วิธีบรรลุธรรมของแท้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย bigtoo, 5 ตุลาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    วิธีปฎิบัติเพื่อเห็นสัจธรรมตามแนวที่ผมปฎิบัติ ผมเริ่มด้วยการดูลมหายใจเข้าออกเป็นธรรมชาติของมันโดยไม่มีการบริกรรมใดๆทั้งสิ้นอยู่กับความจริงที่เป็นธรรมชาติล้วนๆ ไม่มีสิ่งสมมุติใดๆเมื่อลมหายใจออกยาวเราก็รู้เมื่อลมหายใจเขาเราก็รู้ บางครั้งเมื่อลมหายใจเข้าข้างซ้ายข้างเดียวเราก็รู้ ตามรู้ดูลมหายใจไปเรื่อยๆ เมื่อจิตเราเริ่มละเอียดเราก้จะจับการสั่นสะเทือนเบาๆทั่วบริเวณร่างกายทั้งหมดได้ ไม่ว่าจะเป็นสวนใดของร่างกายเรา และต่อไปจะรับรู้ได้ทุกอริยบท สติสัมปชัญญะจะระลึกรับความรู้สึกได้ทั่วร่างกายได้ทุกอริยบท

    สมมุติว่าเราคิดถึงปลายเท้าหรือติ่งหูเราจะต้องรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นที่ปลายเท้าและติ่งหูได้ทันที่ และเมื่อเราคิดถึงอวัยวะส่วนไหนในร่างกายไม่ว่าจะส่วนไหนเราก็จะต้องได้รับความรู้สึดตรงนั้นทันที เราจะต้องพัฒนาจิตใจของเราให้ละเอียดถึงขั้นนี้ก่อนเพื่อเจาะลึกลงไปถึงอนุสัยกิเลสของเรา ตรงนี้สันดานดิบจะผลุดขึ้นมามากไม่ต้องตกใจ จะจับโจรก็ต้องเห็นตัวโจรก่อน ไม่งั้นจะจับไม่ได้ แม้ยามนอนหลับจะรับรู้เวทนาได้จะรู้สึกต้วตลอดเกือบทั้งคืน

    จิตที่มีความละเอียดอ่อนนั้นจะต้องรับรู้ความรู้สึกทั่วร่างกายตลอดได้ เพราะรูปกับนามปกติเชื่อมโยงกันตลอดเวลาแต่เราไม่สามารถรับรู้ถึงสภาวะนี้ได้เพราะจิตใจเรายังไม่ละเอียดอ่อนพอ เมื่อเรานั่งสมาธิไปนานๆพิจารณาตั่งแต่ศรีษะจนถึงปลายเท้า เราก็จะมีความรู้สึกเจ็บปวดหรือเบาสบายเราก็ทำใจเป้นกลางๆหรืออุเบกขาไม่เข้าไปยินดียินร้ายทั้งความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนน่าใคร่และความรู้สึกหยาบไม่น่าสบายใจ

    ความรู้สึกทั้งสองอย่างนี้ไม่เทียงเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป นั่งไปเรื่อยเราจะพบเวทนารุนแรงเราก็ไม่ต้องสนใจ พิจารณาทั่วทั้งบริเวณร่างกายศรีษะจดเท้าไปเรื่อยๆในขณะนั้นรูปกับนามจะเชื่อมโยงกันตลอดเพราะเรารับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนเบาๆทั่วร่างกายตลอดอยู่แล้ว เมื่อเวทนาที่รุนแรงดับลงเท่ากับเราได้เห็นอนิจจังของความรู้สึกเราอย่างแท้จริงอุเบกขาตรงนี้มีกำลังมากสามารถกำจัดกิเลสในส่วนลึกได้พอสมควร

    แต่ยังไม่เพียงพอที่จะหายสงสัยในความเป็นตัวตนได้ เมื่อเรานั่งต่อไปความเจ็บรอบใหม่เข้ามาอีกรอบ นี้แหล่ะความเจ็บจะไม่หายไปจะเจ็บมากจนบางคนต้องยอมลุกหรือเลิกนั่งต่อ แต่ถ้าเรานั่งต่อไปด้วยใจเป็นกลางๆเราจะพบกับความทุกข์อย่างรุนแรง ร่างกายเรานั้นทนความทุกข์นี้ไม่ได้เมื่อถูกบีบคลั้นมากๆก็จะไปปรากฎในมโนทวารแยกออกจากกันเป็นสภาวะทุกขังที่แท้จริง

    ปรากฎเป็นภาพเกิดขึ้นในมโนทวารร่างกายแยกจากกัน เมื่อร่างกายแยกจากกันนั้นก็จะปรากฎเป็นอนัตตาไม่มีตัวตน และสภาวะสูญญตาก็ปรากฎชัดเจนโลกขาดสูญมีแต่ความว่าง และแส่งสว่างก็จะปรากฎตามมาในภายหลังในระยะเวลาอันใกล้ เพราะจิตเข้าไปพบสัจธรรมอย่างแท้จริงจนหายสงสัยในคำสอนอนิจัง ทุกขัง อนัตตา นิพพานธาตุก็ปรากฎทำลายสักกายะทิฎฐิโดยสิ้นเชิง

    นี่คือสิ่งที่ปรากฎเมื่อบุคคลใดพบสภาวะนี้นั้นชีวิตทั้งหมดจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คงไม่ต้องบอกนะครับว่าเป็นอย่างไรในคำว่าสิ้นเชิง นี่คือตัวอย่างจากการประสบจริง พิสูจน์ได้ทั้งคำพูดและการลด ละ เลิกอย่างแท้จริง ไม่มั่วแน่นอนครับนี่คือทางๆหนึ่งที่กล้าพูดเลยว่าไม่ได้มาง่ายๆ เข้าใจถึงบทอธิฐานความเพียรเลย เข้าใจว่าทำไมพระองค์ถึงน้อมจิตที่จะไม่สอน มันไม่ง่ายเลย

    ภิกษุ ท ! ถ้าแม้พวกเธอ พึงตั้งไว้ซึ่งความเพียรอันไม่ถอยกลับ (ด้วยการอธิ ฐานจิต)ว่า "จงเหลืออยู่แต่หนัง เอ็น กระดูกเท่านั้น, เนื้อและเลือดในสรีระจงเหือด แห้งไป; ประโยชน์ใด อันบุคคลจะบรรลุได้ด้วยกำลัง ด้วยความเพียร ด้วยความบาก บั่น ของบุรุษ, ยังไม่บรรลุประโยชน์นั้นแล้วจักหยุดความเพียรเสีย เป็นไม่มี" ดังนี้ แล้วไซร้;
    ภิกษุ ท ! พวกเธอก็จักกระทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ซึ่งที่สุดแห่ง พรหมจรรย์ อันไม่มีอะไรอื่นยิ่งกว่า อันเป็นประโยชน์ที่ต้องการของกุลบุตรผู้ออก บวชจากเรือนเป็นผู้ไม่มีเรือนโดยชอบ, ได้ต่อกาลไม่นานในทิฏฐธรรม เข้าถึงแล้ว แลอยู่ เป็นแน่นอน.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2012
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    วิธีบรรลุธรรมของแท้
    <!-- google_ad_section_end -->

    เอาคำสอนผิด ๆ ของตนมาเผยแพร่ ระวังจะโดนแบนถาวรนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2012
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ทำสมาธิ เอา จิต เป็นสมาธิ

    ไม่ใช่ส่งออก ไปรับรู้อาการทางกาย ต่างๆนาๆ ที่เกิดขึ้น​
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    จะจับโจร ต้องเห็นตัวโจร เหอๆ

    จิต ยังไม่เป็นสมาธิ จะเอาอะไรไปจับ กิเลส มัวแต่ไปสร้างความรับรู้สึกทางกาย ​
     
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    กำจัดกิเลสในส่วนลึก ​

    โสดาบัน ขั้นต้น ยังไม่ผ่าน จะข้ามขั้นตอน แล้วจะไปจำกัด กิเลส ส่วนลึกได้อย่างไร​
     
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    นิพพานธาตุก็ปรากฎทำลายสักกายะทิฎฐิโดยสิ้นเชิง​


    มีที่ไหนนิพพานธาตุปรากฏออกมา​

    นิพพานมันเป็นธาตุที่ปรากฏ ออกมาทำลาย ได้ด้วยหรือ ?​

    แก้ไข จะได้ไม่เข้าใจผิด​



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2012
  7. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    จากการประสบจริง

    แสดงว่าเป็นพระอรหันต์ แล้วสินะครับ

     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ศาสนาพุทธ ไม่มีการสอนใดๆ ให้ไปทั้งสิ้นให้ไป สร้างความรู้สึกทางกาย ตามดูความรู้สึกทางกาย

    กรรมฐาน ทั้ง 40 หมวด ไม่มี หมวดไหนเลย
    ศาสนาพุทธ

    วิธีการทำสมาธิของคุณนั้น ไม่ใช่ของ ศาสนาพุทธ แน่ๆ ครับ


    ดังนั้น ไม่ต้อง ยืมคำ พุทธพจน์ ของพระพุทธเจ้า มารับรองใดๆ


    กรรมฐาน 40 วิธี

    แบ่งออกเป็น 7 หมวด ดังนี้


    หมวดกสิน ๑๐
    เป็นการทำสมาธิด้วยวิธีการเพ่ง

    ๑. ปฐวีกสิน เพ่งธาตุดิน
    ๒. อาโปกสิณ เพ่งธาตุน้ำ
    ๓. เตโชกสิณ เพ่งไฟ
    ๔. วาโยกสิน เพ่งลม
    ๕. นีลกสิน เพ่งสีเขียว
    ๖. ปีตกสิน เพ่งสีเหลือง
    ๗. โลหิตกสิณ เพ่งสีแดง
    ๘. โอฑาตกสิณ เพ่งสีขาว
    ๙. อาโลกกสิณ เพ่งแสงสว่าง
    ๑๐. อากาศกสิณ เพ่งอากาศ



    หมวดอสุภกรรมฐาน ๑๐
    เป็นการตั้งอารมณ์ไว้ให้เห็นว่า ไม่มีอะไรสวยงดงาม มีแต่สิ่งสกปรกโสโครก น่าเกลียด

    ๑๑. อุทธุมาตกอสุภ ร่างกายของคนและสัตว์ที่ตายไปแล้ว นับแต่วันตายเป็นต้นไป มีร่างกายบวมขึ้น พองไปด้วยลม ขึ้นอืด
    ๑๒. วินีลกอสุภ วีนีลกะ แปลว่า สีเขียว
    เป็นร่างกายที่มีสีเขียว สีแดง สีขาว คละปนระคนกัน คือ มีสีแดงในที่มีเนื้อมาก มีสีขาวในที่มีน้ำเหลืองน้ำหนองมาก มีสีเขียวในที่มีผ้าคลุมไว้ ฉะนั้นตามร่างกายของผู้ตาย จึงมีสีเขียวมาก
    ๑๓. วิปุพพกอสุภกรรมฐาน เป็นซากศพที่มีน้ำเหลืองไหลอยู่เป็นปกติ
    ๑๔. วิฉิททกอสุภ คือซากศพที่มีร่างกายขาดเป็นสองท่อนในท่ามกลางกาย
    ๑๕. วิกขายิตกอสุภ เป็นร่างกายของซากศพที่ถูกยื้อแย่งกัดกิน
    ๑๖. วิกขิตตกอสุภ เป็นซากศพที่ถูกทอดทิ้งไว้จนส่วนต่าง ๆ กระจัดกระจาย มีมือ แขน ขา ศีรษะ กระจัดพลัดพรากออกไปคนละทาง
    ๑๗. หตวิกขิตตกอสุภ คือ ซากศพที่ถูกสับฟันเป็นท่อนน้อยและท่อนใหญ่
    ๑๘. โลหิตกอสุภ คือ ซากศพที่มีเลือดไหลออกเป็นปกติ
    ๑๙. ปุฬุวกอสุภ คือ ซากศพที่เต็มไปด้วยตัวหนอนคลานกินอยู่
    ๒๐. อัฏฐิกอสุภ คือ ซากศพที่มีแต่กระดูก



    อนุสสติกรรมฐาน ๑๐
    อนุสสติ แปลว่า ตามระลึกถึง เมื่อเลือกปฏิบัติให้พอเหมาะแก่จริต จะได้ผลเป็นสมาธิมีอารมณ์ ตั้งมั่นได้รวดเร็ว

    ๒๑. พุทธานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์
    ๒๒. ธัมมานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณพระธรรมเป็นอารมณ์
    ๒๓. สังฆานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณพระสงฆ์เป็นอารมณ์
    ๒๔. สีลานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณศีลเป็นอารมณ์
    ๒๕. จาคานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงผลของการบริจาคเป็นอารมณ์
    ๒๖. เทวตานุสสติเป็นกรรมฐาน ระลึกถึงความดีของเทวดาเป็นอารมณ์
    ๒๗. มรณานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงความตายเป็นอารมณ์
    ๒๘. กายคตานุสสติกรรมฐาน เหมาะแก่ผู้ที่หนักไปในจาคะจริต
    ๒๙. อานาปานานุสสติกรรมฐาน เหมาะแก่ผู้ที่หนักไปในโมหะ และวิตกจริต
    ๓๐. อุปสมานุสสติกรรมฐาน ระลึกความสุขในพระนิพพานเป็นอารมณ์



    หมวดอาหาเรปฏิกูลสัญญา

    ๓๑. อาหาเรปฏิกูลสัญญา เพ่งอาหารให้เห็นเป็นของน่าเกลียด บริโภคเพื่อบำรุงร่างกาย ไม่บริโภคเพื่อสนองกิเลส

    หมวดจตุธาตุววัฏฐาน

    ๓๒. จตุธาตุววัฏฐาน ๔ พิจารณาร่างกายประกอบด้วยธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ



    หมวดพรหมวิหาร ๔
    พรหมวิหาร แปลว่า ธรรมเป็นที่อยู่ของพรหม พรหมแปลว่าประเสริฐ
    พรหมวิหาร ๔ จึงแปลว่า คุณธรรม ๔ ประการ ที่ทำให้ผู้ประพฤติปฏิบัติเป็นผู้ประเสริฐ ได้แก่

    ๓๓. เมตตา
    ๓๔. กรุณา
    ๓๕. มุทิตา
    ๓๖. อุเบกขา


    มวดอรูปฌาณ ๔
    เป็นการปล่อยอารมณ์ ไม่ยึดถืออะไร มีผลทำให้จิตว่าง มีอารมณ์เป็นสุขประณีต ในฌานที่ได้ ผู้จะเจริญอรูปฌาณ ๔ ต้องเจริญฌานในกสินให้ได้ฌาณ ๔ เสียก่อน แล้วจึงเจริญอรูปฌาณจนจิตเป็นอุเบกขารมณ์

    ๓๗. อากาสานัญจายตนะ ถือ อากาศเป็นอารมณ์ จนวงอากาศเกิดเป็นนิมิตย่อใหญ่เล็กได้ ทรงจิตรักษาอากาศไว้ กำหนดใจว่าอากาศหาที่สุดมิได้ จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์
    ๓๘. วิญญาณัญจายตนะ กำหนดวิญญาณหาที่สุดมิได้ ทิ้งอากาศและรูปทั้งหมด ต้องการจิตเท่านั้น จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์
    ๓๙. อากิญจัญญายตนะ กำหนดความไม่มีอะไรเลย อากาศไม่มี วิญญาณก็ไม่มี ถ้ามีอะไรสักหน่อยหนึ่งก็เป็นเหตุของภยันตราย ไม่ยึดถืออะไรจนจิตตั้งเป็นอุเบกขารมณ์
    ๔๐. เนวสัญญานาสัญญายตนะ ทำความรู้สึกตัวเสมอว่า ทั้งที่มีสัญญาอยู่ก็ทำเหมือนไม่มี ไม่รับอารมณ์ใด ๆ จะหนาว ร้อนก็รู้แต่ไม่ดิ้นรนกระวนกระวาย ปล่อยตามเรื่อง เปลื้องความสนใจใด ๆ ออกจนสิ้น จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2012
  10. จิตเปโม

    จิตเปโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2012
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +253
    ไม่ควรนำมาลงนะครับ ของละเอียดมาก เป็นปัตจัตตัง เดี๋ยวกระทู้ร้อนฉ่า

    ครูอาจารย์ ลูกศิษย์หลวงปู่ดูลย์ ท่านเล่าว่าหลวงปู่เคยบอกว่า การที่จิตตัดสังโยชน์ จากการเข้าไปรู้และยอมรับความจริงของรูปนาม กาย -ใจ มันมีกระบวนการของอริยมรรคอยู่ แต่ท่านไม่ค่อยอธิบายเพราะมันจะทำให้ผู้ฟังเป็นสัญญา จะขวางการปฏิบัติ

    แต่ท่านว่าเห็นกายไม่ใช่เราอย่างเดียวยังไม่พอ ต้องเห็นจิตไม่ใช่เราด้วย

    แต่ท่านมักสอนศิษย์ที่รายงานการปฏิบัติแนวๆ นี้ว่า

    ให้ไปดู 6 เดือน ดูว่าจะยังมีอัตตา ตัวเรา ของเรา โผล่ขึ้นมาหรือไม่ครับ

    ผมก็แว๊ปมาดู ผมกลางๆนะเพราะผมก็ยังไม่รู้ว่าเค้าบรรลุธรรมกันยังงัย

    เพียงมีศรัทธาปฏิบัติเฉยๆครับ
     
  11. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ปัญหา นิพพานธาตุอมตธรรมคืออะไร ? ทางไปสู่อมตธรรม คืออะไร ?

    พุทธดำรัสตอบ “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความกำจัด ความกำจัดโทสะ ความกำจัดโมหะ นี้เป็นชื่อแห่งนิพพานธาตุ ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ นี้เรียกว่า อมตภาพ อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ นี้แลเรียกว่าทางที่จะให้ถึง อมตภาพ....”

    ภิกขุสูตร ที่ ๒ มหา. สํ. (๓๑-๓๒)
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    ถูกแล้วครับ แต่ คนไม่รู้จริง ถึงไม่รู้ไงครับ


    ภิกษุทั้งหลาย ความกำจัด ความกำจัดโทสะ ความกำจัดโมหะ นี้เป็นชื่อแห่งนิพพานธาตุ

    ภิกษุทั้งหลาย ความกำจัด ความกำจัดโทสะ ความกำจัดโมหะ นี้เป็นชื่อแห่งนิพพานธาตุ

    ภิกษุทั้งหลาย ความกำจัด ความกำจัดโทสะ ความกำจัดโมหะ นี้เป็นชื่อแห่งนิพพานธาตุ


    อ่านให้เข้าใจ ตีความให้เข้าใจนะครับ
     
  13. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ยังไม่ถึงอรหันต์
     
  14. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    จากการประสบจริง พิสูจน์ได้ทั้งคำพูดและการลด ละ เลิกอย่างแท้จริง ไม่มั่วแน่นอนครับนี่คือทางๆหนึ่งที่กล้าพูดเลยว่าไม่ได้มาง่ายๆ เข้าใจถึงบทอธิฐานความเพียรเลย เข้าใจว่าทำไมพระองค์ถึงน้อมจิตที่จะไม่สอน มันไม่ง่ายเลย


    ภิกษุทั้งหลาย ความกำจัด ความกำจัดโทสะ ความกำจัดโมหะ นี้เป็นชื่อแห่งนิพพานธาตุ









    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2012
  15. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    การกำจัดกับหมดสิ้นไปคนละอย่าง แค่เห็นกระแสก็เพียงพอสำหรับชาตินี้แล้วล่ะครับ ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ นี้เรียกว่า อมตภาพ
     
  16. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    เป็น อริยเจ้า แล้วหรอครับ
     
  17. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ลองพิจารณาให้ดี...
    ธรรมบางอย่าง แสดงออกมาแล้ว จะทำให้คนรู้ธรรมมากขึ้น ปฏิบัติไปสู่ทางหลุดพ้นได้มากขึ้น หรือจะยิ่งย้อมให้คนหลงทางนานกว่าเดิม... ลองตรึกตรองดูให้ดีนะ
     
  18. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ความรู้สึกที่เกิดดับเป็นแรงสั่นสะเบาๆเกิดดับๆมีอยู่ในร่างกายเราตลอดแต่เราไม่เคยรู้อะไรเกียวกับกายและใจ รูปหรือนามกันเลย เราเที่ยวแสวงหาแต่เหตุปัจจัยภายนอกตัวตลอดเวลา ลองกลับเข้ามาดูความจริงภายในขอบเขตกายและใจหรือรูปกับนาม โดยใช้ลมหายใจที่ธรรมชาติให้มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเชื้อชาติใดท่านก็จะพบความจริงที่อยู่เหนือความจริง
     
  19. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ก็ปกติจิตมันมีนิสัยชอบยึด...

    พอเลิกยึดกายสังขาร แต่ยังไม่ทันเห็นว่าใจ มันก็ไม่ใช่เรา ยังละจากใจไม่ได้ มันก็เข้าไปยึดกิเลสที่เหลือในใจทันที อะไรมีให้ยึดได้ก็ยึด...

    ตอนผมเจอเวทนาดับแรกๆ ผมก็เป็นครับ อาการนี้ :p
     
  20. naron

    naron เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    2,515
    ค่าพลัง:
    +3,573
    ที่คุณทำอยู่นั้น ผมเห็นว่า มันจากการปฏิบัติล้วนๆ และผมเห็นตามที่คุณว่า ครับ ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...