วิชชา ธรรมกาย ไม่ได้มาจาก วัดพระธรรมกาย

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย jack5487, 28 มิถุนายน 2008.

  1. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    นี่เขียนอธิบายง่ายที่สุด เพราะเป็นภาษาปริยัติ ถ้าเราเขียนเป็นภาษาปริยัติก็เขียนได้เช่นนี้ แต่ที่ยกมาแล้วถกเถียงกันอยู่นั้นเป็นเรื่องภาษาปฏิบัติ จะนำพามาหาเหตุทะเลาะกันก็เท่านั้น เพราะมันไม่สามารถยุติได้ในภาคของปัญญาสามัญ มันเป็ฯเรื่องของรู้ญาณทัสนสนะ



    ผมขอตัวสักครู่ มีธุระ ถ้าว่างๆ ตอนหัวค่ำจะเข้ามาใหม่ ขออภัยด้วยข้อมูลเรื่องปฏิจจสมุปบาทนี้ผมเขียนเสร็จเมื่อวันเสาร์แล้วแต่ยังไม่ได้นำมาลงเพราะติดธุระสำคัญ เอาล่ะตอนนี้ขอพักสักครู่นะครับ
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    แล้วตรงไหนหละครับ ใบไม้2 ที่กล่าวว่า เมล็ดเท่าเมล็ดโพธิ์ ถ้าจริงและเป็นธรรมแล้วมีหรือ พระพุทธองค์จะตกหล่น
     
  3. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ภาษาปริยัติหาอ่านที่ไหนก็ได้ครับ
    ภาษาปฏิบัตินี่สิ ที่น่าสนใจ ว่าผลของการปฏิบัติสายสติปัฏฐานและสายธรรมกายนั้น ตรงกันหรือไม่
    ถ้าไม่ตรงกัน เพราะเหตุใด และไม่ตรงกันทั้งหมดเลยหรือ มันก็น่าแปลกอยู่นะ
    เพราะการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องนั้น มรรค ผล ที่ได้รับ ต้องเหมือนกัน
    หากไม่เช่นนั้นแล้ว มรรค ผล นั้น จะเป็นโลกุตตรธรรมไปได้อย่างไร
     
  4. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,075
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ก็ยังน่าสงสารอยู่ดี^-^
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    คุณ ต้องเข้าใจ คำแต่ละคำในปฏิจสมุปบาทให้ชัดเจน

    เช่นคำว่า เวทนา นั้นหมายความว่า อารมณ์หรือความรุ้สึกที่จิตกำลัง เสวยหรือรับผลนั้น ว่าทุกข์ หรือ สุข หรือ ไม่ทุกข์ไม่สุข ตรงนี้การเห็นคือ การเอาสติเข้าไปจ่อให้รู้ว่า มีนามธรรม อันนี้เกิดขึ้นจริง และ ดับไปจริงในใจเรา ไม่ใช่ไปมองรูป ว่า เวทนารูปร่างเท่าเม็ดถั่วเขียวบ้าง เม็ดโพธิ์บ้าง แต่ไอ้ที่เกิดขึ้นในใจ นั้นไม่ได้สังเกตุเห็น มัวแต่ไปเห็นภาพสร้างภาพ แบบนี้ เรียกว่า เห็นภาพ ไม่ใช่เห็น เวทนาเกิดดับ
    พยายามอ่านให้เข้าใจหน่อย
     
  6. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    เพิ่งรู้นะเนี่ยว่า ทุกข์ สมุทัย เค้าเห็นกันได้เป็นดวงๆ เลย
    สุดยอดแห่งการปรุงแต่งจริงๆ
    ว่าแต่ แล้วดวงนิพพานนี่มีไหมอะ ท่านสมถะกรรมฐาน...
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    เรื่องของการเห็น จิต เช่นว่า พระอนุรุทธะ เห็นจิตพระพุทธองค์ ว่าดำเนินไปแบบใด อันนี้ก็น่าตั้งคำถาม ว่าจะเห็นเป็นดวง เป็นภาพหรือไม่ เพราะใจเราก็ไม่ใช่ตาทิพย์แบบพระอนุรุทธะั
    ก็ เป็นการเห็นรูป

    แต่ก็มีข้อสังเกตุอย่างหนึ่ง คือ หลวงตามหาบัวท่านว่า ครั้งที่ท่านพ่อลี เสกน้ำมนต์ รดให้ฆราวาสนั้น ท่านสาดน้ำมนต์ไป หลวงตาท่านว่าเป็น พลังจิต สาดไป ชัดๆ เลย

    แบบนี้ ก็คนตาดีก็อาจจะเห็นได้ ในเรื่องของจิต แต่ว่า หาใช่ปรมัตถ์ธรรมไม่ เป็นเรื่องของการเห็น รูป

    ทีนี้ รูปอันเป็นพลังงาน ก็มีอยู่จริง แต่ไม่ใช่ เรื่องของเวทนา ตัณหาซึ่งเป็นนาม แต่เป็นเรื่องของรูป เช่นว่า แสงเป็นรูป เสียงเป็นรูป รูปเหล่านี้ เราอาจจะดูได้ เช่นว่า เมื่อดูทางคอมพิวเตอร์ แล้วเสียงนี้มันจะเป็นคลื่น เลย แบบนั้นเรียกว่า รูป
     
  8. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ตรงพระสูตรที่ตรัสกับพระอานนท์(โสดาบัน) นั้น เพื่อปรามการไปกำหนดว่า
    หลักปจิฏสมุบปบาทนั้นเป็นของทำความเข้าใจได้ง่าย

    ที่ตรัสห้ามก็เพราะเกรงว่าปุถุชนได้ยินเข้า จะเผลอคิดว่าถ้ามาอ่านแล้วเข้าใจ
    ปุถุชนคนนั้นจะเผลอถือว่าเห็นธรรม

    พระพุทธองค์ตรัสรับรองว่า ธรรมที่พระพุทธองค์แสดงเกี่ยวกับปจิฏสมุปบาท
    นั้น แสดงออกมาด้วยการจงใจให้เข้าใจได้ง่ายๆ แต่ไม่ใช่ให้อาศัยแค่เข้าใจ
    เพราะว่าปุถุชนจะเห็นธรรมนี้ได้ตามความเป็นจริงนั้นไม่ง่าย

    ซึ่งก็มีความหมายจะกำชับพระอานนท์แค่นี้

    ส่วนการแสดงแบบปฏิโลมและอนุโลม ก็เป็นการแสดงอรรถกถาแบบตั้งต้นด้วย
    อวิชชาลงไป หรือ จะเดินจากย้อนขึ้นมาที่อวิชชา ซึ่งเป็นการแสดงคำอธิบายกำกับ
    ไว้ เพื่อประโยชน์ในการนำปฏิเวธมาเทียบปริยัติที่แสดงไว้สมบูรณ์ครอบคลุมแล้ว

    ไม่ได้แสดงไว้เพื่อให้ไปปฏิบัติแบบปฏิโลมดู หรืออนุโลมดู แต่อย่างใด

    เพราะคนที่จะเห็นปจิฏสมปุบาทได้ครบถ้วนจริงๆ มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น

    และที่สำคัญ คือตรัสรับรองถึงความพอเพียงในความสมบูรณ์ อะไรที่
    มากไปกว่านี้ เป็นเรื่องพ้นความจำเป็น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2008
  9. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    แล้วเหตุใดถึงแสดงแบบปฏิโลม และ อนุโลม

    เพราะทัศนะตอนปฏิบัติภาวนา คนๆหนึ่งจะเห็นเพียงส่วนเดียวเป็นหลัก
    คือ เห็นตอนที่นามรูปเกิดเท่านั้น ไม่เห็นการดับไป บางคนก็เห็นการดับ
    ไป ไม่เห็นตอนมันเกิด

    จึงกรุณาแสดงไว้ทั้งสองทาง ทั้งตอนเกิด และ ตอนดับ เพื่อประโยชน์
    แก่ผู้ปฏิบัติ

    เมื่อปฏิบัติจนวิปัสสานญาณมั่นคงดีแล้ว ก็จะเห็นได้ทั้งเกิด และดับเอง
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    การจะเห็นปฏิจสมุปบาท นี้ ต้อง เจริญ อนุโลม และ ปฏิโลม ให้แคล่วคล่องมานี้แหละ ถูกต้อง
    แต่ อนุโลม และ ปฏิโลม ในวิปัสสนาญาณ คือ กำหนดรูปนามเป็นต้น แล้วให้ญาณเกิด คือ เห็นมันเกิด มันดับลงไป ทำบ่อยๆ ให้มาก
    ทีนี้พอจิตพ้นจากความคลุมเครือแล้ว จะเห็นต้นสายที่ ลึกขึ้นไป เรียกว่า ทวนกระแส

    ดูไปจนถึงว่า จิตนี้พอปล่อยไหลไป ก็เห็นจิตแตกออกไปในเรื่องต่างๆ พอจิตกำหนดสติดูนี้เรื่องนั้นดับลง เอาให้ลึกไปจนถึง ธาตุรู้ ธาตุสัมผัส เลยว่า มันแตกออกจริงๆ ก็จะทวนเข้าสู่อายตนะที่ละเอียดได้

    ก็เรียกว่า ขั้นมหาสติ มหาปัญญา การละสังขารที่เรียกว่า สังขารุเบกขาญาณ ก็ให้ละ สังขารที่ปรุง ให้เห็นเป็นของว่าง ไม่มีตัวตน
     
  11. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    คนตาบอด อธิบายความเป็นพระอาทิตย์ เถียงกันจนตายก็ไม่รู้จักพระอาทิตย์

    รู้แต่ว่าแสงอาทิตย์ร้อน แต่ไม่รู้ว่า พระอาทิตย์ กับกองไฟ ต่างกันอย่างไร

    เพราะมองไม่เห็น
     
  12. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972

    สำหรับผม ผมไม่มีความเห็นว่าตรงหรือไม่ตรง เพราะสติปัฏฐานเป็นเรื่องที่ผู้ฝึกวิชชาธรรมกายต้องปฏิบัติอยู่แล้ว ปฏิบัติให้เกิดมรรผลตามพุทธประสงค์ ที่คุณเห็นว่าตรงหรือไม่ตรงคือความเห็นของคุณเองนะครับ ความจริงแล้วคุณยังไม่เข้าใจการฝึกภาวนาวิชชาธรรมกายต่างหากครับ


    อย่าไปติดที่ตัวอักษร ธรรมขั้นปฏิบัติเขาให้พิจารณาสภาวธรรมแลผลของการเข้าถึงคือ กำจัดทุกข์ กำจัดภัย กำจัดโรค กำจัดอวิชชาได้จริงนั่นแล...
     
  13. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972


    ครับผมก็สงสารคุณมากๆ ครับ สงสารที่คิดว่าคนอื่นเขาแย่กว่าตน คุณแสดงความสงสารคนอื่นด้วยความบริสุทธิ์ใจนะดีแล้ว แต่ถ้าสงสารมากๆ เข้า อาจไม่ใช่เจตนาดีในการสงสารแต่เป็นการสงสารเพื่อเห็นว่าคนอื่นด้อยกว่าตนกระมัง ดังนั้นคุณต้องสงสารตนเองด้วย สงสารตรงที่ เราผู้เวไนยสัตว์ก็ยังหลงวนอยู่ในกระแสของวัฏฏสงสารอันเป็นทุกข์ดุจเดียวกัน สงสารคนอื่นอย่าลืมสงสารตนเองผู้ไม่แตกต่างกับคนที่เราสงสาสารเขาด้วยนะครับ


    ด้วยความปรารถนาดีครับ...
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    สวัสดี ตอนเย็น ใบไม้2 ไม่เห็น มีธรรมมาแย้งเลย มีแต่อะไรก็ไม่รู้ครับ

    อย่าเถียงต่อไปเลย ยอมรับเถอะว่า ธรรมกายนั้นไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลย

    และสิ่งที่คุณแย้งมา มันก็ไ่ม่ได้มีอะไรกระจ่างขึ้น มีแต่ถูไถครับ
     
  15. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972

    คุณขันธ์ครับ คุณนี่จอมสรุปมั่วอีกแล้ว อย่าเอาความไม่รู้จริงของคุณไปเหมารวมสิ่งที่คุณคิดเองเออเองอย่างนั้นซีครับ สภาวธรรมที่เรียกว่าอารมณ์ของอายตนะรับกระทบนี่เห็นง่ายเข้าใจง่ายกว่าที่มีผู้ยกสภาวะธรรม(ภาคปฏิบัติ)ของผู้ฝึกธรรมกายยกมาอธิบายเรื่องปฏิจจสมุปบาทเยอะเลยครับ ปฏิจจสมุปบาทที่คุณขันธ์ยกเรื่องเวทนาขึ้นมานั้น เขาไม่เรียกว่าพิจารณาปฏิจจสมุปบาทอันเป็นธรรมที่พระพุทธองค์ตรัสเตือนพระอานนท์ว่า ปฏิจจสมุปบาทเป็นธรรมที่ลุ่มลึก ละเอียด ประณีต รู้ได้ยากเห็นตามได้ยาก แต่ที่คุณขันธ์แสดงนั้นเป็นเพียงธรรมชั้นตัวหนังสือที่ใครๆ ก็พอนำมาพิจารณาอารมณ์ของตนเองได้ แต่มันดับทุกข์ได้จริงในระดับใด มันเพียงแค่การสังเกตุอารมณ์ในอายตนะรับกระทบ ซึ่งฝึกปฏิบัติสายไหนๆ เขาก็พิจารณาได้ครับ


    แต่สำหรับการเห็นสภาวะธรรมอันเป็นเรื่องในส่วนละเอียดที่จะปรากฏในรู้ญาณทัสสนะส่วนละเอียดที่จะรู้เห็นได้เท่านั้น แต่เห็นไหมครับ การเอาเรื่องที่เป็นรูปนามส่วนละเอียนมาเล่าให้คนปัญญาสามัญฟังก็จะตีความไปเป็นเรื่องสามัญตามระดับจินตมยปัญญาแลสุตมยปัญญาไปเสียหมด


    ผมถามคุณขันธ์บ้าง ถ้าคุณพอมีความรู้จริงอยู่บ้าง คุณคงเคยได้ยินว่า พระพุทธเจ้าเดินจงกรมในเมล็ดพันธุ์ผักกาด เมล็ดพันธุ์ผักกาดนั้นก็มิได้ใหญ่ขึ้น พระพุทธองค์ก็มิได้ย่อพระวรกายให้เล็กลง แต่ทำไมพระองค์จึงทรงเดินจงกรมในเมล็ดพันธุ์ผักกาดได้เล่า โปรดแจ้งแถลงไขด้วย...


    ถ้าตอบได้ผมกับคุณจึงจะคุยกันรู้เรื่อง ตอนนี้คุณเพียงแค่คิดว่าตนเองรู้ไปเสียหมด แต่ผมกลับเห็นว่าคุณไม่รู้จริงสักอย่างนะครับคุณขันธุ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2008
  16. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    ผมไม่เคยได้ยินครับ กรุณาแจ้งที่มาด้วย ถ้าหากว่าอยู่ในพระไตรปิฎกผมก็จะไปอ่านและ เอามาตอบให้คุณได้ว่า อยู่ในบทใด พระสูตรใด เพื่อที่ว่าผมจะได้หยั่งลงถึงธรรมบทนั้น ก่อนจะเอามาตอบให้คุณได้ทราบถึง นัยยะที่แท้จริง
     
  17. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972


    ถ้าไม่รู้จริงก็งดเว้นไว้ซีครับ อย่าอวดความไม่รู้ แล้วคิดว่าตนเองรู้ไปเสียหมด ตีความไม่ต่างๆ นานา ตามประสาคนชอบดำน้ำเช่นนี้ เห็นดำผุดดำว่ายแบบนี้มาหลายเรื่องแล้ว คุณขันธ์นี่ฟุ้งไปเรื่องอื่นได้เรื่อยๆ ไม่หยุดเลย ถ้ายังมารูปแบบนี้ ก็คงอตัมมยตากันละกระมัง คุณจะเอาปัญญาขมองอิ่มของคุณไปพิจารณาธรรมที่ไม่ได้มาจากการนึกคิดจากขมองได้ยังไงล่ะครับ แค่คิดก็ผิดฝาผิดตัวแล้วล่ะ...ขอรับ โปรดยั้งคิดด้วยนะ...ขอรับ
     
  18. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972


    ถ้าไม่เคยได้ยินก็จบกัน แปลว่ารู้แค่จำแค่อ่านมาได้เท่านี้ปฏบัติก็เฉพาะตนเท่านั้น ไม่ต้องถามกลับให้ผมชี้ว่ารูอยู่ตรงนั้น ช่องอยู่ตรงนี้กระมังครับ เดี๋ยวคุณก็พาขมองอิ่มของคุณไปตีความมั่วๆ ตามแบบของคุณอีก แค่นี้ผมก็ทราบความชัดเจนแล้วว่า คุณมีความรู้เพียงนี้ หมายความว่า เรื่องรู้ญาณทัสสนะจัดเป็นเรื่องอจิณไตยก็ว่าได้ เพียงแต่เป็นอจินไตยของผู้ไม่เคยมีประสบการณ์แลเป็นวิสัยของภาวนามยปัญญา มิใช่วิสัยของจินตมยปัญญา แลสุตตมยปัญญา จะให้ผมนั่งแนะนำนั่งชี้นำไปทำไม โลกของคุณได้เท่านี้ รู้มากกว่านี้ก็ฟุ้งเพราะเครื่องมือในการรู้เห็นของคุณมีแค่นี้ มากกว่าไม่รู้ แต่ก็อวดตีความรู้ที่เกินสามัญปัญญาตนว่าตนรู้ได้ แต่ผู้ประเมินวิสัยแห่งความรู้ของคุณไม่จำเป็นต้องเป็นผมดอก หลายๆ คนที่ติดตามอ่านข้อมูลของคุณเขาก็รู้ว่าคุณราคาคุย แถมคุยฟุ้งเสียด้วยนะ...ขอรับ


    ผมขอแนะนำว่า เมื่อไม่รู้ก็วางอุเบกขาเถิด แล้วไม่ต้องตั้งความสงสัยไปทั่วเพื่อแย้งสร้างประเด็นทะเลาะกับชาวบ้านเขาไปทั่ว อย่าทำตัวเป็นคนไม่ยอมแพ้ใคร แพ้ไม่เป็น หยุดไม่ได้ ก็แปลว่าเอาดีไม่ได้ ก็แปลว่าฝึกตนไม่ได้ เอาเป็นว่าผมเป็นเพื่อนคุณคนนึงที่ปรารถนาดีต่อคุณ คุณนะหยุดเถิดครับ เพราะมันฟุ้งมากแล้วเฟ้อมากแล้วเฝือมากแล้ว ชวนคนอื่นทะเลาะน่ะก่อบาปก่อเวรมาสู่ตนนะครับ
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    555 ประโยคคลาสสิค ผมจะพิจารณาธรรมที่ไม่ได้มาจากการนึกคิดได้อย่างไร

    นี่คุณใบไม้2 คุณแยกแยะหน่อยระหว่าง ตาทิพย์ อันเป็นอภิญญา กับ การสางอาสวะ และ รู้เท่าทันทุกข์ คุณต้องไปอ่านให้มากกว่านี้นะครับ ทุกข์ สมุัทัย นะครับ ไม่ใช่เรื่องของ นิมิต
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    เดี๋ยวผมมา ใบไม้2 คุณไปแย้งเรื่องก่อนๆ ที่ผมตั้งคำถามไว้ให้ได้ก่อน ไม่ต้องมาตั้งประเด็นใหม่ หรือ เบนความสนใจว่า ผมเป็นคนที่ ไม่รู้เรื่อง อย่าใช้แต่คำพูดกล่าวหาโดยไม่ได้ ยกความมา ว่าเพราะอะไร เพราะนั่นมันทำด้วย ความรู้สึก มันไม่ใช่ปัญญาหรือธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...