วัดท่าซุงถูกกล่าวอ้างกับข่าวหมอประกิตเผ่า ฝากชี้แจงด้วยครับ

ตามข่าวที่นางสาวเปมิกา แจ้งว่าชอบไปทำบุญ ไปฝึกสมาธิกับหมอประกิตเผ่าที่วัดท่าซุง บ่อยๆ โดยเน้นว่าฝึกมโนมยิทธิ ซึ่งตอนนี้เป็นข่าวกันทั่วบ้านทั่วเมือง และผมว่าส่งผลเสียต่อการฝึกมโนมยิทธิที่หลวงพ่ออุตสาห์แนะนำมาครับ อย่าให้คนทั่วเมืองคิดว่าเป็นวิชาหลอกกันเลยครับ ตอนนี้ก็มีพูดเกี่ยวกับการฝึกนี้พอควร ในทางไม่ดีนะครับ อีกอย่างผมอยากให้เข้มงวดกับการฝึกมโนมยิทธิหน่อยครับเพราะที่เคยไปที่ซอยสายลมคือ ตามความรู้สึกผมนะ สอนกันทั้งที่คนเรียนอุปทานกัน แล้วเร่งรัดให้เห็นให้ได้ บางทีมันเป็นความรู้สึกนึกคิดเราเองจิงๆ เพราะผมแน่ใจว่าจิตผมยังไม่เข้าถึงสมาธิเลย ยังฟุ้งซ่านอยู่แน่ๆ ผมว่าตอนหลวงพ่อท่านสอนไม่ได้เร่งมากขนาดนั้นนะ มันไม่ได้ผล

ยังไงฝากไว้ก่อนข่าวนี้จะทำลายมโนมยิทธินะครับ
ขอบคุณครับ
<!-- / message -->

 

นัตถิ โลเก อนินทิโต คนที่ไม่ถูกนินทาว่าร้ายเลยไม่มีในโลก นี่เป็นเรื่องจริง

 

ข่าวนี้ไม่ควรเกิดเลย

แค่เพียงจิตคิดตำหนิ ผู้ทรงฌาน ก็บาปหนักแล้ว

พาลจะตำหนิ อาจารย์ ตำหนิสงฆ์ ตำหนิพระธรรม ตำหนิอริยะ

กาลนี้ คงไปนรกกันถ้วนแต่

แผ่เมตตาให้แต่ ผู้ไม่รู้ ที่ยังมีอยู่เถิด..........

พึ่งสวดมนต์มาตะกี้ อ่านกระทู้นี้แล้วแสนเศร้าใจ .....

ขอกุศลอันข้าพเจ้าได้กระทำมาทั้งหมด
พึงช่วยละเว้นโทษให้แก่ผู้ที่ยังไม่เห็นธรรมทุกท่าน ลอดพ้นบ่วงแห่งกรรม
เว้นนรก ด้วยความไม่เจตนา และเจตนา อันไม่รู้ นี้ด้วยเทอญ....

บุญรักษา สาธุ

 

ครับผม....ผู้ฝึกได้จริงเห้นจริง ต้องมีศิล 5 สมบูรณ์จริงๆ...ละนิวรร์5..มิเช่นนั้นแร้ววว อาจะเป้นอุปาทานเป็นได้แล...กลับมาสำรวจตัวเองกันดีกว่าไหม...ว่า เรามีศีลครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่..ก่อนที่จะไปฝึก.

 

คุณหมอประกิตเผ่า น่าจะเป็นสมาชิกเวบพลังจิต แล้วก็เวบ ธรรมะ ต่างๆนะคะ

พอมีใคร เคยแอดคุยกับคุณหมอบ้างไหมคะ

 

บาปกรรมแท้ๆ ..

แค่ตัวผมเองยังขอขมาโทษประจำ ยังไม่พ้นจิตเผลอปรามาสเลย
ถ้าสร้างสถานการณ์กันมาระดับนี้ .. ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ..

ของจริง ก็ ต้องเป็นของจริงวันยังค่ำ..หากฟ้าเปิด ก็คงจะเห็นแสงสว่างกันทั้งหมด

 

วันก่อนผมดูช่องITV เห็นมีข่าวหมอประกิตเผ่านี่แหละ แล้วสกู๊ปถัดไปก็มีพระครูปลัดเจ้าอาวาสวัดท่าซุงออกมาชี้แจงเรื่องมโนมยิทธิ แล้วสกู๊ปนั้นก็พูดถึงท่านสมปองด้วยเพราะท่านจะสนิทกับหมอ แต่โชว์แค่ภาพแล้วก็พูดถึงความเห็นของท่านแค่นี้

สรุปแล้วพวกคุณคงไม่ต้องชี้แจงแล้วละครับ พระครูปลัดท่านออกสื่อชี้แจงให้แล้วครับ

 

ขอพูดจากใจเลยว่า เรื่องนั่งสมาธิ มโนมยิทธิ นี่เป็นเรื่องดี แต่ต้องดูที่คนถ่ายทอดว่า ทำถูกต้องหรือเปล่า...
เราเชื่อว่า ท่านหลวงพ่อฤาษีฯท่านมีวิธีและแนวทางที่สอนให้คนทำได้ดี แต่..
ในปัจจุบัน อาจจะมีการถ่ายทอดให้เกิดความรู้สึกว่า เป็นการหลอกกัน เหมือนกับการกระซิบบอกถ้อยคำ คนกระซิบคนแรก จะบอกได้ถูกต้อง แต่พอถึงคนที่ 5 ที่ 6 เริ่มไม่ใช่แล้ว ...
ขอเล่าประสบการณ์ของตัวเราเองดีกว่า...
เราชวนเพื่อนตั้งแต่สมัยเป็นเด็กว่า ไปบ้านสายลมกันไม๊ มีสอนมโนมยิทธิ และ
นั่งสมาธิ เราปรารถนาที่จะไปเรียนด้วยใจศรัทธาเต็มเปี่ยม เพื่อนว่า ชั้นไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ชั้นไม่ชอบ (อันนี้ขออภัยสำหรับผู้ศรัทธา เพื่อนเราก็ศรัทธา แต่เอาความในใจมาเล่าให้เราฟัง) เราก็ว่า ทำไมไม่ชอบ เอ็งบ้าหรือเปล่า เพื่อนว่า ชั้นก็นั่งตามที่เขาแนะนำ แต่เขาก็พยายามบอกว่า เห็นอะไรไม๊ เห็นจุฬามณีไม๊ สวยไม๊ เห็นพระพุทธเจ้าไม๊ ชั้นไม่เห็นว่ะ ชั้นก็ไม่ตอบ เขาก็ถามตลอด ชั้นว่า ไม่เหมาะกับชั้นนะ เราก็คิดว่า แหม...แค่นี้ไม่มีความอดทน
เราก็ไปเอง ด้วยใจที่เต็มเปี่ยม วันนั้น คนแน่นมาก ห้องเต็มจนเกือบล้นเลย
มาสเตอร์ หรือ คนแนะนำ ก็เริ่มแนะนำให้หายใจเข้า นะโม หายใจออก พุทธายะ อันนี้ทำได้สบายๆ เพราะนั่งสมาธิมาเป็นปีแล้ว หลังจากนั้นก็แนะนำว่า ให้นำจิตไปตามที่เขาพูดนะ เอาละ เราจะไปกราบพระพุทธเจ้ากันแล้วน้า เห็นจุฬามณีไม๊ สวยไม๊ นั่นไง พระพุทธเจ้าเสด็จด้วย องค์ท่านสวยไม๊ บราๆๆๆๆ ก็มีเสียงตอบรับว่า เห็น แสงสีสวย สีนั่นสีนี่ แต่ตัวเราไม่เห็นนะ เรามีแต่ความว่างเปล่า จิตเรานิ่ง พอถามๆไป มีคนโพล่งขึ้นว่า ชั้นไม่เห็นอะไรเลยนี่ หลังจากนั้น ก็ใกล้เลิก เราก็ไปทำสังฆทาน เรื่องบุญนี่ เรายินดี แต่อะไรที่เห็น หรือไม่เห็น ไม่น่าจะใช่แค่หายใจไม่กี่ที ก็สามารถไปไหนต่อไหนได้ การเร่งรัดแบบนี้
มีแต่เสียกับเสีย ไม่เกิดประโยชน์กับคนที่ไปด้วยใจที่ศรัทธาเลย แต่เราก็ไม่ได้ทิ้งเรื่องการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบนะ คนละเรื่องกันอ่ะ นี่คือประสบการณ์ของเราที่เพิ่งเจอะเจอมา ถ้าสิ่งใดที่ทำให้ท่านที่ศรัทธาเกิดความไม่พอใจก็ขออภัยด้วยนะ

 

นินทา ปสังสา ขึ้นชื่อว่านินทาเเละสรรเสริญเป็นธรรมดาของโลก
เเต่ข่าวเเบบนี้ออกมาเราควรช่วยกันปกป้องพระศาสนานะคะ ไม่อยากเห็นใครมาเข้าใจผิดๆค่ะ
ดังนั้น เราทุกคนจึงต้องร่วมใจกันปกป้องพระศาสนาของเราให้คงอยู่นะคะ อย่าให้เสื่อมไปเพราะเพียงเเค่คำนินทาของบุคคลที่มีมิจฉาทิฐิค่ะ ข้าพเจ้ายอมสละชีวิตได้เพื่อให้พระศาสนาดำรงอยู่

เนย

 

พุทธศาสนิกชนฟังข่าวนี้แล้ว ต้องรีบจับ พรหมวิหาร 4 เป็นอารมณ์ครับ

 

ช่วยกันปกป้องพระศาสนา

(verygood)

 

เขาอาจเป็นคนดีก็ได้
อาจมีอะไรที่เราไม่รู้ก็ได้
--------------------
ฉะนั้นเราตัดสินใครม่ายด้ายยยยยย

 

อ่านข่าวนี้เเล้วรู้สึกสลดใจมากๆเลยค่ะ เพราะผลสรุปยังไม่ปรากฎออกมา ตัวเองก็ไม่รู้จริงเเท้ๆ เเต่กลับออกมาพูดเเบบนี้ ไม่ระวังเเละสำรวมกาย วาจา ใจบ้างเลย

 

ทางแพทย์ ได้ตรวจสอบพบสารชนิดหนึ่ง
ในตัวคุณหมอ ในจำนวนมากพอควร
ซึ่งยาตัวนี้ มีผล เหมือนยาบ้า ไม่รู้เข้าไปอยู่
ในตัวคุณหมอ ได้อย่างไร
และยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำ

ต้องติดตามต่อไปครับ

 

หมอประกิตเผา ทางการแพทย์ออกมายืนยันแล้วนะคะว่า ท่านป่วยทางจิตจริง อันทดสอบด้วยวิธีทางการแพทย์ ซึ่งคนทั่วไปท่านไม่ใช่ ผู้เชียวชาญทางจิตจริง จะไม่มีทางรู้เลยว่าหมอนั้นป่วยจริง แต่คุณผู้หญิงที่ออกข่าวมานั้น อ้อ ทางครอบครัวเขาว่า นี่ครอบครัวเขาพูดเองนะคะ ฟังมา คือหมอเริ่มคบกับนักเรียนที่มาติว อะคะ แล้วมีปัญหาเรื่องเงินทองๆที่หายไป เกือบ 20 ล้านนี่แหล่ะคะ หมอท่านเริ่มระแวง พกอาวุธ ใส่เสื้อเกราะ ตรงนี้ ทางการแพทย์ ก็ยืนยันว่าเป็นตามนั้นจริง ส่วนมโนยิทธิ ทางโรงพยาบาลไม่ได้พูดถึงเลย

ตอนที่ดิฉันไปฝึกที่บ้านสายลมนี่ ก็ดีนะคะ ไม่เห็นเขาเร่งรัดอะไร ครูฝึกเขาจะรู้นะคะ ว่าใครไปได้ไม่ได้ อย่างคุณtheseng99 บอกว่าคิดว่ายังไปไม่ได้ บางทีคุณอาจจะสงสัยไปเองหรือป่าว ในห้อง มีกันประมาณ 10 คน นะ ผ่านไป ได้ 2 คนเอง บางคนบอกครูฝึกว่า เห็น คิดว่าได้ แต่ครูฝึกบอกว่า ให้มาลองใหม่ดีกว่า พอมาถึงดิฉัน ดิฉันไม่แน่ใจ เลยบอกว่าจะขอลองใหม่ด้วยดีกว่า เพราะคนไม่ผ่าน ตั้งเยอะ ครูฝึกท่านยังว่า ให้ไปข้างล่างได้เลย บังเอิญได้มีโอกาสคุยกับพระสงฆ์ท่าน ท่านนี้ ท่านได้สมาบัติ8 ท่านว่า ที่เราไปได้ที่นั้น ปัจจัยที่สำคัญคือ เราไปได้โดยอำนาจพระพุทธ พระท่านต่างๆ ที่มาช่วยเราตอนนั้น ท่านว่าครูฝึกท่านจะรู้ว่าใครไปได้ไม่ได้ ถ้าเราทำคนเดียว ถ้าจิตยังไม่ถึงณาน ไม่มีทางไปได้หรอก และบุญเก่าเราเคยทำ เพราะตอนนั้น สมาธิดิฉันก็แค่ อุปจาร ต้นๆเองค่ะ เอหรือ ว่าไปฝึกครูคนละท่านกัน ท่านอื่นไม่ทราบว่าจะเป็นยังไงนะ

 

ขอประทานโทษนะค่ะ ที่โพสไปนี้ไม่ได้อยากจะอวดอ้างอะไร คือเห็นมีการพาดพิงถึงบ้านสายลม เลยมาแสดงความคิดในอีกด้านเท่านั้นเอง ส่วนไอ้ที่ดิฉันผ่านมาได้นี่ ก็แค่ มโน ปลายหางอึงเท่านั้นเอง ไปแบบครึ่งกำลังค่ะ ยังเริ่มๆจะฝึก นะคะ

 

ทางบ้านน่ะแหละ ห่วงเงิน
หึหึหึ

 

ไม่มีใครฝึกสมาธิแล้วบ้าได้หรอก เราไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของครอบครัวเขา อย่าไปเชื่อหมอสมัยนี้ให้มากเลย ที่โง่ๆน่ะเห็นมีเยอะ พอพูดสิ่งที่เหนือธรรมชาติก็ว่าบ้าแล้ว เพราะฉะนั้นคนที่ฝึกก็ดูตัวอย่างของหมอไว้เป็นอุทาหรณ์ว่าการอยู่ร่วมกันในสังคมนั้นควรต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น มีของดีก็ควรเก็บไว้กับตัว หรือคุยกับคนที่คุยภาษาเดียวกัน มีปฏิปทาเหมือนกัน ทุกอย่างอาจจะเป็นการจัดฉากเพื่อทำให้คุณหมอเป็นบ้าจริงๆ หรืออาจจะบ้าไปจริงๆแล้วก็ไม่รู้ จากวิชาที่ครูบาอาจารย์ให้มาบอกได้เลยว่านี่เป็นวิบากกรรมของคุณหมอประกิตเผ่าเอง ในฐานะที่เราเป็นศิษย์สำนักเดียวกันก็ร่วมภาวนนาให้หมอผ่านพ้นวิบากกรรมครั้งนี้ไปได้ ความโลภน่ะมันสามารถทำลายล้างได้ทุกอย่างแม้กระทั้งสายเลือดเดียวกัน พอรู้ว่าหมอพรทิพย์จะเข้ามาช่วยคลี่คลายปัญหาก็คงเป็นบุญเข้ามาช่วย

 

ทุกสิ่งทุกอย่าง อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจค่ะ การเงิน การเมือง ลาภยศ ไม่เข้าใครออกใคร ใครเป็นอย่างไรย่อมรู้ตัวเองดีที่สุดค่ะ

ขออาราธนาคำสอนของท่านสั่งสอนว่าไว้ดังนี้ค่ะ

ลูกหลานหลวงพ่อในชาตินี้สนใจแนวนี้ มากเหมือนกันนะครับ ... เรื่อง บ้าก็เห็นด้วยกับพี่คน... แต่ก่อนนะทีผมบ้านะ ไม่ใช่เพราะฝึกกรรมฐาน ครับ บ้าก่อนนั้นอีก เช่น บ้าสุรา เอิ๊ก.. บ้านารี ..จึ๋ย .. บ้าอยากมีอยากเป็น เหมือนสังคมใกล้ตัว .. และบ้าอีกหลายตัว ..ครับ ตอนนี้เลิกบ้าไปได้บ้างแล้วครับ ...
//........เมื่อจิตเข้าถึงปิติ หรือ อุปจารสมาธิ ก็ต้องระมัดระวังว่ามันจะสุขขนาดไหนก็เชิญสุข มันจะอิ่มเอิบใจขนาดไหนก็เชิญเอิบอิ่ม แต่ว่าเราต้องพักผ่อนตามเวลาที่

เราพักผ่อน ถ้าจิตถึงตอนนี้ เราสามารถกำหนดเวลาหลับเวลาตื่นได้ สมมติว่าเรานอนไปนี่ เราจะบังคับให้หลับภายใน 3 หรือ 5 นาที ก็กำหนดรู้ลมหายใจ

เข้าออก เอาจิตจับที่ลมหายใจเข้าออก ภายในเวลาเท่านั้นมันจะหลับ ถ้าเราคิดจะตื่นเวลาไหน ตั้งใจไว้ว่าเวลานาฬิกาเท่านั้นเราจะตื่น ไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุก

มันจะตื่นตามเวลาที่ตั้งใจไว้ ฉะนั้นเป็นสมาธิที่มีกำลังสูง เรียกว่าใกล้ฌานสมาบัติ



คำว่า อุปจารสมาธิ นี่แปลว่าใกล้ฌาน หรือเฉียดฌาณยังไม่ถึงฌานสมาบัติ อุปจารสมาธิมี อาการ 3 อย่าง 1. ปิติ 2. สุข 3. เอกัตคตา มีปีติกับสุขโดย

เฉพาะ เอาอย่างหนัก ๆ จริง ๆ แล้วมีปิติกับสุข มีความอิ่มใจ มีความสุขใจมาก อาการอย่างนี้ถึงแม้จะเข้าถึงจิตของเราไม่นานก็ตาม 1 นาที 2 นาที 3 นาที

5 นาที 10 นาทีก็ตามก็ถือว่ามากจัด อย่างนี้ต้องถือว่าจิตของท่านว่างจากกิเลสตามเวลานั้น อุปจารสมาธิจะให้ทรงตลอดวันนั้นเป็นไปไม่ได้ ที่พระพุทธเจ้า

ให้ปฏิบัติสมาธิเพื่อให้จิตเราทรงตัวในด้านความดี คือ ฝึกจิตให้ว่างจากกิเลสเม้จะชั่วเวลาเล็กน้อย ก์ชื่อว่ามีอานิงส์มาก



เรื่องความสุขไม่มีความสำคัญมาก ก็มาพูดถึงปิติ เมื่อจิตเข้าถึงอุปจารสมาธิจิตจะมีความสบายมากขึ้น แต่หูจะได้ยินเสียงชัดเจนแจ่มใส ใครจะพูดอะไรที่ไหน

ก็ได้ยิน แต่ว่าความลำคาญในเสียงน้อยลง จิตมีอาการชุ่มชื่นมาก มีความสบายมากเพราะฉะนั้นต้องระวัง ที่เขาบอกว่าการเจริญกรรมฐานเป็นคนบ้านะ

ตอนนี้ตอนที่จิตเข้าถึงปิติหรืออุปจารสมาธิมันมีความอิ่มอกอิ่มใจ ทำแล้วไม่ยอมเลิก มันไม่อิ่ม ไม่เบื่อ มีแต่ความสุข มีความชุ่มชื่น ไม่พักผ่อนตามเวลาที่ควรพักผ่อน

นอนก็ไม่ได้นอน กินก็กินไม่ได้มาก ในที่สุดก็เป็นโรคเส้นประสาท บ้า



ฉะนั้น การปฏิบัติพระกรรมฐาน ต้องถือเวลาพักผ่อนตามสมควรตามเดิม เราเคยพักผ่อนเวลาไหน ต้องฟักผ่อนเวลานั้น ไม่ใช่ทำกรรมฐานเพลินจนไม่เลิก

ใช้ไม่ได้ เป็นอัตตกิลมถานุโยค เป็นการทรมานตัวเกินไป พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่เป็นทางบรรลุผล อีกประการหนึ่ง เมื่อเราได้สัมผัสภาพใหม่ ๆ ไม่เคยรู้มาก่อน

เมื่อจิตกระทบภาพปั๊ป ความสนใจเกิดขึ้น สมาธิเคลื่อน ภาพหาย หายไปแล้วจะเรียกคืนไม่ได้ บางคนที่เป็นบ้าเพราะบ้าตรงนี้ บ้าเพราะหลงภาพ จงจำไว้ภาพที่

จะปรากฎกับเราได้ ที่เราต้องการคือภาพที่เราตั้งไว้ก่อน อย่าหลงภาพอื่นให้ตั้งใจเฉพาะภาพที่เราต้องการ



ขอบรรดาพุทธบริษัททุกท่านจำตรงนี้ไว้ว่า พระพุทธเจ้าบอกไว้เลยว่า บุคคลใดสามารถทำจิตใจให้ว่างจากกิเลส วันหนึ่ง 24 ชั่วโมง มันว่างแค่ชั่วขณะจิตเดียว

นาทีหรือ สองนาที ท่านชมว่าบุคคลนั้นเป็นผู้มีจิตไม่ว่างจากฌาณ..................//

 

รู้ เห็น ปล่อย วาง

ความคริง ก็คือ ความจริง

รู้เอง เห็นเอง หยุดเอง