ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดวางแหพระเจ้าเหวี่ยงกวาดสังสารวัฏ พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 10 เมษายน 2015.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา มงคลบูชาครูพระเจ้าอธิษฐานฤทธิ์เบิกทางทรัพย์ (เสน่ห์ รวย สำเร็จ)

    " ความขัดข้อง คือสิ่งติดขัด ขัดขวาง ยับยั้งไว้โดยให้เกิดอุปสรรคนานัปการ ฉุดรั้งดึงหน่วงหนทางอันนำไปสู่ความเจริญ ความไม่สะดวก ไม่ราบรื่น ไม่ยอม ไม่ได้ ไม่สำเร็จ ..... ชีวิตมนุษย์ทุกหมู่เหล่านั้นวนเวียนอยู่กับความขัดข้องนี้ในกิจทุกสิ่ง ยากที่จะหาสิ่งใดเสมอใจ ได้ดั่งใจ อันความขัดข้องนี้ย่อมพบกันทุกวัน แยกกันไม่ได้ขายกันไม่ออกดุจดั่งเดินวนในสวนหลังบ้านตนเช่นนั้น "

    พ่ออาจารย์ท่านมีดำริว่า อันความขัดข้องนี้เป็นอุปสรรคใหญ่หลวงต่อความสำเร็จในสรรพชีวิต กิจทุกสิ่งล้วนมืดมน นำไปสู่ความขัดแย้ง ท้อแท้ ถดถอย เสื่อมโทรม เสียกำลังใจ หากความขัดข้องนี้บังเกิดขึ้นกับกิจอันใดที่ชนได้กระทำอยู่ก็ดี จะเป็นดั่งหลุมพรางอันบ่วงกรรมขุดล่อไว้ เมื่อตกลงไปแล้ว ยากที่จะฝ่าฟันได้ .....แต่ในความมืดมนนั้น ในความขัดข้องอันบั่นทอนกำลังใจของสรรพชีวิตทั้งหลาย ก็มีแสงเทียนที่เป็นดั่งกำลังความสว่างดุจพระสุริยาทิตย์ปรากฏอยู่ นั่นคือพระคชานันท์คเณศ ชนทั้งหลายมักเข้าใจเพียงผิวเผินว่าพระคเณศบุตรนั้น เป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จ เป็นเทพเจ้าแห่งวิทยาการทั้งปวง แต่โดยเนื้อแท้แล้ว อันคเณศบุตรนี้ เป็นเทพเจ้าที่จะนำพาชนทั้งหลายออกจากอุปสรรค เป็นเทพเจ้าที่มีอำนาจโดยตรงคือทำลายล้างความขัดข้อง เมื่อปราศจากความขัดข้องทั้งหลาย เครื่องกั้นขวางก็ดี อุปสรรคก็ดีย่อมไม่บังเกิดมีขึ้นมาได้เลย เช่นนั้นชนทั้งหลายจะทำกิจเหล่าใดไม่ว่าการงาน การร้อง การละคร ศิลปะวิทยาการ การใช้ชีวิต กิจเลี้ยงชีพ กิจอันประกอบต่างๆกันไปตามวาระกรรม ทุกกิจการที่จะประกอบขึ้นในวันนี้เพลานี้รวมไปถึงอนาคตกาลมื้อหน้า กิจเหล่านั้นย่อมได้ชื่อว่าสำเร็จสมดั่งใจนึก เช่นนี้แล้วชนเหล่านั้นจึงพึงเข้าใจว่าคเณศบุตรนั้นเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จ แค่ยกมือไหว้ก็จะสำเร็จ แต่ไม่ได้เข้าใจในองค์คุณที่แท้หรือเป็นเนื้อแท้ของท่าน นั่นคือการนำเราออกจากความขัดข้อง

    อันคเณศบุตรนี้หลายที่ต่างสร้างท่านขึ้น หากแต่ไม่ได้เข้าใจในองค์คุณที่แท้จริงของท่านเพียงแต่คิดว่าท่านเป็นเทพแห่งความสำเร็จ ยกมือไหว้ทำอะไรก็จะสำเร็จ เมื่อไม่ทราบข้อเท็จจริงดังนั้นพอไปทำไปสร้างออกมา คนบูชาจึงยากที่จะประสบความสำเร็จได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าศาสตร์ทุกศาสตร์วิชาทุกสูตรล้วนแต่มีวิถีในตัวเอง หากทำโดยไม่รู้ก็เป็นการยากที่จะสร้างจะเชิญท่านให้สำเร็จ

    พ่ออาจารย์ท่านเล็งเห็นปัญหาใหญ่ในชีวิตฝูงชนทั่วไป ท่านว่าหลายคนนั้นมีบุญญาภิสมภารอันสะสมไว้ หลายคนความสำเร็จอยู่เบื้องหน้า ด้วยมีความหวังจึงเพียรพยายามไปในทุกกิจที่กระทำดุจเห็นแสงสว่างในอุโมงค์อันมืดมิด แต่กลับไปไม่ถึง เอาไม่ได้กันเสียที ประกอบกับพระคเณศบุตรนี้เป็นกำลังแห่งมหาศักติอิตถีเทพทั้งหลายได้ก่อกำเนิดเกิดร่างขึ้น กล่าวโดยรวมแล้วพ่ออาจารย์ท่านว่าคุณแห่งมหาเทวีทั้งหลาย ไม่ว่าพระนางปาราวตี พระแม่ลักษมี พระสุรัสวดี นางพระธรณี พระคงคา เทวีสนธยา เทวีกาลิกา ...(อำนาจฝั่งมหาเทวีทั้งหมดทุกพระองค์หลอมรวมอยู่ในคเณศบุตรนี้) พ่ออาจารย์ท่านว่าอันอำนาจฝ่ายมหาศักติหรืออิตถีเทพนั้น ย่อมประกอบด้วยความอ่อนโยนเกื้อการุณย์ ความสงสาร เข้าใจ เห็นอกเห็นใจมากกว่ากำลังฝ่ายเทวะอันเป็นบุรุษเพศ ทั้งนี้จึงกล่าวได้ว่าองค์พระคเณศบุตรนั้นเป็นเทวะบุรุษเพศเพียงหนึ่งเดียวที่มีน้ำพระทัยอ่อนโยนที่สุดด้วยพลังต้นกำเนิดแห่งมหาศักตินั่นเอง

    ด้วยเหตุดังนั้น พ่ออาจารย์ท่านจึงมีดำริสร้างมงคลบูชาครูขึ้น โดยทำเงียบๆของท่าน ท่านว่าหากไม่ทำก็แล้วไปแต่เมื่อทำแล้วก็จะทำให้เป็นเอกลักษณ์ ทำให้เต็มวิชาทีเดียว เพื่อเหตุแห่งความขัดข้องทั้งหลายต่างๆบรรดามี .... อันใดจักมี ... อันนั้นจักหายไป ท่านได้บรรจงแกะหุ่นเทียนโดยรับโองการพระคเณศบุตรนั้น ท่านเจาะจงให้ทำรูปท่านโดยให้เหตุผลว่า " รูปของเรานั้นคือความอุดมสมบูรณ์แห่งมหาจักวาฬ " ท่านให้พ่ออาจารย์ทำรูปท่านให้ปรากฏโดยยกพระกรทั้งสองขึ้นพนมมือร่ายพระเวทย์กระทำอธิษฐานฤทธิ์เบิกทางทรัพย์ ท่านว่าปางนี้คือเปิดฟ้า เปิดน้ำ เปิดดิน เปิดพิภพทั้งสาม เปิดทั้งสิบหกห้องสวรรค์ทั้งพรหมมาและฉกามาพจร เมื่อผู้ใดได้ถวายความเคารพโดยศรัทธาอย่างจริงใจนั้นกำลังใจแห่งความตั้งมั่นย่อมไปถึงทั่วกันทั้งหมด พระองค์จะได้เบิกทาง กรุยทางให้ก้าวพ้นอุปสรรคในกิจอันกระทำอยู่ซึ่งเป็นสาเหตุนำไปสู่ความสำเร็จได้ ส่วนพระหัตถ์อีกสองข้างนั้นท่านเจาะจงไว้ให้ทำบ่วงบาศก์เชือกให้ท่านถือกับงาด้านที่หัก พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์พระคเณศบุตรนั้นท่านตั้งใจให้เราทำแบบนี้ ท่านจึงแกะพิมพ์ประทับฐานบัวมีซุ้มครอบแก้ว ด้านล่างนั้นปั้นพรายกุมารมหาภูติใส่ลงไป ด้วยว่าท่านนั้นเป็นหัวหน้าคณะเทพรวมไปถึงอสูรกายภูติผีทั้งหลายอันอยู่ใต้ปกครองของพระศิวะ พ่ออาจารย์ท่านจึงเสริมวิชาปลุกจิตมหาภูติลงไป ทำอะไรจะได้ไวได้สำเร็จ

    การบูชาพระคเณศบุตรนี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามีความสำคัญมาก ด้วยท่านได้สิทธิอัครบูชา เวลาเราไหว้เราบูชาเทพเจ้าทั้งหลาย ต่อให้เป็นพระศิวะหรือพระแม่ปาราวตีผู้เป็นเทพบิดามารดาของท่านไม่นับรวมการไหว้เทพอื่นๆ การบูชานั้นก็ยังไปไม่ถึงเทพทั้งหลายเหล่านั้นอยู่ดี หากเราไม่ได้ไหว้หรือบูชาพระคเณศบุตรเป็นปฐมเสียก่อน พ่ออาจารย์ท่านว่าหลายคนบูชาเทพแต่หาความสำเร็จยากทำอะไรก็มีแต่สิ่งขัดข้องเพราะข้ามขั้นตอนต่างๆไป ดังนั้นท่านจึงหมายใจทำให้เป็นสิ่งสำเร็จเลย นั่นคือไหว้องค์นี้สื่อไปถึงเครื่องมงคลและเทพทุกองค์ที่ตนเคารพบูชาทั้งหมดทีเดียว

    โดยเมื่อท่านสร้างบล๊อคนั้น ท่านได้พิจารณาถึงแร่เหล็กไหลประกายเพชรของเจ้าปู่ชัยพรหม ว่ามีคุณตรงตามคุณลักษณะขององค์เทพที่จะสร้างขึ้น ทั้งเป็นเหล็กไหลระดับสูงขั้นพรหม อันจะหนุนส่งกันไปอีกลำดับ ให้ยกคนใช้คนบูชาขึ้นจากความขัดข้องนำพาไปหาความสำเร็จในกิจที่กระทำโดยไวอันเป็นคุณพื้นฐานขององค์เหล็กไหลตัวนี้ ท่านจึงนำมาทุบและหล่อด้วย โดยอธิษฐานบอกเจ้าปู่ชัยพรหมให้แบ่งลูกหลานท่านไปใช้ ซึ่งองค์เหล็กไหลเมื่อวางลงบล๊อคแล้วโดนความร้อนจากประกายเพชรก็เปลี่ยนเป็นสนิมแดง ท่านว่าวางไว้เขาก็กลิ้งไปทั่ว จะไปปรากฏอยู่ในตำแหน่งใดขององค์พระนั้นไม่สามารถบอกกล่าวได้ แต่ก็นับว่าสวยงามและมีเสน่ห์ไปอีกแบบหนึ่ง

    เมื่อท่านหล่อแล้วท่านได้ทำพิธีพิเศษขึ้น โดยการปลุกพระเวทย์ด้วยมนต์คูโบ๊สโบราณอันเป็นภาษาของเหล่ามหาพรหมที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันเป็นพระเวทย์ดึกดำบรรพ์ พร้อมทั้งเชิญพระคเณศบุตรนั้นเป็นประธานการปลุกเสก รวมไปถึงหมาพรหมทั้งหลาย ท่านว่าเฉพาะเหรียญหล่อธาตุกายสิทธิ์นี้ก็ใช้เวลาเสกนานพอสมควรกว่าจะเสกสำเร็จเพราะต้องรับส่งหมู่พรหมที่มาทำพิธีโดยพระญาณธาตุอากาศเป็นชุดๆ ทีละหลายๆชั่วโมง

    ผงวิเศษที่อุดด้านหลังนั้น ท่านใช้ผงโสฬสมหาพรหมที่มีผู้มอบถวายคณาจารย์สายพระอาจารย์มั่นไว้แต่เมื่อครั้งทำผง มาอุดเป็นมวลสารหลักประกอบกับเพิ่มเติมผงวิเศษอีกสามชนิด ซึ่งจะกล่าวถึงผงโสฬสมหาพรหมโดยคร่าวๆก่อน ดังนี้

    "ผงโสฬสมหาพรหม"
    การปลุกเสกที่วัดสัมพันธวงศ์
    คุณประถมได้กล่าวถึงการปลุกเสกที่วัดสัมพันธวงศ์ไว้ในหนังสือพลังเหนือโลกซึ่งมาจากบันทึกของอาจารย์คุณประถมคือพระอริยคุณาธาร เป็นลักษณะที่พิสูจน์ยากเพราะเป็นเรื่องของการพิจารณาด้วยตาทิพย์ คนธรรมดามองไม่เห็น นำมาลงให้พิจารณาไตร่ตรองกันเอง
    ในพิธีที่วัดสัมพันธวงศ์มีผู้เก่งกาจอยู่มากมายอาทิ โยคีโยฮาเล็บ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นต้นแต่ทุกคนต่างเห็นตรงกันว่าพระอริยคุณาธาร ท่านมีความรู้กว้างขวางที่สุดจนโยคีโยฮาเล็บ ขนานนามท่านว่า โยคีสันตจิตจึงเชิญท่านมาช่วยตรวจสอบการอัญเชิญพรหมชั้นต่างๆจริงเท็จอย่างไร
    การปลุกเสกพระที่พระอุโบสถ วัดสัมพันธวงศ์ เจ้าการพิธีได้จัดให้มีการอัญเชิญพรหม เสด็จลงทำการปลุกเสกพระ และนิมนต์พระสงฆ์( ตามที่กล่าวถึงในเรื่องมวลสารการสร้างพระแล้วนั้น) ปลุกเสกซ้ำอีกครั้งหนึ่ง โยคีโยฮาเล็บ (อาจารย์ชื่น จันทร์เพ็ชร) บ้านพรานนก และ พ.ต.ท.ชลอ อุทกภาชน์ เป็นเจ้าพิธีอัญเชิญพระพรหม พระอริยคุณาธารได้เข้าร่วมในงานพิธีนี้ และเพื่อสอบว่าพระพรหม รับอัญเชิญมาประกอบพิธีหรือไม่
    พิธีเริ่มตอนบ่าย 4 โมงโดยมีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ต่อจากนั้นโยคีโยฮาเล็บและ พ.ต.ท. ชลอฯได้ทำพิธีอัญเชิญพระพรหมเป็นภาษาปากฤตเป็นภาษาเก่าแก่ที่สุดของชมพูทวีป เก่ากว่าบาลี-สันสกฤต เมื่ออัญเชิญเสร็จแล้ว ปรากฏมีรัศมีสว่างรุ่งเรืองมาจากเบื้องบน แล้วลงมาปรากฏที่แท่นบูชาตามตำแหน่งที่เจ้าพิธีจัดไว้ สักครู่เจ้าพิธีอัญเชิญพระกาลซึ่งเป็นพรหมสูงสุดประทับทรงในร่างทรงที่เตรียมมา ต่อนั้นอัญเชิญพระพรหมอื่นๆลงมาประทับร่างทรงที่เตรียมไว้ภายใต้การบงการของพระพรหมสูงสุด(คือพระกาล)แล้วกระทำการปลุกเสกประมาณครึ่งชั่วโมง คำบริกรรมที่เหล่าพระพรหมใช้ในการบริกรรมปลุกเสกทราบจากเจ้าพิธีว่าเป็นภาษาคูโบ๊ส ซึ่งเป็นภาษาเก่าแก่ สำเนียงคล้ายภาษาแขก พระพรหมผู้ทำการปลุกเสกนั้นทราบว่าเป็นโสฬสมหาพรหมทั้งสิ้น มีพระกาลเป็นประธานในการปลุกเสก นอกจากนั้นเจ้าพิธีได้อัญเชิญพระพรหมนารอทมาประทับ ณ แท่นบูชามุมตะวันออกเฉียงเหนือของพระอุโบสถ ทำหน้าที่พิทักษืป้องกันภยันตรายจากมารที่จะมาทำลายพิธีการ พระพรหมองค์นี้เมื่อครั้งเป็นมนุษย์เป็นช่างลพบุรีก่อนสมัยพุทธกาล วัยชราท่านได้ออกบวชเป็นฤาษีพร้อมพะสหายคือพญาตาไฟ บำเพ็ญพรตอยู่เขาวุ้ง(สมอคอน)ลพบุรีนี่เป็นส่วนหนึ่งในบันทึกของพระอริยคุณาธารซึ่งก็มรณภาพไปแล้ว จริงเท็จเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ท่านผู้อ่านพิจารณากันมวลสารในการสร้างพระ
    จากบทความของคุณประถม( จากเรื่องฤาษี สันตจิต เส็ง ปสฺโส) กล่าวว่าท่านเจ้าคุณพระรัชมงคลมุนี ท่านทำอะไรจะต้องใหญ่และมีจำนวนมากดังนั้นการลบผงจึงทำไม่ทันแน่ ท่านจึงให้ พ.ต.อ.ชลอ อุทกภาชน์ สิทธิวิหาริกไปดำเนินการ พ.ต.อ.ชลอ อุทกภาชน์จึงไปหารือกับโยคีโยฮาเล็บ ผู้เป็นอาจารย์ฝ่ายพรหมศาสตร์ ท่านโยคีโยฮาเล็บจึงประยุกต์โดยการนำว่านเกสร ดินสอพอง ปูนขาว มาเป็นจำนวนมากขนาดต่อลังไม้ขนาดยาวบรรจุมวลสารดังกล่าว แล้วอัญเชิญวิญญาณพรหมฤาษีชั้นสูงประทับทรงร่ายมนตร์เสกเป่าคุ้ยกันจนฟุ้งไปหมด ส่งภาษาคูโบ๊สกันลั่นบ้าน และในบริเวณปริมณฑลพิธีมีฝ่ายสงฆ์ประกอบพิธีอีกแรงหนึ่ง ดังในหนังสือมังคลามหานุภาพ กล่าวว่า บรรจุพระพุทธมนต์ลงในน้ำ และผงที่จะสร้างพระโดยนิมนต์อาจารย์จากหลายวัดเข้าพิธีปลุกเสกเช่น พระพรหมมุนี (ผิน สุวโจ)วัดบวรนิเวศวิหาร พระวรเวทย์คุณาจารย์ (เมี้ยน ปภสฺสโร)วัดพระเชตุพนวิมลมัคลาราม พระสะอาด อภิวฒฺฒโน วัดสัมพันธวงศ์ พระครูนอ วัดกลางท่าเรือ พระอาจารย์บุ่ง วัดใหม่ทองเสน พระชอบ สัมมารี วัดอาวุธวิกสิตารามเป็นต้น และยังมีผงจากพระอาจารย์ต่างๆ ว่าน108 อย่าง ดอกไม้บูชาพระ 108 ผงที่ทำด้วยดินจากท่าน้ำ7 ท่า สระ7 สระ ผงจากคัมภีร์และใบลานเก่า ผงจากดินสังเวชนียสถาน 4 แห่ง และดินจากสถานที่สำคัญในพุทธศาสนาอีก 9 แห่ง ผงปูนขาวหินจากราชบุรี ผงปูนซิเมนต์ขาว ดินเหนียวอย่างดีสีเหลือง และน้ำอ้อย นำมาประสมกับผงที่ทำใหม่บดให้ละเอียด กรองด้วยผ้าป่าน ผสมน้ำมนตร์ที่ทำไว้พิมพ์เป็นรูป พระมงคลมหาลาภบ้าง สมเด็จบ้าง ส่วนพิมพ์อื่นๆสร้างด้วยดินผสมผงเผาแล้วนำมาเข้าพิธีปลุกเสกในคราวเดียวกัน อาจารย์ประถมเขียนสรุปรายละเอียดการปลุกเสกไว้เพิ่มเติมว่า
    เมื่อโยคีโยฮาเล็บ เจ้าพิธี สร้างผงวิเศษด้วยวิธีประยุกต์ของท่านแล้วอัญเชิญพรหมชั้นโสฬสมาทำการปลุกเสกผง เสร็จพิธีแล้ว ท่านพ่อลี วัดอโศการามเข้าไปเดินดูในโบสถ์ว่าทำอะไรกัน ก็ยื่นมือไปหมายสัมผัสดูก็สะดุ้งโหยง” เฮ้ดหยังแรงจังซี้ “ก็เลยขอผงไป 1 บาตร เพื่อสร้างพระพุทธจักรของท่านที่วัดอโศการาม ต่อจากนั้นทางวัดก็จัดหาว่าน เกษรดอกไม้ ผงต่างๆ ตามที่ได้เขียนรายละเอียดไปแล้ว นำไปให้อาจารย์ชอบ วัดอาวุธเป็นแม่งานจัดสร้าง เพราะมีฝีมือทางนี้ น่าเสียดายที่เนื้อพระแก่ปูนทำให้เนื้อหามวลสารไม่สะดุดตา ต่อมาก็ให้โหรวางลัคนาฤกษ์ปลุกเสกตรงกับเพชรฆาตฤกษ์คือถือว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ในระหว่างเพชรฆาตฤกษ์ เป็นฤกษ์ชนะมาร แต่ทางโหราศาสตร์ถือเป็นฤกษ์ที่เหมาะแก่การยาตราทัพ ฤกษ์ตีค่าย นับว่าเป็นฤกษ์แข็ง ที่หลวงพ่อพระอริยคุณษธาร บันทึกว่าปลุกเสกพระ น่าจะเป็นวาระสอง หลังการสร้างผงวิเศษ การทำพิธีก็แปลก ใช้เบ็ญจาห้าชั้นถึง1,500ต้น สำหรับประดิษฐานพระเครื่องห่อหุ้มด้วยแพรเขียว 1,500 ห่อใหญ่ๆ และถวายพระนามว่า พระมงคลมหาลาภ ( แต่มิได้ประกอบด้วยมหัทโนฤกษ์ ) อาจารย์ชั้นเยี่ยมถูกนิมนต์เข้าร่วมพิธีเป็นส่วนใหญ่ รวมระยะเวลาปลุกเสก 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยเริ่มต้นพร้อมกัน ฝ่ายพรหมช่วยเสก 1 ชั่วโมงก็กลับ ส่วนพระสงฆ์เสกต่ออีก 1 ชั่วโมงโยคีโยฮาเล็บ กับพระอริยคุณาธารก็ลงมือเสกด้วย คุณประถมบอกว่าเสียดายช่วงนั้นอยู่ชายแดนไม่งั้นอาจได้พระงดงามกว่านี้ ต่อจากนั้นก็ได้นำพระมงคลมหาลาภไปที่วัดสารนาถธรรมาราม เพื่อเข้าพิธีพุทธาภิเษกพระประธาน โดยนิมนต์พระสายท่านอาจารย์มั่น ภิริทัตโต ประมาณ 30 รูป เสกกัน 18 วัน 18 คืน สวดลัคขีคือห้องพระพุทธคุณ อิติปิโสภควา เล่นกันแสนจบทีเดียว เป็นพระที่ตรวจพบว่าอยู่ในชั้นนพปดลเสวตฉัตรเช่นเดียวกับพระหลวงปู่ใหญ่พระครูโลกอุดร แต่รังสีไม่ใช่ทองคำเป็นสีเขียว เรื่องแคล้วคลาดอย่าบอกใครด้วยฤาษีนารอทท่านนั่งมองอยู่ ไม่ต้องเที่ยวแสวงหาพระรอดมหาวันให้เหนื่อยยาก คุณประถมกล่าวอีกว่าตัวท่านเองใช้พระครูโลกอุดร สมเด็จวัดระฆัง พระมงคลมหาลาภห้อยคอบูชา

    พ่ออาจารย์ท่านได้ใช้ผงโสฬสมหาพรหมเข้ากับว่านยาสำคัญและผงวิเศษอีกสามชนิดคือ

    - บรมอินทรา ท่านมีดำริว่าตะกรุดบรมอินทราของท่านนั้นหายากใครๆก็มักขอมาบูชาอยู่เนืองๆ ท่านจึงได้เมตตาลบผงยันต์จักวัตติที่ใช้สร้างตะกรุดบรมอินทราขึ้นอีกคำรบหนึ่ง โดยผงบรมอินทรามีอานุภาพดังนี้ "อยากมีทรัพย์สมบัติ ก็ให้มีเสมอน้ำใจ อยากมีคนเคารพนบไหว้ เขาก็เกรงกลัวเคารพเราสิ้น ไว้ที่ใดก็เจริญที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นสมบัติวัตถุและญาติมิตร ถูกเนื้อสมใจแก่คนทั้งหลาย ทำมาหากินคล่อง ลูกน้องรักเจ้านายโปรดปราน" อันผงที่ลบได้จากพระยันต์นี้เป็นเสมือนหัวใจพระอินทร์ ผู้ใดได้ครอบครองเหมือนได้สมบัติสวรรค์มีแก้วมณีโชติอยู่ในมือ พร้อมทั้งอธิษฐานเดินมนต์ท้าวกำพร้าปลุกผงไว้ให้มีอานุภาพแรงยิ่งขึ้น ซึ่งวิชานี้มีอำนาจเเลเทวานุภาพมาก ท่านจึงอยากให้ตกถึงเเต่มือคนดี คนขยันทำมาหากิน มิใช่คนเกียจคร้านเฝ้ารอวันเเละเวลาเอาเเต่จะรวยโดยไม่ขวนขวายเเสวงหาความเจริญก้าวหน้าเเต่อย่างใด วิชาท้าวกำพร้านี้เเม้ยาจกกำพร้าเข็ญใจ ยังประสบความมั่งมีได้ดีเป็นถึงเจ้าพระยาพระมหากษัตริย์จอมจักรพรรดิ์ได้ จากบุคคลชนชั้นต่ำสุดได้ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของชีวิตมนุษย์ด้วยอำนาจพรเเละเเรงผลักดันของสิ่งมีชีวิตผู้เป็นใหญ่เเห่งพิภพดาวดึงส์ซึ่งก็คือพระอินทร์นั่นเอง
    - พาลีรั้งทวีป ท่านได้ลบผงลงอาถรรพ์ที่เคยทำวิชาสร้างพญาพาลีอินทรสังกาศไว้ ซึ่งเป็นหนึ่งในวิชาและพระเวทย์ฝ่ายไศวะโบราณที่มีอิทธิคุณแปลกประหลาด สามารถดลบันดาลให้ผู้ครอบครองชนะไร้พ่าย ทำอะไรก็สำเร็จ วิชาพญาพาลีโดดๆนั้นก็มีฤทธิ์มากแล้ว แม้อยู่ต่อหน้าใครก็ลดทอนกำลังวาสนาบารมีเค้าเสียครึ่งหนึ่งมาเพิ่มให้ตนเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าเอาตรงๆนะ วิชาแบบนี้ใครได้ไปถือว่าขี้โกงทีเดียว เพราะจะทำอะไรแข่งอะไรกับใครเขาก็ไม่รู้แพ้ แถมยังดึงอำนาจวาสนาบารมีเค้ามาเพิ่มให้ตัวเองด้วย
    - องคตตั้งตัว วิชานี้พ่ออาจารย์ว่าเดิมทีวิชาองคตก็ดีทางด้านการเจรจาแถมยังเสริมอำนาจวาสนาเป็นของค้ำคูณหนุนดวงชะตาขั้นสูงอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสามวิชามหาปราบจักรวาลด้วย เมื่อท่านลบยันต์องคตนั้นท่านตั้งใจมากเพราะเป็นยันต์ที่มีฤทธิ์นานัปการ แต่ทว่าท่านบอกว่ามีอีกสิ่งหนึ่งที่คนไม่ค่อยรู้กัน นั่นคือวิชาองคตนี้ใช้ตั้งตัวดีนัก ใครที่มีความคิด ใครที่เริ่มธุรกิจ อยากขยายสิ่งที่ทำ ให้มันเกินคำว่าสำเร็จ ให้มันใหญ่โต ทัดเทียมคู่แข่ง เท่าเทียมกับความปรารถนาตน ท่านว่าต้องใช้วิชาองคตนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าก็คิดดูเอาขนาดที่นั่งไม่มีโดนทศกัณฐ์เหยียดหยามศักดิ์ศรียังม้วนหางตัวเองให้สูงเท่าบัลลังทศกัณฐ์ก่อนนั่งเจรจาความเมืองผิดวิสัยฑูตได้ เรื่องอื่นก็นับว่าเล็กน้อยไปเลย ใครอยากยกตนตั้งตัวให้มั่นคงก็ต้องใช้วิชาองคตนี่แหละ

    เมื่อท่านนำผงวิเศษอุดองค์พระแล้วจึงฝังขวดน้ำมันซึ่งบรรจุตะกรุดสำคัญสามนิดลงไปด้วย พ่ออาจารย์ท่านพิถีพิถันกับการทำน้ำมันของฝังนี้มาก เอาว่าท่านเล่นลงอาถรรพ์ตั้งแต่ขวดน้ำมันทีเดียว โดยท่านได้นำขวดน้ำมันมาปลุกเสกพร้อมกับจารยันต์นะตวัดจันทร์ที่ฝาขวด อันยันต์นะตวัดจันทร์นี้หลายๆคนคงรู้จักกันในนามของวิชายมบาลใจอ่อน ว่ากันว่าเป็นเมตตาแบบลึกซึ้งสูงสุด ขนาดยมบาลหน้าเหล็กที่รักษากฏเหล็ก ผดุงไว้ซึ่งความเป็นธรรมไม่เคยเอนเอียงให้แก่ใคร ด้วยอานุภาพแห่งนะตวัดจันทร์นี้กล่าวไว้ว่าแม้ยมบาลเห็นหน้าเราก็ยังต้องมนต์ทำให้ใจอ่อน ยินยอมตามความต้องการของเรา เป็นเมตตาที่ลึกซึ้งถึงปานนั้น นี่แหละคืออาถรรพ์แรกที่พ่ออาจารย์ท่านลงไว้ที่ขวดบรรจุน้ำมัน ภายในนั้นบรรจุด้วยน้ำมันว่านมหาเสน่ห์แบบรุนแรงที่ท่านสกัดมาเข้ากับน้ำมันช้างผสมโขลงกับน้ำตาปลาพะยูนเจือด้วยน้ำผึ้งเดือนห้าน้ำตาลน้ำอ้อยที่ปลุกเสกชักยันต์มหาหวานไว้สำเร็จแล้วใช้ได้ทั้งเสริมดวง เพิ่มสง่าราศี ใช้ทางเจรจาหรือเมตตามหาเสน่ห์อย่างถึงที่สุด ท่านว่าวิชาน้ำมันนี้ตีค่าไว้แสนตำลึงทองทีเดียว กว่าจะทำได้มีกลและวิธีเสกที่สลับซับซ้อนมาก ในขวดบรรจุตะกรุดสามชนิดได้แก่

    - ตะกรุดสาลิกาป้อนเหยื่อเต็มวิชา
    - ตะกรุดแมงวันคำเต็มวิชา
    พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นวิชาสายเมตตามหาเสน่ห์ ถ้าของภาคกลางนี่สุดๆเลยก็ต้องสาลิกาป้อนเหยื่อ แต่สายล้านนาก็มีเช่นกันที่แรงแบบลูกโดดเลยก็จะมีแมงวันคำ พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชาทั้งสองนี้ถ้าจะเอาให้เต็มสูตรใช้ได้ผลในระดับร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นแน่นอนเลยว่าต้องมีขั้นตอนและวิธีการทำ ขั้นตอนพิธีกรรมการปลุกเสกที่สลับซับซ้อนตามสายวิชา
    ดังนั้นทั้งแมงวันคำและสาลิกาป้อนเหยื่อนี้จึงถือเป็นวิชาลับ และมีพิธีการลับๆที่ครูบาอาจารย์ที่สำเร็จมักหวงแหนไม่ถ่ายทอดกัน ดังนั้นเมื่อคนส่วนใหญ่นำไปทำถึงทำไปเอาไปใช้ก็ไม่มีผลแต่อย่างใด เพราะว่าเคล็ดลับบางอย่างนั้นถ่ายทอดกันแบบตัวต่อตัวไม่มีบันทึกจารึกไว้ และพระสงฆ์องค์เจ้าก็ไม่ควรยุ่งและลงไม่ได้เช่นกัน
    ท่านว่าวิชาทั้งสองนี้เหมือนกันอยู่อย่างคือต้องลงบนน่าอกสตรีในขณะสังวาสโดยมีพิธีกรรมละเอียดและจิปาถะอีกมาก ต้องคาบปากป้อนกันและอื่นๆซึ่งท่านจะไม่บอกรายละเอียดทั้งหมด ซึ่งท่านว่าท่านเคยทำเก็บเอาไว้สมัยเรียนวิชาใหม่ๆไม่ได้มากแล้วก็เลิกทำตอนหลังมาถือศีลถือธรรม ทำให้ไม่สามารถทำวิชาทั้งสองแบบเต็มสูตรได้เลย โดยตะกรุดเต็มสูตรทั้งสาลิกาป้อนเหยื่อกับแมงวันคำจริงๆของแท้ๆเต็มสูตรนั้นท่านว่าโดยมากจะไม่ค่อยทำให้ใคร ใครเรียนสำเร็จก็จะสงวนไว้ทำเพียงใช้เองมากกว่าเพราะขั้นตอนมากทำยากเสกยากนั่นเอง
    อันสาลิกาป้อนเหยื่อกับแมงวันคำนั้นเป็นวิชาที่ให้ผลหลายๆอย่าง เรียกได้ว่าเป็นยอดปรารถนาของผู้เล่นของต้องการของจริงของแรงที่เป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครทั้งหลายก็ว่าได้ ด้วยว่าเป็นวิชามหาเสน่ห์ขั้นสูงแบบรุนแรงใช้ได้ทุกเพศ ไม่ว่าจะเล่นทางเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ ราคะตัณหาไล่ไปทุกระดับขั้นได้หมด จะใช้ทางทำมาหากินให้คนมานิยมรุมรักเรา สนใจเรา คุยกับเรา อุดหนุนเราใช้ในหน้าที่ธุรกิจการงานก็ได้ เจารจาสิ่งใดก็เป็นผลสำเร็จ พูดอะไรไปเค้าก็รักเค้าก็หลง พ่ออาจารย์ท่านว่ามันใช้ได้หลายอย่างเรียกว่าขึ้นอยู่กับอารมร์มีคุณไปตามจริตในแต่ละวันของคนใช้ทีเดียว แม้ถามหาโชคลาภ โชคลาภก็มาถึงขั้นมีกินมีใช้ไม่มีวันหมด ถึงเงินขาดมือไม่มีติดกระเป่าก็จะมีเหตุใช้เงินเขามาเนืองๆ แถมยังกันของกันคุณไสยมนต์ดำในตัวด้วย
    ตะกรุดทั้งสองนี้พ่ออาจารย์ท่านว่านอกจากจะมีคุณไปทางเดียวกันแล้ว วิธีใช้ก็ยังคล้ายๆกันอีกนั่นคือพกได้ทุกที่ ไปได้หมดไม่ต้องถอดไม่ว่าจะทำกิจกรรมใดๆก็ตาม ท่านว่ายิ่งใช้ยิ่งแรง นี่มันดีตรงนี้ถ้ายังมีกิเลสตัณหากันอยู่ ยังเป็นมนุษย์ปุถุชนที่ต้องการรวยต้องการสำเร็จ ต้องการสุขสมทางโลกโลกีย์วิสัย แรงปรารถนาเหล่านี้มันเติมเต็มซึ่งกันและกัน ท่านว่าตะกรุดจะยิ่งแรงและแรงเร็วยิ่งๆขึ้นไปเสมอด้วยความปรารถนาของเรา เป็นตะกรุดที่สำเร็จแล้วไม่ต้องปลุกไม่ต้องเสกไม่ต้องว่าคาถาใดๆเลยมีแต่ใช้กับใช้
    พ่ออาจารย์ท่านได้เมตตานำตะกรุดสาลิกาป้อนเหยื่อและแมงวันคำแบบเต็มสูตรวิชาที่ท่านเคยทำไว้เมื่อก่อน นำมาแช่น้ำมันลงอาถรรพ์ฝังให้ในวาระนี้กันเลยทีเดียว ท่านว่าใช้กันให้ดี คิดหาโชคลาภกันมากๆ อย่างอื่นอย่าไปคิดมันเยอะชีวิตจะวุ่นวาย
    - ตะกรุดนะคาบสำเร็จ
    โอมนะคาบสำเร็จ พระศรีสรรเพชร์สำเร็จนะคาบ ว่าคนให้ราบกราบไหว้พระองค์ ว่าแต่พระสงฆ์เพื่อน้อมวันทา ว่าแก่พญาให้มากราบไหว้ ว่าแก่ชาวไพร่ให้มาทำทาน นะคาบแผ่นดินราบรื่น พระสงฆ์ทรงชื่นดำเนินนิรพาน พระศาสดาจารย์เสด็จเข้าพระนิพพาน นะคาบนะสูตร ...
    อันวิชานี้เป็นตำราวิชาที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง ทั้งยังเป็นตำราวิชาที่หวงแหนของครูบาอาจารย์ มิใคร่จะประสิทธิ์ประสาทวิชาให้แก่ใครง่ายๆ นอกเสียจากจะเห็นว่าศิษย์คนไหนมีญาณที่แก่กล้า ถึงขั้นที่จะเป็นครูบาอาจารย์ได้ จึงจะสอนวิชานี้ให้ พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้มีอานุภาพดั่งแก้วสารพัดนึก มีคุณมากสุดแท้แต่จะใช้เถิดท่านลงไว้ให้ดีแล้วอยู่ที่ไหนตกถึงใครก็มีลาภสักการะมาก ทั้งความสำเร็จทั้งหลายยังเป็นยอดปรารถนาของสรรพชีวิตในทุกกิจที่พึงกระทำ ด้วยวิชานี้อยู่ที่ใดก็เสมือนมีความสำเร็จอยู่กับตัว แม้ศรีคเณศบุตรท่านกำจัดความขัดข้องแลอุปสรรคทั้งหลายพ้นไปแล้วความสำเร็จย่อมไม่ไกลกินเอื้อม

    คาถาบูชา(ขอพรเป็นปฐมอันดับแรกในทุกกิจที่กระทำ)
    โอม วักกะระตุนด๊ะ มหากายา สุนยาโกติ สะมะพราบา เนวิคเกตัม คุรุเมเดวา สาวากาเย ชูซาราวะดา

    * พ่ออาจารย์ท่านสร้างมงคลบูชาครูพระเจ้าอธิษฐานฤทธิ์เบิกทางทรัพย์ (เสน่ห์ รวย สำเร็จ) ไว้ได้ทั้งหมด 8 องค์ ท่านว่าให้คนที่รู้เห็นมีบุญมีคุณร่วมวาระกรรมกับพระศรีคเณศได้มาพบเจอและดลใจให้เขาครอบครอง ซึ่งก็จะรับจองเฉพาะทาง PM โดยให้ส่งชื่อนามสกุลวันเดิอนปีเกิดไว้ด้วย ท่านจะเป่ามนต์นะคาบสำเร็จเจิมผงสินธูระอธิษฐานจิตให้อีกคำรบหนึ่งเพื่อเป็นมหามงคลยิ่งแก่ชีวิตผู้บูชา รายได้ร่วมบริจาคช่วยเหลือเด็กกำพร้าและบ้านพักคนชราตามวาระโอกาส

    ร่วมทำบุญบูชา มงคลบูชาครูพระเจ้าอธิษฐานฤทธิ์เบิกทางทรัพย์ (เสน่ห์ รวย สำเร็จ) บูชา 4,000 บาท

    387493_447968921943171_651656208_n.jpg image.png Capture.png SAM_5413.jpg SAM_5414.jpg in_4.jpg royalbargeprocession09.jpg ongkot.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2021
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดพระเจ้าเปิดบารมีหนีเคราะห์เนื้อตะกั่วขอมโบราณ(บรรจุผงพระเจ้าเสี่ยงบารมี)
    "ความฝันที่เป็นจริง คำพูดที่ได้รับการรับฟัง ความปรารถนาที่ได้รับการตอบรับ"

    ผงพระเจ้าเสี่ยงบารมีนี้ เป็นของที่ทำยากอย่างยิ่ง เพราะต้องอาศัยบารมีครูบาอาจารย์ต่างๆทั้งเทพ พรหมและในนิพพาน หนุนเนื่องต่อกันไปเรื่อยๆนับแต่ร้อยโกฏิปี พันโกฎิปี แสนโกฏิปี ล้านโกฏิปีเป็นห่วงโซ่ที่คลายไม่ออก พ่ออาจารย์ท่านว่า อันผงพระเจ้าเสี่ยงบารมีนี้เป็นดุจของวิเศษ ที่ใช้อธิษฐาน ใช้ถามหาความสำเร็จ เมื่อเราตกทุกข์ ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร เมื่อเรามีความรู้สึกว่าไม่มีที่พึ่งใดแล้วที่จะเสมอด้วยใจของเรา พึ่งเทวดาเขาก็ไม่ขานรับ อาราธนาหมู่พรหมเขาก็ไม่ตอบ พึ่งพระพึ่งครูบาอาจารย์ท่านก็เงียบ พ่ออาจารย์ท่านว่านั่นเป็นเพราะบารมีในตัวเรายังไม่เปิด ยังมีสิ่งขวางอยู่ กั้นอยู่ อันบารมีในตัวเรานี้ท่านว่าตรงนี้สำคัญ แม้จะเล็กน้อยแต่หลายคนมักเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองไม่มี อันบุพกรรมของสัตว์โลกทั้งหลายนั้นย่อมเวียนว่ายตายแล้วเกิด ในภพมนุษย์นี้บางคนอาจเคยเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เคยเป็นนักบวช เคยเกิดมาสร้างคุณงามความดีที่ยิ่งใหญ่ไว้มีบุพกรรมทั้งหลายเคยทำมาดีจึงทำให้ได้มาเกิดเป็นมนุษย์อีก แน่นอนที่ขึ้นชื่อว่าเกิดเป็นมนุษย์ลืมตาดูโลกอยู่ทุกวันนี้ ที่จะไม่มีบุญวาสนาบารมีติดตัวกันเลยนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้

    พ่ออาจารย์ท่านจึงได้เมตตาลบผงพระเจ้าเสี่ยงบารมีขึ้นนำมาเข้ากับยาวาสนาสายในดงของท่านทำการปลุกเสกเก็บไว้ ท่านว่าผงนี่สำคัญนัก ใครที่บุญยังไม่จับ บารมียังไม่เปิด อมทุกข์หน้าดำ เอาไปใช้เดี๋ยวจะหน้าใสยิ้มได้ชีวิตมีความสุขทุกคน เอาจริงๆแล้วผงนี้สำคัญมาก เพราะว่าเวลาเราเสี่ยงบารมีอธิษฐานตรงนี้นอกจากเปิดบารมีของเรามาใช้แล้วยังมีบารมีของครูเทพ ครูพรหม ครูพระหนุนเนื่องส่งต่อมาให้กับเราอีก เป็นมหาบารมีที่ประมาณไม่ได้ ด้วยการส่งต่อหนุนเนื่องเช่นนี้ ทุกกิจและการกระทำ ทุกคำอธิษฐานย่อมดำเนินไปตามครรลองแห่งความสุขที่สมควรจะเป็น ไม่มีบิดเบือนให้เกิดโทษ ทุกข์ ภัย โชคร้ายใดๆทั้งสิ้น

    ดุจดั่งสมเด็จพระมหาโพธิสัตว์ เมื่อจะตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในกาลนั้นหมู่เทพพรหมทั้งแสนโกฏิจักรวาล ล้วนหนีไกลจากพระองค์ไปคอยดูอยู่ห่างๆถึงกำแพงจักวาลทีเดียว ด้วยเกรงกลัวหวาดกลัวต่อรูปแปลงของพญามาราธิราช สมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ในยามนั้นที่จะหาพยานมายืนยันความสัตย์จริงที่พระองค์ได้กล่าวขึ้นต่อพญามารแม้ซักผู้หนึ่งก็ไม่มี เรียกว่าถามฟ้าฟ้าก็ไม่ขานเช่นนั้น สุดที่จะพึ่งใครได้นอกจากพึ่งตนเอง พระองค์จึงเสี่ยงสัตย์อธิษฐานบารมีของพระองค์เองจนแม่พระธรณีขึ้นมาเป็นพยานให้ พ่ออาจารย์ท่านว่าเวลาเสี่ยงสัตย์อธิษฐานสิ่งใดๆก็ตาม ให้ตั้งจิตกันให้ดี เพราะบารมีของเรานั้นมีอยู่ทุกคนและหนุนเสริมด้วยบารมีของครูเทพ ครูพรหม ครูพระทั้งหลาย ที่เค้ามีใจอยากช่วยเรา ปรารถนาดีกับเรา พร้อมจะสงเคราะห์เรา ตรงนี้อุปสรรค หรือตัวมาร ตัวอะไรก็ดีที่มาขวางมากั้น มาทำให้ชีวิตเราพัง ทำให้ชีวิตเราต่ำลง แย่ลง เสื่อมโทรมลงทั้งหลายนั้น แม้จะมีฤทธิวิเศษอย่างใดเขาจะอันตรธานหายไปดุจกองทัพของพญามาราธิราชฉันใดก็ฉันนั้น

    พ่ออาจารย์ท่านว่าผงนี้เป็นของสูงและได้ชื่อว่าสำคัญจากกรณีดังกล่าว " จะเรียกว่าความฝันที่เป็นจริง คำพูดที่ได้รับการรับฟัง ความปรารถนาที่ได้รับการตอบรับก็ย่อมได้ " เมื่อจะทำมวลสารอาถรรพ์พลิกชีวิตผู้บูชาเช่นนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าทุกอย่างล้วนกระทำได้ยากตั้งแต่การเข้ายาการทำผงการหาฤกษ์สำเร็จผงที่หลายสิบปีจะมีซักครั้ง ท่านว่าแรกเริ่มเดิมทีตั้งใจจะเอาไปผสมเป็นมวลสารสร้างพระ แต่ว่าคนชอบพูดกันว่าพระเราองค์ใหญ่ พกไม่สะดวก ก็เลยเอาเฉพาะผงเน้นๆนี่แหละมาทำตะกรุดดีกว่า จะได้บรรจุไว้ให้ใช้ ให้สัมผัสกันเลย จะเสี่ยงบารมีขออะไรอธิษฐานสิ่งใดต่อไปจะได้สำเร็จดั่งใจคิด

    ท่านว่าเมื่อจะทำตะกรุดเอาไว้เป็นภาชนะบรรจุผงนั้น ในเมื่อผงก็สำคัญแล้ว ตะกรุดย่อมต้องสำคัญเช่นกันจึงจะคู่ควร พ่ออาจารย์ท่านได้เลือกพระยันต์พระเจ้าเสี่ยงบารมีที่มีชื่อสอดคล้องและเหมือนกันกับตัวผงมาจารลงไว้ใรแผ่นตะกรุดเนื้อตะกั่วขอมโบราณอันมีคุณวิเศษศักดิ์สิทธิ์ในด้านการซึมซับฤทธิ์เดชและพระเวทย์ทั้งหมด

    แต่ตัวพระยันต์พระเจ้าเสี่ยงบารมีที่พ่ออาจารย์ท่านลงในตัวตะกรุดนั้น จะไม่ได้ให้ผลเหมือนกับผงพระเจ้าเสี่ยงบารมี ที่มีคุณด้านเปิดโลกดึงเทพพรหมคุณพระและสิ่งดีๆเข้ามาในตัวเราเพื่อหนุนส่งคำอธิษฐานให้เราสำเร็จทุกกิจ ให้เราเป็นยอดคนเหมือนพระมหาบุรุษ อันตัวพระยันต์นี้พ่ออาจารย์ท่านว่าลงยาก ครูบาอาจารย์จึงมักไม่ค่อยทำให้กับใครเนื่องด้วยเป็นของวิเศษมีฤทธิ์รุนแรง ใช้ทางมหากัน กันศัตรูทั้งหลายทั้งปวงในชีวิตได้เด็ดขาดนัก

    " อันศัตรูนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าที่จะเกิดเป็นมนุษย์แล้วไม่มีผู้อาฆาตพยาบาทเลยนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ ท่านเล็งเห็นเหตุการณ์สำคัญ ความเปลี่ยนแปลงของภาวะจิตใจคน ท่านว่าอันคนเรานั้นย่อมหวั่นไหวไปกับอารมณ์ชั่ววูบ เช่นนี้จึงสร้างศัตรูมากมาย มีทั้งรับรู้และไม่รับรู้ ที่จะใช้ชีวิตไปโดยไม่สร้างศัตรูเพิ่มนั้นเป็นไม่มี อันศัตรูเหล่านี้ก็หมายรวมทั้งคู่แข่งและคนที่มีความคิดเป็นปฏิปักษ์เป็นปรปักษ์กับเราด้วย รวมไปถึงศัตรูที่เกิดจากการจองเวร ข้ามภพข้ามชาติ หลายภพ หลายชาติ ตรงนี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามันหมายถึงความแค้นที่เค้าตามอาฆาตพยาบาทเรามาเป็นรากที่ฝังลึกบางคนโดนปิดกั้นถึงกับทำอะไรไม่เจริญทีเดียว บางคนทำอะไรชีวิตก็มีคู่แข่งมีคู่ปรับ หรือแม้แต่อยู่ดีๆไม่ได้ทำอะไรใครเค้าเลยใช้ชีวิตของเราไปตามปกติ แต่เผอิญว่าไอ้ชีวิตของเรานี้ดันไปทำให้คนอื่นไม่ชอบพอ รู้สึกริษยา เพียงเท่านี้ก็เป็นอริกันแล้ว เช่นนั้นพ่ออาจารย์จึงว่าสมัยนี้ศัตรูนั้นเพิ่มง่ายกว่ามิตรเหลือเกิน และเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูแล้วเค้าย่อมไม่อวยประโยชน์หรือทำสิ่งดีๆให้เกิดขึ้นกับเราเลย มีแต่จะพัฒนาไปเป็นผู้จองเวร และก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรในที่สุด จะผูกภพผูกชาติ ผูกความพยาบาทอาฆาตทำให้เราตกอยู่ในบ่วงเวรไม่รู้สิ้น "

    เมื่อพิจารณาเช่นนี้ทำให้ท่านเกิดธรรมสังเวชพร้อมกับเวทนาในหลายๆชีวิตที่ต้องมาเจอกับบ่วงกรรมซ้ำซากเหล่านี้ บางสิ่งไม่ควรเกิด บางสิ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรเก็บมาคิดนำมาเป็นเป็นเหตุให้พยาบาทอาฆาตจองเวรกันเลย เพื่อจะตัดหนทางเอาตัวรอดซึ่งเรียกว่าเปิดทางน้อยแต่พอตัว เหมาะสมกับวาระกรรมของใครของมัน พ่ออาจารย์ท่านจึงได้ลงอักขระยันต์ปลุกเสกวิชาพระเจ้าเสี่ยงบารมีขึ้นมา โดยจะให้ผลทางกันศัตรูหมู่มารทั้งหลายทั้งปวง ท่านว่าครอบคลุมไปทั้งหมด ทั้งคู่แข่ง ทั้งปฏิปักษ์ ปรปักษ์ คู่เวร คู่อาฆาต คู่พยาบาท คู่ปรับ อริ กันศัตรูทั้งหลายทั้งปวง ตรงนี้ท่านว่าไม่ใช่วิชามารแต่อย่างใด แต่ใช้กระแสธารแห่งความเมตตาเป็นล้นพ้นของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเกราะป้องกันและตอบโต้กลับไปด้วยผู้หญิงที่เก่งที่สุดในโลกคือแม่พระธรณี เพื่อให้ศัตรูทั้งหลายเปลี่ยนเป็นมิตร ถึงเปลี่ยนเป็นมิตรไม่ได้ก็ไม่ผูกกรรมกันเพิ่มไม่รู้จบ พ่ออาจารย์ท่านว่าโดยอานุภาพของวิชานั้นปราบและข่มได้ทั้งสิ้น พ่ออาจารย์ท่านว่าต้องลงไปทั้งบารมีสามสิบทัศกำหนดจิตเพื่ออาราธนาพุทธานุภาพพุทธบารมีทั้งสามสิบทัศให้บังเกิดในพระยันต์ ท่านว่าดอกนึงนี้ภาวนาให้ถึง108หนจึงไม่ใช่ของทำง่ายแต่อย่างใด เพราะตั้งใจจะให้เค้านำไปใช้กันจริงๆ

    นอกจากนี้ท่านยังเพิ่มเติมสูตรยันต์ต่างๆใส่ลงไปในตัวตะกรุดด้วยตามความชอบและตามที่ท่านพิจารณาแล้วว่าดีกับคนบูชาที่สุด ไม่ว่าจะนารายณ์พลิกแผ่นดินที่ยกดวงหนุนดวงคนใช้หรือหัวใจโลกหัวใจพระแม่ธรณีแบบเต็มสูตร พ่ออาจารย์ท่านว่ารู้มั๊ยนี่แม่ธรณีท่านแบกสังขารร่างกายเราตั้งแต่เกิดนะ ตายไปก็เดือดร้อนท่านมากลบฝังอีก เรียกว่าตั้งแต่เกิดยันตายสุดท้ายเราก็ได้อยู่กับท่าน นอกจากเป็นผู้หญิงที่เก่งที่สุดแล้ว ยังได้ชื่อว่ามีเมตตาสูงสุดด้วย หากลูกระลึกถึงและเข้าใจความรักฉันแม่ลูก หากพิจารณาเห็นสัจธรรมความจริงที่ว่าเราเป็นลูกพระแม่ธรณี จะเกิดรึตายก็ไม่หนีห่างอกแม่พระธรณีจริงๆแล้ว ท่านย่อมหนุนส่งเราช่วยเหลือเราทุกทางทีเดียว พ่ออาจารย์ท่านว่าลงหัวใจเอาไว้เต็มสูตรนี่แหละเสมอด้วยพระแม่ธรณีท่านอยู่กับเรา เพราะเราเป็นลูกรัก ลูกที่ได้ความเมตตาจากแม่ใครก็ทำร้ายไม่ได้ มีแต่ดี มีแต่เจริญขึ้นในแผ่นดินของแม่ ในอ้อมอกของแม่ ภายใต้การอภิบาลรักษาจากแม่นั่นเอง

    เมื่อลงพระยันต์ต่างๆแล้ว ท่านว่าเพียงเท่านี้ยังไม่พอ เพราะชีวิตคนนั้นทุกคนต้องดิ้นรน ต้องกินต้องใช้ อันจตุปัจจัยใครไม่มีก็น้อยหน้าเค้า ใครไม่มีก็ลำบาก ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ที่เราทำงานที่เราพยายามทุกวันนี้ก็เพื่อสิ่งเหล่านี้ เพื่อชีวิตที่ดี เพื่อครอบครัวที่ดี เพื่อความสุข ความมั่นคงของครอบครัว พ่ออาจารย์ท่านว่าหลายๆคนนั้นเพียรกระทำกิจต่างๆ จะเหนื่อยจะท้ออย่างใด สุดท้ายเมื่อคิดถึงหน้าพ่อหน้าแม่ คิดถึงลูกคิดถึงเมีย อยากเห็นเค้าสบาย อยากทำให้เค้ามีความสุข ไอ้ตัวที่ว่าเหนื่อยนี่มันก็หาย แต่สุดท้ายทำอย่างไรก็ไม่รวย เหมือนพยายามผิดที่ ปลูกข้าวในดินเปรี้ยวดินเค็มรอเก็บเกี่ยวที่จะได้ผลประโยชน์นั้นเป็นไม่มี มีแต่เสียเข้าเนื้อเข้าตัวเรื่อยๆ พ่ออาจารย์ท่านว่าประเด็นเดียวเลยสมัยนี้หากอยากให้ชีวิตสบายก็ต้องมีเงิน เปิดทางลาภให้เค้า เพราะเมื่อมีลาภ คนก็จะถามหาอยากมาสนิทอยากเอาใจ พอมีเงิน ยศ สุข สรรเสริญ มันพ่วงกันมาทั้งหมดเลย ต่อให้ไม่ต้องการก็หนีมันไม่พ้น เช่นนี้ท่านจึงลงเสริมวิชาไว้ให้คนใช้ได้ลาภทรัพย์สินเงินทองต่างๆ ท่านว่าวิชานี้ดuทางลาภทรัพย์สินเงินทองอย่างถึงที่สุด ถึงขนาดครูบาอาจารย์ที่ครอบให้บอกสืบกันมาว่า ใครได้ไว้จะรวยถึงขนาดบ้านไม่มีรูไม่มีเรี้ยวให้เก็บเงินซุกเงินเลยเพราะมันเก็บจนเต็มหมดแล้ว นอกจากนี้ยังมีกินมีใช้ไม่หมด เป็นความต่อเนื่องที่หมุนเวียนทรัพย์สิน ความโชคดี โชคลาภต่างๆให้เข้ามาหาเราอย่างต่อเนื่อง

    พ่ออาจารย์ท่านค่อยๆลง ค่อยเสก ท่านว่าทำของดีให้ครบรสนั้นต่องใจเย็นๆ ท่านทำสะสมไปเรื่อยๆ อย่างพระยันต์พระเจ้าเสี่ยงบารมีนี่ตอนท่านเสกยันต์ท่านว่าดอกนึงก็ร้อยแปดคาบค่อยๆทำไปทีละดอก ไหนจะยันต์อื่นอีกๆ ท่านว่ามีฤกษ์มีเวลา ทุกอย่างเป็นมหาอุดมท่านก็ทำไปไม่รีบเพื่อให้ออกมาดีที่สุด พ่ออาจารย์ท่านว่าทำอยู่สี่ปี ถึงได้ตะกรุดออกมาแปดดอก ท่านจึงให้นำมาเปิดให้บูชากันในคราวนี้

    สำหรับตะกรุดนั้น พ่ออาจารย์ท่านให้เคล็ดเล็กน้อยว่า ชีวิตใครที่ชอบสวดมนต์ ชอบทำสมาธิ สวดมนต์เยอะ สวดเป็นประจำ ท่านว่าใช้ตะกรุดนี้จะเห็นผลไว ใครที่ชอบอ้อนชอบขอ ชอบอธิษฐาน ใช้ตะกรุดนี้ก็จะเห็นผลไว ท่านว่าคนนั้นมีอยู่หลายประเภท คงจะมีประเภทเดียวเท่านั้นคือคิดอะไรไม่ออก ไม่มีอะไรทำ ไม่มีความปรารถนาอะไร พูดไม่ได้เป็นใบ้ ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่ต้องเอาตะกรุดไปเพราะใช้อย่างไรก็ไม่เห็นผล

    คาถาบูชา
    อิติปารมิตาติงสา อิติสัพพัญญูมาคตา อิติโพธิมนุปปัตโต อิติปิโส จะเตนะโม ขออำนาจแห่งบารมี 30 ทัศ ขออำนาจแห่งสมเด็จพระสัพพัญญูเจ้า ขออำนาจแห่งโพธิญาณ ด้วยอำนาจแห่งคำขอทั้งหมดนี้ ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยเดชและคุณแห่งความนอบน้อมนี้ขอเคราะห์กรรมทั้งหลายจงอย่าตามเราทัน ขอความเป็นอัปมงคลทั้งหลายจงถูกล้างหายไปในกาลบัดนี้เทอญ

    * ตะกรุดพระเจ้าเปิดบารมีเนื้อตะกั่วขอมโบราณ(บรรจุผงพระเจ้าเสี่ยงบารมี) พ่ออาจารย์ท่านสร้างไว้ทั้งหมดแปดดอก ใครที่จะบูชาให้แจ้งไว้เฉพาะทาง PM พร้อมกับส่งชื่อนามสกุลเข้ามาด้วย ท่านจะภาวนาคาถาหนีเคราะห์เปิดโชคลาภบริกรรมหนุนส่งกำกับตะกรุดให้อีกคำรบหนึ่ง รายได้ร่วมบุญหล่อพระใหญ่ในโอกาสต่างๆ

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดพระเจ้าเปิดบารมีหนีเคราะห์เนื้อตะกั่วขอมโบราณ(บรรจุผงพระเจ้าเสี่ยงบารมี) บูชา 2,500 บาท

    035.jpg A_07_2.jpg SAM_5416.jpg SAM_5417.jpg SAM_5419.jpg SAM_5421.jpg 837849-img-1419233857-1.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2021
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา อิทธิวัตถุธาตุจตุรมณีดวงแก้วสำเร็จเกาสตุภะวิษณุมัธวะ(ปักตะกรุดรุทรมณี)


    " อันมนุษย์นั้น ในห้วงชีวิตเค้าเป็นได้ทั้งยอดคนผู้ดำเนินไปบนหนทางค้นหาสัจธรรม ลางบุคคลก็เป็นอันธพาลนำพาชีวิตตนเองและผู้อื่นไปสู่ความพินาศฉิบหาย มีความคิด ยึดมั่น ถือมั่นเป็นของตนเอง มีตรรกะที่เป็นปัจเจกมากกว่าสรรพสัตว์ สรรพชีวิตทั้งหลายในหมื่นจักรวาล แต่ทว่ามนุษย์นั้นก็ยังต้องดำเนินไปบนหนทางของมหาวัฏฏะ วนเวียนไปตามอำนาจของกิเลส วนเวียนไปตามอำนาจของกุศลกรรมและอกุศลกรรม วนเวียนไปตามอำนาจวิปากกรรมรับผลจากการกระทำที่ตนเองทำไว้...


    ...มนุษย์เวียนว่ายตายเกิดในกฏแห่งมหาวัฏฏะ แสวงหาจุดสูงสุดแต่ก็นำพาตนไปสู่จุดสิ้นสุดของเผ่าพันธุ์เช่นกัน คิดแต่เพียงว่าวันนี้จะเป็นอย่างไร พรุ่งนี้จะมีอะไร แม้หนทางนั้นจะรู้อยู่แก่ใจ ปฏิเสธตนเองยังไม่ได้ว่าถ้าเดินต่อไปจะนำมาซึ่งความพินาศฉิบหาย เค้าก็ยังจะเพียรเดินต่อโดยอ้างว่าจำเป็น ดุจดั่งการกระทำโง่ๆที่เผาผลาญทำลายทุกสรรพสิ่งเพื่อให้เกิดแสงสว่างในทางมืด โดยไม่ได้สนใจหรือเฉลียวใจแม้แต่น้อยว่าสิ่งที่นำมาเผานั้นมีค่ากว่าแสงสว่างที่ตนต้องการหรือไม่ สุดท้ายเขาก็เผาผลาญตัวของเขาเอง เผาผลาญชีวิตตนเอง....

    ....บนหนทางค้นหาสัจธรรมนั้นมนุษย์ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตอันมีศักยภาพสูงสุด เพราะสามารถพัฒนาตนเองขึ้นไปได้และก็ขึ้นไปสูงยิ่งๆขึ้นได้อีก พัฒนาไปสู่ชาติ สู่ภพ สู่ภูมิ สู่ชีวิตที่ดีกว่า แต่กาลและโอกาสในกายสังขารที่ได้อุบัติมาเป็นมนุษย์นั้น เขากลับไม่ใช้โอกาสและศักยภาพที่มีติดตัวเพื่อพัฒนาพื้นฐานทางจิตวิญญาณ พวกเขากลับใช้ศักยภาพนั้นเพื่อบำรุงบำเรอความต้องการทางกาย เพื่อความสุขความสบายเพียงชั่วขณะ เพื่อภาพลวงตาที่ได้มาแล้วก็เสียไปในห้วงชีวิตหนึ่ง สุดท้ายเขาใช้ศักยภาพเขาเพื่อทำลายตัวเอง ละทิ้งหนทางที่จะก้าวข้ามอัตตา ก้าวข้ามภพภูมิ ..... ด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี้เทพยดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่าใดก็ดี ที่เพียรพยายามจะช่วยเหลือมนุษย์เหล่านั้น เขาย่อมไม่อาจทนมองได้นาน ด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย เหนื่อยหน่าย เกิดธรรมสังเวช เพราะยิ่งช่วยเหลือมนุษย์เท่าใด เขาก็ไม่ได้มีพัฒนาการ ไม่ได้ใช้ศักยภาพก้าวล่วงอัตตาของเขาเลย "

    พ่ออาจารย์ท่านระลึกถึงคำของสมเด็จพระตถาคตเจ้าทุกพระองค์และพระพุทธเจ้าองค์ปฐม ซึ่งสมเด็จท่านได้แบ่งบุคคลทั้งหลายออกเป็นสี่ประเภท ได้แก่
    - บุคคลผู้มืดมาและมืดไป
    - บุคคลผู้มืดมาแต่สว่างไป
    - บุคคลผู้สว่างมาแต่มืดไป
    - บุคคลผู้สว่างมาและสว่างไป

    ทั้งนี้ในห้วงของการดำเนินชีวิตอันเป็นภาพลวงตาซึ่งติดอยู่ในกฏแห่งมหาวัฏฏะทั้งสามคือกิเลส กรรม และวิปากกรรม จึงทำให้บุคคลทั้งสี่ประเภทนี้มีอยู่สองประเภทที่ไม่อาจพัฒนาได้ นั่นคือมืดมาและมืดไปกับสว่างมาแต่มืดไป พ่ออาจารย์ท่านต้องการเห็นสรรพชีวิตทั้งหลายมืดมาก็สว่างไปหรือแม้กระทั่งสว่างมาก็ให้สว่างไปไม่ตกต่ำลง

    ท่านจึงขออนุญาติเสด็จพระใหญ่เพื่อจะทำเครื่องมงคลที่ปรับพื้นฐานดวงชะตาผุ้บูชาให้พลิกกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ มีชีวิตที่ดีเป็นปรกติสุข ให้เป็นชีวิตที่ยืนอยู่บนจุดเดียวกันคือคำว่าสว่าง ไม่เป็นผู้มืดมาและมืดไป ซึ่งเสด็จพระใหญ่ท่านก็มีโองการว่า "การจะสร้างเครื่องมงคลวิเศษที่อยู่นอกเหนือกฏเกณแห่งมหาวัฏฏะทั้งสามนั้นเป็นไปไม่ได้เลย แต่หากจะเพียงล่วงกฏเช่นนี้ในหมื่นจักรวาลย่อมมีของวิเศษสี่ประการที่เปลี่ยนแปลงชะตาผู้ถือครองจากก้นหุบเหวสูงขึ้นเป็นฟากฟ้าได้"

    พ่ออาจารย์ท่านพิจารณาตามกฏแห่งมหาวัฏฏะและคำบอกใบ้ของเสด็จพระใหญ่แล้ว ท่านก็คิดถึงของวิเศษสี่ประการที่มีอำนาจล่วงกฏเกณฑ์ของมหาวัฏฏะได้ พิจารณาและเพียรตามหาจนครูพระสยมท่านประทานทางออก แก้ปริศนาของสิ่งวิเศษนั้น คือจตุรมณีสี่ชนิดอันมีกำเนิดขึ้นมาเองในมหาจักวาล เป็นยอดยิ่งของแก้วมณีและธาตุทั้งหลายอันประเสริฐยิ่งกว่าแก้วจักรพรรดิ์ ซึ่งการเกิดขึ้นของดวงแก้ววิเศษทั้งสี่นี้ ด้วยมหาอานุภาพที่ยังผลให้ผู้ครอบครองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตจากสามัญขึ้นสู่จุดสูงสุดในฉับพลันทันที แก้วมณีทั้งสี่อันมีอานุภาพไร้ขอบเขตสิ้นสุดนั้น บางชนิดก็ให้ลาภผลให้ทรัพย์ต่อเนื่องในทุกๆวันไม่ขาดตกบกพร่อง บ้างก็คุ้มครองไม่ให้อคติและทุกข์คติใดมาล่วงเกินทำอันตรายแก่ผู้ครอบครองได้ บ้างก็คุ้มกันอันตรายทั้งหลายอันเกิดจากมหาธาตุทั้งสี่ บ้างก็ดลบันดาลให้สำเร็จกิจทุกประการดั่งใจนึก บ้างก็เปลี่ยนแปลงฐานแห่งดวงชะตาและโชคชะตาเสียใหม่ให้ดีดขี้นและเจริญยิ่งๆขึ้นในฉับพลันทันที แก้วมณีอันประเสริฐทั้งสี่ประการนี้ ได้แก่

    - แก้วเกาสตุภะ
    - แก้วจินดามณี
    - แก้วศยามันตะกะ
    - แก้วรุทรมณี
    ซึ่งการปรากฏขึ้นของมหามณีทั้งสี่นี้ยังความเป็นไปให้มหาจักรวาลโกลาหล ด้วยทุกสรรพชีวิตล้วนคาดหวังจะครอบครองดวงแก้ววิเศษดวงใดดวงหนึ่งเหล่านั้น ไม่ว่าจะมนุษย์ เทวดา อสูรตลอดจนสิ่งมีชีวิตทุกจำพวก ก่อให้เกิดมหาสงครามแย่งชิงกันอยู่เนืองๆ สุดท้ายดวงแก้วทั้งสี่อันมีมหาคุณเป็นอเนกประการแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในพิภพและมหาวัฏฏะใด ก็ได้ไปอยู่ในความครอบครองของบุคคลต่างๆทั้งสี่ท่าน พ่ออาจารย์ท่านว่าอันแก้วเกาสตุภะกับแก้วศยามันตะกะนั้นได้อยู่ในความครอบครองของพระวิษณุนารายณ์ ในส่วนของแก้วศยามันตะกะนั้นเบื้องหลังพระวิษณุเจ้าก็ได้ประทานไว้ให้เป็นของคู่สวรรค์แก่องค์อินทร์อีกชั้นหนึ่ง แก้ววิเศษจินดามณีนั้นอยู่ในครอบครองของท้าวมหาพรหมพ่ออาจารย์ท่านว่าแม้มนต์จินดามณีที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นเพียงมนต์กำกับดวงแก้วซึ่งเรียนสืบต่อกันมาจากท้าวมหาพรหมประทานให้องค์อินทร์และสืบเนื่องมาถึงในชั้นมนุษย์ แม้เป็นเพียงมนต์ก็มีอานุภาพมากเหลือคณา แต่พ่ออาจารย์ท่านว่าก็ยังไม่เท่าอานุภาพของดวงแก้วจินดามณีที่แท้จริง ประการสุดท้ายแก้วรุทรมณีนั้นก็อยู่ในการครอบครองของครูพระสยมหรือองค์พระศดาศิวะนั่นเอง เมื่อแก้วทั้งสี่ได้รับการถือครองและใช้เป็นเครื่องประดับวรกายก็ดลให้เกิดความความเจริญ รุ่งโรจน์ มั่งคั่งแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนแก่ผู้ครอบครอง ทั้งยังอภิบาลรักษาปกป้องภัยทั้งหลายไม่ให้กระทำอันตรายใดๆได้ ซึ่งเมื่อแก้วทั้งสี่ได้ผู้ครอบครองที่แท้จริงแล้วก็ไม่เคยเปลี่ยนมืออีกเลย จนทำให้เรื่องราวของดวงธาตุจตุรมณีแห่งสรวงสวรรค์นั้นขาดการกล่าวถึงและเลือนหายไป

    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าบางครั้งคนบูชาองค์เทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ด้วยจริตและการกระทำของตัวมนุษย์เองก็ยังทำให้เทพถอยห่าง เกิดธรรมสังเวช และวางเฉยเอาได้ เรียกว่าไม่เข้าตาและไม่ถูกโฉลกกันก็ได้ทำให้ท่านวางเฉยไม่เอาเป็นธุระ ไม่ช่วยเหลือใดๆ เนื่องจากองค์เทพทั้งหลายท่านก็มีทัศนะและความคิดเป็นของท่านเองเช่นกัน พ่ออาจารย์ท่านจึงมีดำริว่าหากจะเอาอิทธิมงคลที่ยังผลช่วยเหลือผู้ครอบครองโดยไม่ต้องมีชีวิตและความนึกคิดเป็นของตัวเองแล้วก็คงจะต้องใช้อัญมณีสุดประเสริฐทั้งสี่ประการของมหาจักรวาลแต่เพียงเท่านั้นเพราะสามารถพลิกฟ้าคว่ำดินได้ฉับพลันทันทีและมีอานุภาพแรงกล้าที่สุดในบรรดาของวิเศษอันจะเกิดมีในมหาจักรวาลทั้งปวง แต่ดวงแก้วทั้งสี่นี้ก็ยังเป็นของมีจิตวิญญาณในตัวเองถ้าเอาไปใช้ก่อกรรมกระทำชั่วรังแกเอาเปรียบผู้อื่น อานุภาพของดวงแก้วก็จะดลให้เกิดผลร้ายแก่ผู้ครอบครองเช่นกัน

    พ่ออาจารย์ท่านว่าดวงแก้วทั้งสี่นี้สร้างยากมากเพราะท่านต้องทำตามคำแนะนำของครูทั้งสี่คือครูพระสยม ครูพระวิษณุนารายณ์ ครูท้าวมหาพรหม ครูพระอินทร์ โดยท่านได้แสวงหามวลสารตามที่ครูสั่งซึ่งหายาก บางอย่างก็อยู่ในป่า อยู่ใต้ดิน อยู่ในถ้ำ อยู่ในน้ำแตกต่างกันไป ตลอดจนได้หาศิลาวิเศษตามธรรมชาติอันเป็นที่สิงสถิตย์แฝงญาณของครูทั้งสี่ตั้งแต่ศิวลึงค์ธรรมชาติของพระศิวะ ศาลิครามอันเป็นตัวแทนที่พระวิษณุเจ้าสาปตัวเองมายังโลก ศิลาพรหมลูกฟักอันเป็นจุดนิทราแห่งท้าวมหาพรหม ศิลาดวงตาสวรรค์ของพระอินทร์ที่ท่านสาปสรรค์ให้เป็นตัวแทนท่านปรากฏแก่ตาโลก พ่ออาจารย์ท่านนำมหาศิลาทั้งสี่อันมีธาตุและอิทธิคุณสูงสุดในเทวานุภาพและมวลสารว่านยามาบดแยกกันกอปรด้วยผงวิเศษที่ท่านลบด้วยพระเวทย์และหัวใจของดวงแก้วทั้งสี่ ตลอดจนคาถากำกับแก้วทั้งสี่ตามที่ครูทั้งสี่สอนและมอบให้ทำเป็นการเฉพาะ ซ้ำยังย้ำให้เก็บเป็นเรื่องลับหนักหนาห้ามถ่ายทอดหรือเผยแพร่ออกไป ท่านว่าใช้ว่านใช้ยามานั่งลบผงแต่ละอย่างร้อยรอบพันรอบ ก่อนจะนำผงเหล่านั้นมาเข้ากับน้ำทิพย์อันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่ท่านเก็บสะสมไว้ ทั้งน้ำในรอยพระพุทธบาท น้ำผุดในวิษณุบาท น้ำในเศียรพระพุทธรูป น้ำที่หลั่งออกมาเองจากเทวรูปพระอรรถนารีศวรเนื้อสัมฤทธิ์ ตลอดจนน้ำในบ่อธรรมชาติที่มีอาถรรพ์และความศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณที่ท่านเก้บรวบรวมไว้ พ่ออาจารย์ท่านได้ปั้นดวงแก้วทั้งสี่ชนิดขึ้นมา คือแก้วเกาสตุภะ , แก้วจินดามณี , แก้วศยามันตะกะ , แก้วรุทรมณี ท่านว่าทำทั้งทีก็เอาให้ดีที่สุดแบบไม่เคยปรากฏมีเป็นประวัติการณ์มาก่อนที่ดวงแก้วทั้งสี่นี้จะได้มาอยู่รวมกัน โดยท่านปั้นตามธาตุศิลามหาคุณและผงวิชาดวงแก้วทั้งสี่ ให้แก้วจินดามณี แก้วศยามันตะกะ แก้วรุทรมณี เป็นลูกขนาดย่อมๆ ฝังไว้ภายในแก้วเกาสตุภะ ท่านว่าเช่นนี้ก็คือรวมแก้ววิเศษทั้งสี่เป็นหนึ่งเดียว เป็นแก้วจตุรมณีโดยที่มีแก้วเกาสตุภะครอบไว้เป็นพื้นด้านนอก

    พ่ออาจารย์ท่านว่าการทำแก้ววิเศษนี้ใช้ว่านยามวลสารมากมายดังนั้นผิวเนื้อของดวงแก้วจะหยาบบ้างมีคราบน้ำว่าน น้ำยา ปรากฏบ้าง ด้างบ้าง เข้มบ้างต่างกันไป เพราะท่านต้องการใช้มวลสารจากวัตถุธาตุที่ทรงฤทธิ์ล้วนๆมาประกอบให้มีอิทธิคุณแรงกล้าสูงสุดนั่นเอง

    ด้วยดวงแก้ววิเศษทั้งสี่นั้น แม้ปกติแยกกันอยู่ ก็มีอานุภาพดลบันดาลให้มหาเทพทั้งสี่เป็นยอดบุรุษของจักรวาล สูงสุดจนไม่มีผู้ใดคิดล่วงเกินหรือล่วงละเมิดได้ พ่ออาจารย์ท่านว่ายิ่งนำมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้วยิ่งไม่ต้องคิดเลย ทั้งนี้ดวงแก้วยังมีญาณบารมีจากครูพระสยม ครูพระพรหม ครูพระวิษณุนารายณ์ ครูพระอินทร์สถิตย์อยู่ด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าเรื่องใดที่ครูองค์ใดท่านไม่ยุ่งไม่ช่วยครูอีกองค์ก็จะช่วยฉับพลันทันที ขึ้นอยู่ที่ว่าเรื่องที่เราขอเป็นหน้าที่ของผู้ใด เช่นหน้าที่แห่งการสร้างสรรค์พัฒนาความเจริญของพระพรหม หน้าที่แห่งการทำลายล้างอัปมงคลเพื่อให้เกิดมหามงคลตลอดจนประทานพรอันประเสริฐของครูพระสยม หน้าที่แห่งการธำรงค์พิทักษ์รักษาชีวิตให้ดำเนินไปอย่างปรกติสุขของพระวิษณุนารายณ์ หน้าที่แห่งการบังคับควบคุมมหาธาตุตลอดจนอภิบาลรักษาผู้ประพฤติธรรมของพระอินทร์

    ดวงแก้วทั้งสี่ที่รวมเป็นหนึ่งนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าเราแทบจะไม่ได้เสกเลย เพราะต้องรบกวนครูทั้งสี่เท่านั้น แม้นจะระดมครูพระครูเทพซักหมื่นแสนก็ทำไม่ได้ เนื่องจากเป็นของวิเศษในมหาจักรวาลและเป็นของคู่บารมีเฉพาะผู้ครอบครอง พ่ออาจารย์ท่านต้องอาราธนาครูทั้งสี่ ให้เมตตาทำให้เป็นดวงแก้วสำเร็จ ซึ่งครูทั้งสี่ก็ได้เมตตาถ่ายพลังจากแก้วต้นกำเนิดให้เต็มที่ ท่านว่าต้องทำไปทีละขั้นทีละชนิดก่อนจะปั้นรวมและให้ครูพระวิษณุนารายณ์สำเร็จแก้วเกาสตุภะเป็นลำดับสุดท้าย ท่านว่าทำยากมากกว่าจะได้แก้วที่มีชื่อว่าเหนือกว่าแก้วจักรพรรดิ์เช่นนี้ กว่าจะได้แก้วทั้งสี่อันประเสริฐซึ่งไม่มีผู้ใดระลึกนึกถึงแล้วในมหาจักรวาล ท่านว่าทำครั้งนี้ก็เพื่อเปลี่ยนตำนานให้กลับคืนสู่ความเป็นจริง

    ทั้งนี้เมื่อก่อนพ่ออาจารย์ท่านเคยทำเครื่องมงคลทางหนุนดวงพลิกดวงเสริมดวงเสกเอาไว้บ้าง แต่ท่านก็ไม่เคยทำถึงขนาดว่าเป็นเครื่องมงคลที่จะเปลี่ยนพื้นฐานดวงชะตาแลบุพกรรมอันมีมาแต่กำเนิดเสียที ด้วยท่านพิจารณาเห็นว่าสิ่งใดหนอที่จะทำได้ จะก้าวล่วงอานุภาพของเทพยดาและครูพระซึ่งท่านวางเฉยได้ สิ่งเหล่านั้นต้องกำเนิดจากพลังงานธรรมชาติที่เข้มข้นอยู่เหนือกฏทุกกฏทั้งโลกวิสัยและกรรมวิสัย คือหลุดจากกฏแห่งกรรมและวิบากกรรม หลุดจากวิสัยโลกและสังสาระวัฏ ไม่เกี่ยวข้องข้องกับพุทธวิสัยและฌานวิสัยของผู้ใด เป็นของศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในหมื่นจักวาลอันก่อกำเนิดรูปและดวงจิตขึ้นเอง ซึ่งดวงแก้วทั้งสี่นี้ตามที่เสด็จพระใหญ่ท่านแนะนำและครูพระสยมท่านประทานคำตอบมาให้ จึงเป็นอิทธิวัตถุที่ได้ชื่อว่าเกิดขึ้นเพื่อดึงสิ่งต่ำสุดขึ้นสู่จุดสูงสุด เกิดขึ้นเพื่อความรุ่งโรจน์ในผู้ถือครองอย่างแท้จริง

    โดยพ่ออาจารย์ท่านได้นำตะกั่วขอมโบราณมาลงเวทย์กำกับแก้วรุทรมณีปักไว้ในแก้วเกาสตุภะอีกวาระหนึ่งด้วย ซึ่งด้วยอานุภาพของตะกรุดรุทรมณีนั้นจะทำให้คำพรและคำอธิษฐานของผู้บูชาเป็นจริงท่านว่าสิ่งใดที่ปรารถนาให้เราขอจนกว่าจะได้รับและอย่าหยุดที่จะขอหากยังไม่ได้รับ นอกจากนั้นท่านให้นำกระดาษมาเขียนชื่อวันเดือนปีเกิดตนใส่ไว้ในดวงแก้วโดยม้วนบรรจุเองในตะกรุดด้วย ที่สำคัญที่สุดคือ ให้ตัดเส้นผมของตัวเองด้วยความตั้งใจมอบถวายเป็นทานแก่ครูพระวิษณุนารายณ์บรรจุในดวงแก้วไว้ด้วยโดยนำเส้นผมอุดปิดไว้ในตะกรุดหลังจากใส่กระดาษบรรจุดวงแล้ว ทั้งนี้แก้วสยมันตกะก็จะให้คุณมาก บันดาลทรัพย์ลาภผลอย่างต่อเนื่องในทุกวันๆไม่ให้ขาดไม่ให้พร่อง ท่านว่าการถวายผมแก่พระวิษณุนี้เหมือนเป็นพันธะสัญญาของศิษย์และครู เป็นข้อกำหนดกฏแกณฑ์แต่โบราณที่ครูพระวิษณุท่านตั้งใจจะให้ผู้บูชานั้นกระทำถวาย ครูพระวิษณุนารายณ์ท่านว่าเหมือนเราตัดทุกข์โศกออกมา ถวายหัวถวายชีวิตไว้กับท่าน ท่านจะรับทุกข์นั้นๆไปและจะนำความสุขสวัสดิมงคลมาต่อเติมคืนให้ด้วยพันธะสัญญา แม้ในกาลบัดนี้หากกระทำแล้วก็เท่ากับว่ามหาเทพทั้งสี่พร้อมใจกันรับพันธะสัญญานี้ด้วยและจะช่วยเหลือกันอย่างสุดความสามารถเพื่อต่อเติมสุขและสวัสดิมงคลให้เกิดขึ้นกับศิษย์รัก หรือลูกรัก ที่ยอมตัดผมอันถือได้ว่าเป็นสิ่งมีค่าสูงสุดในร่างกายตนแก่ครูเป็นเครื่องบูชา

    พ่ออาจารย์ท่านปั้นดวงแก้วไว้ได้ทั้งหมด 6 ลูก ท่านอธิษฐานไว้ว่าแล้วแต่ครูทั้งสี่ท่านตั้งใจจะโปรดจะประทานแก้ววิเศษแก่ผู้ใดก็ให้ดลจิตเขามารับไปไว้ในครอบครองและทำการปฏิบัติบูชา ซึ่งการบูชานั้นก็เพียงหาพานมาวางรองไว้ ไม่ต้องเคลื่อนไม่ต้องย้ายหากไม่จำเป็นจริงๆ หมั่นสวดมนต์ทำกรรมฐานบูชาโดยปกติเท่านั้น และให้หาน้ำอบน้ำปรุงประพรมดวงแก้ว เวลาอธิษฐานขอพรเสร็จ แล้วจึงเอาน้ำอบน้ำปรุงที่ติดอยู่กับดวงแก้วนั้นมาเจิมหน้าเปิดบารมี พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าที่สุดแห่งความปรารถนาทั้งหกภพและหมื่นจักรวาล ไม่มีสิ่งใดเกินคุณค่าของดวงแก้ววิเศษนี้เลย ท่านตั้งใจทำให้ไว้บรรจุดวงชะตาเพื่อปรับพื้นฐานเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของตนเอง เมื่อประสบพบความสุขเสมอใจแล้วก็ให้เร่งพิจารณาธรรม สร้างกุศลกรรม อย่าหลงไปกับอำนาจเงินตราและความสุขจอมปลอมใดๆ

    คาถาบูชา(ระลึกถึงครูทั้งสี่)
    กายะ วาจา จิตตัง อะหังวันทา จตุรเทวะมหาอินทรา มหาพรหมมา วิษณุ จะนะมัสศิวา นะอุภะยะอะ ปูเชมิ

    * อิทธิวัตถุธาตุจตุรมณีดวงแก้วสำเร็จเกาสตุภะวิษณุมัธวะ(ปักตะกรุดรุทรมณี) นี้รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น พ่ออาจารย์ท่านจะเมตตาเปิดรับคำขอ ความต้องการ คำอธิษฐานที่จะฝากท่านไว้ แล้วท่านจะจารกำกับด้วยวิชาเปิดบารมีลงมนต์หนุนดวง หนุนบารมี เปิดบารมีให้เป็นการเฉพาะตัวบุคคลทำการบอกกล่าวอธิษฐานแบบเน้นๆเปิดบารมีให้เฉพาะตัวอีกด้วยซึ่งวิชาเปิดและหนุนบารมีนี้เป็นวิชาที่ทำได้ยากมากๆ พ่ออาจารย์ท่านจะเมตตาสงเคราะห์ลงให้เป็นบุคคลไป รายได้ร่วมสมทบทุนการศึกษาเด็กด้อยโอกาสต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา อิทธิวัตถุธาตุจตุรมณีดวงแก้วสำเร็จเกาสตุภะวิษณุมัธวะ(ปักตะกรุดรุทรมณี) บูชา 4,000 บาท

    1403875688.jpg 1900007_357719944378001_8037555823281882418_n.jpg SAM_5426.jpg SAM_5424.jpg SAM_5425.jpg C3925353-5.jpg in_4.jpg
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดมหาสิริชมพูนุชพระเพชรพญาธรหน้าทอง(น้ำมันพรายนางจันทร์บังเงาบรรจุตะกรุดแฝดแสนชู้เข้าหา)

    สืบเนื่องจากที่มีหลายคนสอบถามถึงครูพระเพชรของท่านเข้ามามาก เพราะมีประสบการณ์แรงใช้ได้จริง อีกทั้งบางคนยังนำไปบำบัดรักษาโรคภัยจนมีร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพดีขึ้น ทั้งนี้พ่ออาจารย์ท่านได้สร้างตะกรุดมหาสิริชมพูนุชพระเพชรพญาธรหน้าทองขึ้นมา โดยความตั้งใจเดิมของท่านคืออยากจะทำให้คนใช้มีเครื่องมงคลที่สามารถใช้ลงอาถรรพ์วิชาแก่ตัวเขาเองได้ด้วยตนเอง


    ดังนั้นท่านจึงทำตะกรุดวิชาพระเพชรพญาธรหน้าทองซึ่งมีอุปเท่ห์และคุณวิเศษอย่างใหญ่หลวงขึ้นมา พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าตะกรุดนี้ท่านตั้งใจจะให้ใช้ด้วยตนเอง เพียงแค่พกพาหรือใช้ตามอุปเท่ห์ก็มีคุณวิเศษเสียยิ่งกว่าไปลงนะหน้าทอง หรือครอบครูพระลักษณ์หน้าทองทีเดียว พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดสำคัญของท่านนี้เพียงเอามาตั้งจิตอธิษฐานวนบนใบหน้า ทำหนไหนวันใดก็ตามเสมือนได้ครอบครูพระเพชรพญาธรหน้าทองในวันนั้น ตรงนี้ท่านว่าการครอบครูนั้นอาจจะเสื่อมอาจจะถอยและสูญเสียสิริมงคลได้ เนื่องจากคนที่ครอบไม่รักษาคุณความดี ท่านจึงได้สร้างตะกรุดครูสายเสน่ห์ขึ้นสำหรับคนที่เล่นหรือใช้ของด้านเสน่ห์ทั้งหลาย จะได้ครอบได้ใช้ให้ครูอยู่กับเราได้ตลอดเวลา ท่านว่าจะวนวันละกี่หนก็ได้ให้ตั้งจิตดีๆ เพราะครูเพชรนอกจากเป็นเสน่ห์แล้ว หากสถิตย์กับตัวผู้ใด ยังกินพลังงานด้านลบต่างๆ กินเชื้อโรคและอวิชชา ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งแข็งแรงยิ่งๆขึ้นอีกด้วย ยิ่งวนก็เหมือนยิ่งครอบ ทำให้ร่างกายเราสะอาดบริสุทธิ์ ตรงนี้ท่านว่าทำบ่อยๆยิ่งดีเพราะพลังงานครูจะเข้าทดแทนพลังงานด้านลบและซ่อมแซมพลังงานและสิ่งสึกหรอต่างๆใช้กายสิทธิ์ทำให้ร่างกายเราเป็นกายสิทธิ์

    ท่านว่าพระเพชรของท่านนั้นยิ่งคนใช้มีเคราะห์กรรมเท่าไหร่ยิ่งมีฤทธิ์แรงมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งเอาติดตัวไว้ได้นานเท่าไหร่ ยิ่งมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นกับตัวเองมากขึ้นเท่านั้น เพราะว่าเค้ากินพิษ กินเคราะห์กรรม กินคุณไสยฝ่ายต่ำ กินตะกอนเวรกรรมและสิ่งที่ตกค้างอยู่ในร่างกายของเราเป็นอาหาร รวมไปถึงอารมณ์ขุ่นมัวทั้งหลาย นี่เห็นหรือไม่ ท่านว่าเค้ากินหมดอะไรที่ว่าไม่ดีไม่งามในตัวเรา เค้ากินไปก็ยิ่งเพิ่มฤทธิ์ให้กับเค้า มันจึงเข้าทำนองว่าได้ประโยชน์ร่วมกัน เค้าก็อยากจะช่วยเรากินมากๆเพื่อเพิ่มฤทธิ์ให้ตัวเองเรียกว่าเสพย์เพื่อฤทธานุภาพ ส่วนตัวเรานั้นเมื่อพระเพชรเสพย์สิ่งปฏิกูลทั้งหลายในตัวเราออกไปแล้วเราก็จะดูอ่อนกว่าวัยกลายเป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดขึ้นมาทันตาเห็น พอสิ่งอาถรรพ์ทั้งหลายหมดไปเรื่องดีๆมันก็จะตามเข้ามาไม่รู้จักหมด ท่านว่าไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีอะไรเลี้ยงเค้าเอาแค่ว่าตราบใดยังอยู่ในกฏแห่งกรรมยังโดนดาวบาปเคราะห์จรทับตามวาระอยู่พูดง่ายๆตราบที่ยังหายใจเป็นมนุษย์อยู่ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีอะไรให้เค้ากิน

    พระเพชรของท่านนั้นท่านว่ามันแปลกและดีเช่นนี้ ท่านว่าพระเพชรนั้นเก่งเหมือนกับเทวดาองค์หนึ่งเลยแต่เค้าสามารถทำอะไรทั้งหลายที่เค้าประสงค์ได้มากกว่าเทวดา และตัวเค้านั้นยังมีความรู้ครอบคลุมในทุกศาสตร์วิชาทั้งสิบแปดศาสตร์ หากจะพูดถึงวิชาเพชรพญาธรแท้ๆแบบไม่ใช่ของเล่นนั้น ท่านว่าให้คุณมากและเป็นสรรพวิทยาการที่ตกทอดมาแต่โบราณ ดังนั้นท่านว่าถ้าจะทำก็ต้องทำให้ดีที่สุด และพระเพชรของท่านนั้นต้องชุบให้ไม่มีจิตมารจึงจะใช้ได้ ท่านว่าเพชรพญาธรนั้นมีสี่จำพวก ซึ่งแต่ละจำพวกก็จะมีวรรณะและฤทธิ์แตกต่างกันไป ตั้งแต่ระดับต่ำที่มีร่างกายสีทองแดง สูงขึ้นมาหน่อยก็เป็นสีเงิน และสีทอง ตลอดจนกายศักดิ์สิทธิ์หรือเนื้อสีผิวกายสิทธิ์ ซึ่งยิ่งมีระดับสูงกว่าก็ยิ่งมีฤทธิ์มากกว่าและสามารถเสพย์หรือกินชั้นที่ต่ำกว่าตนเองหนึ่งขั้นได้ พ่ออาจารย์ท่านสำเร็จวิชาพระเพชรกายสิทธิ์ ท่านว่าพระเพชรกายสิทธิ์หน้าทองนี่แหละเป็นเสน่ห์ที่สุดแค่เห็นหน้าก็อ่อนระทวยลืมเลือนทุกสิ่ง

    เมื่อท่านลงวิชาสร้างตะกรุดมหาสิริชมพูนุชพระเพชรพญาธรหน้าทองขึ้นมานั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านไม่ได้ทำเพียงแค่วิชาครูเสน่ห์ หรือลงเฉพาะวิชาพระเพชรอย่างเดียว แต่ตะกรุดดอกนี้ท่านยังลงวิชาให้เสริมราศี เสริมสิริมงคลแก่ผู้บูชาด้วย ตรงนี้สำคัญมาก พ่ออาจารย์ท่านว่าสิริและสง่าราศีนี้เหมือนเป็นของขวัญจากฟ้าใครมีนับว่าเป็นยอดคน จะทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ เป็นสิ่งดึงดูดนำมาซึ่งชีวตที่ดี ทำให้มีโชคชะตาดี มีวาสนาที่ดี ในขณะที่พระเพชรดูดซับเชื้อโรคและพลังงานลบออกจากร่างกายครั้งนี้ท่านก็ลงมหาสิริไว้ด้วยซึ่งวิชานี้จะดึงดูดเติมเต็มพลังงานด้านบวกเข้าไปแทนที่ ด้านนึงดูดซึมพลังงานลบอีกด้านหนึ่งดูดเพื่อทดแทนพลังงานบวกเติมเต็มซึ่งกันและกันท่านจึงลงวิชาเสริมราศีและสิริมงคลที่เรียกว่ามหาสิริ ดังนั้นตะกรุดพระเพชรนี้จึงมีคุณวิเศษยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนำมาใช้วนหน้าครอบครูเสริมเสน่ห์แล้วยังใช้ทางด้านอื่นๆได้อีกด้วย

    ตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ว่าขอให้ผู้พกติดตัวนั้นใช้ให้เป็นจะมีอานุภาพมาก ท่านว่าเมื่อได้ไปให้อาราธนาบูชาไว้ที่เอว และคราวใดจะใช้จึงให้นำขึ้นมาระลึกถึงครูเพชรพญาธรเสร็จแล้วก็นำมาวนใบหน้า เมื่อวนเสร็จแล้วก็ให้นำกลับไปที่เอวตามเดิมตะกรุดเมื่ออยู่ตรงเอวนั้นก็จะเกาะกินดูดซับเคราะห์ตลอดจนทุกข์โศกโรคภัยของเรา นอกจากนี้ท่านว่าหากปรารถนาจะทำกิจใดก็ดีให้สำเร็จ เรียกว่าเอาให้ได้เรื่อง ไปทำอะไรแล้วได้โชคได้ชัยกลับมา ไม่พบกับความผิดหวัง พ่ออาจารย์ท่านว่าให้ดูเวลา สำหรับกิจที่จะทำนั้น ตรงนี้สำคัญมากท่านว่าวันหนึ่งใช้ได้หลายรอบ ใช้ได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องงานเพราะปกติวิสัยมนุษย์นั้นวันๆย่อมเจอปัญหาและมีสิ่งที่ปรารถนาที่ต้องทำอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเรื่องเสนห์เพศตรงข้าม การเข้าหาผู้ใหญ่ ทุกสิ่งที่ยังต้องลุ้นยังไม่ประสบความสำเร็จ ยังไม่ได้ชัยชนะ โชคชะตายังไม่เข้าข้าง ท่านว่าให้อาราธนาตะกรุดนี้แล้วดูเวลา ขอเพียงรู้วิธีใช้และดูเวลาเป็นเท่านั้นเราจะไปทำกิจนั้นๆเวลาใดด้วยอานุภาพของมหาสิริตัวนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าให้เราอาราธนาตะกรุดในเวลานั้นๆแล้วเอาไปวนส่วนต่างๆดังนี้
    1. เมื่อจะทำกิจต่างๆเวลาเช้าถึงก่อนเที่ยงก็ดี ให้อธิษฐานขอความสำเร็จแล้วนำตะกรุดวนใบหน้า
    2. เมื่อจะทำกิจต่างๆตั้งแต่เที่ยงจนถึงหกโมงเย็น ท่านว่าให้อธิษฐานแล้วนำตะกรุดวนบริเวณอก
    3. เมื่อจะทำกิจต่างๆหลังหกโมงเย็นลงไปจนถึงหกโมงเช้า ท่านว่าให้อธิษฐานแล้วจรดตะกรุดที่หน้าผากลากลงมาจรดปลายเท้า
    พ่ออาจารย์ท่านว่าเคล็ดเหล่านี้สำคัญมากสำหรับคนบูชา ถ้าทำได้ตามนี้จะทำอะไรก็ตามย่อมสำเร็จ ซ้ำยังพ้นออก นำออก จากความอัปรีย์จัญไรทั้งปวงอีกด้วย

    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านลงอาถรรพ์วิชาปลุกเสกตะกรุดดีแล้ว ภายหลังมีผู้นำผงชมพูนุช ที่ได้จากการแตกหักของพระผงชมพูนุชหลวงปู่หมุนมามอบให้ท่านจำนวนหนึ่ง ซึ่งผงชมพูนุชนี้ท่านว่าเป็นผงที่แรงทางด้านเมตตามหาเสน่ห์อย่างมากถึงขนาดพระเณรที่เอาไปใช้ต่างเข้าใกล้สีกาไม่ได้เพราะจะเป็นสังฆาทิเสสกันหมด ใครได้ลองเป็นอันสึกแทบทุกราย โดยได้จัดสร้างตามตำรามีการผสมมวลสารโดยตำรับผงชมพูนุชซึ่งสืบทอดมาจากปู่คำแห่งอำเภอสวรรคโลก กรุงสุโขทัยนอกจากนี้ในผงชมพูนุชนี้ยังมีผสมผงพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์และมวลสารอื่นๆอีกมากตามบันทึกไว้ ได้แก่


      • ผงสมเด็จที่ชำรุดของหลวงปุ่นาค (พระเทพสิทธินายก) วัดระฆัง
      • ผงพุทธคุณ ๑๐๘ จากอาจาย์ทั่วประเทศ ได้ทำพิธีที่วัดเบญจมบพิตร เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๙
      • ผงจินดามณีของหลวงพ่อเพิ่ม (พระพุทธวิธีนายก) วัดกลางบางแก้ว
      • ผงมหาราช ผงอิทธิเจ หลวงพ่อเนตร วัดตุ๊กตา จ.นครปฐม
      • ผงตรีนิสิงเห ผงปถมัง ของอดีตเจ้าอาวาสวัดปริยายก กทม.
      • ผงอิทธิเจ ของหลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง
      • ผงของหลวงปุ่ใจ วัดเสด็จ จ.สมุทรสงคราม
      • ผงโลกธาตุ พลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ได้มาเมื่อปี ๒๕๓๑
      • ผงรัตนมาลาของหลวงพ่อสละ เถรปญโญ วัดประดูทรงธรรม
      • ผงอิจธิเจ ของหลวงพ่อผล วัดคลองจันทร์ จ.อุทัยธานี ได้มาเมื่อปี ๒๕๒๔
      • ผงตรีนิสิงเห ของหลวงพ่อพรหม แห่งวัดขนอนเหนือ จ.อยุธยา ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๙
      • ผงพุทธคุณ หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง จ.อยุธยา ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๙
      • ผงปถมัง หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔
      • ผงไตรรัตน์ กับพงอาการ ๓๒ ของหลวงพ่อชื่น วัดญาณเสน จ.อยุธยา ได้มาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๓
      • ผงพุทธคุณหลวงพ่อสัมฤทธิ์ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี
      • ผงโสฬสมงคล ของหลวงพ่อถก จ.กาญจนบุรี ได้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๐
      • ผงพรายกุมาร หลวงพ่อทิม อิสรโก วัดระหารไร่ ได้เมื่อปี ๒๕๑๙
      • ผงพุทธคุณของหลวงพ่อกวย ชุตินธโร วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท
      • ผงนางดาราฯ จ.นครศรีธรรมราช
      • แร่ปรอททองคำ ได้จากผู้เฒ่าที่จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘
      • ผงดินกากยายักษ์และผงว่าน ๑๐๘ จากจังหวัด นครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๒๘
      • ผงพุทธคุณของหลวงพ่อคง ธมมโชโต วัดบางกระพ้อม
      • ผงงากำจักกำจาย ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ณ ที่เขาใหญ่
      • ผงมหาราชของหลวงพ่อหยิบ วัดหน้าพระเมรุ จ.อยุธยา
      • ผงพราวดี มีอายุเป็นพันปี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑
      • ผงจากกรุวัดชนะสงคราม กรุงเทพฯ
      • ผงของหลวงพ่อบุญสิน วัดปลายคลองพลิ้ว จ.จันทรบุรี ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑
      • ผงพุทธคุณของหลวงพ่อชม วัดอินทาราม จ.ชัยนาท
      • ผงเมาลี ของหลวงพ่อโต วัดอินทรารามมหาวิหาร กรุงเทพฯ
      • ผงของหลวงพ่อเปี่ยว วัดเกาะหลัก ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๓
      • ผงพุทธคุณหลวงพ่อฉาบ วัดคลองจันทร์ จ.ชัยนาท
      • ผงของหลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี
      • ผงของหลวงพ่อมี วัดเขาสมอคอน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี
      • แป้งเสกของหลวงปู่บุดดา วัดกลางเจริญศรี จ.สิงห์บุรี และผงยาเส้นของหลวงพ่อคูณ แห่งวัดบ้านไร่ รวมทั้งผงจากวัดอื่นๆ เกจิอาจารย์ทั้งหลายจนครบ ๓๕๐ อาจารย์

    พ่ออาจารย์ท่านได้นำผงชมพูนุชหลวงปู่หมุนนั้น จับกรอกใส่ไว้ในตะกรุด ท่านว่าใช้ให้ดีอย่าไปผิดลูกผิดเมียเขา ตะกรุดนี้ก็ดีอย่างหนึ่ง ผงนี้ก็ดีในตัวเองอย่างหนึ่ง เมื่อนำมารวมกันจึงเป็นยอดของอิทธิวัตถุที่มีพลังเยือกเย็นรุนแรงทางเสน่ห์เมตตามหานิยมอย่างมาก นอกจากนี้ท่านยังนำสีผึ้งเก่าครูเขมรของท่านมาอุดปิดผนึกตะกรุดทั้งหน้าหลังอีกด้วย ท่านว่าเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว แม้เอาไปพกเฉยๆสำหรับคนที่ใช้ไม่เป็นวนหน้าไม่ถูก ก็ยังยอดขลัง ท่านกำชับและย้ำหนักหนาเรื่องผิดลูกผิดเมียคนอื่นว่าไม่ควรทำ

    คาถาบูชา
    โอมพระเพชรพญาธร เธอเสด็จจรขึ้นบนอากาศ กูจะตวาดเรียกให้มึงมา โอมปลุกมหาปลุกกูจะปลุกมึงให้ลุก ลุกแล้วอย่านั่ง เจ้าครูกูสั่งให้มึงไปเรียกไปหา กูจะเรียกมึงมา กูจะใช้มึงไปหา.......(พูดสิ่งที่เราปรารถนา)...มาให้กับกู มาเรโสเอหิพุทธานุภาเวนะ มาเรโสเอหิธัมมานุภาเวนะ มาเรโสเอหิสังฆานุภาเวนะเอหิ


    น้ำมันพรายนางจันทร์บังเงาบรรจุตะกรุดแฝดแสนชู้เข้าหา
    พ่ออาจารย์ท่านสร้างน้ำมันพรายนางจันทร์บังเงาขึ้นตามขั้นตอนของพระเวย์และวิชาศักดิ์สิทธิ์ ท่านว่าเป็นน้ำมันพรายที่มีอิทธิคุณแรงเหมือนน้ำมันพรายทุกอย่างแต่ไม่มีส่วนผสมของซากสิ่งมีชีวิตใดๆเลยนั่นเอง

    เมื่อจะสำเร็จน้ำมันพรายของท่านนั้น ท่านไม่ทำเหมือนที่อื่นที่ต้องใช้ซากศพน้ำเลือดน้ำหนอง เพราะเกรงแรงอาถรรพ์ภูติผีวิญญาณจะเล่นงานคนใช้ ท่านจึงนำน้ำมันว่านเสน่ห์ทั้งดอกทองและเสน่ห์จันทร์ของท่านมาผสมสิ่งที่มีอาถรรพ์รุนแรงทางเสน่ห์อื่นเช่นน้ำมันช้างผสมโขลง และน้ำตาปลาพะยูนซึ่งต้องได้มาตรงตามตำราไม่ใช่การไปบังคับเอาจากสัตว์เหล่านั้น ท่านว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว หลังจากนั้นท่านจึงหุงน้ำมัน โดยเพิ่มเติมหัวน้ำหอมเข้าไปด้วย เพื่อให้มีกลิ่นหอมง่ายต่อการนำใช้อาราธนาบูชา

    น้ำมันนี้ท่านว่าแรกเริ่มมันก็เป็นเพียงน้ำมันว่าน การจะทำให้น้ำมันว่านเป็นน้ำมันพรายนั้น ท่านว่าไม่ยากเลย เพราะท่านมีครูเทพที่เก่งที่สุดในโลก นั่นคือครูพระสยม พ่ออาจารย์ท่านว่าครูพระสยมนั้นมีปางหนึ่งที่เรียกว่าองค์ภูเตศวร เป็นเจ้าแห่งมหาภูติ เหล่าวิญญาณและอสุรกายทั้งปวง
    เมื่อท่านจะอธิษฐานน้ำมันนี้ ท่านจึงขอบารมีครูพระสยมในปางองค์ภูเตศวร ให้ช่วยสำเร็จน้ำมันด้วย โดยใช้อำนาจของมหาภูติบริวารทั้งหลายซึ่งมีศักดิ์ใหญ่และมีอำนาจเหนือจิตวิญญาณเหนือภูติผีทั้งปวง พ่ออาจารย์ท่านว่าเอาจริงๆเลย มหาภูติทั้งหลายใต้การบัญชาขององค์ภูเตศวรนั้น ล้วนแต่มีฤทธิ์อำนาจมากขนาดเทวดายังกลัวเสียด้วยซ้ำ น้ำมันนี้ถ้าจะให้เรียกให้ถูกจึงควรเรียกว่าน้ำมันพรายมหาภูติ

    ท่านว่าน้ำมันนี้เป็นของมีฤทธิ์ จะดีอย่างไรเอาไปใช้เองเดี๋ยวก็รู้ แต่เวลาใช้อย่าใช้จนหมด ท่านว่าให้เหลือเอาไว้นิดหน่อยเพื่อเป็นเชื้อเป็นชนวน ก่อนจะหมดก็ให้ไปซื้อน้ำมันแก้วน้ำมันจันทร์มาเทผสมให้เต็มเหมือนเดิม จากนั้นจุดธูปหรือกำยานอธิษฐานขอบารมีบอกกล่าวองค์ภูเตศวรช่วยสำเร็จน้ำมันเสียคืนหนึ่งแล้ววางทิ้งไว้ ท่านว่าเท่านี้ก็มีอำนาจใช้ได้ดุจเดิมเหมือนกัน

    พ่ออาจารย์ท่านว่าจะใช้เจิมหน้าเจิมตา ทาปากอะไรก็ได้ เพราะเนื้อแท้แล้วคือน้ำมันว่านจึงมีแต่คุณไม่เข้าตัว *ท่านว่าให้จำไว้ให้ชัดว่าน้ำมันนี้ให้ใช้กับตัวเองเพื่อเสน่ห์เมตตาการเจรจาเท่านั้นอย่าเอาไปดีดใส่ใครเค้าเล่นๆ เพราะมีคุณเสมอน้ำมันพรายนั่นทีเดียว ท่านเคยนำใส่ขวดเล็กๆแจกไปสี่ห้าขวด คนใช้เป็นนำไปทาหน้าถูมือหยิบรวยเอาๆ หยิบจับอะไรก็ดีไปหมด ชีวิตดีดการงานรุ่ง แต่ก็มีคนเอาไปใช้ผิดวิธีเอาไปใช้กันแต่เรื่องเสื่อมทรามต้องลำบากมาขอน้ำมนต์จากท่านให้ล้างของถอนวิชาออกให้ ท่านจึงเสกเก็บยาวไม่นำออกมาแจกอีก

    ในคราวนี้ก็นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่พ่ออาจารย์ท่านนำมาให้บูชาควบคู่ไปกับตะกรุด โดยท่านได้นำน้ำมันพรายมหาภูติที่อธิษฐานจิตไว้นี้มาเชิญบารมีเทพนางจันทร์ซึ่งเป็นอัปสรบริวารของพระแม่ลักษมีอีกคำรบหนึ่งด้วย น้ำมันนี้ท่านจึงเรียกว่าน้ำมันพรายนางจันทร์บังเงา ท่านว่าเทพนางจันทร์นั้นดีทางมหาเมตตาใหญ่ไปไหนมีแต่คนรักซ้ำยังเปิดดวงการเงินและโชคลาภด้วยท่านว่าเขาทาแล้วจะได้รวยได้ทรัพย์ วันไหนอยากรับทรัพย์ก็นำไปทาฝ่ามือแล้วถูๆเอา นอกจากนี้ท่านยังได้ใส่ว่านเสน่ห์ต่างๆลงไปในขวดน้ำมัน ตลอดจนจารตะกรุดแฝดแสนชู้เข้าหาบรรจุไว้ด้วย ท่านว่าอธิษฐานเอาว่าเราต้องการให้เพศไหนเข้าหา เข้ามารักเมตตาเรา ตะกรุดนี้จะเหมือนสื่อรักช่วยให้เขามาพบเราเมตตาเราสมความปรารถนา จะใช้ทางเสน่ห์ก็สมชื่อตะกรุดนั้น ซ้ำท่านยังลงยันต์สวรรค์หลงทางกำกับเพิ่มลงไปด้วย ท่านว่านี่สำคัญ เทวดามาเจอหน้ายังหาทางกลับวิมานไม่เจอเบลออยู่อย่างนั้น ใช้ให้ดีใช้ให้ถูก จะนิยมชมชอบนางฟ้าเทวดาที่ไหนก็ไม่แคล้วเลย

    พ่ออาจารย์ท่านทำตะกรุดมหาสิริชมพูนุชพระเพชรพญาธรหน้าทองไว้ทั้งหมด 6 ดอก ท่านจึงเมตตามอบน้ำมันพรายนางจันทร์บังเงาให้หกขวด ท่านว่าให้นำไปใช้บูชาคู่กัน ชีวิตจะเจอแต่สิ่งดีๆเสมอใจทีเดียว

    * ตะกรุดมหาสิริชมพูนุชพระเพชรพญาธรหน้าทอง(น้ำมันพรายนางจันทร์บังเงาบรรจุตะกรุดแฝดแสนชู้เข้าหา) เปิดให้สั่งจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น มีทั้งหมดหกชุด พ่ออาจารย์ท่านว่าให้แจ้งชื่อนามสกุลไว้ด้วย ท่านจะเป่ามนต์เสริมดวงความรักให้ หรือใครต้องการด้านอื่นที่ไม่ใช่ความสำเร็จทางความรักก็ให้แจ้งไว้ รายได้ร่วมบริจาคค่าข้าวสารอาหารแห้งในวัดที่ประสบอุทกภัยต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดมหาสิริชมพูนุชพระเพชรพญาธรหน้าทอง(น้ำมันพรายนางจันทร์บังเงาบรรจุตะกรุดแฝดแสนชู้เข้าหา) บูชา 4,000 บาท
    gr_ir_Pk_Ti.jpg SAM_5428.jpg SAM_5429.jpg SAM_5430.jpg SAM_5431.jpg SAM_5432.jpg lpmoon.jpg
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา มงคลกล่อมฟ้าพระปัญจสิขรฝังผงภูติพระศรีอาริย์ปราบทุกข์เข็ญ(สิทธิมั่งมี)

    ท้าวนาถเทวราช หรือที่รู้จักกันดีในนามของสมเด็จพระศรีอาริย์ พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าในเวลาปัจจุบันนี้พระองค์ทรงเป็นพระมหาโพธิสัตว์ใหญ่ที่มีบารมีเต็มและทรงอำนาจสูงสุด ความสำคัญของท้าวนาถเทวราชด้วยหน้าที่รับผิดชอบของพระองค์ท่านนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าด้วยสถานการณ์ตลอดจนถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกก็ดี ของพฤติกรรมมนุษย์ก็ดี ล้วนแต่ส่งผลต่อทิพย์สภาวะของพระองค์ท่านโดยตรง ด้วยสัจธรรมในโลกนั้นไม่ว่าจะศาสนาใดก็ดี ล้วนแต่เสื่อมและตกต่ำลงไวกว่าปกติ ทำให้อายุและรอยต่อของพุทธศาสนานั้นกระชั้นเข้ามา

    เมื่อเป็นเช่นนี้ท้าวนาถเทวราชหรือองค์พระศรีอาริย์นั้น ท่านก็มีภาระที่ต้องประคับประคองบวรพุทธศาสนาของสมเด็จพระตถาคตเจ้าสมณโคตมให้อยู่รอดปลอดภัย ให้มีอายุครบถ้วนห้าพันวัสสาตามพุทธดำรัส พ่ออาจารย์ท่านว่าด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง และสภาวการณ์ที่บังคับเช่นนี้ ทำให้ภาระหน้าที่ของพระองค์มาถึงไวกว่ากำหนด ไม่ต้องรอให้พระศาสนาครบห้าพันปีก็มีเหตุให้พระองค์ต้องยื่นมือช่วยเหลือ

    ด้วยหน้าที่และการปรากฏของท้าวนาถเทวราชนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่านับแต่นี้ไปเรียกได้ว่าเข้าสู่ยุคของพระองค์ท่านอย่างแท้จริง ไม่ใช่หมายถึงการสิ้นสุดพระศาสนาและเริ่มศาสนาใหม่ แต่เป็นยุคที่ท่านจะมีส่วนร่วมมีบทบาทในการประคองช่วยเหลือบวรพุทธศาสนาและศาสนิกชนทั้งหลาย ต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวาระกรรมและชะตาอันผูกพันธ์กับพระองค์ท่านด้วยเช่นกันว่าท่านจะเลือกและตั้งใจโปรดมนุษย์ผู้ใด

    ด้วยฐานะที่ท้าวนาถเทวราชจะได้อุบัติเป็นสมเด็จพระศรีอาริย์สัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาลเป็นลำดับแรกของเหล่ามหาโพธิสัตว์และพระโพธิสัตว์ทั้งหมด ทำให้ปัจจุบันนั้นพระองค์ดำรงค์อยู่ในฐานะองค์พระประมุขและประธานเทวสภาของเหล่ามหาโพธิสัตว์และโพธิสัตว์ผู้ปรารถนาพระโพธิญาณทั้งมวล ด้วยคติแห่งโพธิและมหากรุณาธิคุณอันยิ่ง กอปรกับเข้าสู่ยุคเสื่อมของสภาวะจิตใจของสัตว์โลก เช่นนี้ครูผู้มีนามว่าท้าวนาถเทวราชจึงปรารถนาจะให้ศาสนิกช่วยกันจรรโลงพระศาสนา โดยที่ท่านจะช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจ ความเป็นอยู่ วุฒิ ตลอดจนพรสี่ประการทั้งอายุ วรรณณะ สุข พละ ให้เกิดมีแก่ผู้เคารพและน้อมใจเข้าถึงพระองค์ เพื่อให้ศาสนิกทั้งหลายมีความพร้อมด้วยปัจจัยทุกด้าน ที่จะใช้บำรุงพระศาสนาในสมเด็จพระสมณโคตมตถาคตเจ้าต่อไป ทั้งยังเป็นวาระกรรมที่จะผูกพันธ์กันสืบเนื่องไปในอนาคตกาลภาคหน้า เป็นบุญสัมพันธ์กับพระองค์ท่านโดยเฉพาะที่จะทำให้ศาสนิกนั้นไปเกิดในยุคสมเด็จพระศรีอาริย์มีปัจจัยพระนิพพานหนุนนำเป็นที่สุด

    พ่ออาจารย์ท่านว่าครูใหญ่ประธานสภามหาโพธิสัตว์ท้าวนาถเทวราชพระองค์นี้ ได้มอบหัวใจการอัญเชิญและบอกกล่าวตลอดจนอักขระพิเศษที่จะเป็นตัวเชื่อมพระบารมีไว้ ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็ได้ทำวิชาและเชิญพระบารมีอยู่เนืองๆ โดยสร้างเหรียญหล่อท้าวนาถเทวราชประทับอยู่ในท่ามหาราชลีลาประทานพร แสดงให้เห็นถึงคติแห่งโพธิและมหากรุณาธิคุณอันยิ่งที่พร้อมจะให้ออกและหยิบยื่นช่วยเหลือทุกข์ของหมู่สัตว์ร่วมวัฏจักร ซ้ำยังประทานผงภูติพระศรีหรือจะเรียกเต็มๆว่าผงภูติพระศรีอาริย์ปราบทุกข์เข็ญที่เป็นผงเสด็จ ผงธาตุประจำตัวของท้าวนาถเทวราชเหมือนผงวิภูติของพระสยมเช่นนั้นให้พ่ออาจารย์ท่านมอบให้บุคคลที่คู่ควรนำไปบูชาด้วย ซึ่งท่านก็ได้เอามาบรรจุขวดใบเล็กๆปละฝังไว้ให้ทุกองค์ เพราะพ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นของเฉพาะกาลแรงครูสูงมาก คำว่าภูติพระศรีปราบทุกข์เข็ญนี้ก็คือปราบทุกข์จริงๆ ขึ้นชื่อว่าชีวิตสัตว์โลกเกิดมาใครนิรทุกข์บ้าง แต่ทุกข์ตัวนี้คือทุกข์ของความเข็ญใจ ทุกข์ของอัตภาพความเป็นอยู่ที่ลำบาก ทุกข์ของการเปลี่ยนแปลงในกระแสโลกและมหาวัฏ เพื่อให้ผู้ศรัทธาในกอบกรรมทำกุศลเป็นแรงสำคัญในการเชื่อมต่อพระศาสนา เพื่อเป็นกำลังใจว่าฟ้าไม่ได้ทอดทิ้งผู้ประพฤติธรรมสร้างกรรมดี ท่านว่าเป็นโอกาสดีที่ท้าวนาถเทวราชท่านประทานให้ผ่านภูติพระศรีนี้ เป็นที่สุดของมหาโพธิสัตว์สายขาว สายบารมี สายโพธิญาณ การจะยืมมือหรือขอความช่วยเหลือท้าวนาถเทวราชนั้น ท่านต้องพิจารณาหลายสิ่งหลายอย่างประกอบ ว่าบ้านเมือง ชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนวิถีโลกและดวงดาว ภัยพิบัติธรรมชาติ พลังงานด้านบวกและลบ ทุกสิ่งนั้นถึงจุดที่ควรแก่การพึ่งบารมีพระองค์ท่านรึยัง และที่สำคัญที่สุดบุญสัมพันธ์และวาระของวัฏจักรเวียนมาถึงหรือไม่ หลังจากที่ครูสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ท่านมีดำริอนุญาติและทุกอย่างพร้อมดีแล้ว ท่านจึงเปิดให้บูชา โดยท่านพูดแต่เพียงว่าครูฉันนี้ท่านมีเจ้าของ มีตราบุญบัญญัติผู้ครอบครองเอาไว้ทุกองค์ ท่านว่าด้วยศักดิ์ของพระมหาโพธิสัตว์ใหญ่พระองค์ปัจจุบัน เป็นที่ทราบกันดีอย่างยิ่งว่าแม้จะเป็นพระอรหันต์ขีณาสพก็ยังต้องเกรงต้องให้เกียรติท่านเลย ดังนั้นกาลแห่งทุกข์ใดๆก็ดีที่จะเกินมือท้าวนาถเทวราชนั้นเป็นไม่มี


    เมื่อจะสร้างท่านก็มาพิจารณาว่าจะฝังสมเด็จพระหน่อพุทธางกูรนี้ลงในเครื่องมงคลใดดี ถึงจะเป็นการเหมาะสม ทั้งยังเสริมสิริมงคลช่วยเร่งอานุภาพแห่งพระบรมโพธิสัตว์ ด้วยนิมิตแห่งสมเด็จพระศรีอาริย์ทำให้ท่านทราบว่าเป็นประเพณีและหน้าที่กันสืบมา ในตำแหน่งของพระปัญจสิขรคนธรรพ์เทพบุตรซึ่งเป็นฑูตเอกแห่งสวรรค์นั้น เมื่อจะทำกิจใดก็ดีตั้งแต่เข้าเฝ้ากราบบังคมทูลเบิกตัวหมู่พรหมและเทพยดาทั้งหลายขอความอนุเคราะห์ให้สมเด็จพระบรมโพธิสัตว์เสด็จลงสู่โลกมนุษย์ หรือแม้กระทั่งเข้าเฝ้ากราบทูลขอพระพุทธานุญาติทุกวาระให้เทพยดาได้มีโอกาสเฝ้ารับประทานพระสัจธรรมอันยิ่ง การณ์ทุกอย่างที่ได้ชื่อว่าเป็นไปด้วยการกระทำเพื่อผู้อื่นหรือเพื่อชนหมู่มากนับโกฏินับแสนนั้น ด้วยการชักนำของปัญจสิขรคนธรรพ์เทพบุตร เป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่และเป็นผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะทุกการกระทำนั้นก่อให้เกิดเทพพรหมมากมายที่เป็นพระอริยบุคคลในพระศาสนาตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงขั้นพระสกิทาคามี พระอนาคามีและพระอรหันต์ ด้วยอานิสงค์เช่นนี้จึงทำให้พระปัญจสิขรเป็นเทพคนธรรพ์ซึ่งมีศักดิ์ใหญ่ มีฐานะพิเศษ ถูกยกย่องไว้ในตัวตนที่พิเศษว่าเป็นดังโอรสสวรรค์ โอรสแห่งองค์อมรินทร์ ด้วยฐานะฑูตแห่งการเริ่มต้นที่นำไปสู่ผลสำเร็จในระยะเวลากระชั้นชิด พ่ออาจารย์ท่านเห็นด้วยกับความของท้าวนาถเทวราชที่ทรงแนะนำนี้ เพราะชนทั้งหลายนั้นเมื่อประกอบกิจใดมักจะรอคอยผลของความสำเร็จด้วยใจคาดหวัง หากความสำเร็จนั้นอยู่ไกลแสนเอื้อมและมาช้ากว่าเวลาที่คาดการณ์ ชีวิตย่อมเสียเปล่าด้วยเวลาที่เสียไปนั้นไม่อาจย้อนคืนกลับมาได้ ทั้งนี้ด้วยบารมีของพระปัญจสิขรอันเป็นสายบารมีเฉพาะทางที่จะยังประโยชน์ของผู้บูชาให้สำเร็จผลทุกประการดุจดังท้าวเธอยังประโยชน์ใหญ่ของหมู่เทพนิกรและพรหมบรรษัททั้งหลายให้สำเร็จกันอยู่เนืองๆ

    ก่อนจะทำ พ่ออาจารย์ท่านได้ขออนุญาติพระปัญจสิขรก่อนซึ่งท้าวเธอก็ยินดีอย่างยิ่ง ด้วยว่าเป็นกิจโปรดสัตว์ เป็นภาระกิจพิเศษในสมเด็จพระศรีอาริย์ซึ่งพ่อปัญจสิขรนั้นถือว่าเป็นเกียรติยศอย่างที่สุด โดยสร้างขึ้นเป็นรูปบูชาครูของพระปัญจสิขรคนธรรพ์เทพบุตร ซึ่งถือว่าเป็นคนธรรพ์ชั้นผู้ใหญ่และเป็นเทพบดีของเหล่าคนธรรพ์ พ่ออาจารย์ท่านแกะพิมพ์ในอากัปกิริยาเหินนภากาศ พร้อมกับแสดงฤทธิ์ดีดพิณของท่าน การบูชาเทพคนธรรพ์ซึ่งเป็นครูเสน่ห์เหนือกว่าเหล่าคนธรรพ์ วิทยาธร และเพชรพญาธรทั้งหลายนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่อจะสร้างนั้น รูปนั้นจะมีอาถรรพ์ เครื่องมงคลนั้นจะเป็นที่สุดแห่งเสน่ห์เมตตา การเข้าหา การสังวาส หรือความสำเร็จในกามคุณต่างๆทุกประการ นอกจากนี้ยังช่วยซึมซับโรคภัยไข้เจ็บพลังงานด้านลบต่างๆเพื่อพลังงานและสถานการณ์อันจะเติมเต็มปริมาณของความสุขในชีวิตคนบูชา ท่านว่าเครื่องรางนี้เป็นไปเพื่อความเจริญทางโลก ให้ใช้กันแต่พอสมควร บูชาแบบมีสติอย่านำไปก่อกรรมสร้างเวรเท่านั้น ด้วยเทพคนธรรพ์ปัญจสิขรนั้นท่านเป็นเทพบดี เป็นจอมเทพซึ่งมีศักดิ์ใหญ่มีฤทธิ์อันประเสริฐ ทั้งยังข้องยังติดอยู่ในกามคุณ มีเหล่ามเหสีและสนมกำนัลล้นวิมานชั้นฟ้าจึงเป็นครูเสน่ห์ที่อาราธนาขึ้นที่สุด

    พระปัญจสิงขรนี้เป็นเทพคนธรรพ์ซึ่งมีศักดิ์ใหญ่ เป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นที่รักใคร่เอ็นดูของเทวดาในทุกชั้นฟ้า พ่ออาจารย์ท่านว่าหากพูดถึงท่านปัญจสิขรนั้นเป็นที่นิยมอย่างไร ก็ให้เรานึกถึงดาราดังๆระดับโลกของเรา พระปัญจสิขรท่านก็เป็นที่นิยมในหมู่เทวดานางฟ้าเช่นนั้น ถึงขนาดที่ท้าวสนังมหาพรหมกุมารจะมาบรรยายธรรมที่เทวสภา ยังต้องจำแลงพระกายในรูปพระปัญจสิขรทีเดียว ไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมเทพยดาทั้งหลายจึงพึงใจที่จะมาฟังธรรมเทศนาของมหาพรหมองค์นี้เป็นอันมาก พ่ออาจารย์ท่านว่ารูปพระปัญจสิขรนี้เหมือนมีอาถรรพ์แห่งมนต์สะกด มีอานุภาพแห่งเสน่ห์เมตตายิ่งกว่าพระขุนแผนหรือพ่องั่งใดๆ เป็นเสน่ห์เมตตาที่จะออกมาในรูปของความนิยม คนรักใคร่เอ็นดู

    พ่ออาจารย์ท่านทำพระปัญจสิขรบรรเลงพิณกล่อมฟ้า ซึ่งถือเป็นสิ่งวิเศษเหนือโลกขึ้นมา ท่านว่าการบรรเลิงพิณของพระปัญจสิขรนั้นไม่เหมือนการบรรเลงพิณของคนธรรพ์ทั้งหลายโดยสิ้นเชิง ท่านว่าอย่าลืมเสีย ว่าพิณนี้คือของคู่พระหัตถ์ของท้าวมาลัยที่ตกลงมาถึงพระอินทร์และพระปัญจสิขรในที่สุด ดังนั้นพิณนี้จึงมีอานุภาพมากกว่าการขับกล่อม แต่เป็นอานุภาพแห่งการครอบงำ ซึ่งเมื่ออดีตกาลท้าวมาลัยหรือพญามารก็เคยใช้อานุภาพของพิณนี้อยู่เนืองๆ เป็นอานุภาพแห่งการครอบงำที่นอกเหนือไปจากสัตว์โลกแล้ว แม้เทพยดา มาร อสูร พรหม หรือแม้แต่พระภิกษุที่ยังไม่ถึงซึ่งภูมิอรหันต์ก็ดี ย่อมตกอยู่ในการครอบงำของพิณนี้ ด้วยอานุภาพของพิณกล่อมฟ้านี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นที่มาแห่งความสุข แม้เทวดาทั้งหลายที่ได้ชื่อว่าเสพกามในระดับที่สูงส่งและปราณีตจนมนุษย์นึกคิดไม่ถึงแล้ว เมื่อได้ยินเสียงพิณก็ยังมีความสุขเพลิดเพลินในเสียงพิณยิ่งกว่ากามทั้งหลายเหล่านั้น ถึงกับเป็นตำนานว่าเมื่อพิณกล่อมฟ้าดังขึ้นทุกอย่างที่เกี่ยวข้องในกามภพ รูปภพ แม้ผู้ใดนึกหวังสิ่งใดก็จะสำเร็จได้ตามนั้น ทุกสิ่งที่อยู่ในกามภพ ในมหาวัฏจักร ด้วยอานุภาพแห่งพิณของท้าวมาลัยที่อยู่ในมือพระปัญจสิขรนี้ย่อมดลบันดาลให้เป็นไปได้ทั้งสิ้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่อพระปัญจสิขรบรรเลงพิณกล่อมฟ้า เมื่อนั้นกิจทั้งหลาย การกระทำทั้งปวงย่อมสำเร็จ ความสุขสมหวังในกามไม่ว่าจะรูปแบบใดจะสูงส่งปานไหนก็ดี ทั้งชื่อเสียง เกียรติยศ เงินทอง ความสุขสม ทุกอย่างที่อยู่ในห้วงของกามถือว่าอยู่ในอำนาจของพิณกล่อมฟ้านี้ย่อมไม่มีทางหลุดพ้นไปได้

    ที่พ่ออาจารย์ท่านสร้างพระปัญจสิขรขึ้นมา ท่านว่าหลายคนขาดใบเบิกทางที่ดี ชีวิตไม่มีผู้นำสาร ผู้นำมาซึ่งความสำเร็จ พระปัญจสิขรท้าวเธอนั้นมีคุณลักษณะพิเศษที่เทพองค์อื่นไม่มี นั่นคือเป็นที่รักไปเสียทั้งหมดไม่มีใครกล้าเกลียด พ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่อท่านบรรเลงพิณสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยเปรียบเทียบกับความสุขสมหวังในกามถวายพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธองค์ทรงโมทนาตรัสชื่นชมตลอดจนอบรมสั่งสอนพระปัญจสิขรนั้น ก็ทำให้ท่านมีฤทธิ์ที่เกิดจากพุทธานุภาพบันดาลให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก พ่ออาจารย์ว่าแม้พระอินทร์เจ้าสวรรค์กิจใดที่ท่านทำเองไม่ได้ หรือไม่มั่นใจว่าจะทำสำเร็จได้ หากใช้พระปัญจสิขรผู้เป็นเสมือนหนึ่งพระโอรสนี้ไป กิจนั้นย่อมสำเร็จได้ไม่ยากเลย


    พ่ออาจารย์ท่านได้นั่งลบถมผงอักขระวิชาสวรรค์หลงทางนับพันคาบพระคาถาจนผงร้อนมือมีอานุภาพแค่เดินข้ามก็เสียจริตได้ เป็นที่สุดแห่งวิชามหาหลงอย่างที่สุดนำมาเข้ากับว่านยา เพื่อนำผงนั้นมาปั้นเป็นแท่งผงวิเศษเอาไว้ชักยันต์กามสูตร หัวใจมนุษย์ ช้างผสมโขลง ยันต์อุลลุม ยันต์มหาละลวยใหญ่ ยันต์เทพรำพึง เทพรำลึก เทพรัญจวน ฝนเสน่หา นารายณ์กลืนสวาท มหาธาตุผูกจิต หน้าพระทอง พระลักษณ์หน้าทอง นะนอนใจ นะเจ้านางออ ยันต์แช่น้ำทำเสน่ห์ ยันต์หญิงรักชายหลง ยันต์เล่นชู้ ยันเสน่ห์เรียกจิต ยันต์เสน่ห์ผู้ใหญ่รัก ยันต์พระพายพัดจิต ยันต์สาวสามหมู่บ้าน ปิโยเทพรัญจวน ยันต์เทพฝัน ยันต์เป่าสะกดใจ ยันต์อิทธิเจเสน่ห์กล หมากินความคิด แมงวันคำ งั่งเสพย์นาง ยันต์อิ่นมนุษย์ อิ่นช้าง ม้าคู่นาง ท่านว่าผงที่ลบถมออกมานี้ท่านเมตตาใช้ผงล้วนๆนำมากดสร้างขึ้นรูปพระปัญจสิขร ไม่ใช่เล่นแต่ทางเสนห์ แต่ท่านนำผงยันต์ทางวิชาอีกสามชนิด คือมหาลาภ รักษาตัวคุ้มกันภัย ปรับสมดุลย์ธาตุขันธ์และสภาวะร่างกาย ท่านว่าเป็นวิชาของเสด็จพระใหญ่กับสายในดง แต่ละชนิดท่านลบถมเป็นร้อยครั้งพันครั้งในผงนั้นมีอักขระนับแสนนับล้านจนประมาณไม่ได้ ซ้ำยังเสกเก็บไว้อยู่มิได้ขาด นำมาผสมด้วย ท่านว่าครูคนธรรพ์จะได้มีอานุภาพครอบฟ้าคลุมดินเพียงแค่ผงก็ใช้ได้ทุกประการ

    ไม่เพียงเท่านั้น พ่ออาจารย์ท่านยังได้บรรจุดวงธาตุหัวใจพระประคนธรรพ์ลงไปด้วย ท่านว่านี่เป็นเครื่องรางที่เป็นที่สุดของเทพคนธรรพ์อย่างแท้จริง ท่านว่าประคนธรรพ์จริงๆแล้วคือพระนารทมุนี ไม่ใช่ประคนธรรพ์ในรามเกียรติ์อันนี้เพี้ยนอย่างมาก พ่ออาจารย์ท่านว่าคนเรานั้นเหมือนกลองทำดีให้ตายก็แค่เสมอตัว ไม่ตีก็ไม่ดัง ในห้วงชีวิตหนึ่งนั้นหากไร้ชื่อเสียง ไม่ปรากฏความสุขสรรเสริญ ทำอะไรก็สุดแล้วแต่ที่จะถึงซึ่งเกียรติยศและความเจริญรุ่งเรืองนั้นเป็นไม่มี หากอยากประสบความสำเร็จ ชื่อเสียง เกียรติยศ เงินทอง สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และเป็นอำนาจโดยตรงของครูตะโพนหรือพระนารทมุนีในภาคพระประคนธรรพ์นั่นเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าต้องแยกแยะกันให้ออก พระนารทในภาคฤาษีท่านก็ให้คุณอย่างหนึ่ง ในภาคพระประคนธรรพ์นี้ท่านก็ให้คุณอย่างหนึ่งเอามามั่วกันไม่ได้ พ่ออาจารย์ท่านเสกเก็บอัญเชิญครูพระประคนธรรพ์มาอยู่เนืองในดวงธาตุหัวใจวิชาพระประคนธรรพ์ซึ่งท่านใช้ผงดินตะโพนมาลบถมด้วยหัวใจพระนารทมุนีด้วยอักขระกูโบ๊ส ท่านว่าดวงธาตุนี้อยู่ที่ไหนก็นำพามาซึ่งเกียรติยศและความเจริญรุ่งเรือง ความสำเร็จ ชื่อเสียง เงินทอง ในที่นั้น ยิ่งถูกตียิ่งดัง ยิ่งถูกขัดเกลายิ่งดี ต่อไปนี้ทุกการกระทำจะไม่มีสูญเปล่า

    นอกจากนี้พ่ออาจารย์ท่านยังได้เมตตาลงอักขระวิชาชุดพิเศษขึ้นมาเพื่อทำตะกรุดฝังไว้ในองค์พระด้วย นั่นคือวิชาชุดสิทธิมั่งมี ซึ่งในอดีตนั้นท่านได้สร้างตะกรุดสิทธิลาภ สิทธิโชค สิทธิชัยจนกลายเป็นตำนานไปแล้ว วิชาชุดนี้พ่ออาจารย์ท่านเมตตาลงหัวใจทำตะกรุดฝังไว้ถวายเพื่อเป็นสิ่งหน่วงนำอำนาจบารมีของสมเด็จพระศรีอาริย์มาสู่ผู้บูชาให้มั่งมีสมชื่อ พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้ต่างกับสิทธิลาภอย่างไร ท่านว่ามันเป็นวิชาชนิดที่เรียกว่าขั้นกว่า หมายถึงสิทธิมั่งมีตัวนี้ เป็นการร่ำรวยแบบมั่งคั่ง ไม่ใช่ลาภผลธรรมดา เป็นวิชาที่นำออกจากความยากจน ขัดสน เป็นสิทธิเฉพาะของบุคคลที่จะมั่งมีขึ้นได้ตามการกระทำ ยิ่งขยันก็ยิ่งรวย ยิ่งพัฒนาก็ยิ่งสำเร็จ พ่ออาจารย์ท่านได้เมตตาลงหัวใจและปลุกเสกไว้อย่างดีก่อนนำมากดพิมพ์ฝังลงไป

    พ่ออาจารย์ท่านได้สร้าง มงคลกล่อมฟ้าพระปัญจสิขรฝังผงภูติพระศรีอาริย์ปราบทุกข์เข็ญ(สิทธิมั่งมี) ไว้ทั้งหมด 8 องค์ พร้อมกับเชิญญาณพระปัญจสิขร พระประคนธรรพ์ และท้าวนาถเทวราชหรือสมเด็จพระศรีอาริย์มาสถิตย์อย่างเต็มกำลัง ท่านว่ารูปใครคนนั้นก็ทำก็เสก ครูทุกพระองค์ลงกันอย่างเต็มที่

    คาถาบูชา
    (ระลึกถึงท้าวนาถเทวราชหรือพระศรีอาริย์) นะโมพุทธายะ นะโมโภตะยะ มะโรกะหิโต นะโมเมตตรัยโย มะวิปะโร ปัญจะพุทธา ทานะคะตา สะวัตดิลาโภ ภะวันตุเม
    (ระลึกถึงครูเทพคนธรรพ์) โอมปัญจะสิงขรคันธะเวหินะมะฮา คันธัพเพสาจะ มะนุสสายัสติ เอหิคันทัพโพ โหตุ (บูชาด้วยเครื่องหอมได้ทุกชนิด ไม่มีข้อห้ามในการใช้การพกพาและอธิษฐาน แต่หากใช้ทางเสน่ห์แล้วต้องรับผิดชอบ)

    * พ่ออาจารย์ท่านสร้างมงคลกล่อมโลกพระปัญจสิขร ไว้ทั้งหมด 8 องค์ ผู้ที่จะบูชาให้แจ้งเฉพาะทาง PM พร้อมบอกชื่อนามสกุล และกำกับความต้องการพิเศษที่ต้องการจะบอกครูทั้งสามเป็นการเฉพาะไว้ด้วย พ่ออาจารย์ท่านจะบูชาไฟและเจิมผงสินธูระประสิทธิ์ให้อีกวาระหนึ่ง

    ร่วมทำบุญบูชา มงคลกล่อมฟ้าพระปัญจสิขรฝังผงภูติพระศรีอาริย์ปราบทุกข์เข็ญ(สิทธิมั่งมี) บูชา 4,000 บาท

    16998235_377940202580694_7196041923225879281_n.jpg Maitreya_Buddha_-_Nubra.jpg 1349788240.jpg 1213230665.jpg SAM_5433.jpg SAM_5436.jpg 296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา มงคลทนสิทธิ์ธนูพรหมมาสตร์แก้วมหิงสา(กระบือประหาร)
    " วิชาชุดนี้แรงเกินไป เปรียบกับระเบิดก็เหมือนระเบิดปรมาณู จะไม่ทำอีกแล้ว ......ซึ่งก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าท่านจะค้นเจอที่สร้างไว้สมัยรุ่นๆแถมเสกจนลืม ซ้ำยังเลี่ยมไว้อย่างดีพร้อมจะขึ้นคอกันทุกองค์ "

    พ่ออาจารย์ท่านเคยมีดำริและพูดถึงพญามหิงส์นี้ไว้อยู่เนืองๆ เหมือนสิ่งนี้ขาดหายไปจากความทรงจำของท่านว่ามันยังมียังดำรงค์อยู่ ท่านมักจะพูดถึงความยากของการรวบรวมมวลสาร พิธีกรรม ตลอดจนอานุภาพของเครื่องมงคลชุดนี้

    แก้วมหิงส์หรือพญาควายก็เรียก พ่ออาจารย์ท่านทำควายพยนต์นี้ขึ้นมาโดยใช้ยอดผง ยอดธาตุ ยอดทนสิทธิ์ มาผสมรวมกันก่อนจะปั้นเป็นพญาควาย ท่านว่าสามยอดนี้หมายถึงมีกำลังที่เป็นยอดในสามโลก ท่านว่าผงแต่ละอย่างล้วนแต่เป็นผงที่มีฤทธิ์ มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์โดยธรรมชาติ เป็นของเหนือโลกทั้งสิ้น ท่านว่าตอนนี้ถ้ามาถามฉันว่าผสมอะไรลงไปบ้างฉันก็คงตอบไม่ได้แล้วเพราะมันนานเต็มที แต่ฉันเชื่อว่าถ้าเป็นสมัยก่อนเธอมาถามฉันว่าผสมอะไร เธอต้องเอาสมุดมาหนึ่งเล่มนอนจดกับฉันเสียสามวันฉันจะทยอยเล่าทยอยบอกให้ฟัง เชื่อเถอะว่าสามวันนี้ก็ยังบอกไม่หมด เพราะกว่าจะหาได้ครบต้องเข้าป่าเดินนับสิบๆปี

    พ่ออาจารย์ท่านว่าสมัยก่อนนั้นมันร้อนวิชานะแล้วก็ลองทำ ยังไม่เคยทำอะไรเลยก็จะนำผงมานวดๆแล้วปั้นเอาไว้ ดังนั้นควายแต่ละตัวจึงไม่เหมือนกันนักหรอก สุดแต่จะนึกออกและปั้นออกมา หน้าตามันก็จะตลกๆหน่อยแต่มันก็ดูออกแหละว่าเป็นควาย ถ้าถามว่าแรงมั๊ยเรื่องความแรงนี่ก็คนละเรื่อง ท่านนำควายของท่านที่เรียกว่าแก้วมหิงส์นี้มาเสกเก็บไว้ใส่ธาตุตั้งวิญญาณผูกรูปนาม เชิญเทวดามาสถิตย์ในเขาทั้งสอง ขาทั้งสี่ ตาทั้งสอง รวมถึงอวัยวะมากมายตับไตไส้พุง ทำพิธีต่างๆทั้งชุบมหาอัคคี ปราบป่าช้าทั้งเจ็ด เสกเก็บเรื่อยมา ท่านว่าควายนี้ถึงจะเล็กแต่มวลสารก็มีอานุภาพมาก เรียกว่าเล็กแต่มีคุณมหาศาล

    แต่เดิมนั้นท่านตั้งใจแต่แรกว่าจะทำควายมงคลที่ใครบูชาจะดึงดูดโชคลาภวาสนาบารมีมาสู่ตัวตามตำรา ด้วยคงเป็นสมัยก่อนที่ท่านยังร้อนวิชาอยู่มาก ท่านกล่าวว่าควายนี้จะดีเพียงเท่านั้นก็ไม่สม ต้องดียิ่งขึ้นไปอีกคือมีชีวิตจิตวิญญาณธาตุขันธ์บริบูรณ์ ซ้ำต้องมีกำลังฤทธิ์มาก เรียกว่าคุ้มตัวได้ ท่านว่าวิชาควายธนูนี้ที่จริงมันมีมายาวนานนับพันปีทีเดียว ท่านว่าตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวว่าจะทำของให้มันแรงๆ โดยใช้ตำรับทำควายทรงของพระขันธกุมารที่มีอาถรรพ์สูงสุดในวิชาควายทั้งปวงทีเดียว พ่ออาจารย์ท่านว่าควายของฉันนั้นเป็นธนูชน ไม่ใช่ควายสามัญแต่เป็นควายทรงของพระขันทกุมารหรือพระอังคาร เป็นควายพาหนะของเทพกษัตริย์สงครามผู้ไร้พ่าย ควายเช่นนี้ดี ขลัง แรง ดุดัน แพ้ใครไม่ได้ไร้พ่ายในที่ทุกสถาน ที่สำคัญคือซื่อสัตย์ต่อนายเป็นที่สุดนอกจากนั้นยังช่วยขจัดคุณไสยฝ่ายต่ำ พลังงานลบทั้งหลายซ้ำยังเป็นควายมงคลที่หาทรัพย์เก่งดึงดูวาสนาบารมีมาสู่ผู้ครอบครองท่านจึงเรียกว่าแก้วมหิงส์

    การทำแก้วมหิงสานั้นเมื่อปั้นทำเสร็จ เสกเสร็จ ต้องสำเร็จในเปลวอัคคี ชุบด้วยไฟ นั่นแหละกล่าวง่ายๆคือไฟเผาไม่ไหม้ แม้แต่ไฟยังทำอะไรไม่ได้ รอดออกมาจากกองไฟได้ ท่านถึงจะนำมาลงยางรักเสียวาระหนึ่งไม่ใช่เท่านั้นยังต้องมีพิธีกรรมอื่นๆอีกกว่าจะสำเร็จเช่นการเสกในป่าช้า ท่านว่าไม่ได้เอาคุณผีมาช่วยนะพิธีของเรา แต่เราทำคือสะกดข่ม ตามตำราว่าเสกขึ้นต้องเงียบทั้งป่า ต้องเก่งถึงขนาดสะกดป่าช้าได้ทั้งป่า และทำไปเรื่อยๆจนครบเจ็ดป่าช้าด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าไม่ใช่สมัยก่อนคงไม่เสียเวลาทำเพราะป่าช้าสมัยนั้นเฮี้ยนอย่างยิ่ง ถึงขนาดปราบป่าช้าได้ก็ไม่ต้องคิดถึงเรื่องคุ้มชีวิตคนแล้วมีหรือจะทำไม่ได้ ควายธนูชนนี้ทำยากมากจนพ่ออาจารย์ท่านออกปากว่าจะไม่ทำอีกแล้วเพราะว่าที่ยากนั้นไม่เพียงเนื้อหามวลสาร อานุภาพ แต่พิธีกรรมก็ไม่ใช่ของง่าย

    พ่ออาจารย์ท่านเสกจนควายขยับได้ ท่านว่าลืมตามาทีแต่ละตัวไม่มีอยู่ที่เดิม ไม่รู้จะเรียกอย่างไรว่ามันเดินรึมันคลานดี ท่านว่ามันมีชีวิตกันเช่นนั้นเสกแต่ละทีต้องเดินหาเดินเก็บ โดยท่านนำควายทั้งหมดใส่ขันครูปลุกเสกไว้หลายปีจนลืม พอนึกได้ก็นำควายมาทำวิชารวมกับตะกรุดธนูพรหมาสตร์ที่พ่ออาจารย์ลงไว้อย่างพิศดารถึงสามสถาน

    พรหมาสตร์ แปลว่า ศรแห่งพระพรหม เป็นศรที่พระพรหมสร้างขึ้น ศรพรหมาสตร์เป็นศัตราวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้ ตามคัมภีร์ปุราณะว่า มีแต่ไม้เท้าพรหมทัณฑ์ของฤๅษีวสิษฐ์เท่านั้นที่จะต้านอำนาจของศรพรหมาสตร์ได้ ส่วนรามเกียรติ์ฉบับรัชกาลที่ 1 กล่าวว่า ศรพรหมาสตร์สามารถล้างศรพรหมาสตร์ด้วยกันเองได้ ศรพรหมาสตร์นั้นเมื่อแผลงออก ก็เกิดเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น [ผู้ใช้ศรสามารถบังคับให้แล่นไปสังหารศัตรูได้ดังใจแม้จะไม่เห็นกายศัตรูก็ตาม และยังอาจบันดาลเป็นลูกศรหรือศัตราวุธนานาชนิดกลาดเกลื่อนเต็มท้องฟ้าและพุ่งอย่างรวดเร็วไปพิฆาตหมู่ศัตรู ในรามเกียรติ์ฉบับรัชกาลที่๑ กล่าวถึง ศรพรหมาสตร์ที่อินทรชิตแผลงไป ดังนี้

    "จึ่งจับพรหมาสตร์ขึ้นพาดสาย หมายองค์พระลักษณ์รังสรรค์
    หน่วงน้าวเหนือคอเอราวัณ กุมภัณฑ์ก็ผาดแผลงไป
    บันดาลเป็นศรเกลื่อนกลาด ทำอำนาจพ่างพื้นแผ่นดินไหว"
    ในรามเกียรติ์อสูรสำคัญ เช่น กุมภกรรณ อินทรชิต และทศกัณฐ์ ต้องสิ้นชีวิตลงเพราะศรพรหมาสตร์ของพระราม

    ตะกรุดธนูพรหมาสตร์นี้พ่ออาจารย์ท่านสร้างขึ้นโดยขอความอนุเคราะห์จากองค์มหาพรหมธาดา โดยท่านได้นำแผ่นเงินมาขึ้นรูปศรพรหมาสตร์ลงอักขระพระเวทย์สำคัญกำกับ ท่านว่าศรพรหมมาสตร์นั้นเป็นศรสำคัญ หลายคนคิดเพียงแต่ว่าเป็นโคตรอาวุธทำลายล้าง ซึ่งก็ไม่ผิดแต่ที่จริงแล้วเค้าเป็นศรสารพัดนึก ด้วยมีอำนาจการสร้างสรรค์ของพระบรมบิดาพรหมเทพจะแผลงออกไปเป็นอะไรก็ได้ตามใจผู้แผลง แผลงเมื่อไหร่ต้องได้เรื่อง ทุกกิจต้องจบสิ้นอย่างรวดเร็ว


    โดยพ่ออาจารย์ท่านสร้างตะกรุดธนูพรหมาสตร์นี้โดยกำกับนะไตรภพไว้ที่ลูกศร ท่านว่าศรนี้จะสอยสิ่งใดก็ได้ทั้งสิ้นตระเวณไปได้ในโลกทั้งสามตามแต่ใจผู้ใช้จะปรารถนา จะใช้สอยหรือใช้ทำลาย สิ่งเหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณธรรมกำกับจิตใจผู้ใช้ ใช้สอยโชคลาภ ใช้สอยนางฟ้า ใช้อะไรก็สุดแต่จะใช้แต่อย่านำไปทำลายชีวิตใครก็พอ เพราะลำพังเทพศาสตราเล่มนี้พกไว้เฉยๆก็ได้ชื่อว่ามีอานุภาพเหลือประมาณแล้ว โดยพ่ออาจารย์ท่านลงไว้อย่างพิศดารถึงสามสถานได้แก่ กำจัด ดับ ทำลาย อันเป็นคุณลักษณะของพรหมาสตร์ให้ศรนี้มีฤทธานุภาพสูงสุด ท่านว่าคุณลักษณะทั้งสามนี้ไม่จำเป็นท่านก็ไม่อยากพูดถึงเพราะแรงได้เรื่อง
    - กำจัด หมายถึง การขับไล่, การปราบ, การทำให้สิ้นซากไป
    - ดับ หมายถึง การทำให้หมดสิ้นและสูญสิ้นไป ไม่สามารถดำรงค์สถานะไว้ได้อีก
    - ทำลาย หมายถึง การทำให้แตกหัก เสียหาย พังทลายลง
    แต่หากถามว่ารู้ว่าแรงทำไมถึงทำ ท่านว่าที่ทำก็เพราะจะทำมหาธนูพรหมาสตร์ยอดธนูเอกของไตรภพ ยอดอาวุธของท้าวมหาพรหมไม่ใช่ธนูนกกระจิบ จะให้ทำเล่นๆไม่สมเกียรติยศก็ไม่ได้ ด้วยอานุภาพสามสถานะ คือ กำจัด ดับ ทำลาย ของศรเอกพรหมาสตร์นี้ จึงได้ชื่อว่าเป็นยอดศาสตราวุธที่เหนือกว่าเทพศาสตราใดๆในไตรภพ มีอานุภาพเสมอด้วยตรีศูลปินากะของพระศิวะ จักรสุทรรศน์ของพระนารายณ์เลยทีเดียว

    พ่ออาจารย์ท่านได้นำควายธนูชนนี้ มาพันไว้กับตะกรุดธนูพรหมาสตร์ด้วยสายสิญจน์ที่ท่านใช้ล้อมขันครูของท่าน ท่านว่าแรงเห็นเป็นเชือกขาวๆแบบนี้แต่ก็แรงเปี่ยมด้วยฤทธิ์แรงครูยิ่งนัก ท่านว่าควายติดศรพรหมาสตร์นี้ นอกจากอานุภาพเป็นเลิศปราบได้ทั้งมนุษย์ ยักษ์ คนธรรพ์ เพชรพญาธร เทวดา นาค ครุฑ มาร ภูติผี อสุรกาย ปีศาจ รากษส สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในสวรรค์ มนุษย์ บาดาลตามฤทธิ์ของควายธนูชนราชพาหนะของเทพกษัตริย์สงครามและฤทธิ์ของศรพรหมาสตร์แล้ว ทั้งนี้ท่านยังทำเอาความหมายว่า ควายนี้เมื่อใช้งานต่อไปในสิ่งใดๆก็ดี ย่อมต้องสำเร็จทันใจนึก ด้วยอานุภาพของศรพรหมมาสตร์ที่พ้นสาย ท่านว่าอุปมาไว้ลูกศรที่แผลงไปไม่ย้อนคืนสายฉันใด ควายนี้ก็เช่นกัน ทุกอย่างที่ใช้และปรารถนา ทุกเรื่องย่อมสำเร็จโดยพลันไม่กลับสู่จุดเดิมเช่นนั้น ศรพรหมาสตร์แผลงได้เรื่องทุกคราวฉันใด ควายที่ขี่ไว้บนศรพรหมาสตร์ใช้งานอะไรก็วิ่งได้ทันใจฉันนั้น

    เมื่อท่านผูกควายกับตะกรุดธนูพรหมมาสตร์เสร็จท่านก็สั่งให้นำไปเลี่ยมมาเก็บไว้แยกออกจากสิ่งต่างๆ จนท่านลืมไปในที่สุดว่ามีควายแก้วนี่อยู่ พ่ออาจารย์ท่านว่าได้ยินแต่เสียงขลุกขลักๆอยู่ในถุง พอค้นดูจึงรู้ว่าควายธนูเหล่านี้มันขยับเริงร่าฮึกเหิมกันจึงนึกได้ขึ้นมา

    พ่ออาจารย์ท่านนำควายธนูชนนี้ออกมานับดูเห็นว่าเหลืออยู่ทั้งหมด 7 ตน ท่านว่าควายรุ่นนี้ดี เล็กแต่รสโต ควายสูตรนี้ทำยากหมดแล้วก็จบไปเพราะทำไม่ได้อีก จะห้อยคอห้อยเอวก็ได้ทั้งสิ้น ใช้ปราบ กัน แก้ หาลาภ นำความรุ่งเรืองได้ดี ท่านว่าก่อนจะนำออกให้บูชานี้ท่านแผ่เมตตาขออนุญาติเทวดาตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของผู้ที่จะได้ครองครองควายแก้วแต่ละคนไว้ เนื่องจากควายมีเจ้าของทุกองค์ขอให้ได้ใช้กันในหมู่ผู้มีสติ เป็นสิ่งนำมาถึงซึ่งความเจริญรุ่งเรือง ไม่เบียดเบียนชีวิตใครเช่นที่มีคนเคยทำ ท่านว่าขอให้เค้าไปอยู่กับคนดี ถ้าคนไม่ดีแล้วขออย่าให้ได้เห็นแม่แต่เงาของพญาควายนี้

    คาถาบูชา (แบบสั้นใช้ภาวนาได้ตลอด โอมนะยอ มหานะยอ)

    โอม ปู่เจ้าสมิงพราย ปู่เจ้ากำแหงให้กูมาทำควายธนู กูจักเชิญพระอิศวรมาเป็นตาซ้าย กูจักเชิญพระอาทิตย์มาเป็นตาขวา กูจักเชิญพระนารายณ์มาเป็นเขา กูจักเชิญพระอินทร์เจ้าเข้ามาเป็นหาง กูจักเชิญพระพุทธคีเนตร์พระพุทธคีนายมาเป็นสีข้างทั้งสอง กูจักเชิญพระจตุโลกบาลทั้งสี่มาเป็นตีนสี่เท้า กูจักเชิญผีทั้งหลายมาเป็นตับไตไส้พุง โอมพญาควายกูนี้ตัวใหญ่หลวงนัก เขาเป็นทองสิงคี เป็นใหญ่กว่าควายธนูทั้งหลาย กูจะเอาชนะผีตายโหง ตายห่า ตายท้องกลม ตายไม่ดี ตลอดจนผีป่า เสือ หมี ผีกะ ปอบ เปรต แลยักษียักษาทั้งหลาย จะให้มึงตายก็ตาย พ่อควายกูเอ๋ย จงตื่น จงลุก จงวิ่งสวาหะ นะมะพะทะ นะมะพะทะ สวาหะ สวาหะ นะมะสะตีตินัง โยโสภะคะวายัง มะอะอุ (อธิษฐานได้ทุกสิ่ง)

    * มงคลทนสิทธิ์ธนูพรหมมาสตร์แก้วมหิงสานี้ พ่ออาจารย์ท่านสร้างไว้ได้ทั้งหมดเจ็ดตน สำหรับท่านที่จะบูชาให้แจ้งไว้เฉพาะทาง PM เท่านั้น พร้อมกับบอกชื่อนามสกุลไว้ด้วย เนื่องจากพ่ออาจารย์ท่านจะทำการบอกกล่าวเป่าคาถากำกับให้เป็นการเฉพาะคนต่อไป รายได้จากการบูชาท่านจะนำไปร่วมทำบุญปูพื้นพระอุโบสถให้วัดในถิ่นทุรกันดารสืบไป

    ร่วมทำบุญบูชา มงคลทนสิทธิ์ธนูพรหมมาสตร์แก้วมหิงสา(กระบือประหาร) บูชา 3,000 บาท
    easter-fire-384602_960_720.jpg image.jpg SAM_5445.jpg SAM_5443.jpg SAM_5444.jpg art_539664.jpg hqdefault.jpg 17c415_cc57eb2aa44a4dd4ac12690810f318a8.jpg_srb_p_630_484_75_22.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2023
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา อิ่นพยนต์แฝดหุ่นปั้นรักหมดใจกบตายคารู(สิทธินารี)

    พ่ออาจารย์ท่านว่าสมัยก่อนนั้นเมื่อพิจารณาเหตุปัจจัยต่างๆ ดูความเป็นไปที่จะเกิดในอนาคต ท่านว่า เรารู้ว่าต่อไปความรักของคนหนุ่มสาวมันจะเป็นเรื่องฉาบฉวยและยิ่งนานวันไปมันจะยิ่งเสื่อมถอยลงอย่างมาก ตอนนั้นก็เลยคิดจะทำวิชาเอกของครู นั่นคือสิทธินารีขึ้นมาควบคู่กับการผูกพยนต์ จะเรียกพยนต์ตัวครูสิทธินารีก็ได้ ท่านว่าที่คิดจะทำตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นเสน่ห์ลุ่มหลงเลยเถิดอะไรมาก คิดแค่ว่าอยากทำไว้ซักครั้งและตั้งใจจะย่อยแท่งยาแฝดและมวลสารแรงๆต่างๆที่เก็บไว้ด้วย หุ่นปั้นรักปักใจนี้คือหุ่นที่ท่านปั้นมือขึ้นมา เพื่อใช้เรื่องเมตตา กรุณา เสน่หา ความรักท่านว่าคนส่วนใหญ่มักมีปัญหากับความรักที่ฉาบฉวยไม่เจอรักดีๆชนิดที่เรียกว่ารักแท้จริง ปักใจรักจนตัวตาย ท่านว่าความรักที่บริสุทธิ์เช่นนี้หายาก ท่านจึงทำหุ่นขึ้นมาเพื่อสงเคราะห์คนเค้า

    แต่พอทำปุ๊ป ตรงนี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามันดีเกินหน้าไปหน่อย เพราะคนเค้าเอาไปเรียกผัวเรียกเมียกันได้ บางพวกก็พกไปได้เมียชาวบ้านมีแต่เรื่องปวดหัวเต็มไปหมด ท่านเห็นว่ายิ่งใช้ยิ่งผิดครูมากขึ้นทุกที ท่านจึงอธิษฐานให้พยนต์ที่คนเอาไปใช้ผิดวิธีนั้นให้ตัวหุ่นแตกทำลายตัวของมันเองไป และนำพยนต์ที่เหลือเก็บเอาไว้ แต่พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าคนที่รู้คุณแล้วใช้เป็นจริงๆ พยนต์นี่เป็นอะไรที่ลึกซึ้งมาก ลึกซึ้งกว่าความสนุกทางโลกีย์วิสัยอย่างแท้จริง

    พยนต์ปั้นรักปักใจหรือหุ่นสิทธินารีนั้น พ่ออาจารย์ท่านสร้างหุ่นนี้จากยาแฝด ยาอาถรรพ์หลายชนิดที่หาตัวยาและทำยาก นอกจากนี้แกนตะกรุดท่านยังลงด้วยมนต์พระเจ้าข้ามโลกไว้ด้วย ท่านว่าท่านปั้นให้เป็นหุ่นคู่มองดีๆก็เมือนอิ้นคู่ แต่ท่านจะเรียกว่าตาอินทร์กับยายจันทร์ ซึ่งตัวหุ่นนั้นจะประกอบไปด้วย

    - ผงเสน่ห์ยาแฝดตำรับลับถอดถอนไม่ได้
    - ผงเสน่ห์ยาแฝดหงส์ร่อนมังกรรำ
    - ผงยาแฝดพม่ายาแดงมหาปิยะสิทธิ
    - ยาเสน่ห์มัดจิต
    - ผงมหาเทพกามเสพสม
    นอกจากนั้นท่านยังใช้ผงยาและผงวิเศษอีกมากที่มีขั้นตอนสร้างยุ่งยากหลายชนิด ได้แก่ ยาสุระสะตี๋ ยามิ่นโย่ ผงยากัดจี๋ ยาเสต่อ ผงปถมังคำ ผงนางอกแตก ผงอางปถมังคำ ยามะหันพอง ยาเสน่ห์จูงใจ ผงอางอิ่นหน่อง ยามหาหลง ผงยาแฝดอะนะอะจุน ผงมธุสาลิกา ผงอะตถบุบผา ยามหาล่ำสาย ยาปิยะสิทธิ ยาลาภะสิทธิ ยากามตัณหา ยาอิสาสะยะ ยาตาวะติงสา ผงสาลิกาคาบเหยื่อ ผงวิเศษเหล่านี้แต่ละชนิดพ่ออาจารย์ท่านว่าล้วนแต่สร้างได้ยากยิ่ง บางอย่างก็เป็นของที่ตกทอดจากครูบาอาจารย์ซึ่งประกอบด้วยพลังวิชาและพลังจิตที่รุนแรง แต่ละอย่างก็มีคุณเป็นอนันต์ ใช้ทางเสน่ห์พูดคุยมหาละลวยก็ได้ ใช้ทางมัวเมาลุ่มหลงก็ได้ ช่วยให้จิตคนเกิดเมตตาเราพูดตีสนิทง่ายก็ได้ ให้คนเห็นติดตาตรึงใจอยากพบหน้าเราตลอดก็ได้ ให้เพศที่ปรารถนานึกถึงเราเสมอก็ได้ ใช้ทางเจ้าชู้ร่วมรักก็ได้ ผูกมัดจิตใจให้หลงใหลก็ได้ ให้ความโกรธหายสิ้นก็ได้ เปลี่ยนจิตใจให้คนชอบอยากรู้จักก็ได้ ให้คนพึงใจไม่อยากอยู่ห่างเราก็ได้ ให้คนที่ไปแล้วต้องกลับมาอีกก็ได้ ใช้ให้สมปรารถนาให้รวยเจริญในทรัพย์สินก็ได้

    พ่ออาจารย์ท่านว่าหุ่นปั้นรักปักใจนี่สร้างยากมาก ไม่ลำพังมีแค่ผงยาที่ทรงอานุภาพทั้งหลายนึกจะปั้นก็ปั้นได้เลย สมัยก่อนนั้นท่านทำอะไรก็จะจริงจังอย่างมากโดยหมั่นทำอยู่อย่างนั้นจนสำเร็จ ท่านว่าต้องหามวลสารเสียก่อนซึ่งเปิดเผยไม่ได้มีทั้งผงลูกสวาท ผงไม้ไก่กุก ผงไม้แหย่แย้ ผงลำโพงกาสลัก ที่เอามาลงวิชาและป่นไว้ ไคลพระเจดีย์ ไคลท้องเรือ และสิ่งอันเป็นความลับอีกมากมาย ได้แก่ผงกาบตายคารูเช่นนี้ ท่านว่าวลีก็เป็นความนัยน์แฝงอยู่แล้วว่าตายคารูคืออะไร ท่านนำผงทั้งหมดมาปั้นหุ่นตาอินทร์กับยายจันทร์ และเพียรเสกจนหุ่นเคลื่อนเข้าหากัน สุดท้ายมาบรรจบกอดรัดกัน ท่านจึงพลีหุ่นนั้นชุบด้วยเพลิงพระเวทย์ สำเร็จเป็นผงธาตุตั้งต้นตาอินทร์กับยายจันทร์ ก่อนที่จะนำมาผสมผงยาอันมีอานุภาพต่างๆค่อยๆปั้นขึ้นรูปเป็นหุ่นพยนต์แฝดสิทธินารี


    ด้วยท่านนั่งปั้นผูกขึ้นมาเป็นหุ่นเสน่ห์ทีละตัวๆ โดยท่านว่าค่อยๆทำไปจนมวลสารหมดก็ได้ไม่มาก เพราะนั่งปั้นกับมือทุกตัว พ่ออาจารย์ท่านว่าหุ่นนี้จริงๆแล้วท่านลงวิชาไว้หลายสูตร ไม่ใช่มีเฉพาะเสน่ห์ยาแฝดตำรับลับที่ไม่มีวันแก้หรือถอดถอนได้เท่านั้น ยังมีของสำคัญอื่นๆอีก ท่านว่ามีอีกหลายอย่างอยู่ในหุ่นนี้แม้กระทั่งวิชาสายพรหม พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าหุ่นนี้เป็นหุ่นที่ท่านลงวิชาไว้หลายชนิด ไม่ใช่แต่เพียงเสน่ห์ แต่ยังลงประจุขาด ไล่เสนียด คัดถอน ถอนของ กันสิ่งไม่ดีต่างๆในร่างกาย หนุนจักยกจักรให้หนุนดวงยกดวง ท่านว่าสมัยนั้นคิดแต่จะทำพยนต์ แต่พยนต์ของเรานี่มันแปลก เพราะตอนนั้นเรามีวิชามีความรู้อะไรเราปล่อยลงไปหมด เรียกง่ายๆคือตั้งใจจะให้พยนต์นี้มันเก่ง มันไม่เป็นสองรองใคร ต้องสู้เขาได้ ต้องดีทุกอย่าง ต้องรู้ทุกเรื่อง เรียกว่าใช้งานได้ไม่อายใครเช่นนั้น

    และนอกจากนี้หุ่นตาอินทร์ยายจันทร์นั้นท่านก็มนต์เสกให้ด้วยให้เป็นหุ่นที่มีสำนึกพิเศษ นั่นคือใช้รับกรรมรับเคราะห์แทนตัวผู้บูชา ใช้ดูดโรคเวรโรคกรรม ระงับกรรมเก่า ชะลอกรรมที่ให้ผลรุนแรงให้บรรเทาอยู่ในสภาพที่เรามีความสามารถแก้ไขและผ่านออกไปได้นอกจากนั้นพ่ออาจารย์ท่านยังลงวิชาพระเจ้าข้ามโลกไว้ในตะกรุดรวมกับชุดวิชาเมตตาจิตบรมพรหมา ท่านว่าวิชาทั้งสองที่ลงเป็นแกนไว้บรรจุสีผึ้งพรหมนิมิตนี่สำคัญมาก
    - พระเจ้าข้ามโลก คือข้ามปัญหา ข้ามความทุกข์ สิ่งกีดขวางทุกสรรพสิ่ง ข้ามกองกิเลศ ถึงแล้วซึ่งเอกันตบรมสุข เป็นที่สุดแห่งความคาดหวังและความสำเร็จตลอดจนเกียรติยศที่ยิ่งใหย่ พ่ออาจารย์ท่านว่าหากข้ามได้ก็พ้นแล้วจากทุกข์ทั้งมวล ท่านลงไว้เพื่อให้คนใช้ล่วงทุกข์ นิราศทุกข์นั่นเอง
    - เมตตาจิตบรมพรหมา สายเมตตาชั้นเอกที่พ่ออาจารย์สืบสานตำนานครูด้วยหัวใจเสน่หาหน้าพรหม พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้เอาจริงๆก็ไม่ได้อยากทำ แต่เพราะจะทำพยนต์แฝดก็เลยตั้งใจจะลงยันต์ครูเสน่ห์ใหญ่เอาไว้เลย ท่านว่าลำพังคนจะรู้กันเพียงพรหมนั้นประกอบด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเปกขา แต่ความจริงนั้นมหาพรหมเป็นดวงชีวิตที่มีความงดงามเป็นพิเศษเหนือเทวราชและสัตว์จตุบททวิบาทใด มีความงามจับตามหาภพน้อยใหญ่ดุจวรกายของสมเด็จพระศาสดา วิชาเสน่หาหน้าพรหมนี้จึงเป็นที่สุด เป็นวิชาของครูใหญ่แต่ท่านเอามาเรียกให้ดูไพเราะว่าเมตตาจิตบรมพรหมาเท่านั้น

    โดยในตะกรุดเอกซึ่งใช้เป็นแกนนั้น พ่ออาจารย์ท่านได้เมตตานำสีผึ้งพรหมนิมิตบรรจุไว้ด้วย
    สีผึ้งพรหมนิมิต

    " พ่ออาจารย์ท่านว่ายอดสีผึ้งนี้สำเร็จด้วยองค์บรมพรหมสหัมบดี และที่สำคัญเป็นธาตุพิเศษที่เกิดขึ้นเองในโลกที่ท่านนำมาผสมมวลสารสีผึ้งของครูยุคโบราณต่างๆที่หาได้ในสมัยนั้น ทั้งสีผึ้งพ่อทาบ พ่อทิม พ่อเที่ยง พ่อกวย ปู่ศุข พ่อเงิน พ่อพรหม พ่อวัง พยองคำ และอาจารย์หนานต่างๆรวมถึงครูยาครูขี้ผึ้งสายพม่าและไทใหญ่ของท่านด้วย พ่ออาจารย์ว่ากว่าจะสำเร็จเป็นสีผึ้งพรหมนิมิตนี่ยากที่สุด องค์บรมพรหมท่านแจ้งให้หามวลสารอะไรก็ต้องไปหา อยู่ในป่าตรงไหนก็ต้องไป บางทีที่ว่าหาให้เจอก็ไม่ใช่ง่ายแล้วแต่พอเจอแล้วกลับได้ยากกว่าก็มี ไปถึงต้องนั่งเฝ้าเทียวไปเทียวมา รอจนมันสุกงอมพร้อมจะพลีได้จริงๆถึงจะเอาได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าความยุ่งยากมันมีมาก ของแบบนี้ถ้าชีวิตเลือกได้ก็ไม่ขอทำอีกเพราะมันเหนื่อยเป็นคนธรรมดาคงท้อ เพราะจะกวนสีผึ้งนิดเดียวแต่ต้องใช้ความเพียรนับสิบปีใครๆเขาคงไม่ทำกัน ท่านว่าทำครั้งเดียวพอ ....สีผึ้งพรหมนิมิตนี้ท่านว่าเป็นของสูงมาก เป็นของพรหม ไม่ใช่เอามาให้ป้ายให้สีปาก แต่ท่านว่าเอามาให้พก ครูบรมพรหมท่านว่าแค่ก้อนเท่าเข็มหมุดก็ใช้คุ้มตัวได้ตลอดชีวิต ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ที่สำคัญเป็นมหาเมตตาและมหากรุณาแก่สรรพชีวิตทุกภพทุกมิติอย่างถึงที่สุด พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าจะให้พูดกันจริงๆสายวิชาที่ว่าแรงเอาตรงๆเลยแรงจนน้ำตาตก แรงจนเลือดในอกยังยกให้ แรงแบบที่เราเข้าใจกันว่าแรงสุดๆแล้ว ก็ยังแรงไม่เท่าครึ่งในสายเมตตาของท้าวมหาพรหม เพราะมันพ้นโลกเหนือโลกจนยากที่จะหาเหตุผลมาทำความเข้าใจ ท่านว่าท่านบอกได้เท่านี้ นอกจากนี้สีผึ้งพรหมนิมิตนอกจากเป็นเมตตามหาเสน่ห์อย่างถึงที่สุดแล้ว ยังเป็นยอดกว่าวิชาพรหมใดๆ ทั้งนะหน้าพรหม พรหมเบิกฟ้า พรหมลิขิต พรหมแปลงรูปต่างๆด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าสีผึ้งพรหมนิมิตนี้ใช้ได้ตรงตัวตามชื่อเลย คุณวิเศษของท้าวมหาพรหมที่เหนือกว่าเทพเจ้าใดๆทั้งหมดคืออำนาจการสรรค์สร้างสรรพสิ่งที่ลึกซึ้งและยิ่งใหญ่ พรหมนิมิตหรือพรหมเนรมิตคือสิ่งนี้ กล่าวง่ายๆคือทุกอย่างเกิดขึ้นได้และเป็นไปตามที่ใจเราต้องต้องการ ต้องเป็นไปตามที่ใจเราอยากให้เป็น เที่ยงแท้แน่นอนด้วยพรหมปกาศิตมั่นคงดั่งเหล็กเพชรลิขิตแผ่นผา พ่ออาจารย์ท่านจึงกล่าวเสมอๆว่า เอาจริงๆนะ สีผึ้งนี้ความจริงมันอันตรายที่สุดในโลกเลย เพราะใจคนมันไม่เท่ากันบัวยังมีสี่เหล่านับภาษาอะไรกับใจมนุษย์ อยู่กับคนดีก็ดีไป อยู่กับคนไม่ดีตรงนี้จะยุ่ง เพราะเป็นบารมีท้าวมหาพรหมที่แผ่มามีแต่เมตตาและกรุณาซึ่งปราศจากญาณอุเบกขาข่มไว้ด้วยอานุภาพการสร้างสรรค์มหาจักรวาลและโลกธาตุทั้งหลาย ด้วยอานุภาพแห่งพระผู้สร้างขึ้นให้เกิดให้ปรากฏได้ทุกสรรพสิ่ง ท่านว่ามันอันตรายก็เพราะอานุภาพนี้ พูดง่ายๆคือท่านไม่เคยนำออกมาใช้หรือใส่ผสมอะไรเลยเพราะมันอันตราย "

    ในภายหลังพ่ออาจารย์ท่านนำพยนต์ไปเสกตามกลวิธีลี้ลับต่างๆหลายวาระทั้งกลางแสงพระอาทิตย์ เสกกลางแสงจันทร์ยามค่ำคืน ท่านว่าตอนเสกพยนต์นี้ก็มีเหตุน่าอัศจรรอย์อยู่ในที แม้แต่นกบนฟ้าก็ยังลงมาโฉบนำไปเสียตนหนึ่ง ท่านวาเอาว่าสัตว์เดรัจฉานมันยังรู้ว่านี่คือของวิเศษ สิ่งพิเศษปรากฏขึ้นแล้วในโลก ปรากฏแก่ตาโลก มันจึงนำพาไปโดยที่นกนั้นท่านว่าพอเราเพ่งดูก็รู้ว่าเป็นพวกเพชรพญาธรเขาแปลงมา

    ที่สำคัญที่สุดนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าจะเล่นทางเสน่ห์อย่างเดียว ชีวิตคนมันจะตกเอา มันจะเจริญยาก ท่านจึงเมตตาลงตะกรุดเงินด้วยวิชามหาเศรษฐีทั้งแปด ขอบารมีมหาเศรษฐียุคพุทธกาลทั้งแปดท่านที่เป็นอริยสาวก มาเป็นที่พึ่งปักลงไปในสีผึ้งพรหมนิมิต ท่านว่ายุคสมัยมันเปลี่ยน สมัยนี้มีเงินก็มีทุกอย่าง มีเงินแล้วอยากมีอะไรเดี๋ยวมันก็ตามมาเอง พ่ออาจารย์ท่านให้เหตุผลที่ท่านลงตะกรุดเงินปักไว้ในสีผึ้งพรหมนิมิตในภายหลังนี้ว่า หุ่นพยนต์ของท่านนั้นมีสีผึ้งพรหมนิมิตอยู่ คุณวิชาทั้งสองจะได้หนุนนำส่งเสริมกัน นิมิตให้เป็นเศรษฐี นิมิตให้เป็นมหาคฤหบดีมีความสมบูรณ์ถึงพร้อมด้วยโภคสมบัติและธนสารสมบัติทั้งปวง

    พ่ออาจารย์ท่านว่าหุ่นปั้นรักปักใจนี้ถ้าคนใช้เป็น ใช้ทำมาหากินไม่ได้ฝักใฝ่กามคุณมากนักจะได้ดี ท่านว่าท่านรู้ว่าเรื่องแบบนั้นมันเป็นเรื่องธรรมดาโลก แต่คนใช้ก็ไม่ต้องถึงกับไปฝักใฝ่มันซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่จะไม่มีเลยเอาให้จริงมันก็จะมีเข้ามาตลอด แถมยังมีแต่คนดีๆคู่ดีๆเข้ามาด้วย ขอให้อธิษฐานขอเอาเรียกตาอินทร์ยายจันทร์ก็ได้ หรือจะเรียกพ่ออินทร์แม่จันทร์ก็ได้ท่านว่าถ้าใครที่รู้ว่าจิตของตัวเองยังไม่ดี ไม่นิ่ง สื่อไม่ได้ เวลาจะอธิษฐานก็ไม่ต้องอธิษฐานในใจ แต่พูดออกมาดังๆให้ท่านรับรู้เลยเพียงแค่นั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าได้เรื่องแน่ ไม่ใช่แค่ขออย่างเดียวท่านว่าหุ่นนี้ยังเป็นหุ่นพรหมนิมิต เป็นหุ่นนิมิตให้เจ้าผู้ถือครองเป็นเศรษฐีมหาคฤหบดีอีกด้วย


    ในภายหลังพ่ออาจารย์ท่านนำหุ่นนี้มามัดด้ายมงคลที่ใช้สวมหัวบ่าวสาวในพิธีแต่งงานและก็ส่งเลี่ยมเก็บไว้ทั้งหมดห้าคู่ ตอนนั้นท่านว่าเราใส่ถุงแยกไว้คนละที่กับกระบือสังหาร เพราะว่าเอาตรงๆแล้ว หุ่นนี้ก็ฤทธิ์ไม่เป็นลองใครเขาเลย เมื่อเสกเสร็จเราไม่ได้บอกกล่าวเอาไว้ด้วยกันเขาก็จะตีกันท่าเดียว พ่ออาจารย์ท่านจึงบอกกล่าวและแยกไว้จึงสงบ แล้วก็วางเสกไว้เรื่อยมาแม้ใครจะถามหาหุ่นเสน่ห์หรือหุ่นคู่อะไรท่านก็จะปั้นจะทำให้ใหม่โดยไม่นำหุ่นปั้นรักปักใจนี้ออกมาซักครั้ง เพราะท่านชอบพูดว่าหุ่นทั้งห้านี้มันแรงเกินไปนั่นเอง จนเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น นั่นคือหุ่นที่โดนนกหรือพระเพชรแปลงมาโฉบไปตั้งแต่สมัยเสกหุ่นนั้น ได้ปรากฏกลับมาอีกครั้งในกะลามหาอุตม์ของท่านที่ท่านวางครอบเหล็กไหลเอาไว้ ท่านตรวจดูแล้วกล่าวว่าใช่จริงๆเพชรพญาธรเขาเอามาคืนเรา เพราะเขานำไปใช้มาพอแล้ว นำไปดูดพลังลบที่รุนแรงเกินไป เพื่อฟื้นฟูรักษาร่างและธาตุขันธ์ของเขา พอเขาใช้เสร็จเขาก็นำมาคืน พ่ออาจารย์ท่านจึงเก็บหุ่นตัวนั้นไว้ต่างหากไว้พกติดตัวของท่านเองเช่นกันท่านว่าแม้แต่เทวดาเขายังรู้คุณหุ่นกายสิทธิ์เช่นนี้ที่จะมานั่งทำให้บังเกิดอีกคงยากเต็มที และท่านมาระลึกได้ว่าหุ่นนี้มันดีเช่นนี้ถ้าคนนำไปใช้ให้ถูกใช้ให้เป็น จะมีผลสัมฤทธิ์ที่ดีขึ้นทันตา

    ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงอนุโลมให้คนที่มีวาสนาต้องกันกับหุ่นแฝดสิทธินารีหรือจะเรียกพยนต์ปั้นรักปักใจนี้ได้ใช้ครอบครองกัน โดยบอกกล่าวขอความเมตตาองค์บรมพรหมสหัมบดี ให้คัดแต่เจ้าของที่ดีมีมโนธรรม มีความระลึกได้อันถูกและสมควรได้รับไป ท่านว่าคนพาลคนโลภทุจริตไม่มีวันเห็นเงาหุ่นแฝดนี้แน่นอน

    คาถาบูชา
    โอมกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา บุปผังสาอิตถียาอุปัชชะติ โอมละลวยมหาละลวย ละลวยหน้าละลวยหลัง ละลวยทั้งอินทร์ พรหม ยมราช ละลวยทั้งอากาศเทพยดา ละลวยทั้งพระแม่คงคา ให้เทพยดามาช่วยค้ำคู่สู่องค์ สรรพสิทธิสวาหะสวาโหม
    - เมื่อจะเรียกจิตคนให้นึกถึงหน้าคนที่เราคิดถึงแล้วว่าคาถาภาวนาไปเรื่อยๆดังนี้ เอหิจิตตัง เอหิมะมะ ปุริสะ ภคิรินิเม เอหิมนุญโญมานิมามา เอหิจิตตัง มหาจิตตัง มะมะมามา

    * พยนต์ปั้นรักหมดใจพ่ออาจารย์ท่านว่าให้แบ่งให้บูชาทั้งหมดหกตน โดยผู้บูชาให้แจ้งชื่อสกุลไว้ด้วย พ่ออาจาย์ท่านจะเมตตาเป่ามนต์พญาเศรษฐีหลวงกำกับพ่ออินทร์แม่จันทร์ให้ไปช่วยเปิดดวงเศรษฐีอีกคำรบหนึ่ง รายได้สมทบทุนบริจาคข้าวสารอาหารแห้งและน้ำดื่มที่สะอาดในวัดทุรกันดารที่ขาดแคลนต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา อิ่นพยนต์แฝดหุ่นปั้นรักหมดใจกบตายคารู(สิทธินารี) บูชา 3,000 บาท
    035.jpg C3925353-5.jpg SAM_5448.jpg SAM_5449.jpg SAM_5450.jpg SAM_5455.jpg 694489-img-1374909255-1.jpg
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    SAM_5463.jpg Cgk_U_Sz_Ug_AAYS7v.jpg ร่วมทำบุญบูชา มงคลคณะเทพพระสยามเทวาธิราชทรงเมืองปกาศิต(รุ่นฟ้าผ่า)


    "พระสยามเทวาธิราชนับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โดยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์มีพระราชดำริว่า ประเทศไทยมีเหตุการณ์ที่เกือบจะต้องเสียอิสรภาพมาหลายครั้ง แต่บังเอิญมีเหตุให้รอดพ้นภยันตรายมาได้เสมอ ชะรอยคงจะมีเทพยดาที่ศักดิ์สิทธิ์คอยอภิบาลรักษาอยู่ สมควรที่จะทำรูปเทพยดาองค์นั้นขึ้นสักการบูชา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าประดิษฐวรการปั้นรูปสมมติขึ้น แล้วหล่อด้วยทองคำแท่ง มีลักษณะแบบเทวรูป มีความสูง ๘ นิ้ว ทรงเครื่องอย่างเทพารักษ์ ทรงมงกุฎ ประทับยืน พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นในท่าจีบเสมอพระอุระ ประทับในเรือนแก้วทำด้วยไม้จันทน์ มีลักษณะแบบวิมานเก๋งจีน และถวายพระนามว่า พระสยามเทวาธิราช โปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานไว้ ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง"......

    เกี่ยวกับพระสยามนั้นก็เป็นที่น่าแปลกใจว่าเป็นเทพซึ่งมีชื่อใกล้เคียงกับท้าวสุยามเทวราชจอมภพแห่งสวรรย์ชั้นยามาจริงๆพ่ออาจารย์ท่านได้พูดถึงพระสยามเทวาธิราชนี้ไว้คร่าวๆ ว่าเป็นชื่อเรียกเทวดา แต่เป็นชื่อที่เรียกรวมแบบหมู่คณะ มิได้เจาะจงเฉพาะผู้ใด เอาว่าถ้าเราเรียกพระสยามเทวาธิราชนี่จะมากันหมด มากันเป็นหมู่ใหญ่เชียวล่ะ มีทั้งเทพ จอมเทพ และพรหมชั้นต่างๆรวมกันอยู่มากมาย

    พระสยามเทวานี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าโดยรวมส่วนใหญ่จะเป็นดวงพระวิญญาณอดีตบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าตั้งแต่ยุคบุกเบิกอาณาจักรย้อนไปถึงอารยธรรมโบราณนั่นทีเดียว ทั้งพระมหากษัตริย์เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินที่เค้ารักบ้านรักเมือง ห่วงบ้านห่วงเมือง คุ้มเกรงบ้านเมืองและประชาชนที่นับถือบูชา นอกจากนั้นคำว่าพระสยามเทวานี้ พ่ออาจารย์ท่านยังบอกว่าเป็นชื่อที่สำคัญมากนะ ส่วนใหญ่คนจะใกล้เกลือกินด่าง รู้จักชื่อท่าน แต่ไม่เคยไหว้หรือบนบอกท่านกันเสียเท่าไหร่ จริงๆแล้วท่านเป็นเทพที่มีคุณใหญ่หลวง มีอานุภาพมาก มีความรักและปรารถนาดีอย่างยิ่งกับลูกหลานเชื้อชาติไทย พ่ออาจารย์ท่านว่าพระสยามเทวาธิราชนี้คือกลุ่มคณะเทพพรหมที่มีอำนาจใหญ่สูงสุด เรืองอำนาจที่สุดของพระราชอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นเทพที่มาจากอำนาจ ความเชื่อ หรือลัทธิใด เมื่อมาอยู่ในประเทศไทยแล้วก็ล้วนแต่อยู่ในอำนาจของกลุ่มพระสยามนี้ทั้งสิ้น

    พ่ออาจารย์ท่านมีดำริจะสร้างพระสยามเทวาธิราชตามแบบอย่างเทวรูปที่สร้างไว้ในสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่สี่ แต่ด้วยเหตุผลบางประการเกี่ยวเนื่องกับญาณวิถีและสิ่งเร้นลับต่างๆ พ่ออาจารย์ท่านว่า คณะเทพพรหมพระสยามนั้นได้บอกให้เราปั้นหุ่นเป็นแบบมือประทานพรกวักทรัพย์ จะได้ประทานพรเรื่องทรัพย์สมบัติ เรียกหา กวักให้มา ให้เข้ามา ให้บังเกิด ให้มั่งมีในวิถีชะตาของผู้กระทำสักการะเทวะบูชา ดังน้นพ่ออาจารย์ท่านจึงกระทำตามครูสั่งเช่นนั้น ก่อนจะใช้ธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลต่างๆผสมด้วยแผ่นจารวิชายันต์เรียกทรัพย์และปรอทกายสิทธิ์ทั้งหลายทั้งปรอทดิน ปรอทป่า ปรอทดำ ปรอทหลวงปู่ละมัย หลอมหล่อออกมาเป็นรูปเทพยดาเจ้าทรงพระขรรค์เพชร พ่ออาจารย์ว่าโดยนัยน์แล้วหมายถึงการกระทำสำแดงพระราชอำนาจอันเป็นอาญาสิทธิ์เหนือสรรพีวิตทั้งปวงในพระราชอาณาจักรของพระสยามเทวาธิราช

    เมื่อท่านหล่อองค์พระสยามนั้น พ่ออาจารย์ท่านก็นำมาเสกเก็บไว้ ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่าพระสยามนี้เป็นของสูง มีปรากฏการณ์ธรรมชาติตั้งแต่เมื่อครั้งหล่อหลอมแล้ว ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านพูดเกี่ยวกับพิธีตอนหล่อพระสยามว่า ได้ปรากฏมีสายอสุนีบาตฟาดลงมาใส่เบ้าตอนหลอมชนวนมวลสาร ดังนั้นพระสยามรุ่นนี้จึงได้ประจุอานุภาพของสายฟ้าไว้ เป็นอานุภาพที่รุนแรงของเทพเจ้า ที่จะใช้ทำลายหมู่มารไพรี ทั้งอุปัทวมงคล โภยภัย อันตราย โรคร้ายต่างๆ เครื่องขัดขวางหนทางอุปสรรคชีวิตทุกประการ เป็นอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นด้วยกาล ด้วยวาระที่พิเศษจริงๆ เมื่อท่านหล่อหลอมแล้วพ่ออาจารย์ท่านก็นำมาเสกเก็บไว้เนืองๆ เพราะท่านให้เหตุผลว่าคณะพระสยามนี้เป็นเทพคณะใหญ่ครอบคลุมสวรรค์ชั้นฟ้า มีตั้งแต่ชั้นจาตุมหาราชิกาไล่ขึ้นไปจนถึงมหาพรหม ดังนั้นเมื่อจะสร้างพระสยาม เทพทั้งหลายหรือคณะเทพพระสยามนี้ท่านจะลงมากันหมด ด้วยท่านถือว่าชื่อพระสยามนี้เป็นชื่อเป็นตำแหน่งของพวกท่าน ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านต้องค่อยๆทำและเชิญไปเรื่อยๆให้รูปเปรียบพระสยามนี้มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์สูงสุด โดยพ่ออาจารย์ท่านได้นำเหล็กกจารมาลงจารเรียกสูตรกลึงวิชานะเรียกเงินมาใส่ไว้ที่ด้านหลังองค์พระทุกองค์ ท่านว่าครูเขาสั่ง เขาว่ากวักเข้ามาแล้วก็ต้องเรียกเข้ามาด้วยจะได้ประเคนมาให้ถึงที่ ขอให้มีมานะขยันทำมาหากินอีกนิด มีความเห็นที่ถูกทางประพฤติตนในกรอบคุณธรรม ครูพระสยามท่านว่า "กูจะไม่ทิ้งมึง"

    หลังจากอธิษฐานจิตพระสยามจนมีผู้นำไปใช้พบกับกฤษดาภินิหารในองค์ท่านอย่างแท้จริง ได้รวยได้สำเร็จรับโชคลาภใหญ่ไปแล้วนั้น พ่ออาจารย์ท่านก็เก็บพระสยามมาตลอด ด้วยท่านบอกว่าพระสยามชุดนี้นั้นโชคลาภหนักมาก และท่านปรารถนาจริงๆว่าอยากทำให้สำเร็จ อยากจะรอเวลาที่สำคัญที่จะเกิดเทพองค์สำคัญเพื่อให้บารมีพระสยามสมบูรณ์ที่สุด

    ทั้งๆที่พระสยามซึ่งพ่ออาจารย์ท่านสร้างออกมานั้น ได้ชื่อว่าเก่ง เฮี้ยนอย่างที่สุด ถึงแม้จะมีประสบการณ์ตั้งแต่หล่อหลอมออกมา แต่ในชั้นหลังนั้นพ่ออาจารย์ท่านก็ระงับไว้ด้วยให้เหตุผลว่ายังไม่ถึงเวลา ครูยังลงไม่ครบ ให้รออีกนิดแล้วบารมีของพระสยามหรือเทพในคณะของพระสยามจะรุ่งเรืองขึ้นอีกมาก ท่านพูดเป็นปริศนาธรรมไว้เช่นนี้ให้ขบคิดตั้งแต่สร้างและเสก อะไรคือรอเวลา รอทำไมแล้วรอแล้วจะอย่างไร ทำไมบารมีของเทพในคณะพระสยามถึงจะเพิ่มขึ้น.......ซึ่งก็มาประจักษ์แจ้งแก่ใจเมื่อไม่นานมานี้ พ่ออาจารย์ท่านว่า สมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐได้เสด็จกลับที่ของท่านแล้ว และที่สำคัญก็ได้เข้าร่วมกับคณะเทพพระสยามแล้วเช่นกัน จากที่พ่ออาจารย์ท่านพูดดังนี้ หากคิดตามเชื่อว่าทุกคนต้องรู้อยู่แก่ใจว่าสมเด็จพระบรมกษัตริย์พระองค์นั้นคือใคร แล้วทำไมพ่ออาจารย์ท่านต้องรอมาหลายปีเพื่อจะสำเร็จกายสิทธิ์ธาตุพระสยามเทวาธิราช ให้มีคุณวิเศษสูงสุด เชื่อว่าทุกคนคงชัดและกระจ่างแก่ใจแล้วในการรอเวลาของพ่ออาจารย์ท่าน

    พ่ออาจารย์ท่านว่าทุกสิ่งนั้นล้วนเป็นไปตามกฏและกำหนดการณ์ไม่มีความบังเอิญใดๆทั้งสิ้น เมื่อองค์ประกอบครบจึงจะลงตัว อันคณะเทพพระสยามนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่ามีทั้งเทพและพรหม เป็นคณะของอดีตบูรพกษัตริย์ตลอดจนดวงจิตของขุนศึกทุกท่านตลอดจนบุคคลสำคัญต่างๆตั้งแต่ยุคปฐมก่อกำเนิดอาณาจักรย้อนกลับไปไกลกว่ายุคสุโขทัยที่ยังรักบ้านรักเมืองรักลูกหลานเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย ที่ยังรักยังห่วงแผ่นดินท่านสายเลือดของพวกท่าน ซึ่งพ่ออาจารย์ก็ได้ค่อยๆทำและเชิญไปจนครบจนสำเร็จเพื่อให้พระสยามนี้มีอานุภาพสูงสุด ท่านกล่าวว่าในรูปพระสยามของเราเพียงองค์เดียวนั้น หากใครตาดีจิตดีก็จะมองออกว่าประกอบไปด้วยเทพพรหมมากมายมาอารักขา เป็นคณะเทพพระสยามนั่นเอง ไม่ใช่รูปของเทพทั่วไปเพียงองค์สององค์ไม่ พ่ออาจารย์ท่านว่าของเช่นนี้สำคัญนะ เพราะว่าไหว้ทีก็ไปถึงกันทั่ว ขอพรองค์เดียวเหมือนขอพรคณะเทพนับร้อยพัน

    เมื่อควรแก่เวลา พ่ออารย์ท่านก็นำพระสยามเทวาธิราช หรือที่ท่านชอบเรียกของท่านว่าพระสยามเรียกเงินมาตามคุณวิชาที่ท่านลงเหล็กจารประสิทธิ์ไว้ก็ตามนำมาอุดผงอิทธิเจผสมผงในตระกูลเศรษฐีทั้งหลายนับร้อยสาย ทั้งที่ท่านทำขึ้นเองและของครูบาอาจารย์ท่านตั้งแต่สายในดงหรือสายปาฏิหาริย์ต่างๆ ท่านว่าผงและยาทั้งหลายที่เรานำมาเข้ากันอุดพระสยามนี้ เราพิจารณาอย่างดีแล้วว่ามีคุณภาพมาก แม้เพียงเศษผงหรือละอองผงก็ยังมีคุณทางเมตตามหานิยม ดีทางโชคลาภเรียกเงินทองอย่างถึงที่สุด ท่านว่าอยากจะทำให้เก่งด้านเดียวไปเลย เพราะองค์เทพพระสยามทั้งคณะนี้ก็อธิษฐานบอกกล่าวท่านได้ร้อยแปดพันประการอยู่แล้ว

    นอกจากนี้พ่ออาจารย์ท่านยังได้ฝังพยนต์คุณวิเศษตรีพักตร์หรือพยนต์ตรีเศียรไว้ที่ด้านหลังองค์พระสยามด้วย สำหรับหุ่นพยนต์นี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นพยนต์ที่เป็นดั่งอำนาจและตัวแทนของเทพยดาทั้งสาม คือพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง และพระหลักเมือง ด้วยว่าเป็นพยนต์จึงสามรถบนบอกและใช้งานได้ ประกอบกับมีฤทธิ์มาก อันเป็นฤทธิ์ที่มีต้นกำเนิดมาจากเทพทั้งสามที่พ่ออาจารย์ท่านอัญเชิญมาแผ่ญาณบารมีและประสิทธิพยนต์นี้เป็นการเฉพาะจนฟ้าร้องฟ้าลั่นมาแล้ว ด้วยพยนต์จิตเทพจึงเป็นอานุภาพที่ไม่มีวันหมดหรือเหือดแห้งดั่งพยนต์อาคมทั่วไป ท่านว่ายิ่งคนใช้อาราธนาอยู่ใต้ฟ้าเมืองไทยหรือมีสายเลือดชาติเชื้อไทยด้วยแล้วยิ่งแรงเป็นทวีคูณ

    พ่ออาจารย์ท่านว่าพยนต์ทั้งสามนี้เป็นพยนต์ที่มีอานุภาพมาก และเทพทั้งสามที่เป็นจิตตั้งต้นของพยนต์ก็เป็นเทพที่คอยช่วยงานองค์พระสยามเทวาธิราชด้วยเช่นกัน ซึ่งเทพทั้งสามก็มีหน้าที่ดังนี้
    - พระเสื้อเมือง มีหน้าที่คุ้มครองป้องกันทั้งทางบกและทางน้ำ คุมกำลังไพร่พลแสนยากร รักษาบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขปราศจากอริราชศัตรูมารุกรานไหว้หลักเมือง เสริมหลักชัยให้กับชีวิต
    - พระทรงเมือง มีหน้าที่รักษาการปกครองและกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ดูแลทุกข์สุขของประชาชนให้ร่มเย็นเป็นสุขสวัสดี
    - พระหลักเมือง มีหน้าที่ทางการพิพากษา เป็นอำนาจของตุลาการ ปกปักรักษาศาลสถิตย์ยุติธรรมต่างๆ มีหน้าที่รับร้องทุกข์ให้ประชาชนที่โดนกลั่นแกล้ง ช่วยเหลือเรื่องไม่เป็นธรรม การรังแก และความอยุติธรรมทั้งหลาย ให้ประชาชนพ้นทุกข์
    พยนต์เทพที่รวมอำนาจของพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระหลักเมืองนั้นก็คือพยนต์ที่จะคุ้มครองเราเป็นหลักชัยให้แก่ชีวิตเรา ดูแลทุกข์สุขเราความเป็นอยู่แก้ไขเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจเรา ให้ความเป็นธรรมปกป้องเราเพื่อชีวิตที่ดีงาม ร่มเย็นและเจริญสุข พ่ออาจารย์ท่านจึงเรียกว่าพยนต์คุณวิเศษ ซึ่งการสร้างพยนต์เทพตรีพักตร์นี้พ่ออาจารย์ท่านบอกว่า เสกจนฟ้าร้องฟ้าผ่า จนครูท่านเข้านิมิตว่าพอ ว่าหยุดได้แล้ว นั่นแหละเราถึงพอ เพราะว่าเทพทั้งสามนั้นท่านตั้งใจช่วยคนกันจริงๆ และเมื่อเทพท่านเมตตาผูกพยนต์ให้ก็ย่อมดีกว่ามนุษย์ผูกเองเป็นร้อยพันหมื่นเท่า ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงเชิญเทพพยนต์ตรีพักตร์ประดิษฐานฝังไว้กับพระสยามเทวาธิราช ท่านว่าองค์นี้ใครได้ไปก็ครบเลย องค์เดียว แบบนี้ที่คนโบราณท่านเรียกครอบฟ้าคลุมเมือง
    สำหรับพยนต์คุณวิเศษตรีพักตร์นั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเราแกะเองเป็นหุ่นรูปคนสามหน้า จะหาความสวยงามประณีตวิจิตรใดๆนั้นย่อมไม่มี เพราะเราแกะให้เป็นหุ่นพยนต์ที่คอยรับใช้ผู้บูชาด้วยความซื่อสัตย์ไม่ใช่แกะให้เป็นเทวดาที่เราต้องตามไปรับใช้ท่าน ถึงจะมีจิตเทพเป็นต้นกำเนิดพลังแต่เขาก็เป็นหุ่นพยนต์ที่เทพผูกขึ้น ยิ่งมีแรงถึงสามแรงช่วยกันสร้างท่านว่ายิ่งหายห่วง จะขอจะบนอะไรก็บอกเขาดีๆ ใช้ดอกไม้เครื่องหอมสุคนธ์รสทั้งหลาย งดเว้นอาหารดิบหรือสิ่งมึนเมา เพราะจิตเขาเป็นเทพเขาไม่รับสิ่งเหล่านั้น หากขอสิ่งใดสำเร็จก็ให้บูชาแต่เพียงนั้น

    นอกจากนี้พ่ออาจารย์ท่านยังได้ฝังตะกรุดไกรลาสอธิบดีไว้อีกคำรบหนึ่งด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าหุบเขาไกรลาสของครูพระสยมนี้ แม้ไม่ได้เป็นแกนจักรวาลหรือหลักโลกแบบเขาพระสุเมรุของพระอินทร์ แต่ก็เป็นศูนย์รวมแห่งกำลังอำนาจที่ใช้ค้ำสมดุลย์แห่งกาลเวลาเกี่ยวเนื่องกับความเป็นไปของสรรพชีวิตไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ ยักษ์ เทวดาทั้งหลาย เป็นมิติเอกเทศที่ยากแก่การเข้าถึงและค้นพบ เป็นโลกของครูพระสยม อันตะกรุดไกรลาสอธิบดีนั้นเป็นตะกรุดที่ใช้ทางค้ำชะตาชีวิต ปรับสมดุลย์แห่งกาลเวลาในชีวิตตน พ่ออาจารย์ท่านว่าเราพูดอะไรมากไม่ได้มันผิดกฏ แต่คนที่คิดว่าตัวเองยังไม่ถึงเวลา ยังไม่ได้ ยังไม่มี ต้องรอนั่นรอนี่ทั้งที่ตนก็สร้างบุญเปรียบกับน้ำที่เติมลงแก้วก็เรียกว่าล้นแก้วไปแล้ว พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านชี้ได้แค่เพียงว่ามันเป็นสมดุลย์เรื่องกาลเวลาที่ไม่เสมอในระนาบเดียวกันซึ่งพวกเธอไม่มีทางเข้าใจ อันชะตาชีวิตสัตว์ทั้งหลายนับแสนล้านภพชาติ มันผ่านอะไรมามากเวรกรรมก็ตอบรับคืนสนองกันอยู่เนืองๆ ทำให้สมดุลย์แห่งกาลเวลานั้นคลาดเคลื่อนไป อันตะกรุดนี้ฉันเชิญครูพระสยมมาลงให้ทำวิชาเฉพาะของท่าน ฉันพูดได้แค่ทำไว้ปรับสมดุลย์เรื่องกาลเวลาในชีวิตตน ถ้ามีบุญหมั่นสร้างบุญ เอาว่าเจอดีและต้องได้ดี

    พ่ออาจารย์ท่านสร้างพระสยามเทวาธิราชนี้ขึ้นโดยนำมาอุดผงฝังพยนต์คุณวิเศษและตะกรุดแล้วมีให้บูชาทั้งหมด 8 องค์ และท่านหมั่นเพียรเสกเก็บค่อยๆทำไปจนมั่นใจว่าเปล่งอานุภาพครบเต็มพระบารมี ท่านจึงให้นำมาออกร่วมทำบุญบูชา จากที่มีคนถามหามาเรื่อยๆ และญาติตลอดจนเพื่อนๆของเศรษฐีผู้โชคดีคนนั้นที่รู้ข่าวก็ปิดข่าวและติดต่อมาอยู่เนืองๆ ถามหาและรอเวลากันว่าเมื่อไหร่พ่ออาจารย์จะนำพระสยามออกมาให้ร่วมทำบุญ เพราะพวกเขาอยากได้กันจริงๆและกลัวใจว่าจะไม่ทันจึงต้องปิดต้องบังและถามกันมาเรื่อยๆ ประกอบกับที่บางคนเจอแรงครูท่านไปตาม ทั้งพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระหลักเมือง จึงทำให้พระสยามนั้นเป็นเครื่องมงคลลับๆที่มีคนรอจองมากมายนับ ด้วยองค์พระมีน้อย ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็บอกว่าท่านไม่ได้จำกัดไว้ว่าจะต้องให้ใครหรือเป็นของผู้ใด ท่านว่าให้รอพร้อมๆกัน ใครมีบุญรับได้ก็เป็นของคนนั้น ถ้าเราใช่ เป็นของๆเราจริงๆเราก็จะได้ครอบครอง

    คาถาบูชา
    สยามะเทวาธิราชา เทวาติเทวามหิทธิกา เตปิตุมเหอนุรักขันตุ อาโรคะเยเนะสุเขนะจะ เอเตนะสัจจะวัชเชนะสุวัตถิโหตุสัพพะทา
    สยามะเทวานุภาเวนะ สยามะเทวะเตชะสา ทุกขะโรคะภะยาเวรา โสกาสัตตุจุปัททะวา อะเนกาอันตะรายาปิ วินัสสันตุอะเสสะโต ชะยะสิทธิธะนังลาภัง โสตถิภาคะยังสุขังพะลัง สิริอายุจะวัณโณจะ โภคังวุฑฒีจะยะสะวา สะตะวัสสาจะอายุจะ ชีวะสิทธีภะวันตุเม
    (พระสยามเทวาธิราชเป็นจอมเทวดา ยิ่งใหญ่กว่าเทวดาทั้งหลายทรงมีมหิทธิฤทธิ์แกล้วกล้ายิ่ง ขอพระองค์จงอภิบาลรักษาข้าพเจ้าให้ปราศจากโรคาพาธ อุปาทวะอันตราย ความพินาศทั้งหลาย ขอให้ข้าพเจ้ามีความร่มเย็นเป็นสุขด้วยประการทั้งปวง ด้วยอำนาจสัจจะวาจาที่อ้างถึงพระสยามเทวาธิราชนี้ ขอจงประทานความสุขสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าด้วยประการทั้งปวง
    ด้วยอานุภาพพระสยามเทวาธิราชและเดชพระสยามเทวาธิราช ขอจงขจัดทุกข์ โรคภัย ความโศก ศัตรู อุปัทวะ และอันตรายมิใช่น้อย ให้พินาศไปโดยไม่เหลือ ขอชัยชนะความสำเร็จแห่งกิจการ ทรัพย์ ลาภ ความสวัสดี ความมีโชค ความสุข กำลัง ศรี อายุ วรรณะ โภคสมบัติ ความเจริญ และยศ ตลอดจนการมีอายุยืนหนึ่งร้อยปีขึ้นไป ความสำเร็จแห่งกิจการงานในความเป็นอยู่จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ)

    * พ่ออาจารย์ท่านสร้างพระสยามเทวาธิราชทรงเมืองปกาศิตไว้ มีให้บูชาทั้งหมดแปดองค์ สำหรับผู้จะบูชาให้แจ้งเฉพาะทาง PM พร้อมกับชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด พ่ออาจารย์ท่านจะเจิมประสิทธิ์สิริมงคลและสวดเสกบอกกล่าวฝากดวงให้คณะเทพพระสยามอีกคำรบหนึ่ง รายได้สมทบทุนวิหารทานในวัดที่ขาดแคลนและทุรกันดารสืบไป

    ร่วมทำบุญบูชา มงคลคณะเทพพระสยามเทวาธิราชทรงเมืองปกาศิต(รุ่นฟ้าผ่า) บูชา 4,000 บาท

    65368067f.jpg DSC00429.jpg SAM_5459.jpg SAM_5463.jpg Cgk_U_Sz_Ug_AAYS7v.jpg 1403875688.jpg
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดลืมตาอ้าปากเรียกรักกวักคน(เจ้าจันทร์พามานะ)

    " ปฐมบทแห่งตำนาน ที่พ่ออาจารย์ท่านดำริจัดสร้างเพื่อให้มีไว้เชื่อมต่อและสัมผัสกับภูมิพระเวทย์ วิชาของบูรพาจารย์ "


    เจ้าจันทร์ พ่ออาจารย์ท่านว่าเจ้าจันทร์นี้แต่เดิมท่านไม่ได้สร้างหรือทำขึ้นมาเอง หากแต่เป็นของตกทอดในผอบเงินเก่าของเจ้าปู่ชัยพรหมกล่าวง่ายๆก็คือเป็นสีผึ้งซึ่งครูท่านเรียกว่าเจ้าจันทร์ โดยพ่ออาจารย์ท่านเล่าให้ฟังว่า เจ้าจันทร์นั้นแต่ก่อนเคยมีชีวิตอยู่นี่แหละ เป็นเด็กสาวที่หน้าตาหมดจดเรียกได้ว่าเป็นสตรีที่มีพรสวรรค์ทางรูปกายอย่างดี มีชาติตระกูลสูง ซึ่งหลายๆคนคงไม่คิดและตัวของเจ้าจันทร์เองก็คงไม่คิดว่าข้อดีของตัวเองนั้นจะทำร้ายตัวเองลงได้ เพราะว่าการที่เกิดมารูปสวย รวยทรัพย์ มีชาติตระกูลดีนั้นสมัยนี้เรียกได้ว่ามันครบ ชีวิตมันไม่ขาดไม่ต้องทำอะไรนั่นเอง ด้วยเหตุที่ชาติตระกูลสูง พ่ออาจารย์ท่านใช้คำว่าสูงถึงสูงมากเพราะมีเชื้อเจ้าทางฝั่งนั้น ท่านก็เลยเรียกว่าเจ้าจันทร์ ก็เป็นธรรมดาของเด็กสาวที่จะเกิดความรักและผูกพันธ์กับบุรุษเพศ เจ้าจันทร์ท่านก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน แต่ชาติตระกูลนี่เองที่ทำให้ความปรารถนาของทั้งคู่ไม่เกิดผลสำเร็จ ท่านว่าอย่าเอาตรรกของคนรุ่นเราไปคิดแทนคนโบราณเพราะมันต่างกันมากความรักสมัยก่อนนั้นท่านว่าจะต่างกับสมัยนี้มาก สมัยนี้หลายคนอกหักแต่ก็ไม่ตาย ไม่กี่วันก็มีใหม่ได้ บางคนก็ลืมง่าย เปลี่ยนคู่บ่อย แต่งงานแล้วหย่าแล้ว แต่งงานอีกแล้วก็หย่าอีก ซึ่งปัจจุบันก็เป็นเช่นนั้น แต่ในยุคที่สังคมยังปิดกั้น การติดต่อสื่อสารยังทำได้ยาก และสังคมมีขนบประเพณีที่เข้มข้นความรักในรูปแบบเจ้ากับไพร่ที่ฐานะการเงินและสังคมต่างกันมากจึงไม่มีทางเป็นไปได้เลย พ่ออาจารย์ท่านว่าสุดท้ายเจ้าจันทร์ท่านก็ใจสลายตรอมใจและตายลงในที่สุด ซึ่งต่อมาเจ้าปู่ชัยพรหมท่านก็เล็งเห็นประโยชน์และคุณใหญ่ประกอบกับฤทธิ์และอำนาจของเจ้าจันทร์ท่านจึงสงเคราะห์ดวงวิญญาณนำมาทำโดยวิธีการทางพระเวทย์ด้วยอาถรรพ์แห่งองคาพยพเปลี่ยนเป็นสีผึ้งแล้วเก็บไว้กับตัว ดุจตำนานสมเด็จโตสงเคราะห์วิญญาณย่านาคและเจาะปั้นเหน่งไว้ติดตัวท่าน

    ผอบนั้นก็ได้รับสืบทอดมาถึงพ่ออาจารย์ ซึ่งท่านรู้ดีว่าเจ้าจันทร์นั้นแรงฤทธิ์และชอบเติมเต็มความปรารถนาที่ไม่มีวันเต็มของผู้อื่น เรื่องใดที่สำเร็จได้ยาก เรื่องใดที่ไกลเกินเอื้อม ยิ่งเรื่องความรักข้ามชาติตระกูลเรื่องดอกฟ้ากับหมาวัดหรือความรักกับผู้มีฐานะสูงและเหนือกว่าตนเหล่านี้ เจ้าจันทร์ท่านชอบช่วยนัก พ่ออาจารย์ท่านว่ากับเจ้าจันทร์นี้หากถามว่าเป็นพรายมั๊ย ที่จริงก็ต้องยอมรับในกระบวนการว่าเป็นพรายนั่นแหละ แต่ทว่าฉันจะให้นั่งยันนอนยันก็ต้องบอกเหมือนเดิม คือพูดคำว่าพรายได้ไม่เต็มปาก ยิ่งพรายของเจ้าปู่ท่านที่จะธรรมดาสามัญนั้นเป็นไม่มี พ่ออาจารย์ท่านว่าฉันเคยไปกราบหลวงพ่อของฉัน คือหลวงปู่ขาว กับหลวงพ่อฤาษี โดยพกผอบนี่ไปด้วย ซึ่งฉันเชื่ออย่างที่สุดว่าตาในของพวกท่านนั้นกระจ่างแจ้งกว่าของฉันแน่นอน และก็เหมือนพวกท่านรับรู้การมาของเจ้าจันทร์

    หลวงปู่ขาวท่านจ้องมองมาข้างๆตัวฉันซึ่งเป็นที่ว่างเปล่าไม่มีใครนั่งอยู่พร้อมกับพูดว่า เจริญพรท่านเทพธิดา วันนี้วันดีมีเทพธิดาแต่งตัวสวยงามมาเยี่ยม
    ในขณะที่หลวงพ่อฤาษีท่านก็พูดขึ้นมาว่า อ้าวๆ พาใครมาด้วย เป็นเทพธิดามีศักดิ์ใหญ่มากนะ ท่านแนะนำตัวกับฉันด้วยว่าชื่อเจ้าจันทร์

    ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงพูดอยู่ว่า เพราะเรารู้แก่ใจ ว่าท่านเป็นเทพในสวรรค์ชั้นฟ้าแน่นอน และพระอริยเจ้าถึงสององค์ก็ยอมรับ ดังนั้นเราจึงเรียกว่าเจ้าจันทร์เป็นครูเทพของเรา และก็ลำบากใจไม่สะดวกใจจริงๆที่จะให้ไปลดชั้นเทพธิดามาเป็นผีพราย ท่านว่าเรานั่งยันนอนยันไปเลยว่าไม่ใช่ผีหรือพรายแน่นอน อันนี้เชื่อมั่นมากในเจ้าปู่ชัยพรหมเพราะท่านทำอะไรย่อมมีวาระและหลักการของท่านที่ในยุคสมัยนี้จะหาใครมาทำได้ เก่งกล้าดุจท่านนั้นย่อมไม่มี เจ้าจันทร์นั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าเขาเก่ง มักจะช่วยตามคน ตามของ และช่วยให้คนอธิษฐานกับผอบสีผึ้งเจ้าจันทร์สมความปรารถนา เราเรียกท่านติดปากว่าเจ้าจันทร์พามานะ เพราะว่าแต่ก่อนไม่ว่าใครจะขอหรืออธิษฐานอะไรท่านก็หามาได้พามาได้ทุกเรื่อง ทั้งตามคน ตามของ ตามหนี้ ที่ไม่น่าจะเป็นก็เป็นไป ขนาดว่าไปชอบลูกสาวกำนันที่อยู่ท้ายบ้านแล้วเขาไม่แลไม่เคยพูดดีด้วย มาอธิษฐานบอกเจ้าจันทร์ คืนนั้นสาวเจ้าแล่นมาหาถึงบ้านถึงเรือน เราก็เลยเรียกท่านว่าเจ้าจันทร์พามานะเพราะท่านมีคุณวิเศษทางดลจิตดลใจมนุษย์และชอบเห็นมนุษย์สมความปรารถนา ท่านมีความเมตตาการุณย์อย่างมาก กับผู้ที่มีความรัก มีความหวัง มีจุดหมาย ไม่ว่าจะเรื่องความรัก เสี่ยงโชค หรือการงานการศึกษาการใช้ชีวิต พ่ออาจารย์ท่านว่าเจ้าจันทร์ท่านพามาหาได้ทุกอย่าง สำหรับคนที่ไม่พร้อม และมีฝันที่ไปไม่ถึง เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ด้วยกฏสังคมทั้งหลายเหมือนสมัยท่านมีชีวิตอยู่ ท่านจะชอบช่วยเหลือมาก

    จากที่พ่ออาจารย์ท่านเอาขี้ผึ้งเจ้าจันทร์ในผอบเงินมาแบ่งใส่ไว้ในตะกรุดให้คนที่ใช้อาราธนาสัมผัสบารมีของเจ้าจันทร์กันได้ง่ายๆนั้น ตะกรุดนี้ก็เป็นตะกรุดสำคัญทีเดียวเพราะพ่ออาจารย์ท่านต้องลงรูปนามและชักยันต์กำกับมากมาย ท่านว่าเจ้าจันทร์เป็นเทพธิดาสาวสวย ท่านจึงลงจารเชิญและเสกให้เจ้าจันทร์นั้นมาแฝงอยู่ในรูป ในตะกรุด ซ้ำยังอัดมวลสารมากมายโดยเฉพาะสีผึ้งเจ้าจันทร์ในผอบเงินสำคัญของท่านแบบเนื้อๆเน้นๆ...ท่านว่าเจ้าจันทร์ท่านจะได้ตรึงรูปตรึงนามอยู่กับคนใช้ไม่ไปไหน ตะกรุดนี้จะเป็นตะกรุดสำคัญที่เป็นดั่งมรดกพระเวทย์ของครูฉัน เมื่อทำแล้วท่านจึงทำให้ดีที่สุด

    นอกจากนี้ในตะกรุดท่านยังลงวิชาสำคัญซึ่งเอาไว้ใช้ลงหุ่นเสน่ห์ หุ่นเรียกรักของท่านเอาไว้ด้วย ท่านเรียกว่าวิชาคู่สมพงษ์ วิชานี้ใช้มัดใจให้คนรักคนเมตตาเรา ถึงขนาดที่ว่าคนบาดหมางขัดข้องหมองใจยังอธิษฐานให้กลับมารักกันได้ วิชานี้สำคัญมากเพราะเกี่ยวข้องกับธาตุและความสมพงษ์ต่างๆในชีวิต ท่านว่าปกติคนที่ไม่ประสบความสำเร็จทุกสิ่งคือคนที่ไม่มีบุญ ไม่คู่ควรกับสิ่งนั้นๆ แต่วิชานี้เป็นการแก้เคล็ดให้ธาตุสมพงษ์ ให้เรากับสิ่งที่หมายปองไม่ว่าจะมนุษย์ สัตว์ สิ่งของ ทรัพย์สิน ศฤงคาร วาสนาทั้งหลาย ให้เป็นคู่สมพงษ์กับเรา ท่านว่าฉันกล่าวอย่างง่ายเลยนะ พกติดตัวก็เป็นเสน่ห์เป็นมหานิยม อยากให้ใครรักใครชอบอธิษฐานชื่อนามสกุลวันเดือนปีเกิดเขาทำได้จะมีแต่รักกันไม่มีคนกล้าเกลียด แต่หากมันยากจนเกินไปท่านว่าเอาแค่นึกถึงหน้าเขาให้ได้ก็พอ ตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งของสายวิชาทำเสน่ห์ที่พ่ออาจารย์ท่านเลิกทำไปแล้ว หากแต่ยังมีแผ่นจารที่ท่านลงวิชาเอาไว้อยู่ในอดีต ท่านว่าไหนๆก็ทำก็เสกมาแล้วท่านจึงนำมาม้วนรวมกัน อันวิชานี้หากคนใช้เป็นนำไปใช้ไปขอในทางที่ถูกที่ควรไม่ฝักใฝ่ทางกามคุณเกินไปก็จะเกิดผลดีแก่ตนและชีวิตเป็นอย่างมาก เพราะของแบบนี้แค่พกก็เป็นเสน่ห์เมตตาแบบเด็ดขาดแล้ว วิชาเหล่านี้หากใช้เป็น ใช้ให้ถูกที่ ถูกทาง ถูกเวลา ก็เป็นวิชาที่มีคุณมหันต์ สร้างสิ่งดีๆได้มหาศาล ซึ่งการทำวิชาเหล่านี้หากคนใช้เป็นจะเป็นการเสริมเสน่ห์ในตัวเองโดยตรง

    พ่ออาจารย์ท่านได้นำแผ่นจารหุ่นเรียกรักคู่สมพงษ์ของเก่าของท่าน มาม้วนรวมกับแผ่นยันต์แม่ครูเจ้าจันทร์พามานะ แล้วก็ทำการอุดผงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆมากมายไว้ด้านใน ท่านว่าเน้นที่สุดคือผงไม้กาหลงรัง พ่ออาจารย์ท่านว่าไม้กาหลงรังนี่เป็นของวิเศษนะเธอรู้มั๊ย ครูบาอาจารย์ท่านมักจะหามาใช้กัน ซึ่งการจะตามหานั้นก้อยู่ที่วาสนาอีกด้วย บางคนหาทั้งชีวิตเขาก็ไม่เจอ เพราะไม้กาหลงรังของจริงมีอานุภาพมาก บางท่านว่าแค่หลงมาตายตัวเดียวก็ถือว่าใช้ได้แล้ว แต่ที่ชั้นเจอนี่ต้องเรียกว่านกกามันตายไม่รู้กี่ตัว แถมเป็นกาหลงพันสวาทด้วย เรียกว่าตายซ้ำตายซากหรือตายตอมซากก็ได้ ต้นไม้เช่นนี้ท่านว่ามีอาถรรพ์ของรุกเทวียิ่งนัก มีอานุภาพทำให้หลงจนตาย เราพูดได้เท่านี้ มากกว่านี้ไปคิดเอาเอง ซ้ำด้วยอำนาจแห่งรุกขเทวีก็ยังบันดาลลาภสักการะต่างๆให้ผู้ครอบครองอีกด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าฉันใส่ทั้งผงไม้กาหลง ผงดงสวาท ผงดินใต้ต้นกาตอมซาก ท่านว่าใช้ทุกส่วนที่เป็นอาถรรพ์ของไม้กาหลงรังนี้จะไม่แรงและเด็ดขาดได้อย่างไร

    เมื่อบรรจุผงแล้วท่านจึงนำสีผึ้งเจ้าจันทร์มาอุดปิดปากตะกรุด โดยพ่ออาจารย์ท่านได้ใช้ชนวนสีผึ้งล้วนๆไม่ได้ผสมสิ่งใด ท่านว่าให้เจ้าจันทร์เค้าไปสร้างบารมีร่วมกับคนที่มีทุกข์ เค้าจะได้มีบารมีมากๆ เรื่องความแรงท่านว่าไม่ต้องเอาอะไรเลยลำพังขี้ผึ้งเจ้าจันทร์นี่ก็แรงเอาเรื่องแล้ว เมื่อบรรจุขี้ผึ้งแล้วพ่ออาจารย์ท่านยังได้นำพลอยเสกทั้งบุษราคัมและเพชรน้ำค้างของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก มาฝังไว้ที่ปลายตะกรุดหัวท้ายอีกด้วย พลอยเสกที่ฝังชุดนี้เป็นของสำคัญมากเพราะท่านเคยนำไปให้หลวงปู่ดู่แห่งวัดสะแกอธิษฐานจิตให้ถึงไตรมาส และองค์หลวงปู่ดู่นี้ยังกล่าวถึงอานุภาพของพลอยเสกชุดนี้ว่า ทำให้ดีแล้ว เป็นสมบัติจักรพรรด์ทีเดียว พ่ออาจารย์ท่านว่าก็เปรียบกับดวงแก้วจักรพรรด์เป็นเครื่องมงคลสุดที่จะอธิษฐานตามความปรารถนาสารพัดนึกของผู้บูชา ซ้ำบุษราคัมยังเป็นตัวแทนของความรักความร่ำรวยอีกด้วย ซ้ำหลวงปู่ดู่เองก็เคยพูดไว้ว่าบุษราคัมชุดนี้มีอานุภาพเช่นสมบัติจักรพรรด์ พ่ออาจารย์ว่าก็ถือว่าฝังเอาเคล็ดไว้ต่อไปจะได้ชื่อว่ามีสมบัติจักรพรรด์ติดตัวกัน ดึงดูดลาภสักการะบริวารน้อยใหญ่เข้ามาสู่ตนโดยง่าย ซ้ำอานุภาพของพลอยเสกที่หลวงปู่ดู่เสกนั้นย่อมมีมากกว่าเพชรพลอยธรรมดาอย่างแท้จริง มีความเชื่อว่าบุษราคัมนั้นช่วยทางด้านกำลังใจและการตัดสินใจและช่วยให้มองโลกในแง่ดี เป็นสัญลักษณ์ของพระอาทิตย์ ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ ช่วยในเรื่อง การไหลเวียนของโลหิตบรรเทาอาการอักเสบของโรคทางเดินปัสสาวะ ปอด หวัด ช่วยเสริมพลังความคิดสร้างสรรค์

    พ่ออาจารย์ท่านว่าการที่นำพลอยเสกของหลวงปู่ดู่ทั้งบุษราคัมและเพชรน้ำค้างมาติดนั้น เปรียบกับการฝังอาถรรพ์จักรพรรด์ลงในตะกรุด ให้เจ้าจันทร์นั้นท่านมีอำนาจของแก้วจักรพรรด์อยู่ในตัวท่าน จะได้ดลบันดาลและสร้างสรรค์สิ่งต่างๆที่ผู้ขออาราธนาได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ตามความต้องการ

    จะบูชาเจ้าจันทร์อย่างไรให้ได้ลาภผล ให้มีอานิสงค์มาก
    - พ่ออาจารย์ท่านว่าการบูชานั้นแบ่งออกเป็นสองอย่างทั้งอามิสบูชากับปฏิบัติบูชา ซึ่งการบูชานั้นก็ไม่ได้ยากเลย โดยการปฏิบัติบูชานั้นก็เป็นอุบายธรรมให้เราขวนขวายระลึกดี ทำความดีนั่นเอง ด้วยการหมั่นทำบุญ อุทิศบุญให้กับเค้า ง่ายๆแค่สวดมนต์แผ่เมตตา ทำจิตให้เป็นสมาธิเป็นกุศลชั่วครู่ชั่วคราวหนึ่งแล้วแผ่ออกไปเท่านี้ก็เป็นบุญแล้ว
    - อีกประการหนึ่งในกรณีขของสิ่งของทั้งหลายที่นำมาบูชา อันนี้ต้องรู้ว่าตะกรุดนี้เป็นของสำคัญเพราะมีพลังของเทพธิดาอยู่ด้วยกันถึงสองท่าน นั่นคือเจ้าจันทร์กับเจ้าแม่กาหลงรัง พ่ออาจารย์ท่านว่าให้ถวายน้ำหอมท่านกับแป้งฝุ่น ถ้าเป็นหญิงสาวจะใช้แป้งพับแป้งผัดหน้าอะไรก็ได้ ในส่วนของแป้งนี้เมื่อถวายเสร็จแล้วก็ให้ขออนุญาติกับท่านเวลาจะออกไปใหนก็ให้เอามาใช้ทาหน้าทาตัว จะเสี่ยงโชคทำงานก็โรยมือถูมือสักเล็กน้อย พ่ออาจารย์ท่านว่าถวายท่านเรื่อยๆเถอะ ลำพังแป้งที่ถวายนี่ก็เป็นของดี เพราะเดี๋ยวท่านจะจัดการให้มันดีเอง

    คาถาบูชา
    เอหิจิตตัง มหาจิตตัง เจ้าจันทร์เทวีมามะ มานิมามา
    อธิษฐานสิ่งใดก็ตามให้นึกภาพสิ่งที่ปรารถนา ยกตะกรุดจบหัวเสร็จแล้วพูดกับตะกรุดว่าเจ้าจันทร์พามานะ(พาอะไรมาก็นึกเอา) เมื่ออธิษฐานแล้วก็ให้พุดกับตะกรุดบอกเจ้าจันทร์ว่าขอรับไว้นะ และได้รับแล้วนะ ท่านว่าเป้นเคล็ดในการอธิษฐานใจให้ได้ผลดี

    * ตะกรุดลืมตาอ้าปากเรียกรักกวักคน(เจ้าจันทร์พามานะ)นี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าก็ใช้ได้จริงตามชื่อตะกรุดนั่นแหละ ท่านสร้างไว้ทั้งหมดหกดอก ตามที่แผ่นจารเก่าวิชาหุ่นเรียกรักคู่สมพงษ์มีอยู่ เปิดให้สั่งจองเฉพาะทาง PM ท่านว่ารายการนี้ฉันจะเจิมเป็นสิริมงคลให้เพราะว่าไม่ต้องเสกไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว ของบูรพาจารย์ท่านแรงอยู่แล้วทำมาดีแล้วบอกกล่าวด้วยตัวเองกันได้เต็มที่เลย รายได้ร่วมสมทบทุนช่วยเหลือวัดทุรกันดารในถิ่นอุทกภัย ได้รับความลำบากจากภัยน้ำท่วม

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดลืมตาอ้าปากเรียกรักกวักคน(เจ้าจันทร์พามานะ) บูชา 4,000 บาท



    456_145-1.jpg SAM_5468.jpg SAM_5467.jpg SAM_5469.jpg SAM_5472.jpg SAM_5475.jpg va_XE9_EMo_S8.jpg
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229
    ร่วมทำบุญบูชา มงคลทนสิทธ์พระปิดตาสั่งรวยเจ็ดชั่วโคตร(พระควัมปติขอลาภ)


    มงคลทนสิทธิ์ก็คือเครื่องมงคลที่สร้างขึ้นจากของวิเศษที่เกิดเองตามธรรมชาติ แม้มิได้ปรุงแต่งก็ถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์และหายาก

    " พระปิดตาสั่งรวยเจ็ดชั่วโคตร "
    พ่ออาจารย์ท่านได้สร้างพระปิดตาขึ้นมาตำรับหนึ่ง แต่อาจกล่าวได้ว่ากว่าจะได้สร้างนั้นก็มิใช่ง่ายเพราะมวลสารต่างๆที่นำมาทำนั้น ท่านว่ามิใคร่จะหาได้ในกรณีปกติทั่วไป กี่ยวกับพระปิดตานี้พ่ออาจารย์ท่านใช้เวลาถึง 19 ปีด้วยกันในการแสวงหามวลสารและกระทำให้เงื่อนไขทั้งหลายบรรลุไปด้วยดี ตามโองการของครูมหาพรหม

    ด้วยแต่เริ่มนั้นได้มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น กล่าวคือพ่ออาจารย์ท่านได้เก็บตัวทำสมาธิปิดวาจาในสมัยนั้นท่านว่ารออาจารย์ฉันนำของวิเศษมาให้ พร้อมกับการปรากฏขึ้นของผงวิเศษหนึ่งถ้วย ซึ่งผงนี้ภายหลังพ่ออาจารย์ท่านว่าครูมหาพรหมสหัมบดีท่านนำมาให้จากทุสสเจดีย์ในพรหมโลก เป็นผงสำคัญมากเพราะรวมพลังอธิษฐานของเหล่ามหาพรหมผู้เป็นใหญ่ในหมื่นจักรวาลอันได้มากระทำนมัสการที่ทุสสเจดีย์ในแดนพรหมโลกนั้นไว้ทั้งหมด เกี่ยวกับผงนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านพูดมากไม่ได้เพราะครูท่านปิดปากเอาไว้ ท่านว่าครูฉันท่านเอามาให้รอไว้ทำของดีตำรับหนึ่งที่จะอุบัติขึ้นเพื่อยกดวงกลับชีวิตผุ้บูชา

    เมื่อได้ผงมาแล้วพ่ออาจารย์ท่านก็นำมาบรรจุใส่กะปุกและนำไปหนุนหัวนอนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ท่านว่าผงนี้เดิมก็ศักดิ์สิทธิ์เหลือคณาอยู่แล้วแต่ท่านก็ยังนำมาเสกด้วยวิธีเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ท่านว่าเรานอนอธิษฐานทำการเสกแบบถือเคล็ดไว้ด้วยนั่นคือเอามาหนุนหัวนอน เพื่อที่คนบูชาจะได้หนุนดวงไม่ให้ตกดุจดั่งผงนี้ที่หนุนหัวค้ำศรีษะของท่านมานานนับปี ให้มีคุณวิเศษทางหนุนดวง ค้ำชะตา ยกฐานชีวิตให้สูงขึ้น

    พระปิดตาสั่งรวยเจ็ดชั่วโคตรนั้น แต่เดิมพ่ออาจารย์ท่านตั้งใจจะทำเครื่องมงคลตำรับหนึ่งที่ครูมหาพรหมท่านได้มีโองการไว้ว่าจะทำได้ ต้องใช้มวลสารต่างๆที่มีเงื่อนไขในการเกิดขึ้นครบองค์ปัจจัยที่ท่านกำหนดไว้ แต่พ่ออาจารย์ท่านก็เพียรหาเช่นใดก็ไม่พบ ท่านว่าขาดบ้างเกินบ้างล้วนแต่ใช้ไม่ได้ ท่านว่าพระที่เราจะทำนี้นอกจากดีทั้งโชคลาภใช้แก้ปัญหาปากท้อง ปัญหาการงาน ปัญหาการเงิน ปัญหาความจนนานัปการแล้ว ยังดีทางเมตตาอย่างที่สุดเพราะใช้แก้ปัญหาชีวิตคน ปัญหาครอบครัวได้อีกด้วย รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับอุปสรรคความขัดข้องทั้งหลาย

    ด้วยโองการบรมครูนั้นท่านให้หาไม้วิเศษซึ่งเป็นทนสิทธิ์ในตัวเองมาสถาปนาขึ้นเป็นองค์พระนี้ แต่พ่ออาจารย์ท่านก็ว่าของมันยังไม่ถึงเวลา หาให้ตายอย่างไรก็ไม่พบแม้แต่เงา จนกระทั่งท่านได้รับปากไปทำพิธียกศาลพระภูมิให้ที่บ้านของมหาเศรษฐีด้านอสังหาริมทรัพย์ท่านหนึ่ง ซึ่งท่านว่าความหวังของเราสำเร็จได้ บรรลุได้ก็ด้วยการเดินทางครั้งนี้ ด้วยท่านเศรษฐีนี่เองที่ได้เข้ามากราบขอคำปรึกษากับพ่ออาจารย์ว่าแต่เดิม บรรพบุรุษของเค้าได้เคยรับคำทำนายและบอกกันสืบต่อมาภายในวงศ์ตระกูลว่าตระกูลของเราจะเป็นเศรษฐีมีเชื้อสายยิ่งใหญ่เจริญสืบต่อไปภายหน้าถึงเจ็ดชั่วอายุคน ซึ่งท่านก็กล่าวว่าหากนับตามชั่วอายุแล้วก็เห็นว่าจะมาสิ้นสุดที่ตัวผมพอดี จึงอยากกราบขอพ่ออาจารย์ให้ทำพิธีเสริมดวงหนุนต่อวาสนานี้ให้ภายในตระกูลของตนด้วย ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็ไม่ได้รับปากแต่อย่างใด หากแต่ได้เดินดูในบริเวณบ้านและพื้นที่ของท่านคหบดีท่านนี้แทน ก็ปรากฏว่าท่านพบต้นขนุนต้นใหญ่ที่ขึ้นทับบริเวณโคนต้นไม้ยอ ที่โคนมีจอมปลวกปกคลุมยืนต้นตายอยู่ในลักษณะนี้ ท่านได้ให้ความสนใจกับต้นขนุนนี้เดินสำรวจลักษณะต่างๆ ก็พบกาฝากรัก กาฝากชุมแสงและพยุงอยู่ตามต้นด้วย นอกจากนี้ยังมีลักษณะพิเศษอีกสองประการที่เข้าลักษณะตามที่ครูท้าวมหาพรหมสหัมบดีท่านกำหนดซึ่งท่านว่าเราบอกไม่ได้ เมื่อท่านพบต้นไม้ทนสิทธิ์ที่เกิดขึ้นต้องตำราในตระกูลเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ที่สืบทอดมาถึงเจ็ดชั่วอายุคนดังนี้ ท่านก็ได้ออกปากขอท่านเศรษฐีว่าเราจะทำให้ แต่มีเงื่อนไขคือ ไม้ที่ยืนต้นตายนี้ เราจะขอกิ่งที่ชี้ไปทางทิศตะวันออกเพียงกิ่งเดียว ซึ่งท่านผู้นั้นก็อนุญาติให้พ่ออาจารย์ทำพลีกรรมตัดกิ่งไม้นั้นมา

    พ่ออาจารย์ท่านได้นำกิ่งไม้ขนุนสำคัญที่ชี้ไปทางทิศตะวันออกนี้มาเสกและแกะพระประจำตระกูลให้เศรษฐีนำไปบูชา พร้อมกับกำชับว่าตราบใดที่องค์พระนี้ยังอยู่ วาสนาในตระกูลจะไม่เสื่อม จะได้เป็นเศรษฐีมหาคฤหบดีอยู่ดีมีสุขไปอีกหลายชั่วอายุคน ในกาลนั้นท่านก็ได้นำไม้ที่เหลือมาแกะเป็นองค์พระควัมปติปิดตาที่ให้ผลทางเมตตาและลาภผลอย่างหนักไว้ด้วยนั่นเอง เกี่ยวกับพระปิดตาตำรับวิเศษนี้ พ่ออาจารย์บอกว่าทั้งชีวิตฉันคงทำได้ครั้งเดียวเพราะจะหาไม้มงคลที่เป็นทนสิทธิ์ซ้ำซ้อนให้เข้าตามโองการมหาพรหมเช่นนี้ทั้งชีวิตเชื่อได้ว่าย่อมเจอหนเดียวเช่นกัน

    ท่านได้นำพระปิดตาที่ท่านนั่งแกะสลักขึ้นมาอธิษฐานจิตเสกเก็บไว้ ท่านว่าลำพังองค์พระนี้ก็มีคุณอยู่ในตัวอย่างถึงที่สุด ด้วยเป็นไม้ทนสิทธิ์ที่เกิดจากวาสนาของมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินระดับหมื่นล้าน และเป็นเศรษฐีทั้งตระกูลสืบมาถึงเจ็ดชั่วอายุคนไม่มีตกต่ำลงแม้ซักชั่วอายุหนึ่ง ซ้ำยังเป็นของวิเศษที่เศรษฐีนั้นจะใช้ต่อวาสนาของตระกูลตนเองสืบไปเบื้องหน้าอีก ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงได้อธิษฐานจิตไว้ พร้อมกับกล่าวถึงพระพุทธคุณขององค์พระว่าคนบูชาไม่อยากรวยก็ต้องรวยเพราะเป็นพระตระกูลเศรษฐีที่ใช้ต่อวาสนาการเป็นเศรษฐี ท่านจึงเรียกว่าพระปิดตาสั่งรวยเจ็ดชั่วโคตร ใครได้ไปบูชาก็ให้มั่งมีไปอีกเจ็ดชั่วอายุคน

    เมื่อได้นำพระที่ท่านอธิษฐานจิตนี้บอกกล่าวครูบาอาจารย์และองค์ท้าวมหาพรหมให้มาช่วยทำวิชาให้แล้ว ท่านจึงนำผงหนุนหัวที่ครูท้าวสหัมบดีพรหมนำลงมาจากทุสสเจดีย์แดนพรหมโลกเพื่อมอบให้ท่านเมื่อกาลก่อนออกมาทำการบรรจุลงในองค์พระปิดตาก่อนปิดด้วยเทียนชัย ท่านว่าผงนี้สำคัญนักเพราะตกไปอยู่ที่ไหนก็จะทำให้ที่นั่นรุ่งเรืองขึ้นด้วยเดชแห่งท้าวมหาพรหมทั้งหลาย จะบ่ายหน้าไปในมหาทิศใดก็มองไม่เห็นปัญหาแลอุปสรรคเลย จะเป็นเครื่องขัดขวางทั้งที่เรามองเห็นก็ดี หรือจะเป็นเรื่องที่เรามองไม่เห็นก็ดี ไม่ว่าจะอำนาจฝ่ายต่ำ คุณคนคุณผีคุณไสย เจ้ากรรมนายเวรเจ้าเกณฑ์ชะตา เคราะห์กรรม บาปแห่งอวิชชาและคำสาปแช่งล้วนขจัดให้เบาให้จบลงหมดไปด้วยกันทั้งสิ้น

    ทั้งนี้ท่านยังได้เดินมนต์ชุบตัวเพื่อให้คนใช้ได้สนองโองการตามเจตนาเดิมแห่งบรมครูสหัมบดีมหาพรหมด้วย ท่านว่าพระปิดตานี้ไม่ได้มีคุณวิเศษแต่เพียงนั้น หากใช้ได้เท่านั้นย่อมนับว่าธรรมดาเกินไป ทั้งนี้คนเราเกิดมาล้วนมีชาติกำเนิดและกรรมลิขิตแตกต่างกัน การจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นมหาเศรษฐีได้ ต้องมีพลังขับทั้งจากภายในและก็ภายนอกดำเนินหนุนส่งไปพร้อมกัน อันพระปิดตาตำรับวิเศษของครูมหาพรหมนี้ ท่านว่านอกจากจะมีพุทธคุณเฉพาะทางที่หาได้ยากแล้ว ยังสามารถนำลงสรงอาราธนาทำน้ำพระพุทธมนต์เศรษฐีเพื่อชุบตัวได้ การชุบตัวนี้ถือว่าเป็นสิ่งวิเศษ ดุจดั่งพระสังข์ชุบตัวในบ่อเงินบ่อทองเช่นนั้น การชุบตัวนี้ก็เช่นกัน ท่านว่าอาราธนาดีๆชุบตัวบ่อยๆทั้งน้ำพระพุทธมนต์ที่ได้ก็อธิษฐานดื่มกินขับพลังงานด้านลบภายในร่างกายได้ หากชุบตัวอยู่เนืองๆแล้ว ขึ้นชื่อว่าแม้แต่ยาจกเข็ญใจ หรือใครที่มีชะตาอาภัพตกอับ ก็ยังเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ลืมตาอ้าปากได้

    ดังนั้นท่านจึงว่าอานุภาพแห่งพระปิดตาสั่งรวยเจ็ดชั่วโคตรนี้ นอกจากจะดีทางพลิกดวงหนุนดวง เปลี่ยนยาจกกลายเป็นเศรษฐี นอกจากจะเป็นเครื่องสูง เป็นของสูงมากยากแก่การพบเห็นซึ่งแกะขึ้นจากวัตถุอาถรรพ์ที่เกิดในตระกูลเศรษฐีเจ็ดชั่วอายุคนแล้ว ทั้งนี้ยังเน้นอานุภาพเฉพาะตัวที่เกิดจากผงของท้าวมหาพรหมครูใหญ่ด้วย พ่ออาจารย์ท่านได้นำองค์พระมาลงวิชาอาถรรพ์ฝนเสน่หาจารกำกับไว้ ท่านว่าคนที่เค้าใช้บูชาจะได้มีลาภสักการะพัดมาในชีวิตนับแสนห่าฝน ทั้งยังเป็นเมตตามหาเสน่ห์ที่รดอาบชำระชะตาราศีเมื่อได้กระทำสักการะบูชาอย่างไม่รู้จบสิ้นอีกด้วย ท่านว่าตำรับนี้ใครได้ไปก็ต้องรวยไปอีกเจ็ดชั่วอายุคน

    เพื่อให้องค์พระมีอานุภาพสูงสุด สมดั่งคำว่าสั่งรวยเจ็ดชั่วโคตร พ่ออาจารย์ท่านจึงได้นำตะกรุดที่ท่านเสกทำวิชาขึ้นมาสองชนิดฝังลงไปในองค์พระกำกับอาถรรพ์เพิ่มขึ้นไปอีก
    - ดอกแรกชื่อว่าขอลาภพระปัจเจก พ่ออาจารย์ท่านว่าอันพระปัจเจกโพธิเจ้านี้ย่อมอุดมสมบูรณ์ด้วยลาภผลและลาภสักการะไม่จบสิ้นฉันใด เราก็มั่งมีได้ตามใจฉันนั้น ตะกรุดนี้เน้นไปในการขอ ขอสิ่งที่เป็นลาภผล ลาภสักการะนานา ให้หลั่งไหลมาไม่รู้ขาดตกบกพร่องแก่ชีวิตเรา พ่ออาจารย์ท่านว่าขึ้นชื่อว่าลาภเอาว่าขอได้หมด วิชานี้ทำบรรจุไว้เพื่อให้ง่ายต่อการขอและใช้อธิษฐานจิต จะได้จำเริญลาภและยศกันอย่างทั่วถึงสืบวงศ์สร้างตระกูลเป็นเศรษฐีมหาศาลต่อไปในภายภาคหน้า
    - ดอกที่สองชื่อว่าเทวดาสั่งรวย พ่ออาจารย์ท่านว่าดอกนี้เน้นอิทธิฤทธิ์ บุญฤทธิ์ เป็นวิชาสายเหนือโลก ที่สั่งให้รวยก็ต้องรวยด้วยวาจาปกาศิตตามอำนาจของเทวานุภาพดลบันดาลให้เป้นไป
    เมื่อท่านบรรจุทั้งสองชนิดแล้ว ท่านจึงนำผงอิทธิเจหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ที่เก็บเอาไว้ มาผสมกับผงกะลาตาเดียวหลวงพ่อแก้วด้วยเช่นกันทำการพอกผงอีกครั้งหนึ่งตามตำรับการทำพระปิดตาหลวงพ่อแก้วที่มูลค่าหลายๆล้าน เป็นการเฉลิมฉลองให้กับการเกิดขึ้นของพระปิดตาอันเป็นที่สุดในสายตระกูลวาสนามหาเศรษฐี ท่านว่าผงหลวงพ่อแก้วนี้รู้กันดีว่าเป็นเมตตามหาเสน่ห์อย่างที่สุด แม้เพียงละอองผงปลิวผ่านบ้านใดก็ได้ชื่อว่ารักหลงทั้งบ้าน หากปลิวลงบ่อน้ำใครได้กินก็เรียกว่าหลงเราทั้งหมู่บ้าน ไหนๆเราทำพระปิดตาแล้วก็ขอใช้อำนาจแห่งบูรพาจารย์เข้ามาเสริมด้วย เอาผงของท่านนี่แหละ ให้พระปิดตารุ่นนี้ดีเสมอพระปิดตาที่ท่านหลวงพ่อแก้วได้ทำไว้

    คาถาบูชา
    ควัมปิติจะ มหาเถโร พรหมมา อินโท เทวะตาจะ สัพพะราชา สัพพะอิตถิยา สัพพะนะมามิหัง (อธิษฐานขอลาภพระควัมปติ)
    อิสวาสุ สุสวาอิ อิกะวิติ กะติวิอุทธัง สันตัง สะรากัสมิง นะมามีมามหาลาภา อิติพุทธัสสะ สุวัณณังวา ระชะตังวา มณีวา ธนังวา พีชังวา อัตถังวา ปัตถังวา เอหิเอหิ อาคัจเฉยยะ อิติมีมา นะมามิหัง(อธิษฐานนำพระแช่น้ำทำน้ำมนต์เศรษฐีชุบตัว)

    พ่ออาจารย์ท่านว่าพระปิดตานี้ ใครจะคิดจะกล่าวอย่างไรก็ช่างเขา ด้วยว่าตอนทำตอนสร้างนั้นมีอภินิหาริย์ประการต่างๆปรากฏอยู่เนืองๆ เป็นการสื่อและบอกกล่าวของครูพรหม ครูเทพ ในแดนทิพย์ทั้งหลาย ทุกพระองค์ล้วนดีใจและเฉลิมฉลองกันอย่างมากเพื่อกระทำสักการะบูชาแก่องค์พระควัมปตินี้ ท่านว่าเฉพาะกับคนที่มีชะตาต้องกัน และผู้เป็นเจ้าของจริงๆเท่านั้น ถึงจะรู้ตัวว่าชีวิตเราควรค่ากับการอาราธนาหรือไม่ เราคู่ควรกับพระหรือเปล่า ซึ่งพระปิดตานี้พ่ออาจารย์ท่านสร้างไว้ได้ทั้งหมดหกองค์

    * สำหรับผู้ที่ต้องการจะบูชาก็เปิดรับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น พร้อมกับให้แจ้งชื่อนามสกุลไว้ด้วย พ่ออาจารย์ท่านจะทำการเจิมน้ำมันเศรษฐีเพื่อขอพลังจากบรมครูอธิษฐานเปิดดวงเศรษฐีให้แก่ผู้บูชาอีกวาระหรึ่ง รายได้สมทบทุนวิหารทานในวัดที่ขาดแคลนจตุปัจจัยต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา มงคลทนสิทธ์พระปิดตาสั่งรวยเจ็ดชั่วโคตร(พระควัมปติขอลาภ) บูชา 4,000 บาท

    1349238661.jpg image.jpg SAM_5480.jpg SAM_5481.jpg SAM_5482.jpg e0b8abe0b8a5e0b8a7e0b887e0b89be0b8b9e0b988e0b981e0b881e0b989e0b8.jpg
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,721
    ค่าพลัง:
    +18,229

แชร์หน้านี้

Loading...