วิธีทำสมาธิระหว่างเดินไปทำงาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Dhamma2, 6 กรกฎาคม 2017.

  1. Dhamma2

    Dhamma2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2017
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +121
    1.วิธีทำสมาธิระหว่างเดินไปทำงาน ทำอย่างไรได้บ้างครับ
    2. ระหว่างเรากำลังเดินในชีวิตประจำวัน นอกจากเดิน ขวาย่างพุท ซ้ายย่างโธ แล้วสามารถกำหนดแบบอื่นได้อย่างไรบ้างครับ ขอจากประสบการณ์ของคนที่ทำจริง
    3. ถ้าไม่ดูเท้า ดูที่ลมหายใจอย่างเดียว จะโอเคไหมครับ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ต้องทำความเข้าใจ กองลม ให้ดีๆ

    อานาปานสติ ไปแปลตามตัวหนังสือ ก็คิดว่า ลมหายใจผ่านรูจมูก

    กองลม ในทางพุทธศาสนา หมายถึง " การเคลื่อนไหวของสิ่งที่เป็นรูป "

    แค่ ขนตามผิวหนังกระดิก หนังตึงหย่อน รูประยางมันเคลื่อนจากจุดนึง
    ไปอีกจุดนึง นี่คือ วาโย คือ กองลม

    การระลึกเห็นเลือดสูบฉีก เส้นชีพจรเต็น กระแสไฟฟ้าไหวๆตามปลาย
    นิ้ว ปลายแขน ผิวหนัง หัวใจ ปอด ตับ เอ็น เหล่านี้ก็ยังจัดเป็นการเห็น
    " กองลม "

    ดังนั้น

    อานาปานสติ อย่าไป เหม่าเข่งว่า ลมหายใจผ่านรูจมูกอย่างเดียว

    ถ้าไป กำหนดลมหายใจรูจมูกอย่างเดียว จะซึม จะเดินไม่ออก
    หากทิฏฐิเคลื่อนผิดมากๆ จะ อยากลอยไป กระโดดลงไปในถนน
    สิบล้อเอาไปกินดื้อๆ

    ถ้ากำหนดรู้ " กองลม " สิ่งที่เนื่องกับ " วาโย " ได้ จะไม่จำกัด
    การระลึกเห็น ลมอัสสาสะ ปัสสาสะ [ จะระลึกได้จาก กาย ทุกส่วน
    โดยที่ ไม่ลืมกาย ...ซึ่งจะทำให้มี สัมปชัญญะ ไม่ไหลออกไป ภพอื่น
    จะอยู่ ภูมิจิตมนุษย์ปรกติ ]

    กองลมจะยุบยับ นานาสัญญา นานัตสัญญา เยอะแยะ เห็นอะไร
    ใช้อันนั้น แล้ว ยังมีความเป็น " หนึ่ง "

    ลองพิจารณาแค่นี้ก่อน

    แล้วจะเห็นเลย เดินไปทำงาน จะไม่ขี้เกียจ จะไม่เลื่อนลอย
    จะถึงที่ทำงานไว กลับบ้านไว ทำหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่มีค้างคา

    จิตจะอิสระ พรากจากรูป และ นาม วิบาก กรรมชรูป อุปทายรูป ทั้งปวง
    ไม่มีความเป็นหนี้ ไม่กินข้าวของชาวโลกอย่างเป็นหนี้ ไม่กินเงินเดือน
    อย่างเป็นหนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2017
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ถ้าทำแล้ว ติดซึม มีเวลานั่งบำเพ็ญสมณะธรรม แล้ว เกิดการซึมหลับ

    เวลาเดิน ต้องภาวนา อาโลกาสัญญา เข้าร่วมด้วย

    ซึ่ง เวลาเดิน สมมติว่า ตอนกลางวัน ให้ ระลึกภาพแทนสิ่งที่ตา
    เห็นเป็น กลางคืน โดยที่มี วัตถุสิ่งแวดล้อม ตามที่เห็น ณ ปัจจุบัน

    ถ้าเดินตอนกลางคืน ให้ระลึกภาพเป็นตอนกลางวัน

    หากทำได้ เวลามานั่ง จะไม่ตกใจ กับสภาพธรรม โอภาส ที่พรึ๊บพรับ

    จะเห็นเพียง ความเกิด ความดับ ไม่ไล่ตะครุบ แสงสว่าง(เงาของจิต)

    ซึ่งจะช่วยให้ เข้าใจจิตตื่น จิตสว่าง ทำอานาปานสติขณะเดิน
    เหิน ทำงาน ประชุม ดื่ม ทำ พูด คิด ได้ตลอด ไม่มี ว่างเว้น ลาออก
    ไม่ได้ ไม่อยากภาวนาก็ไม่ได้

    ปล. ทำตามสมัยที่สมควร หรือ ติดหลับ ติดซึม ก็ สมาทานช่วย
    เข้ามา หากไม่ติดหลับ ติดซึม ก็ ร่ำอานาปานสติลูกเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2017
  4. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    ขอพูดเปรียบเทียบครับ นึกภาพ ไกวชิงช้าให้ลูกเล่น เเละยืนคุยกับแม่ของเพื่อนลูก
    เราคุยเป็นส่วนมาก ไกวชิงช้าเป็นครั้งคราว

    ก็เหมือนเราทำงานเป็นหลักเเค่เเบ่งจิตไปจับลมหายใจบ้างเวลาม้วนเข้าหรือม้วนออก

    แรกๆมันก็ยากจริงๆ มันไม่ชินก็ต้องค่อยๆทำไปเดียวก็ดีไปเอง

    เเต่อย่าเข้าใจว่ามันต้องรู้พร้อมกันได้นะครับ เราจะรู้จริงๆในเวลาเดียวกันได้เเค่อย่างเดียว
    เเต่กำลังจิตมีความคล่องตัว มีกำลัง สลับรู้ได้ไวเท่านั้นเอง
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ถ้าเคลื่อนไหว
    นับจำนวนก้าวที่เดินง่ายกว่าครับ

    ถ้านิ่งๆค่อยระลึกรู้ลมหายใจ
    ที่ปลายจมูกครับ

    ต่อไปถ้านิ่งๆ ระลึกไม่ถนัด
    เพราะมันจะเริ่มตับความคิดทัน
    ทำให้จิตไม่สงบ
    ก็นับนิ้วแทน

    เรียกว่าลมไม่ได้ให้สลับมากาย

    อย่าลืมช่วงที่เรามักจะไปทำอะไรปกติ
    ไม่งั้นจะขาดช่วงหรือกำลังตกได้
    เช่น เดินไปเข้าห้องน้ำ เดินไปทานข้าว เป็นต้น
    ประเด็นหลักๆคือขอให้มีฐานอยู่ที่กายครับ
     
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    1.สมาธิ เป็นที่ จิตสงบลง จิตเป็นสมาธิ
    อาการทางร่างกาย จะท่าไหนก็แล้วแต่ อยู่ที่ จิตเราสงบหรือไม่
    การเดินภาวนา จะเดินท่าทางอะไรก็ได้ สำคัญที่ว่า จิตเราสงบ หรือ ฟุ้งซ่าน
    2.ในการเดินประจำวัน เราก็เดินตามปรกติ แต่มีคำภาวนาในใจ ไม่ฟุ้งซ่าน เราเอาจิตภาวนา ไม่ได้เอาจิตไปจับอาการทางกาย
    3.จะดูอะไรก็แล้วแต่ อวัยวะใดๆของร่างกายก็แล้วแต่ เราก็สามารถควบ รู้ลมหายใจ เข้า ออก พร้อมกับ ภาวนาควบไปด้วยได้ ให้จิตไม่ฟุ้งซ่าน
     
  7. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    วิธีนับจำนวนก้าวเป็นวิธีที่ฝึกสติดีมากเลยครับ เพราะถ้าเมื่อใดที่เรามีความลังเล สงสัยว่านับถึงก้าวที่เท่าไรแล้ว หรือ นับถึงจำนวนก้าวนี้จริงไหม นั่นหมายความว่า เราได้ขาดสติไปชั่วขณะแล้ว
     
  8. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    หลักๆแล้ว การทำสมาธิไม่ว่าวิธีใด ต้องมีสติเป็นกำลังสำคัญ..
    มีคำพังเพยว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง... นี่ก็เช่นกัน.. สมาธิต้องประกอบด้วยสติเสมอ..
    ดังนั้นอะไรที่เป็นการฝึกสติ ก็ได้หมดครับ..

    นับก้าวเท้าอย่างที่คุณ nop ว่าก็ดีนะ แค่ความเห็นส่วนตัวครับ
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ใช่ครับ แต่เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ ประกันได้ว่า
    เป็นทุกคนครับ ในโลกนี้เชื่อว่า มี ผู้เป็นเลิศทั้ง ๓ ภพ
    ท่านเดียวที่จะไม่เป็นครับ
    ประเด็นมันคือ รู้ตัวตอนไหนก็กลับมาเจริญสติต่อ
    ตอนนั้น และจะรู้ตัว ระลึกรู้ตัวได้ช้าหรือเร็วแค่นั้นครับ

    ประเด็นต่อไปจะเล่าให้ฟังนะครับ คิดว่ามีประโยชน์ครับ
    สาเหตุหลักๆเลย ที่นักปฏิบัติหลายท่าน
    ที่ไม่สามารถฝึกสมาธิจนถึงระดับใช้งานได้ซักที
    หรือว่าฝึกสมาธิไปแล้ว ขึ้นๆลงๆ หรือฝึกแล้ว
    ไม่ก้าวหน้าซักที หรือฝึกแล้วไปได้ช้ามาก
    ไม่ว่าจะฝึกกรรมฐานอะไรก็ตามนะครับ

    ส่วนหนึ่งก็เพราะว่า
    ขาดความต่อเนื่อง ในการสร้างกำลังสติทางธรรม
    ด้วยการเจริญสติในชีวิตประจำวันให้ต่อเนื่องส่วนหนึ่ง

    เพราะส่วนนี้ จะมีความสำคัญมากต่อความเข้าใจทางด้าน
    นามธรรมครับ นามธรรมคือ ทุกๆกิริยา ทุกๆสัมผัส ทุกๆการรับรู้
    จากทุกอายตนะ
    ที่เกิดในระหว่างทางนั้นหละครับ เป็นเหตุให้เกิด นิวรณ์ เกิด
    ความสงสัย ไคร่รู้ เป็นเหตุให้ขวางความก้าวหน้าโดยที่
    ไม่รู้ตัวครับ. นี่ส่วนแรก...

    ส่วนที่สองที่สมาธิไม่พัฒนาซักที หรือแป๊ก นั่งมาสิบปีหรือ
    หลายปี ก็ยังเท่าเดิม หรือไม่ก็ตกจน ไม่มีสมาธิเลย...
    ก็เพราะว่า ไปคาดหวังว่า สมาธินั่นจะต้องเป็นแบบพิธีการ
    อย่างเป็นทางการแต่ฝ่ายเดียว เช่น ต้องนั่งอย่างเดียว
    ต้องเดิน ยืน นอนอย่างเดียว และกระทำเฉพาะเวลานี้เท่านั้น
    อย่างเดียวเป็นต้น....ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว....

    การเจริญสติให้ต่อเนื่องในชีวิตประจำวันนั้น...โดยเฉพาะ
    ในช่วงเอี้ยว(ช่วงที่เราทำอะไรจนเคยชิน)นั้น จะทำให้เรา
    ได้กำลังสมาธิสะสมแบบเล็กๆน้อยๆ. แต่ไอ้เล็กๆน้อยๆนี้
    มีความสำคัญมาก ในการมาหนุนสมาธิแบบพิธีการ
    ไม่ว่า จะท่านั่ง นอน เดิน ยืน ครับ.....

    นึกภาพออกไหม ถ้าเรา นั่ง เดิน ยืน นอน อย่างเดียว
    เราจะได้สมาธิเฉพาะตอนนั้น แต่พอเราใช้ชีวิตปกติ
    ใช้ไปกับการดำรงชีวิตต่างๆ สมาธิจากพิธีการ
    มันย่อมถูกใช้ และมันก็จะตกลงไป.....
    พอเรากลับมา นั่ง เดิน ยืน นอน ต่อ แม้มันจะยัง
    ทำสมาธิได้เพราะความคุ้นเคย แต่ความก้าวหน้า
    และการยกระดับสมาธิของเรานั้น มันจะไปได้ช้าครับ

    มองภาพออกนะ เหมือนเรามี แต่เราใช้ไปมันก็หมด
    ดังนั้นการเจริญสติในชีวิตประจำวันให้ต่อเนื่องรวมช่วงเอี่ยวนั้น
    จะด้วยวิธีการอะไรก็ได้ จะนับเท้า จะระลึกลมหายใจที่ปลายจมูก
    นับนิ้ว ว่าแต่ ขอให้มีฐานอยู่ที่กาย
    จึงเสมือนเป็นการเติมน้ำหล่อเลี้ยงให้สมาธิที่เราได้อย่างเป็น
    ทางการไม่ให้มันใช้ไปหมด ในระหว่างวันนั่นหละครับ...

    นี่หละครับ เป็นสาเหตุหลักๆส่วนหนึ่งว่า
    ทำไมนักปฏิบัติบางคน ฝึกไม่กี่เดือน
    ถึงได้สำเร็จถึงระดับใช้งานได้
    ทำไมบางคนฝึกเป็นสิบปีหรือทั้งชาติ
    จึงยังใช้งานอะไรไม่ได้เลยนั่นหละครับ

    ปล.แต่เล่าให้ฟังนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นกัน
    อย่างที่เรียกว่า คาดไม่ถึงครับ....

    แต่ปฏิบัติใหม่ๆ มักจะไปมองที่ผลของกรรมฐานที่ได้
    จะเอาแต่กรรมฐานยากๆ แต่ถ้าเราไม่เตรียมพื้นฐาน
    ให้ดี เตรียมความพร้อมให้ดี ร่วมกับน้ำหล่อเลี้ยงตรงนี้เอาไว้
    แล้วชาตินี้เมื่อไร เราจะฝึกสำเร็จกรรมฐานจนถึง
    ระดับใช้งานได้ซักกองหละครับ...

    ซ้ำร้าย นอกจากใช้งานอะไรไม่ได้จริงๆเลย
    พิสูจน์อะไรก็ไม่ได้
    ยังหลงตัวเอง คิดว่าตัวเองเหนือใคร
    คิดว่าตนเองบรรลุ คิดว่าตัวเองวิเศษไม่ใช่คนธรรมดา
    มีให้เห็นกันเต็มบ้านเต็มเมืองนั่นหละครับ

    โดยเฉพาะกับผู้ปฏิบัติประเภทเคยเข้าถึงได้
    แต่ยังใช้งานไม่ได้ตามสภาวะที่เข้าถึงได้นั่นหละครับ
    จะหลงตัวเอง ได้ง่ายที่สุด

    นึกออกไหม เช่นตัวอย่าง
    เคยเข้าอรูปฌานได้ ทั้งๆที่อรูปฌาน
    แม้ไม่เคยฝึกก็เข้าได้ หรือฝึกให้ผ่านรูปฌานก่อนแล้ว
    ค่อยเข้าได้ก็มี. แต่ก็จะคิดว่า ตัวเองได้อรูปฌาน
    แล้วก็จะหลงตัวเอง ว่าเป็นผู้วิเศษ คิดว่าตัวเองบรรลุ
    ทั้งๆที่ ถ้าเข้าได้จริงๆ ตัวจิตจะต้องเกิดอะไรพิเศษ
    มากมาย ฯลฯ ก็ขนาดไม่มีเกิดอะไรพิเศษกับจิต
    ยังหลงตัวเองมามากมายหลายท่าน

    หรือเคยนั่นสมาธิได้ถึงระดับฌาน ๓ ก็จะคิดว่า
    ตัวเองได้ฌาน ๓ ทั้งๆที่
    การจะได้ฌานหรือไม่ได้ฌาน เราจะดูกันตรง
    ที่การนำกำลังระดับนั้น มาใช้งานในชีวิตประจำวัน
    แบบลืมตาเห็นๆ ไม่ใช่นั่งหลับตาปี๊
    ไม่ใช่ว่าเคยนั่งได้ระดับไหน หรือเคยเข้าถึงระดับไหนมาก่อน
    และต้องใช้งานได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที
    ใช้ได้ทุกครั้งที่ต้องการ พอใช้แล้วก็วาง
    และต้องไม่มีถอยหลังครับ....

    ปล.ที่เล่าอยากให้เข้าใจว่า ก่อนจะก้าวไปถึงระดับที่
    เข้าถึงความสำเร็จได้ ไม่ควรมองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆ
    พวกนี้ พูดเปรียบ จะเอาแต่ธรรมะสูงๆ จะเอาแต่กิเลสตัวเป้งๆ
    จะเอาแต่กรรมฐานเท่ห์ๆ แต่สติทางธรรมไม่สร้าง
    สมาธิสะสมไม่มี แล้วมันจะไปสำเร็จได้อย่างไรหละครับ
     
  10. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    จงกรม เดินไปมาโดยมีสติกำกับ

    3b257d7ddc69fc273f76832895915a23.jpg

    อยู่กับปัจจุบัน ขณะนั้นๆ เราทำอะไรอยู่ก็ควบจิตให้อยู่กับสิ่งนั้นๆ เช่น เดินไปมาไหน ก็อยู่กับการเดินไปเดินมา กำลังรดน้ำต้นไม้ ก็ควบจิตให้อยู่กับการกระทำนั้น เท่านี้สมาธิเกิดแล้ว

    1. ตามข้างบน

    2. นอกจากนั้นแล้ว ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ฯลฯ ก็กำหนดได้ตามนั้น

    3. กำลังเดินก็เดิน แล้วก็ไม่ใช่ก้มดูเท้า แต่ใช้ความรู้สึกตามอาการที่ก้าวไปๆ แล้วก็ไม่ใช่ดูลมหายใจเข้า-ออก นั่งดูลมหายใจเข้าออก ก็ไม่ใช่นึกถึงการเดิน

    อย่างที่ว่าข้างบน ควบคุมจิตให้อยู่กับสิ่งที่ทำในขณะนั้นๆแต่ละขณะๆ
     
  11. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +795
    ขอบคุณเจ้าของกระทู้ค่ะ ได้ประโยชน์มากๆเลย :D
     
  12. Dhamma2

    Dhamma2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2017
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +121
    สาธุ
     
  13. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,971
     
  14. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,971
     
  15. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,971
     
  16. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,971
     

แชร์หน้านี้

Loading...