เรื่องเด่น วัดพระพิเรนทร์ วัดเล็กๆ แต่ผลิตบัณฑิตมาก

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 13 ตุลาคม 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    C7D1E8D15F9641CDAE8B709865B58E64.jpg

    วัดพระพิเรนทร์ วรจักร แม้จะเป็นวัดราษฎร์ วัดเล็กๆ แต่เป็นวัดที่ผลิตนักปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาไว้มาก เช่น สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต) เป็นต้น ถ้อยคำดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนาที่พระธรรมรัตนดิลก (เชิด พฺรหฺมคุตฺโต ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม พระอารามหลวง อธิบายและกล่าวถึงในพระธรรมเทศนา เรื่อง โสภณสังฆกถา ในงานบุรพาจารย์ของวัดพระพิเรนทร์ วันที่ 7 ต.ค. 2560 ซึ่งท่านเน้นว่าอดีตเจ้าอาวาสวัดพระพิเรนทร์ เป็นพระเถระผู้นำ ประกอบด้วยเวสารัชชกรณธรรม หมายถึง ธรรมที่ทำความกล้าหาญ ธรรมเป็นเหตุให้เกิดความแกล้วกล้า บุคคลผู้ประกอบด้วยคุณธรรม 5 ประการนี้ ย่อมเป็นผู้องอาจ แกล้วกล้า ไม่หวั่นไหวในการเข้าสู่สมาคมต่างๆ 1.สัทธา หมายถึง เชื่อสิ่งที่ควรเชื่อ เป็นความเชื่อที่ประกอบด้วยปัญญาและเหตุผล 2.สีล หมายถึง ความเป็นปกติ ความสงบเย็น รักษากายวาจาให้เรียบร้อย 3.พาหุสัจจะ หมายถึง ความเป็นผู้ศึกษามาก มีความรู้มีประสบการณ์มาก 4.วิริยารัมภะ หมายถึง การปรารภความเพียร ลงมือทำกิจด้วยความเข้มแข็ง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคที่เกิดขึ้น 5.ปัญญา หมายถึง รอบรู้สิ่งที่ควรรู้ รู้ทั่วถึงเหตุและผล ถึงสิ่งที่ควรทำ และไม่ควรทำ จึงสามารถสร้างขึ้นมาได้พระธรรมรัตนดิลก (เชิด) วัดสุทัศน์ แสดงพระธรรมเทศนา

    อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพิเรนทร์ นับแต่พระเทพคุณาธาร (ผล ชินปุตฺโต) อดีตเจ้าคณะภาค 8 พระเทพวิสุทธิโมลี (อุทัย อุทโย ป.ธ.9) อดีตรองเจ้าคณะภาค 3 มีคุณสมบัติดังกล่าว พร้อมกันนั้นก็ยกย่องเจ้าภาพ คือ พระครูภัทรกิตติสุนทร (พระมหาแถม) ที่กำหนดให้บำเพ็ญกุศลเป็นประจำทุกปี ว่ามีอัธยาศัยหนักแน่นผในคุณธรรม คือ ความกตัญญูกตเวที เจริญรอยในธรรมของพระพุทธศาสนาดังที่พระบรมศาสดาตรัสไว้ว่า อะทาสิ เม อะกาสิ เม ญาติมิตตา สะขา จะ เม เปตานัง ทักขิณัง ทัชชา ปุพเพ กะตะมะนุสสะรัง นะ หิ รุณณัง วา เป็นอาทิ แปลความว่า เมื่อบุคคลอนุสรณ์ถึงคุณูปการที่บุคคลอื่นทำไว้แก่ตน ว่าท่านผู้นี้เคยให้สิ่งนี้แก่เรา หรือเคยทำอุปการคุณแก่เรา หรือเป็นญาติของเรา หรือเป็นมิตรของเรา หรือเป็นสหายของเรา ดังนี้แล้ว ควรให้ทักษิณาแก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว ดังนี้

    ผู้ใดกอปรด้วยกตัญญูกตเวทิตาธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเป็นคนดี มีความเจริญก้าวหน้า สมดังเถรภาษิตว่า นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญูกตเวทิตา ความเป็นผู้กตัญญูรู้คุณที่ท่านทำแล้วแก่ตนและกตเวทีตอบแทนคุณ เป็นนิมิตหมายของคนดี เป็นสัปปุรุษ คณะเจ้าภาพนับว่าเป็นคนดีมี ความกตัญญูรู้คุณผู้มีอุปการะแก่ตน ได้จัดงานบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายอดีตเจ้าอาวาสวัดพระพิเรนทร์ ด้วยระลึกนึกถึงอดีตบุรพาจารย์ เจ้าอาวาส และผู้มีพระคุณต่อวัดวาอารามที่ได้ช่วยบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระพิเรนทร์นี้เจริญสวยงามน่ารื่นรมย์ เหมาะแก่การอยู่ประพฤติปฏิบัติธรรมสำหรับพระสงฆ์ เป็นสถานที่ที่ควรแก่การเคารพสักการะของชาวพุทธตราบจนปัจจุบัน

    788957CDF6BD45FCBB22ED04BCB0E655.jpg

    วัดพระพิเรนทร์ เป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน สร้างขึ้นในสมัยตอนปลายกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ในราว พ.ศ. 2300

    ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ราว พ.ศ. 2379 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระพิเรนทรเทพ (ขำ อินทรกำแหง ณ ราชสีมา เจ้ากรมพระตำรวจหลวง บุตรชายเจ้านครราชสีมา (ทองอินทร์ อินทรกำแหง ณ ราชสีมา) ให้มาบูรณปฏิสังขรณ์ จึงตั้งนามว่า วัดขำเขมการาม ครั้งถึง พ.ศ. 2411 รัชสมัยในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงแปลงนามวัดให้ใหม่ว่า วัดขำโคราช ใช้มาถึง พ.ศ. 2430 จึงได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า วัดพระพิเรนทร์ ตามชื่อบรรดาศักดิ์ของเจ้าศรัทธาผู้บูรณปฏิสังขรณ์ และ พ.ศ. 2480 หลวงปู่ขุ่น หรือพระเทพคุณาธาร อดีตเจ้าอาวาส ได้ประกอบพิธียกป้ายวัดขึ้นสู่ซุ้มประตูด้านทิศที่ติดกับถนน วัดแห่งนี้จึงกลายเป็นที่รู้จักของพระพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป

    วัดพระพิเรนทร์ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2430 ปัจจุบันมีปูชนียวัตถุ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสนาสนะครบถ้วนสมบูรณ์ อาทิ พระอุโบสถ ซุ้ม กุฏิสงฆ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ศาลาบำเพ็ญกุศล ฌาปนสถาน

    วัดพระพิเรนทร์นั้น แม้จะเป็นวัดราษฎร์มิใช่พระอารามหลวงก็ตาม แต่เป็นวัดที่ผลิตนักปราชญ์ทั้งทางธรรมและทางโลกเป็นจำนวนมาก อาทิ พระเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต) นักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงในยุคปัจจุบัน พระเทพสิทธิ
    โกศล เจ้าอาวาสวัดพลับพลาชัย และ พล.ต.ทองขาว พ่วงรอดพันธุ์ เป็นต้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะเกิดมีได้ก็ด้วยอาศัยบารมีธรรมแห่งอดีตเจ้าอาวาสและบุรพาจารย์ผู้มีอุปการคุณทุกรูปที่ได้บำเพ็ญกันสืบต่อมา

    EEF66F6BE85846D3AD9D2D033DD32A53.jpg
    พระครูภัทรกิตติสุนทร เจ้าอาวาสวัดพระพิเรนทร์ กรวดน้ำอุทิศกุศล

    ดังนั้น การจัดงานบำเพ็ญกุศลอุทิศเป็นปุพพเปตพลีนั้น จัดว่าเป็นไปในส่วนการบูชา เพราะกิริยาที่ทำด้วยความเคารพนับถือนั้น ในอรรถกถามงคลสูตรท่านได้แสดงไว้ว่า การสักการะ การเคารพ การนับถือ การกราบไหว้ ชื่อว่า บูชาผู้ที่ควรแก่การบูชา

    งานวันบุรพาจารย์ จัดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2512 อดีตนั้นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา เมตตาเป็นเจ้าภาพกัณฑ์เทศน์ และเป็นประธาน ส่วนปีนี้สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง วัดพิชยญาติการาม เมตตามาเป็นประธานจัดงาน และพระเทพสิทธิโกศล เจ้าคณะเขตป้อมปราบฯ ปทุมวัน วัดพลับพลาชัย (อุปสมบทเมื่อ พ.ศ. 2506 โดยมีพระเทพคุณาธาร เป็นอุปัชฌาย์) เป็นประธานฝ่ายศิษย์

    วัดเล็กๆ แต่สร้างพระดี และคนดังไว้มาก

    --------
    ขอบคุณที่มา
    https://www.posttoday.com/dhamma/519063
     

แชร์หน้านี้

Loading...