วิธีการถนอมอาหาร

ในสภาวะการฉุกเฉิน ดิฉันก็มีสูตร ทำข้าวเหนียว โดยการทำเป็นข้าวหลามแกะกินค่ะ ... เพียงแต่เรามีปล้องไฝ่ และมีข้าวสาร (เหนียว) เราก็มีข้าวเหนียวกินโดยไม่ยากแล้วค่ะ

วิธีทำ:

---ให้เราหาปล้องไม้ไฝ่ มา หลายขนาด ความยาวพอดี ไม่ยาว และไม่สั้นจนเกินไป
---แช่ข้า่วเหนียวทิ้งไว้ ค้างคืน โดยแช่ลงไปในกระบอกไม้ไฝ่เลย (ที่สำคัญอย่าให้ล้น และอย่าให้เต็มจนเกินไป เหลือเนื้อที่เผื่อไว้ให้เข้าอืด ด้วยค่ะ) ให้น้ำอยู่ปริ่ม ๆ
--- ก่อนนำไปตั้งไฟ เผา อย่าลืมหาใบตอง หรือกากใยมะพร้าวมาอุดปากกระบอกด้วยนะคะ
---เวลาเผาให้หมุนวนไปทั่ว ๆ เพื่อให้ข้าวสุกทั่วถึงกัน ที่สำคัญอย่าให้ไหม้มากจนเกรียม เพราะข้าวเหนียวที่อยู่ข้างในจะไหม้ไปด้วยค่ะ..


****เอาหล่ะค่ะ ถ้าใครพอจะมีเวลาว่าง ลองทำกันดูนะคะ... ข้าวใหม้หรือเปล่าบอกด้วยค่ะ...ฮิ ฮิ***

 

ข้าวหลาม...เผาอย่างไรให้อร่อย​

ข้าวหลาม : ทุกคนรู้จักดีมีขายทั่วทุกมุมของประเทศทุกภาค ทุกจังหวัด อุปกรณ์ที่สำคัญที่สุด ประกอบด้วย ไม้ไผ่ ข้าวสารเหนียว แต่ทำอย่างไรให้อร่อยนี่คือจุดสำคัญ

ไผ่ : ที่ใช้ทำข้าวหลามไม่ใช่ว่าเป็นไม้ไผ่ก็จะทำได้ทุกชนิด จะมีบางชนิดเท่านั้นที่ใช้ทำข้าวหลามได้ดี แต่ข้อสังเกตุคือ ทุกจังหวัดทำข้าวหลามขายแต่ไม่มีไผ่ให้เห็น ไม่มีการปลูกไผ่ ไม่ส่งเสริมการปลูกไผ่ แต่ใช้ไม้ไผ่จำนวนมากมายมหาศาลต่อวัน ใช้แล้วก็กลายเป็นวัสดุไร้ค่า เป็นเพียงเศษไม้อย่างมากก็ทำเชื้อเพลิง แต่บ้านที่ไม่ใช้ฟืนหุงต้มก็จะทิ่งขว้างเป็นขยะต่อไปไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก ชนิดของไผ่ที่เหมาะในการทำข้าวหลามสามารถ เรียงจากคุณภาพได้ดังนี้

1. ไผ่ข้าวหลาม : เป็นคุณสมบัติพิเศษ คือ ปล้องยาว 30 - 60 เซนติเมตร มีขนาดหลายแบบทั้งเล็ก กลาง ใหญ่ และเยื่อไผ่ร่อนดีมาก ทำให้การปลอกออกจากลำไผ่ได้ดีมีทั้งความหอมได้รูปทรงของข้าวหลาม

2. ไผ่ป่า : เป็นไผ่พื้นเมืองที่ให้เยื่อดีมีอยู่ทั่วไป ลำต้นตรงข้อพองแต่เนื้อไม่หนา มีปล้องภายในประมาณเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 - 2.5 นิ้ว

3. ไผ่สีสุก : เป็นไผ่ขึ้นตรงลำยาวปล้องยาวและใหญ่แต่เยื่อไม่ค่อยร่อนแต่ก็สามารถใช้ได้​

ข้าวสารเหนียว : เป็นข้าวเหนียวชนิดดี เมล็ดยาวเมื่อสุกมีความหวานอ่อนนุ่ม
มะพร้าว : ส่วนที่ใช้เป็นส่วนผสมโดยคั้นเป็นกะทิ จะต้องสะอาดไม่ปนเปื้อนให้มีเฉพาะเนื้อมะพร้าวที่ขาวสะอาดคั้นเป็นหัวกะทิ กรณีบ้านเราจะใช้ไม้ไผ่ป่าเป็นหลักลำหนึ่งใช้ได้ 10 ปล้อง​

***สูตรการทำข้าวหลาม: นี่ก็อีกสูตร หนึ่งค่ะ***

1. ข้าวเหนียวชนิดดำหรือขาว จำนวน 1 ถัง
2. น้ำตาลทราย จำนวน 4 กิโลกรัม
3. น้ำกะทิ จำนวน 10 กิโลกรัม
4. เกลือ จำนวน 2 - 3 ขีด
ข้าวหลามไส้สังขยาหรือไส้ถั่วดำ ไส้สังขยาจะใช้ไข่ กะทิ น้ำตาล ตีให้เข้ากันให้มีความข้นพอดี
วิธีทำ:
1.นำเข้าเหนียวที่จะทำ นำไปแช่น้ำช่วงเวลาเย็น
2. ทำการคั้นกะทิไว้ควรคั้นสดในช่วงเช้าจะดี
3. รุ่งขึ้นตอนเช้าซาวข้าวเหนียวที่แช่ไว้นำมาใส่กะทิ น้ำตาล และเกลือ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
4. นำข้าวเหนียวที่ผสมใส่ลงไปในกระบอกไม้ไผ่ที่ได้เตรียมไว้แล้ว ให้น้ำท่วมเมล็ดข้าวเหนียวให้เหลือพื้นที่ปากกระบอกไม้ไผ่ไว้ประมาณ 2 นิ้ว
5. นำไปเผาไฟโดยใช้ความร้อนปานกลางเผาให้สุกอย่าให้ไฟลุกจะทำให้ไหม้กระบอก ควรเป็นลักษณะไฟถ่าน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
6. ถ้าจะใส่ไส้สังขยาหรือถั่วดำให้เปิดจุกแล้วใช้ไม้สะอาดขนาดเท่านิ้วมือเราแทงลงไปตรงกลางข้าวหลามให้เป็นรูแล้วนำสังขยาเทใส่ ปิดฝาอุด แล้วนำไปเผาต่อให้สุกใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
7. เมื่อสุกแล้วยกลงปอกเปลือก กระบอกไม้ไผ่ออก จะได้ข้าวหลามรสสังขยาหรือถั่วดำ หรือแม้แต่ไส้อื่น ๆ ก็ทำได้เช่นกัน ​

 

ทำได้ก็เก็บได้ไม่นานหรอกครับ อาหารกระป๋องถึงจะเก็บไว้ได้ข้ามปีครับ

 

เรียนท่านที่อาสามารับผิดชอบเรื่องนี้ทุกท่านครับ
ท่านจะคิดสูตรอะไร วิธีไหนบ้างก็ตามแต่นะครับ

..แต่ขอร้อง !!..

อย่าลืมสูตรทำ "ปลาร้า " นำเด้อ..

เพราะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนอีสานบ้านเฮาเป็นอย่างยิ่งครับ

แหะ..แหะ..

 

ตามคำขอค่ะ....คุณชยุต

ปลาร้า​

​

​

​

ปลาร้า เป็นผลิตภัณฑ์พื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยมาแต่ช้านาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือนิยมบริโภคและจัดเป็นอาหารประจำวันก็ว่าได้ คนในภาคเหนือและภาคกลางก็นิยมบริโภคเช่นกัน แต่จะต่างกันบ้างในลักษณะการนำมาประกอบอาหารเท่านั้น การผลิตปลาร้าส่วนใหญ่ทำกันระดับชาวบ้าน การผลิตแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ปลาร้าข้าวคั่วและปลาร้ารำ ปลาร้าข้าวคั่วมักจะทำในภาคกลาง ส่วนปลาร้ารำมักจะทำจากปลาทั้งตัวในภาคอีสาน สีจะคล้ำกว่าปลาร้าข้าวคั่ว​

​

วัตถุดิบ:​

​

​

​

ปลาช่อน ปลากระดี่

ส่วนผสม:
เกลือ 20-25% (ของน้ำหนักปลา)
ข้าวคั่วหรือรำ 10-12% (ของน้ำหนักปลา)

วิธีทำ:
1. นำปลามาตัดหัว ขอดเกล็ด ควักไส้ ล้างให้สะอาด ทิ้งให้สะเด็ดน้ำ
2. นำปลามาผสมกับเกลือให้เข้ากันดี จากนั้นจึงเติมข้าวคั่วหรือรำผสมให้เข้ากัน แล้วนำมาอัดใส่ไห ขัดด้วยไม้ไผ่ให้แน่นทิ้งไว้ 8 เดือน ถึง 1 ปี

***วิธีรับประทาน***
---ควรปรุงให้สุกก่อนรับประทานนะคะ...
​

 

5555
ต่างคน ต่างธาตุขันธ์กันครับ
เตรียมโภชนะที่สัปปายะกันไป ตามความเหมาะสมของแต่ละท่านครับผม

ต้องขอขอบคุณคุณรัตนาพร อย่างสูงที่สามารถสรรหาสูตรอาหารมาได้ทุกสูตรเลย เยี่ยมจริงๆครับ

ว่าแต่วางแผนจะกลับไทยเมื่อไหร่ครับ เผื่อพวกเราจะฝากซื้อของและอุปกรณ์บางอย่างที่หาในเมืองไทยไม่ได้น่ะครับ

 

ตอนนี้ยังไม่มีโครงการกลับเมืองไทยเลยค่ะ เพิ่งจะกลับไปเมื่อกลางปีที่แล้ว อยู่ประมาณ 2 เดือนกว่า แต่ได้คุยกับพี่สาวที่อยู่นิวยอร์ค เห็นว่ามีโครงการจะไปเที่ยวไทย กลางปีนี้เหมือนกันค่ะ ก็คงในราว ๆ ต้นเดือนกรกฏาคมที่จะถึงนี้ค่ะ (...ที่รอกลางปี เพราะรอลูกเค้าปิดเทอมก่อน...) ส่วนดิฉันถ้า ..ฝรั่งเศสยังไม่โดนบุกช่วงนี้..ก็คงยังไม่ได้กลับไปหรอกค่ะ...ฮิ ฮิ...

เสียดายจังเลยนะคะ นี่คุณแม่ก็มาเที่ยว อยู่ตั้ง 3 เดือน (จะกลับไทย ต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้แล้วค่ะ ...) คงฝากซื้อไม่ทันแล้ว สำหรับคิวของคุณแม่...

แค่คิวของพี่สาวยังว่างค่ะ (ยังเป็นไปได้...) คุณคณานันท์และพวกเราจะฝากซื้ออะไรก็บอกได้นะคะ...

 

ขอบพระคุณครับ

 

ช่วงนี้ขออนุญาต นำสูตรอาหารไปลงในระบบ วิกิ ก่อนนะคะ อีกช่วงเดียว เดี๋ยวจะกลับมาใหม่ค่ะ...

และตอนนี้ ดิฉันได้ซื้อเครื่องอบแห้งมาใช้ กะว่าจะอบอาหารจำพวกผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ชนิดต่าง ๆ ปรุงรส อบแห้งเก็บไว้พลาง ๆ ก่อนค่ะ (โดยส่วนตัวแล้วดิฉันชอบทานอาหารจำพวก ผัก และผลไม้ ค่ะ แต่ที่จะทำอาหารพวกเนื้อสัตว์เก็บไว้ก็เพื่อลูก และคุณสามีค่ะ...) และตอนนี้ก็กำลังคิดจะอบข้าวสวยที่สุกแล้วเก็บไว้กินค่ะ (จะลองดูก่อนไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร...) ที่ว่าอบข้าวสวยสุกแล้ว นำมากินทีหลังโดยการต้มกินค่ะ จะดูว่าจะต้องใส่น้ำแค่ไหนข้าวถึงจะออกมาคล้าย ๆ เดิม หรือจะต้มให้แฉะ เหมือนข้าวต้ม อาจจะมีวิธีทำ 2 สูตรค่ะ...

พักนี้ลูกสาวก็ไม่ค่อยสบายด้วยสิค่ะ ต้องดูแลค่ะ เป็นไข้ขึ้นสูงมาก ตั้ง 41-42 องศา แน่ะค่ะ เป็นห่วงอยู่ค่ะ ตอนนี้ หมอบอกว่าเป็นหูอักเสบและ นี่ก็คงมาจากไข้หวัดนั่นแหล่ะคะ นี่ก็ต้องหยุดเรียนเป็นอาทิตย์แล้วค่ะ ...เฮ้อ... ดิฉันเองก็เซ..เซ..ไปเหมือนกัน ...เกือบป่วยตามค่ะ... แต่พอมาถึงตอนนี้ก็คิดว่ารอดพ้นมาได้่แล้วค่ะ...เฮ้อ...เกือบไป

 

ขอให้หายเร็วๆนะครับ ดูแลสุขภาพกันให้ดีๆครับ

ทานวิตามินซี ไว้ทุกวันเช้าเย็น แล้วก็ อิซินีเซีย เสริมด้วย ดื่มน้ำสะอาดเยอะๆ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ทำสมาธิให้ใจสะบาย ครับ

ขอคุณพระรัตนไตรคุ้มครองคุณรัตนาพรและครอบครัวครับ

 

ขอบพระคุณ คุณคณานันท์มากค่ะ

ตอนนี้ก็ดีขึ้นหน่อยค่ะ ได้ยาถูกโรค ตอนนั้นกลัวลูกชัก แทบแย่เหมือนกัน (ก็ใข้ขึ้นสูงออกอย่างนั้นนี่ค่ะ....)

อากาศที่นี่ ยังหนาวมากอยู่ค่ะ อยู่ระหว่าง 30-50 degree นะคะเนี่ย (ไม่อยากคิดว่า ถ้าในอนาคตข้างหน้า พวกเราต้องเผชิญอากาศหนาวเย็น ถึงขนาดติดลบกัน แล้วจะเป็นอย่างไร...) แค่คิดก็หนาวแล้วค่ะ ใครที่ไม่เคยเจออากาศหนาวเย็นมาก ๆ ถ้าเจอเข้า อาจขอยอมแพ้ ... ขอลา...ก่อน... แน่ ๆ ค่ะ...เฺฮ้อ ไม่อยากเจอวันนั้นเลยนะคะ นี่ขนาดที่บ้านเปิด heater นะคะ ... ยังหนาว ไม่อยากออกไปข้างนอกเลยค่ะ...ฮูวว์

 

ตอนนี้ดิฉันมีไอเดียใหม่ค่ะ คือว่า ดิฉันและน้องนิ่ม (numnim) จะทำอาหารอบแห้งจำพวก ผัก และ ผลไม้้ และอาหารเจปรุงสำเร็จอบแห้งขึ้นมา ที่จริงก็อยากให้น้องนิ่มทำอาหารปรุงสำเร็จอบแห้งจำพวกเนื้อสัตว์ด้วย แต่น้องเค้าไม่ทานเนื้อสัตว์ และไม่แตะต้องด้วยนะสิค่ะ จึงเป็นปัญหาใหญ่ (อาจจะมีวิธีแก้ไขได้ในภายหลัง...) แต่ดิฉันเห็นว่า สมควรแล้วรึยังที่พวกเราจะหันมากินอาหารจำพวก ผัก และผลไม้ กันแทนอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ เพราะสภาวะการณ์ข้างหน้า เนื้อสัตว์คงหากินยาก และเป็นพิษ ลำบากแน่นอนค่ะ (ที่สำคัญดิฉันคิดว่า ฆ่าสัตว์มาทำอาหารมันบาปนิ๊ด...นิ๊ด..แหล่ะค่ะ...) สูตรอาหารที่จะทำกันขึ้นมาจึงหนีไม่พ้น จำพวกผลไม้ หลากหลายชนิดนำมาบดละเอียด และ อบแห้ง ให้เป็นแผ่น ๆ และ อาหารเจ บดละเอียด แล้วนำมาอบแห้ง มีประโยชน์ ทั้งทางตรงและทางอ้อมค่ะ

ทางตรงเลยก็คือ อาหารแปรรูปแบบอื่น ๆ เช่นการดอง การเชื่อม มักจะเสียคุณค่าทางโภชนาการไปเสียส่วนใหญ่ และอาหารอบแห้ง ไม่เสียคุณค่าทางโภชนาการเลย กินอะไร ได้อะไร ก็ได้อันนั้น เสียแค่น้ำที่หล่อเลี้ยงผัก และผลไม้ไปเท่านั้นค่ะ

ทางอ้อมก็คือ เมื่อถึงคราวเกิดยุคภัยพิบัติ อาหารแห้งพกพาสะดวก และง่ายต่อการขนย้ายค่ะ ไม่ต้องขนขวด ขนไห ขนตุ่มกันให้เมื่อย ดีไม่ดีแตกเสียหายจากการขนย้าย และอาจเสียหายจากแผ่นดินไหว แผ่นดินยุบ - แยก พวกเราก็แค่หิ้วอาหารแห้งปรุุงสำเร็จแล้วที่บรรจุใส่ถุง ก็วิ่งกันตัวลอยแล้วค่ะ เพราะไม่หนัก และได้คุณค่าครบถ้วน

ดิฉันคิดว่าทุก ๆ ท่านคงจะเห็นดีด้วย อันดับแรกก่อนเลยก็คือ ให้น้องนิ่มเป็นผู้ผลิตที่เมืองไทย เก็บสำรองในคลังเสบียงไว้ก่อน (หาที่เก็บที่ปลอดภัย...จากผู้รุกราน และจากภัยพิบัติ...) หลังจากนั้น พวกเราก็จะทำจำหน่ายให้กับทางกลุ่มของเรา ที่อยู่ทุก ๆ ภาคของประเทศ และจะมีรายการอาหารให้ัสั่ง order ได้ด้วยนะคะว่า ท่านต้องการอะไร เดี๋ยวดิฉันและน้องนิ่มจะประสานงานกันในด้านการจัดทำี่รายการอาหารขึ้นมาว่ามีอะไรบ้าง ท่านใดที่สนใจก็สามารถสั่งซื้อ บอกให้น้องนิ่มทำให้ พวกเราไม่คิดเอาเปรียบและเอากำไรกันหรอกค่ะ เพียงแต่อยากจะช่วยเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ

คิดว่าน้องนิ่มคงจะคิดราคาไม่แำพงหรอกค่ะ เพราะเราตั้งใจช่วยคนอยู่แล้ว

การคิดราคา ก็อาจจะคิดแค่ค่าไฟ - ค่าน้ำ ค่าส่ง และค่าซื้อของสด พวก ผัก และผลไม้ ตามราคาและความเป็นจริงค่ะ ทั้งนี้ และทั้งนั้น ก็ขอเวลาพวกเราเตรียมการกันประมาณ 1 เดือน หรือกว่านั้นนิดหน่อยนะคะ เพราะกว่าเครื่องอบแห้งจะส่งมาจาก เมกา ก็คงกินเวลาหลายอาทิตย์

พวกเราคิดว่ายังไงบ้างค่ะ ช่วยส่งเสียงเชียร์หน่อยนะคะ...จะได้มีกำลังใจทำงานค่ะ ....ขอยาหอมหน่อยค่ะ... (งานนี้น้องนิ่มหนักหน่อยนะคะ....เตรียมหาเพื่อนร่วมทางได้เลยนะคะ....)

 

เยี่ยมเลยครับอาหารแห้งเจ ผมก็ทานเจ และเรื่องผักก็กินได้ปกติแม้แต่เอามาจิ้มซีอี้วขาวกินเฉยๆก็ยังได้ แต่ว่าผักแห้งยังไม่เคยลองไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร นึกได้แต่หญ้าแห้งที่วัวกินฟางแห้งตอนที่หญ้าขาดแคลน(หน้าแล้ง) พวกที่เห็นอยู่ตามตลาดก็มีเห็ดหอมแห้งเอามาต้มใส่มาม่า(เจ)ก็อร่อยดีครับ ผักแห้งเจก่อนกินก็น่าจะต้องมีการต้มก่อนเพื่อให้กินได้ง่ายหรือเปล่าครับ ถ้าทำแบบกินได้เลยคงต้องอาศัยอย่างอื่นช่วยเช่นขนมปังผสมผักแห้งเจ ผสมกับสาหร่ายทำเป็นก้อนคล้ายๆข้าวปั้น ก็ยังนึกไม่ค่อยออกว่าหน้าตาจะออกมาแบบไหน
ก็คุณนุ่มนิ่มและคุณรัตนาพรคงมีไอเดียดีๆที่ทำให้อร่อยได้ครับ ผมเชื่ออย่างนั้น และก็ขอเป็นกำลังใจให้ครับ แล้วพอสำเร็จจะให้ช่วยซื้อมาลองก็บอกได้ครับ

 

ขอร่วมเชียร์ด้วยเต็มที่ครับผม ลงมือทำไปเลยครับ

ที่สำคัญต้องให้อยู่ได้และมีทุนขยายงานให้ค่อยๆกว้างขวางขึ้นอย่างมั่นคงด้วยครับ

มีตัวอย่างโครงการของในหลวงท่านใช้คำว่า "โครงการกึ่งธุรกิจ" คือมีการทำบัญชีรายรับ รายจ่าย แต่ไม่มุ่งเน้นกำไรสูงสุดเป็นหลัก แต่ให้นำดอกผลมาใช้ขยายงานให้กว้างขวางบริบูรณ์เพิ่มขึ้นครับ

ผมขอนำมาตามที่อธิบายไว้ในโครงการสวนจิตรลดาครับ

โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา แบ่งการดำเนินงานออกเป็น ๒ รูปแบบ
๑. แบบไม่ใช่ธุรกิจ เป็นโครงการที่ได้รับความสนับสนุนจากหน่วยราชการหลายหน่วยงาน เพราะฉะนั้นจึงไม่มีรายรับ รายจ่ายประจำ
๒. แบบกึ่งธุรกิจ ไม่ใช่ธุรกิจเต็มตัว เป็นโครงการที่มีรายรับรายจ่าย ที่เรียกว่ากึ่งธุรกิจเพราะว่าไม่มีการแบ่งผลกำไร แต่นำผลกำไรมาขยายงาน

 

ลืมบอกพวกเราไปอีกอย่างหนึ่งค่ะ อาหารอบแห้งที่จะผลิตขึ้นมานี้ เป็นอาหารที่ปรุงสำเร็จแล้ว มีเครื่องปรุงรสอยู่ในตัวเสร็จสรรพเลยค่ะ รับรองว่าอรุ่อยแน่นอนค่ะ ทานแล้วจะติดใจ ยิ่งจำพวกผลไม้ปรุงรสแล้วหล่ะก็ อร่อยอย่าบอกใครเชียวค่ะ

ที่สำคัญ แกะถุงและ กินได้เลย ไม่ต้อง นำมาหุุุงต้มอีก เพราะอาหารจะปรุงสุกอยู่แล้วแบบที่นำข้าวไปคลุกปนกับ..กับข้าว แล้วนำมาปั่นละเอียดแบบ puree หรือไม่ต้องละเอียดมากก็ได้แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล

เพียงแต่เรานำมาอบให้แห้งเพื่อการจัดเก็บได้ง่ายขึ้น... (เมื่ออบแห้งเสร็จแล้วมันจะออกมาคล้าย ๆ กับแผ่นหนังเหนียว ๆ นั่นแหล่ะค่ะ ไม่ได้แห้งแก๊ก...แง๊ก...หรอกนะคะคุณ เปี๊ยก...ฮิ..ฮิ ) ดิฉันชอบมากเลยค่ะ ยังนั่งหัวเราะอยู่เลยเชียวเมื่อคุณนำอาหารอบแห้งที่พวกเราจะทำขึ้นมา เปรียบกับพวกหญ้าแห้ง...ดิฉันนึกออกเลยเชียวค่ะ ว่าคุณคิดว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน...ฮิ แต่คุณจะต้องแปลกใจ และพวกเราจะให้คุณเป็นลูกค้าคนแรกของพวกเรา...ฮ่า ฮ่า ฮ่า และเราจะส่งไปให้ส่วนกลางชิมด้วยนะคะ .... ใช่มั้ยจ๊ะ น้องนิ่ม...

ดิฉันจะพยายามหาอะำไรง่าย ๆ และมีประโยชน์ และคุณค่าทางอาหารครบถ้วน มาจัดอยู่ในเมนูนะคะ ที่สำคัญ สามารถเก็บไว้ได้นานเป็นปี ๆ เลยค่ะ

 

ทำโครงการแบบกึ่งธุรกิจ แบบคุณคณานันท์ว่าก็คงจะดีนะคะ มีการจัดสรรงบรายรับ - รายจ่าย ถ้าโครงการดำเนินไปได้ด้วยดี ก็อาจจะจัดสรร tray มาเพิ่ม เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาในการอบแห้งในแต่ละครั้ง เพราะเราจะต้องใช้เวลาประมาณ 4-12 ชั่วโมงในการอบแห้งแต่ละครั้ง

แบบนี้น้องนิ่้มคงจะต้องหาแนวร่วม/มาร่วมด้วยช่วยกันแล้ว เล็ง ๆ ทางกลุ่มก่อนเป็นไงค่ะ

 

แล้วจะคอยติดตามผลงานของคุณนุ่มนิ่มและคุณรัตนาพรต่อไปครับ แล้วจะช่วยชื้อครับ เมื่อไรพร้อมแล้วก็บอกด้วย
ยินดีครับที่ข้อความผมทำให้เกิดอารมณ์ขัน ให้คุณรัตนาพรครับ ขำวันละนิดชีวิตยืนยาว
5555555

 

ขอเชียร์ซ้ำครับ ลงมือทำได้ครับ

หลายๆท่านรอชิมอยู่ครับ แต่ดูจากสูตรอาหารต่างๆแล้ว เชื่อใจคุณรัตนาพรครับ อ่านกระทู้นี้ทีไรหิวทุกที

 

การทำ applesauce​

ส่วนผสม

1. แอปเปิ้ล 5 กิโลกรัม (ล้าง แล้วคว้านตรงกลางทิ้ง และตัดเป็นชิ้น ๆ )
2. น้ำ 5 ถ้วย หรือ น้ำแอปเปิ้ล (apple cider)

<O</O
วิธีทำ

1. เตรียมหม้อไว้ ปอกเปลือกแอปเปิ้ลหรือไม่ปลอกเปลือกก็ได้ ใส่ลงไปในหม้อตามด้วย น้ำหรือ น้ำแอปเปิ้ล ตามขนาดที่ระบุไว้ ต้มให้เดือด หลังจากเดือดแล้วให้หรี่ไฟ อ่อน ตั้งไฟอีกประมาณ 20 นาที หรือจนกระทั่ง แอปเปิ้ลนิ่ม
2. ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็น หลังจากนั้นก็นำมาปั่นแบบ puree จนกระทั่ง smooth
3. เก็บไว้ในตู้เย็น (ระหว่างรอทำอาหารอบแห้ง)

<O</O
****ทำเก็บไว้เยอะ ๆ นะคะ น้องนิ่ม เพราะเราต้องใช้มาก

 

ที่ไม่ได้โพสต์ข้อความบ่อยก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ติดตามน๊า..อย่างอนนะพี่นาย

บางวันต้องรีบอ่านแล้วก็ต้องรีบไป...ธุระอิดหนูเย๊อะ...แต่ว่า ไหนๆ ก็ไหนๆ หนูรับรองว่าไม่ขอยอมแพ้ แด จัง กึม เด็ดขาดค่ะ

ขอบคุณนะคะสำหรับพี่ๆ ทุกคนที่ให้กำลังใจอย่างล้นหลาม...ตอนนี้มีผู้ช่วยมือหนึ่งส่งตรงจากโรงงาน มา ม่า แล้วก็คือ พี่ตุ๋ม นันทิยา งัย...อีกคนจะเป็นพี่ที่อยู่ใกล้บ้านค่ะ ถ้าช่วงไหนorderล้นมือ อาจจะขอพี่เปี๊ยกเกียร์ 24 และพี่คณานันท์ขึ้นมาช่วยหนุนอีกแรงก็น่าจาเบาแรงขึ้นอีกเยอะนะ...(แอบขำคนเดียว)