เรื่องเด่น สังขารุเปกขาญาณ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย NAMOBUDDHAYA, 28 มกราคม 2018.

  1. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    14444-1.jpg

    สังขารุเปกขาญาณ

    "สังขารุเปกขาญาณ" ก็หมายถึงการวางเฉย ไอ้ความจริงวางเฉยนี่มันพูดไปตามตัวหนังสือ หนังสือนะถ้าวางไว้มันก็เฉย เฉยไหม เฉยก็ตายแล้วใช่ไหม ไอ้คำว่าวางเฉยในที่นี้ก็หมายความว่า เราก็คิดว่าชีวิตนี้มันมีความทุกข์ ถ้าเราจะต้องเกิดอีกมันก็มีสภาพแบบนี้ คนที่มีฐานะต่ำที่สุด ที่เรียกกันว่า"มหาทุคตะ" คือจนมาก กับคนที่มีระดับถึงมหาเศรษฐีก็มีสภาพเท่ากันคือทุกคนก็มีทุกข์ใช่ไหม

    เพราะมีความหิวเหมือนกัน มีหนาวเหมือนกัน มีร้อนเหมือนกัน มีปวดอุจจาระปัสสาวะเหมือนกัน มันเป็นความทุกข์ แล้วเราทำยังไง เราก็ต้องคิดว่าต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องการเกิด ใช่ไหม! อารมณ์ที่ต้องการความเกิดไม่มีสำหรับเรา เราปฏิเสธการเกิดเสียเลย เราจะมีการเกิดชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย นี่เป็นการตัดอวิชชา อันนี้ถือว่าเฉยในการเกิดเสีย ใช่ไหม!

    แต่ว่าเฉยในการเกิด มันไม่ได้เฉยในอารมณ์ของความเป็นทุกข์ ไอ้ความทุกข์ทางกายมันยังคงมีอยู่ ยิ่งทุกข์มากเท่าใดเราก็มีความเบื่อมากเท่านั้น นี่เป็นเครื่องเตือนใจนะถ้าเราเห็นว่าร่างกายมันเป็นทุกข์ หรือความเป็นอยู่มันเป็นทุกข์ เกิดมานี่ไปทางไหนมันก็ทุกข์ทั้งหมด มันเป็นตัวอริยสัจ

    อริยสัจ

    อริยสัจท่านขึ้นต้นด้วยความทุกข์ ต่อมาพระพุทธเจ้าท่านบอกว่าถ้าเราจะปลดเปลื้องความทุกข์ ก็ต้องหาเหตุของความทุกข์ ว่าอะไรมันเป็นทุกข์ อะไรมันทำให้เป็นทุกข์ นั่นก็คือตัณหา คำว่า ตัณหาก็ได้แก่ความอยาก ตรงนี้ก็สรุปสั้น ๆ ได้ว่าอยากอะไรมันจึงเกิด ก็อยากเกิดหมดเรื่อง ใช่ไหม! เพราะเราอยากเกิดเอง และปัจจัยที่ทำให้เราเกิดก็ได้แก่กิเลส ตัณหา อุปาทาน อกุศลกรรม

    ทำลายเหตุให้เกิดทุกข์

    จงอย่าลืมว่าเราฝึกฝนกันที่ใจ เรื่องกายนี้ไม่มีความหมาย กายมันเป็นที่อาศัยของใจ ความบริสุทธิ์ผุดผ่องจะมีขึ้นมาได้หรือไม่ได้ มันอยู่ที่ใจเป็นสำคัญ ถ้าใจดีเสียอย่างเดียว ปากก็พูดดี กายก็ทำดี ถ้าใจเลว ปากก็พูดเลว กายก็ทำเลว ฉะนั้นเวลาที่ฝึกจะต้องใช้ มัชฌิมาปฏิปทา คือทำปานกลาง หมายถึงว่าทำแบบสบาย ๆ อารมณ์ฝืนทางกายอย่าให้มี ปล่อยกายมันไปตามปกติ

    มันอยากจะนอนก็ให้มันนอน มันอยากจะนั่งก็ให้มันนั่ง มันอยากจะเดินก็ให้มันเดิน มันอยากจะยืนก็ให้มันยืน ฉะนั้นเราจะทำลายทุกข์ให้พ้นไป และก็จะไม่มีกายขึ้นมาได้ก็ต้องทำลายตัวเหตุที่สร้างกายมารับความทุกข์ ตัวเหตุที่สร้างกายมารับความทุกข์ นั่นก็คือสมุทัย คำว่าสมุทัย ตัวเหตุให้เกิดทุกข์ก็ได้แก่ ตัณหา ๓ ประการ

    ๑.อารมณ์ความอยากได้ในสิ่งที่ไม่มี อยากจะให้มีขึ้น
    ๒.สิ่งที่มันมีขึ้นแล้วก็ตะเกียกตะกายป้องกันไม่ให้มันทรุดโทรม
    ๓.พอทรุดโทรม จะพัง ก็ป้องกันไม่ให้พัง ในที่สุดก็ป้องกันไม่ได้ มันก็เป็นทุกข์

    ฉะนั้นเราต้องตัดจุดนี้ การตัดก็ตัดด้วยอริยมรรค คือสัมมาทิฏฐิ ตัวปัญญาความเห็นชอบ และก็สัมมาสมาธิเป็นตัวสุดท้าย ตั้งใจไว้ชอบ

    การตั้งใจทรงอารมณ์เป็นของสำคัญ ถ้าอารมณ์มีความมั่นของจิต การทรงอารมณ์จิตดีหรือไม่ดีอยู่ที่ร่างกายสมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์ ถ้ากำลังร่างกายดี ประสาทดี จิตก็มีกำลังดี กำลังกายไม่ดี จิตก็มีกำลังไม่ดี ฉะนั้นก็ควรจะใช้ทั้งสองอย่าง คือ กำลังของจิตในเมื่อร่างกายสมบูรณ์ ได้แก่ สมาธิ เป็นตัวสนับสนุนสร้างกำลังให้มีอำนาจเหนือกว่าความต้องการ ที่เรียกกันว่าฌานโลกีย์

    นอกจากนั้นองค์สมเด็จพระชินสีห์ก็ตรัสว่า ต้องใช้ปัญญาพิจารณาด้วย ให้เห็นตามความเป็นจริงว่าร่างกายทั้งชายและหญิงมันเป็นอนิจจัง เป็นของไม่เที่ยง มันเป็น ทุกขัง มันเป็นทุกข์ มันเป็น อนัตตา พังไปในที่สุด

    ⚘ เมื่อร่างกายเป็น โรคนิทธัง มันเป็นรังของโรค ปภังคุณัง เน่าเปื่อยไปในที่สุด ขณะเมื่อทรงตัวอยู่ร่างกายก็มีแต่ความสกปรกโสมมหาอะไรดีไม่ได้ เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเทศน์จบ ทรงชี้เหตุว่า เหตุนี้แหละบรรดาเธอทั้งหลาย ถ้าเธอสามารถปฏิบัติได้ตามนี้ กิจที่จะต้องทำของเธอก็ไม่มีอีกแล้ว.

    ✴✡หลวงพ่อพระราชพรหมยานมหาเถระ วัดท่าซุง อุทัยธานี
    ✏จากหนังสือทางสายเอก


    ***************************************


     
  2. madeaw23

    madeaw23 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +188
    กราบสาธุครับ
     
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    4386951.jpg


    เรื่อง..* อรหันต์ ชั่วคราว *

    ..." พระอรหันต์ มีความสำคัญอยู่อย่างเดียว คือ "สังขารุเปกขาญาณ"

    .. หลวงพ่อวัดพระพุทธบาทตากผ้า ท่านบอกว่า "อรหันต์ชั่วคราว" หรือ "ขณิกอรหันต์" หรือ "ขณิกนิพพาน" แต่ว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นบ่อย ๆ อารมณ์มันจะชิน

    .. อย่าลืมนะคุณนะ บางครั้ง เราอาจจะเห็นว่า ร่างกายของเรานั้น ไม่เป็นเรื่อง ร่างกายมีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น มีความแปรปรวนไปในท่ามกลาง มีการสลายตัวไปในที่สุด

    * การมีชีวิตอยู่ ก็ประกอบการงานมีความลำบาก แล้วในที่สุดก็ต้องตาย ถ้ายังเวียนว่ายตายเกิดอยู่เราก็ต้องเกิดอย่างนี้ต่อไป จิตใจเกิดวางเฉยในร่างกายขึ้นมา คิดว่า ร่างกายอย่างนี้มันจะตายเมื่อไหร่ก็เชิญตาย แต่ฉันจะไปนิพพาน

    * อารมณ์อย่างนี้เคยมีไหม นี่แหละ เวลานี้ถ้าจิตแบบนี้ มันเป็น "อรหันต์บางครั้ง" หรือ "อรหันต์ชั่วคราว"

    .. แต่ขณะที่เป็น "อรหันต์ชั่วคราว" นี่ ใครจะมาด่าที่หลังบ้านนี่ ไม่ได้นะ เดี๋ยวอรหันต์ลากลับ นักเลงมาแทน ( หัวเราะ ) แต่ไม่แน่นะ เพราะจิตมันมีอารมณ์หนักกว่า

    .. คำว่า "หนัก" นี่เรียกว่า "บุญมากกว่า"

    * ฉนั้น การเจริญพระกรรมฐาน และการทำบุญของบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ทุกคนก็อย่าประมาทในชีวิต.. อย่าคิดว่าเราจะไปนิพพานไม่ได้..."

    ( จาก หนังสือ "ธัมมวิโมกข์" เล่มที่ ๓๔๙ หน้าที่ ๖๖ ของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี.. คัดลอกโดย ยุพยง พัฒนเจริญ )
     
  4. madeaw23

    madeaw23 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +188
    กราบสาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...