วิธีแก้สงสัย ในสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปราบเทวดา, 4 มิถุนายน 2017.

  1. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    เกร็ดธรรม

    หลวงปู่พุธ ฐานิโย
    วัดป่าสาละวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา

    ..........................................................
    เมื่ออารมณ์จิตมันเกิดขึ้น เราสงสัยว่านี่คืออะไร
    ให้รีบกำหนดรู้จิตเฉยอยู่
    เมื่อกำหนดรู้จิตเฉยอยู่ ความคิดย่อมเกิดขึ้น
    เมื่อความคิดบังเกิดขึ้นแล้ว
    เรากำหนดตามรู้ไป..รู้ไป..รู้ไป..รู้ไป
    แต่ขอให้ความคิดที่มันคิดขึ้นมาเอง
    อย่าไปช่วยมันคิดนะ
    ถ้าไปช่วยมันคิดแล้ว..ยุ่งอีก

    ความคิดที่เราตั้งใจคิดนี่ เราจะคิด..หาทางแก้ปัญหาทางธรรมะ
    คิดเท่าไหร่มันก็คิดไม่ตก ยิ่งคิดก็ยิ่งยุ่ง
    ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนวุ่นวาย

    แต่ถ้าหากความคิด..ที่มันคิดขึ้นมาเอง
    เราปล่อยให้มันคิด
    แต่เรามีสติตามรู้
    เอาความคิดที่เกิด-ดับ ขึ้นมาเองนั้น เป็นอารมณ์จิต

    เมื่อเราตามรู้ไป ในขณะที่เราตั้งใจตามรู้ไป..รู้ไป..รู้ไป
    เป็นการเจริญวิปัสสนาในภาคปฏิบัติ
    แต่ไม่ใช่วิปัสสนา ความคิดนี้ไม่ใช่วิปัสสนา
    การพิจารณานี้ไม่ใช่วิปัสสนา

    เมื่อเราตามรู้ ความคิด ความอ่านไป พิจารณาไป
    จิตเกิดความว่างลง
    ปัญหาที่ข้องใจผุดเป็นคำตอบขึ้นมาได้
    เมื่อเราได้คำตอบเป็นที่พอใจ
    จิตของเราเกิดความรู้แจ้งเห็นจริงขึ้นมาหายสงสัย
    คือรู้แล้ว
    เห็นด้วยกับความรู้ ทั้งรู้ ทั้งเห็น
    ถ้าหากแถมความเป็นจริงเข้าไปอีกด้วย รู้ เห็น แล้วก็เป็นจริง
    รู้เห็นท่านพอที่จะกำหนดได้ และรู้ได้
    แต่เป็นจริง นี่คืออะไร

    เช่น
    ท่านรู้ว่า นี่ทุกข์

    ที่นี้ ความรู้ ว่านี่..ทุกข์นั้นเป็นความรู้
    ทีนี้เห็นด้วยว่า ทุกข์จริงๆนี้เป็นเหตุ
    จิตถอนจากความยึดมั่นถือมั่น ในสิ่งที่เป็นเหตุแห่งทุกข์
    หรือ ถอนความยึดมั่นถือมั่นในทุกข์นั้น
    เห็นว่าทุกข์เป็นสิ่งธรรมดา
    เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป

    นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับ
    อันนี้ก็เป็นความรู้อีกแล้ว เมื่อรู้ขึ้นมาแล้วเห็นด้วยกับสิ่งนี้
    แล้วก็ปล่อยวางอารมณ์
    ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ รวมทั้งตัวทุกข์ด้วย
    เพียงแต่กำหนดรู้ ว่านี่ทุกข์
    และก็รู้ว่า ทุกข์เป็นสิ่งที่พึงกำหนดรู้เท่านั้น

    พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เราละทุกข์

    เมื่อเป็นเช่นนั้นผู้ภาวนาก็ปล่อยวางความกังวล ในสิ่งที่จะขจัดทุกข์
    เพียงแต่กำหนดรู้เพียงอย่างเดียว เมื่อปล่อยวาง จิตเป็นกลางวางเฉย
    จิตเป็นความปรกติ ไม่หวั่นไหว
    ไม่ดิ้นรนไม่วุ่นวายในการที่จะไปขับไล่ทุกข์
    แต่กำหนดรู้
    เมื่อจิตรู้จริงเห็นจริง
    เห็นว่านี่ทุกข์
    นี่เหตุให้เกิดทุกข์
    นี่ทางปฏิบัติให้เกิดความดับทุกข์

    เมื่อรู้เห็น ตามเป็นจริงอย่างนี้

    ความรู้เห็น ตามเป็นจริงนั่นคือ
    ...วิปัสสนา
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    สังเกตุง่ายๆ ถ้าทำได้อย่างบทความคือ
    จิตมันจะตัดความคิดที่ผุดขึ้นมานั้นของมันเอง
    และพอเราลืมตาขึ้นมา ต่อให้เราพยายามนึก
    พยายามคิดเท่าไร มันก็จะนึกจะคิดไม่ออก
    คล้ายๆกับว่า เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเรา
    เพราะจิตถ้ามันตัดได้แล้วมันจะตัดเลย

    และถ้าเกิดในเวลาลืมตาปกติ
    ก็ให้สังเกตุว่า เราจะรู้สึกเฉยๆกับเหตุหรือ
    ความคิดนั้นๆ ไอ้ที่เฉยๆถ้าสังเกตุตรงนี้ทัน
    บ่อยๆจะได้กำลังสติทางธรรมเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ
    แต่ส่วนมากจะไม่ทันกันเป็นปกติ
    เพราะไม่ทันว่า มันตัดและดับตอนไหนครับ

    แต่จะถ้าถึงขั้นที่จิตเห็นว่านี่เหตุให้เกิดทุกข์
    ไม่ใช่เรื่องง่ายๆอย่างบทความข้างบนนะครับ
    ถ้าหลับตานั่งคือจิตต้องว่างก่อนเป็นอันดับแรก
    แล้วจะมีปัญญาขึ้นมาจนจิตยอมรับได้
    ตามความเป็นจริงก่อนนะครับ

    ถ้าลืมตาปกติมันจะต้องเจอเหตุแบบนี้ซ้ำๆๆๆๆ
    บ่อยๆๆๆๆๆ จนจิตว่างเองก่อน แล้วก็ผุดปัญญา
    ขึ้นมาจนถึงระดับจิตยอมรับความเป็นจริงได้เช่นกัน
    ตอนลืมตาสังเกตุง่าย จิตจะโปร่ง โล่ง เบาสบายๆ
    แต่ถ้าเกิดตอนหลับตา จะคล้ายๆเหมือนความคิด
    โล่งๆเบาๆสบาย ขยายๆออกกว้างๆทางศรีษะครับ...
    ปล. แค่เล่าให้ฟังเฉยๆ..
     
  3. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    สุขิโน วตารหนฺโต :
    อ่านว่า
    สุขิโน วะตาระหันโต


    แปลว่า
    ท่านผู้ไกลกิเลส มีความสุขจริงหนอ
     

แชร์หน้านี้

Loading...