สมุนไพร"เมืองลังกา" สรรพคุณเยี่ยมแต่...

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 1 เมษายน 2006.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หนังสือพิมพ์มติชน
    วันที่ 01 เมษายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10248​
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="100%"><TBODY><TR><TD>
    สมุนไพร"เมืองลังกา" สรรพคุณเยี่ยมแต่...


    โดย ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง

    </TD><TD vAlign=top align=right>
    [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]หากใครไปเยือนศรีลังกาพูดได้เลยว่าถ้าไม่ได้ไป "วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว" เมืองแคนดี้ ถือว่ายังไปไม่ถึงเมืองลังกา เพราะถือเป็นหัวใจเป็นสัญลักษณ์ของศรีลังกา ดินแดนที่ได้รับฉายาว่า "ไข่มุกแห่งมหาสมุทรอินเดีย-ประตูสู่เอเชียใต้"

    ในยามที่ประธานาธิบดีคนใหม่มารับตำแหน่งก็ต้องไปทำพิธีสักการะพระทนต์ของพระพุทธเจ้า ที่นี่จึงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ เป็นที่รู้จักของนักเดินทางทั่วโลก โดยเฉพาะบรรดาพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย

    "แคนดี้" เมืองหลวงเก่าแห่งนี้นอกจากจะคงรักษาวัดวาอารามในอดีตให้คงสภาพดีแล้ว ด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 500 เมตร เต็มไปด้วยภูเขาเรียงรายกันลูกแล้วลูกเล่า กลางเมืองมีทะเลสาบ บรรยากาศยามเย็นย่ำก่อนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าจึงมีเสน่ห์ยิ่งนัก

    พืชพรรณผลไม้ของเมืองนี้ก็อุดมสมบูรณ์ เห็นได้จากสองฟากฝั่งระหว่างกรุงโคลัมโบกับแคนดี้ ถัดจากถนนไปเป็นสวนผลไม้และสวนชา จะเห็นเพิง เห็นร้านขายผลไม้นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นกล้วยหอม กล้วยนาก กล้วยน้ำหว้า ทุเรียน มะม่วง หรือมะพร้าว

    ความมีชื่อเสียงของเมืองลังกาใช่จะโด่งดังแต่เรื่องพลอยหลากสีและชาซีลอนเท่านั้น เครื่องเทศสมุนไพรของที่นี่ก็ได้รับการกล่าวขานเช่นกัน ดังนั้น ในวันที่คณะของ "คุณยุวดี บุญครอง" กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอเชีย เทลิวิชั่น แอนด์ มีเดีย จำกัด ในฐานะประธานชมรมอาสาสมัครชาวพุทธ ไปกราบนมัสการพระธาตุเขี้ยวแก้วและถวายมหาบาตร คุณฉัตร ปิยะอุย หัวหน้าทัวร์ ก็ได้พาไปชมสวนสมุนไพร "New Paradise Spice Garden" ซึ่งเขาปลูกสมุนไพรนานาชนิดไว้โชว์แขก อาทิ ต้นโกโก้ มะพร้าว ชา กาแฟ ตะไคร้ ว่านหางจระเข้ ขิง ต้นวนิลา ซินิมอน ฯลฯ โดยมีผู้เชี่ยวชาญนำชมและอธิบายเป็นภาษาอังกฤษเสียงดังฟังชัด ลูกค้าคนไหนทำท่าไม่สนใจเขาก็จะปรบมือเสียงดังและทำเสียงจุ๊..จุ๊

    เสร็จแล้วก็เรียกเข้าไปนั่งในซุ้มแล้วบรรยายสรรพคุณของสมุนไพรต่างๆ ช่วงนี้ลูกทัวร์ทั้งหลายต่างบ่นกันอุบอิบว่าเหมือนเซลล์แมนบ้านเราเลย ให้ดูเสร็จก็เรียกให้ซื้อของ แต่หนุ่มร่างเล็กเสียงดังคนนี้ไม่ใช่บอกสรรพคุณเฉยๆ เขายังเชิญชวนให้ทดลองดื่ม ทดลองดม และทดลองทาด้วย เท่านั้นยังไม่พอยังนวดให้เสร็จสรรพ ใครปวดใครเมื่อยตรงไหนบอก เขาและพนักงานชายคนอื่นช่วยกันนวดด้วยความชำนาญ แม้หน้าตาจะออกเหี้ยมๆ ไปหน่อย

    ผลิตภัณฑ์อื่นก็ไม่เเท่าไหร่ หลายอย่างเหมือนๆ สมุนไพรบ้านเรา แต่ที่บางคนติดอกติดใจก็คือครีมทาขนขึ้นในบริเวณที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งเขาบอกว่าทาเสร็จทิ้งไว้ 5 นาที จากนั้นขนจะหลุดออกมาทันที และถ้าทาซ้ำกัน 3 หน ขนจะไม่ขึ้นอีกเลย นักแแสดงหญิงอย่างคุณนริสา พรหมสุภา ซึ่งมีปัญหาขนแขนเยอะ ทดลองเสร็จเห็นได้ผลจริงตามที่ว่าก็สนใจซื้อทันที และหลายคนซื้อน้ำมันมะพร้าว เพราะได้ฟังว่าสาวศรีลังกานิยมใช้นวดผมทำให้ดำเป็นเงางาม ไม่งอกก่อนวัย

    สอบถามหนุ่มนายนี้ ได้ความว่าตัวเขาเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรจากโรงเรียนแพทย์แผนโบราณ ที่นี่มีโรงงานผลิตสมุนไพรหลากหลายชนิด รับประกันไม่มีสารเคมีเจือปน สินค้ายอดฮิตที่ขายดีคือน้ำมันจันทน์ น้ำหอมและน้ำมันมะพร้าว ราคามีตั้งแต่ต่ำสุด 25 รูปีขึ้นไป เป็นพวกเครื่องเทศ สูงสุดก็เป็นน้ำมันจันทน์

    หลังจากนวดและทาจนลูกค้าพอใจ ก็พากันไปชมผลิตภัณฑ์ ปรากฏว่าทัวร์กลุ่มนี้ซื้อกันยกใหญ่ โดยเฉพาะคุณยุวดี ดูเหมือนจะซื้อมากกว่าเพื่อน (2 รูปีเท่ากับหนึ่งบาท)

    เธอบอกสาเหตุที่ซื้อเยอะๆแบบนี้ว่า "ชอบตรงที่ว่าทุกอย่างทำมาจากธรรมชาติทั้งหมด ไม่คิดว่าจะมีผลกระทบอะไรเมื่อใช้ไปแล้ว เพราะศรีลังกาดังเรื่องสมุนไพรมานับศตวรรษ เพียงแต่ว่าด้านแพ็คเกจจิ้งยังไม่มีความรู้เหมือนบ้านเราสมัยก่อน ขณะที่เมืองนอกเขาขายแพคเกจจิ้งด้วย จึงทำให้ราคาแพง แต่ที่นี่แพ็คเกจจิ้งไม่ค่อยดีเลยไม่ค่อยแพง"

    ครั้งนี้คุณยุวดีซื้อหมดไปประมาณหมื่นกว่าบาท มีทั้งน้ำมันนวดเข่ามาฝากคุณแม่ และครีมเพื่อจะมาใช้เอง เพราะลองทาดูแล้วดี อย่างครีมกำจัดขน เขาพิสูจน์ให้เห็นเลยว่ามันได้ผล ซึมเร็วมาก ปกติไม่ชอบใช้ครีมทาหน้าของเมืองนอก เพราะไม่รู้ว่าในระยะยาวจะเกิดผลกระทบอะไร เธอว่าชอบใช้ครีมขมิ้นชันของกระทรวงสาธารณสุข

    เธอบอกอีกว่า "เท่าที่ดูราคาก็พอๆ กับเมืองไทยแต่แพ็คเกจจิ้ง เขาสู้เราไม่ได้เท่านั้นเอง นี่ถ้าเอสเอ็มอีบ้านเราสั่งสมุนไพรของเขาไป แล้วไปแพ็คเกจจิ้งเองทำสวยๆ จะดีมากเลย"

    ส่วนอีกคนที่ซื้อเป็นจำนวนเงินหลักพันก็คือคุณวัชรี จียาศักดิ์ เจ้าของ "วัชรมน" แจกแจงสาเหตุที่ซื้อสมุนไพรเมืองลังกาว่า "ดูแล้วราคาไม่แพงมาก มาทั้งทีก็ซื้อติดไม้ติดมือไป เผื่อทดลองใช้ดู ที่ซื้อก็น้ำมันใส่ผม เพราะตัวเองเป็นคนผมบาง ครีมทาผิว ชา น้ำมันมะพร้าว คิดเป็นเงินไทยประมาณ 500-600 บาท ราคาค่อนข้างแพง แต่ก็ซื้อเพราะคิดว่าเขาต้องมีเทคนิค มีวิธีอะไรที่ผสมแล้วให้ผมมันขึ้น ปกติดิฉันเองใช้แชมพูสมุนไพรอยู่แล้ว แต่ของศรีลังกายังไม่เคยใช้จึงยังสรุปไม่ได้ว่าของใครดีกว่า แต่ว่าสมุนไพรบ้านเราไม่ค่อยแพง แพ็คเกจจิ้งบ้านเราดีกว่า ของเขายังล้าหลังถึงแม้ว่าของเขาดีแต่ก็ยังไม่ได้ดีเพราะแพ็คเกจจิ้งไม่ชวนซื้อ เห็นเขาสาธิตก็น่าสนใจ แต่เห็นขวดที่ใช้สาธิตแล้วไม่น่าใช้เลย สรุปแล้วดิฉันว่าอย่าไปเชื่อมากว่าของจะดีอย่างที่พูด"

    นี่เป็นเสียงของคนที่ซื้อ สำหรับคนที่ไม่ซื้ออย่างคุณสันติ เศวตวิมล หรือแม่ช้อย นางรำ เขาบอกสมุนไพรบ้านเราเยอะแยะคุณภาพก็เยี่ยม อย่างน้ำมันนวดที่ใช้อยู่ขวดหนึ่งไม่กี่สิบบาท ราคาไม่แพง เลยไม่คิดจะซื้อ ที่นี่เขาขายนักท่องเที่ยวราคาขายจึงค่อนข้างสูงเป็นธรรมดา

    เป็นเรื่องต่างมุมมองกัน ผู้เขียนเองก็ไม่ได้ซื้อเช่นกัน แต่ชอบใจวิธีนำเสนอของหนุ่มศรีลังกาที่ค่อนข้างเร้าใจ และติดใจการนำน้ำมันมะพร้าวมานวดผม ซึ่งเขาบอกว่ารับรองไม่เหนียวเหนอะหนะ ทำให้ผมดำเป็นมันวาว หนุ่มนายนี้นวดได้มันมาก

    สนใจผลิตภัณฑ์สมุนไพรศรีลังกาเจ้านี้เปิดดูที่ http//:www.newparadisespicegarden.com
     

แชร์หน้านี้

Loading...