนางไม้จะสถิติอยู่ในต้นไม้ที่มีขนาดไม่ใหญ่โตนัก ในหลาย ๆ แห่งมีชาวบ้านนิยมนำผ้าแพร 3 สีไปผูกให้ต้นไม้หลังจากมีคนเห็นนางไม้ปรากฏอยู่ที่ต้นไม้ต้นใดในหมู่บ้าน

    นางไม้ในคติความเชื่อของไทยเรานั้นมีทั้งกล่าวถึงนางไม้ที่ดี และนางไม้ที่ร้าย นางไม้ที่เป็นภูตที่ดี ก็มักจะมาปรากฏในแบบสวยงามมาเตือนเหตุเภทภัยให้แก่มนุษย์ที่ดูแลต้นไม้อย่างดี แต่นางไม้ที่เป็นดั่งปีศาจร้ายก็มี ที่ออกมาหลอกมนุษย์ผู้ชายให้หลงใหลแล้วก็เอาไปทำสามีบ้างหรือฆ่าให้ตายบ้าง ภูตนางไม้มีหลายประเภท นางตะเคียนนางตานี ก็ถือเป็นนางไม้เช่นกัน หากเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ไม่นับที่ว่ามีคนตายโดยผูกคอกับต้นตะเคียน แล้วเกิดมีผีมีวิญญาณสิงอยู่กับต้นไม้นั้น อย่างนั้นไม่เรียกว่านางไม้

    นางไม้ที่เป็นนางตะเคียน หรือนางไม้ ประจำต้นไม้ใหญ่ ๆ ว่ากันว่า มักจะดุร้ายกว่านางไม้หลาย ๆ ประเภท เพราะเป็นต้นไม้ใหญ่มีอายุหลายสิบหรือนับร้อยปี แผ่กิ่งก้านสาขาลำต้นสูงใหญ่ ให้ความรู้สึกที่น่าเกรงกลัวยิ่งนักในยามกลางคืน คนไทยสมัยก่อนเชื่อกันว่าต้นตะเคียนมีนางไม้สิงอยู่ ถ้ายิ่งมียางไม้ไหลออกมาอยู่เสมอก็ยิ่งถือกันว่า นางตะเคียนจะยิ่งเฮี้ยน หรือมีฤทธิ์แรงมาก แต่ก่อนหากจำเป็นต้องมีการตัดต้นตะเคียนหรือต้นไม้ใหญ่ ๆ ผู้ตัดมักต้องทำพิธีขอ เพื่อให้นางไม้ให้รู้ตัวและจะได้ย้ายไปหาที่อยู่ใหม่ หากทำการตัดไปเลยโดยไม่ขอขมาก่อน คนที่ตัดต้นตะเคียนหรือต้นไม้ใหญ่ก็มักจะประสบหายนะ ถูกลงโทษ ทำให้เจ็บไข้ไร้สาเหตุหรือมีอาการคลุ้มคลั่งเสียสติไปในที่สุด

    ในสมัยก่อนยังมีความเชื่อเรื่อง แต่งงานกับนางไม้อีกด้วย โดยเฉพาะทางใต้ นับเป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวเมืองสงขลา เกิดจากเมื่อมีใครไปไหว้บนบานขอให้นางไม้ช่วยเหลือเรื่องต่าง ๆ หากสำเร็จด้วยดีก็บนบานว่าจะแต่งงานกับนางไม้เป็นการสังเวยตอบแทน การแต่งงานกับนางไม้ของทางใต้ มีตำนานเล่าว่า มีนางไม้ปรากฏนิมิตให้เห็นหลายครั้งที่ต้นมะม่วงขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง บรรดาชาวบ้านจึงได้ปั่นรูปหญิงสาวขนาดเท่าคนจริง แต่งกายงดงามพร้อมเครื่องประดับ สร้างเป็นรูปเคารพไว้ที่ศาล โดยทำการก่ออิฐเล็ก ๆ ใต้โคนไม้นั้น พวกชาวบ้านเรียกกันว่า “เจ้าแม่ม่วงทอง”

    ตำนานบางเมืองเล่าแตกต่างออกไปว่าครั้งหนึ่ง มีธิดาของเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชถูกโจรจับตัวมาเพื่อปล้นและเรียกค่าไถ่ ระหว่างทางได้ถูกฆ่าตาย พวกโจรนำศพไปซ่อนอยู่ในโพรงต้นมะม่วงใหญ่ ต่อมาธิดาเจ้าเมืองได้แสดงอิทธิฤทธิ์อภินิหารให้ปรากฏเนือง ๆ จนชาวบ้านนับถือและทำการบวงสรวงบนบานกันเป็นนิตย์ โดยที่พิธีกรรมการบวงสรวงมักมีการ ฝากตัวและบุตรหลานเป็นลูกหลานของเจ้าแม่อีกด้วยเพื่อให้เจ้าแม้คุ้มครองอย่างดีนั่นเอง เมื่อครอบครัวใดทำพิธีฝากตัวแล้ว ก็ยังจะต้องทำพิธีแต่งงานกับเจ้าแม่ โดยเฉพาะเพศชายที่มีอายุครบบวช พอใกล้ก่อนบวชก็จะต้องมาทำพิธีแต่งงานกับเจ้าแม่เสียก่อน จะได้ปลอดภัยและเป็นมงคลชีวิตตลอดไป แม้เมื่อทำพิธีแต่งงานกับเจ้าแม่แล้ว ต่อไปเมื่อสึกจากการบวชแล้ว จะไปเข้าพิธีแต่งงานกับหญิงอื่นตามปกติวิสัยก็ย่อมทำได้ เจ้าแม่มิได้เอาผิดเอาโทษใด ๆ แต่ถ้าชายผู้นั้นมีบุตรคนโตเป็นผู้ชาย ลูกคนนั้นก็ต้องมาเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าแม่สืบแทนบิดาด้วย ถือกันว่าเป็นเรื่องที่ต้องกระทำสืบทอดกันไปจนถึงรุ่นลูก หลาน เหลน

    แต่ถ้ารุ่นไหนมีลูกหัวปีเป็นชาย แต่มิได้ทำการวิวาห์ตามธรรมเนียมของสกุลนั้น คนรุ่นนั้นก็จะพบเจอกับอาถรรพ์ต่าง ๆ จะประสบปัญหาเดือดร้อนไม่หยุดหย่อนจนกว่าจะมีพิธีแต่งงานเกิดขึ้น พิธีแต่งงานของคนกับนางไม้ หรือเจ้าแม่นี้ มีขันหมาก เงินทอง และเครื่องบูชาต่าง ๆ เช่น หัวหมู สุรา เป็ด ไก่ และผลไม้ เป็นต้น พิธีแต่งงานจะทำได้เฉพาะวันอังคารและวันเสาร์เท่านั้น ผู้เป็นเจ้าบ่าวแต่งงานกายให้สุภาพเรียบร้อยเหมือนเจ้าบ่าวทั่วไปในงานของมนุษย์ปกติ แต่มักจะเหน็บกริชไว้ด้วย ขบวนขันหมากก็มี โดยจะจัดกันเป็นที่ครึกครื้น มีการรดน้ำสังข์และสวดชุมนุมเทวดา บูชาเทวดา เล่ากันว่าเคยมีผู้หญิงบนบานแล้วสำเร็จสมหมาย จึงแก้บนได้ด้วย การแต่งกายเป็นผู้ชายเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าแม่ก็มีเช่นกัน



    hqdefault_1.jpg
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ใครที่ถามหาพระขรรค์กับแมงมุมไว้ ที่ขอสำรองกันไว้ก็ต้องแจ้งว่าของหมดแล้วนะครับไม่มีหลุดให้คนที่สำรองเลย โดยเฉพาะพระขรรค์นี่ยังมีคนโทรหาผมอยู่แทบทุกวัน ตรงนี้ปิดยอดแล้วเพราะเราให้สิทธิ์คนที่เขา PM หรือข้อความแจ้งไว้ชัดเจนก่อน
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    แจ้งการส้ง EMS

    พี่ธีรนนท์ EV 4402 9737 5 TH

    พี่วุฒิชัย EV 4402 9738 4 TH

    พี่สมศักดิ์ EV 4402 9739 8 TH

    พี่วิทัส EV 4402 9740 7 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ EV 4402 9741 5 TH

    พี่ศิระ EV 4402 9742 4 TH
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    คนที่ไม่ทันแมงมุมและพระขรรค์กับคนที่ถามหาพยนต์แบบเดี่ยวๆพกง่ายๆไว้ ช่วงนี้ติดตามกระทู้กันดีๆนะ ....แอบมาบอกเดี๋ยวจะตกขบวน;)
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    พูดคุยรอบเช้า

    จากที่มีคนถามมาและผมให้ติดตามพูดคุยกันนั้น วันนี้ก็จะมาพูดคร่าวๆไว้ว่าพยนต์สายนี้เป็นสายวิชาโบราณที่พ่ออาจารย์ท่านว่ามีมานานนับพันปีในลัทธิพราหมณ์หากแต่หาคนทำคนสร้างเต็มวิชายังไม่มี

    ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าถามความแรงมันแรงกว่าแมงมุมไปไกลลิบ แต่แรงในลักษณะที่ต่างกัน เหมือนมีรถถังมีปืนใหญ่พกไว้เฉพาะตัว เป็นของมีเดชมีอานุภาพเช่นนั้น ปกติเราใช้มีดหมอใช้เทพศาสตราสิ่งนั้นก็เป็นดั่งอาวุธ แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากอาวุธร้ายแรงนั้นมีชีวิต เป็นพยนต์ที่มีอานุภาพร้ายกาจทั้งมีจิตวิญญาณ รวมถึงอุปนิสัยเอกเทศน์แบบที่สิ่งอื่นไม่มี...เพราะอุปนิสัยเขาเหมาะที่
    จะสงเคราะห์ไม่เลือกเรื่อง ไม่เลือกปัญหาว่าจะชั่วหรือจะดี ไม่สนจริงๆว่าเรื่องจะดีหรือร้ายขอเพียงขอเขาช่วยทั้งหมด

    ท่านว่าสิ่งนี้ถ้าทำสำเร็จแล้วจะให้คุณมาก มากขนาดคนใช้ยังคิดไม่ถึง ด้วยเป็นศาสตร์ที่มีมานานนับพันปีและเลือนรางสูญหายไปแล้วท่านจึงได้ทำไว้ให้เสียครั้งหนึ่ง บอกไว้เลยว่าใครชอบของพกง่ายลงเอวหรือใส่กางเกงได้ องค์ไม่ใหญ่มากห้ามพลาด แม้จะเอามาห้อยคอเป็นของสวยงามทำเป็นจี้ประดับตามภาษาวัยรุ่นว่าห้อยแล้วเท่ก็ยังทำได้ ที่สำคัญท่านให้ออกแค่หลักร้อยเพราะอยากให้มีคนนำไปบูชากันได้ทั่วๆ

    สิ่งนี้ลึกซึ้งมาก ติดตามกันแบบเต็มๆเอาวันพรุ่งนี้ ใครพลาดนี่พลาดยาวเหมือนแมงมุมกับพระขรรค์ ยิ่งเป็นสิ่งนี้...พ่ออาจารย์ท่านว่านับพันปีที่ยังไม่มีคนทำเต็มวิชา เราก็จะทำเพียงหนเดียวเท่านั้น แน่นอนว่าถ้าท่านพูดเช่นนี้คงไม่มีออกมาให้ดูเป็นหนที่สองแน่ๆ วาสนาของใครของมันจริงๆ


    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ไพรีพินาศ
    พระไพรีพินาศนี่แรงทันตาเห็นจริงๆ คนที่มีตาในล้วนแต่ยอมรับว่าแรง บางคนได้กำชับไว้บอกว่าพระไพรีพ่ออาจารย์ท่านรุ่นนี้มีบารมีมากเกินขอบเขตที่มนุษย์จะคาดคิด หลังจากเริ่มมีประสบการณ์เข้ามา วันนี้ก็มีพี่ที่เช่าไปเล่าเข้ามาอีก

    เขาบอกว่าอาราธนาพระไพรีเฉยๆยังไม่ทันอธิษฐานอะไรเลย เกือบสามถึงสี่วันเห็นจะได้ ลูกหนี้ที่ยืมเงินไปก็เอาเงินมาคืน เขาเอามาคืนแล้วบอกว่าให้อโหสิกรรมให้เขาด้วย พร้อมกับเล่าว่าเขาฝันเห็นคล้ายพระแม่กาลีเกรี้ยวกราดมาหา ในฟันเค้าเห็นนรกขุมที่เขาต้องไปเกิด ทั้งพระแม่ท่านยังบอกว่าดีแค่ไหนแล้ว ที่ท่านข้างบนเขายังไม่ให้เอามึงถึงตาย เป็นหนี้ใครก็รีบไปใช้เขาด้วยระวังจะไม่มีเงาหัว เขาว่าพระแม่มาเอาเขาลงไปนรกถึงสามวันจนสติเตลิดหวาดผวา จะหลับตาก็มีภาพหลอน จะข่มตานอนยังแทบจะทำไม่ได้เลยต้องบากหน้ามาขออโหสิ ขอขมากรรมเอาเงินมาคืน

    พี่เค้าเล่าว่าหนี้ก้อนนี้เขาไม่เคยคิดจะได้คืนเลย เพราะพอเราทวงเค้าก็เปลี่ยนเบอร์หนี ที่อยู่ก็เปลี่ยน ไม่รู้จะตามยังไงเรียกว่าเป็นบุคคลสาบสูญไปเลย มาได้บารมีพระไพรีพ่ออาจารย์อาราธนาขึ้นคล้องคอ พี่เขาว่าพอรู้ประวัติเวลาอาราธนานอกจากองค์พระแล้วก็จะขอบารมีท่านแม่กาลีให้จัดการณ์เรื่องติดขัดอุปสรรคชีวิตด้วย จะเรียกว่าเห็นผลทันตาก็ได้

    * พระไพรีนี่ใช้กันดีๆ บอกได้คำเดียวว่าบารมีท่านมาก แค่อาราธนาดีๆไม่จำเป็นก็ไม่ต้องขอหรืออธิษฐานอะไร แค่อาราธนาศัตรูก็มีอันเป็นไปตามสมควรของวงล้อกรรมแล้ว

    e0b89ee0b8a3e0b8b0e0b981e0b8a1e0b988e0b898e0b8a3e0b893e0b8b5.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2018
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ใครชอบของแปลกๆแรงๆ พรุ่งนี้ติดตามกันนะครับ แอบบอกว่าเขามีวิธีใช้เฉพาะแบบเร่งรัดให้ได้ผลไวด้วย ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม รายการนี้บางคนไลน์กับโทรมาถามว่าเป็นอะไรแล้วให้ผมเตรียมยอดจะสั่งยกฝูงก็มี อันนี้เอาไว้ให้พร้อมๆกันผมยังไม่รับยอดล่วงหน้านะครับ เพราะมวลสารก็เป็นของเฉพาะที่หายากและพ่ออาจารย์ท่านต้องใช้เวลาสะสมอยู่นานปีด้วย นี่แหละเป็นประเด็นที่ทำให้สร้างได้ครั้งเดียว แต่เครื่องรางชุดนี้เลี้ยงไว้หลายๆตัวท่านว่าดี ตรงนี้ขึ้นอยู่กับบารมีและดวงบริวารแต่ละคนด้วย แต่ตัวผมเองก็เตียมจองพร้อมทุกคนไว้แล้วอย่างน้อยก็ต้องได้ห้าตัวรอบเอวเพราะเห็นความสวยแล้วมันอดไม่ได้จริงๆ เอาไว้ติดตามกันนะ บอกได้คำเดียวว่าแปลกและแรงมากตั้งแต่เป็นมวลสาร จะเป็นตำนานเหมือนพระขรรค์แน่นอน
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา เวทย์ศาสตราอาถรรพ์เศรษฐีพันโกฏิวาสนาร้อยชาติภพ(พญาแมงป่องเล่นฤทธิ์)

    ย้อนกลับไปในสมัยหลวงปู่ภูวัดท่าฬ่อซึ่งเป็นพระเกจิร่วมสมัยกับหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน ท่านได้สร้างเหรียญหางแมงป่องขึ้นมาอย่างมีนัยยะสำคัญ ตกถึงยุคปัจจุบันนี้เหรียญของท่านนอกจากมีราคาสูงแล้วใครได้ไว้สืบทอดในตระกูลยังถือเป็นสิริมงคลสืบทอดชั่วลูกหลาน

    พ่ออาจารย์ท่านว่าการบูชาแมงป่องและศาสตร์เกี่ยวกับแมงป่องนี้มีมายาวนานนับพันปีแล้ว บางลัทธิของพราหมณ์ก็ผนวกเอาไว้เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลบูชางูหรือ "นาคปัญจมี" ที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ทุกปีในวันขึ้น 5 ค่ำ ตามปฎิทินฮินดู

    ด้วยตัวแมงป่องนั้นมีคุณลักษณะอันเลิศ เป็นสัตว์ให้คุณที่จะอุปมากับข้อธรรมได้ เช่นมีหางเป็นอาวุธ เวลาเดินก็เที่ยวชูหางไป เปรียบด้วยผู้ปฏิบัติมีญาณเป็นอาวุธ จะยกชูญาณขึ้นขัดเกลาบรรเทากิเลสโดยลำดับ ถ้าหมู่กิเลสยังมีอยู่ ก็ตั้งใจสู้ด้วยวิธีลับอาวุธคือญาณให้คมกล้า จนสามารถตัดหมู่กิเลสได้อย่างเด็ดขาด ภัยทั้งปวงก็ไม่สามารถครอบงำฯ

    เช่นนี้ศาสตร์การสร้างหุ่นแมงป่องนั้นจึงมีความลึกซึ้งและให้คุณอย่างมากด้วยถือว่าแมงป่องเป็นสัตว์ที่มีความสัมพันธ์กับเหล่าเทพ และในกลุ่มลัทธิผู้บูชาแมงป่องนั้น จะมีเพียงผู้เชี่ยวชาญด้านแมงป่องของลัทธิในศาสตร์ระดับสูงเท่านั้นจึงจะสามารถใช้ได้ เช่นนี้วิชาการสร้างหุ่นแมงป่องย่อมสูญหายไปในชั้นหลัง

    ด้วยแมงป่องนั้นจัดว่าเป็นสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงชนิดหนึ่ง กล่าวคือที่หางของแมงป่องจะมีเหล็กไนที่มีพิษร้ายแรง สามารถทำอันตรายอย่างรุนแรงจนถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าเช่นนี้จึงอุปมาได้ว่าเป็นสัตว์มีพิษ มีดีในตนเอง แม้ตัวเล็กๆก็มีอันตราย ตราบใดที่มีผู้ที่เห็นภัยในสังสารวัฏได้นำหุ่นแมงป่องนี้ไปใช้งานอาราธนาติดตัว เขาจะอุ้มชูยกชีวิตเรา ดุจเขายกหางตนเองตลอดเวลา

    พ่ออาจารย์ท่านว่าจะมีสัตว์ชนิดใดในโลก ที่มีอากัปกิริยายกหางหรือชูอวัยวะส่วนใดตลอดเวลาบ้าง ให้ลองตรองดู หุ่นแมงป่องนี้ยกหางก็คือชูอาวุธพร้อมจะสู้ พร้อมจะรบ พร้อมจะอุ้มชูผู้บูชาตลอดเวลานั่นเอง เช่นนั้นชาวฮินดูบางส่วนจึงมักนิยมบูชาขอพรแมงป่อง แต่หากย้อนไปในสมัยเมื่อพันปีพ่ออาจารย์ท่านว่าไม่ต้องเสียเวลาบูชาแต่อย่างใด หากแต่จะผูกหุ่นแมงป่องไว้ใช้ให้มันเล่นฤทธิ์กลายธาตุเพื่ออุ้มชูส่งเสริมเราหนือสิ่งอื่นใดเลยก็คือเขาจะคอยกำจัดศัตรูและอุปสรรคที่ขวางทางเดินของเรา

    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านจะผูกหุ่นพญาแมงป่องนั้น ท่านว่าหากสำเร็จเป็นหุ่นคุณวิชาแล้วนอกจากเป็นสัตว์์เทพมงคลพิทักษ์ เขายังเป็นศาสตราพระเวทย์ที่ช่วยเป็นสื่อและยกระดับอำนาจการใช้ การแสดงออกของพระเวทย์ในตัวเรา เรียกว่าเพิ่มฤทธิ์อำนาจให้ตัวตนเราอย่างชัดเจนเป็นเอกเทศน์แตกต่างจากการบูชาเทพหรือใช้สัตว์มงคลสิ่งใด พ่ออาจารย์ท่านว่าศาสตร์ของพญาแมงป่องนี้ลึกซึ้งยิ่งนักเพราะแทบจะไม่มีใครตระหนักรู้ได้เลยว่าเขาจะเป็นสื่อนำความอุดมสมบูรณ์เข้ามาในชีวิต

    ด้วยมีรูปลักษณ์น่าเกรงขาม น่าสะพรึงกลัวดุจนักรบสวมเกราะโลหะ มีกล้ามใหญ่โตพอๆกับตัวเป็นอาวุธ ทั้งยกชูหางอย่างแข็งกร้าวหันเหล็กในชี้เป้าใส่ศัตรูตลอดเวลาด้วยพร้อมจู่โจมอย่างรวดเร็ว ทั้งชอบดำรงอยู่เฉพาะในความมืด ด้วยอุปนิสัยลึกลับ ด้วยมีตาหลายคู่มองเห็นได้รอบทิศ ทั้งประสาทสัมผัสดีไวต่อเสียง ต่อความรู้สึก ต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นรอบด้าน ดุจการเจริญสติที่มีประสาทสัมผัสไวระลึกรู้และแวดระวังทุกสิ่ง ด้วยมีอำนาจที่จะมอบความตายให้ผู้อื่นได้อย่างแม่นยำทั้งอุปนิสัยบูชาความรัก ยอมให้แม้ตัวตาย ยอมให้กลืนกินชีวิต...

    ตัวเแมงป่องนั้นย่อมแสดงถึงมนต์ขลังแห่งความลึกลับที่ดึงดูดให้คนค้นหา แม้รู้ว่าอันตรายถึงตายก็สะกดให้อยากเข้าใกล้ คนทั้งหลายต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งการสะกด หลงใหลเสน่ห์แห่งความงามดุจตัวเราแม้มีอันตรายทำให้เขาตายถึงชีวิตได้เขาก็ยังหลงใหลได้ปลื้มไปกับตัวเราพร้อมจะตายเพื่อสิ่งล่อลวงฉันใดก็ฉันนั้น

    พ่ออาจารย์ท่านจึงว่าหุ่นวิชาแมงป่องนี้มันจึงมีอะไรมากกว่าความเท่ห์หรือเอาไปใช้เป็นแฟชั้นเท่านั้น ท่านว่าเมื่อจะสร้างท่านต้องรวบรวมตะกั่วปิดปากโกฏิเศรษฐี จำนวนมากถึงร้อยถึงพันโกฏิด้วยกัน ท่านว่านี่วิชาสำคัญนะ ตะกั่วปิดปากโกฏิเป็นตะกั่วอาถรรพ์ที่รับและสะสมพลังวาสนาทั้งสะกดวิญญาณสิ่งชั่วร้ายได้ ท่านต้องรวบรวมตั้งแต่เจ้าสัวและเศรษฐีคหบดีขุนนางในอดีตถึงปัจจุบัน กว่าจะครบร้อยครบพันพ่ออาจารย์ท่านว่าไม่ง่ายเลย

    ร้อยโกฏิ พันโกฏิ คือร้อยวาสนาชะตาฟ้า ร้อยดวงมหาเศรษฐี พันวาสนาลิขิต เอามาหล่อหลอมกับกายสิทธิ์และแผ่นยันต์ผูกหุ่น ยันต์การทำพยนต์ต่างๆบรรดามีหล่อหลอมเสกซัดอัดธาตุเล่นฤทธิ์ใส่วิชาให้บังเกิดศาสตราพระเวทย์ชักนำความอุดมสมบูรณ์ ชักพาวาสนาร้อยชาติภพมาสู่เจ้าของ

    พ่ออาจารย์ท่านว่านอกจากวิชาพยนต์และศาสตร์การผูกหุ่นแมงป่องแล้ว ที่ท่านนำตะกั่วร้อยโกฏิเป็นชนวนหล่อหลอมนั้น ก็คือเราถือคติให้สัตว์เทพให้นำพาวาสนาร้อยชาติภพมาชูให้ถึงปาก ป้อนให้ถึงมือผู้ครอบครอง ดั่งที่กล่าวไว้ว่าเค้าเป็นสื่อมหาอุดม คือนำความอุดมสมบูรณ์เข้ามาในชีวิตได้เพราะเค้าช่วยค้นหาหยิบจับโภคทรัพย์เงินทอง ทั้งพิทักษ์ทรัพย์สิน รักษาทรัพย์เราไว้หวงแหนและช่วยให้พอกพูน

    คุณลักษณะที่เป็นเอกของหุ่นแมงป่องก็คือความอุดมสมบูรณ์ แม้คนไม่มีวาสนาเขาก็จะให้โชคอยู่เป็นนิจ พ่ออาจารย์ท่านว่าวาสนาของคนไม่เสมอกัน ในจำพวกคนที่ไม่มีดวงให้เปิดเลย คือไม่เห็นช่องทางว่าจะเอาดีทางไหนให้รวยให้พลังของคุณวาสนาดวงมหาเศรษฐีร้อยชาติภพนี้หนุนส่งได้ เขาก็จะสงเคราะห์ด้วยการให้โชคอยู่เป็นนิจกาลทดแทน ดลให้คนใช้มีแต่โชค จับแต่เงิน เกี่ยวข้องแต่โชคลาภโภคสมบัติ

    แม้จะเสี่ยงโชคหรือเสี่ยงดวงประการใดก็ดี ถึงเป็นคนไม่มีดวงทางด้านนี้เลยก็ตาม พ่ออาจารย์ท่านว่าให้บอกกล่าวอธิษฐานกับเค้า เอาให้ละเอียดกันนะพวกเธอ ไม่ว่าจะเสี่ยงโชคหรือเดินทางไปไหน ไปเจอใคร ไปทำอะไร ให้บอกกล่าวอธิษฐานให้ละเอียด นอกจากจะแคล้วคลาดจากภัยอันตราย คอยบอกเหตุแสดงนิมิตแจ้งเตือนยามมีภัยถึงชีวิตแล้ว แม้การเดินทางการเสี่ยงโชคครานั้นๆก็จะเต็มไปด้วยสวัสดิมงคลดุจพบลาภลอยมาหาเช่นนั้น

    นอกจากนี้หุ่นแมงป่องยังเป็นหุ่นวิชาเสน่หาที่ให้ผลดีเยี่ยม พ่ออาจารย์ท่านว่าให้พกติดตัวไว้ไปทำอะไรก็เป็นเมตตามหาเสน่ห์ใครเห็นใครรัก มีแต่คนรัก คนนิยมชมชอบ แม้ได้บูชาจะเป็นเสน่ห์แก่ตนเอง ท่านว่าเสน่ห์ตัวนี้มันแปลกนะนอกจากผู้ใดที่ได้พบเห็นจะเกิดความรัก ความเอ็นดู นิยมชมชอบแล้ว ท่านว่าใช้ชีวิตไปเฉยๆ อยู่ของเราให้เป็นปกตินั่นแหละ อยู่ดีๆจะมีคนมาหลงใหล แอบรัก แอบชอบเราเข้าเองไม่ต้องไปดิ้นรนหา เพราะเขาเป็นสัตว์ที่นำโชคนำลาภมาให้เรา ยกให้ถึงตัว ถึงมือ ถึงวาสนาเรา

    เมื่อได้ชื่อว่ามีชนนิยมทั่วโลกให้ความรักเอ็นดูเรามิขาดแล้ว ยังส่งผลต่อหน้าที่การงานให้เจริญก้าวหน้ารวดเร็ว ทำสิ่งใดมักได้โอกาส พ่ออาจารย์ท่านว่าตรงนี้สำคัญมาก เพราะคนมีความสามารถนั้นมีมากมายเป็นดอกเห็ด แต่สิ่งเดียวที่คนไม่ได้มีเสมอกันนั่นก็คือโอกาส บางคนเรียกว่าดวงโทษไปถึงเทวดา พ่ออาจารย์ท่านว่านี่แหละคือโอกาส เป็นโอกาสอีกครั้งและอีกครั้งที่จะผูกพันกับชะตาชีวิต

    หุ่นแมงป่องนั้นมีคุณยิ่งใหญ่หลายด้านที่เป็นเรื่องเร้นลับ ท่านว่าถ้าไม่ถืออะไรมากก็คิดว่ารับเครื่องมงคลที่จะสร้างโอกาสเปิดวาสนาด้วยดวงมหาเศรษฐีทั้งร้อยชาติภพให้กับตัวเอง รับทาสแลบริวารที่ซื่อสัตย์ มีฤทธิ์มีอำนาจเข้ามาในชีวิตตนเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านเสกให้ครอบคลุม เปิดให้ทั้งหมด แม้เอาติดตัวไปให้สังเกตุตัวเองได้เลย อย่างน้อยตัวตนก็เปลี่ยนไปกลายเป็นคนสุขุม มีมุมมอง มีความคิดวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลขึ้นอันเป็นลักษณะของผู้นำ ทั้งยังหากินเก่ง ไม่อดอยาก มีแต่ความสำเร็จ เรื่องพวกนี้มันจะเปลี่ยนแปลงตัวตนคนได้ ท่านว่าทำให้แล้วก็เอาไปใช้กันให้ดี

    หุ่นนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเขาเป็นทาสรับใช้เรา ท่านทำผงลบวิชาจินดามณีร้อยสายที่เป็นผงจินดามณีหลายตัวรวมกัน บางตัวก็ให้คุณมากจำต้องปิดเป้นความลับและขาดคนสืบทอด ท่านลบถมลงปั้นเป็นลูกอมเพื่อฝังบรรจุไว้ในแมงป่องนี้โดยเฉพาะ ท่านว่าผงนี้ทำและปั้นเมื่อสำเร็จก็เหมือนดวงแก้วมณีโชติเป็นแก้วสารพัดนึกในสายท้าวมหาพรหมอาตมัน ท่านว่าฝังให้พยนต์แมงป่องนอกจากทำให้เขามีสัมผัสรู้และประสาทตอบรับตลอดจนความคิดที่ว่องไวแล้ว ยังเป็นแก้วจินดาที่ใช้บันดาลชักพาสวัสดิมงคลได้ทุกเรื่องตามประสงค์ พ่ออาจารย์ท่านว่าคนเรานั้นร้อยพ่อพันแม่ แค่ชาติกำเนิดยังต่างกันแล้วปัญหาเรื่องเดือดร้อนในแต่ละวันจะเหมือนกันได้อย่างไร ท่านทำดวงแก้วนี้เสริมให้พญาแมงป่องเขามีฤทธิ์พร้อมที่จะสงเคราะห์เราได้ทุกเรื่อง

    พญาแมงป่องเขามีก้ามใหญ่โตหยิบจับคีบคั้นสิ่งใดไม่มีหลุดมือ พ่ออาจารย์ท่านว่าอธิษฐานกันให้ดีว่าจะเอาอะไรหยิบจับฉวยคว้าโอกาสใด ทั้งหน้าที่การงานวาสนาคู่ครองหรือโชคลาภทำกันให้ดี รับรองว่าไม่มีหลุดพ้นมือเราแน่นอน พ่ออาจารย์ท่านหล่อพญาแมงป่องชูหางกำกับให้พร้อมทำร้ายศัตรูโดยรอบของเรา ท่านว่าพกเขาไว้แล้วอุ่นใจเหมือนมีรถถังมีปืนใหญ่พกไว้เฉพาะตัว เห็นแบบนี้บอกได้แค่ว่าเล็กดีแต่รสโตอานุภาพใช่เล่นเลย

    ด้วยไม่สนคุณสนโทษว่าจะดีหรือจะชั่ว เพราะเขาไม่สนว่านายจะเป็นคนอย่างไร ในสัญญาความจำได้หมายรู้มีแต่หน้าที่ทาสรับใช่ อุปนิสัยเขาจึงเหมาะที่จะสงเคราะห์ไม่เลือกเรื่อง ไม่เลือกปัญหาว่าจะชั่วหรือจะดี ไม่สนจริงๆว่าเรื่องจะดีหรือร้ายขอเพียงขอเขาช่วยทั้งหมด พ่ออาจารย์ท่านว่านี่สำคัญต่างจากพระ เทพ หรือพยนต์และกุมารต่างๆที่มีสำนึกความคิดของตนเอง

    ในเรื่อง***การเลี้ยงดู(อ่านให้ดี)นั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าทำง่ายๆเลย ต้องย้ำว่าง่ายจริงๆ แค่เอาไปวางหลบมุมในที่มืดๆแค่นั้นไม่ต้องเซ่นต้องเลี้ยงอะไร เค้ายิ่งจะมีฤทธิ์มากมีพลังแรงกล้าถ้าอยู่ในที่มืดที่อับ ตรงนี้ใช้สติตรองกันดีๆ พ่ออาจารย์ท่านว่ามันใช้ง่ายมาก ที่อันมีเงาก็ดี ใช้งานเสร็จก็เอาเขาไปวางไว้ หรือแม้แต่ตอนเราใช้ก็ดี ก็กระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง หรือกระเป๋าใส่ของที่เราจะซุกจะซ่อนเขาไว้นั่นแหละ มันมืดมันอับทั้งสิ้น พ่ออาจารย์ท่านว่าทำเพียงเท่านี้ก็แรงขึ้นอีกมากมายก่ายกอง ไอ้ที่จับพลังว่าแรงจนมือลั่น เเรงจนปวดมือ แรงจนสติจะแตกก็ว่ากันมาแล้ว ท่านว่าคนพวกนั้นที่ลองจับนั่นคือเขาจับในที่สว่างนะ แต่เวลาใช้เราหลบเค้าไว้ในหลืบในเงาของตัวเรา เพราะเขาเป็นเงาบริวารของเรา เขาจะยิ่งเก่งขึ้นอีกจนหาตัวจับยากทีเดียว

    วิธีใช้เฉพาะทาง
    สิ่งที่ต้องประสงค์ คนที่จะเอา ของที่อยากได้ คนที่จะทำให้วิบัติ ให้เขียนใส่กระดาษแผ่นเล็กๆไว้ ถ้าเป็นคนก็เขียนชื่อเขาไว้ อธิษฐานบอกพญาแมงป่องดีๆแล้วเอาเขาทับกระดาษนั้นไว้...พ่ออาจารย์ท่านว่าสมหวังทันตาเห็น

    คาถาบูชา
    นะวะกะ ปะตะนะ กะวะสุสุ เทวตานะมหิทธิกา นะมามิหัง

    * แมงป่องรุ่นนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าทำได้น้อย ท่านตั้งใจจะให้ใช้กันถ้วนทั่วจึงให้บูชาได้ในราคาไม่สูงเกินไปนัก พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชาแมงป่องนี้มันสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับดวงข้าทาสบริวารเรา เพราะมันหนุนและชูเรา แม้แต่ตัวท่านยังต้องเก็บไว้ใช้เองเท่ากำลังวันเกิดเพื่อหนุนตัวท่านเองทีเดียวจะเห็นว่าน้อยครั้งที่พ่ออาจารย์ท่านจะเลี้ยงอะไรไว้ใช้เอง เพราะท่านว่าพอดวงมันหนุนขึ้นมาเรื่องนึงมันก็กลายเป็นเจ้าคนนายคนวาสนาสิ่งใดๆมันก็เปิดทั้งหมด ในเมื่อจากศูนย์ จากไม่มีอยู่ดีๆมันมีขึ้นมา เรื่องอื่นๆมันจึงมีขึ้นมาตามกันไปทั้งโชคลาภวาสนาสารพัดทาง พ่ออาจารย์ท่านว่าคนที่เกิดมาไม่ได้เป็นเจ้าคนนายคน ไม่มีข้าทาสบริวารให้เลี้ยงดูก็บูชาใช้งานเขาให้ดีหลายๆแรงเรื่องใหญ่ๆก็สำเร็จได้ไว ท่านว่าถ้าจะต้องเลี้ยงตามกำลังวันเช่นท่านมันก็จะเยอะไป แต่ละคนถ้าจะหนุนวาสนาบริวาร สร้างตัวตนเปลี่ยนชีวิตให้กลายเป็นผู้นำแล้ว ใช้สี่ห้าตนก็พอตามแต่กำลังตัวเอง หากจะบูชาห้อยเอาพุทธคุณก็ตัวสองตัว ท่านว่ารุ่นนี้ลงเอวได้ ใส่กางเกงได้แม้วางไว้กับพื้นเดินข้ามก็ยังได้ไม่มีเสื่อม

    ร่วมทำบุญบูชา เวทย์ศาสตราอาถรรพ์เศรษฐีพันโกฏิวาสนาร้อยชาติภพ(พญาแมงป่องเล่นฤทธิ์) บูชา 800 บาท

    39734928_297474921036884_1727391771496808448_n.jpg 39861884_290605731525432_6881705366850109440_n.jpg
    39610625_223065751722839_561639868136947712_n.jpg
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่ภิญโญ EV 4403 0065 3 TH
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ไหว้เจ้า

    อรุณสวัสดิ์ครับ ช่วงนี้ก็เข้าใกล้วันสารทจีนแล้วก็จะยกสาระความรู้เรื่องการไหว้เจ้ามาพูดคุยกันก่อน เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่คนที่ไม่รู้ว่าเขาไหว้กันยังไง

    การไหว้เจ้าให้ถูกต้องตามหลักวิชาฮวงจุ้ย ข้อสำคัญคือ ไม่ว่าจะตั้งบูชาสิ่งใดๆ เอาไว้ในบ้าน คนจีนมัก จะเรียกศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งไว้ว่า ” เจ้า ” ทั้งสิ้น สำหรับ เรื่องของการกราบไหว้ บูชา ขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวงนั้น คนจีนถือกันมาแต่โบร่ำโบราณว่า ” การจะไหว้เจ้าให้ได้สมความปรารถนา หรือ ประสบความสำเร็จตามที่ต้องการนั้น ต้องประกอบไปด้วย ศรัทธา สมาธิ เครื่องบวงสรวงเซ่นไหว้ ขั้นตอน ทิศทางและฤกษ์ยามในการไหว้ โดยมีรายละเอียดที่สำคัญและควรเรียนรู้ดังต่อไปนี้

    การไหว้เจ้าให้ถูกต้องตามหลักวิชาฮวงจุ้ย

    1. ที่ตั้งเจ้า
    ในวิชาฮวงจุ้ยกล่าวไว้ว่า ที่ตั้งเจ้า เป็นหนึ่ง ในตำแหน่งสำคัญที่กำหนดเอาไว้ใน ” ลิวซื่อ ” หรือ หกตำแหน่งที่สามารถส่งผลกระทบดีร้ายกับชีวิตและดวงชะตาของคนในบ้านได้ ดังนั้น ตำแหน่งที่ตั้งเจ้าในอาคารบ้านเรือน นั้น นอกจาก จะต้องกำหนดที่ตั้งให้สอดคล้องกับหลักฮวงจุ้ยรูปลักษณ์แล้ว ยังจะต้องตั้งวางอยู่ในตำแหน่งมงคลของบ้าน อีกด้วย กล่าวคือ

    • การตั้งเจ้าให้ถูกต้องตามหลักวิชาฮวงจุ้ยรูปลักษณ์นั้น จะต้องไม่ตั้งเจ้าหันหน้าไปทางหลังบ้านอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้เพราะเจ้าที่หันหน้าไปทางหลังบ้านจะขาดไร้ความสามารถ ในการปกป้องคุ้มครองคนในบ้าน
    • การตั้งเจ้าที่ดี ตั้งไม่วางอยู่ในตำแหน่งหลังอิงบันได อิงห้องน้ำ หรืออิงเตาไฟ เพราะจะทำให้คนในบ้าน ไร้วาสนา ขาดบารมี ไม่มีคนนับหน้าถือตา ไม่ตั้งหิ้งพระเอาไว้เหนือประตูทางเข้า ไม่ตั้งหิ้งบรรพบุรุษหันไปทางโต๊ะอาหาร
    • ตำแหน่ง ” ที่ตั้งเจ้า ” ที่เป็นมงคลมากที่สุด ก็คือ ตำแหน่งประธานของบ้าน ซึ่งก็คือ พื้นที่บริเวณตำแหน่งหลังอิงของบ้าน นั่นเอง
    2. การไหว้เจ้าในบ้าน
    ถ้ามีหลายตำแหน่งจะต้องเริ่มจากการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อันดับสูงสุดเป็นอันดับแรกก่อน จากนั้น ก็ให้ไหว้เรียงลำดับตามความสำคัญลงมา ซึ่งตามปกติกำหนดเอาไว้ตามลำดับเอาไว้ดังนี้
    1. พระพุทธเจ้า, 2. พระอรหันต์, 3. พระโพธิสัตว์, 4. ปึงเถ้ากง 5. เจ้าที่ตี่จู๋เอี้ย, 6. หิ้งบรรพบุรุษ และ 7. สัมภเวสี

    3. ในกรณีที่จะไปกราบไหว้เจ้านอกบ้าน
    ควรกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในบ้านให้เสร็จสมบูรณ์เสียก่อน ทั้งนี้ เพื่อขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านโปรดช่วยปกปักรักษาบ้านเรือน รวมทั้งคนในบ้านในขณะที่เราไม่อยู่ ขอให้ช่วยปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยขณะเดินทางไปไหว้เจ้า อีกทั้งขอให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราปรารถนาทุกอย่างทุกประการ แต่ทั้งนี้ ต้องแน่ใจว่าก่อนออกจากบ้าน ธูปเทียนที่ไหว้พระในบ้านนั้นดับเรียบร้อยแล้ว

    4. เครื่องบวงสรวงเซ่นไหว้
    การไหว้เจ้า ทั้งนอกบ้านในบ้านนั้น ตามปกติจะกราบไหว้บูชาโดยใช้เพียง ดอกไม้ ธูป เทียนก็ย่อมได้ แต่ในกรณีที่ไหว้ตามพิธีการ หรือไหว้ตามกาลเวลาที่กำหนด เช่น ไหว้ฟ้าดินเพื่อตั้งตี้จู๋เอี้ย ไหว้ขนมจ้าง ไหว้ขนมบัวลอย ก็สมควรต้องใช้เครื่องเซ่นไหว้ด้วยจึงจะเป็นมงคล

    ทั้งนี้ จะใช้เครื่องเซ่นไหว้ จำนวน 3 อย่าง 5 อย่าง หรือ 10 อย่าง ก็ได้ หมายเหตุ ให้ละเว้นเครื่องเซ่นไหว้จำนวน 1 อย่าง กับ 7 อย่าง ทั้งนี้ เพราะคนจีนถือมาแต่โบราณว่า การไหว้เจ้าด้วยของเซ่นไหว้เพียงอย่างเดียวจะทำให้ผู้ไหว้เกิดความโดดเดี่ยว ในขณะที่ ใช้เครื่องเซ่นไหว้ จำนวน 7 อย่าง ถือเป็นจำนวนอัปมงคลสำหรับ หลักการเลือกเครื่องเซ่นไหว้ที่สำคัญและคนให้ความสนใจมากที่สุด ก็คือ การเลือกตามความหมายเครื่องเซ่นบูชา เช่น

    • น้ำชา จะช่วยให้เกิดความสัมพันธ์ การติดต่อประสานงานที่ดี
    • ปลา เป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภ หรือ การมีกินมีใช้ตลอดทั้งปี
    • วุ้นเส้น หมี่เหลือง เพื่อให้มีอายุที่ยืนยาว และเป็นสุข
    • เต้าหู้ (ก้อน) เพื่อให้มียศถาบรรดาศักดิ์ ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง
    • กระเพาะหมู เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดี หรือมีกินมีใช้สมบูรณ์
    • กระเทียม (ผักมงคล) เพื่อให้ลูกหลานดี มีผู้สืบสกุลที่ดี
    • ขนมกู๋ช่าย (รูปใบโพธิ์เคลือบสีแดง) เพื่อให้สมความปรารถนา มีอายุยืนนาน
    • ซาลาเปา เพื่อให้มีเงินเหลือเก็บเหลือใช้ หรือมีเงินทองเพิ่มพูน
    • ขนมถ้วยฟู เพื่อให้คนในบ้านเจริญรุ่งเรือง มั่งคั่งร่ำรวยรวดเร็ว
    • ขนมบัวลอยแดง (สาคูแดง) เพื่อให้คนในบ้านมีความสามัคคีกลมเกลียว
    • ถั่วงา (ถั่วตัด แตงเคลือบน้ำตาล) เพื่อให้การกินอยู่มีความอุดมสมบูรณ์
    • ส้ม เพื่อความเป็นมงคล ขอความโชคดี มั่งคั่งร่ำรวย
    • กล้วยหอม กวักเงิน กวักทอง เรียกโชคลาภเข้าบ้าน
    • ลูกพลับ เพื่อให้คนในบ้านมีมนุษย์สัมพันธ์ดี
    • แอปเปิล เพื่อความเสมอภาค ทำสิ่งใดมีแต่ความราบรื่น
    • องุ่น เพื่อให้เกิดโชคลาภเป็นกลุ่มก้อน มีความเจริญรุ่งเรือง
    • สัปปะรด เพื่อให้หูตากว้างไกล ดูแลอย่างทั่วถึง
    • สาลี่ เพื่อให้บังเกิดผล (ตามที่ปรารถนา) รวดเร็วขึ้น
    • ลำไย (ผลไม้เป็นพวง) เพื่อให้เกิดโชคลาภและความอุดมสมบูรณ์
    5. ผู้รอบรู้ทักทายว่า
    การไหว้เทพเจ้า นั้น ถ้าต้องการให้สมความปรารถนาต้องไหว้ด้วย ส้ม กล้วย หอม ซาลาเปา ขนมถ้วยฟู การไหว้เพื่อให้เกิดเสน่ห์ต้องเซ่นไหว้ด้วยเครื่องเซ่นที่ทำให้เกิดความสวยงาม เช่น ไหว้ด้วยแป้ง ส่วนการไหว้เทพบัณฑิตควรไหว้ด้วยผลไม้ สำหรับ การไหว้ให้เรียนหนังสือเก่งต้องไหว้ด้วยโรตีสายไหม สำหรับ การไหว้เทพเจ้าองค์ใดเป็นครั้งแรกนั้น ผู้รอบรู้กำหนดให้ไหว้ด้วยขนมกู๋ช่าย ซึ่งถือนัยว่าเป็นการยกครู และจะนำมาซึ่งโชคลาภและความสำเร็จ “

    6. ตำแหน่งที่ ตั้งวางเครื่องเซ่นไหว้นั้น
    ตามปกติถือหลักความสวยงาม และโดยทั่วไปคนจีนมักจัดเรียงเครื่องเซ่นไหว้ ตามลำดับ โดยเริ่มจากตำแหน่งใกล้กับกระถางธูปลงมา ดังต่อนี้

    1. น้ำชา
    2. อาหารเจ (เจไฉ่)
    3. ซาลาเปา ขนมถ้วยฟู
    4. ขนมหวาน สาคูแดง
    5. ข้าวสวย
    6. อาหารคาว
    7. ผลไม้
    8. เครื่องบรรณาการ
    7. คนจีนโบราณยึดหลักว่า
    ” ผู้อาวุโสมากที่สุดในบ้านเป็นผู้นำไหว้ (ผู้ไหว้คนแรก) และผู้ที่มีอาวุโสรองลงมาไหว้ในลำดับรองกันลงมา ผู้หญิงที่เนื้อตัวไม่สะอาด (มีรอบเดือน) ผู้รอบรู้ทักทายว่าไหว้ได้แต่ไม่ควรเดินนำหน้า ข้อสำคัญคือ ไม่ควรจับเครื่องบวงสรวงเซ่นไหว้

    8. ธูปหอมถือเป็นสื่อกลาง
    ในการนำศรัทธาสมาธิของผู้กราบไหว้ให้ไปสู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังกราบไหว้ สำหรับ จำนวนธูปที่ใช้ ยึดถือดังนี้

    • ธูป 3 ดอก หมายถึง พระรัตนตรัย
    • ธูป 5 ดอก หมายถึง พลังแห่งเบญจธาตุ
    • ธูป 9 ดอก หมายถึง ความเจริญก้าวหน้า
    • ธูป 10 ดอก หมายถึง สิบพลังฟ้า
    • ธูป 12 ดอก หมายถึง สิบสองพลังดิน หรือ ตลอดปี 12 เดือน
    • ธูป 16 ดอก หมายถึง สิบหกชั้นฟ้า ใช้ไหว้แป๊ะกงหรือพระพรหม
    • ธูป 24 ดอก ใช้ไหว้บวงสรวงตอนออกศึก
    • ธูป 27 ดอก ใช้สำหรับ กราบไหว้เทพปรมาจารย์ทางศาสตร์ฮวงจุ้ย
    9. เครื่องบรรณาการ
    เป็นเครื่องเสริมสิริมงคลให้กับผู้ไหว้ การถวายเครื่องบรรณาการแก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้า บรรพบุรุษ คนจีนโบราณเชื่อว่า เมื่อไหว้สิ่งใดไปก็จะได้สิ่งนั้นกลับมา แต่การไหว้สัมภเวสี ก็ควรต้องเลือกเครื่องบรรณาการ และเครื่องบรรณาการที่สำคัญมีดังนี้

    • กิมฮวย เครื่องประดับรูปดอกไม้ที่มีหางนกยูงติดอยู่
      ใช้สำหรับประดับกระถางธูป ( 1 คู่) ถือเป็นเครื่องบรรณาการชั้นสูง จึงไม่ควรใช้ไหว้สัมภเวสี หรือแม้แต่ ปักกระถางธูปบรรพบุรุษ
    • เทียงเถ่าจี้ (เทียงกิม) เงินตราสวรรค์
      ใช้ถวายเทพเจ้า จำนวน 1 ชุด และมักจะใช้คู่กับหงิ่งเต้า หรือกระถางเงินกระถางทอง ซึ่งหมายถึงการถวายเงินทองแก่เทพเจ้าเพื่อสร้างความเป็นมงคลกับผู้เซ่นไหว้ เทียงเถ่าจี้ ถือเป็นเครื่องบรรณาการชั้นสูง จึงไม่ควรใช้ไหว้สัมภเวสี หรือ บรรพบุรุษ
    • หงิ่งเตี๋ย กระดาษทองใหญ่ เป็นเครื่องบรรณาการระดับกลาง
      ใช้ถวายเทพระดับล่างดังนั้น คนจีนโบราณจึงใช้หงิ่งเตี๋ยสำหรับไหว้ ปึงเถ้ากง ตี้จู๋เอี๊ย บรรพบุรุษ และสัมภเวสี โดยใช้ 1 คู่ เป็นอย่างน้อย คนทั่วไปมักไหว้เท่ากับจำนวนเดือน หนึ่งปี มี12 เดือน ก็ใช้ 12 คู่
    • กิมจั๊ว กระดาษทอง
      มี 2 ขนาด คือ ขนาดเล็กกับขนาดใหญ่ ในปัจจุบันคนจีนที่นิยมใช้กิมจั๊วมาพับเป็นรูปต่างๆ เพื่อใช้ไหว้เทพเจ้าตั้งแต่เจ้าที่ขึ้นไป เช่น รูปก้อนทอง เรือ สัปปะรด น้ำเต้า ฟักทอง รูปถ้วย และรูปกระทง เป็นต้น สำหรับ กิมจั๊วที่จะใช้เซ่นไหว้ บรรพบุรุษ สัมภเวสี นั้น ส่วนมากจะใช้เป็นแผ่นที่มิได้ทำเป็นรูปร่าง อย่างไรก็ตาม ……. ในปัจจุบันมีการพับกิมจั๊วไหว้บรรพบุรุษเหมือนกัน แต่มักกำหนดว่าถ้าจะใช้ไหว้เจ้าให้กระดกส่วนปลายชี้ขึ้น
    • ใบเบิกทาง
      เป็นกระดาษนำทางที่ใช้เซ่นไหว้คนตาย ทั้งนี้ เพื่อให้ใช้เป็นเงินค่าผ่านทาง ดังนั้น ใบเบิกทางจึงจะต้องเผาก่อนเครื่องบรรณาการอื่นๆ ในการไหว้ทุกครั้งกำหนดให้ใช้ใบเบิกทางจำนวน 4 ปึกซึ่งหมายถึง 4 ฤดูกาล
    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่นวรัตน์ EV 4403 0263 7 TH

    พี่ภราดร EV 4403 0264 5 TH

    พี่อัครพงศ์ EV 4403 0265 4 TH

    พี่สายเมธี EV 4403 0266 8 TH
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ตอบ PM ครบนะครับ มีคำถามน่าสนใจกับคนขอเรื่องพระคเณศเข้ามา อันนี้ก็ให้รอมานานเดี๋ยวจะยกเรื่องพระคเณศมาพูดคุยกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...