ลองฝึกกำหนด ลม เป็นอารมณ์ ปรากฎว่า

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย เนตรนารี, 16 พฤศจิกายน 2012.

  1. เนตรนารี

    เนตรนารี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +36
    พอดี ดิฉันได้ นอนกำหนด เอา ลมที่เปิดจากพัดลม แล้วมาต้องกายเรา เป็นอารมณ์ แล้วจำความรู้สึกขณะนั้นไว้ ตอนเปิดพัดลมพัดไว้นั้น ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง จากนั้นก็ปิด แล้ว จำความรู้สึกตอนถูกลมพัดไว้ สักพักปรากฎว่ามันมีลมมาต้องกายเหมือนตอนเปิดพัดลมไว้อย่างแจ่มชัด ทั้งๆที่ห้องไม่มีทางลอดของลมข้างนอกเข้ามา และก็กำหนดต่อไป จากนั้นปรากฎว่าจิตหรือกายไม่รู้ เบาขึ้นๆ เรื่อยๆ แล้วมีอาการคล้ายเหมือนเราเวียนหัวแบบ เหวี่ยงๆหน่อยๆ เบาเหมือนลอยมากๆ ตอนนั้นดิฉันไม่ได้ลืมตาดู จึงลองลืมตาดูปรากฎว่าที่รู้สึกเบานั้นเหมือนมีละอองสีขาวลอยจากกายที่นอนอยุ่ขึ้นสูงประมาณ ไม่ถึง 1 ไม้บรรทัด มันเหลื่อมๆกัน จากนั้นก็รู้สึกเหมือนไฟฟ้าช๊อตตั้งแต่ปลายเท้า แบบ จื๊ดๆ จนถึงเอว แล้วก็หลุดจากสมาธินั้นอยู่ร่ำไป เพราะ เมื่อมีอาการจื๊ดๆ ปุ๊บ ขาดิฉันจะขยับเองโดยไม่ได้สั่งการ จึงหลุดจากสมาธินั้น ดิฉันไม่ทราบว่ามันคืออะไร แล้วทำอย่างไรอาการเหมือนไฟช๊อตนั้นจึงจะหายไปคะ แล้วถ้าหากว่า อาการไฟฟ้าช๊อตนั้นหาย ดินฉันจะเข้าไปถึงสมาธิระดับใดต่อไปค่ะ รบกวนผู้รู้ช่วยตอบดิฉันด้วยค่ะ หาทางไปไม่เจอเลย
     
  2. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    นอนกำหนด เอา ลมที่เปิดจากพัดลม แล้วมาต้องกายเรา เป็นอารมณ์ แล้วจำความรู้สึกขณะนั้นไว้ จากนั้นก็ปิด แล้ว จำความรู้สึกตอนถูกลมพัดไว้ สักพักปรากฎว่ามันมีลมมาต้องกายเหมือนตอนเปิดพัดลมไว้อย่างแจ่มชัด ทั้งๆที่ห้องไม่มีทางลอดของลมข้างนอกเข้ามา

    +++ คุณกำลังฝึกอยู่กับ ธาตุลม แล้วได้ วาโยสัญญา หากไม่เคยทำมาก่อน แล้วจู่ ๆ มันก็มาเองทุกอย่าง ผมพิจารณาว่า มันเป็นของเก่าของคุณเอง

    จากนั้นปรากฎว่าจิตหรือกายไม่รู้ เบาขึ้นๆ เรื่อยๆ แล้วมีอาการคล้ายเหมือนเราเวียนหัวแบบ เหวี่ยงๆหน่อยๆ เบาเหมือนลอยมากๆ ตอนนั้นดิฉันไม่ได้ลืมตาดู จึงลองลืมตาดูปรากฎว่าที่รู้สึกเบานั้นเหมือนมีละอองสีขาวลอยจากกายที่นอนอยุ่ขึ้นสูงประมาณ ไม่ถึง 1 ไม้บรรทัด มันเหลื่อมๆกัน

    +++ จากนั้นเกิด ลหุสัญญา (กายเบาจิตเบา) สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ให้ปล่อย หรือ ให้แช่ อยู่ในความเบา ๆ นี้เอาไว้ หากลมยังพัดอยู่ ก็ให้คงสภาพไว้เช่นนั้น แบบไม่ต้องตั้งใจ ส่วน ละอองสีขาวนั้นให้รู้ไว้เฉย ๆ ไม่ต้องตัดทิ้ง

    จากนั้นก็รู้สึกเหมือนไฟฟ้าช๊อตตั้งแต่ปลายเท้า แบบ จื๊ดๆ จนถึงเอว แล้วก็หลุดจากสมาธินั้นอยู่ร่ำไป เพราะ เมื่อมีอาการจื๊ดๆ ปุ๊บ ขาดิฉันจะขยับเองโดยไม่ได้สั่งการ

    +++ อย่าใช้ความ อยากหรือไม่อยาก เข้ามาแทรกแซงอาการนี้ ควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของมัน โดยเฉพาะตอนขาขยับเองนั้นเป็นตอนที่สำคัญที่สุด ให้รู้ทั้งตัวประกอบไปด้วยถ้าทำได้ ให้สังเกตุอาการทุกอย่างแบบไม่ต้องตั้งใจ

    จึงหลุดจากสมาธินั้น ดิฉันไม่ทราบว่ามันคืออะไร แล้วทำอย่างไรอาการเหมือนไฟช๊อตนั้นจึงจะหายไปคะ แล้วถ้าหากว่า อาการไฟฟ้าช๊อตนั้นหาย ดินฉันจะเข้าไปถึงสมาธิระดับใดต่อไปค่ะ รบกวนผู้รู้ช่วยตอบดิฉันด้วยค่ะ หาทางไปไม่เจอเลย

    +++ อย่าแทรกแซงอาการไฟช๊อต ควรปล่อยให้มันทำงานเองจนกว่าจะจบขั้นตอนของมัน จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้มีอาการที่เป็นทุกข์เจือปนอยู่ด้วยเลย ใช่หรือเปล่า

    +++ ชื่อของสมาธินั้นไม่จำเป็น อาการของสมาธิของคุณต่างหากที่เป็นสิ่งจำเป็น หากเอาชื่อของสมาธิมาเป็นประเด็นเมื่อไร อาการสมาธิของคุณอาจหายไปเลยและไม่ปรากฏมาอีกก็ได้ เอาตัวสมาธิไว้ดีกว่าจะสรรหาชื่อของมันนะครับ

    +++ ให้รู้ตัวแบบ รู้ทั้งตัว จากนั้นเอาความรู้สึกของลมพัดแบบทั่วทั้งตัว จนอาการเบาทั้งตัวเกิดขึ้นแล้วให้อยู่ในอาการเบาทั้งตัวนั้น ส่วนอาการไฟช๊อตจะเกิดหรือไม่ก็ไม่เป็นไร พยายามคุมการรู้ทั้งตัว ลมพัดและความเบาให้ได้ สังเกตุตอนขาขยับเองให้ดี หากยังรู้ทั้งตัวอยู่ ตัวอาจขยับเองได้เช่นกัน ทั้งหมดนี้จะไม่มีความทุกข์เข้าเจือปนในขณะที่อาการปรากฏ

    +++ พระพุทธองค์ท่านให้ รู้ธรรมเฉพาะหน้า หรือเรียกได้ว่า ให้ศึกษาปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวในขณะที่มันปรากฏนั้น ๆ ลมพัดเป็นความรู้สึกตัวชนิดหนึ่ง เป็น เวทนานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน กายเบาจิตเบาก็เช่นกัน ทังหมดเป็นเรื่อง รู้ตัว กับ รู้สึกตัว เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมหาสติทั้งสิ้น ไม่มีส่วนของจิตส่งออก ถือว่ามาถูกทางแล้วครับ
     
  3. เนตรนารี

    เนตรนารี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +36
    ก็คือปฏิบัติเหมือนเดิม ไม่ต้องไปใส่ใจ ไม่ต้องไปลังเลสงสัยกับมัน แบบนั้น ใช่ไหมคะ ^^ ขอบคุณมากค่ะ^^
     
  4. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    ก็คือปฏิบัติเหมือนเดิม

    +++ ใช่ครับ

    ไม่ต้องไปใส่ใจ ไม่ต้องไปลังเลสงสัยกับมัน แบบนั้น ใช่ไหมคะ

    +++ ตรงนี้ ต้องใส่ใจ แต่ไม่ต้องลังเล ตอนที่ขาขยับเองเป็นตอนที่สำคัญที่สุด และต้อง ควบคุมการรู้ทั้งตัวไว้ให้ได้ จึงสามารถรู้อาการในรายละเอียดได้ นะครับ
     
  5. เนตรนารี

    เนตรนารี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +36
    หลังจากวันนั้นที่ได้รับคำแนะนำจากคุณธรรมชาติรอบแรกน่ะค่ะ ดิฉันลองทำดู แต่ปรากฎว่าอาการลอยมันเด่นชัดมากขึ้น ซึ่งคราวนี้ไม่มีละอองสีขาวแบบที่เห็นรอบแรกค่ะ เป็นการลอยจริงๆ ซึ่งก่อนลอยรู้สึกยุบยิบๆตรงส่วนที่แตะพื้นที่กายเราสัมผัส มันยุบยิบขนาดปวดจื๊ดๆเลยก็ว่าได้ แล้วก็เหมือนลอยจริงๆ จากพื้น ประมาณไม่สูงมากนัก เมื่อดิฉันสงสัยว่าเอ๊ะ นี่เป็นความรู้ึสึกหรือของจริง จึงลืมตาขึ้น ปรากฎว่าอาการหล่นอย่างรุนแรง ตึก แต่รู้สึกเหมือนส่วนที่เราสัมผัสพื้นตอนแรกมันถูกกระแทกแต่ไม่แรงมาก แต่ก็จุกเช่นกัน หากฝึกต่อไปจะอันตรายไหมคะ ดิฉันรู้สึกกลัวแปลกๆแล้ว
     
  6. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    หลังจากวันนั้นที่ได้รับคำแนะนำจากคุณธรรมชาติรอบแรกน่ะค่ะ ดิฉันลองทำดู แต่ปรากฎว่าอาการลอยมันเด่นชัดมากขึ้น

    +++ ถูกต้องแล้วครับ อาการลอยเป็นผลลัพธ์ จากการแช่อยู่ในความเบา ส่วนการรู้ตัวแบบ รู้ทั้งตัว นั้นจะเป็นผู้ควบคุมความเบาอีกต่อหนึ่ง

    ซึ่งคราวนี้ไม่มีละอองสีขาวแบบที่เห็นรอบแรกค่ะ เป็นการลอยจริงๆ ซึ่งก่อนลอยรู้สึกยุบยิบๆตรงส่วนที่แตะพื้นที่กายเราสัมผัส มันยุบยิบขนาดปวดจื๊ดๆเลยก็ว่าได้ แล้วก็เหมือนลอยจริงๆ จากพื้น ประมาณไม่สูงมากนัก

    +++ การรู้ทั้งตัวนั้น ช่วยเปลี่ยนสภาพจากอาการไฟช๊อตมาเป็นยุบยิบ ๆ และเมื่อไม่มีการแทรกแซงอาการนี้ ตัวทั้งตัวย่อมขยับได้เอง (ลอยทั้้งตัว) เพราะเหตุแห่ง รู้ทั้งตัว

    เมื่อดิฉันสงสัยว่าเอ๊ะ นี่เป็นความรู้ึสึกหรือของจริง จึงลืมตาขึ้น ปรากฎว่าอาการหล่นอย่างรุนแรง ตึก แต่รู้สึกเหมือนส่วนที่เราสัมผัสพื้นตอนแรกมันถูกกระแทกแต่ไม่แรงมาก แต่ก็จุกเช่นกัน หากฝึกต่อไปจะอันตรายไหมคะ ดิฉันรู้สึกกลัวแปลกๆแล้ว

    +++ การควบคุมการลอยตัวนี้ อยู่ที่การสลับไปมานิด ๆ ระหว่าง รู้ทั้งตัว กับ เบาทั้งตัว เช่น รู้ = 50% เบา = 50%
    +++ รู้ + เบา = 50 + 50 = 100%
    +++ ให้ขยับมาอยู่ที่รู้ 60% เบาจะอยู่ที่ 40% แล้วให้สังเกตุว่า อาการลอยสูงขึ้นหรือต่ำลงประมาณเท่าไร
    +++ แล้วสลับกันคือ เบาอยู่ที่ 60% รู้อยู่ที่ 40% แล้วค่อย ๆ สังเกตุความเปลี่ยนแปลงของอาการลอยตัวนี้

    +++ การปรับระหว่าง รู้กับเบานี้ อาจปรับครั้งละประมาณ 1-2% ก็ได้ เพื่อดูความเปลี่ยนแปลงอย่างละเอียดของการลอยตัว
    +++ หากจำเป็นที่จะต้อง ลืมตาขึ้นตรวจสอบ ให้ค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาเฉย ๆ ห้ามลืมตาขึ้นมาโดยเด็ดขาด ไม่งั้นอาจจะหล่นอีกตามเคย
    +++ คำศัพท์ระหว่าง ลืมตา กับ เปิดเปลือกตา นี้ รูปแบบทางกายเหมือนกัน แต่เนื้อหาทางการกำหนดจิตจะต่างกันมากมาย กรณีของคุณใช้ "เปิดเปลือกตา" แต่เพียงประการเดียวเท่านั้น

    +++ หลังจากฝึก การปรับการควบคุมการลอยตัว ได้แล้ว จะไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้น รวมทั้งการฝึกการควบคุมระหว่าง "การเปิดเปลือกตา" กับ "การปิดเปลือกตา" ด้วย

    +++ หลังจากชำนาญและควบคุมได้ดังใจแล้ว ให้ทราบเอาไว้ว่า "การถ่ายทอดความรู้นี้ เป็นการถ่ายทอดในพระพุทธศาสนา ต่อพุทธศาสนิกชน ผู้มีบารมีเพียงพอต่อการรับการถ่ายทอดได้เท่านั้น" นะครับ

    +++ ทั้งหมดเป็นเรื่องของ การใช้มหาสติปัฏฐาน 4 เข้าควบคุมและใช้งานในขันธ์ 5 เท่านั้นเอง นะครับ อย่าไปหาคำศัพท์อื่นให้วุ่นวาย เอาแบบเราทำได้ดีกว่าการใช้ภาษาที่อ่านเท่าไรก็ไปไม่รอด นะครับ
     
  7. เนตรนารี

    เนตรนารี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +36
    หากดิฉันได้ความคืบหน้าใดๆเพิ่มเติมในการปฏิบัติจะรบกวนสอบถาม คุณ ธรรมชาติ อีกนะคะ ^^ อนุโมทนาบุญค่ะ ขอให้เจริญในทางโลกและทางธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...