วิธีการให้ทานที่ได้บุญเยอะที่สุด

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 15 มิถุนายน 2013.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]

    ในการดำรงชีวิตนั้นการให้ทานที่สูงที่สุดคือการให้อภัยทาน

    วิธีการก็คือ

    ไม่รับประทานเลือดเนื้อของสัตว์ สูงกว่าการให้ทานอื่นๆ

    ในชีวิตประจำวันเรานั้นสามารถทำได้โดยอาจจะเลือกรับประทานแค่ผักในอาหารที่มี

    เนื้อสัตว์ปน ยกตัวอย่างเช่น คะน้าหมูกรอบ

    ก็เลือกรับประทานเฉพาะคะน้านี้แหละคือการให้ทานที่สูงที่สุด

    และการไถ่ชีวิตสัตว์ก็เป็นการให้อภัยทานอีกอย่างหนึ่งเหมือนกับ

    อาจจะซื้อกุ้งหอยปูปลามา วันละ 10-15 บาททุกวันมาปล่อย

    ตอนนี้จะบอกว่าได้ซื้อหอยแครงมา วันละ 15 บาท ได้ประมาณ

    เกือบ 20 ตัว ซึ่งซื้อและก็นำมาปล่อยทุกวัน นี้แหละคือการให้ทานที่เป็นอภัยทาน

    ขออยากให้ทุกท่านได้ปฏิบัติบารมีตรงนี้


    www.dhammathai.org
     
  2. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    ปล่อยสัตว์อะไรแล้วห้ามรับประทานมั๊ยค่ะ ????
     
  3. yeepun

    yeepun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +425
    ขอรบกวนถามหน่อยนะคะ. หอยแครงเป็นๆซื้อที่ตลาดสด นำมาปล่อยในคลองหน้าบ้านได้หรือไม่คะ เขาต้องอยู่ในน้ำแบบไหนอะคะ
     
  4. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,666
    ค่าพลัง:
    +6,165
    หอยแครงอยู่น้ำเค็มหรือน้ำกร่อย
    ปล่อยลงทะเลดีที่สุด ถ้าไปไม่ถึงก็ปากแม่น้ำ
    ลงคลองตายชัวร์
     
  5. นาคธันดร

    นาคธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2010
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +157
    ได้ข้อมูลมาจากไหนเหรอครับ เท่าที่ผมทราบมาก็คือ "สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวงนะครับ" ท่านอาจารย์หลายท่านรวมทั้ง ธรรมจักร ก็กล่าวไว้เช่นนั้นครับ
    -------
    ตัดสินกันตรงที่ว่า ถ้าเป็นสัตว์ตัวเดียวกับที่เราปล่อยแล้ววันหนึ่งเราก็จับเขาขึ้นมารับประทานอีก ตรงนี้ไม่ได้นะครับ เพราะถือเป็นการทำบุญที่ไม่ค่อยจะถูกต้อง อย่างที่ท่านแม่ชีทศพรเคยเทศน์ไว้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2013
  6. tam101

    tam101 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2013
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +4
    ซื้อ ปลาดุกมาปล่อยครับ ครึ่งโล หรือ1 กิโลก้ได้ ปล่อยบ่อยๆ
     
  7. chyochin

    chyochin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +224
    การให้อภัยทาน โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ [​IMG]



    การให้อภัยทาน(ธรรมทาน)ย่อมชนะเสียซึ่งทานทั้งปวง
    <hr color="white" align="center" noshade="noshade" size="1" width="100%">
    "อภัยทานัง อามิสทานัง ชินาติ"
    ซึ่งแปลว่า "การให้อภัยทานย่อมชนะเสียซึ่งการให้ทั้งปวง" ดังนี้

    คำว่า ทาน แปลว่า การให้
    การให้นี้มีอยู่ ๒ อย่างด้วยกันที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าท่านตรัสไว้
    ให้สรรพสิ่งของต่าง ๆ อย่างนี้ พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า อามิสทาน ได้แก่ การให้วัตถุ จะเป็นเงินหรือวัตถุสิ่งของ เครื่องใช้ เครื่องบริโภคก็ตาม เรียกว่า อามิสทานทั้งนั้น

    ทานอีกส่วนหนึ่งที่องค์สมเด็จภควันต์ทรงกล่าวก็ได้แก่ [FONT=&quot] [/FONT]ธรรมทาน ธรรมทานในที่นี้ก็ได้แก่ การบอกธรรม คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ชี้เหตุผล ให้รุ้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว อย่างนี้เป็นต้นอย่างหนึ่ง อย่างนี้เขาเรียกว่า ธรรมทาน

    ธรรมทาน อีกส่วนหนึ่งที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่าสำคุญที่สุดจัดว่าเป็น ปรมัตถทาน คือ เป็นทานที่ไม่ต้องลงทุน คือ อภัยทาน

    ทานทั้งสองอย่างนี้ คือ อามิสทานกับอภัยทานนี้มีผลต่างกัน อามิสทานนั้นให้ผลอย่างสูงก็แค่กามาวจรสวรรค์ ตามนัยที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารตรัสไว้ว่า

    "ทานัง สังคคโส ปาณัง" คือว่า การให้ทานย่อมเป็นปัจจัยเป็นบันไดไปสู่สวรรค์ นี่สำหรับ อามิสทาน แต่สำหรับ ธรรมทาน กล่าวคือ ให้ธรรมเป็นทานก็ดี ให้อภัยทานก็ดี ให้อภัยทานก็ดี ทานทั้งสองประการนี้เป็นปัจจัยแห่งพระนิพพาน

    สำหรับธรรมทาน ทานที่ ๒ นี่มีความสำคัญมาก การให้ธรรมเป็นทานกล่าวคือ นำพระคำคำสั่งสอนของสมเด็จพระชินวรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เอามาแนะนำแก่บรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าเทศน์เองไม่เป็นก็ไปหาคนอื่นมาเทศน์แทน อย่างนี้ก็ชื่อว่า เจ้าภาพเป็นผู้เทศน์เหมือนกัน เรียกว่าเอาคนมาพูดแทน

    การให้ธรรมทานเป็นปัจจัยใหญ่ เพราะการให้ธรรมทานบุคคลได้ฟังแล้วจะเกิดปัญญา สิ่งใดที่ไม่เคยรู้มาแล้วก็จะได้มีความรู้ขึ้น เมื่อมีความรู้แล้วก็เกิดความมั่นใจ มีปัญญาเกิดขึ้นแก่บุคคลผู้ใด บุคคลผู้นั้นก็เป็นผู้หลีกความทุกข์ได้ ถ้าปัญญามีมาก ก็หลีกความทุกข์ได้มาก ปัญญาน้อยก็หลีกความทุกข์ได้น้อย ดีกว่าคนที่ไม่มีปัญญาเลย ไม่มีโอกาสจะหลีกความทุกข์ได้ นี่ว่ากันถึงธรรมทาน

    ธรรมทานอีกส่วนหนึ่งที่มุ่งหมายจะเทศน์กันในวันนี้ก็คือ อภัยทาน อภัยทานนี้เป็นการให้ทานที่ไม่ต้องลงทุนด้วยวัตถุ แล้วก็เป็นทานสูงสุด

    พระพุทธเจ้ากล่าวว่า ใครเป็นผู้มีอภัยทานประจำใจ คนนั้นก็เป็นผู้เข้าถึงปรมัตถบารมีแล้ว คำว่า ปรมัตถบารมีนี้ เป็นบารมีสูงสุดเป็นบารมีที่จะทำให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน

    คำว่า อภัยทาน ก็ได้แก่ การให้อภัยซึ่งกันและกัน หามายความว่าคนใดก็ตาม เขาทำให้เราขุ่นเคือง ทำให้เราไม่ชอบใจ ด้วยกรณีใดๆก็ตาม ถ้าหากเราคิดพิจารณาเข่นฆ่าจองล้างจองผลาญ ถ้าเขาด่าเรา เราคิดว่าโอกาสสักวันหนึ่งข้างหน้าเราจะด่าตอบ เขาลงโทษเรา เราจะลงโทษเขาตอบ เขาตีเรา เราคิดว่าเราจะตีตอบ แต่โอกาส มันยังไม่มี คิดเข้าไว้ในใจว่า เราจะทำอันตรายตอบ

    อย่างนี้พระพุทธเจ้ากล่าวว่า เป็นอาฆาต คือ พยาบาท เป็นไฟเผาผลาญดวงจิต เพราะคนที่เรากำลังคิดจะฆ่าก็ดี คิดจะประทุษร้ายก็ดี นี่เขายังไม่ทันรู้ตัว เขามีความสุข เราคนที่คิดจะทำเขานั่นแหละ ตั้งแต่แรกหาความสุขไม่ได้ คบไฟแห่งความพยาบาทมันเข้าเผาผลาญ มีแต่ความร้อนรุ่มกลุ้มใจ คิดวางแผนการต่าง ๆ ว่า เราทำยังไงถึงจะแก้มือเขาได้ โดยคนอื่นเห็นว่าไม่มีความผิด

    อารมณ์ที่คิดอยู่อย่างนี้ ยังตัดสินใจไม่ได้ ยังทำไม่ได้ มันเป็นไฟเผาผลาญคนคิดนี่แหละ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะอำนาจโทสะเข้าสิงใจ นี่เอำนาจโทสะหรือพยาบาทมันเริ่มเผาผลาญตั้งแต่คิด แต่คนที่ถูกคิดประทุษร้ายนั้น เขายังมีความสุข

    ทีนี้ถ้าเราไปทำเขาเข้าอีก ไอ้โทษมันก็จะหนักขึ้น ทำเขาเข้าอีก เขายิ่งจะแก้มือใหญ่ ถ้าเขาไม่แก้มือ ทางกฏหมายก็จะยื่นมือมาช่วยเหลือ ความทุกข์ใหญ่ก็จะเกิดขึ้น

    (คำเทศนาของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จากหนังสื ธัมมวิโมกข์ฉบับที่ ๑๐๖ หน้า ๗๕-๗๘)
    -------------------------------------------------



    ทำไมองค์สมเด็จพระมหามุนีจึงไม่มีความโกรธในพระเทวทัต เพราะเขาแกล้งในทีนะ ที่เป็นคนทำความถูก

    ท่านเลยบอกว่าไอ้การโกรธไม่มีประโยชน์ การพยาบาทไม่มีประโยชน์ มันเป็นไฟเผาผลาย เพราะเราบำเพ็ญบารมีมาก็ปรารถนาให้ถึงซึ่งพระโพธิญาณ เป็นพระพุทธเจ้า ถ้าเราไปคบกับความโกรธอยู่ก็ดี ความพยาบาทก็ดี กรรมทั้งหลายเหล่านี้มันจะกำจัดต่อความดีของเรา แม้แต่สวรรค์ชั้นกามวจรสวรรค์ก็จะไม่ได้พบ

    จะพบแต่อบายภูมิทั้ง ๔ ประการ กล่าวคือ ตกในนรกบ้าง เป็นเปรตบ้าง เป็นอสุรกายบ้าง เป็นสัตว์เดรัจฉานบ้าง หรือว่าเป็นคนที่เกิดมาเต็มไปด้วยความทุกข์บ้าง

    พระพุทธเจ้าจึงทรงปรารภแก่ภิษุทั้งหลายว่า เธอจงปรารภอภัยทานเป็นสำคัญ เมื่อบุคคลผู้ใดก็ดีที่เขาทำให้เราไม่ชอบใจ จงคิดเสียว่าเรามีกรรมเก่าที่เคยทำให้เขาไม่ชอบใจไว้มาชาตินี้เขาจึงได้ จองล้างจองผลาญเรา เราคิดให้อภัยเสีย มันก็จะปลอดภัย แล้วอิกประการหนึ่ง ถ้ามีการให้อภัยเกิดขึ้น ความเร่าร้อนของจิตก็จะไม่มี มีแต่ความผ่องใส

    (
    คำเทศนาของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จากหนังสือธัมมวิโมกข์ฉบับที่ ๑๐๖ หน้า ๘๑)
     
  8. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    ตอนนี้ผมว่าต้องปล่อยตามเขตอภัยทานจริงๆ เพราะตอนนี้หากินกันจัง ตามคลองหนองบึง จนถึงอ่างเก็บน้ำ ไม่มีเว้น
     
  9. ข้าวราดแกง

    ข้าวราดแกง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2013
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +55
    อยากเลิกซื้อเนื้อสัตว์เหมือนกัน ไม่สบายใจ
     

แชร์หน้านี้

Loading...