วอนท่านผู้รู้โปรดช่วยผมต่อต้านพวกมิจฉาทิฐิด้วยครับ....

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย titapoonyo, 12 ธันวาคม 2010.

  1. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    ผมพอแค่นี้ก่อน ถ้าให้ผมยกมาอีกคงจะอีกนานกว่าจะเสร็จ หรือบางทีอาจจะสูญเปล่า ก้อได้เพราะผมไม่เห็นว่าพวกสำนักสามแยกนี่จะยอมรับอะไรเลย เพราะกระทู้ที่ผมโพสๆไปไม่เห็นว่าเค้าจะอ่านกันสักนิด
     
  2. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    ผมขออนุญาติลบชื่อของผมไปแล้วนะครับ เพราะว่ามองเหมือนว่ามันจะไม่มีประโยชน์ที่จะลงชื่อไว้ เพราะตอนแรกผมลงชื่อไว้ให้ท่านแล้ว แต่ท่านกลับไม่อ่าน มองไม่เห็นชื่อผม ทั้งนี้ทั้งนั้นผมเองก็ต้องป้องกันตัว เผื่อว่าสำนักของท่านจะเล่นของมาทำอะไรครอบครัวผมเหมือนกัน
     
  3. nerazzurriboyz1908

    nerazzurriboyz1908 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    713
    ค่าพลัง:
    +763
    ขออนุญาติลอกมาจากเวปวัดท่าขนุน

    ถาม : จะถามเรื่องการทำบุญ ที่ไปหล่อพระพุทธรูปหรือการสร้างพระพุทธรูป บูรณะซ่อมแซมพระพุทธรูป บุญกุศลเหล่านี้จะได้บุญอย่างไรคะ ?
    ตอบ : พุทธบูชา มหาเตชวันโต การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดช มีอำนาจมาก ถ้าหากว่าเกิดเป็นเทวดา พรหม ก็จะมีรัศมีกายสว่างมาก ถ้าหากว่าเกิดเป็นคน ส่วนใหญ่ต้องเป็นผู้นำหมู่ชนเขา และการซ่อมพระพุทธรูป ถ้าหากว่าเกิดใหม่รูปร่างหน้าตาจะสวยงามเป็นพิเศษ ถ้าเป็นสุภาพสตรีจะได้เบญจกัลยาณี หรือไม่ก็อาจจะถึงขนาดอิตถีลักษณะ ๖๔ ประการ ที่เป็นพุทธมารดา อันนั้นหายากสุด ๕ อย่างก็ยากเต็มทีแล้วอันนั้นอีก ๖๔ หัวข้อ

    ถาม : แล้วถ้าไม่ได้ซ่อมพระพุทธรูปแต่เป็นฐานพระพุทธรูปล่ะคะ ?
    ตอบ : ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งด้วย

    ถาม : แล้วถ้าเป็นผู้ชายล่ะครับ จะได้เบญจกัลยาณีหรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : มันหวังสูงนะ ...(หัวเราะ)... ตั้งความปรารถนาไว้แล้วกัน ดีไม่ดีได้เกินนั้น เขาหวังว่าเขาเป็นผู้ชาย เขากลัวว่าจะได้เบญจกัลยาณีไหม? ...(หัวเราะ)... เมื่อกี้ฟังไม่ชัดต้องบอกใหม่

    ถาม : ทีนี้ในทางตรงกันข้ามล่ะเจ้าคะ ถ้าทำลาย ?
    ตอบ : ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ ลงนรกมหาอเวจีเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นก็เคยทำอะไรไว้ มันช่วยซ้ำครบทุกขุมเลย

    ถาม : มีเพื่อนที่รู้จักเจ้าค่ะ คือเขานำพระพุทธรูปมาองค์หนึ่ง แล้วเขาไม่ทราบว่า เขาคิดว่าพระพุทธรูปองค์นั้นเป็นปูน เขาคิดว่าองค์ท่านควรจะมีน้ำล้อมรอบเขาก็เอาไปแช่น้ำเจ้าค่ะ พอแช่ทิ้งเอาไว้ท่านก็บวมขึ้นเรื่อย ๆ เลยมาทราบทีหลังว่าเป็นขี้เลื่อยอัดกาวค่ะ แล้วอย่างนี้ไม่ทราบว่า...?
    ตอบ : จริง ๆ เขาทำโดยเจตนาบริสุทธิ์ ตั้งใจจะถวายเป็นพุทธบูชาด้วย เรื่องเป็นโทษคงจะไม่มี เพียงแต่ว่าพระชำรุด

    ถาม : ชำรุดมากเลยค่ะ หลุดเป็นชิ้น ๆ เลยค่ะ
    ตอบ : หาองค์ใหม่ให้เขาเอาที่แช่ได้มันทน ๆ

    ถาม : เนื่องจากว่าเขารักองค์นี้มากเลยค่ะ เขาก็เลยให้ช่างไปซ่อม ทีนี้ช่างบอกซ่อมไม่ไหวแล้ว ต้องทุบท่านทีนี้ไม่ทราบว่า...?
    ตอบ : ถ้าลักษณะอย่างนั้นถือว่าทำลายพระพุทธรูป โทษอเวจีเหมือนกัน ลักษณะนั้นควรจะบรรจุไว้ในองค์ที่ใหญ่กว่าแล้วบูชาต่อไป

    จำไว้เลยนะ พระที่สร้างขึ้นมาแล้วไม่ว่าองค์ใหญ่องค์เล็กก็ตาม จะชำรุดหรือไม่ชำรุดก็ตาม ถ้าเราเอาไปป่นทำลาย โดยเฉพาะสมัยนี้นิยมกันนักสร้างเป็นองค์พระขึ้นมาใหม่ มีส่วนผสมของพระเก่า คุยซะดิบดีเลยอันนั้นโทษทำลายพระพุทธรูปอเวจีมหานรกรออยู่ รีบ ๆ กราบขอขมาพระรัตนตรัยเสียดี ๆ

    ถาม : แล้วจะหายไหมคะ ?
    ตอบ : มันไม่หายหรอก ขอไปเรื่อย ๆ จนกว่าท่านจะยอม คือจิตของเรามันจะคลายออกจากจุดนั้นเอง ใช้คำว่าท่านจะยอม ท่านยอมตั้งแต่แรกแล้วล่ะ เพราะมันทุบไปเรียบร้อยแล้ว

    ถาม : ถ้าเกิดมีรูปจิ๊กซอเป็นรูปพระค่ะ โรยกากเพชรเอาไว้ แล้วฝุ่นมันจับแล้วทำความสะอาดเอาไปล้างน้ำ มันหักน่ะค่ะ จะเอาไปใส่กรอบแล้วกาวมันหลุดน่ะค่ะ ?
    ตอบ : อันเดียวกัน อันนั้นเจตนาดีก็ไปซื้อกาวมาซะขวดละ ๒๐ บาท

    ถาม : ติดเสร็จแล้วใส่กรอบแล้วล่ะค่ะ ?
    ตอบ : ไม่เป็นไรจ้ะ อันนั้นเจตนาดีเหมือนกัน จะทำความสะอาดพระ แต่ไม่รู้ว่ากาวมันจะละลาย

    ถาม : แล้วไปเจียฐานพระเป็นอะไรไหมคะ ?
    ตอบ : ฐานพระ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ตกแต่งในลักษณะที่เราจะให้สวยงามใช่ไหม อันนั้นได้บุญด้วย ต่อไปถ้าเกิดมาจะสเลนเดอร์กว่านี้จ้ะ ...(ห้วเราะ)...

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๔


    ----------------------------------------------------------

     
  4. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    ใครโกหกอะไรใครเมื่อไหร่เหรอครับ คนอื่นๆเขาก็รู้กันทั่วว่ามันไม่ใช่ชื่อจริง เป็นเพียงสิ่งที่ใช้เรียกแทนตัวตนที่ตั้งขึ้นมาเพื่อใช้ในเว็ปนี้เท่านั้น ไม่ได้พูดว่าเป็นชื่อจริงเลยนะครับ แม้แต่ทำให้คนคิดว่าเป็นชื่อจริงก็ยังไม่ใช่เลย

    เรื่องของอำนาจพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ผมก็รู้ครับ ผมเองก็มีอำนาจนั้นปกป้องดูแลอยู่เพราะผมเป็นผุ้มีธรรมเป็นที่ตั้งเช่นกัน แต่ทว่าถ้ามีคนเล่นของมาผมน่ะไม่เป็นไรหรอก เพราะผมปฏิบัติอยู่ทุกคืน แต่คนที่จะเป็นน่ะ คือคนรอบข้างผม ผมไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นหรอกนะครับ
     
  5. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    มีพระรัตนตรัยฉบับสมบูรณ์น่ะดีแล้ว แต่เอามาแปลความหมายกันผิดๆแล้วมันจะไปถูกได้ยังไง

    แล้วสาเหตุที่คุณบอกว่าคนอื่นเค้าปฏิบัติกันผิดหมดน่ะ ผมขอถามหน่อยว่าทำไมท่านเหล่านั้นจึงเป็นพระอรหันต์กันได้เล่า เพราะในความคิดของคุณ ท่านเหล่านั้นยังยึดติดในรูปอยู่เลย
     
  6. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    ขออนุญาติคัดลอกจากคุณ nerazzurriboyz1908 มาอีกที อ่านไว้ซะนะครับ ถ้าจะหาว่าคนเค้างมงายกันน่ะ ตัวคุณเองก็เป็นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ที่งมงายกับความคิดทางศาสนาของคุณน่ะ
     
  7. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    สุดท้ายแล้วถ้าคุณจะไม่ใช้ปัญญาของคุณพิจารณาดูให้เกิดประโยชน์แล้วล่ะก็ ผมเองก็ต้องขอปล่อยคุณไปล่ะนะครับ เพราะผมเองจะจัดคุณว่าเป็นบัวเหล่าที่สี่ ซึ่งก็คือเหล่าที่มีทิฐิสูง ไม่รับฟังความคิดเห็นใดๆทั้งสิ้น

    ผมเองก็จะไม่เตือนคุณแล้วล่ะนะครับ ถ้าคุณยังยึดมั่นในความคิดของคุณเสียขนาดนั้น โดยที่ไม่พิจารณาปัญญาตัวแท้ คุณเองก้ออย่าไปยึดติด ธรรมวินัย มากนะครับ ผมเห็นว่ามีแต่ธรรมวินัยทั้งนั้นที่คุณยกมา ธรรมวินัยน่ะมันเป็นของสงฆ์เค้านะ และตัวธรรมวินัยนี่ล่ะ ในพระไตรปิฏกท่านก็บอกไว้ว่าสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในบางข้อตามแต่ละยุคแต่ละสมัย ถ้าเห็นว่าสมควร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2010
  8. prayut.r

    prayut.r เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +1,707
    ฮาๆ เดี๋ยวคุณ Ricky ก็จะเป็นเหมือนผมว่า เราอยากให้เขาปรับความคิด (ไม่ได้คิดแย้งความคิดเขานะ) แต่ก็เหมือนเปล่าประโยชน์ตรงกันข้ามกับเกิดโทสะขึ้นในใจผมเองอีกต่างหาก พอคิดได้เท่านี้ปุ๊บผมก็หยุดต่อล้อต่อเถียงแล้ว ทำตามที่ครูบาอาจารย์ของเราทำไว้ดีกว่าครับ

    เขาก็มีครูของเขา เราก็มีครูของเรา แต่แค่เรามั่นใจว่าครูของเราเป็นพระไม่เกิดแล้วก็เท่านั้นเอง แถมครูเราก็ไหว้พระ กราบพระ สร้างพระ ก็ไม่เห็นว่าท่านต้องตกนรกตรงไหนนี่นา?
     
  9. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    ผมก็คิดไว้แต่แรกแล้วล่ะครัวว่าถ้าผมมาตอบกระทู้นี้แล้วถ้าเขาไม่ยอมรับอะไรเลย ผมก็กะไว้แล้วว่าจะหยุดไว้แค่นี้ ถ้าเขายังไม่รับฟังอะไรก็ต้องปล่อยเค้าไปเถอะครับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเองท่านยังไม่แสดงธรรมให้กับคนกลุ่มหนึ่งเลย

    แต่ก่อนผมก็เคยคิดไว้ว่าทำไมถึงไม่แสดงล่ะ ท่านสมควรที่จะชี้นำคนทุกคน แต่พอเจอกับตัวเองผมก็เข้าใจแล้วล่ะครับ แต่เรื่องโทสะผมยังไม่มีนะครับ ผมแค่คิดว่ามันไม่เกิดประโยชน์อะไรถ้าผมจะพูดต่อไปเท่านั้นล่ะ

    และนี่เองก็คงที่จะเป็นสาเหตุที่ว่าการบรรลุธรรมการบรรลุธรรมสามารถทำให้เราบรรลุได้คนเดียวเท่านั้น สำหรับคนอื่นทำได้มากสุดก็เพียงแค่ชี้แนะเขาเท่านั้นเอง ถ้าเค้าจะทำหรือไม่ทำมันก็เรื่องของเค้า เพราะว่าคนที่รับกรรมก็เป็นเค้า มิหนำซ้ำเรายังได้บุญตรงที่ชี้ให้เค้าเห็น ไม่เกี่ยวว่าเค้าจะทำหรือไม่ทำ

    ธรรมนั้นอยู่รอบตัวจริงๆนะครับ อิอิ

    ถูกต้องที่ซู้ดดดดดดดดดดด
     
  10. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    กรณีข่าวพระภิกษุรูปหนึ่งห้ามคนกราบพระพุทธรูป เพราะไม่ใช่พระพุทธเจ้า เรามาทำความเข้าใจดังนี้

    ขอแสดงความคิดเห็นก่อน แลัวจะแสดงลิงค์ในพระไตรปิฎกและอรรถกถา
    ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่อไป :-
    ในการกราบไหว้มารดาบิดา ปู่ย่า ตายาย ฯลฯ
    ในการกราบไหว้มารดาบิดานั้น พวกเราไหว้อะไร ?
    กราบไหว้ผิวสีเหลือง ขาว ดำ ของสตรีที่เป็นมารดา บุรุษที่เป็นบิดา หรือ?
    กราบไหว้เส้นผมที่ขาว เทา ดำ ของสตรีที่เป็นมารดา บุรุษที่เป็นบิดา หรือ?
    กราบไหว้สีของฟันที่ขาว เทา ดำ ของสตรีที่เป็นมารดา บุรุษที่เป็นบิดา หรือ?
    กราบไหว้สีดำของลูกตาดำ ของสตรีที่เป็นมารดา บุรุษที่เป็นบิดา หรือ?
    กราบไหว้สีขาวของนัยน์ตาขาว ของสตรีที่เป็นมารดา บุรุษที่เป็นบิดา หรือ?
    ... ฯลฯ ...
    กราบไหว้กลิ่นกาย กลิ่นเหงื่อ ของสตรีที่เป็นมารดา บุรุษที่เป็นบิดา หรือ?
    กราบไหว้กลิ่นปาก ของสตรีที่เป็นมารดา บุรุษที่เป็นบิดา หรือ?

    คำตอบที่น่าจะถูกต้อง คือ
    เราไม่ได้กราบไหว้รูปารมณ์ [สีต่างๆ], คันธารมณ์ [กลิ่นต่างๆ] เหล่านั้น
    แท้ที่จริงแล้ว เรากราบไหว้ในอุปการะคุณที่ท่านทั้งสองเคยได้กระทำไว้แล้วต่อเรา
    ทั้งที่กำลังกระทำต่อเราในปัจจุบัน และจักกระทำต่อเราแม้ในอนาคต เรากราบไหว้คุณคือ
    พรหมวิหารธรรมที่ท่านทั้งสองได้มีต่อเรา.

    ดังนั้นเรากราบไหว้พระพุทธรูปไม่ใช่ที่ทองเหลืองแต่เป็นการกราบที่คุณของพระพุทธเจ้าพระพุทธรูปเป้นสิ่งที่แนคุณพระพุทธเจ้า
    พระสูตรชื่อว่า พรหมสูตร
    http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?name
    คำว่า พรหมวิหาร 4
    http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text เสิดคำว่า พรหมวิหาร_4

    เมื่อพิจารณามาถึงตรงนี้ บางท่านอาจจะมีคำถามว่า
    แล้วผิวสีเหลือง... เสียง... กลิ่นกาย ของสตรีที่เป็นมารดา ของบุรุษที่เป็นบิดา
    มีความสำคัญหรือเกี่ยวข้องอย่างไรต่อการกราบไหว้?
    ตอบว่า การได้เห็นมารดาบิดาก็ตาม ย่อมเป็นอุปการะต่อการระลึกถึงพระคุณนั้นๆ
    เมื่อระลึกในอุปการะคุณนั้นแล้ว ก็กราบไหว้ในเพราะการระลึกถึงพระคุณนั้นเป็นเหตุ

    บุคคลที่มารดาบิดาล่วงลับไปแล้ว หรือต้องไปอยู่ในที่ไกลจากมารดาบิดานั้น
    บางคนก็ได้เก็บรูปภาพของท่านทั้งสองไว้ เพื่อการระลึกถึงพระคุณของท่านเหล่านั้น
    บุคคลนั้นเมื่อได้ระลึกแล้ว ก็ยกมือกราบไหว้ในบุญคุณของท่านทั้งสอง

    หากว่ามีบุคคลบางคนกล่าว หรือกล่าวหาอย่างนี้ว่า
    บุคคลนี้กราบไหว้กระดาษ ช่างน่าเย้ยหยัน น่าติเตียนเหลือเกิน
    ก็กระดาษนั้นมีที่มาร้านถ่าย ล้าง อัดรูปทั่วไป
    ก็กระดาษนั้น ร้านเหล่านั้นทำกันเองทั้งนั้น
    ก็กระดาษนั้นไร้ประโยชน์ เพราะไม่มีคุณธรรมใดๆ ในกระดาษเลย.

    บุคคลที่กล่าวอย่างนี้ หรือบุคคลที่คล้อยตาม กล่าวตามบุคคลนั้น
    ชื่อว่าเป็นบุคคลลึกหรือตื้น อาศัยความฉลาดกล่าว
    หรือว่าอาศัยความเขลากล่าว
    ชื่อว่ากล่าวคำมีประโยชน์และควรฟัง
    หรือกล่าวไร้ประโยชน์และไม่ควรเสียเวลาฟัง
    ชื่อว่าพิจารณาดีแล้ว จึงกล่าวติเตียนผู้อื่น
    หรือว่าไม่ได้พิจารณาด้วยดี ก็ติเตียนผู้อื่น ?
    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ฉันใด ก็ฉันนั้น
    บุคคลบางคนได้เห็นพระพุทธรูปก็ตาม หรือแม้กระทั่งผ้ากาสาวะ
    เพราะการเห็นนั้นนั่นแหละ เป็นเครื่องช่วยให้ระลึกถึงพระคุณ
    ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้นว่า
    แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ ...
    คำว่า พุทธคุณ
    http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text เสิดคำว่า พุทธคุณ

    บุคคลที่ฉลาดในเหตุ ควรรู้ว่า บุคคลเหล่านั้นไม่ได้กราบไหว้เนื้อปูน
    ไม่ได้กราบไหว้เนื้อทองสัมฤทธิ์หรือเนื้อทองคำแต่อย่างใด แต่บุคคลเหล่านั้นกราบไหว้
    พระพุทธคุณ อันมีการเห็นพระพุทธรูป เป็นปัจจัยช่วยให้ระลึกถึง
    เฉกเช่น บุคคลไม่ได้กราบไหว้สีผิวกาย... กลิ่น... รูปภาพของมารดาบิดา
    ของตนเอง แต่เพราะการได้เห็นได้ยินได้ฟังนั้นแหละ เป็นปัจจัยเครื่องช่วยให้ระลึกถึง.

    บุคคลรักษารูปภาพของมารดาบิดา อันเป็นเครื่องระลึกถึงไม่ให้ฉีกชาด
    ไม่ให้ถูกทำลายไปโดยง่าย เพื่อประโยชน์ต่อการเป็นระลึกได้ยาวนาน ฉันใด
    บุคคลเหล่านั้นจะรักษาพระพุทธรูปเหล่านั้น ปฏิบัติต่อพระพุทธรูปเหล่านั้น
    ด้วยดี เพื่อประโยชน์ต่อการเป็นเครื่องระลึกได้ยาวนาน ก็ฉันนั้น.

    บุคคลประพฤตินอบน้อมต่อรูปภาพนั้นบ้าง ประหนึ่งว่า
    อยู่ต่อหน้ามารดาบิดา ฉันใด
    บุคคลประพฤตินอบน้อมต่อพระพุทธรูปเหล่านั้น ประหนึ่งว่า
    อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ฉันนั้น.
    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    บุคคลเหล่านั้น เมื่อระลึกถึงพระคุณของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ได้อานิสงส์อย่างไร ?
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔
    อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
    มหานามสูตร
    http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.ph...6756&Z=6837
    ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
    http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=281

    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓
    อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
    ปสาทสูตร
    http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutt...?B=21&A=912
    ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
    http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=21&i=34
    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๔
    ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
    ญาณสัญญกเถราปทานที่ ๘
    ว่าด้วยผลแห่งการได้สัญญา
    http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.ph...3850&Z=3866
    ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
    http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=32&i=132

    ปุนนาคปุปผิยเถราปทานที่ ๙ (๑๕๙)
    ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกบุนนาค
    http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.ph...mp;A=4353&w เสิดคำว่า ก่อสถูปที่กองทราย

    ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
    http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=32&i=161

    สุสัญญกเถราปทานที่ ๓ (๗๓)
    ว่าด้วยผลแห่งการไหว้ผ้าบังสุกุลจีวร
    http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.ph...2834&Z=2844
    ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
    http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=32&i=75

    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙
    ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
    ฉัททันตชาดก ว่าด้วยพญาช้างฉัททันต์
    [บางส่วน]
    [๒๓๔๑] นายพรานผู้กระทำกรรมอันชั่วช้า ขุดหลุมเอากระดานปิดเสร็จแล้ว
    สอดธนูเข้าไว้ เอาลูกธนูลูกใหญ่ยิงพญาช้างซึ่งมายืนอยู่ข้างหลุมของตน.
    พระยาช้างถูกยิงแล้วก็ร้องก้องโกญจนาท ช้างทุกๆ เชือกพากัน
    บันลืออื้ออึงวิ่งไปทั้ง ๘ ทิศ ทำหญ้าและไม้ให้เป็นจุณไป.
    พญาช้างฉัททันต์เอาเท้ากระชุ่นดินด้วยคิดว่า จักฆ่ามันเสีย
    แต่ได้เห็นผ้ากาสาวพัสตร์ อันเป็นธงชัยของฤาษี
    ทั้งที่ได้รับความทุกข์ ก็เกิดความรู้สึกว่า
    ธงชัยแห่งพระอรหันต์อันสัตบุรุษไม่พึงทำลาย.
    http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.ph...9415&Z=9524
    ศึกษาอรรถกถาชาดกนี้ ได้ที่ :-
    http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=2327

    แนะนำ :-
    อ่านและค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม
    อรรถกถาชาดกทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง
    พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
    พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
    http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/

    พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
    สารบัญประเภทธรรม
    http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?

    หมวดหนังสือธรรมะ
    http://84000.org/tipitaka/book/
    เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ
    http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html
    เรื่อง สิ่งที่เป็นมงคล (มงคล ๓๘)
    http://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html
    เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก
    http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html
    เรื่อง
    ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก
    การใช้ทรัพย์ ๕ ประการ
    มหาทาน
    ทานของสัตบุรุษนัยที่ ๑
    ทานของสัตบุรุษนัยที่ ๒
    กาลทาน ๕ อย่าง
    ให้ทานในที่ใดมีผลมาก
    ทานที่เจาะจงและไม่เจาะจง ๒๑ ประเภท
    สังฆทาน ๗ ประเภท
    ถวายภิกษุรูปเดียว ก็เป็นสังฆทาน
    ทัททัลลวิมาน-แสดงอานิสงส์ของสังฆทาน
    เรื่องเศรษฐีเท้าแมว
    ความบริสุทธิ์แห่งทักษิณาทาน ๔
    อานิสงส์ของทาน ๕ อย่าง
    ทานที่มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก ๖
    ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ๑
    http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html

    เครดิต :ฐานาฐานะ
    วัดพระธรรมกาย
     
  11. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    ถูกนะครับที่่ว่าธรรมของท่านอยู่เหนือยุคสมัย แต่ว่าคนที่คอยบิดเบือนธรรม โดยการใช้สำนวนภาษาของท่านมากล่าวให้ตรงกับทิฐิของตัวเองนั่นล่ะ เป็นคนทำให้ศาสนาต้องจบลง
    เพราะฉะนั้นแม้แต่พุทธศาสนาเองยังคงเป็นอนิจจังอยู่เหมือนกัน
     
  12. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    อีกอย่างการสร้างพระพุทธรูปนั้นเราเรียกว่าอุเทสิกเจดีย์ คือเจดียืที่เราสร้างเพื่ออุทิศถวายพระพุทธเจ้าในเมื่อ เราสร้างพระพุทธรูป เพื่อเป็นอุเทสิกเจดียืก็สมควรไหว้ล่ะครับ
    อุทเทสิกเจดีย์
    ประเภทสุดท้ายที่จะกล่าวถึงเกี่ยวกับสัญลักษณ์แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือ "อุทเทสิกเจดีย์" อันเป็นเจดียสถานที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตลอดจนพระ พุทธศาสนา ความหมายของคำว่า "อุทเทสิกะ" ก็คือ "อุทิศ" นั่นเอง
    [​IMG]อุทเทสิกเจดีย์ ปรากฏในหลายรูปแบบ เช่น พระพุทธรูป พระเครื่อง พุทธบัลลังก์ หรือสิ่งใดก็ตามที่สร้างถวายพระพุทธศาสนาเป็นพุทธบูชา และไม่เข้าประเภท ธาตุเจดีย์ ธรรมเจดีย์ บริโภคเจดีย์ ก็สามารถนับเป็นอุทเทสิกเจดีย์ได้ทั้งสิ้น
    ตั้งแต่ครั้งพุทธกาลก่อนที่จะมีการสร้างพระพุทธรูปซึ่งถือเป็นอุทเทสิกเจดีย์นั้น พุทธบริษัทนิยมสร้างเป็นสถูป-เจดีย์ประเภทต่างๆ และมีสัญลักษณ์อันสื่อถึงพระพุทธศาสนา อาทิ ดอกบัว รอยพระพุทธบาท ธรรมจักร กวางหมอบ ฯลฯ
    เหตุแห่งการสร้างพระพุทธรูปขึ้นนั้น เกิดจากอิทธิพลของชนชาติกรีก โดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช แห่งมาซิโดเนีย ขยายอำนาจมาจนถึงอินเดียและได้ทิ้งร่องรอยอารยธรรมของกรีกที่มีคติความเชื่อในรูปเคารพ เมื่อผสมผสานกับอารยธรรมพื้นเมืองที่พุทธศาสนามีบทบาทอยู่บริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย เรียกว่าแคว้นคันธาราฐ (ปัจจุบันคือประเทศอัฟกานิสถาน) จึงเกิดเป็น "พุทธปฏิมา" หรือ "พระพุทธรูป" ขึ้น[​IMG]

    พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกจึงมีลักษณะคล้ายชนชาติกรีก พระเกศาหยิกเป็นลอน พระนาสิกโด่ง ต่อมาจึงพัฒนาเป็นพระเมาลี มีพระรัศมีและพระเกศในลักษณะต่างๆ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนสามารถจำแนกพระพุทธองค์ออกจากพุทธสาวกได้โดยง่าย เรียกว่า "มหาปุริสลักษณะ" หรือลักษณะของมหาบุรุษ อาทิ มีพระเกศขมวดเป็นก้นหอย พระวรกายเปล่งฉัพพรรณรังสี พระ กรรณทั้งสองข้างยาวจรดพระอังสา ปลายพระหัตถ์ยาวเสมอกัน ปรากฏขนระหว่างคิ้วที่เรียกว่า อุณาโลม หรือกลางพระหัตถ์ปรากฏเป็นรูปธรรมจักร เป็นต้น ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้กลายเป็นลักษณะสำคัญในการสร้างพระพุทธรูปสืบต่อมา
    ในตำนานทางศาสนาปรากฏเรื่องราวการสร้างรูปจำลองแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเช่นกัน หากแต่แต่งขึ้นภายหลังการสร้างพระพุทธรูปของช่างชาวคันธาราฐแล้ว เรียกว่า "ตำนานพระแก่นจันทน์" มีเนื้อความกล่าวถึงตอนพระพุทธองค์เสด็จไปแสดงธรรมโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ยาวนานถึงหนึ่งพรรษา พระเจ้าปเสนทิโกศล แห่งกรุงโกศลราช ทรงมีความรำลึกถึงยิ่งนัก จึงตรัสให้นายช่างสร้างพระพุทธรูปขึ้นด้วยไม้แก่นจันทน์แดง ให้ตรงตามพระพุทธลักษณะ แล้วประดิษฐานไว้เหนืออาสนะที่พระพุทธองค์เคยประทับ สาธุชนต่างก็พากันมาสักการบูชา
    ครั้นเมื่อพระพุทธองค์เสด็จกลับจากดาวดึงส์ ด้วยพระบรมพุทธานุภาพบันดาลให้พระปฏิมาแก่นจันทน์ขยับพระวรกายเลื่อนออกจากพุทธอาสน์ แต่พระพุทธองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นความสมบูรณ์พร้อมแห่งองค์ปฏิมาแก่นจันทน์ จึงยกพระหัตถ์ขึ้นห้ามมิให้พระแก่นจันทน์ลงจากพุทธบัลลังก์ พร้อมทั้งตรัสให้รักษาพระพุทธรูปแก่น จันทน์เอาไว้ให้เป็นต้นแบบแห่งพระพุทธ ลักษณาการของพระองค์ ซึ่งตามตำนานนี้เองเป็นที่มาของการสร้างพระพุทธรูปปางห้าม แก่นจันทน์ ในเวลาต่อมา ส่วน "พระเครื่อง" นั้น นับเนื่องเป็นลักษณะของพระพิมพ์ที่ถือเป็น "อุทเทสิกเจดีย์" ประเภทหนึ่ง โดยมีรูปแบบเช่นเดียวกับพระพุทธรูปหากแต่มีขนาดเล็กกว่า
    จึงอาจกล่าวได้ว่า ความหมายของ "เจดีย์" ทางพุทธศาสนามิใช่มี "นัย" เพียงสิ่งก่อสร้างทางสถาปัตยกรรมที่มียอดแหลมขึ้นไปแต่เพียงอย่างเดียว หากยังกินความหมายครอบคลุมถึงสิ่งต่างๆ อันเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธองค์และพระพุทธศาสนา เช่น พระธรรม เครื่องอัฏฐบริขาร พระศรีมหาโพธิ หรือต้นไม้ที่เกี่ยวข้องกับพระศาสนา ซึ่งเรียกว่า พฤกษเจดีย์ ที่อาจจะมิใช่สิ่งก่อสร้างทางสถาปัตยกรรมก็ได้ครับผม
    คอลัมน์ พันธุ์แท้พระเครื่อง :โดย ราม วัชรประดิษฐ์
     
  13. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    แล้วสมัยก่อนจิตใจผู้คนเป็นอย่างไรเล่า สมัยนี้อะไรๆก็ต้องใช้เงิน แล้วเงินนั่นญาติโยมก็ได้ให้ไว้เป็นการทำบุญนะครับ อีกทั้งพระท่านที่รับไปยังเอาเงินนั้นไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในวัดบ้าง ช่วยทำนุบำรุงศาสนาบ้าง พัฒนาสังคมบ้าง ท่านไม่ได้รับเงินไว้ใช้เพื่อปรนเปรอกิเลสของตนเองนิครับ ถึงจะมีแอบๆบ้างแต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรา เพราะยังไงใครทำอะไรย่อมได้รับอย่างนั้นอยู่แล้ว เราทำบุญเราก็ได้บุญ

    ส่วนเรื่องพระพุทธรูปนั้น ในเจดีย์ไม่มีปรากฏนะครับ แต่มันมีปรากฏในข่าวพระพุทธศาสนาว่ามีคนสร้างไว้เมื่อ 2500-2600 ปีก่อน ลองไปค้นดูสิครับ ในเว็ปนี้ก็มีข่าวน่ะ
    แล้วสาเหตุที่ผู้สร้างสร้างไว้ก็เพราะว่าเป็นศรัทธานะครับ เขาสร้างไว้ให้เป็นที่เตือนสติตัวเองเวลาจะทำชั่ว นอกจากนี้คุณเองก็อย่าไปดูถูกศรัทธาดีกว่านะครับ พระพุทธเจ้าประเภท "ศรัทธาธิกะ" เองยังอาศัยศรัทธาเป็นกำลังในการบำเพ็ญบารมีจนสำเร็จพระโพธิญาณเลยนะครับ
     
  14. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    สุดท้ายก็กลับมาเรื่องเดิมๆ
     
  15. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณรู้จักคำว่า ศิลปกรรม รึเปล่าล่ะ มันเป็นศิลปกรรมทางพุทธที่เกิดขึ้นมาจากศรัทธา
     
  16. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    เอาเถอะครับผมเองก็ว่าจะพอแค่นี้เหมือนกันครับ มองๆไปเหมือนมันจะไม่เกิดประโยชน์เลย เราต่างคนต่างอยู่ล่ะกันนะครับ
     
  17. nerazzurriboyz1908

    nerazzurriboyz1908 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    713
    ค่าพลัง:
    +763
    หลวงปู่แหวนพบเปรตที่ทำลายพระพุทธรูป

    พบเปรตสมัยใหม่
    ประสบการณ์ส่วนหนึ่งของ หลวงปู่แหวน ขณะอยู่ที่ถ้ำเชียงดาว มีดังนี้ :-
    ในระหว่างพรรษา วันหนึ่งประมาณ ๕ โมงเย็น หลวงปู่แหวน กำลังเดินจงกรมอยู่ ก็มีเสียงดังโครมครามเหมือนกิ่งไม้ใหญ่หักลงมา จึงเหลียวไปดู กลายเป็นสัตว์ร่างใหญ่ร่างหนึ่ง เอาเท้าเกาะอยู่บนกิ่งไม้ห้อยหัวลงมา มีผมยาวรุงรัง เสียงร้องโหยหวน
    หลวงปู่บอกว่า ท่านไม่ได้นึกกลัว และไม่ได้ให้ความสนใจ ยังคงเดินจงกรมต่อไป
    เมื่อร่างนั้นเห็นว่า หลวงปู่ไม่สนใจ ก็หนีหายไป
    สองสามวันต่อมา ก็มาปรากฏอีก แต่หลวงปู่ก็เดินจงกรมโดยไม่สนใจ หลังจากนั้นจึงมาปรากฏตัวให้เห็นทุกเย็น แต่ไม่ได้เข้ามาใกล้หลวงปู่ คงแสดงอาการเหมือนเดิมทุกครั้ง
    วันหนึ่ง หลวงปู่ได้กำหนดจิตถามไปว่า ที่มานั้นเขาต้องการอะไร ทีแรกเขาทำเฉยเหมือนไม่เข้าใจ หลวงปู่จึงกำหนดจิตถามอีก เขาจึงบอกว่า ต้องการมาขอส่วนบุญ
    หลวงปู่ จึงกำหนดจิตถามต่อไปว่า เขาเคยทำกรรมอะไรมา จึงต้องมาทุกข์ทรมานอยู่ในสภาพเช่นนี้
    ร่างนั้นได้เล่าถึงบุพกรรมของเขาว่า เขาเคยเป็นคนอยู่ที่เชียงดาวนี้ มีอาชีพลักขโมยและปล้นเขากิน ก่อนไปปล้น เขาจะเอาดอกไม้ธูปเทียน ไปขอพรและขอคุ้มครองกับพระพุทธรูปองค์หนึ่งในถ้ำ
    เขาทำอย่างนี้ทุกครั้ง และก็แคล้วคลาดตลอดมา
    อยู่มาวันหนึ่ง เขาไปขอพรพระพุทธรูป แล้วออกไปปล้นเช่นเคย บังเอิญเจ้าของบ้านรู้ตัวก่อน จึงเตรียมต่อสู้ เขาถูกเจ้าของบ้านฟันบาดเจ็บสาหัส จึงหนีตายเอาตัวรอดมาได้
    ด้วยความโมโหว่า พระไม่คุ้มครอง เขาจึงกลับไปที่ถ้ำแล้วเอาขวานทุบเศียรพระพุทธรูป จนคอหัก ขณะเดียวกัน ก็ยังคุมแค้นอยู่ ตั้งใจว่า บาดแผลหายแล้ว จะกลับไปแก้แค้นเจ้าของบ้านให้ได้
    เผอิญบาดแผลที่ถูกฟันนั้นสาหัสมาก เขาจึงต้องตายในเวลาต่อมา วิญญาณเขาจึงต้องมาเป็นเปรตทนทุกข์ทรมานอยู่ที่เชียงดาวแห่งนี้ จึงได้พยายามมาขอส่วนบุญ เพื่อให้พระท่านช่วยแผ่ให้ จะได้คลายความทุกข์ทรมานลงไปได้บ้าง
    หลวงปู่แหวนท่านเล่าว่า บุพกรรมของเปรตตนนั้น หนักมากเหลือเกิน ท่านได้รวบรวมจิต อุทิศบุญกุศลไปให้ ตั้งแต่นั้นมา ร่างนั้นก็ไม่ปรากฏให้เห็นอีก แต่จะได้รับบุญกุศลเพียงใดขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง
    หลวงปู่บอกว่า เปรตตนนั้นเป็นเปรตสมัยใหม่ เพราะใช้คำแทนตัวเขาเองว่า "ผม" แต่เปรตตนอื่นๆ ที่หลวงปู่เคยพบมา จะใช้คำแทนตนว่า "เรา" หรือ "ข้าพเจ้า" จึงนับว่าเปรตตนนี้ เป็นเปรตสมัยใหม่
     
  18. nerazzurriboyz1908

    nerazzurriboyz1908 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    713
    ค่าพลัง:
    +763
    โทษของพวกชอบทำลายพระพุทธรูป

    อเวจีมหานรก ๘. 1 อันตรกัปป์
    ได้แก่ พวกทำบาปหนักที่เป็นอนันตริยกรรม คือ ฆ่าบิดามารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำให้พระพุทธเจ้าห้อพระโลหิต ทำสังฆเภท คือ ยุยงสงฆ์ให้แตกแยกกัน เป็นผู้ทำลายพระพุทธรูป พระพุทธเจดีย์ ต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ พวกติเตียนพระอริยสงฆ์ บุคคลเหล่านี้เมื่อตายแล้ว ย่อมไปเสวยทุกข์ในอเวจีมหานรก
    จะถูกนายนิรยบาลตรึงเสียบด้วยหลาวเหล็ก อันร้อนแรงทั้ง ๔ ด้าน จากซ้ายทะลุขวา หน้าทะลุหลัง ที่ศีรษะและเท้าถูกครอบตรึง ด้วยเหล็กที่ร้อนแรง
    อเวจีมหานรก ห่างไกลจากมหาตาปนมหานรกลงไปในภายใต้ประมาณได้ ๑๕,๐๐๐ โยชน์ นรกขุมนี้มีอายุหนึ่งกัปพอดี การลงโทษของนรกขุมนี้มีเป็นพิเศษ นรกตั้งแต่ขุมที่ ๑ ถึงขุมที่ ๗ หรือว่าขุมอื่น บรรดาสัตว์ทั้งหลายมีการเคลื่อนไหวได้ แต่ทว่าอเวจีมหานรกนี่ ไม่มีการเคลื่อนไหว นรกขุมนี้มีกำแพงพิเศษทั้งข้างล่างข้างบน และทั้ง ๔ ด้านหน้า สัตว์นรกเหล่านั้นยืนแล้วมีกำแพงทั้ง ๖ ด้าน ด้านข้าง ๔ ด้าน ข้างบนข้างล่าง ไฟก็พุ่งมาทั้ง ๖ ทิศ หอกทั้งเบื้องล่างเบื้องบน ด้ามหอกฝังอยู่กำแพงด้านบน ปลายหอกเสียบตั้งแต่หัวทะลุก้นและปักลงไปปักอยู่กำแพงด้านล้าง ด้านหน้า ด้านติดอยู่กับกำแพงด้านหน้า
    ตรงกลางหอกติดอยู่ที่อกของสัตว์นรกเหล่านั้น ด้านปลาย เอาหอกไปปักอยู่กำแพงด้านหลัง ด้านข้างก็เหมือนกันทั้งมือเท้า ทั้งตัว ถูกเสียบด้วยหอกหลายสิบเล่ม ได้รับความทุกข์ทรมานที่สุดไม่สามารถขยับเขยื่อนได้ เพราะถูกหอกมันตรึงเข้าไปหมด หอกก็เสียบ หอกเป็นเหล็กไฟ แล้วไฟก็พุ่งเข้ามาทั้ง ๖ ด้าน กระดูกแดงฉานเหมือนเหล็กสุก ไม่มีทางที่จะดิ้นรนได้
    ความทุกข์ที่ทรมานที่ได้รับนั้นมันเป็นความทุกข์ทรมานที่เสมอราบเรียบหนักหนาอยู่อย่างนั้นตลอดกาลนาน อยู่อย่างนั้น สิ้นเวลา ๑ กัป ไม่มีการผ่อนปรนเป็นความเบาบางเป็นบางครั้งบางคราวเหมือนมหานรกขุมอื่น เพราะเหตุที่นรกขุมนี้มีเปลวไฟนรกและความทุกข์หนักปรากฏอยู่เสมอ ไม่มีขณะที่ว่าง หรือขณะที่ผ่อนปรนให้เป็นความเบาบางเลยแม้แต่สักนิดเดียว ฉะนั้นมหานรกขุมนี้ จึงมีชื่อว่า อเวจีมหานรก นรกขุมใหญ่ซึ่งปราศจากการเคลื่อนกล่าวคือ ความเบาบางแห่งความทุกข์
     
  19. nerazzurriboyz1908

    nerazzurriboyz1908 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    713
    ค่าพลัง:
    +763
    ผมว่า ถ้าจะละจริงๆ เอาไปให้วัดอื่นๆ หรือคนอื่นๆที่เค้าได้ใช้ประโยชน์จะดีกว่าครับ

    ยังดีกว่าเอาไปทุบ เราไม่รู้หรอกครับว่ามันได้บาป หรือได้บุญกันแน่

    อีกอย่าง การกระทำแบบนี้ ก็เหมือนจะเป็นการทำให้โลกติเตือน( โลกะวัชระ )
     
  20. ทหารเก่า

    ทหารเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    3,027
    ค่าพลัง:
    +19,019
    ท่านผู้อ่านผ่านกระทู้นี้ลองคิดดูสักนิดเถอะครับพระพุทธศาสนาดำรงค์คงอยู่มานับพันปีได้เพราะเราเชื่อและยึดมั่นในสิ่งที่ครูอาจารย์ปฏิบัติมาแต่ดั่งเดิม แต่ปัจจุบันเท่าที่ท่านทั้งหลายทราบและผมก็กล้าพูดว่าท่านก็เพิ่งพบเจอได้ยินพวกเวปสามแยกมีคำสอนที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมเช่นไม่ให้เคาระสักการะพระพุทธรูป พระพุทธรูปคือสิ่งที่ชาวพุทธระลึกถึงองพระสสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าใครครูอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก็ยึดถือกราบไหว้สืบต่อกันมา แต่ท่านทั้งหลายก็เพิ่งมาพบคำสอนบิดเบือนพระพุทธศาสนา ว่าไม่ไห้เคารพและทำลายแม้แต่บิดามารดาของพวกเราทุกคนก็ยังต้องกราบไหว้เป็นเสมือนสิ่งระลึกถึงคุณงามความดีของพระพุทธเจ้า ท่านลองคิดถึงคนกลุ่มนี้เองเถิดว่าพวกเขามีเจตนาอะไรกันแน่ที่พวกเขาทำอย่างนี้เพื่อต้องการให้พุทธศาสนาเกิดการแตกแยกเพื่อจะค่อยๆนำลัทธิใหม่มาปลูกฝังให้คนรุ่นต่อไปเชื่อในสิ่งที่เขาพูด และการที่พวกเขาถามชื่อก็เพราะว่าเหมือนการหาสมาชิดจะมีค่าหรือผลตอบแทนจากกลุ่มหนึ่งของคนที่คิดจะบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา พวกท่านอย่าไปหลงเชื่อ ทำไมหรือครับหากจะอธิบายอะไรถ้าใจบริสุทธิ์ก็อธิบายมาเลยทำไมต้องถามชื่อ มันเป็นขบวนการ ผู้ที่ไม่ศึกษาพระธรรมคำสอนอย่างแท้จริงก็จะหลงเชื่อว่าเขามีเหตุผล แต่เหตุผลของพวกเขามันบิดเบือน พวกนี้เขาก็มีเวป สามแยกท่านลองคิดดูถ้าท่านบริสุทธิ์ใจทำไมต้องเที่ยวไปเผยแพร่ในเวปอื่นจุดนี้ท่านลองนึกดูเอาเองท่านสังเกตุบ้างไหมว่าเพวกเขาจะพูดทิ้งท้ายไว้แล้วพยายามหลอกล่อให้ตามไปดูและฟังพวกเขาที่เวปสามแยก เขาจะพยายามทุกวิถึทาง มีคนที่ไม่รู้เท่าทันตกเป็นเหลื่อของชบวนการลัทธิที่ทำลายพระพุทธศาสนาอยู่ เรื่องนี้ไม่ได้นิ่งเงียบทางการกำลังเฝ้าดูพฤติกรรมและหาหลักฐานถึงขบวนการนี้อยู่ จึงมาบอกให้ทราบโดยทั่วกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...