สอบถามเรื่องการทำสมาธิแล้วนอนไม่หลับค่ะ

ผมให้สติแล้ว คือ ไม่ไช่กะลาธรรมดา แต่เป็นกะลาทองคำ
แถมให้กำลังใจ ด้วยว่า เป็นถึงเจ้าสำนัก
ผมยกย่องเชิดชูถึงขนาดนี้เลยน้า อิ

 

เป็นกันได้ปกติ
เพราะเราไปเผลอระลึกสติขึ้นมา
ร่างกายเลยเข้าโหมดคล้ายลืมตาปกติ
มันก็เลยทำงาน เป็นสาเหตุให้นอนไม่หลับ
ซึ่งเป็นอาการปกติของคนที่เริ่มมีสติ
แต่อาจวางไม่เป็นอย่างคาดไม่ถึงนี่ก็ปกติ


วิธีแก้ถ้ามันระลึกอะไรได้ให้เฉยๆ อย่าลืมตา(สำคัญ)
และไม่ต้องไปสนใจ มันจะคิดอะไรก็ปล่อยมันคิดไป
เด่วจะหลับได้เอง

และตอนเช้าก็อาจจะระลึกอีก ก็อย่าพึ่งลืมตา
แต่ให้ย้อนนึกว่า เมื่อวานทำอะไรมาบ้าง
เราพลาดตรงไหน ถ้าฝันคืนนั้น
ก็พยายามนึกเรื่องราวให้ได้
พอลืมตาแล้วให้ลืมซะ
จะทำให้ได้กำลังสติเพิ่มขึ้นอีก


ทีนี้ก่อนจะนอนก็ให้หลับตาแล้วระลึกอีก
ว่าวันนี้ทำอะไรมาบ้างเช่น แต่งตัวอย่างไร
ไปไหนมา กินข้าวกับใครอะไร มีนิสัยตรงไหน
พลาดบ้าง เผลอด่าใคร นินทาใครบ้าง
ไปแอบกรี้ดกร๊าดใครบ้าง ฯลฯ
ทีนี้ตรงไหนพลาดให้เราจำไว้และแก้ไขซะ
ว่าในระหว่างวันจะพยายามไม่ให้เกิดอีก

และก่อนตื่นให้ระลึกอีกทีกอนที่จะลืมตา
ทำย้อนอย่างนี้ได้ ๓ วันจะเห็นผล ย้อนได้ ๗ วัน
จะเห็นผลชัดขึ้น หากย้อนได้ ๒ เดือนจะเกิด
เครื่องรู้ในการย้อนอดีตชาติได้อัตโนมัติ
และถ้าเราเคยทำอะไรพิเศษได้มาก่อน
มันจะค่อยๆขึ้นมาได้เองตามลำดับ
แบบไม่ต้องไปเกร๊งก้ามตะรูดฝึกให้เมื่อยก้น
ปวดหลัง ปวดขา
บวกกับได้ปัญญาทางธรรมในการตัดกิเลส
ขึ้นมาเล็กน้อย
ปล.เป็นวิธีการหนึ่งที่น่าจะเหมาะ
โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบนั่งฝึกสมาธิ
อย่างเป็นทางการแต่อยากจะเท่ห์บ้าง หล่อบ้าง
สวยบ้างเล็กน้อย เอาไว้ทำให้เด็กดูพอขำๆ
แบบได้ทั้งความสามารถและปัญญาทางธรรม
ไปพร้อมๆกันแบบที่จะไม่หลงตัวเองด้วย

 

คุณทำถูกวิธีแล้ว แต่คุณเข้าญาน มากไปหน่อย ไม่ยอมออกจากญานง่ายๆ ทรงญานอยุ่ตลอดเวลา โดยไม่ทำตามขั้น คือ เข้า ญานหนึ่ง ไป ญานสอน ไป ญานสาม ไป ญานสี่ แล้วก็แช่อยู่อย่างนั้น ซึ่งอาการแช่นั้น จะเรียก อุเบกขารมณ์ หรือ อุเบกขาญาน

นี่ถ้าหากว่า เสริม วิปัสสนาเข้าไปด้วย อาจจะสำเร็จมรรคผลนิพพาน เลยก็ได้ สรุปก็คือ ไปหาพระที่สอนวิปัสสนา แล้วฝากตัวเป็นศิษย์ซะ จะได้มีครูบาอาจารย์คอยชี้แนะ อย่าช้า เพราะ สายน้ำไม่คอยท่า วารีไม่คอยใคร ลมหายใจอาจจะอยู่ไม่นาน ระวัง เทวทูติทั้งสี่ให้ดีๆ ความตายเกิดได้ตลอดเวลา

 

ถ้าชอบก็ทำไปเลยครับ เพียงแต่ว่า เพิ่มวิธีนี้เข้าไปด้วย คือ พิจารณาพระไตรลักษณ์เข้าไปด้วย คือ ไม่เที่ยง ก่อทุกข์ ไม่ใช่ของเรา โดยเฉพาะเมื่อ โลกธรรมแปดมากระทบจิตเรา ให้เราพิจารณาในสามอย่างนี้ทันที ทำไปทำมาเมื่อคล่องดีแล้ว ก็จะเป็น ญาน อย่างหนึ่งเหมือนกัน

 

ส่วนตัว ขอแนะนำ หากเป็นผู้หญิง ไม่ควรเอารูปที่เห็นแบบชัดเจน มาแทนตัว จะทำให้พระหนุ่มเณรน้อย เกิดกิเลสโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจ

 

ใช่แล้วครับ มันสลับกับตาลปัตร ไปหน่อย นี่ถ้าหากเป็น พระ จะเรียกว่า อาจารย์ด้านการเข้าญานได้เลย แต่พอคุณไม่ใช่พระ สิ่งที่ควรจะเป็นประโยชน์ กับเป็นโทษต่อชีวิตประจำวัน นั่นเอง

 

เมื่อผ่านตรงนี้แล้ว ก็จะรู้เองว่า ทุกสิ่งย่อมเป็นไปได้ อย่าไปคิดล่วงหน้า แต่จงทำเสียก่อน เมื่อเจอปัญหาก็ค่อยไปหาทางแก้เอา หากมัวแต่กล้ว แล้วไม่ทำอะไร ก็จะเสียโอกาสที่มีครูอาจารย์มาเต็มพร้อม เพื่อคอยแนะนำอยู่แล้ว อย่าให้เสีย และ อย่าให้เสียชาติเกิด

 

คุณ นิล การปฏิบัติอย่าพยายามคิดเอาครับ
ถ้าเจ้าของกระทู้ เก่งขนาดเข้าฌานคล่องถึง
ฌาน ๔ คงจะไม่เข้ามาถามอะไรหรอกครับ..
เพราะเรื่องที่ถามมันเกี่ยวกับสติที่มากไป
แล้วอาจวางไม่เป็นเฉยๆ ไม่ต้องพูดไปไตรลักษณ์
ไปเรื่องโน้นเรื่องนี้หลอกครับ
คุณ ก็คิดไปเรือยเปื่อย..
ระวังนะครับ อาการอย่างนี้
แล้วอย่าหาว่าไม่เตือนเด้อ...

 

คนถาม

คนถามเขาอายุมากแล้ว ผมกะดู น่าจะราวๆ สี่สิบกว่าๆ จะห้าสิบแล้วมั้ง
นี่คุณยังคิดเรื่องนี้อยู่อีกรึ ?
คุณพูดเรื่องนี้ ก็แสดงว่า คนที่คิดก็คือคุณนั่นแหละ
เหมือนนิ้วมือ นิ้วชี้ ชี้ไปที่คนอื่นนิ้วเดียว แต่อีกสี่นิ้วชี้มาที่ตนเอง...

 

หากเค้าเคยเป็นศิษย์ของคุณ คุณสอนเค้ายังไง เค้าก็จะเข้าใจได้เอง
หากไม่เคยสอนกันบอกให้ตายก็ไม่เข้าใจ คนละสาย คนละแนวทาง
ผมก็แค่คนบอกทาง ทำได้ทำไม่ได้ เจ้าของกระทู้ จะต้องไปฝึกเองทำเอง แล้ว เห็นผลเอง หากเค้าไม่ทำวิปัสสนาเพิ่ม แต่อยากเข้าญาน อยากได้ญาน หรือ อยากได้ฤทธิ์ อันนี้ก็จะแสดงว่า ยังไม่ถึงเวลาของเค้า วาสนาด้านการบรรลุธรรมยังไม่มี ก็คงต้องปล่อยไปก่อน แต่หวังไว้ลึกๆว่า จะมีท่านอื่นที่่เจออาการอย่างเดียวกัน เข้ามาอ่าน แล้วจะสามารถเข้าใจได้ ศึกษาได้ ปฏิบัติได้ ก็ขอ อนุโมทนา ล่วงหน้า

 

เอาที่สบายใจเลยครับ

 

เคยเป็นเหมือนกัน แรกๆภาวนาขณะนอนก็หลับไป
หลังๆกลับตาสว่างทั้งคืน ไม่ยอมหลับ
เลยเลิก
ลองเปลี่ยนมาอัดเสียงตัวเราเองลงมือถือ อาจเป็นคำภาวนาหรือคำสวดหรืออะไรก็ได้
แล้วเปิดฟังเบาๆตอนนอน เปิดแบบให้วนไปวนมา จาหลับได้ง่ายมากกว่านอนภาวนาแบบสดๆอีก

 

หากผมมองรูปน้องเค้าแล้ว แว๊ปแรกที่เห็น แล้วไม่เกิดกิเลส
ก็คงจะบอกมุมมองของผมไม่ถูก
แต่ผมเห็นมาเยอะ ขนาดพระ 70 กว่าปี พรรษา 50 กว่า
ก็ยังเคยพลาดจุดนี้มาเล้ว ลองตรองดูเถิด

 

ชัดเจนดี..๕๕๕๕๕
ยังถือว่า มีความเป็นลูกผู้ชายอยู่บ้าง..

ขอพูดแบบรวมๆว่า
งงมากว่า ห้องอภิญญาสมาธิมีพระหนุ่มเณรน้อย
มาเล่นประจำด้วยหรือห้องนี้ไม่วัดนะครับ ๕๕๕๕๕๕
ทำไมเหรอ กลัวพระกลัวเณรจะมาเกิดกิเลสหรือ
ว่าจะมาจีบสาวๆในห้องนี้หรือครับ
เป็นเจนตาที่ดีแบบประหลาดๆ ๕๕๕๕๕๕

ถามหน่อยว่า ผู้หญิงคนหนึ่งถ่ายรูปแบบเต็มตัว
แล้วมีคนอื่นๆมาเห็นไม่ว่าจะอยู่ในสถานะภาพใด
ถามหน่อยว่า จิตของใครที่คิดอกุศลครับ
รูปหรือจิตที่ดูรูปครับ...
จิตไหนที่ดึงเข้ามาจนปรุงแต่งเป็นอกุศลครับ....
นี่แค่รูปถ่ายธรรมได้ ไม่ใช่รูปถ่ายที่ก้มจน
เห็นสะดือซะหน่อย ยังคิดไปได้..
นี่ถ้าประเทศไทย มีจิตคิดแบบนี้ สงสัย ผู้หญิงไทยคงต้อง
แต่งตัวโผลผ้าคลุ่มหัวโผล่แต่ลูกนัยต์ตาแล้วมั่ง ๕๕๕๕๕


จะบอกอะไรให้..ถ้าจิตมันบ้ากาม มีจริตคิดอกุศล
หื่นๆกามๆ ต่อให้มันจะพยายามสร้างภาพว่ามันเหมือนกับบรรลุ
อรหันต์ก็ตาม(ย้ำว่าสร้างภาพ) หรือสร้างภาพมีความสามารถระดับต้องเหาะได้
หายตัวได้(ย้ำว่ามีแต่ภาพนะ)ถ้าทำได้อย่างที่พูดนะ...
จิตนั้นมันเห็นแค่เป็นผู้หญิง ไม่ว่าต้องเห็นรูปหรือเห็นอะไรหรอก
มันก็คิดอกุศลได้หมดแระครับพูดตรงๆนะ...
นี่พูดแบบรวมๆนะ แต่สำคัญที่ว่า ยอมรับความจริงได้หรือเปล่า

ส่วนตัวมองนะ..ไอ้จิตที่มันทำเป็นออกมาพูดหรือทำมาเตือนนั่นหละ
ที่มันคิด ที่มันแอบหื่นอยู่คนเดียว ฟันธง.....
ถ้าสมัยก่อนเวบนี้มีการเตือนไม่ให้ลงรูป
เพราะเชื่อว่ามีการทำสิ่งไม่ดีและได้ลง
คาถามหาสะท้อนไว้ด้วย
ถ้าจิตไหนไม่ไหวจริงๆ หรือ ผลการปฏิบัติที่ผ่านมาที่โม้ระดับโลกช่วยไม่ได้
แนะนำไปออกกำลังกายที่ท้องสนามหลวงไป๊....ซิวๆ..
หรือจะไปกลางทุ่งนาก็ได้นะครับลมมันแรงดี ๕๕๕๕
ปล.ว่าจิตนะไม่ได้ว่าคน.......๕๕๕๕

 

แลดูว่ารูปโปไฟล์จะมีปัญหาให้ถกเถียงกันซะจริง...เปลี่ยนซะเรยยยยย หมดเรื่อง จบปิ๊งงงง!!!!!!! (หนูน่ารักมั๊ยคะ ตาโต ปากจู๋ ติดโบว์สวยเชียว 5555)

 

ผมแค่จะพยายามเตือนเจ้าของกระทู้ ถึงความเป็นไปได้ ที่อาจจะตัดเส้นทางการบรรลุธรรมในโอกาสต่อไป พร้อมทั้งยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้ดู ส่วนใครจะว่าอย่างไร มันก็เป็นมุมมองของแต่ละคนที่สามารถมองต่างมุมกัน หากมองเพียงแต่ด้านเดียว คุณก็จะเห็นแต่ด้านที่คุณอยากดู อยากเป็น อยากเห็น ไม่ใช่จิตใจเบื้องลึกที่เห็นได้จริงๆ มันจะเห็นตามประสพการณ์ และการศึกษาธรรมของผู้นั้นมากกว่า ไม่ใช่การเห็นแบบใช้จิตสัมผัส

 

ถ้าบอกว่ารูปลิงน่ารักกว่า
จะเคืองเป่าว๊า ๕๕๕

 

น่าจะลองหาน้ำอุ่นๆดื่นนะครับ ลองทำให้จิตชินกับ วิตก เวลาตื่นมาวิตกก้ให้คิดปล่อยไปจะวิตกอย่างไรก้ปล่อยไป รู้ว่ามีวิตกแล้วก้ปล่อยวิตกไป อย่าสนว่าจะภาวนาอย่างไรปล่อยไป

 

ที่บอกว่า พระหนุ่มเณรน้อย
ผมจะหมายถึง ผู้ที่เข้ามาศึกษาธรรมใหม่
ยังไม่เข้าใจ ในเรื่องการปฏิบัติเท่าที่ควร
ก็จะติดแหง็ก หาใครแนะนำได้ยาก
ในฐานะรุ่นพี่ ก็ควรเตือนกันไว้
เพราะว่า ผู้ที่ศึกษาใหม่ ไหวพริบปฏิภานจะไม่ค่อยมี
ไม่ว่าจะทำอะไร ก็จะทำตรงๆ ไปเลย
ไม่มีเดินอ้อม กระโดดข้าม
ก็จะเหยียบทุกอย่างที่เดินผ่านไป
สุดท้าย ไม่เละเป็น โจ๊ก ก็เท้าแหกไป

 

รบกวนช่วยแปลก่อนด้วยนะครับทีหลัง
เพราะคนทั่วไปก็อ่านแบบธรรมดา
ไม่ได้ใช้จิตสัมผัสเหมือนที่คุณบอกเช่นกัน
แต่คาดว่า อาศัยจากคำถ่ายทอด
ที่จะแสดงถึงเจตนาผู้ถ่ายทอด
ภาษานักสืบเค้าเรียกว่า พิรุธ ครับ
นักปฏิบัติเรียก กิริยาซ่อนเร้นภายในจิต
ถ้าเอาฮา เค้าเรียกว่า เรื่องนี้มันมี เงี้ยนงำ เฮ้ย!!ไม่ใช่
มีเงื้อนงำ ขอโทษสะกดผิดไปหน่อยครับ ๕๕๕

ถ้านี้ไม่ใช่ความคิดที่พึ่งมาคิดได้ทีหลัง
ถือว่าเป็นเจตนาที่ดีมากนะครับ
และก็ควรมีเป็นปกติครับ
แต่ที่ผมได้อ่านคือ จะทำให้เกิดกิเลสนะครับ
นี่ครับที่คุณเขียนตอนแรก ยกมาเผื่อคุณลืมว่าพูดอะไรไปบ้าง

แต่สัญญาผมกับคุณมันต่างกันนะครับ
พระหนุ่มกับเณรน้อย
พระหนุ่มคือนักบวชชายในพุทธศาสนา
ที่อายุไม่มากและยังดูหนุ่ม หรือ
อายุมากแต่ดูภายนอกหนุ่มก็ได้ครับ
เณรน้อย ก็คือ ผู้ที่บวชแต่อายุไม่ถึงเกณฑ์
ที่จะเรียกพระครับ แบบหยาบๆนะครับ
อยากรู้ละเอียดไปถามอากู๋ google นะครับ

ปล.คุณลองย้อนอ่านข้อความตัวเองที่ผมอ้างอิง
อีกซักรอบนะครับ ว่าประเด็นที่คุณพูด
มันเกี่ยวกับเรื่องการใช้รูปตัวเองมาลงอย่างไร

ถามแบบตรงๆว่าที่คุณตอบอธิบายความหมายของ
พระหนุ่มเณรน้อยของคุณแล้ว มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องรูป
แทนตัวที่เอามาลงครับ
เห็นพูดแต่ประเด็นเรื่องการปฎิบัติของผู้ศึกษาใหม่
ว่าจะติดแหงก
ผมก็อ่านกระทู้นี้นะครับ ยังไม่เห็นมีใครบอกว่า
เห็นรูปแทนตัวแล้ว ผมเนี่ยเกิดกิเลส
มีใครแนะนำแนวทางการปฏิบัติให้ผมได้บ้างครับ
ที่อ่านมาเห็นข้อความข้างล่างนี้นี้ข้อความเดียวครับ
คนเดียวกันกับคุณหรือเป่าครับ

แล้วกรณีข้างบนนี้คือผู้ที่ศึกษาธรรมมานานแล้วหรือเป่าครับ
ถ้าคุณบอกว่าพระหนุ่มเณรน้อย
คือผู้ที่เข้ามาศึกษาธรรมใหม่
เป็นฆารวาสแบบเราๆที่เข้ามาในห้องพลังจิต
ด้วยหรือเป่าครับ

ที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้จะหาเรื่องคุณนะครับ
คาดว่าคุณคิดอะไรได้ก็จะตอบไปอย่างที่คิด
นึกอยากจะสื่ออะไรก็จะสื่อออกไปอย่างนั้น
แต่คุณอาจจะลืมว่าคุณเคยพูดอะไรไว้ก่อน
หน้านั้นหรือไม่ ด้วยเหตุเพราะอะไรก็ไม่ทราบ
แต่เพราะคำพูดและการถ่ายทอดคุณมันเหมือนมีอะไร
แอบแฝงซ่อนเร้นอยู่ภายใน(ผมเดาเอานะ)

จากที่ส่วนตัวกล่าวและอ้างอิงข้อความคุณ
แล้วยกมาให้คุณอ่านอีกรอบ
ไม่ทราบว่าคุณได้แง่คิดอะไร
เพิ่มเติมบ้างไหมครับ
เกี่ยวกับวิธีคิดและการถ่ายทอดของคุณครับ
ชัดเจนนะครับ