สมมุติสัจจะ และ ปรมัตถสัจจะ แตกต่างกันอย่างไรครับ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย มหาพรหมราชา, 20 กรกฎาคม 2010.

  1. มหาพรหมราชา

    มหาพรหมราชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +903
    ปุจฉา คือ ถามว่า...

    1 สมมุติสัจจะ คืออะไร เช่นอะไรที่พอยกอธิบายได้ ครับ
    2 ปรมัตถสัจจะ คืออะไร เช่นอะไรที่พอยกอธิบายได้ ครับ
    3 ทั้งสองอย่างนี้ จำเป็นต้องรู้ต้องเข้าใจมั้ยครับ ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจแล้วอาจมี ความเข้าใจที่ขัดแย้งกันระหว่างสมมุติสัจจะและปรมัตถสัจจะมั้ยครับ และทั้ง สองอย่างมีประโยชน์ต่อการขัดเกลาจิตใจอย่างไรครับ

    เชิญท่านผู้รู้ทุกท่าน วิสัจฉนา เพื่อเป็นประโยชน์ในธรรมทานครับ ขออนุโมทนาครับ สาธุๆๆ
     
  2. หลานศิษย์

    หลานศิษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +560
    สัจจะคือ ความจริง
    สมมุติสัจจะ คือ ความจริง ที่ไม่ได้เป็นความจริงตลอด เช่น

    รูปธรรม - วัตถุต่าง ๆ มีรูปทรง สีสัน มันอยู่ในสถานะนั้นเป็นระยะเวลาหนึ่ง ๆ เท่านั้น
    เราเห็นวัตถุสีแดง จริง ๆ แล้ว มันไม่ได้มีสีแดง แต่เป็นเพราะแสงกะทบกับวัตถุ แล้วสะท้อนเข้าตาเรา เราอาจเห็นเป็นสีอื่น หรือขาวดำก็ได้ ถ้าเราเปลี่ยนเหตุปัจจัย

    นามธรรม - ความดี ในสังคมหนึ่ง ๆ อาจจะไม่ใช่ความดีในอีกสังคมหนึ่ง ก็ได้


    ปรมัตถสัจจะ คือ ธรรมะ เป็นความจริงที่ไม่ได้ขึ้นกับกาลเวลา อกาลิโก
    เช่น ธรรมที่เกิดที่จิต อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นิพพาน ฯลฯ

    เราไม่ต้องจดจำก็ได้ครับ ว่าต่างกันอย่างไร

    ให้รู้แค่ว่า สิ่งต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และ ไม่มีอะไรที่ควรยึดถือ
    มันเป็นของว่าง ทั้งหมด
     
  3. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,516
    ค่าพลัง:
    +9,769
    เท่าที่ทราบมาดังนี้
    สมมติสัจจะ คือความจริงในแบบสมมติ ระบบการสมมติในโลกนี้ทั้งหมด ที่มีการเรียก ชื่อ ความหมาย ต่างๆ รอบตัวเรา ตั้งแต่ การสมมติ ตัวตน เรา เขา หญิงชาย สัตว์
    นอกจากนั้นมีสมมติ ย่อยลงไปในแต่ละเรื่องอีก เช่น การเรียกชื่อ คน สัตว์ มาตรวัดต่างๆ
    ระบบมูลค่าเงินตรา
    รวมถึง ระบบความดี ความชั่ว ก็ล้วนเป็นสมมติ ทั้งสิ้น นอกจากนั้น เรายังนำสิ่งที่เป็นสมตินี้ไป ปรุงแต่งเอง ด้วยจิตเรา ต่างๆ นานา ด้วยตัณหา เช่น ความสวย ไม่สวย รวย จน ทำให้เราที่ยังติดสมมติอยู่ต้องวิ่งวนขวนขวาย อยากได้ อยากมีอยากเป็นด้วยความทะยานอยากต่างๆ ระบบสมมตินี้กว้างขวางรวมถึงระบบในกามภูมิทั้งหมด วิมานสวยงามในสวรรค์ก็ยังอยู่ในระบบสมมติอยู เพราะยังตกอยู่ภายใต้การปรุงแต่งด้วยจิตสังขาร

    ส่วนระบบปรมัติหรือวิมุตินั้น ไม่มีมิติ ไม่มีสวยงาม ไม่มีความต่าง และไม่อาจเทียบได้กับอะไร เพราะสมมติไม่ได้นั่นเอง ในส่วนนี้ได้แก่นิพพาน เป็นต้น

    สามารถศึกษาเพิ่มได้จาก หมวดพระอภิธรรม ที่แยกเรื่องบุคคลออกไปมีองค์ธรรมล้วนๆ ให้ศึกษา
    นอกจากนั้นส่วนสำคัญอีกหมวดคือ การศึกษาอริยสัจ 4 ในส่วนขยาย สายปฏิจจสมุปบาทและกฏอิทัปปัจจัยตา จะทำให้เข้าใจลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นถึงความต่างของระบบสมมติและวิมุติ ว่าในโลกนี้ไม่มีเรา-เขาไม่มีสัตว์-มนุษย์ ไม่มีชาย-หญิง เป็นแต่เพียงเหตุปัจจัยที่เกิดขึ้นตามสายปฏิจจสมุปบาทที่ส่งผลถึงกันและกันเท่านั้น

    การเข้าใจสิ่งสมมติ-วิมุติ ช่วยให้เรา ไม่ยึดติดสมมติ เกิดความเบื่อหน่าย เข้าถึงปรมัติ หลุดพ้นสู่วิมุติได้ง่าย หากยังหลงอยู่ว่ามี แท้จริงแล้วไม่มี
    เช่น การเตือนตนเสมอว่า เนตัง มม เนโสหมสมิ นเมโสอัตตา นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เรา นั่นไม่ใช่ตัวเรา จะคลายอัตตาลง จะลดความโลภ ความโกรธ ความหลงลงมาก


    จะเข้าใจสิ่งต่างๆ ว่าในโลกนี้ล้วนเกิดมาจากสายปัจจยาการที่เกี่ยวเนื่องกันนี้เอง ไม่มีอะไรอื่นเลย และเมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด และย่อมเข้าถึงความจริงแท้คือวิมุตติได้ง่ายดังนี้

    โปรดอ่านหนังสือท่านพุทธทาส และของพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิพโล วัดนาป่าพง ประกอบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2010
  4. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,077
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,669
  5. kammatanclub

    kammatanclub สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +7
    ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...