สอบถามท่านผู้รู้ผู้มีประสบการณ์ ว่าคืออะไร

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Begin again, 3 ตุลาคม 2017.

  1. Begin again

    Begin again Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +194
    ขอบคุณครับคุณสมิง
    ถ้าเค้าไม่เกี่ยวกะการนั่งผมก็โอเครแล้วครับ ส่วนเรื่องอื่นให้เป็นเรื่องของกรรมเวรที่ได้กระทำมาคือตอนนี้ปลงในเรื่องของกรรมได้ในระดับนึงละครับ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดถือว่าชดใช้กันไป

    คุณ yanjai ผมจะบอกว่าหนักครับ มากถึงมากที่สุดเลยละ ผมเรียนจบมาหางานไม่ได้ละกันครับ สมัยก่อนนี่ตำแหน่งที่ผมต้องการสมัครมันพอว่างนะ เยอะด้วย ผมส่ง resume ทั้งทางเมล์ ทางจดหมาย รวมๆน่าจะสองสามร้อยที่อะครับ ไม่มีที่ไหนเรียกเลยละครับ จนครบอายุ 25 ผมก็ไปบวชแหละ เรื่องแย่ๆก็เบาบางลง ชีวิตก็ค่อยๆดีขึ้น ผมก็ทำบุญไปให้เค้าทุกวันนะในช่วงนี้สักเดือนที่ผ่านมา คือเราลืมว่าเคยทำเรื่องน้ไปนานมาก
     
  2. Than_2012

    Than_2012 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2013
    โพสต์:
    460
    ค่าพลัง:
    +1,027
    *** นั่นแหล่ะ แค่อยากรู้ว่า คุณฝึกอะไร ฝึกยังไงถึงให้สิ่งอื่นมาครอบงำ หรือ ทำให้คุณตกใจได้ สติผูกจิต จิต เปรียบเสมือนลิง สติเหมือนเชือก ก็แสดงว่า สติ ยังไม่มี การภาวนาของคุณคือ พุท-โธ ใช่ไหม ลมหายใจ ออก กับ เข้า ยาวเท่ากันรึเปล่า
    การนั่ง และ การเดิน ต้องพอดี เท่ากัน ก็อย่างที่ถามคุณว่า ปฏิบัติแล้วมีอาจารย์สอบอารมณ์คุณรึเปล่า ผิดถูกชี้แนะ ถ้าสติรวมกับจิต ก็ยากที่พวกมารจะมาหลอกหลอนกวนใจ บุญ+กรรม ที่สงสัย ลังเล มีคำตอบอยู่ในสติปัฏฐานครับ..
     
  3. Begin again

    Begin again Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +194
    ขอบคุณครับ คุณ than
    ทั้งนี้เนื่องจากตัวผมเองพึ่งเริ่มอยากอยากฝึกปฏิบัติ ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่พยายามศึกษาเรื่อยๆครับ ก็ขอบคุณ คุณ than ที่กรุณาแนะนำครับ
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ไม่มีอะไรหรอกครับ
    แค่จิตตกมาอุปจารสมาธิ
    จะเป็นในคนที่นั่งสมาธิแล้ว
    ไปต่อจากปฐมฌานไม่ได้
    เดินจงกลมสลับกับก่อนนั่งหน่อย
    เจริญสติให้ต่อเนื่องทั้งวัน
    ก็หายแล้วครับ
    ไม่มีใครมาทำอะไรหรอก
     
  5. Begin again

    Begin again Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +194
    ขอบคุณคุณ nop ครับ
    ผมรบกวนสอบถามเพิ่มเติมนะครับพอดี ผมไม่รู้ว่าสมาธิช่วงไหนเรียกว่าอะไรเพราะเวลาผมนั่งๆไปก็แค่พยายามอยู่กับลมหายใจ บางครั้งจะมีอาการวูบเหนือนตกจากที่สูงเหมือนจะหลับนกเป็นช่วงๆ แต่มั่นใจว่าสติยังมีกับลมอยู่ เลยลองนอนให้พอแล้วทำก็ยังมีบ้าง แล้วแบบที่ตอนผมบวชแล้วนั่งสมาธิอย่างที่ได้เล่าไปว่ามันเหมือนเห็นแต่แสงสว่างไม่มีความรู้สึกทางกายใดๆ ไม่รู้สึกถึงลมหายใจ แต่มีสตินึกคิดได้นี่ก็คือส่วนหนึ่งในสมาธิใช่ไหมครับ ถ้าคุณ nop พอจะอธิบายว่าเป็นช่วงไหนของการทำสมาธิมีลักษณะอย่างไร อย่าง อุปจารสมาธิ กับ ปฐมฌาน ต่างกันอย่างไรครับ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ลองค่อยๆอ่านนะครับ
    สมาธินะ ถ้าพูดทางด้านคลื่นนะครับ
    ก็คือ การลดระดับคลื่นความถี่ของจิต
    ระดับอุปจารสมาธิ กิริยาปกตินะครับ คลื่นประมาณ ๔ ถึง ๘ Hz
    ซึ่งช่วงนี้ คลื่นมันจะแกว่งคือขึ้นๆลงๆ คนเราจะฝันในช่วงนี้
    นั่นหละครับ..มีการทดลองมาแล้วมากมาย
    และที่สำคัญเลยคือ (ในนึกว่า เรามีกายนามธรรมกับกายรูปธรรมซ้อนทับกันอยู่นะ จะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจน)
    การทำงานของระบบประสาทในการควบคุมการเคลื่อนไหว
    ร่างกายที่เป็นนามธรรม
    จะไม่สัมพันธ์กันการเคลื่อนไหวของร่างกายที่เป็นรูปธรรม
    แบบในเวลาที่เราลืมตาใช้ชีวิตปกติครับ
    (นึกภาพนะครับ แบบลืมตา กายนามธรรมกับการรูปธรรม
    มันทำงานพร้อมกัน)
    คือ ใจคิดว่ากายไป แต่มัน
    ไม่ไปเหมือนในเวลาลืมตาปกติ สังเกตุได้คล้ายกึ่งหลับกึ่งตื่น
    บางคนนอนๆอยู่ อาจจะเห็นแขนตัวเองอีกอันหนึ่งขึ้นมา
    ทั้งๆที่ก็ส่วนอื่นๆ ของกายรูปธรรมก็อยู่ปกติ
    (อย่าเผลอคิดว่า กำลังระดับสูงนะครับ
    เพราะตราบใดที่กายนามธรรมกับกายรูปธรรม
    ยังไม่ขาดออกจากกันหมดยังเป็นระดับอุปจารสมาธินะครับ)

    หรือคล้ายๆอาการผีอำ พอเราทำอะไรก็ตามให้ระลึกตัวขึ้นมาได้
    เราก็จะหายเป็นปกติทันที หรือมีความคิดแบบบังคับ ระลึก
    ความคิดได้จะกลับสู่สภาวะปกติทันที
    แต่ที่ช้ากันเพราะมัวไปสนใจกับนาม
    ธรรมต่างๆ ที่รับรู้ได้ในช่วงสภาวะนี้ ซึ่งสภาวะนี้นะครับโดยปกติ
    จิตจะมีความเป็นทิพย์ สัมผัสรับรู้พวกเรื่องนามธรรมต่างๆได้
    ซึ่งเรามักจะเห็นโน้นนี่นั้น ไปเรื่อยเปื่อย
    แต่จะรู้เห็นอะไรแบบเงียบๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากๆ

    ไม่ใช้ได้ยินอะไรชัดเจนแบบที่ยังไม่ใช่อยู่ในสภาวะ
    กึ่งหลับกึ่งตื่นนะครับ นี่คือผลของจิตที่สงบเฉยๆ...
    ซึ่งเราจะใช้ประโยชน์กัน คือ มาเดินปัญญาครับ
    ด้วยการเข้าและออก และก็เข้าและออกบ่อยๆ
    และเอาเรื่องที่เราพลาด ที่เราเจอจากสติของเรา
    และวางอารมย์ไว้ เช่น พลาดเรื่องความโลภ นึกไว้แล้วลืม
    และมันจะผุดขึ้นมาเองในช่วงนี้ พิจารณาได้ ๓ ถึง ๔ ครั้ง
    ผลจะเท่ากับพิจารณาในกำลังระดับสูง ๑ ครั้ง
    ในเรื่องเดียวกันครับ ส่วนเรื่องใช้งานอื่นๆจะไม่เน้นเท่าไร
    เพราะถ้าทิ้งไม่เป็นจะทำให้เราหลงโลกและหลงตัวเองได้ครับ

    ส่วนปฐมฌานนะครับ คือสภาวะมันคือการจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่ง
    หนึ่งอย่างเดียว โดยที่ทุกสิ่งทุกอย่างในสภาพแวดล้อม
    ยังปกติอยู่ครับ แต่สงสัยใช่ไหมหละ
    ว่าตัวเองน่าจะถึงระดับปฐมฌานบ้างแล้ว
    แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเกิดกิริยาอย่างนั้น
    ให้อ่านต่อไปแล้วจะเข้าใจได้เอง.....




    ถ้าสังเกตุดีๆนะครับ ลมหายใจมันไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ
    เพียงแต่จิตไม่สนใจลมหายใจ ณ ตอนนั้นเฉยๆ
    คือลมหายใจมันหยาบเกินที่จิตจะสนใจ
    จิตจะลดลงมาอยู่ในช่วงคลื่น ๓ Hz ลงมา

    นึกออกไหม เหมือนเรานั่งทำงานอย่างหนึ่งอยู่
    จิตจะสนใจอยู่แต่สิ่งตรงหน้าที่กระทำ พวกปากกา
    โต๊ เก้าอี้ ก็อยู่ปกตินั่นหละครับ เพียงแต่ไม่ได้อยู่
    ในความสนใจเท่านั้นเองครับ ดังนั้นหลายคน
    จึงพลาดตรงที่ไปนึกๆไม่ภาวนาเองแล้วเข้าใจ
    ว่าถึงปฐมฌานไม่ใช่นะครับ คือจิตต้องไม่สนใจเอง
    แต่ทั่วไปพูดว่า คำภาวนาหายไป คือหายไปทางกิริยา
    คือจิตไม่สนใจคำภาวนา ไม่ใช่คำภาวนา
    หรือลมหายใจหายไปไหนนะครับ
    เป็นเรื่องปกติ ถ้าจะพัฒนาระดับให้ไปต่อนะครับ
    ตราบใจ ที่จิตยังสนใจคำภาวนาอยู่
    ไม่ว่าคำใด ให้นั่งทั้งชาติก็ไม่เกินปฐมฌานครับ

    ที่นี้มาฟังต่อว่า สภาวะต่างๆมันเกิดในระดับปฐมฌานได้อย่างไร


    ที่นี้ อย่าลืมว่า นึกภาพตามนะ.....
    อุปจารสมาธิมันจะอยู่ต่ำกว่าปฐมฌานนะครับ
    ในสภาวะอุปจารสมาธิที่การควบคุมการเคลื่อนไหว
    ของร่างกายนามธรรมที่ไม่สมดุลย์
    กับการเคลื่อนไหวร่างกายรูปธรรม
    ในเวลาปกตินั้น

    พอจิตมันขึ้นมาปฐมฌานแล้วนั้น
    และด้วยที่จิตจะเปลี่ยนไปสนใจอย่างอื่นๆแทน
    ซึ่งเป็นอะไรก็ได้นะครับ อ่านต่อไปก่อน

    และด้วยที่มันผ่านสภาวะ
    ที่ระบบประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกายนามธรรม
    ที่ไม่สมดุลย์กับกายรูปธรรมมา และด้วยเอกลักษณะที่จิต
    มีความเป็นทิพย์ในช่วงอุปจารสมาธิ พอจิตยกระดับ
    ขึ้นมาปฐมฌาน(คลื่นลดลง)


    จึงเป็นเหตุให้ ระบบประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหว
    ร่างกายนามธรรมที่ไม่สมดุลย์กับกายรูปธรรมดีขึ้นมา

    งงไหม ทำไมตรงนี้ดีขึ้นมา เพราะว่าในระดับสมาธิที่สูง
    ในระดับกำลังฌาน ๔ นั้น กายนามธรรมกับกายรูปธรรม
    มันจะเหมือนตัดขาดกันอย่างเด็ดขาดชั่วคราว
    กำลังระดับปฐมฌาน คือ มันจะรู้สึกถึงกายนามธรรม
    ดีขึ้นกว่า อุปจารสมาธิ ซึ่งควบคุมกายนามธรรมไม่ค่อยดี
    (สมาธิยิ่งสูง การควบคุมกายนามธรรมจะดีขึ้น
    จนกระทั้งมันแยกกับกายรูปธรรม พอเข้าใจนะ)



    แต่ปฐมฌานมันก็จะยัง
    ติดความเป็นทิพย์ของอุปจารสมาธิมาด้วย
    แต่มันจะไม่ใช่แบบเห็นโน้นนี่นั้นเรื่อยเปื่อย
    แบบอุปจารสมาธิแล้วนะ เพราะจิตมันไม่สนใจแล้ว
    เพราะว่า เห็นโน้นนี่นั้นเรื่อยเปื่อย หยาบไปแล้วนั่นเอง

    เพราะจิตมันยกระดับขึ้นมาแล้ว
    แต่ด้วยที่ปฐมฌานคลื่นมันต่ำกว่า เราจึงรู้สึกได้ว่า
    ในช่วงนี้ แม้เหมือนว่า ในขณะที่เกิดกิริยาใดๆก็ตาม
    ในช่วงนี้ เหมือนเราคิดได้ แต่เราจะยังไม่หลุดจาก
    สภาวะตรงนี้ ไม่เหมือนอุปจารฯ แค่คิดก็กลับมาปกติเลย
    พอนึกภาพออกนะครับ.......
    และที่มันผ่านความเป็นทิพย์มา เลยส่งผลให้กิริยา
    ที่เกิดในปฐมฌาน จะสามารถมาเกี่ยวกับให้เรารู้สึก
    ทางกายนามธรรมได้ชัดเจนกว่า ช่วงอุปจารสมาธิ
    แต่กายรูปธรรมอยู่ปกติ แต่กายนามธรรมจะรู้สึกต่างๆเช่น
    เช่น ตัวพอง ตัวโยก ตัวขยาย ลอยได้ในแนวราบ
    พวกนี้จะมีความรู้สึกว่า กายรูปธรรมมีส่วนร่วมอยู่.......
    แต่จริงๆคือ มันเป็นผลจากการ
    ควบคุมกายนามธรรมได้ดีขึ้นนั้นเอง

    และอีกอย่างหนึ่ง ด้วยที่จิตผ่านช่วงความเป็นทิพย์มา
    และได้กำลังจากการเข้าปฐมฌานหรือลดคลื่นความถี่
    จึงเป็นเหตุให้จิตสามารถทำงานได้นั่นเอง
    ในระดับปฐมฌาน

    ยังไง......จิตจะทำงานได้ ๑.คือเมื่อมีแสงนำ(เห็นเป็นสีต่างๆ)
    หรือ ๒.เมื่อเห็นเส้นสาย(พวกคลื่น อากาศ) หรือทั้งสองอย่าง
    ก็จะเห็นเป็นรูปร่างได้ (คือเส้นสายบวกแสง)

    ที่นี้พอจิตทำงานได้ ก็ขึ้นอยู่กับว่า จิตเรามันทำได้แบบ
    ในข้อที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๑และ๒.นั้นเอง
    พอเข้าใจหรือยังว่า ทำไมบางคนถึงได้เห็นแสงสว่างมากๆ
    สีขาว แต่ว่าไม่เย็น

    สมมุติว่า จิตทำงานได้ เมื่อมีแสงนำ ก็จะเห็นแสงสว่างมากๆ
    บางทีนั่งอยู่ในห้องมืดๆ แต่มองเห็นทุกอย่างชัดเจน
    พูดง่ายๆว่า ตอนนี้ จิตมันทำงาน มันสนใจแต่แสงที่ปรากฏอยู่
    และด้วยปฐมฌาน ที่เกินอุปจารสมาธิมา ถ้าเรานึกอะไร
    ในช่วงนี้ ได้ก็จะยังอยู่ในสภาวะที่ยังมีแสงปรากฏได้อยู่
    เพราะการควบคุมกายนามธรรมมันดีขึ้น คิดก็เป็นนามธรรม
    แต่ไม่หลุดสภาวะ ไม่เหมือนอุปจารฯ ที่ควบคุมกายนามธรรม
    ไม่ดีเพราะยังไม่แยกกับกายนามธรรมดี พอคิดด้วยที่ยัง
    มีบางส่วนติดกายนามธรรม พอเราคิด มันจึงหลุดออกจาก
    สภาวะมาสู่สภาวะที่เป็นกายรูปธรรมนั้นเอง.......
    .

    ถ้าอ่านเข้าใจได้ จะพบว่า การที่จะยกพัฒนาสมาธิไปเรื่อยๆ
    เราก็ทิ้งสภาวะต่างๆออกไปให้หมด ให้เลิกสนใจมัน
    ในที่นี้ ให้เลิกสนใจแสง ด้วยการสะสมสมาธิ
    จิตก็จะยกระดับพัฒนาระดับฌานต่อไป ก็คือ เอากำลัง
    ไปลดคลื่นความถี่ต่อ เมื่อสมาธิสูงขึ้น
    เมื่อผ่านอุปจารสมาธิมาหลายชั้น
    การสัมผัสทางนามธรรมในสมาธิขั้น ๒ และ ๓ มันก็จะน้อย
    ลงตามลำดับเอง นึกออกไหม คือมันห่างช่วงที่จิตเป็นทิพย์มาไกล
    (ถ้าไปเปิดตำราดูว่า มีกิริยาอะไรบ้างจากตำรา
    ของระดับฌานต่างๆจะเข้าใจดีขึ้น)
    จนกระทั่งไปถึงระดับกำลังสูงคือ ฌาน ๔
    ไอ้กิริยาแปลกๆ ก็จะไม่มีเหลือ
    จะเหลือแต่กายนามธรรมที่ออกจากกายรูปธรรม
    ไปสัมผัส สภาพแวดล้อมต่างๆภายนอกอย่างเดียวนั่นเอง

    ปล.ที่เล่าให้ฟังคือพื้นฐาน พอเข้าใจ
    เหตุแห่งการเกิดกิริยาต่างๆ ในระดับสมาธิขั้น
    ต่างๆได้แล้วเนาะ....ถามมาก็เล่าให้ฟังได้


    ถ้าจะไปต่อ ให้จำเอาไว้ว่า
    ถ้าไม่เข้าใจอะไรตอนนั้น ก็ให้เลิกสนใจ เลิกสงสัย ไปเลย
    เราจะไปต่อได้ ด้วยการมาเจริญสติให้ต่อเนื่อง
    ทำสมาธิสะสมไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งถึง
    ระดับที่สูงกว่า เราจะมองเห็นและรู้ได้เอง

    ราวบันได มันก็อยู่ในบันไดที่ขึ้นไปข้างบนเดียวกันนั่นหละ
    เราขึ้นไปแล้ว มองลงมามันก็เห็นขั้นอื่นๆข้างล่างได้หมด
    ของมันเองนั่นหละครับ
    ของอย่างนี้ มันจะรู้ได้ด้วยตัวเราเองอยู่แล้วหละครับ
    พอเข้าใจที่พูดเนาะ เข้าใจแล้วจะได้ ไป begun ต่อ....(^_^)
     
  7. Begin again

    Begin again Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +194
    ขอบคุณครับคุณ nop
    เป็นอีกเรื่องที่ถามใครไม่มีใครอธิบายให้เข้าใจได้เลย ก็มีคุณ nop นี่แหละครับที่ช่วยชี้ทางสว่างให้ได้ ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...