สวรรค์ชั้นดุสิต

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย Wisdom, 14 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    [​IMG]

    "สวรรค์ชั้นที่ 4 นับว่าเป็นสวรรค์ที่มีชื่อเสียงอันเป็นที่รู้จักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย และมีผู้ปราถนาจะได้ไปเกิดกันอย่างมากมายเหลือเกิน เพราะที่นี่เป็นที่อยู่ของพระโพธิ์สัตว์ผู้บำเพ็ญบารมีอย่างครบถ้วน ซึ่งผู้ที่ปรารถนาที่จะไปเกิดในสวรรค์ชั้นนี้ส่วนมากจะอธิษฐานไปเกิดเพื่อรอการเสด็จอุบัติและการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าของพระบรมนิยตะโพธิสัตว์ อีกทั้งเป็นที่อยู่ของเทพชั้นสูง เทพชั้นผู้ใหญ่ เป็นจำนวนมากมายมหาศาลเลยทีเดียว มีเทพเจ้าผู้มเหศักดิ์ทรงพระนามว่า สมเด็จท้าวสันดุสิตเทวาธิราช ทรงเป็น อธิบดี ตุสิตาเทวภูมิ หมายถึงภูมิเป็นที่อยู่แห่งทวยเทพ อันมี สมเด็จท้าวสันดุสิตเทวาธิราช ทรงเป็นอธิบดี (อีกชื่อหนึ่งของดุสิตสวรรค์คือ ดินแดนสุขาวดี )เมืองสวรรค์ชั้นวิมาน ซึ่งมีนามว่า ดุสิตาเทวภูมิ นี้เป็นเทพนครที่ตั้งอยู่เหนือสวรรค์ชั้น ยามาขึ้นไป ในเบื้องบน ไกลแสนไกล"

    ที่ตั้ง ดุสิตา Tusita แปลว่า ที่อยู่ของเทพเจ้า เทวดาผู้มีความยินดีแช่มชื่นเบิกบาน(ด้วยธรรม)อยู่เป็นนิจกาล
    ดุสิตภูมิ ตั้งอยู่เหนือสวรรค์ชั้นยามาขึ้นไปเป็นระยะทางนับได้ 42,000โยชน์(672,000 กิโลเมตร)และอยู่ห่างไกลไปจากโลกมนุษย์ 180,000 โยชน์ หรือ 2,880,000 กิโลเมตร (ไม่ไกลใช่ไหม)

    การเดินทางไป ดุสิตา Tusita Heaven
    การเดินทางไปดุสิตพิภพ ไม่สามารถเดินทางไปถึงด้วยเครื่องบิน จรวด หรือยานอวกาศใดๆในโลกมนุษย์ หรือแม้แต่ยาน UFO ของมนุษย์ในอมรโคยานทวีป(ยานของมนุษย์ในอมรโคยานทวีปบินรวดเร็วมาก หากนำจานบินของมนุษย์ในอมรโคยานทวีปมาบินแข่งกับจรวดที่เร็วที่สุดของโลกมนุษย์เรา(ชมพูทวีป)จรวดที่เร็วที่สุดของโลกมนุษย์เราก็จะไม่แตกต่างอะไรกับเต่าแก่ๆตัวหนึ่ง ฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมมนุษย์ในอมรโคยานทวีป หรือทวีปอื่นๆ โลกอื่น ดาวอื่นที่ก้าวล้ำกว่าเรา จะมาสู่โลกเราด้วยจานบินโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ทีนี้มาพูดถึงการเดินทางไปดุสิตพิภพ(แม้นาซ่าจะลงทุนโดยใช้เงินทั้งหมดที่มีอยู่บนโลกมนุษย์ก็ไม่สามารถจะผลิตยานอวกาศใดๆเพื่อเดินทางไปสู่ดาวดุสิตได้)เพราะดุสิตไม่สามารถจะเดินทางไปด้วยกายหยาบแห่งมนุษย์(นอกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและสาวกผู้มีฤทธิ์เทียบเท่าเช่นพระโมคคัลลาเป็นต้น)และผู้มีอิทธิฤทธิ์ทางจิต มีฌาณ อภิญญาลาภีบุคคล จะสามารถเดินทางไปดุสิตภิภพได้ โดยใช้เวลาในการเดินทาง อุปมาดั่งเช่นบุรุษผู้มีเรี่ยวแรงดี คู้แขนเข้าแล้วเหยียดแขนออกเท่านั้น (แป๊บเดียวก็ถึง)

    สวรรค์ชั้นดุสิต Tusita Heaven มีวิมาน 3 ชนิดด้วยกัน คือ
    1.รัตนวิมาน วิมานที่สร้างด้วยแก้วล้วน ๆ
    2.กนกวิมาน วิมานสร้างด้วยทองล้วน ๆ
    3.รชตวิมาน วิมานสร้างด้วยเงินล้วน ๆ
    ในแต่ละวิมานเป็นปราสาทสวยงามวิจิตรตระการตามากรูปทรงของเทพเจ้าผู้อยู่ชั้นดุสิตนี้สวยงาม มีแสง มีรัศมีมาก สวยยิ่งกว่าปราสาทของเทวดาชั้นยามาและชั้นอื่น ๆ ปราสาทวิมานเหล่านี้ ตั้งอยู่เรียงรายมากมาย แต่ละ วิมานเป็นปราสาทสวยสดงดงาม มีความวิจิตรตระการตา เหลือที่จะพรรณา และมีรัตนปราการกำแพงแก้วล้อมรอบ ทุกวิมาน มีรัศมีรุ่งเรืองเลื่อมพรรณราย สวยงามยิ่งกว่า ปราสาทพิมานของเทพยดาในสรวงสวรรค์ชั้นยามาภูมิ (อันแสงสีเปล่งประกายเพชรพรรณรายใดๆในเมืองมนุษย์ที่เราท่านทั้งหลายเคยเห็นก็ไม่สามารถจะเทียบได้)
    นอกจากนั้น สถานที่ต่างๆ ในเทวสถานชั้นนี้ ยังมี สระโบกขรณีและอุทยานอันเป็นทิพย์สำหรับเป็นที่ เที่ยวเล่นให้ได้ความชื่นบานเริงสำราญ
    แห่งเทพเจ้าชาวสวรรค์ชั้นนี้มากมายนัก สำหรับปวงเทพเจ้าผู้สถิตย์อยู่ในดุสิตสวรรค์นี้ แต่ละองค์ย่อมปรากฏมีรูปทรงสวยงดงาม มีรัศมี มีความสง่ากว่าเหล่าเทพยดาชั้นต่ำลงไป ทั้งมีน้ำใจรู้บุญรู้ธรรมเป็นอย่างดี มีจิตยินดีต่อการสดับตรับฟังพระธรรมเทศนาเป็นยิ่งนัก ทุกวันธรรมสวนะ(วันพระ) ทวยเทพทั้งหมดจะมาประชุมกัน ฟังธรรม เทพเจ้าเหล่านี้ย่อมจะมีเทวสันนิบาต ประ ชุมธรรม ฟังธรรมกันเสมอมิได้ขาดเลย ทั้งนี้ ก็เพราะเหตุที่ องค์สมเด็จท่านท้าวสันดุสิตเทวาธิราช จอมเทพ ผู้มีอิสริยยศยิ่งใหญ่ในสวรรค์ชั้นดุสิตนี้ ทรงเป็นเทพเจ้า เป็นพหูสูต เป็นผู้รู้ธรรมะแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าเป็นอันมาก อีกประการหนึ่ง ตามปกติดุสิตสวรรค์นี้ เป็นที่สถิตย์อยู่แห่งเทพบุตรผู้เป็นโพธิสัตว์ ซึ่งมีโอกาสจัก ได้ตรัสรู้แก่พระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณ สำเร็จเป็น องค์สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ในอนาคต เพราะฉะนั้นท่านท้าวสันดุสิตเทวาธิบดี จึงมักมีเทวโองการตรัสอัญเชิญให้เทพบุตร พระโพธิสัตว์ ผู้ทรงปัญญาทั้งหลาย เป็นองค์แสดงธรรมและในปัจจุบันนี้ องค์สมเด็จ พระศรีอริยเมตไตรย พระโพธิสัตว์ ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือเป็นที่รู้จักกันในหมู่พุทธบริษัทว่า จักได้ ตรัสเป็นพระพุทธเจ้า ในอนาคตอันตรกัปที่ 13 แห่ง ภัทรกัปนี้ พระองค์ก็สถิตอยู่ ณ สรวงสวรรค์ชั้นนี้ และมักได้รับอาราธนาให้เป็นองค์แสดงธรรม โปรดเหล่าเทพบริษัทในดุสิตสวรรค์นี้อยู่เสมอๆ นอกจากจะเป็น สวรรค์ชั้นสำคัญดังกล่าวมาแล้ว
    ในขณะนี้ แดนสวรรค์ ชั้นดุสิต ยังเป็นที่สถิตย์อยู่ของเทพเจ้าองค์สำคัญ ซึ่งเราท่านทั้งหลายรู้จักกันดี เทพเจ้าองค์นี้ก็คือ พระสิริมหามายา
    เทพบุตรผู้มีบุญวาสนาเป็นพระพุทธมารดาแต่ปางบรรพ์ ซึ่งหลังจากที่ประสูติพระสิทธิตถราชกุมารที่ลุมพินีวันได้ 7 วัน ก็เสด็จสวรรคต เสด็จขึ้นมาบังเกิดเป็นเทพเจ้าเสวยทิพย์สมบัติอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดุสิตแห่งนี้ จนทุกวันนี้ พระองค์เป็นเทพที่มีพระสิริโฉมงดงามหาที่เปรียบมิได้ และทรงใฝ่การฟังธรรมอย่างยิ่ง และพระองค์จะเสด็จอุบัติเป็นพระพุทธมารดาของพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่ง นั่นก็คือ พระศรีอริยเมตไตรย สัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากนั้นจึงจะเสด็จเข้าสู่พระนิพพาน (เพราะพระองค์ได้ทรงอธิษฐานตั้งความปรารถนาเป็นพุทธมารดาของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ แห่งภัทรกัปนี้) ขณะที่ พระพุทธองค์ ทรงกระทำยมกปาฏิหาริย์ทรมานเดียรถีย์นิครนถ์ผู้โอหัง ณ ภายใต้ไม้คัณฑามพพฤกษ์เสร็จแล้ว ทรงระลึกถึงพระคุณของมารดา จึงเสด็จไปยังสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ เพื่อเทศนาพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ โปรดสนองพระคุณ และทรงประทับอยู่เหนือบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ภายใต้ต้นปาริชาต พระอินทร์ เมื่อทรงทราบดังนั้น ได้เสด็จออกร้องประกาศแก่หมู่เทพยดาทั้งหลาย ให้มาประชุมกัน เพื่อฟังธรรม และได้มีการอัญเชิญ พระสิริมหามายามหาเทพ มาสดับพระธรรมเทศนาของ
    พระพุทธองค์ ครั้งแรกที่พระสิริมหามายามหาเทพ ทอดพระเนตรเห็นพระพุทธองค์ ผู้มีพระสรีระโฉมงดงามสมบูรณ์ด้วยมหาปุริสลักษณะทุกประการ ทำให้พระองค์ทรงลืมตัวตะลึง ชมพระรูปโฉมของพระพุทธองค์เสียเป็นนาน ด้วยคิดว่าไม่เคยเห็นผู้ใดในโลกจะมีพระสิริโฉมงดงามเช่นนี้ "ดูก่อนพระมารดา" พระพุทธองค์ตรัสเรียกพระสิริมหามายามหาเทพให้เสด็จเข้าไปใกล้ อย่าได้มัวชมรูปโฉมอันไม่จีรังยั่งยืนอยู่เลย เข้ามาใกล้เราดีกว่า เรามานี่ เพื่อแสดงธรรมอันเป็นสิ่งจีรังยั่งยืน เต็มได้ด้วยแก่นสารให้ท่านฟัง"
    นั่นเอง พระสิริมหามายามหาเทพจึงรู้สึกองค์ แล้วคลานเข้าไปใกล้ที่ประทับนั่งข้างหน้า เป็นประธานแห่งหมู่เทพยดาทั้งหลาย และพระพุทธองค์โปรดประทาน พระอภิธรรมเจ็ดคัมภีย์ ตั้งแต่ต้นจนจบ ครั้นแสดงจบ พระสิริมหามายามหาเทพ พระพุทธมารดา สำเร็จ โสดาปัตติผล
    เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา จนขณะนี้ พระสิริมหามายามหาเทพ ยังเสวยทิพยสมบัติอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตอย่างสุขสำราญ ด้วยบุญญาธิการที่ทรงสร้างสมไว้แต่ชาติปางก่อนนั่นเอง (จะลงมาจุติในโลกมนุษย์ครั้งสุดท้ายเพื่อเป็นพุทธมารดาแห่ง พระศรีอริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า )

    พระศรีอริยเมตไตรย หรือ พระศรีอาริย์ เป็นเทพบุตรที่อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตจนขณะปัจจุบัน และมีความสำคัญมากสำหรับมนุษย์ทุกคน กล่าวคือ พระศรีอาริย์ เป็นพระโพธิสัตว์ซึ่งจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายใน ภัทรกัป นี้ ตอนนี้พระองค์ทรงเป็นพระโพธิสัตว์เทพบุตรผู้ยิ่งใหญ่แห่งดุสิตภิภพทรงพระนามว่า พระนาถะเทวเทพบุตรโพธิสัตว์ และพระองค์ทรงรอเวลาเพื่อเสด็จอุบัติมายังโลกมนุษย์เพื่อตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่ 5 แห่งภัทรกัปนี้

    อายุของเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิต
    เทวดาที่เสวยทิพยสมบัติอยู่บนชั้นดุสิตนี้ มีอายุยืนยาวได้ 4 พันปีทิพย์ หรือห้าสิบเจ็ดโกฏหกล้านปี ในโลกมนุษย์ ผู้ที่จะได้บังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ ต้องตั้งอยู่ในกุศลกรรมบท 10 ประการ ต้องเป็นผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ยุติธรรม ชอบสดับตรับฟังพระธรรมเทศนา มีปัญญาดี หรือเป็นพระโพธิสัตว์ ผู้บำเพ็ญบารมีมาเป็นอย่างสูงแล้ว หรือผู้ที่ปรารถนาเป็นพุทธสาวก จึงจะได้มาบังเกิดบน สวรรค์ชั้นดุสิตนี้ได้

    ทำไมพระบรมโพธิสัตว์ที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและนักสร้างบารมีทั้งหลายถึงเลือกที่จะอยู่ชั้นนี้
    สวรรค์ชั้นดุสิตนี้ มีความกว้างใหญ่ไพศาลมาก มีท้าวสันดุสิต ซึ่งบรรลุเป็นพระโสดาบันแล้ว เป็นผู้ปกครองภพ ที่ตั้งของสวรรค์ชั้นดุสิตอยู่สูงขึ้นไปจากยอดเขาสิเนรุ อยู่ในอากาศเหนือสวรรค์ชั้นยามา 42,000 โยชน์ บนดุสิตสวรรค์จะไม่มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ทำให้ไม่มีเงา ไม่มีมุมมืดบนสวรรค์ อยู่ได้ด้วยความสว่างจากวัตถุสิ่งของและแสงทิพย์ต่างๆ เช่น กายของเหล่าเทวดา วิมาน สวน สระ สิ่งแวดล้อมต่างๆ มีแต่ความสว่าง จึงไม่ต้องอาศัยดวงอาทิตย์ ลักษณะของสวรรค์ชั้นดุสิต จะไม่ได้กลมอย่างโลกมนุษย์ แต่จะกลมแบบราบ ถ้ามองจากสวรรค์ชั้น ยามาขึ้นไป จะมองเห็นเป็นแสงสว่าง นุ่มเนียนตา และถ้ามองจากสวรรค์ ชั้นดุสิตขึ้นไป ก็จะเห็นแสงสว่างนุ่ม เนียนตาของสวรรค์ชั้นนิมมานรดี หรือถ้ามองลงไปที่ดาวดึงส์ก็จะเห็น ว่ามีขนาดเล็กนิดเดียว เพราะสวรรค์ชั้นดุสิตใหญ่กว่ามาก

    โครงสร้างของสวรรค์ชั้นดุสิต มีวิมานของท้าวสันดุสิตเป็นศูนย์กลาง ของสวรรค์ชั้นนี้ แล้วแบ่งออกเป็น 4 เขต วนโดยรอบวิมานของท้าวสันดุสิต ดังนี้

    เขตที่ -1. เป็นที่อยู่ของพระอริยเจ้า คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี ซึ่งอยู่ชั้นในสุด
    เขตที่ -2. เป็นที่อยู่ของพระนิยตโพธิสัตว์ คือ พระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน ซึ่งเขตบารมีพิเศษของผู้ที่มีมโนปณิธานจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปสู่ฝั่งพระนิพพาน ให้หมดจนกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม ก็จะอยู่ในเขตนี้ด้วย
    เขตที่ -3. เป็นที่อยู่ของอนิยตโพธิสัตว์ คือ พระโพธิสัตว์ที่ยังไม่ได้รับ พยากรณ์เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังต้องสร้างบารมีอีกมาก
    เขตที่ -4. เป็นที่อยู่ของผู้ที่ทำกุศลมาก และมีกำลังบุญมากพอที่จะได้อยู่สวรรค์ชั้นดุสิตนี้ เป็นเขตของเทวดาทั่วไป นอกเหนือจาก 3 เขตแรก

    สวรรค์ชั้นดุสิตนี้ มีความพิเศษกว่าสวรรค์ชั้นอื่นอยู่หลายประการ และหนึ่งในความพิเศษนั้นก็คือ เป็นที่อยู่ของเหล่าพระบรมนิยตะโพธิสัตว์ที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตจำนวนมาก และเหล่าเทพบุตรที่สร้างบารมีเป็นพระสาวก อัครมหาสาวก อสีติมหาสาวก เพื่อตามพระบรมโพธิสัตว์ลงมาตรัสรู้ในอนาคต แล้วทำไมพระบรมโพธิสัตว์ หรือบัณฑิตทั้งหลายจึงปรารถนาที่จะได้มาบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิตนี้ ทั้งที่กำลังบุญของแต่ละท่านนั้นมากมาย ปรารถนาที่จะไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นไหนๆ หรือชั้นสูงสุดก็ได้ เหตุที่ท่านเลือกสวรรค์ชั้นนี้ มีข้อสังเกตอย่างน้อย 3 ประการ คือ

    1. พระโพธิสัตว์สามารถจุติ ลงมาได้ตามใจปรารถนา หมายความ ว่า โดยปกติเทวดามีเหตุแห่งการจุติ หลายประการ เช่น หมดบุญก็มี หมดอายุขัยก็มี จุติเพราะความโกรธก็มี แต่เหล่าพระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลาย ในสวรรค์ชั้นดุสิตนี้ เมื่อจะจุติลงมา สร้างบารมี หรือมาบังเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะนั่งทำสมาธิ อธิษฐานจิต สามารถดับวูบลงมาจุติเกิดได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ของ ชาวสวรรค์ชั้นอื่นๆ

    2. เนื่องจากสวรรค์ชั้นนี้ มีแต่บัณฑิต มีแต่พระบรมโพธิสัตว์ ล้วนแต่มีอัธยาศัยคล้ายคลึงกัน ที่จะฝึกฝนตนเองและช่วยสรรพสัตว์ไปสู่ฝั่งพระนิพพานไม่ประมาทในการดำรงชีวิตเหมือนชาวสวรรค์ชั้นอื่นๆ มักจะคบหาบัณฑิต พูดคุยสนทนาธรรมกันเพื่อความ เบิกบานใจ และหมั่นไปฟังธรรมในวันธัมมัสวนะ ซึ่งท่านท้าวสันดุสิตจะเป็นผู้อัญเชิญพระบรมโพธิสัตว์ที่มีบุญบารมีมากมาแสดงธรรมให้ฟังทุกๆวันพระ

    3. ขนาดอายุทิพย์ของสวรรค์ชั้นดุสิตนี้ คือ 4,000 ปีทิพย์ ซึ่งไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป พอเหมาะพอดีที่จะเสวยสุข เพราะท่านจะต้องลงมาสร้างบารมีต่อ ถ้าหากมีอายุขัยนานเกินไปจะทำให้เสียเวลา

    กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ
    การที่จะได้กลับมาเกิดในอัตภาพของมนุษย์อีกเป็นสิ่งที่ยากมาก แต่การที่จะได้พบเจอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่าหาประมาณมิได้
    โย ธมฺมํ ปสฺสติ โส มํ ปสฺสติ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต
    หากท่านต้องการเห็นพระพุทธเจ้าท่านจำเป็นต้องปฏิบัติให้เห็นธรรม
    การรู้ธรรม ไม่ใช่การเห็นธรรม การรู้ธรรมก็เพียงแค่รู้ว่ามีพระพุทธเจ้า การเห็นธรรมต่างหากที่จะสามารถเห็นพระพุทธเจ้าและเข้าถึงพระพุทธเจ้าได้

    โดย...อสีติภาชนะธรรม

    http://www.phrasiarn.com/?topic=7645.0
     
  2. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    ทางไปสวรรค์ชั้นดุสิต

    คือต้องอุตส่าห์พยายามสร้างเสบียง กล่าวคือบุญกุศล ต้องมีกมลสันดานชอบสดับตรับฟังพระธรรมเทศนา เพื่ออบรมปัญญาให้เจริญผ่องใส จิตหนักแน่นในอุดมคติไม่หวั่นไหวโยกคลอน ในการประกอบกุศลกรรมบท 10 ไม่เป็นผู้มัวเมาประมาทในวัย และชีวิตของตน เร่งสร้างกุศลเช่น บำเพ็ญทานและ รักษาศีลเป็นเนืองนิตย์

    ทานสูตร
    ดูกรสารีบุตร ! ในการให้ทานนั้น บุคคลไม่มีความหวัง ให้ทาน ไม่มีจิตผูกพันในผลแห่งทานแล้วให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน
    ไม่ได้ให้ทานด้วยความคิดว่า "บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย เคยให้เคยทำมา เราก็ไม่ควรทำ ให้ประเพณี" แต่ให้ทานด้วยคิดว่า
    "เราหุงหากิน แต่สมณะหรือพราหมณ์ไม่ได้หุงหากิน เราหุงหากินได้ จะไม่ให้ทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ ผู้ไม่หุงหากิน ย่อมเป็นการไม่สมควร"เขาผู้นั้น ให้ทานด้วยอาการอย่างนี้แล้ว เมื่อทำ กาลกิริยาตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย แห่งเทวดาทั้งหลายในสวรรค์ชั้นดุสิต

    ปุญญกิริยาวัตถุสูตร
    (อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต ข้อ ๑๒๖ หน้า ๒๔๕ บาลีฉบับสยามรัฐ)
    ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ! บุคคลบางคนในโลกนี้ กระทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานมีประมาณยิ่ง
    กระทำบุญกิริยาวัตถุด้วยศีลมีประมาณยิ่ง ไม่เจริญบุญ กิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย เมื่อถึงกาลกิริยา ตายไปแล้ว เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย แห่งเทวดาชั้นดุสิต
    ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร !

    ท้าวสันดุสิตเทพบุตร จอมเทพในชั้นดุสิตนั้น ได้ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จ ด้วยทานเป็นอดิเรก ได้ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วย ศีลเป็นอดิเรก
    ท้าวเธอจึงทรงเจริญรุ่งเรือง ก้าวล่วง เหล่าเทวดาชั้นดุสิตสวรรค์ โดยฐานะ ๑๐ ประการ คือ
    อายุทิพย์ วรรณะทิพย์ สุขทิพย์ ยศทิพย์ อธิปไตยทิพย์ รูปทิพย์ เสียงทิพย์ กลิ่นทิพย์ รสทิพย์ โผฏฐัพพะทิพย์
     
  3. phasusorn

    phasusorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +133
    ขอบคุณมากครับ ชั้นดุสิตก็จะมีแต่อริยะบุคคล อริยะเจ้าขึ้นไป พุทธมารดาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระโพธิ์สัตว์ ประทับอยู่
     
  4. พยัคฆ์หลับ

    พยัคฆ์หลับ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +83
    อนุโมทนา สาธุ ครับ
    ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับว่า สวรรค์ชั้นดุสิต เป็นชั้นที่สามารถบำเพ็ญบุญบารมีได้ง่ายที่สุด และหลงมัวเมาในกามคุณได้น้อยที่สุด เทียบกับสวรรค์ชั้นอื่น
     
  5. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    สวรรค์ชั้นดุสิตเป็นสวรรค์ชั้นของนักบำเพ็ญบารมีครับ
    เนื่องจากพระโพธิสัตว์ที่สร้างบารมีนั้น เมื่อบารมีแก่กล้า
    ระดับหนึงแล้ว จะสามารถอธิษฐานจุจิลงมาเกิดสร้างบารมี
    ได้ทันทีโดยไม่ต่อรอให้หมดอายุขัยเหมือนสวรรค์ชั้นอื่นๆ

    ธรรมรักษา
     
  6. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    กล่าวว่า สวรรค์ชั้นนี้ จะมีเทวดาผู้คุมกฏของสวรรค์นั้นอยู่ครับ เมื่อเทวดาชั้นอื่นๆทำผิด

    เทวดาผู้คุมกฏนั้นจะลงโทษตามกฏ ไม่มีการยกเว้น เทวดาบนสวรรค์ชั้นนี้นั้น

    ส่วนใหญ่จะมาจากผู้ถือศลีบวช ในอดีตและบางท่านก็สามารถเข้าถึงฌานสี่ได้เป็นอย่างน้อยครับ

    ในสวรรค์ชั้นนี้จะมีเทพธิดาโชคชะตาอยู่ด้วย คอยกำหนดความเป็นไปของสรรพสิ่งต่างๆ
     
  7. พยัคฆ์หลับ

    พยัคฆ์หลับ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +83
  8. โลน้อย

    โลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    351
    ค่าพลัง:
    +695
    ขอถามเทพชั้นนี้ยังติดในฤทธิ์อยู่หรือปล่าว และมีการแบ่งชนชั้นกันมั้ยครับ เพื่อเป็นความรู้มิใช่ลบหลู่
     

แชร์หน้านี้

Loading...