วิธีทำสมถสมาธิแบบเรียบง่าย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย pinit417, 20 เมษายน 2017.

  1. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ไปนั่งนับข้อ ก็ไม่ใช่แล้ว

    ทำไปๆ เกิดปัญหาคุณแก้ปัญหานั้นไม่ได้ เขาก็เพี้ยนแล้ว
     
  2. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494

    แนะนำเขาสิครับ

    นั่งสมาธิแล้วหายทั้งตัวเลยค่ะ ปกติจะหายแค่ตัว แขน ขา หาย
    แต่ทีนี้ศีรษะก็หายไปด้วยค่ะ รู้สึกว่ามันแว๊บเหมือนอะไรแตก
    แล้วศีรษะก็หายไปเลยค่ะ (สรุปว่าหายไปทั้งร่าง)
    จากนั้นมันก็เห็นแสงสว่าง (เวลาคิดในเรื่องกุศล หรือนึกถึงองค์พระ)
    มืดสนิท เมื่อไม่ได้คิดอะไร
    ตัวเอียง เหมือนจะตกจากที่สูง
    โดนดูด หมุนๆๆๆๆ เขย่าๆๆด้วย แล้วก็รู้สึกเหมือนถูกเท ตกจากที่สูง รู้สึกหวิวๆ

    ตอนออกจากสมาธิมือเย็นมากเลยค่ะ ....
    เมื่อก่อนเคยมีปัญหาตัวแข็ง ใช้เวลานานกว่าจะออกจากสมาธิ

    ต้องกำหนดอย่างไรดีคะ
     
  3. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    คุณเพียงนั่งคิดนั่งเขียนเอา (คิดเอาจากคำพูดของผู้ที่คุณศรัทธา) ยังไม่เจอะเจอกับสภาวธรรมใดๆเลย สรุปก็คือยังไม่ได้ทำไม่ได้ปฏิบัติเป็นชิ้นเป็นอันเลย :):p

    พูดให้เห็นภาพ คุณยังไม่เจอะเสือในป่าเลย อิอิ
     
  4. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    ถ้าไม่สามารถจะวิจารณ์ว่าสิ่งที่ผมเขียนมันเป็น มิจฉาสมาธิยังไง ... ผมว่าคุณอย่าโพสในกระทู้นี้เลยดีกว่า... เขียนตั้ง 3 ข้อความเนื้อหานิดเดียว เสียเวลาอ่านจริงๆ..

    แต่ถ้าคุณมีความสามารถที่จะบอกได้ว่า สิ่งที่ผมเขียนมันเป็นมิจฉาสมาธิจริง ก็เชิญเลยครับ ผมเปิดกว้างอยู่แล้ว... แล้วใจคุณล่ะเปิดไหม ถ้าไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งที่ผมเขียนเป็นมิจฉาสมาธิยังไง แล้วใจคุณล่ะจะเปิดรับได้ไหม... จะอึดอัดจนเป็นบ้ารึเปล่า 55
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2017
  5. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ภาคปฏิบัติมันไม่มีอะไรตายตัวอย่างคุณว่านั้นหรอก มันเปลี่ยนทุกขณะ อิอิ
     
  6. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    แถไปเรื่อยนะคุณนิ อ่านที่ผมเขียนไม่หมด แล้วจำสิ่งที่ตัวเองวิพากษ์วิจารณ์และเขียนไว้ไม่ได้..พอ พอ เสียเวลาผมที่จะคุยด้วย..

    ข้อความที่ 4

     
  7. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    เขาบ้าไปแล้ว ขอโทษขออภัยเค้าหายหรอ
     
  8. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    นี่ของจริงมะ

    เวลานั่งสมาธิไปสักพัก จะมีอาการตัวหมุนตัวโยก จะเกิดอาการนี้ทุกครั้ง
    บางครั้งจะมีอาการของร่างกายหมุนเหวี่ยงแรงมาก บางทีมีอาการตัวสั่น หรือตัวถูกเหวี่ยงและหมุนเร็วมาก ทราบว่านี้เป็นอาการปีติของจิตในระดับแรกแล้ว แต่เราอยากทราบว่า นานแค่ไหนในการที่เราเริ่มนั่งภาวนาสมาธิอาการพวกนี้จะหายไป
    พระอาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับการนั่งวิปัสสนากรรมฐานเรียกว่า อาการที่เกิดนี้เป็นแค่สิ่งสมมุติอย่าไปยึดติด ต้องปล่อยวาง ถ้ายิ่งนานแล้วได้เห็นอะไรมากกว่านี้เดี๋ยวจิตจะเตลิด เพลิดเพลินไป
    นั่งสมาธิมาสักพักแล้วค่ะ อาการเหล่านี้ก้อยังไม่หายไป และมีที่ท่าว่าจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ
     
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ถ้าเราไม่เคยทำไม่เคยปฏิบัติไม่เคยผ่านประสบการณ์จริงมาก่อน อย่าไปแนะนำให้ใครเขาภาวนาเลย อิอิ เอาแค่ทำบุญธรรมดาๆทั่วๆไปพอ
    .........
    ขอบคุณมากสำหรับทุกๆ ความเห็นค่ะ
    แต่ว่า ถ้าการฝึกสมาธิมันเสี่ยงกับการเป็นบ้า ทำไมเราถึงสนับสนุนคนให้ฝึกกันละคะ เพราะก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าตัวเองมีเชื้อบ้าอยู่ในตัวไหม น่าจะสนับสนุนให้ศึกษาธรรมมะให้เข้าใจก็พอแล้ว คนที่เข้าใจธรรมมะจากการศึกษาก็พ้นทุกข์ได้ ไม่เห็นต้องมาเสี่ยงปฏิบัติ

    ดิฉันไม่รู้ว่าตัวเองมีเชื้อมากก่อนไหม แต่รู้ว่าตัวเองสุขภาพจิตดีก่อนเกิดเหตุ
    แต่เคยได้ยินว่าฝึกแล้วอาจจะบ้าได้ แต่เสียดายไม่เคยคิดเลยว่ามันใกล้ตัวไป ก็ไม่ได้เคร่งเครียดอะไรในการฝึก
    ทำไปตามปกติสบายสบาย จนมันผิดปกติถึงได้พยายามแก้ไขเอง นี่เองจุดหักเข้าสู่ความตาย
    พอเห็นอาการทางกายหายไป แล้วดิฉันเริ่มหลง เพราะเห็นพระที่ดิฉันนับถือที่สุดในชีวิตเอาพระองค์เล็กๆใส่มาในตัวเรา
    ต่อจากนั้น ก็รู้สึกไปว่าติดต่อทางจิตกับท่านตลอดเวลา
    ... เจอมุขนี้ มือใหม่จะรับมือไหวได้ยังไง

    หมอยังทำให้เบาใจได้ระดับนึงคือเขาคิดว่ามันเป็น Bipolar มากกว่า schizophrenia
    (ข้อแตกต่างของสองอันคือ schizophrenia จะไม่มีทางหาย แต่ bipolar หายได้)
     
  10. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    เนื่องจากคุณ NatthaponJ มีการตั้งกระทู้ถามเกี่ยวกับการทำสมาธิบริกรรม พุทโธ... และได้มีการเข้ามาดูในกระทู้นี้ เพื่อไม่ให้คุณ NatthaponJ สับสน เกิดความลังเลสงสัย... ผมจึงจะพยายามตอบคำถามตามภูมิปัญญาของตนที่จะอำนวยได้

    ก่อนอื่นผมขอแยกปัญหาของคนนี้เป็น 2 ส่วนก่อน
    1. ปัญหานี้เป็นปัญหาสุขภาพ ซึ่งแน่นอนส่วนนี้ ก็ควรไปพบแพทย์
    2. ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาสุขภาพ...

    การปฏิบัติสมาธิที่ผมเขียนในกระทู้นี้ ผมมองว่าเป็นการปฏิบัติแบบเส้นตรง คือ เรารู้ว่าจุดหมายของเราคืออะไร เราก็ตรงดิ่งไปที่จุดหมายโดยที่ไม่สนใจว่าข้างทางจะมีอะไรบ้าง จะมีทิวทัศน์สวยงาม หรือจะมีอุบัติเหตุข้างทาง เราก็จะไม่แวะจอดดู อย่างมากก็รับรู้ว่ามีวิวอยู่ มีอุบัติเหตุอยู่ แล้วก็ผ่านเลยไป... ดังนั้นสำหรับผม ปัญหาหัวเหวี่ยง ผมมองว่าเป็นเวทนาอย่างหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการนั่งแล้วเกิดอาการปวดชา ถ้าคุณหยุดดูเวทนา แล้วสติคุณไม่หนักแน่นพอที่จะคุมจิตไม่ให้ปรุงแต่งต่อ แน่นอนคุณย่อมทำสมาธิต่อไปไม่ได้...

    ส่วนตัวเวลาทำสมาธิ จิตผมจะเข้าถึงความสงบระดับหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว (แต่ยังไม่ถึงระดับลมดับ) แต่ก็สงบพอที่จะทำให้ผมไม่รับรู้ถึงเวทนาทางกายนี้ได้... แต่พอออกจากสมาธิ อาการปวดชานี้มีอยู่ รู้สึกได้ ซึ่งประสบการณ์ตรงนี้สอนผมว่า.. เวลาจิตเข้าถึงความสงบ เวทนาทางกายนี้ไม่ใช่ไม่มี มันมี แต่จิตเราไม่รับรู้ถึงเวทนาทางกายในขณะอยู่ในสมาธิเท่านั้นเอง

    สำหรับคำถาม
    1. ควรกำหนดอย่างไร-- อาการทางกายก็ส่วนกาย จิตก็ส่วนจิต... หากคุณปฏิบัติ สมถกรรมฐานวิธีที่ผมเขียนนี้ (ไม่ใช่ สมถสมาธินะ คุณมาจากดินเขาท้วงมาว่าผมใช้คำผิด) คุณก็ต้องตั้งสติให้มั่น เพิ่มกำลังสติ และรักษาสติให้กำหนดจิตให้อยู่กับคำภาวนาให้ตลอด.. สำหรับคนที่เป็นนี้อาจจะเหมาะกับการภาวนาพุทโธแบบเร็วมากกว่า เพื่อไม่ให้จิตมีเวลาออกนอกลู่นอกทาง เพราะสำหรับคนนี้เวทนานี้เกิดขึ้นเร็ว (อาการหัวเหวี่ยง) ย่อมเป็นการยากสำหรับผู้เริ่มฝึกจะรักษากำลังสติให้กำกับจิตให้อยู่ในคำภาวนา
    2. กระทู้นี้สำหรับ สมถกรรมฐานครับจึงไม่ขอตอบ

    ส่วนปัญหาที่ว่า "ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น"

    แน่นอนเมื่อกำหนดทุกขเวทนาแล้วย่อมอยู่ไม่ได้ เพราะกำลังสติไม่พอและจิตนี้ยังไม่เฉียบคมพอ และเมื่อกำลังสติไม่พอที่จะกำกับจิตไว้ แทนที่จิตจะพิจารณาทุกขเวทนา กลายเป็นว่าจิตไปจับทุกขเวนาเป็นอารมณ์แทน มันก็เลยทนอยู่ไม่ได้... จริงๆแล้ววิธีปฏิบัติสมถกรรมฐานตามแนวหลวงปู่มั่นนั้น จุดประสงค์เพื่อให้จิตมีกำลัง มีที่พักให้จิตในยามที่จิตหมดกำลัง เพื่อพักและเติมกำลังให้จิตใหม่.. และสถานที่พักที่จะเติบกำลังให้จิตนั้นคือ ภาวะลมดับ จิตรวมเป็นสมาธิ... พอจิตถึงจุดอิ่มตัว เมื่อนั้นจิตจะมีกำลังเต็มที่แล้วก็จะคลายออกมาจากสมาธิ ... ซึ่งตอนนั้นแหละที่เหมาะแก่การพิจารณาทุกขเวทนา พิจารณาไตรลักษณ์ แทงตลอดสู่ประตูนิพพาน....

    เปรียบเหมือนกองทัพออกไปรบ แต่ไม่มีการตั้งค่าย คู ให้ไปรบ 100 ครั้งก็ต้องแพ้ 100 ครั้ง
    แต่หากค่าย คู คุณพร้อม เสบียงมีพร้อม การรบครั้งนี้ใครจะแพ้ชนะก็ยังไม่รู้ และการรบครั้งนี้อาจจะยืดเยื้อ แต่คุณจะไม่แพ้ง่ายๆแน่ เพราะยามที่ทหาร(จิต) คุณเหนื่อยล้าจากการห้ำหั่นกับกิเลส ทหารคุณก็สามารถกลับเข้าค่าย พักฟื้น พักผ่อน เติมกำลังและพร้อมที่จะออกไปรบ(ห้ำหั่นกับกิเลส)อีกครั้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2017
  11. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    ขอตอบคำถามคุณมาจากดินต่อ...เพื่อปลูกศรัทธาและคลายความสงสัยกับท่านที่สนใจวิธีนี้ ..

    นี่คือจิตส่งออกนอก มัวแต่พะว้าพะวงสังเกตุอาการที่เกิดและจะเกิดกับกาย ไม่อยู่ภายใน นี่เกิดจากสติไม่กำกับจิตให้อยู่ภายใน ไม่อยู่กับคำภาวนา ซึ่งจะทำให้มีความรู้สึกอะไรก็ได้ แล้วแต่จิตจะปรุงแต่งไป ทางแก้ก็อยู่ในสิ่งที่ขีดเส้นใต้นี้แหละ

    รู้เหตุ ก็แก้ที่เหตุแล้วผลถึงจะเปลี่ยน
    ถ้าดูที่ผลแล้วคิดจะแก้ที่ผล ก็งมเข็มหลงทางไปไม่จบไม่สิ้น
     
  12. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    964
    ค่าพลัง:
    +1,221
    อันแรกที่คุณมาจากดินนำมาโพส
    ที่ว่าเหวี่ยงจนอ้วก
    จัดเข้าหมวด วิปากจิต
    ทำยังไงให้หาย
    ขอตอบว่า อย่าไปจับมัน ยิ่งจับ ยิ่งสงสัย ยิ่งอยากรู้เมื่อไหร่จะหยุด ยิ่งไม่หยุดครับ
    เคยได้ยินพระท่านว่า มั้ยครับ ฮู้ซือๆ หรือ รู้เฉยๆ
    โพสต่อมา
    เวทนารุนแรงมาก ฯลฯ
    ขอตอบว่า จริงๆแล้วไม่ได้ทรมานเลย แต่ที่รู้สึกอย่างนั้นเพราะเมื่อเกิดแล้วไปจับ หรือ ไปเพ่ง
    เมื่ออาการมันชัดเจนก็จัดเข้าฝ่ายทุกข์ เนื่องด้วยตัวผู้ที่ประสบนั้นกลัว
    จิตจึงไม่ยอมปล่อย และ ยิ่งจับมากขึ้น แน่นขึ้นเท่านั้น
    วิธีที่จะทำให้ผ่านพ้นไปได้
    ขอตอบว่า ฮู้ซือๆ หรือ รู้เฉยๆ เวลาที่เกิดความเจ็บไข้ได้ป่วย หรือ เวทนาที่เกิดก่อนตายนั้น
    รุนแรงกว่านี้มาก ที่ประสบอยู่นี้ เพียง สาม ใน สิบ ส่วนเท่านั้น
    โพสต่อมา
    รูปหายบางส่วน ไปๆมาๆ หายหมด
    ขอตอบว่า อรูปภพครับ ไม่มีอะไร ก็แค่ภพๆหนี่ง
    โพสต่อมา รูปดับ เกิดนิมิต มีพระมาหา เอาพระมาให้ และเหมือนติดต่อได้ตลอดเวลา
    ขอตอบว่า นิมิตที่เกิดขึ้นนี้บ่งบอกถึงระดับจิตที่พัฒนาขึ้น ท่านจึงมาเป็นนิมิตแสดงเครื่องหมาย
    และมอบของขวัญเป็นรางวัลให้เท่านั้น
    ส่วนการที่สามารถติดต่อกับท่านนั้นได้
    ขอให้ไปลองค้นคว้าดูในประวัติหลวงปู่ดูลย์นะครับ จะมีบอกเรื่องที่มีพระรูปหนึ่ง
    มาหาท่านแถวๆหอระฆัง แล้วนั่งเงียบๆไม่พูดไม่จากัน จนเณรที่อยู่
    บริเวณนั้น(คาดว่ารอฟังเรื่องเด็ดๆ อิอิ) สงสัยและแปลกใจ
    แล้วพระท่านนั้นก็กราบลา
    ถ้าเกิดขึ้นกับตนเองเช่นนั้นจริง จะสามารถเทียบเคียงเอาเรื่องนี้น้อมเข้ามาพิจารณา
    เป็นเรื่องเดียวกันได้ ต่างกันเพียงระยะทางและภพภูมิเท่านั้น
    อีกอย่าง คือ พระท่านนั้นได้หลวงปู่ดูลย์ตอบข้อสงสัยให้
    แต่คุณไม่มีใครตอบให้ เมื่อไปถามคนไม่รู้ก็ตอบแบบคนไม่รู้ หมอก็ตอบตามตำราที่ร่ำ
    เรียนมาอย่างโลกๆไปเท่านั้น
    คนที่วิปลาสหรือเรียกว่าเป็นบ้านั้น เกิดได้จากการที่ตนบำเพ็ญปฏิบัติโดยไม่ปรึกษา
    ท่านผู้รู้เลย ยิ่งในยุคสมัยที่มีสื่อมากมายจึงเข้าใจว่าทำได้เอง ง่าย สะดวก
    แต่ในความเป็นจริงแล้ว หาได้เป็นเช่นนั้นไม่
    มันก็เหมือนที่ท่านเจ้าของกระทู้เจอคุณมาจากดินแซะเอานั่นแหละ
    แต่ก็ไม่ได้ตำหนินะครับ เพราะเข้าใจในเจตนาว่าต้องการแบ่งปัน
    ในบอร์ดนี้เป็นสาธารณะต่างจริตนิสัย ต่างเหตุ ต่างปัจจัย ต่างที่มาและที่ไป ลำดับขั้นของแต่ละท่านนั้นจึงยากที่จะบอกได้ว่าอยู่ไล่ๆกัน เพราะไม่ได้อาศัยอยู่ในอาวาสเดียวกัน
    ข้อนี้แหละคือ ปัญหา

    สวัสดี
     
  13. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    964
    ค่าพลัง:
    +1,221
    ขออภัยที่เรียบเรียงถูกๆผิดๆเนื่องจากอ่านแล้วตอบทันที
    ไม่ได้ย้อนทวนขณะตอบจึงทำให้สับสน
    ที่ว่าดิ่งๆหมุนๆเหมือนตกจากที่สูง
    ขอตอบว่า เป็นอาการของจิตที่กำลังเข้าสู่สภาวะที่เป็นสมาธิ
    เพียงแต่สติตามไม่ทันเท่านั้น
    ขออภัยทุกท่านหากทำให้ขัดเคืองใจ
    เนื่องด้วยความโง่เขลา ซุ่มซ่าม ทะเล่อทะล่า ขาดความรอบคอบ
    ขอขอบพระคุณ
     
  14. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    คุณผ่านมาเฉยๆนินอนดึกจริงๆ 55
    ที่คุณผ่านมาเฉยๆพูดเกี่ยวกับอาการตกจากที่สูงนั้นไม่ทราบว่าเป็นเหมือนอาการวูปที่ผมเขียนในกระทู้ทำสมาธิข้อที่ 9นี้หรือเปล่าครับ..

    ถ้าไม่เหมือนกันก็ไม่ต้องตอบคำถามข้างล่างนะครับ แค่บอกว่าไม่เหมือนกัน
    ถ้าใช่งั้นขอถามเป็นความรู้ครับ... อาการวูปนี้มีได้หลายครั้งใช่ไหมครับ.. ถ้าใช่...คำถามต่อไป ทำไมมันมีได้หลายครั้ง ซึ่งส่วนตัวจะเป็น 2-3 ครั้ง.. และการเป็นแต่ละครั้งหมายถึงอะไรครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2017
  15. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    964
    ค่าพลัง:
    +1,221
    อย่างเดียวกันกับที่คุณpinit417หมายถึงแหละครับ
    แต่เฉพาะ ๙.๒ และ ๙.๓ นะครับ
    ส่วน ๙.๑ นั้น ไม่มีทั้งสติ และ สมาธิครับ
    สามารถเกิดได้หลายครั้งครับ
    ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเพียร ความสม่ำเสมอ และความกล้าที่จะเผชิญครับ
    ไม่ใช่นอนดึกครับ แต่พักผ่อนเพียงพอแล้วครับ
    อิอิ
     
  16. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    ครับ แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่า ทำไมมันเกิดได้หลายครั้ง ซึ่งการเกิดแต่ละครั้งมันบ่งบอกถึงอะไร (คงไม่ใช่ระดับฌาณใช่ไหม) และมันเกิดได้มากสุดกี่ครั้ง..
    ส่วนตัวเวลาทำสมาธิจะตัดความสงสัยออกให้หมด ดังนั้นเวลาเกิดการวูปแต่ละครั้ง ผมก็แค่รับรู้ว่ามีวูปนะ ลมละเอียดขึ้น สั้นขึ้นและปล่อยผ่านเลย จึงไม่ได้สนใจมานั่งนับว่า เกิดอาการวูปกี่ครั้งกันแน่ (ซึ่งถ้าผมมานั่งสังเกตุ อาการวูปนี้คงไม่เกิดแน่ ยิ่งอยากมี อยากให้เกิด ยิ่งไม่มี ยิ่งไม่เกิด)... แต่พอออกจากสมาธิแล้วค่อยมาประมาณเอาก็ว่าน่าจะ 2-3 ครั้ง...
     
  17. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    964
    ค่าพลัง:
    +1,221
     
  18. nlifeplus

    nlifeplus สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ได้ประโยชน์และสาระมากๆครับ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ อ่านง่ายและเข้าใจความหมายด้วยครับ สาธุ อนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  19. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    ครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณและท่านที่สนใจครับ
    ขอให้ก้าวหน้าในการปฏิบัติครับ ถ้าปฏิบัติแล้วได้ผลดีก็บอกกันด้วย และถ้ามีอะไรติดขัด ก็ถามได้ครับ ถ้าผมตอบได้ก็จะพยายามตอบให้ครับ

    สาธุ อนุโมทนาครับ
     
  20. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    964
    ค่าพลัง:
    +1,221
    ขออภัยที่สะเพร่าอีกครั้ง
    การสื่อสารทางจิตนั้นมีท่านที่ดีๆมาสอนนั้นจริงอยู่
    แต่ก็มีพวกที่ไม่ดีมาคอยล่อหลอกเช่นเดียวกัน
    เมื่อดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้วสติความรอบคอบ ปัญญาการพินิจพิจารณานั้นสำคัญยิ่ง
    ยิ่งกว่าเมื่อครั้งยังปกติไม่มีอะไรเลยเสียอีก
    แล้วจะเข้าใจคำว่ามารทั้ง๕มากขึ้นครับ
    ขอบคุณมาก
     

แชร์หน้านี้

Loading...