ศาลพระภูมิและเจ้าที่

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 17 เมษายน 2006.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คำถวายเครื่องสังเวยพระภูมิ<O:p</O:p
    นโม ๓ จบ<O:p</O:p

    นะโม เม พระภูมิเทวานัง ธูปะทีปะ จะ ปุปผัง สักการะวันทะนัง สูปะพะยัญชะนะสัมปันนัง โภชะนานัง สาลีนัง สะปะริวารัง อุทะกังวะรัง อาคัจฉันตุ ปะริภุญชันตุ สัพพะทา หิตายะ สุขายะ สันติเทวา มะหิทธิกา เตปิ อัมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    คำลาเครื่องสังเวยพระภูมิ<O:p</O:p
    อายันตุ โภนโต อิธะ ทานะสีละ เนกขัมมะปัญญา สะหะ วิริยะ ขันตี สัจจาธิฏฐานะ เมตตุเปกขายุทธายะโว ทิสสาวินะติ อะเสสะโต<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    คำบูชาพระภูมิด้วยดอกไม้ธูปเทียนหรือพวงมาลัย<O:p</O:p
    นโม ๓ จบ<O:p</O:p

    ภุมมัสสะมิง ทิสาภาเค สันติ ภุมมา มะหิทธิกา เตปิ อัมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ ฯ<O:p</O:p

    หมายเหตุ มิง อ่านว่า หมิง
    <O:p</O:p

    คำถวายเครื่องสังเวย พระภูมิ เจ้าที่<O:p</O:p
    นโม ๓ จบ<O:p</O:p

    อิมัง สูปะพะยัญชนะ สัมปันนัง สะอุทะกังวะรัง ภุมมัสสะเทมิ ฯ<O:p</O:p

    <O:p</O:p
    คำลาเครื่องสังเวย พระภูมิ เจ้าที่<O:p</O:p
    เสสัง มังคะลัง ยาจามิ<O:p</O:p
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ใช้ธูปเท่าไร ไหว้พระไหว้เจ้า <O:p</O:p

    (ผู้เขียน ซินแสน้อย) <O:p</O:p

    ธูป 1 ดอก นิยมใช้ไหว้ศพ เจ้าที่ เจ้าทาง ภูมิ ผี ต่างๆ กล่าวคือวิญญาณธรรมดาที่ยังไม่ได้ขึ้นเป็นชั้นเทพ<O:p</O:p
    ธูป 2 ดอก ไม่ปรากฏนิยมใช้<O:p</O:p
    ธูป 3 ดอก นิยมไหว้พระพุทธ อันมีความหมายถึง พระรัตนตรัย หรือแม้แต่การไหว้เทพก็มีผู้ไหว้ 3 ดอก เช่นกัน อันมีความหมายถึงพระศิวะ พระนารายณ์ และพระพรหม<O:p</O:p
    ธูป 4 ดอก ไม่ปรากฏนิยมใช้<O:p</O:p
    ธูป 5 ดอก มีผู้นิยมใช้ไหว้ตี่จูเอี้ย โดยปักที่กระถางธูป 3 ดอกและข้างประตู ข้างละ 1 ดอก นอกจากนี้ก็มีผู้นิยมไหว้พระรูปรัชการที่ ๕ คงมีคติมาจากรัชการที่ ๕ ก็ใช้ 5 ดอก การไหว้ท้าวจตุโลกบาลก็นิยมใช้ธูป 5 ดอก เพราะหมายถึงทิศใหญ่ทั้ง 5 อันมี ตะวันตก ตะวันออก เหนือ ใต้ และทิศกลาง ตามความเชื่อของชาวจีน รวมทั้งเทพอื่นๆ ก็เห็นมีปรากฏ<O:p</O:p
    ธูป 6 ดอกไม่นิยมใช้<O:p</O:p
    ธูป 7 ดอก นิยมไหว้พระภูมิไชยศรี นอกจากนี้ก็มีผู้ที่เคารพบูชาพระอาทิตย์ก็นิยมไหว้ ซึ่งความหมายของธูป 7 ดอก ก็หมายถึงความคุ้มครองวันทั้ง 7 ในหนึ่งสัปดาห์<O:p</O:p
    ธูป 8 ดอก ชาวฮินดูนิยมใช้ธูป 8 ดอก ในการไหว้เทพแทบจะทุกองค์ ที่เป็นเทพชั้นสูง อันได้แก่ พระศิวะ พระนารายณ์ พระพรหม พระแม่อุมา พระลักษมี พระสุรัสวดี พระพิฆเนศ พระขันธกุมาร ร่วมไปถึง พระราม พระกฤษณะ ด้วยจะพบว่า กล่องธูปที่ใช้บรรจุธูปหอมของอินเดียกล่องหนึ่งจะมีธูป 8 ดอก ให้บูชาครั้งละ 1 กล่องเล็ก นอกจากนี้ก็มีความเชื่อว่า การไหว้พระราหู ก็นิยมใช้ธูป 8 ดอกเช่นกัน<O:p</O:p
    ธูป 9 ดอก นับเป็นจำนวนธูปที่นิยม ใช้ในการไหว้ทั้งพระทั้งเทพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ด้วยคนไทยถือว่าเลข 9 เป็นเลขมงคล หมายถึงความเจริญก้าวหน้า หากแต่ในประเทศอื่นเขาไม่ได้นิยมเช่นคนไทย<O:p</O:p
    ธูป 10 ดอก สำหรับชาวจีนดั้งเดิมแล้วนิยมใช้เลขนี้ในการจุดธูปเช่นเดียวกันคนไทยนิยมเลข 9 เลขสิบนับเป็นเลขเต็ม และความหมายของสิบ (ภาษาจีนคือจั๊บ)นั้นหากจะประดุจนิ้วมือก็หมายถึงการจับได้เต็มไม้เต็มมือ ได้อะไรที่เต็มมือ ได้อะไรที่เต็มสิบก็คือความสมบูรณ์เต็มที่<O:p</O:p
    ธูป 11 ดอก ไม่ปรากฏความนิยม<O:p</O:p
    ธูป 12 ดอก ชาวจีนนิยมไหว้เจ้าแม่กวนอิม บางคนใช้ 13 ดอก แต่จะไหว้เฉพาะในช่วงเดือน 12 เท่านั้น<O:p</O:p
    ธูป 14, 15 ดอก ไม่ปรากฏความนิยม<O:p</O:p
    ธูป 16 ดอก นิยมใช้ในพิธีบวงสรวงบูชาเทพ บูชาครู หรือพิธีกลางแจ้ง ที่มีการอัญเชิญเทวดาที่สำคัญต่างๆ 16 ดอก หมายถึง สวรรค์ 16 ชั้น<O:p</O:p
    นอกจากนี้ที่ได้สืบเสาะมาก็มี 31 ดอก และ 32 ดอก<O:p</O:p
    ที่นิยมใช้ในการบวงสรวง เช่นเดียวกันกับ 16 ดอก <O:p</O:p
    โดย ธูป 31 ดอก หมายถึงการเชิญเทพทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ต้องเป็นการบวงสรวงเครื่องบัดพลีใหญ่<O:p</O:p
    หรือ ธูป 32 ดอก หมายถึง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน และบนโลกมนุษย์ อีก 1 จะนิยมใช้ในการบวงสรวงใหญ่เท่านั้น เพราะเครื่องบวงสรวงต้องมากเพียงพอกับการอัญเชิญด้วย<O:p</O:p
    เจ้าคุณอมร วัดบวรนิเวศ กรุงเทพฯ ท่านให้ข้อคิดที่น่าสนใจมากคือ จำนวนเท่าไร มันอยู่ที่ใจ มนุษย์ตั้งกันขึ้นมาเอง ตามความพอใจ ซึ่งที่จริงแล้วหากใจเป็นสมาธิศรัทธาจริง มือเปล่า ใจเปล่า ก็ศักดิ์สิทธิ์ ได้<O:p</O:p
    ผู้เขียนเองก็มีความเห็นตรงกันเพราะเวลาเราฟังเทศน์ ฟังธรรม หรือจบมือขึ้น สาธุ อนุโมทนากุศลนั้น ท่านเชื่อไหมว่า อานิสงส์แรงนักแล แค่เอามือเปล่าจบขึ้นเหนือหัวตั้งจิตให้มั่น กล่าวคำว่า สาธุ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ***** คนเราทุกวันนี้ ดีแต่ส่องกระจกด้านหน้าแต่เพียงด้านเดียว <O:p</O:p
    ให้เอากระจกหกด้าน มาส่องเสียบ้าง แล้วจะเห็นเอง<O:p</O:p
    สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) *****<O:p</O:p
    <O:p</O:p



    รู้ง่าย ทำยากธนะภูมิ ผู้เขียนคอลัมภ์กรรมกำหนด<O:p></O:p>

    บุญเสมอ แดงสังวาลย์หนังสือพิมพ์ข่าวสด<O:p></O:p>
    พระคุณเจ้าหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่านเป็นพระสุปฏิปันโนที่เปี่ยมล้นด้วยความเมตตาต่อบรรดาศิษย์อย่างยิ่ง แม้อายุสังขารท่านจะร่วงโรยเพียงใด ท่านก็ยังเมตตาอบรมสั่งสอนศิษย์ ตลอดจนผู้ใฝ่ธรรมทั้งหลายที่มากราบนมัสการ จวบจนกระทั่งท่านอาพาธด้วยโรคหัวใจ ท่านก็ยิ่งให้ความเมตตาแก่ศิษย์โดยไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ในยามดึกที่ควรจะได้พักผ่อน ท่านก็ยังแสดงธรรมแก่ผู้มากราบนมัสการตลอดมา ธรรมโอวาท ที่ท่านให้เป็นคติเตือนใจแก่ศิษย์ทั้งหลายคือ…….เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว ให้รีบพากันปฏิบัติ<O:p</O:p
    หลังจากท่านมรณภาพ คณะศิษยานุศิษย์ได้รวบรวมคำสอนของท่านมาจัดพิมพ์เผยแพร่เพื่อเป็นเครื่องบูชาพระคุณ คำสั่งสอนของหลวงปู่ฟังง่าย เข้าใจง่าย แม้บางครั้งจะมีผู้นำเรื่องไม่น่าถาม มาเรียนถาม ท่านก็ได้เมตตาตอบจนกระจ่างแจ้ง ให้ผู้ถามหมดข้อสงสัย ดังได้คัดลอกมาฝากท่านผู้อ่าน ดังนี้<O:p</O:p
    ผู้ถาม<O:p</O:p
    หลวงปู่ครับ การจุดธูปเทียนบูชาพระในพิธีกรรมต่างๆ มักจะไม่เหมือนกัน ที่ถูกต้องเหมาะสมนั้น ควรจุดธูปกี่ดอก<O:p</O:p
    หลวงปู่<O:p</O:p
    จุดกี่ดอกก็ได้ ส่วนใหญ่มักจุด ๓ ดอก บูชาคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ กี่ดอกก็มีความหมายทั้งสิ้น<O:p</O:p
    ผู้ถาม<O:p</O:p
    ถ้าเช่นนั้นจุดดอกเดียว ก็ถือว่าไหว้ผี ไหว้ศพใช่ไหมครับ<O:p</O:p
    หลวงปู่<O:p</O:p
    จุด ๑ ดอก หมายถึง จิตหนึ่ง<O:p</O:p
    จุด ๒ ดอก หมายถึง กายกับจิต หรือ โลกกับธรรม<O:p</O:p
    จุด ๓ ดอก หมายถึง พระรัตนตรัย คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา<O:p</O:p
    จุด ๔ ดอก หมายถึง อริยสัจ ๔<O:p</O:p
    จุด ๕ ดอก หมายถึง พระเจ้า ๕ พระองค์ นะโมพุทธายะ<O:p</O:p
    จุด ๖ ดอก หมายถึง สิริ ๖ ประการ<O:p</O:p
    จุด ๗ ดอก หมายถึง โพชฌงค์ ๗<O:p</O:p
    จุด ๘ ดอก หมายถึง มรรค ๘<O:p</O:p
    จุด ๙ ดอก หมายถึง นวโลกุตรธรรม<O:p</O:p
    จุด ๑๐ ดอก หมายถึง บารมี ๑๐ ประการ<O:p</O:p
    ผู้ถาม<O:p</O:p
    ถ้าจุด ๑๑ ดอกล่ะครับหลวงปู่ หมายถึง<O:p</O:p
    หลวงปู่<O:p</O:p
    ก็บารมี ๑๐ ประการ กับจิต ๑<O:p</O:p
    ผู้ถาม<O:p</O:p
    ถ้าไม่มีธูปเทียน<O:p</O:p
    หลวงปู่<O:p</O:p
    ก็ใช้วิธีจิตใจบูชา ไม่เห็นต้องมีอะไร พุทธัง ธัมมัง สังฆัง ชีวิตังเม ปูเชมิ - ทุกอย่างอยู่ที่ใจ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    มีเรื่องเล่ากันว่า โยมท่านหนึ่งไปกราบนมัสการพระเถระผู้ใหญ่องค์หนึ่งเป็นประจำ วันหนึ่งได้ถามปัญหาธรรมว่า หลักของพระพุทธศาสนาคืออะไร พระเถระตอบว่า ละความชั่ว ทำความดี ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว โยมท่านนั้นได้ฟังแล้วก็พูดว่า อย่างนี้เด็ก ๗ ขวบก็รู้ พระเถระองค์นั้นยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบว่า จริงของโยม เด็ก ๗ ขวบก็รู้ แต่ผู้ใหญ่อายุ ๘๐ ก็ยังปฏิบัติไม่ได้ ซึ้งไหมละท่าน นึกถึงพุทธพจน์ที่ว่า <O:p</O:p

    สากัจฉาย ปุญญ เวทิตพพา <O:p</O:p
    ปัญญารู้ได้ด้วยการสนธนา<O:p</O:p
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ผีในบ้าน...ศาลพระภูมิ ศาลผี/ปิ่น บุตรี </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ปิ่น บุตรี</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>22 กุมภาพันธ์ 2549 16:51 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.manager.co.th/Travel/View...=9490000024456

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย : ปิ่น บุตรี

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ศาลพระภูมิสิ่งปลูกสร้างที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อเรื่องของการนับถือผีในวิถีแบบไทยๆ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>“ผี”!!!

    คำๆนี้อาจจะฟังดูน่ากลัวสำหรับคนทั่วไป แต่น่าแปลกตรงที่ชีวิตคนไทยส่วนใหญ่ล้วนใกล้ชิดและผูกพันกับผีสางเทวดาโดยไม่รู้ตัวแถมยังไม่รู้สึกหวาดกลัวใดๆอีกด้วย เพราะจริงๆแล้วผีที่เราผูกพันนั้นไม่ได้อยู่ที่ไหนไกล แต่อยู่ที่หน้าบ้านของเรานี่เอง!!!

    1…

    คนไทยและคนในอุษาคเนย์นับแต่อดีตกาลมีความเชื่อว่า ตามฟ้า ดิน น้ำ ภูเขา ต้นไม้และอาคารบ้านเรือน มีผีและเจ้าที่เจ้าทางปกปักรักษาอยู่

    ความเชื่อนี้ได้สืบทอดหยั่งรากลึกมาอย่างยาวนานจนกลายเป็นหนึ่งในวิถีไทย

    เมื่อผนวกกับความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์และพุทธ ก็ทำให้เกิดพิธีการอัญเชิญภูตผีเจ้าที่เจ้าทางและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในมาประทับใน“ศาล”เวลาสร้างบ้านสร้างเมือง รวมไปถึงการสร้างอาคารสถานที่ต่างๆ

    แน่นอนว่าสิ่งเห็นกันอย่างเจนตาและผูกพันคุ้นเคยกับคนไทยมากที่สุดในความเชื่อนี้ก็คือ“ศาลพระภูมิ”และ “ศาลผี” ที่ตั้งอยู่ที่หน้าบ้านของชาวไทยพุทธส่วนใหญ่

    ตั้งแต่จำความได้ผมก็เห็นศาลพระภูมิตั้งอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว และก็ไม่ใช่หน้าบ้านของเราคนเดียวแต่บ้านของคนอื่นก็มีเหมือนกัน

    อันพระภูมิที่หมายถึงผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินหาใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านธรรมดาไม่ หากแต่เป็นผีชั้นสูงที่เทียบเคียงกับเทพเทวดา ตามคติตามคติความเชื่อทั้งทางพุทธและพราหมณ์ที่พัฒนาและเสริมแต่งต่อๆกันมา พร้อมกันนี้ยังได้ปรับเปลี่ยนคำนำหน้าจาก“ผี”ให้เป็น”พระ”อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น พระหลักเมือง พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง หรือ พระภูมิ ล้วนต่างเป็นผีในชั้นสูงทั้งนั้น

    สำหรับคติความเชื่อในการตั้งศาลพระภูมิ ตามหลักฐานเชื่อว่าน่าจะเริ่มขึ้นสมัยอยุธยาในภาคกลางก่อนภาคอื่นๆ ซึ่งเชื่อว่าพระภูมิเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้าน จึงได้สร้างศาลพระภูมิขึ้นมาเพื่อให้เป็นที่สิงสถิตของผีเจ้าที่หรือเทพารักษ์ เพื่อปกปักรักษาคนในบ้านให้อยู่เย็นเป็นสุขและมีความเจริญรุ่งเรือง

    การตั้งศาลพระภูมิ จะใช้“หมอศาล”มาเป็นผู้ทำพิธีที่ก็เป็นไปได้ทั้งพระ พราหมณ์ และฆราวาสผู้ตั้งมั่นในศีลในธรรม โดยจะตั้งในทิศตะวันตกและจะสร้างเป็นศาลเสาเดียว ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดัดแปลงมาจากคติจักรวาลที่หมายถึงยอดเขาพระสุเมรุอันเป็นที่ประทับของพระอินทร์ รวมถึงวิมานของเทพเทวดาในสวรรค์ชั้นต่างๆที่ตั้งอยู่บนเสาต้นเดียว(ปรากฏอยู่ในภาพเขียนไตรภูมิหลังพระประธานตามโบสถ์ในหลายๆวัด) เมื่อพระภูมิเป็นผีชั้นสูงที่ถูกยกย่องให้อยู่ในระดับเทพเทวดาที่อยู่ของพระภูมิหรือศาลพระภูมิจึงมีเสาเดียวตามไปด้วย

    ในอดีตบ้านเรือนคนไทยสร้างด้วยไม้ เมื่อสร้างศาลให้ผีเจ้าที่หรือเทพารักษ์ก็จะทำเป็นเรือนไม้หลังเล็กๆ แต่พอคนไทยหันมานิยมบ้านปูน ศาลพระภูมิก็ปรับเปลี่ยนเป็นศาลปูนตาม แต่กระนั้นก็ยังมีบ้านที่สร้างศาลเป็นเรือนไม้อยู่ไม่น้อย บ้านไหนมีฐานะก็สร้างศาลติดหรูหรานิดๆ เป็นศาลทรงปราสาท ทรงวิมาน ศาลจัตุรมุข ศาลทรงปรางค์

    ในขณะที่บ้านไหนมีกำลังทรัพย์น้อย ก็จะสร้างศาลพระภูมิแบบง่ายๆ เอาไม้มาตีเป็นทรงสี่เหลี่ยมมุงหลังคาด้วยไม้ตีประกบเป็นจั่ว หรือไม้ก็พับสังกะสีทำเป็นจั่ว ส่วนบางบ้านก็ทำง่ายๆแต่ดูมีดีไซน์ไม่น้อย เช่นนำครอบกระเบื้องทำเป็นหลังคา ใช้ปี๊บตัดเป็นทรงจั่วทำหลังคา เรียกว่าศาลพระภูมิจะสร้างออกมาเป็นเรือนแบบไหนไม่สำคัญเท่าจิตศรัทธาที่มีต่อพระภูมิเทพารักษ์

    หันมาดูที่ด้านศาลผีกันบ้าง สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนถึงความแตกต่างระหว่างศาลพระภูมิกับศาลผีก็คือ ศาลพระภูมิมีเสาเดียวตั้งสูงในระดับสายตาหรือเหนือกว่าเล็กน้อย ส่วนศาลผีนั้นจะมี 4 เสา สร้างในลักษณะของบ้านทั่วไป และตั้งต่ำกว่าศาลพระภูมิ เพราะเป็นศาลผีปู่ย่าตายาย ผีบรรพบุรุษ ที่มีระดับชั้นต่ำกว่าศาลพระภูมิ ส่วนถ้าเป็นศาลผีเร่ร่อนจะนิยมสร้างมี 6 เสา หรือ 8 เสา

    เดิมนั้นค่านิยมการตั้งศาลผีบรรพบุรุษจะนิยมกันตามชนบทหรือตามบ้านในต่างจังหวัด ส่วนคนเมืองจะนิยมตั้งศาลพระภูมิเพียงศาลเดียว แต่ในช่วงเกือบ 30 ปีที่ผ่านมาค่านิยมการตั้งศาลพระภูมิคู่ไปกับศาลผีได้แพร่หลายไปในสังคมไทย

    ด้วยเหตุนี้บ้านใหม่ของผมจึงมีศาลพระภูมิและศาลผีตั้งอยู่คู่กัน

    2…

    นอกจากผีในบ้านที่มีศาลพระภูมิและศาลผีบรรพบุรุษแล้ว ตามจุดต่างๆทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ที่คนในพื้นที่เชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์หรือมีเจ้าที่แรง ก็จะมีการตั้งศาลให้เจ้าที่เจ้าทางสิงสถิตและให้คนที่ผ่านไปมากราบไหว้ ซึ่งความเชื่อนี้มีคู่กับสังคมไทยมาตั้งแต่โบราณนานนม

    ใครที่ชอบขับรถเที่ยวขึ้นเหนือล่องใต้ เชื่อว่าคงจะเคยบีบแตร 3 ครั้ง แสดงความเคารพกับเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ หรือเจ้าที่อื่นๆ ที่ประทับอยู่ตามศาลริมหรือศาลตามโค้งร้อยศพที่ขึ้นชื่อในเรื่องความเฮี้ยน

    ส่วนใครที่ชอบเที่ยวป่าหรือเที่ยวตามอุทยานแห่งชาติก็จะพบว่าในพื้นที่ที่คนไปอยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านในป่าหรือที่ทำการอุทยานฯ ส่วนใหญ่จะมีการตั้งศาลเพื่อให้เจ้าพ่อ-เจ้าแม่-เจ้าป่า-เจ้าเขาในผืนป่านั้นๆมาประทับเพื่อให้คอยปกปักรักษาผู้คนในพื้นที่และให้ผู้ที่ผ่านไปมากราบไหว้บูชา

    นอกจากนี้ตามต้นไม้ใหญ่อายุเก่าแก่ ก็นับเป็นอีกหนึ่งจุดที่คนนิยมไปตั้งศาลกัน ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้าพ่อตะเคียน ศาลเจ้าแม่ต้นไทร ศาลเจ้าพ่อต้นโพธิ์

    สำหรับความพิเศษในศาลเจ้าที่ใต้ต้นไม้ใหญ่นอกจากจะมีคนนำดอกไหว้ ธูปเทียน พวงมาลัย หรือของเซ่นไหว้ ไปสักการะบูชาและผ้าแพรหลากสีไปผูกไว้ที่โคนต้นแล้ว ตามศาลใต้ต้นไม้ใหญ่หลายๆต้นยังมีคนไปบนบานขูดต้นไม้ขอหวยกันเป็นจำนวนไม่น้อยทีเดียว

    ทั้งนี้เรื่องราวของศาลพระภูมิ ศาลผี หรือศาลเจ้าที่เจ้าทางนั้น ใครไม่เชื่อ ก็อย่าลบหลู่เป็นดีที่สุด เพราะนี่คือวิถีที่หยั่งรากลึกลงในสังคมไทยมาช้านานแล้ว

    ฉะนั้นการที่ผมได้เห็น คนนำดอกไม้ ธูปเทียน และพวงมาลัยไปกราบไหว้บนบานต่อศาลต้นไทรที่อยู่ใกล้ๆกับออฟฟิศเมื่อไม่กี่วันมานี้ หากมองกันตามคติความเชื่อเกี่ยวกับการนับถือผีที่ผูกพันกับคนไทยมาช้านานแล้ว ผมว่านี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อันใดสำหรับสังคมไทยเลย

    แต่การที่มีคนนำพวงหรีดไปวางไว้ที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญในเย็นวันที่ 16 ก.พ. 49 นี่สิ ผมถือว่าเรื่องนี้น่าแปลกเป็นอย่างยิ่ง!!!

    3…

    นอกจากผีในบ้านที่มีศาลพระภูมิและศาลผีบรรพบุรุษแล้ว ปัจจุบันนี้ตามอาคารหรือสถานที่ที่กว้างขวางหรือที่มีพื้นที่มาก ยังนิยมตั้ง“ศาลพระพรหม”ไว้ให้คนสักการะบูชากันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงงาน ธนาคาร ฯลฯ เพื่อให้ทำมาค้าขึ้นและเพื่อความรุ่งโรจน์ โดยการตั้งศาลพระพรหมนั้นต้องมีการกั้นเขตเป็นสัดส่วนและอยู่สูงกว่าระดับสายตาของมนุษย์หรืออยู่สูงเกินกว่าระดับที่พื้นที่ของมนุษย์ เพราะศาลพระพรมเป็นเขตของเทพไม่ใช่เขตของมนุษย์

    ในขณะที่ทำเนียบรัฐบาลก็มีการตั้งศาลพระพรหมไว้ให้ครม. ส.ส. นักการเมือง และประชาชนทั่วไปสักการะบูชาเช่นกัน โดยในเช้าของวันนี้(22 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีได้ถือฤกษ์ให้พนักงานขึ้นไปเช็ดถูทำความสะอาดศาลพระพรหมประจำทำเนียบฯกันยกใหญ่

    หลายๆคนให้ความเห็นว่านี่เปรียบเสมือนการปัดเป่าเอาสิ่งชั่วร้ายและเสนียดจัญไรให้พ้นออกไปจากทำเนียบฯ ซึ่งถือเป็นการแก้เคล็ดทางหนึ่งของรัฐบาล ในขณะที่ผมกลับมองว่าต่อให้นายกฯปัดกวาดเช็ดถูศาลพระพรหมกันในทุกเมื่อเชื่อวันก็ไม่สามารถขับไล่เสนียดจัญไรในทำเนียบฯออกไปได้ เพราะเสนียดจัญไรนั้นหาได้อยู่ที่ตัวศาลไม่ หากแต่อยู่ที่ตัวคนบางคนในทำเนียบมากกว่า!!!</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE width=780 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD align=right></TD></TR></TBODY></TABLE><SCRIPT language=javascript src="../style/top-in2b.js"></SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.1> page='Buddha';</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.1 src="http://truehits1.gits.net.th/data/c0001674.js"></SCRIPT>วันนี้ตรงกับ วันจันทร์ที่ ๑๗ เมษายน ปีพระพุทธศักราช ๒๕๔๙
    <SCRIPT language=javascript1.2>sv=1.2;ss=screen.width+'*'+screen.height;sc=(bn=='MSIE')?screen.colorDepth:screen.pixelDepth;if(sc==udf){sc='na';}</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.3>sv=1.3;</SCRIPT>[​IMG] <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=50 bgColor=#ffffff>
    </TD><TD width=696 bgColor=#99ccff>
    เรื่องเกี่ยวกับศาลพระภูมิ ​
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50 bgColor=#ffffff></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>

    สำหรับพระภูมิในปัจจุบัน ก็มีหลายท่านที่โจมตีพระภูมิ หาว่าการตั้งศาลพระภูมิไม่เป็นเรื่องเป็นราว แต่ก็มีอนุศาสนาจารย์ ของกองทัพบกท่านหนึ่ง ท่านเคยออกอากาศเมื่อสมัยเป็นร้อยตรี เคยโจมตีพระภูมิเหมือนกัน แล้วต่อมาเห็นค่าของศาล-พระภูมิ เวลานี้เลยเป็นหมอตั้งศาลพระภูมิไป อันนี้ผลอย่างนี้จะปรากฏขึ้นเพียงใด ก็เป็นเรื่องของท่านผู้อ่าน หรือท่านผู้ฟัง ให้ค่อยๆ พิจารณากันไปเอง
    สำหรับพระภูมินี้ อาตมาเองผู้พูด แรกเริ่มเดิมทีก็ไม่ค่อยจะเชื่อเหมือนกันแล้วก็เป็นเอามากๆ ด้วย ทีนี้พระภูมิก็มาประสบเข้ากับตนเอง คือสมัยเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๒ ปีนั้น ไปรับตำแหน่งเจ้าอาวาสบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    ในตอนต้นที่อาตมาไปถึงกุฏิของหลวงพ่อปานไม่มีพระอยู่ ก็ไปเรียนถามหลวงพ่อเล็ก อาจารย์ฉัตร ในสมัยนั้นที่เป็นพระอาวุโส และทรงพระกรรมฐานอย่างเลิศ คำว่าเลิศนี่เลิศในคณะ ไม่ใช่เลิศสำหรับคนอื่น ในกลุ่มนั้นท่านเลิศ
    ถามว่า ทำไมไม่อยู่กุฏิหลวงพ่อปาน นิมนต์ท่านไปอยู่ ท่านบอกว่าท่านไม่รับรอง ท่านไม่ไปอยู่ ถ้าหากว่าท่านไปอยู่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ใครจะช่วยเหลือท่าน เมื่อหาพระไปอยู่ไม่ได้ อาตมาเคยเป็นลูกศิษย์มา ก็เลยบอกว่า ถ้ายังงั้น ถ้าไม่มีคนอยู่ ผมจะอยู่เอง ตอนเย็นก็หอบเสื่อหอบหมอนเข้าไปไม่มีอะไรมาก แบบเจ๊กมาจากเมืองจีน มีหมอนลูกเสื่อผืนมุ้งหลัง พออีตอน ที่จะเข้าไปหลวงพ่อเล็กเห็นเข้าบอกว่า ทำไมไม่บวงสรวง ขออนุญาตเสียก่อน ก็เลยบอกว่าสมัยก่อนผมนอน ผมไม่ได้บวงสรวงผมก็นอนได้ มาอีตอนนี้ ผมไปนอนอีกจะต้องบวงสรวง ก็เห็นจะไม่เป็นเรื่องละ ไม่ยอมบวงสรวง มันจะเป็นไร ก็อยากรู้กันสักที วัดนี้เขามีความสำคัญมากแค่ไหน ผมไม่เคยรู้ รู้บ้างก็ไม่หนักนัก เป็นแต่เพียงผีหลอก ถือกันสมัยก่อนก็ไม่เห็นเป็นเรื่องหนัก
    หลวงพ่อเล็ก ท่านก็ไม่ว่าอะไร ก็ไอ้คนมันบ้าๆ บอๆ เสียแล้วนี่ จะไปว่าอะไรกันได้ ท่านก็นิ่งเมื่อท่านนิ่งก็เลยเดินเข้าไปทำ ความสะอาดพอสมควร มันไม่สะอาดนักแหวกๆ ที่นอนเอา จัดที่นอนภายในห้องในกุฏินั้นเป็นกุฏิฝาเฟี้ยมปิดตลอดแต่มีกั้น อยู่ ๑ ห้อง คือห้องที่หลวงพ่อปานเคยจำวัด เดินเข้าไปจัดสถานที่เรียบร้อยแล้ว ประมาณ ๒ ทุ่มก็ออกมาบูชาพระที่หน้าพระ ก็อยู่ภายในประตูปิดเหมือนกัน ขณะที่บูชาพระตั้งนะโม ปรากฏว่ากุฏิห้องที่นอนอยู่นั้นแหละทั้งๆ ที่ไม่มีใครก็มีลูกกรงเหล็กเข้าไม่ได้ เสียงประตูเปิดอ๊าดดังสนั่น แล้วก็มีคนเดินขย่มไม้หนามากนะ ความจริงคนเดินยังไม่ค่อยจะยุบตัวเลยคนเดินไม้ สะเทือนกุฏิหวั่น แสดงว่ามีน้ำหนักมาก ขณะนั้นกำลังตั้งใจบูชาพระ หลับตาอยู่ เห็นนุ่งขาวห่มขาวมือสีแดง มือขวามีสีแดงจัด ยืนอยู่ข้างหน้า ก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร ลืมตาขึ้นมา ทั้งๆ ที่เทียนจุดสว่างอยู่หลายเล่มก็เห็นเป็นคน หลับตาก็เห็น ก็นึกในใจว่าเอ๊ะ มันคนอะไรของมัน ไอ้คนตามธรรมดาลืมตาเห็นได้ หลับตาไม่เห็น แต่อีตาคนนี้ลืมตาก็เห็นหลับตาก็เห็น ก็เลยถามว่าแกเป็นใคร เขาก็รายงานบอกว่าผมคือภูมิเทวดาหรือพระภูมิ รักษาพื้นที่ของวัดนี้ ถามว่ามาทำไม แกก็บอกว่าจะมาเตือนท่าน ท่านเป็นเจ้าอาวาสทำไมจึงไม่ตั้งศาลพระภูมิ ก็เลยบอกแกว่าศาลหน้าวัดข้างศาลาน่ะเยอะแยะใครเขาเป็น เจ้าอาวาสคนนั้นเขาก็ตั้งศาลกัน ทีนี้วัดนี้โดยมากเจ้าอาวาสมีชีวิตไม่ยืนยาว หลายองค์มาแล้วเป็น ๒-๓ ปีก็ตายไม่ทราบว่า เป็นเพราะอะไร หลวงพ่อปานเองท่านไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส ตอนหลังท่านรับตำแหน่งเจ้าอาวาส ๒ ปีก็มรณภาพ ก็ถามว่าทำไมไม่ไปอยู่ล่ะ ศาลน่ะเยอะแยะไป เลือกเอาตามใจชอบ แกบอกว่าไม่ได้หรอก ท่านเป็นเจ้าอาวาสท่านต้องตั้งใหม่ ถามว่า ศาลเก่าน่ะอยู่ไม่ได้เรอะ แกก็เลยบอกว่า ไอ้เรื่องตั้งศาลนี่ไม่ใช่ให้เป็นที่อยู่นะ ภูมิเทวดาเขามีวิมานเป็นที่อยู่การตั้งศาลนี่ นะเป็นการแสดงว่า ยอมรับนับถือกันและกันเท่านั้นนะ หมายความว่า เป็นสักการะบูชา เมื่อแกบอกอย่างนั้นก็เลยนึกในใจ ว่าแปลก เลยบอกกับแกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ยังไม่ตั้งหรอก ถ้าไม่ตั้งศาลจะเกิดอะไรขึ้น แกบอกว่า หลวงพ่อปานน่ะเป็น อาจารย์ท่านนะยังเคารพในผม แล้วท่านทำไมไม่เคารพล่ะ เราเกรงใจกันนะ ผมไม่ใช่บังคับให้ท่านเคารพผมหรอก แต่ว่า เราเกรงใจกันอาศัยซึ่งกันและกัน ก็เลยบอกแกยัง ยังไม่เกรงใจหรอก เพราะว่ายังไม่เห็นฤทธิ์เห็นเดชนี่ ไม่เก่งจริงก็เกรง ใจกันไม่ได้ คนที่จะเกรงใจ ต้องเป็นคนเก่ง แสดงคุณค่าอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้ปรากฏ แกก็เลยบอกได้ ถ้าต้องการอย่างนั้น ละก็ได้ เอาอย่างงี้ก็แล้วกันนะวันพรุ่งนี้เวลา 5 โมงเย็น หากว่าท่านไม่ตัดสินใจตั้งศาล จมูกข้างซ้ายจะหายใจไม่ออก วันมะ รืนนี้ 5 โมงเย็น ถ้าหากว่า ท่านยังไม่ตัดสินใจที่จะตั้งศาล จมูกข้างขวา จะหายใจไม่ออกอีกข้างหนึ่ง ต่อไปต้องหายใจทาง ปาก พอวันต่อไปวันมะเรื่อง ถ้าหากว่า ท่านยังไม่คิดตั้งศาล หลอดลมจะใช้ไม่ได้ ลมจะไม่มีออกได้เลย ก็เลยบอกว่า ตกลง ให้ความจริงปรากฏเสียก่อน ถ้ามีความจริงจะยกศาล เรื่องเล็กแต่ว่าถ้ายังไม่จริง ไม่ทำ พอวันรุ่งขึ้นเวลาฉันเช้าหลวงพ่อเล็กถามว่า เมื่อคืนพระภูมิไปหาใช่ไหม แหมท่านรู้เสียด้วย แบบหลวงพ่อปาน ก็บอกว่าใช่ ตกลงกับเขาว่าอย่างไรก็เล่าให้ท่านฟัง ท่านบอกว่า เขาเอาจริงนะ หลวงพ่อปานก็เกรงใจเขา ฉันเองก็เกรงใจเขาเขามีอานุภาพมาก มือขวาเขาแดงจัด ก็เลยกราบเรียนถามท่านว่า พระภูมิมีมือแดงทุกองค์ ท่านตอบว่ามี แต่ว่าองค์ไหนมีมือแดงจัดองค์นั้นมีอานุภาพมาก มีสีแดงน้อยมีอานุภาพน้อย ก็เลยบอกว่า ลองก่อน ผมอยากจะลองดีเขา ถ้าเขามีดีจริงก็เคารพ พอเวลา ๕ โมงเย็นท่านผู้ฟังหายใจไม่ออกจริงๆ ตามธรรมดาเป็นหวัด ถ้าเราปิดข้างหนึ่งดันลมอีกข้างหนึ่งมันออกง่ายแต่ ตอนนี้ไม่ยอมออกทั้งหมดแน่นจริงๆ พอรุ่งขึ้นวันที่ ๒ ข้างขวาล่อเข้าอีก ตอนนี้เป็นยังไงกลายเป็นหนุมานไปเลยอ้าปากหวอ หายใจทางปากยอมแพ้ เลยใช้เด็กให้ไปบอกตาโต๊ะ เขาบอกแล้วนี่ว่าคนยกศาลต้องตาโต๊ะคนเดียว คนอื่นยกไม่ได้เขาไม่ ยอมรับนับถือ เพราะกินเหล้าเมายา ก็จดหมายไปบอกตาโต๊ะให้ยกศาล แต่พอเด็กไปเรียกตาโต๊ะ แกอยู่บ้านไกลประมาณ สักกิโล ไปเรียกบอกว่าท่านมหาให้เอาจดหมายมาให้ แกก็ร้องบอกมาไม่ต้องหรอกรู้แล้ว จะตั้งศาลรึรู้แล้วไปบอกท่านมหา เถอะว่าศาลนี้กำลังทำ พรุ่งนี้จะเอาไป ให้ไปรับรองเขาเมื่อจะตั้งก็แล้วกัน เมื่อคืนนี้เขามาบอกแล้วว่า แพ้เขาน่ะ เป็นอันว่า รู้เรื่องกัน พอรุ่งขึ้นเช้าโยมโต๊ะก็มาตั้งศาลให้ตามพิธีกรรมที่หลวงพ่อปานสอน เรื่องก็เป็นอันว่าเสร็จกันไป

    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50 bgColor=#ffffff></TD><TD width=696 bgColor=#ffffff>เรื่องอื่นๆ ...
    <TABLE width="100%" border=1><TBODY><TR><TD vAlign=top width="50%"></TD><TD vAlign=top width="50%"></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE width=780 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD align=right></TD></TR></TBODY></TABLE><SCRIPT language=javascript src="../style/top-in2b.js"></SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.1> page='Buddha';</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.1 src="http://truehits1.gits.net.th/data/c0001674.js"></SCRIPT>วันนี้ตรงกับ วันจันทร์ที่ ๑๗ เมษายน ปีพระพุทธศักราช ๒๕๔๙
    <SCRIPT language=javascript1.2>sv=1.2;ss=screen.width+'*'+screen.height;sc=(bn=='MSIE')?screen.colorDepth:screen.pixelDepth;if(sc==udf){sc='na';}</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.3>sv=1.3;</SCRIPT>[​IMG] <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=50 bgColor=#ffffff>
    </TD><TD width=696 bgColor=#99ccff>
    การตั้งศาลพระภูมิ ​
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50 bgColor=#ffffff></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>ผู้ถาม : เรื่องตั้งศาลพระภูมิขอให้หลวงพ่อแนะนำหน่อยค่ะ
    หลวงพ่อ : พิธีกรรมฉันไม่มีกับเขาหรอก เพราะเรื่องนี้ฉันไม่ได้ศึกษากับใครเขา ถ้าเมื่อก่อนฉันตั้งให้ ฉันใช้เชิญท้าวมหาราช เพราะท้าวมหาราชท่านเป็นนายพระภูมิ เมื่อเชิญมาแล้ว ท่านก็สั่งให้ลูกศิษย์ท่านรักษา ดีกว่าเราขอร้อง ฉันทำแบบนี้
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696 bgColor=#99ccff>
    ตั้งศาลบนดาดฟ้า ​
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>ผู้ถาม : แล้วการตั้งนี่ ถ้าคนที่จะตั้งบนดาดฟ้านี่ สมควรไหมครับ ?
    หลวงพ่อ : คนตั้งไม่แน่ แต่พระตั้งได้ เพราะฉันเคยไปตั้งได้ไม่เป็นไรนะ ฉันเคยไปตั้งเมื่อก่อน ยังตั้งศาลอยู่ ก็ไปที่จังหวัด ชัยนาท มันหาที่ไม่ได้ ที่ข้างๆ ที่ติดกับตึก ตึกเขาเป็นดาดฟ้านะ ไล่ไปไล่มาก็ถามเทวดา (ไปเชิญเทวดาชั้นจาตุฯ เป็นศาล สี่เสา) หาที่ไม่เหมาะก็ถามท่านเวสสุวัณว่าเอาตรงไหนดี ท่านก็บอกว่า เอาบนหลังคาก็แล้วกัน ก็ให้เขาย้ายขึ้นหลังคาเป็น อันว่าพอเชิญท่านเสร็จ เขาหุ้นกับพวกตึกแถวนะ แถวเดียวกันนี่ เข้าหุ้นกันได้ ขณะอัญเชิญท่านมา ท่านก็บอกว่า ที่นี่จะมี ไฟนะ ไฟจะไหม้ บอกเจ้าของบ้านเขาด้วยนะ ประเดี๋ยวจะหาว่าผมไม่พูด ถ้าเป็นปกติแบบนี้ ก็ช่วยไม่ได้ ถามท่านอีกที วิธี ช่วยได้เป็นอย่างไร ต้องถามท่าน ท่านบอกให้เขาทำอีกครั้งหนึ่ง ศาลไม่ต้องทำใหม่แต่ของเชิญทำอีกครั้ง วันหลังก็ได้หมู ใช้สีแดงทา ไก่ก็เหมือนกันแล้วใช้กระดาษแดงใส่ถาดรองหมูไก่ เขาก็ตามนั้น

    เมื่อเชิญท่านเสร็จ ท่านก็บอกว่า ไฟนี้ต้องไหม้นะ แล้วกัน! ถามว่าไหม้ที่ไหน .. ท่านบอก ไหม้ที่โรงแรม ถามว่าไหม้มาก ไหม ไหม้ผ้าขี้ริ้ว แต่ไม่ติดฝา แต่ต้องไหม้ ไงๆ ก็ต้องไหม้ จะลดเลยไม่ได้ ทีแรกจะต้องไหม้ทั้งหมดเลยนะ ไหม้หมดแถว เขาก็ทำตามนั้น ฉันเลยให้เขาระวังกัน เป็นจริงตามนั้นไม่ถึง ๑๐ วัน ชั้นสองของโรงแรมมีไฟขึ้นมา เขาวิ่งไปดูกันไหม้ผ้า ขี้ริ้วจริงๆ แบบขโมยเข้าบ้านแล้วต้องเอาหน่อยใช่ไหม .. ไม่งั้นเสียศักดิ์ศรีขโมย
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696 bgColor=#99ccff>
    ตั้งศาลพระภูมิเอง​
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>
    ผู้ถาม : พวกลูกๆ จะตั้งกันบ้างนี่ ขอบารมีหลวงพ่อช่วยแนะนำบ้างครับ
    หลวงพ่อ : พวกนี้ช่วยเก็บบารมีไว้ซิ ทำไง .. เอายังงี้วิธีง่ายๆ ใช้ "เทปบวงสรวง" ใช้ได้นึกเอาตามนั้นนะ อันดับแรกจุดธูป เทียน อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าก่อน ทีหลังก็เปิดเทปแล้วน้อมใจไปตามเสียงนั้นนะ ในเทปนั้นเขาอัญเชิญท้าวมหาราช ทั้ง ๔ มี ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ ท้าวเวสสุวัณ พร้อมด้วยอินทกะและบริวาร ขอมาช่วยคุ้มครองว่า เรื่อยเฉื่อยไป ก็แล้วกัน แต่ว่าถ้าจะตั้งแบบนั้นยังมี ปลาแป๊ะซะ เติมนะ เรื่องของพระภูมิพอจะใช้ได้นะ ตั้งไว้เยอะแล้ว

    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับหลังจากวันตั้งแล้วนี่นะครับ ปลาแป๊ะซะจะมีถวายอีกไหมครับ?
    หลวงพ่อ : ท่านไม่ว่าหรอก เอาอย่างนี้ดีกว่า เวลาตรุษสารทนะ ถวายให้ครบถ้วนดีกว่านะ เพื่อความสบายใจของเรา คือว่า - ท่านไม่ทวงเราแน่ แต่เพื่อความสบายใจของเราเอง เพราะเราทำครบแล้วใช่ไหม .. เอายังงั้นดีกว่านะ

    ผู้ถาม : ของคาวและเหล้า ก็หมายถึงว่าสมควรตั้งอย่างเดียว อย่างหลังไม่ต้องตั้งใช่ไหมครับ ?
    หลวงพ่อ : ถมเถิดไป ฉันก็เคยใช้ เทวดาไม่เคยต่อว่า เหล้านะของคาวนะมีได้แต่เหล้าไม่ควรจะมี เทวดาเขาเลิกแล้ว ไอ้ที่ ต้องใช้เหล้าน่ะ เทวโด่ไม่ใช่เทวดา จริงๆนะฉันไม่ใช้เลยนะ

    ผู้ถาม : ถ้าสมมติจะตั้ง ควรจะหันหน้าศาลไปทางทิศไหนครับ ?
    หลวงพ่อ : หน้าศาลเขาไม่จำกัด เอาแค่เราเข้าบูชาสะดวกแต่ว่าทิศที่ตั้งศาลนี่จำกัด ที่ว่าพระภูมิก็ไม่ควรตั้งทิศตะวันตกถ้า ตั้งทิศตะวันตกเอาจริงๆ หลวงพ่อปานท่านเคยบอกว่า ทิศนี้ฉิบหายแล้วตายโหง ฉันเคยไปพบที่จังหวัดอุทัยธานี กับจังหวัด ชัยนาทเป็นความจริงตามนั้น เศรษฐีนะพังไป ๒ รายและพังไปในเหตุไม่ควรจะพัง ไม่น่าจะพัง และอีกทิศหนึ่ง ก็ทิศใต้ ไม่ ควรตั้งนะ

    ทิศใต้นี่ก็เป็นแต่เพียงท่านบอกว่า จะเก็บสตางค์ไว้ไม่อยู่ ทิศที่ควรตั้งคือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือทิศเหนือ หรือทิศตะ วันออก ๓ ทิศนี้นะ แต่ว่าถ้าบ้านมีดาดฟ้า ตั้งดาดฟ้าเลยดีกว่า สบายใจนะ

    ผู้ถาม : หมายถึงส่วนของดาดฟ้านี่นะครับเราก็ตั้งช่วงที่อยู่ด้านทางทิศตะวันออก
    หลวงพ่อ : ใช่ๆ ให้ถูกทิศ

    ผู้ถาม : หันหน้าไปทางไหนก็ได้ ใช่ไหมครับ ?
    หลวงพ่อ : หันหน้าไม่จำเป็น หันหน้าแค่เราบูชาได้สบายนะ แต่ว่านึกถึงตำราแต่ก็ไม่มีตำราเขียน หลวงพ่อปานท่านเคยสั่ง ก็เลยบอกคนเขาเขียนไว้ พอถึงปีจริง มีเรื่องตัวเองก็ต้องตาย เงินทองก็เสียหายมากเสียอย่างมากเลยนะ ไม่ใช่อย่างน้อย
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696 bgColor=#99ccff>
    วันเวลาที่เป็นมงคล ​
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ เวลาเช้าจะยกศาลดีไหมครับ
    หลวงพ่อ : ตั้งศาลก็อย่าให้ถึงเที่ยงนะตั้งแต่เวลาเช้าอย่าให้ถึงเที่ยง ใช้เวลาตั้งแต่เช้าไปถึงสายดีกว่า ถ้าถึงเที่ยงเทวดาไป ประชุมหมด ความจริงภูมิเทวดาตั้งก็มีผล คำว่า "มีผล" เขามีกันมาแล้วนะ

    ผู้ถาม : วันที่เป็นมงคล ควรจะเป็นวันไหนครับ?
    หลวงพ่อ : วันที่มีหมูมีไก่ มีบายศรี มีไข่ มีข้าว มีกล้วย มีมะพร้าวอ่อน มีขนมต้มแดงต้มขาว ข้าวตอกดอกไม้.. เสร็จมีศาล มีคนตั้ง วันนี้เป็นมงคล เอายังงี้ซิ เอาฤกษ์พรหมประสิทธิ์ ต้องหาประจำปี เอาฤกษ์หลวงพ่อปานก็ได้ ต้องนั่งไล่เบี้ย ไม่ได้ ทำตารางไว้นี่ เอางี้ดีกว่า ฤกษ์ไหนที่เขาว่าดี ที่เราชอบใจ เราชอบใจ ฤกษ์ที่เขามีอยู่ วันไหนเขาว่าดี ทำวันนั้นนะ จะไม่ลำ บากใจ

    ผู้ถาม : ดูตามตำราใช่ไหมครับ?
    หลวงพ่อ : ใช่ .. ดูตามตำรา คือว่าถ้าเราฝืนตำรา เดี๋ยวคนโน้นพูด คนนี้พูดฝืนตำรา ไม่ทำตามตำรา วันนี้ไม่ดีไม่เป็นมงคล บ้าง .. อะไรนี่ ยุ่งไปใจไม่สบาย
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696 bgColor=#99ccff>
    ตั้งศาลไว้ในบ้าน ​
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>ผู้ถาม : ถ้าตั้งไว้ในบ้านเลยได้ไหมครับ ?
    หลวงพ่อ : ไม่เป็นไรๆ คุณนี่ถามดี มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฉันยังตั้งศาลอยู่นะ เจ๊กที่จังหวัดอุทัยธานี แกก็นิมนต์ไปตั้งศาล พอไปถึง บ้านแล้วก็หาที่ตั้งไม่ได้ ร้านค้าในตลาดนี่นะ ด้านหลังมันชนกัน เรียกว่าเป็นห้องแถวทั้งสองด้านนะสมัยก่อนเขามุงจากมุง สังกะสีชนกัน ข้างหลังก็มีหลังคาปิด ด้านหน้าเป็นฟุตบาทก็ตั้งไม่ได้

    พอไปถึงเข้าแล้วก็ปรากฏว่าฉันก็อั้นเหมือนกัน แกถามว่าตั้งที่ไหน .. ฉันก็นิ่งเขาถามว่าที่นั่นได้ไหม ... ที่นี่ได้ไหม .. มันก็ ไม่ได้ ไปๆ มาๆ ก็ไม่มีตำราจะพลิก ก็ถามพระภูมิที่นั่นว่า จะตั้งไหนดี .. นี่เขาเคารพนับถือ เขาจะตั้งศาลเป็นเครื่องบูชา แล้วก็สถานที่มันไม่เหมาะสม ท่านจะเอาตรงไหน ท่านตัดสินใจเอาหัวนอนก็แล้วกัน ได้เรื่องเลย ก็ตั้งศาลที่หัวนอน

    เมื่อเชิญเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อมาเจ๊กคนนี้ ก็ถูกนินทา เจ๊กคนนั้นบ้า ไม่มีใครเขาตั้งศาลในบ้าน ใช่ไหม .. ตั้งไว้บนที่นอน พระภูมิโมโห งวดนั้นเลยให้ตานั่น ถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่สอง แหม..น่าโมโหบ่อยๆนะ เจ๊กคนนั้นแกขายหมู ต่อมาเวลาบวง สรวงหัวหมูกี่หัวก็ตามแกเอาให้ฟรีหมด เวลานี้แกตายไปแล้ว ลูกชายแกทำต่อได้ผลแล้วก็รวยขึ้นนะ ก็เป็นอันว่า ถ้าจะเป็น ที่ไหนก็ได้นะใช่ไหม เป็นการแสดงความยอมรับนับถือกัน ใช้ได้
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696 bgColor=#99ccff>
    เจ้าที่ ​
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>ผู้ถาม : เจ้าที่กับภูมิเทวดาต่างกันไหมครับ ?
    หลวงพ่อ : เจ้าที่ต่างกับพระภูมิแน่ เพราะเจ้าที่เป็นคนก็ได้ เป็นสัตว์ก็ได้ เพราะเป็นเจ้าของที่ ใช่ไหม .. คำว่า เจ้าที่ หมาย ถึง อากาศเทวดา หมายถึงเทวดาชั้นจาตุมหาราช ถ้าอากาศเทวดาต้องใช้ศาล ๔ เสา หรือ ๖ เสา ภูมิเทวดาเขาใช้ศาลเสา เดียว ถ้าถามว่ากำลังอำนาจแตกต่างกันไหม ก็ต้องตอบว่า เจ้าที่คือเทวดาชั้นจาตุมหาราช คุมพระภูมิ พระภูมิหลายสิบจุด ขึ้นกับจาตุมหาราชจุดหนึ่ง เหมือนกับกำนันผู้ใหญ่บ้าน เอาตามนั้นนะ

    เมื่อตะกี้ตอนอุทิศส่วนกุศล ท่านลุงพระยายม มาบอกว่า เวลาที่เราเลิกบูชาพระ ตอนอุทิศส่วนกุศล ให้พระภูมิเขาบ้าง ท่าน อารักขาอยู่ ควรให้ท่านโมทนาบ้าง ท่านบอกว่า ภูมิเทวดา ท่านอยู่ใกล้ที่สุด ตามคอยอารักขา ช่วยเหลืออยู่ ไม่บอกให้ท่าน ท่านก็โมทนาไม่ได้
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696 bgColor=#99ccff>
    เทวดาต้องการ ๔ เสา ​
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>ผู้ถาม : คือลูกตั้งใจจะตั้งศาลพระภูมิที่บ้าน พอตั้งใจปุ๊บปรากฏว่า ตอนกลางคืนมีเทวดามาบอกว่า ข้าคือเจ้าพ่อพระภูมิ ถ้า เอ็งไม่เชื่อให้ไปถามหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ที่จะเรียนถามก็คือว่าพระภูมิท่านสั่งว่า "ศาลของฉันให้เอาเสา ๔ ต้น" แต่เห็น ที่อื่นมีต้นเดียว จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ ?
    หลวงพ่อ : นั่นไม่ใช่ภูมิเทวดาแล้วเป็นอากาศเทวดาดินแดนตรงไหนถ้าท่านพวกนี้อยู่นะ ถ้าเราไม่รับรองท่าน ๒ ปีแรกท่าน ให้คุณ ถ้าปีที่ ๓ ไม่รับรองเริ่มเจี๊ยะแล้ว แต่ถ้ารับรองแล้วจะดีมาก เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าตามแบบฉบับฉันมี ๖ เสาเพราะ บางแห่งเขากลัวล้มลงมา เขาใส่ ๖ เสาแต่แบบ ๔ เสานี่เป็นอากาศเทวดานี่สำคัญมากนะ เคยเจอหลายรายการแล้ว บางที ไปนั่งๆ คุยๆ แกก็ย่องมา เขาบอกว่าแกทำมาหากินดีมาก แล้วเทวดาท่านก็มาบอกผมอยู่ที่นี่ครับ เขตนี้เป็นเทวดาชั้นจาตุ มหาราช ทีนี้เจ้าของบ้านกับเรา ไม่ได้ชอบพอกันมา ไปแนะนำให้เขาตั้งศาล เขาจะหาว่า บ้าๆ บวมๆ น่ะซิ พูดไปพูดมา ก็ ถามว่า โยมตั้งศาลรับเขาบ้างหรือเปล่า .. เขาบอกเจ้าเจ้อวไม่สำคัญ พอปีที่ ๓ ชักเริ่มแล้วขายของขาดทุน ไปๆ มาๆ ของ เก่าขาดด้วย ตรงกันข้ามบ้านอีกหลังหนึ่งมีสภาพเช่นเดียวกันเขาก็ถาม จึงบอกว่า "ไอ้หนู..อากาศเทวดาที่คุมพระภูมิท่าน อยู่ตั้งศาลรับท่านเสีย" บ้านนั้นรับเดี๋ยวนี้รวยใหญ่

    ผู้ถาม : ฉะนั้นรายนี้เขาบอก ๔ เสาก็ต้อง ๔ เสาตามเขานะครับ
    หลวงพ่อ : ต้องตามเขา ไม่แน่นะรายการนี้ดุมาก ถ้าเฮี้ยวขึ้นมาละน่าดู ใครยั้งไม่อยู่หรอก นั่นท่านตั้งใจช่วยอยู่แล้วนะ ถ้าเขาไม่ตั้งใจช่วยเขาไม่บอกหรอก เธอรับฉันฉันก็ช่วยเธอ เธอไม่รับฉันฉันก็ไม่ช่วย แต่สงสัยว่าเทวดาองค์นี้กับคนที่พบใน อดีต คงจะเป็นพวกกัน ไม่ยังงั้นไม่บอก

    ผู้ถาม : หลวงพ่อคะ ถ้าจะตั้งศาลพระภูมิที่บ้าน จะตั้ง ๔ เสา ได้ไหมเจ้าคะ ?
    หลวงพ่อ : ตั้งศาล ๔ เสาก็อากาศเทวดา จะตั้งก็ได้

    ผู้ถาม : แล้วศาลเสาเดียวสำหรับภูมิเทวดา จะตั้งด้วยได้ไหมเจ้าคะ
    หลวงพ่อ : ได้ เพราะบางทีท่านอาจเกรงๆ เหมือนกัน
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696 bgColor=#99ccff>
    เจ้าที่เจ้าทาง ​
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>ผู้ถาม : มีคนบอกว่าบ้านลูก สาเหตุที่วุ่นวายและมีตายไม่ดีเกิดขึ้น เขาบอกว่ามาจากเจ้าที่ไม่ตั้งศาลให้ ไม่ทราบว่า เจ้าที่มี อิทธิพลกับเจ้าของบ้านด้วยหรือคะ ?
    หลวงพ่อ : ไม่ยาก .. โทษผีนี่ไม่ยาก ไม่เห็นตัว โทษเจ้าที่ท่านแน่หรือไม่แน่ดูก่อน ! เจ้าที่ความจริงเขาไม่ทำใครถึงตายถ้า เอาจริงๆ นะ จะเอาแค่ป่วยหนาวๆ ร้อนๆ ผิวเนื้อผิวตัวจะร้อนเทวดาทำคนตายไม่ได้ เจ้าที่เขาเป็นเทวดาย่อมมีลูกน้องเป็น สัมภเวสี คนที่ลงโทษเราต้องเป็นสัมภเวสีไม่ใช่เทวดา รายการนี้มันผิดที่ไม่ใช่เจ้าที่ แต่เป็นเจ้าทาง
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696 bgColor=#99ccff>
    ตั้งศาลพระภูมิไว้ในใจ ​
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>ผู้ถาม : ลูกฟังเรื่องศาลพระภูมิจากหลวงพ่อก็มีความศรัทธาอยากจะตั้งบ้าง ก็บังเอิญที่บ้านเป็นที่ทรัพย์สิน บอกสามี สามีก็ บอกว่า ที่ทรัพย์สินในหลวงท่านเป็นพระภูมิใหญ่อยู่แล้ว ลูกก็เลยตั้งไม่ได้ เพราะความขัดคอกัน อยากเรียนถามว่า ถ้าหาก ตั้งไม่ได้แต่จิตระลึกดีอยู่เสมอ และอยากจะปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้เทวดาที่เป็นพระภูมิที่นั่นจะทำได้ไหม คะ ?
    หลวงพ่อ : (หัวเราะ) เอาอย่างนี้ซิ เวลาบูชาพระก็ตาม หรือกราบพระก็ตาม จิตใจยอมรับนับถือใช้ได้เลย
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696 bgColor=#99ccff>
    ตั้งศาลพระภูมิสองหลัง​
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=50></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=50></TD><TD width=696>ผู้ถาม : คือว่ากระผมมีความจำเป็นต้องตั้งศาลพระภูมิและศาลอากาศเทวดา ในที่ใกล้เขตกันจึงอยากเรียนถามว่าความสูง ต่ำระหว่างศาลพระภูมิและอากาศเทวดานี้ จะต้องจัดการอย่างไร
    หลวงพ่อ : สูง .. ต่ำ .. จะเสมอกันไม่ได้นะ ต่ำตั้งแต่ ๑ เซ็นต์ลงมาใช้ได้ เพราะภูมิเทวดาเป็นลูกศิษย์อากาศเทวดาอยู่แล้ว
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post224724 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal"><!-- status icon and date -->[​IMG] 05-04-2006, 02:36 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal" align=right> #1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>rinnn<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_224724", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    สมาชิกยอดนิยม
    [​IMG]
    [​IMG] อัลบั้มรูปส่วนตัว
    วันที่สมัคร: Nov 2005
    สถานที่: CA & London
    ข้อความ: 2,350 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา: 697
    ได้รับอนุโมทนา 1227 ครั้ง ใน 638 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 364[​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_224724><!-- icon and title -->เครื่องบวงสรวง บูชาพระภูมิเจ้าที่
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>เครื่องบวงสรวง บูชาพระภูมิเจ้าที่

    ............ เครื่องบวงสรวง บายศรี

    ๑.บายศรี ต้น ๓, ๕, ๙ ชั้น ตามความเหมาะสม..... ๑ ต้น
    ๒.บายศรีพรหม......... ๑ พาน
    ๓.บายศรีเทพ............. ๑ พาน
    ๔.บายศรีปากชาม....... ๔ ชุด
    """""""""""""""""""""""""""""""""""""

    ...............เครื่องคาวหวาน

    ๑.ไก่ต้มสุก...................... ๑ ตัว
    ๒. หัวหมูต้มสุก .............. ๓ หัว
    หรือ เนื้อหมูแดงต้มสุก......ชิ้นละ ๑ ก.ก. .........๓ ชิ้น
    ๓.ปลาช่อน นึ่งทั้งตัว โรยเกลือ หรือ แป๊ะซ๊ะ.......... ๑ ตัว
    ๔.ขนมต้มแดง............ ๔ ถ้วย
    ๕.ขนมต้มขาว.........๔ ถ้วย
    ๖.ถั่วเขียวไม่เลาะเปลือก คั่วสุก... ๔ ถ้วย
    ๗.งาขาว คั่วสุก... ๔ ถ้วย
    ๘.มะพร้าวออ่น... ๔ ผล
    ๙.กล้วยน้ำว้าสุก.... ๔ หวี
    ๑๐.ไข่ ไก่ หรือไข่เป็ด..ต้มสุก...... ๔ ฟอง
    ๑๑.น้ำปล่าว....... ๔ แก้ว
    """""""""""""""""""""""""""""""""""

    .........อุปกรณ์ภาชนะที่ต้องเตรียมในการบวงสรวง
    ๑.ธูป..... ๑ กำ
    ๒. เทียน หนัก ๑ บาท ...... ๒ เลม่
    ๓. ทองคำเปลว...... ๒๐ แผ่น
    ๔.ถาดใหญ่..... .๔ ถาด
    ๕.จาน........... ๘ ใบ
    ๖. ถ้วยใส่ขนม...... ๑๖ ใบ
    ๗.ชามแกง..... ๔ ใบ
    ๘.โต๊ะใหญ่...... ๒ โต๊ะ
    ๙.ผ้าขาว ยาว ๒ เมตร.......ผืน

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...