สังฆทานเถ้าแก่ตง

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย สรวงพิมาน, 30 เมษายน 2017.

  1. สรวงพิมาน

    สรวงพิมาน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2017
    โพสต์:
    326
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +267
  2. สรวงพิมาน

    สรวงพิมาน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2017
    โพสต์:
    326
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +267
    สังฆทานที่จะได้อานิสงส์ครบนั้น หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง
    จ. อุทัยธานี ท่านบอกว่า ควรมีพระพุทธรูปหน้าตักตั้งแต่ ๕ นิ้วขึ้นไป พร้อมปัจจัย ๔ ครบถ้วน และถ้าเราทำเป็นประจำอานิสงส์ คือ "สวรรค์ชั้นนิมมานรดี"

    ความจริงสวรรค์ชั้นนี้ เป็นที่อยู่ของท่านมีทรงสมบัติ และได้อภิญญา แต่ไม่ได้เข้าฌานตาย ขอยกตัวอย่างจากบางตอน ที่หลวงพ่อท่านเล่าไว้ ใน หนังสือธรรมปฏิบัติ เล่ม ๑๐ หน้า ๔๔ - ๔๘ โดยมีใจความบางส่วน ดังนี้.....

    "...ก็เป็นอันว่า บรรดาท่านพุทธบริษัท ทำบุญวันนี้ ๒ อย่าง ใช้ทั้งข้าวสุก และข้าวสาร คนที่ใส่บาตรข้าวสาร ระวังให้ดีนะ ตายไปท้องขึ้นนะ แต่ความจริงเขามีผล ข้าวสารใช้วันหลังได้ใช่ไหม

    แต่ว่า บุญใส่บาตรข้าวสุกก็ดี ทำบุญใส่ข้าวสารก็ดี ด้วยปัจจัยเงินทองก็ตาม หรือดอกไม้จัดเป็นการบูชา ถือว่าเป็น พุทธบูชา คือ บูชาพระพุทธเจ้าด้วย เป็น ธรรมะบูชา บูชาพระธรรมด้วย เป็น สังฆบูชา บูชาพระอริยสงฆ์ด้วย ถ้าจัดเป็นทานทุกส่วน ที่ท่านทำเป็นสังฆทานทั้งหมด

    และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สังฆทานนี่ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย มีอานิสงส์มาก เป็นกรณีพิเศษ องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ ตรัสว่า.....

    การถวายทานกับพระองค์ ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่า สังฆทาน ๑ ครั้ง

    เห็นไหม บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ทำบุญเมื่อวานก็ดี วันนี้ก็ดี เป็นการถวายสังฆทาน ถวายกับพระกลุ่มใหญ่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถวายสังฆทานนี่ ทุกคนถ้าเวลาจะตาย จิตใจนึกถึงสังฆทานที่ท่านถวายแล้ว ถวายวันนี้ก็ตาม วันก่อนก็ตาม วันพระทุกวันพระ ที่ท่านมาใส่บาตร เป็นการถวายสังฆทานเหมือนกัน

    รวมความว่า สังฆทานนี่มีอานิสงส์ใหญ่ ถ้าตายจากความเป็นคน ที่อยู่ของคนถวายสังฆทาน ก็คือ ชั้นนิมมานรดี ชั้นที่ ๕

    แต่ว่าส่วนใหญ่ คนถวายสังฆทานไปเกิด "ชั้นดาวดึงส์" กันมาก เพราะอะไร เพราะว่า ไม่รู้จักชั้นที่ ๕ จิตใจตั้งใจจะไปดาวดึงส์ ก็ไปอยู่ดาวดึงส์ อย่างตัวอย่างมีอยู่ในพระไตรปิฏก ว่า.....

    ในสมัยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระชนม์อยู่ เวลานั้น มีหญิง ๒ คน พี่สาวชอบถวายทาน เฉพาะพระสงฆ์ที่เขาชอบ เขาชอบองค์ไหน ก็ถวายองค์นั้น

    ทีนี้ น้องสาวจะถวายทานบ้าง เจอะพระอรหันต์องค์หนึ่ง ท่านบอกว่า....." ถวายทานอาตมาน่ะดีอานิสงส์มาก เพราะอาตมาเป็นพระอรหันต์ แต่ว่า ถึงแม้จะเป็นพระอรหันต์ก็ตาม การถวายทานมีอานิสงส์สู้ถวายสังฆทานไม่ได้ ขอให้โยมถวายเป็นสังฆทานเถอะ " โยมคนนั้นก็ถวายเป็นสังฆทาน

    เมื่อตายแล้ว ต่างคนก็ต่างเข้าไปสู่สวรรค์ พี่สาวชอบถวายทานเป็นส่วนบุคคล เลยไปเกิดเป็นนางฟ้าบน สวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก น้องสาวไปเกิดบน สวรรค์ชั้นนิมมานรดี ชั้นที่ ๕ มีรัศมีกายสว่างกว่า สวยกว่าพี่สาวมาก

    นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท เฉพาะสังฆทานน่ะ ตายจากความเป็นคน ไปเกิดชั้นที่ ๕ ของสวรรค์ ถ้ากลับมาเกิดเป็นคนเมื่อไหร่ องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา ตรัสว่า.....

    " คนที่ถวายสังฆทานแล้วครั้งหนึ่งในชีวิต แม้แต่ครั้งเดียว ถวายด้วยศรัทธาแท้ ในสถานที่ใด ที่เต็มไปด้วยความยากจนเข็ญใจ มีความแร้นแค้น คนถวายสังฆทานแล้ว จะไม่ไปเกิดที่นั่น

    ส่วนในดินแดนที่เต็มไปด้วยความร่ำรวย มีความสุข มีทั้งความอุดมสมบูรณ์ คนถวายสังฆทานแล้ว จะเกิดที่นั่น "


    ......................................................................................................................

    18192348_121991158353493_8065028173389834026_o.jpg

    หลวงพ่อเล่าเรื่อง กรณีตัวอย่าง กำลังบุญถวายสังฆทาน


    " มีหมอที่จังหวัดพิจิตร หมอผู้หญิงนะ แกเคยไปเจริญพระกรรมฐานที่วัด พ่อเป็นจีน เวลาพ่อแกตาย แกทำบุญเต็มที่ทั้งประเพณีไทย และประเพณีจีน

    ปรากฎว่า วันหนึ่งแกนั่งเจริญพระกรรมฐานอยู่ เตี่ยก็มาบอกว่า.....“ อีหนู ตึกขี้เถ้า รถยนต์หรือแบงค์ขี้เถ้า ที่เอ็งเผาไป เตี่ยไม่ได้รับเลย ผีเขาไม่ใช้ขี้เถ้า ”

    ลูกก็ถามว่า “เตี่ยจะให้ทำยังไงล่ะ”

    เตี่ยบอกว่า “ ถวายสังฆทานให้เตี่ยก็แล้วกัน ที่เอ็งทำบุญไปครั้งนั้น เตี่ยไม่ได้รับเลย และเอ็งก็ไม่ได้บุญด้วย แต่ที่เตี่ยไม่ตกนรก เพราะเตี่ยนึกถึงพระพุทธเจ้าอยู่ ”

    ลูกสาวถามว่า “้ เตี่ยจะเอาอะไรบ้าง ”

    เตี่ยบอกว่า “ ถ้ามีพระพุทธรูปหน้าตัก ๕ นิ้วขึ้นไป เตี่ยจะมีรัศมีกายสว่างมาก เพราะเทวดาหรือพรหม เขาถือความสว่างของร่างกาย ไม่ได้ดูที่เครื่องแต่งตัว ถ้ามีผ้าจีวรด้วย เครื่องประดับของเตี่ย จะสวยขึ้นกว่าเดิม และถ้ามีอาหารด้วย ความเป็นทิพย์ของร่างกาย จะดีกว่าเก่า ”

    แล้วหมอคนนั้น ก็ขึ้นรถมาที่วัดนี่ มาขอถวายสังฆทาน ตอนเช้า แกก็มาบอกว่า แกดีใจ นอนไม่หลับ เตี่ยมาหาแก แพรวพราวสวยระยับกว่าเก่า และแกเห็นตัวเองว่า ออกไปคุยกับเตี่ย ตัวเองก็สวยคล้ายเตี่ย

    นี่เป็นเพราะว่า การถวายสังฆทานให้คนตายนั้น เราเองก็ต้องได้เต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ และผีต้องโมทนา จึงจะได้ โดยบุญนั้นก็ยังอยู่ที่เราเต็มที่


    ส่วนการทำบุญที่มีการฆ่าสัตว์ต่างๆ มาทำอาหาร บุญมันเข้าไม่ได้ มันไม่ถูกกัน เพราะบุญเหมือนแสงสว่าง บาปเหมือนกับความมืด ที่ไหนมืด ที่นั้นต้องไม่มีสว่าง ถ้ามีสว่าง มันจะมืดหรือ

    มันจำเป็นนักหรือ ว่าเวลาทำบุญต้องเลี้ยงเหล้ากัน ต้องฆ่าสัตว์กัน อันนี้ตัวบาปทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องบุญ แล้วอ้างว่าทำบุญใช่ไหม

    การถวายสังฆทานนี่ดีที่สุด สังฆทานนี่บุญใหญ่ด้วย กังวลน้อยด้วย ไปซื้อพระพุทธรูปมาองค์หนึ่ง เวลาซื้อไม่ต้องต่อขอลดราคาเขามากนัก และก็มีอะไร เขาไม่จำกัด ข้าวถ้วย แกงถ้วย ขนมถ้วย น้ำสักแก้ว เขาก็ไม่ว่าอะไร เราคนเดียวทำได้เลยเรียบร้อย นี่บาปนิดเดียวก็ไม่มี ตัวกังวลก็ไม่มี บุญก็บริสุทธิ์ และบุญสังฆทานเป็นบุญใหญ่มาก....."


    ......................................................................................................................

    คัดลอกบางตอนจากหนังสือ อุทิศส่วนกุศล โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง จ. อุทัยธานี

    https://sites.google.com/site/sphrathewtheph/Home-23
     

แชร์หน้านี้

Loading...