สักการะ "พระธาตุดอยกองมู" เมืองสามหมอก

ในห้อง 'วัดและศาสนสถาน' ตั้งกระทู้โดย guawn, 14 มีนาคม 2007.

  1. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    สักการะ "พระธาตุดอยกองมู" เมืองสามหมอก

    มุกดา เติบสูงเนิน



    เส้นทางการเดินทางที่มาพร้อมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

    เมื่อมาถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอน สถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่ไปไม่ได้ คือ การไปสักการะพระธาตุดอยกองมู พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวแม่ฮ่องสอน ซึ่งตั้งอยู่บนดอยกองมูทางทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน สามารถเดินทางโดยแยกจากทางหลวงสาย 108 ตรงบริเวณอนุสาวรีย์พระยาสิงหนาทราชาขึ้นไปทางซ้ายมือ เป็นทางลาดยางขึ้นภูเขาไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึงบริเวณวัด

    นอกจากจะได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความสบายอกสบายใจแล้ว บนดอยแห่งนี้ยังเป็นจุดชมวิวสำคัญอีกจุด สามารถมองเห็นภูมิประเทศของเมืองแม่ฮ่องสอนได้ทั้งเมือง...ถ้าหมอกไม่ลงหนาจนเกินไปนัก

    พระครูอนุสิฐธรรมสาร เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยกองมู เล่าประวัติของวัดพระธาตุดอยกองมู ว่า เนื่องจากวัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขากองมู แต่ก่อนจึงเรียกกันว่า "วัดปลายดอย" มีความหมายว่าวัดที่อยู่บนยอดเขา

    ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดพระธาตุดอยกองมู" สอดคล้องกับชื่อของยอดดอย คือ กองมู คำว่า "กองมู" เป็นภาษาไทยใหญ่แปลว่า "พระเจดีย์"

    "ดอยกองมู" จึงแปลได้ความว่า ภูเขาที่มีลักษณะคล้ายเจดีย์

    เล่ากันว่า การสร้างวัดพระธาตุดอยกองมู นั้นมีขึ้นในปี พ.ศ.2403 โดยนายจองต่องสู่ และภรรยาชื่อ นางเหล็ก เป็นผู้สร้างวัดพระธาตุดอยกองมู

    ในเบื้องต้นนั้นได้สร้างกุฏิและพระเจดีย์ (องค์ใหญ่) ภายในพระเจดีย์ได้บรรจุพระธาตุของพระมหาโมคคัลลานะเถระ ที่พระอู่ปั่นเต๊กต๊ะชาวเมืองตองกี่ ได้นำมาจากเมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่า และพระอู่ปั่นเต๊กต๊ะนี่เองที่รับนิมนต์เป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดนี้เรื่อยมากระทั่งนายจองต่องสู่ได้เสียชีวิตลง พระอู่ปั่นเต๊กต๊ะจึงกลับไปเมืองตองกี่พม่าบ้านเกิดของตน

    จากนั้นมาตำแหน่งเจ้าอาวาสก็ว่างลง ซึ่งในช่วงนั้นเอง "ชานกะเล" ได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าเมืองเชียงใหม่ให้เป็นเจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก และได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น "พญาสิงหนาทราชา" เมื่อปี พ.ศ.2417

    ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองและเป็นอนุสรณ์ของการได้เป็นเจ้าเมืองคนแรก พญาสิงหนาทราชาจึงสร้างพระเจดีย์ขึ้นอีกองค์หนึ่ง ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าองค์ที่มีอยู่เดิม โดยบรรจุพระธาตุของพระสารีบุตรเถระที่พระอู่เอ่งต๊ะก๊ะ นำมาจากเมืองมัณฑะเล ประเทศพม่า หลังจากนั้นจึงนิมนต์พระอู่เอ่งต๊ะก๊ะเป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 2 ต่อจากพระอู่ปั่นเต๊กต๊ะ

    หลังจากนั้นวัดแห่งนี้ก็มีการผลัดเปลี่ยนเจ้าอาวาสไปตามวาระกระทั่งถึงรูปปัจจุบัน คือ พระครูอนุสิฐธรรมสาร

    อย่างไรก็ตามในส่วนของพระเจดีย์และกุฏิพระที่สร้างมาแต่เดิม แม้จะได้รับความเสียหายเพราะกาลเวลาและภัยธรรมชาติ เช่น แดด ฝน ลม ไฟป่า และไฟไหม้ ยังคงได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์อย่างสม่ำเสมอ โดยความเอาใจใส่ดูแลจากฝ่ายปกครองและประชาชนทั่วไปที่ร่วมใจกันบริจาคเงินสมทบทุนบูรณะวัดเรื่อยมา ด้วยถือกันว่าเป็นวัดที่หากใครมาเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้วต้องมากราบพระธาตุดอยกองมูเสียก่อน จึงจะถือได้ว่ามาถึงเมืองสามหมอกจริง

    สำหรับการไหว้พระธาตุดอยกองมูนั้น นิยมทำโดยถวายปัจจัยตามศรัทธากำลังเงินและเดินไปหยิบพานดอกไม้ที่ประกอบด้วย ไม้สะพาน 2 อันวางเป็นฐานอยู่ล่างสุด ซึ่งให้ความหมายว่า เป็นสะพานชีวิตช่วยต่อชีวิตให้ยืนยาว ต่อมาเป็นไม้ค้าน ความหมายคือช่วยค้ำจุนชีวิตให้อยู่รอดปลอดภัย และบนสุดจะประกอบด้วยดอกไม้และธูปเทียน

    จากนั้นให้เดินรอบพระเจดีย์ทั้งหมด 3 รอบ และให้เดินไปหยุดไหว้ตามวันเกิดของตน เพราะรอบๆ พระเจดีย์จะมีพระประทับประจำวันเกิดอยู่ เมื่อเวียนครบรอบก็นำพานดอกไม้ไปวางและกราบไหว้พระเพื่อขอความเป็นสิริมงคลให้เกิดแก่ตนเองและครอบครัว

    ส่วนใครที่มีโอกาสเดินทางไปในช่วงเดือนตุลาคม ปะเหมาะเคราะห์ดีจะได้ร่วมงานบุญประจำปีของที่วัด ซึ่งจะมีขึ้นในวันขึ้น 11-15 ค่ำเดือน 12 รวม 5 วัน


    ref.http://www.matichon.co.th/matichon/...g=01pra06140350&day=2007/03/14&sectionid=0131
     

แชร์หน้านี้

Loading...