::: สองร้อยบาทไม่พอกิน :::

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 6 ตุลาคม 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ::: สองร้อยบาทไม่พอกิน :::

    “… บางคนนี่ทำมาหากินเนี่ย ได้วันละสองร้อยกว่าบาท ก็บอกไม่พอกิน พอสองสามปีมาถามอีกทีนึง ได้วันละห้าร้อยกว่าบาท มันก็ไม่พอกิน พอต่อไปนานเข้านานเข้า มันเลื่อนตำแหน่งขึ้น มันได้วันละพันสองร้อยบาท ถามมันต่อเป็นอย่างไรพอกินมั้ย มันก็บอกไม่พอกิน อะไรวะ สองร้อยบาทมึงบอกไม่พอกิน พันสองร้อยกว่ามึงก็ไม่พอกิน แล้วเมื่อไหร่มึงจะพอกิน มันก็ไม่พอจนตายนั่นแหละ ทำไมมันไม่พอล่ะ มันเป็นเงาตามตัว ไอ้คนตัวผอมเงามันก็ผอมใช่มั้ย พอมันกินข้าว มันตัวอ้วนใหญ่เงามันก็อ้วนตาม ฉะนั้นอย่าคิดหวังว่ามันจะรวย เพราะอะไร ตอนเราไม่มีเงินเรามีเงินน้อย เราก็ประหยัดเฉพาะนั้นนะ กินมากไม่ได้ จับจ่ายใช้สอยมากไม่ได้ ซื้อข้าวของอะไรมากก็ไม่ได้ เงินมันมีแค่สองร้อย แต่พอมันมีห้าร้อย เออมันมีมากขึ้น ซื้อโทรทัศน์ได้ เอาซักเครื่องเนอะ พอผ่อนได้นะ มันก็เริ่มมันก็ไม่พอแล้ว พอมีถึงพันสอง ก็เอารถซักกคันนะ มันก็ไปใหญ่แล้ว พอมันมีสองพันต่อวัน คราวนี้มันก็ซื้อบ้านแล้ว ไอ้ที่เคยอยู่ มันก็ไม่อยากอยู่แล้ว มันอยากอยู่ดีขึ้น นี่ มันก็มีคำอ้างว่าสร้างฐานะแหละมันจะได้ดูดีขึ้น แต่จริงๆ แล้วนะ รวมทั้งหมดก็คือเป็นการหาทุกข์นั่นเอง ถามคนจนที่เขานอนอยู่ข้างถนนว่าไม่กลัวเขาปล้นเหรอ โอ้ยไม่กลัวหรอกเพราะไม่มีทรัพย์สิน พอลองถูกหวยรางวัลที่หนึ่งจะเป็นอย่างไรล่ะ โอ้ยนอนไม่ได้หรอก มันไม่หลับ มันนอนกอดเงิน มันเป็นทุกข์ ถึงแม้ใครไม่รู้ว่ามันมีเงินเป็นสิบล้านนะ ในกระเป๋านะ แต่มันก็ระแวงนะ ใครเดินมาเดินไป มันก็ระแวงมันกอดกระเป๋า แสดงให้เห็นว่าในกระเป๋านั้นมันเป็นของมีค่า มีทรัพย์สิน ไอ้คนอื่นมันก็จะเอาแหละ มันก็จะปล้นแหละ เพราะกิริยามันบอกว่าไอ้นี่มันมีทรัพย์ ไอ้คนไม่มีทรัพย์มันนอนเฉยเลยมันไม่ใส่ใจอะไรนี่ คนนอนใต้สะพานทางด่วน มันก็นอนของมันได้ มันไม่กลัวคนปล้น แต่พอเรามีบ้าน มีทอง มีรถมีรา มันห่วงนะ กลัวคนจะปล้นเข้าบ้าน กลัวคนจะปล้นเอาสร้อยไป กลัวคนจะจี้เอารถไป ของนี่มันอำนวยความสะดวกแต่มันก็เพิ่มความทุกข์ให้อยู่เหมือนกันนะ นี่ถ้าเรามาพิจารณากันจริงๆ นะ ...

    การมีทรัพย์มากก็ทุกข์มากอย่างนี้ หมายถึงคนรวยนะ คนรวยมีเงินสักร้อยล้านพันล้าน มันก็กลัวร้อยล้านพันล้านมันหมดไป มันก็ต้องหา สุจริตบ้างโดยชอบธรรม ทุจริตบ้างโดยไม่ชอบธรรม คือโกงเขามาบ้างอะไรบ้าง เพราะกลัวทรัพย์ของตนจะหมดไป มีลูกมีหลานก็เหมือนกัน กลัวเขาจะผลาญทรัพย์ผลาญสิน ก็รวมแล้วทั้งหมดก็คือ ของรอบตัวเราทั้งหมดนั้นนำพาความทุกข์มาให้ แต่เรามองไม่เห็นเอง เรามองว่ามันเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับเรา เราจะได้สบาย ไปไหนก็สะดวก ผ่อนรถพอถึงเดือนทีไรล่ะก็แอร์ไม่เย็นเลย เบาะมันก็ไม่นุ่ม พอถึงใกล้งวดจะส่งรถทีไรนะ แอร์ไม่เย็นหรอก เปิดเบอร์สามมันยังไม่เย็นเลย เบาะเคยนิ่มมันก็ไม่นิ่ม โช้คเคยนิ้มนิ่ม แข็งอย่างกับขี่ม้า หายใจมันก็ไม่สะดวก เหมือนอึดอัดในรถนะ ...

    เอาล่ะ คราวนี้เราพิจารณาว่าการปฏิบัติกัมมัฏฐานนี้เป็นของคนในวัดหรือเป็นของคนนอกวัดล่ะ ไม่รู้ว่าคนไหนก็แล้วแต่ มีทุกข์อยู่ละก็ควรศึกษาธรรมะนะ ควรจะปฏิบัติธรรมะนะ เพื่อจะได้ทุกข์น้อยลง เพื่อจะได้เห็นทุกข์ เพื่อจะได้กำหนดรู้จักทุกข์ ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่ได้เป็นของคนล้าหลัง หรือเต่าล้านปี หรือคนแก่วัดถึงจะมาเข้าวัด ถึงจะมาศึกษาธรรมะ ถึงจะมาฟังธรรม ไม่ใช่อย่างนั้นนะ คนละอย่างกัน คนใดไม่ว่าเด็ก ไม่ว่าผู้ใหญ่ ไม่ว่าคนแก่คนชราก็ตาม ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นทุกข์เมื่อไหร่ เร่งเข้ามาศึกษาธรรมะซะ เพื่อเอาไปแก้ทุกข์ของตนเอง..."

    ตอนหนึ่งของพระธรรมเทศนาโดย หลวงพ่อเพชร วชิรมโน
    สำนักปฏิบัติอัญญาวิโมกข์ฯ ปากช่อง
     

แชร์หน้านี้

Loading...