สวดภาณยักษ์

สวดภาณยักษ์

คอลัมน์ รู้ไปโม้ด

น้าชาติ ประชาชื่น nachart@yahoo.com




<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>

มีความเชื่อกันว่าการสวดภาณยักษ์ในปัจจุบันช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งอัปมงคลออกจากร่างกาย โดยจะมีการชักชวนคนจำนวนมากมาร่วมทำในคราวเดียวกัน นิยมจัดตั้งแต่หลังออกพรรษาไปจนถึงสงกรานต์ขึ้นอยู่กับแต่ละวัด ถ้าวัดไหนจะจัดก็นิยมติดป้ายโฆษณาไว้หน้าวัด อย่างไรก็ตาม มีความเชื่อกันว่าหญิงมีครรภ์ หรือคนที่จิตอ่อนไม่ควรเข้าพิธี เนื่องจากภูตผีที่ออกมาจากร่างคนอื่นอาจจะเข้าสิงคนๆ นั้น หรือทำร้ายเด็กในครรภ์ ​

ปัจจุบันการสวดภาณยักษ์ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าใดนัก อาจจะด้วยความน่าเกรงขามในพิธีกรรม ปัจจุบันจึงเสริมพิธีการบูชาพระนพเคราะห์ประจำวันเกิดเข้าไปด้วย เพื่อจูงใจให้คนมาเข้าพิธีมากขึ้น แต่ทั้ง หมดนี้ล้วนเป็นความเชื่อและความศรัทธาที่เราควรยึดหลักสายกลางอย่าให้มากจนเกินพอดี ​

เริ่มมีในประเทศไทยตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหง รับอิทธิ พลมาจากพระสงฆ์ลังกานิกายเถรวาท เริ่มเข้ามาทางด้านจังหวัดนครศรีธรรม ราช จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 เสด็จนครศรีธรรมราชจึงได้นำมาจัดเป็นพิธีประจำปี เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่พระนครและแก่พระเจ้าแผ่นดิน เพราะมีเชื่อกันว่า บ้านเมืองหนึ่งๆ จะมีผีที่ดีและผีที่ไม่ดีอาศัยอยู่​

ผีที่ไม่ดีเรียกว่า ภูติผีปีศาจ ส่วนผีที่ดีเรียกว่า เทพยดา​

ที่บ้านเมืองมีเหตุเภทภัยต่างๆ เกิดขึ้น ก็เป็นเพราะเกิดจากภูติผีปีศาจ กลั่นแกล้งบันดาลให้เป็นไป ดังนั้น เมื่อสิ้นปีหนึ่งไป จึงได้ทำพิธีสวดภาณยักษ์เพื่อขับไล่ภูตผีกันสักครั้ง เพื่อความเป็นสิริมงคล และความร่มเย็นเป็นสุขของบ้านเมือง ​

ภาณ หมายถึงการสวด สมัยก่อนการสวดภาณยักษ์มีอยู่สองแบบคือ สวดภาณวาร และสวดภาณยักษ์ ภาณวาร เป็นการสวดแบบมีทำนองครุ ลหุ คือเน้นเสียงหนักเบา ใช้น้ำเสียงสวดที่ไพเราะ ไม่กระแทกกระทั้นดุดัน ภาณยักษ์เป็นการสวดที่มีน้ำเสียงกระแทกกระทั้นดุดันเกรี้ยวกราด และน่ากลัว ใช้สวดเพื่อขับไล่ยักษ์หรือภูตผีต่างๆ​

การสวดทั้งสองแบบนี้นำมาจาก อาฏานาฏิยสูตร ซึ่งเป็นพระสูตรที่อยู่ในพระไตรปิฎก ว่าด้วยเรื่องของยักษ์ต่างๆ ที่พระพุทธเจ้าทรงปราบ มาดัดแปลงทำนองให้ดุดันและโหยหวน เพื่อเป็นการขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้ออกไป มีการจุดปืนใหญ่สมทบ เพื่อให้ภูตผีปีศาจเกิดความกลัวจะได้หนีไป แต่ปัจจุบันใช้การจุดประทัดแทน​

บางตำนานระบุว่า การสวดภาณยักษ์นั้นเกิดจากเมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ท่านทรงโปรดเทศนาธรรมให้กับพญายักษ์ที่มีชื่อว่า ท้าวเวสสุวัณ ซึ่งเป็นจ้าวแห่งภูตผีปีศาจทั้งหลาย หลังจากที่ยักษ์ท้าวเวสสุวัณได้ฟังพระธรรม จากพระพุทธเจ้า ก็บังเกิดความซาบซึ้งในรสพระธรรมขึ้น จึงแต่งพระคาถาน้อมถวายแก่พระพุทธเจ้า ซึ่งก็คือคาถาสวดภาณยักษ์นั่นเอง เมื่อสวดคาถาบทนี้ เหล่าภูตผีปีศาจจะเกรงบารมีและหลบหนีไป ​

ภาพจากนิตยสารสารคดี ฉบับที่ 237 เดือนพฤศจิกายน 2547 ปีที่ 20​

 

ผมอ่านจากนังสือศักดิ์สิทธิ์นะครับ

เขาบอกว่า....

เนื่องจากยักษ์ที่เป็นบริวารของท้าวเวสสุวรรณ บางตนมีนิสัยอันธพาล
โดยมียักษ์ตนหนึ่งได้เอาตะบองเคาะหัวของพระโมคคัลลานะเล่น ๆ

แต่ว่าเล่น ๆ สำหรับยักษ์แล้วใช่เบา ๆ ทีไหน ซึ่งหากเป็นคนปกติ
อาจจะถึงตายได้ แต่เนื่องจากว่าพระโมคคัลลานะ กำลังเขาฌานอยู่

หนักเลายผ่อนเป็ฯเบา แต่ก็ทำให้มึนหัวเหมือนกัน
เมื่อเรื่องนี้เข้าถึงหูของท้าวเวสสุวรรณ ท่านได้ตกใจเกรงว่า

เหล่าบริวารของตนจำทำให้ผู้มีศีลเดือดร้อน จึงได้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
และถวายคาถาที่เรียกว่า "อาฏานาฏิยสูตร"

เพื่อให้พระสงฆ์ไว้สวดเพื่อให้เหล่าภูตผีและยักษ์ได้หวาดเกรง

 

นันทยักษฺไงครับ เอาตระบอง ตีหัวพระสารีบุตรที่กะลังเข้านิโรธ สมาบัติ

ผลจากการกระทำนั้น นันทยักษ์ เลยตกอเวจีมหานรกทีเดียวครับ

 

ขอร่วมอนุโมทนาในธรรมทานครับ
การสวดภาณยักษ์เป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ครับ แต่ปัจจุบันเป็นธุรกิจแล้ว มีการให้เช่าพระเครื่อง และเช่าเครื่องสังฆทานสำหรับถวายพระ โดยอ้างว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์และอำนวยความสะดวกให้ผู้เข้าร่วมพิธี เบื้องหลังมีการแบ่งเปอร์เซ็นต์จากรายได้ให้กับวัดเจ้าของสถานที่ และมีการหมุนเวียนไปจัดพิธีตามวัดต่างๆ ด้วยเจตนาที่ที่ไม่บริสุทธิ์เลยทำให้พิธีสวดภาณยักษ์ในปัจจุบันไม่ขลังเหมือนในอดีต น่าเศร้าใจครับ...