เรื่องเด่น สังคมไทยมีผู้ไม่นับถือศาสนา บางคนนับถือแต่เพียงในทะเบียนบ้าน?!?

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 20 กันยายน 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    tnews_1505867199_8484.jpg

    ศาสนิกชนศาสนาต่างๆอยู่ร่วมกันโดยอิสรเสรี!?! สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระโอวาท สังคมไทยมีผู้ไม่นับถือศาสนา บางคนนับถือแต่เพียงในทะเบียนบ้าน?!?


    จากกรณีเจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลง ณ พระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วันอังคาร ที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๐ ประทานพระวโรกาสให้ นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กรรมการสภามหาวิทยาลัย และผู้บริหารมหาวิทยาลัย เฝ้า ถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศาสนศึกษา การนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระโอวาท ความตอนหนึ่งว่า

    "ศาสนา มีความหมายว่า 'คำสั่งสอน' ดังนั้น การเอาใจใส่ศึกษาเรียนรู้ศาสนธรรมคำสั่งสอนอย่างถูกต้องเป็นระบบ ย่อมก่อให้เกิดคุณประโยชน์หลายสถาน เพราะสังคมย่อมไม่อาจแสวงหาสันติสุขได้โดยแท้ หากว่าปราศจากการประพฤติปฏิบัติตามศาสนธรรม

    คุณสมบัติเบื้องต้นของความเป็นพลเมือง ที่บรรพชนไทยสั่งสมอบรมมาช้านาน จึงได้แก่การให้อนุชนทุกคนนับถือศาสนา ให้แต่ละคนหมั่นศึกษาอบรมตนให้อยู่ในกรอบแห่งศีลธรรมของศาสนา และสามารถประพฤติปฏิบัติตนบนหลักคุณธรรมแห่งศาสนาที่ตนนับถือได้อย่างถูกต้อง

    21616074_1842886602688902_3689493835414112498_n.jpg

    สังคมไทยเราทุกวันนี้มีผู้คนที่นับถือศาสนาอยู่เป็นส่วนมาก ที่ตั้งตนเป็นคนไม่นับถือศาสนามีอยู่ไม่มากนัก โดยมีพุทธศาสนิกชนเป็นประชากรหมู่ใหญ่ และมีศาสนิกชนในศาสนาต่างๆ อาศัยอยู่ร่วมกันโดยอิสรเสรี

    ครั้นลองพิจารณาลงไปให้ลึกซึ้งแล้ว กลับพบว่าศาสนิกชนผู้สนใจใฝ่ศึกษาอบรมตนตามหลักศาสนาอย่างจริงจังยังมีอยู่ไม่มากเท่าที่ควร โดยมากก็คงนับถือกันแต่เพียงในทะเบียน หรือไม่ก็นับถือในระดับพิธีกรรมต่างๆ ตามขนบประเพณีพอสังเขปเท่านั้น ศาสนธรรมอันทรงคุณค่ามหาศาลจึงไม่อาจซึมซาบเข้าสู่ชีวิตของตน และไม่อาจชี้นำสังคมไปสู่สันติสุขได้อย่างที่ควรจะเป็น

    21617810_1842886632688899_6262155913314493687_n.jpg

    ท่านทั้งหลายเป็นครูบาอาจารย์ และเป็นบุคลากรทางการศึกษา มีหน้าที่โดยตรงในการอบรมสั่งสอนให้ผู้เรียนมีสติปัญญา และยิ่งสถาบันของท่านมีสาขาวิชาด้านศาสนศึกษาโดยตรง ท่านย่อมมีหน้าที่ที่สำคัญเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่สร้างคนให้มีปัญญาทางโลก แต่ท่านยังมีหน้าที่ต้องสร้างสรรค์ให้เขาเหล่านั้น มีปัญญาสอดส่องในทางธรรม เพื่อเพิ่มจำนวน 'คนเก่ง' ที่เป็น 'คนดี' ให้แก่สังคมไทยและสังคมโลก

    สังคมใดเป็นสังคมที่มี 'สติ' เป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งมิให้พลั้งพลาด และมี 'ปัญญา' เป็นเครื่องผลักดันไปสู่ความดีงาม สังคมนั้นย่อมมีแต่สันติสุขอันมั่นคง

    เพราะฉะนั้น สถาบันใด บุคคลใด สามารถสร้างคนให้เป็นมนุษย์ ผู้มีสติปัญญาในทางคุณธรรมให้ทวีจำนวนมากขึ้นๆ แล้ว สถาบันนั้น บุคคลนั้น ย่อมได้ชื่อว่ากำลังบำเพ็ญกุศลที่มีอานิสงส์อย่างยิ่งใหญ่เหลือประมาณ

    21752111_1842886819355547_4185000371942651997_n.jpg

    ขอบคุณ : สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช

    เรียบเรียงโดย

    ศิริพงษ์ หนูแก้ว : สำนักข่าวทีนิวส์

    ---------------
    ขอบคุณทีมา
    http://www.tnews.co.th/index.php/contents/360001
     

แชร์หน้านี้

Loading...