ร่วมแชร์แนวทางปฏิบัติ ผู้เรียนคาถาอาคม วิชาเดินธาตุ กรรมฐาน

ผมมาหาครูบาอาจารย์ ผู้มีจิตเมตตา สอนเพิ่มเติมในวิชาเดินธาตุและอำนานาจจิต ขอขอบคุณในทุกๆความคิดเห็น เต็มที่เลยครับ ศีลเป็นพื้น วาจาเป็นที่สุด ยึดมั่นในพระพุทธเจ้า ขอคนฝึกจริงไม่รับจำตำรา

 

ขออนุญาติแนะนำตัวครับ. ไม่ได้มาโอ้อวดใครต้องการแค่คนสั่งสอนเท่านั้น. ผมฝึกอานาปานุสสติ มโนยิทธิ และวิชาเดินธาตุ ทำวัตรเย็นทุกวัน มีศีล5 ถือวาจาสิทธ์ อยากฝึกให้ยิ่งๆขึ้นไปน้อมรับทุกคำชี้แนะหรือร่วมพูดคุย

 

แนวทางการฝึก เดินธาตุตามจุดธาตุสถิต นะ มะ พะ ธะ ในรูปแบบดวงธาตุกสิน เดิน นะ มะ อะ อุ เดินตามจุดธาตุสถิต ในรูปแบบดวงกสินธาตุเช่นกัน เชิญครับ

 

สนใจครับ

 

เรื่อง..? พอแนะแนวทางได้อย่างเดียวครับ ร่วมฝึกด้วยกันได้ครับ

 

พอให้คำแนะนำได้ครับ
มีอยู่ ๓ แนวทางครับและข้อดีข้อเสีย รวมทั้งเทคนิคว่า
ทำไมแนวทางนั้นต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้..
แล้วแต่ว่า คุณ ใบจาก จะฝึก แนวไหนครับ..
๑.วิชาเดินธาตุแบบพระอาจารย์ในดงที่พอๆรู้จักกัน
๒.วิชาเดินธาตุแบบโบราณ ตามสายของผู้เป็นใหญ่เมืองเมืองบาดาล
๓.วิชาเดินธาตุแบบอดีตสมเด็จพระสังราชมีชื่อในอดีตครับ...
จะแบบไหนก็แนะนำได้หมด ส่วนตัวเคยผ่านมาทุกแบบครับ..

 

แบบที่สองครับ

 

ขออนุญาติเรียกอาจารย์ได้ไหมครับ. ผมเดินนะมะพะธะแบบดวงกสิณธาตุ แล้วมีอาการตัวกนักเป็นหิน แต่ก้ปล่อยไป พอหนักก็กลับมาเดินอานาปานุสสติ ขอคำชี้แนะครับผม

 

เรียกพี่ก็พอครับ ถือว่าแลกเปลี่ยนแนวทางการปฏิบัติครับ..
ถ้าแบบที่ ๒ ให้คุณ ตั้ง กสิณ ๔ กองข้างหน้าตัวเองให้ได้ก่อนครับ
เริ่มต้น จากกสิณ น้ำ ตั้งไว้ด้านซ้ายบน ตามด้วยกสิณดินด้านขวาบน
ตามด้วยกสิณไฟด้านขวาล่าง ตามด้วยกสิณลมด้านซ้ายล่าง


คือให้เรียกเป็นพลังงานกสิณในแต่ละกองขึ้นมาให้ได้ในรูปแบบอุคหนิมิต
ในระดับตาเปล่านะครับ..หรือหลับตาก็ได้ถ้าถนัด
ในลักษณะที่ให้หมุนเป็นวงกลมไม่ใหญ่มากและลอยค้างไว้ในอากาศนิ่งๆให้ได้ก่อนครับ
คือการที่มันจะนิ่งได้คือเราตั้งเรียกให้หมุนได้แต่ละกองก่อนแล้วกำหนดตัดและค้างไว้...
แต่ถ้าบางคนใช้ความรู้สึกก็พอได้ แต่ว่ามันจะไม่ชัดเจนเหมือนในลักษณะ
ของพลังงานครับเพราะว่าการใช้ความรู้สึกยังต้องหลับตาอยู่ เกรงว่ามันจะยัง
ไม้พ้นของการจินตนาการเหมือนที่เราเรียกเป็นพลังงานครับ
แล้วพอตั้งกองแรกได้ กองอื่นๆก็ทำเหมือนๆกัน
จนครบทั้ง ๔ กองครับ....
ในตอนแรกของการตั้งกสิณให้ลอยกลางอากาศทั้ง ๔ กองนั้น
เราจะใช้เหนือระหว่างคิ้ว ใช้มือ ใช้ตา หรือให้ใช้ส่วนไหนก็ได้
ในการบังคับนะครับ.แล้วแต่ถนัด..

แต่พอตั้งกสิณได้ทั้ง ๔ กองแล้ว ให้เปลี่ยนการบังคับกสิณกองด้วยการ
ใช้หน้าอกในการบังคับเท่านั้นครับ....

เหตุผลเพราะว่าในลำดับต่อมา เราต้องปั่นกสิณที่มันลอยอยู่ในอากาศ ทั้ง ๔ กอง
ให้มันหมุนรวมกันให้ได้และเป็นวงเล็กๆครับและดึงเข้ามาที่กาย
ซึ่งการปั่นหมุนรวมกันนั้น
สภาวะปกติเราจะปั่นวนรวมกันด้านขวาได้ง่ายกว่าครับ
แต่ปัญหาคือวงกสิณมันจะหมุนรวมกันให้เล็กลงได้ยากครับ..
เพราะฉนั้นต้องฝึกปั่นรวมโดยให้มันหมุนรวมกันและวนทางด้านซ้ายให้ได้ครับ...
และพอมันหมุนรวมกันได้แล้ว ให้ดึงกสิณทั้ง ๔ กองที่หมุนรวมกันแล้ว
ดึงเข้ามาที่หน้าอกครับ....
เหตุผลที่ต้องใช้ หน้าอกในการบังคับ ก็เพราะว่าต่ำแหน่งบังคับตรงหน้าอก
นั้นสำหรับเดินธาตุโบราณนั้น มันจะสามารถดึง กสิณทั้ง ๔ กองให้เป็นแนว
ท่อตรงๆเพื่อเข้ามาในกายได้ครับ ถ้าเราใช้ตำแหน่งอื่นๆในการบังคับ
ในขณะที่จะดึงเข้าสู่กาย..เช่น ลองใช้หน้าฝากดึงดูในขณะที่ดึงเข้าร่าง
กายกสิณมันจะแตกเป็นวงขยายออกไปกว้างครับ
พูดง่ายมันจะดึงเข้ากายได้ยากครับ...

พอดึงเข้าสู่กายได้แล้ว ก็จะเริ่มต้นเข้าสู่ระดับปฐมฌานได้แล้วครับ...
แต่บอกไว้ก่อนว่า วิชาเดินธาตุโบราณนี้ ต้องเคลียร์เรื่องที่ติดขัดให้ดีๆนะครับ
ไม่งั้นมันจะไปต่อไม่ได้ ในขั้นที่เราสามารถดึงกสิณเข้าร่างกายได้...
หลังจากนั้นก็จะพัฒนาของมันได้ในลำดับต่อของมันเองครับ..
แต่มันจะพัฒนาไปในส่วนของอรุปฌานเลยนะครับ...
ลำดับขั้นในการพัฒนาลองสังเกตุดูด้วยตัวเองครับ
ประมาณนี้ก่อน ในหลักการเบื้องต้นครับ..

 

ขอบคุณมากครับ

 

ดวงกสิณที่ติดเป็นอุคนิมิต สำหรับผม นะ มีสีฟ้าอ่อน มะ สีน้ำตาล พะ สีแดง ธะ สีเทา แต่จิตรู้ว่ามีพลังงานงานตามธาตุนั้นๆใช้ได้ไหมครับ

 

ได้ครับ.โดยเบื้องต้น ประเด็นหลักๆคือ ขอให้ตั้งได้ ๔ กองก็พอครับ.. ของคุณ ใบจาก
ใช้แต่ละสีในเพื่อเป็นตัวแทนกสิณต่างๆอย่างนั้นก็ได้ครับ
แบบหลักการที่คุณถามมาส่วนตัวการหนุนธาตุครับ...
.เพียงแต่ว่าขอให้ตั้งขึ้นไปข้างหน้าตัวให้ได้อย่างที่แนะนำมา
อย่าสลับตำแหน่งกันนะครับ ทำไมนะหรือเด่วอนาคตจะเล่าให้ฟังครับ
..และถ้าตั้งอย่างนั้นได้ตัวจิตคุณมันจะทำงานในลักษณะที่เห็นสีนำทางนะครับ
และก็จะเห็นหลายๆสีด้วยครับ
.ไม่ใช่เห็นเป็นเส้นสายหรือว่าสีขาวเดียวหรือสีใสนะครับ
และพอปั่นมันรวมกันได้มันจะกลายเป็นเกล็ดๆย่อยๆสีทองก่อน
ถือว่าเป็นเรื่องปกตินะครับ...
ประเด็นสำคัญของธาตุโบราณนี้จริงๆ มันอยู่ตอนที่เราสามารถ
ปั่นมันรวมกันให้เล็กลงครับ และดึงเข้ามาให้อยู่ตรงหน้าอกให้ได้นั่นเองครับ
ถึงจะเริ่มเข้าสู่การฝึกแบบของสายเดินธาตุโบราณตามฉบับ
ของท่านที่เป็นใหญ่เมืองบาดาลท่านว่ามาครับ..

 

สำหรับวิชาเดินธาตุโบราณนั้น
มีสิ่งที่ต้องระมัดระวังให้ดีที่สุดด้วยนะครับ
ถ้าสามารถดึงเข้ามาในตัวในได้แล้วให้นั่งต่อ
การพัฒนาก็คือสีจะละเอียดสว่างมาก หรือ แสงสว่างมาก
แม้ว่าเวลาเรานั่งในห้องมืดๆเราลืมตาอยู่ก็สว่างทั้งห้องได้
อย่าติดตรงนี้เพราะเป็นการเข้า
ระดับปฐมฌานเท่านั้น ให้สังเกตุดูว่า
สีหรือแสงมันจะไม่เย็นมันจะอุ่นๆเหมือนแสงไฟสปอร์ตไลท์คับ
ให้ต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งแสง
หรือสีค่อยๆจางลง หลังจากนั้นระดับสมาธิมัน
จะไต่ระดับได้ของมันเองอัตโนมัตินะครับ ย้ำว่าอัตโนมัติและจะ
สามารถไปถึงอรูปในขั้นสุดท้ายได้เอง โดยที่สีหรือแสงจะค่อย
สว่างขึ้นมาเรื่อยๆพร้อมกับระดับสมาธิที่เราเข้าถึงครับ
ส่วนจะได้หรือไม่ได้
ก็สุดแล้วแต่วาสนา ถ้าได้ก็ขอโมทนาครับ

..แต่ว่าแม้ว่ายังไม่ถึงเราทำถึงขั้นอรูปขั้นที่ ๓ ได้
..ตัวจิตก็จะมีกำลังเพียงพอใน
การทำอะไรได้หลายๆอย่าง..ที่สามารถสัมผัส จับต้องได้
ถ้าหากว่า..สามารถฝึกจนไปขั้นระดับสมาธิกำลังสูงได้แล้ว
ในรูปแบบของพลังงานเราจะสามารถเข้าถึงและเข้าใจได้ด้วยตัวเองครับ...

แต่จะต้องชัวนะครับว่า ตนเองมีพันธมิตรทางภพภูมิที่ดีพอ หรือมีครูบาร์
อาจารย์ทางภพภูมิคอยกำกับตัวเราอยู่ตลอดเวลา..ให้สังเกตุว่า
เราพอมีไหมอย่างนี้นะครับ ดูว่าวันใดวันหนึ่งเรานั่งๆอยู่แล้วคล้ายๆ
ว่าเราโดนดูดออกไปสถานที่อื่นๆภายในเวลาเสี้ยววินาทีครับ..
แม้ว่าเราจะรู้สึกเหมือนโดนดูดแต่ว่า มันจะเป็นเหมือนสถานที่นั้นๆ
จะมาเป็นฉากๆเลื่อนเข้ามาหาตัวเองครับ..แม้ว่าจะมองไม่เห็นว่า
ท่านใดอยู่แถวนั้นแต่ก็พอประกันได้ว่า..คุณมีอาจารย์ทางภพภูมิ
คอยกำกับดูแลครับ ซึ่งกิริยาอย่างที่เล่าถือว่าเป็นปกติสำหรับ
บุคคลที่จะมีข้างบนท่านคอยมาสอนนะครับ...

แต่สิ่งที่ต้องระวังอย่างยิ่งก็คือ.
.ถ้าจะไปเล่นในส่วนของธาตุดินเพื่อทำอะไรนั้น
...ถ้าเราไม่มีพันธมิตรคอยคุมจะอันตรายมาก
สร้างให้มีแล้วเราค่อยหันมาเล่นกับธาตุดินได้ครับ
..เพราะถ้าขาดอย่างที่เล่าให้ฟังมา
โอกาสที่เราจะเสียศูนย์หรือวิปลาสได้สูงครับ..
เนื่องจากมันเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับระดับสมาธิขั้นสูง
มันไม่ใช่แค่การส่งจิตธรรมดาทั่วๆไป
มันจะกำลังสูงกว่าวิชาพิเศษที่คุณมีพื้นฐานมาครับ..
บางทีมันยกกายละเอียดออกในกำลัง
ระดับสูงจริงๆ ชนิดที่ว่านั่งๆอยู่แล้วออกไปเลย
ในสภาพแวดล้อมเริ่มต้นบนโลกเราเห็นๆนี่หละครับ..
ซึ่งตรงนี้เราจะยังมีสายใยที่มันโยงที่หลังเราอยู่ถ้าเราเข้าถึง
กำลังระดับนี้ เราจะรับรู้ถึงสายใยที่หลังตรงนี้ได้ชัดเจน
ด้วยตัวเองครับและสายใยตรงนี้แระคับ
ถ้ามีภพภูมิอื่นๆมาจับหรือมาทำอะไรสายใยตรงนี้ครับ
มันจะอันตรายมากครับ

มีข้อควรระวังกล่าวเสริมตามที่เล่าให้มา
และทราบแล้วใช่ไหมครับว่าวิชานี้ผู้ที่เป็นเลิศแบบที่แนะนำ
คือท่านที่อยู่เมืองบาดาล เพราะฉนั้นสร้างมิตร
ผูกมิตรไว้ให้ดีๆกับภพภูมิทุกระดับนะครับ...
สร้างบารมีไว้เยอะๆ.และให้ความเคารพ
ผู้ที่เป็นเลิศทางด้านนี้ไว้ด้วยใจจริงไว้ครับ

ประมาณนี้ครับ

 

อุคนิมิตที่ดึงเข้ามาในกายให้มาสถิตที่ช่วงอกลินปี่แล้วปล่อยให้หมุนอยู่อย่างนั้นถูกต้องใช่ไหมครับ ในส่วนตัวหลังจากได้การแนะนำจากท่านพี่แล้วกระผมลองฝึกแบบพิสดารคือยกธาตุกสินขึ้นที่ละดวงแล้วใช้จิตบังคับขวางออกไปด้วยความแรงมากๆให้วิ่งรอบจักวาลแล้ววนกลับมาตั้งที่ระดับห่างจากหน้าประมาณ2เมตร เวลาร่วมธาตุ ก้ยกขึ้นมาด้วยวิธีดังกล่าวทุกดวงให้ไปวนรอบๆก่อนแล้วค่อยมาตั้งทั้งสี่ดวง แล้วใช้จิตบังคับวิ่งเข้าชนกันแล้วให้หมุนซ้ายแรงและเร็วมากเหมือนลูกข่างแล้วขยายใหญ่มากๆๆแล้วบังคับให้เล็กเท่าหัวแม่มือบางกำปั้นบ้างแล้ววิ่งชนที่กลางอก พอมาในกาย ก้เดินไปทั่วกาย แล้วพุ่งออกทางกระหม่อมแล้วพุ่งกลับตั้งที่เดิม หรือออกแล้วเวียนรอบตัวแล้วด้เข้ามาในกาย ใช้ได้ไหมครับโปรดชี้ทางด้วยครับ

 

ผลที่เกิดจากการฝึกมีดังนี้ครับลักษณะคล้ายมีพลังงานดูดร่างเราให้ไปกับแรงนั้นแต่ใช้ปัญญาตรองดูแล้วมันดูดกายทิพย์ ไปในที่เวิ้งวางคล้ายๆห้วงอวกาศ จิตก้บอกว่าไม่ได้ ก้กลับมาดูลมอานาปาแล้วด้วยภาวนาพุทโธก้สงบดีครับชี้ทางด้วยครับ

 

อย่าลบกระทู้นี้นะคะ ขอมาติดตามเพื่อเป็นความรู้ค่ะ

 

ที่ คุณ ใบจากทำมาและเจอกิริยาต่างๆนะถูกแล้วครับ.
และตัวปัญญาเราน้อมคิดอย่างนั้นก็ถือว่าดีแล้วครับ....
เอาหลักๆนะครับให้เราบังคับให้มันอยู่นิ่งๆตรง
กลางหน้าอกให้ได้ครับ เด่วอาการที่ศรีษะที่มีเหมือนพลังงาน
เปิดออกหมุนขยายข้างไปข้างบนและขยายไปภายนอกกว้างๆนั้น
มันจะเกิดขึ้นได้เองอัตโนมัติโดยมันจะมี
คล้ายๆท่อๆเล็กที่จะวิ่งจากหน้าอกเรานั้นหละครับ..
ขึ้นไปเชื่อมกับตรงศรีษะก่อนที่มันจะขยายนั่นหละครับ..
และจะมีอาการร่วมกับมีพลังงานหมุนที่ฝ่ามือทั้ง ๒ ข้าง
และก็มีพลังงานหมุนรอบที่หน่องทั้ง ๒ ข้างเป็นเรื่องปกติครับ..
ให้ทำบ่อยๆไม่ต้องรีบร้อนโดยมากประมาณครั้งที่ ๓ หรือ ๔
ถึงพอจะบังคับให้มันอยู่นิ่งๆได้..ช่วงนี้ให้เรา
สะสมกำลังสมาธิระหว่างวันไว้ คือ ทำสมาธิเอาแค่
ระดับที่จิตสงบซัก ๕ ถึง ๑๐ นาทีระหว่างวัน หายใจให้ลึกๆถึงท้องไว้
แต่ไม่ต้องตามลม ทำความรู้สึกรับรู้ว่ามีลมเข้าและออกที่ปลายจมูก
ในระหว่างวันเพื่อมาเสริม ความสามารถในการทำให้มันนิ่งๆที่หน้าอกครับ...
แรกๆมันก็จะไปนั้นไปนี้ โดนดูดอย่างที่เป็นนั้นหละครับ
ถือว่ามาถูกแล้วและเป็นเรื่องปกติครับถ้าเราไปปฏิบัติมาครับ...(^_^)
ประมาณนี้ครับ...

 

ขอบพระคุณคุณพี่จริงๆที่ชี้ทางสว่าง ท่านใดสนใจฝึกตาม เชิญเลยนะครับ มีครูบาอาจารย์มาป้อนให้ถึงปากจะกินไม่กินขึ้นอยู่กับท่านแล้วละ เจริญธรรม. ไม่มีอะไรในโลกน่ากลัวเท่าใจเรา.

 

คุณนพ เนื่องจากผมจะลาจากเว็ปแล้ว ขมาลาโทษเรื่องโวหารต่างๆ นะครับ

อ้อ

เห็นฝึกวิชาเดินธาตุ ยากเย็นกันจัง

วิธีของผมง่ายมากครับ
เดินจงกรม หรือนั่งสมาธิธรรมดานั้นแหละ
พอจุดหนึ่ง ก็เชื่อมจิตกับสรรพธาตุ เมื่อเชื่อมได้ ทุกธาตุเรียกได้หมดนะครับ ลองทำดูละกัน คุณนพ ขยายความเองได้อยู่แล้ว ไปสอนต่อได้เลยครับ
ลาล่ะครับ

 

หลักการฝึกพอทราบครับ
และก็อโหสิทุกกรณีครับ
ตามลายเซนต์ ขวาสุดเลยครับ..