ที่ใดมีรักที่นั้นมีทุกข์ เกิดเป็นตำนาน แห่งการรอคอย ๑๔๐๐ ปี

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย หริภุญชัย, 2 เมษายน 2010.

  1. หริภุญชัย

    หริภุญชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +3,517
    เรื่องนี้เป็นเรื่องของกรรมที่ได้อธิษฐานร่วมกันมา จนต้องรอมาจนถึงทุกวันนี้ เรื่องเหล่านี้เกิดที่ นครหริภุญชัย และเมืองสันป่าตอง ทางจะเดินไปอย่างไรลองดูต่อไปนะครับกำลังพิสูจน์หลักฐานอยู่ครับ

    ผู้ใดอ่านโปรดอ่านเพื่อประดับความรู้ และไม่ต้องเชื่อที่ข้าพเจ้าจะเล่าต่อไปนี้ เพราะพระพุทธเจ้าสอนว่าให้เชื่อประกอบด้วยปัญญา(ในกาลามสูตร)

    :boo:

    สัจจะสัญญา ๑๔๐๐ ปี ตอนที่ ๑

    ประมาณปี พ.ศ. 1202 สุกกทันตฤๅษี ซึ่งเป็นสหายกับสุเทวฤๅษี ได้เดินพร้อมกับนายควิยะผู้เป็นทูตของสุเทวฤๅษี มายังกรุงละโว้ เพื่อทูลขอพระนางจามเทวีจากพระเจ้ากรุงละโว้ เพื่อไปเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองใหม่ที่สุกทันตฤๅษีกับสุเทวฤๅษีสร้างขึ้น ซึ่งก็คือเมืองหริภุญไชยหรือเมืองลำพูนในปัจจุบันนี้ เมื่อพระนางจามเทวีปรึกษากับพระราชบิดากับพระสวามีแล้วทั้งพระสวามีกับพระราชบิดาต่างก็อนุญาต พระนางจึงได้เดินทางออกจากเมืองละโว้ตามคำทูลเชิญของพระฤๅษี

    แต่ในตำนานจามเทวีวงศ์ได้กล่าวความต่างไปอีกอย่าง คือ ในเวลานั้นเจ้าชายรามราชได้ออกบวชเสียแล้ว พระนางจึงทรงอยู่ในฐานะไร้พระสวามี ทางลำพูนจึงได้ส่งสาส์นมาทูลขอดังกล่าว ตำนานพื้นบ้านว่าเจ้าหญิงจามเทวีทรงรับที่จะครองเมืองลำพูนเพราะว่าเมืองลำพูนเวลานั้นราษฎรเดือดร้อนด้วยขาดผู้นำ และพระนางก็ระลึกถึงพระคุณท่านสุเทวฤๅษีที่เคยชุบเลี้ยงมาแต่ก่อนในการเดินทางจากละโว้ไปสู่เมืองลำพูนนั้น

    พระนางได้เชิญพระเถระ 500 รูป หมู่ปะขาวทั้งหลายที่ตั้งอยู่ในเบญจศีล 500 คน บัณฑิต 500 คน หมู่ช่างแกะสลัก 500 คน ช่างแก้วแหวน 500 คน พ่อเลี้ยง 500 คน แม่เลี้ยง 500 คน หมู่หมอโหรา 500 คน หมอยา 500 คน ช่างเงิน 500 คน ช่างทอง 500 คน ช่างเหล็ก 500 คน ช่างเขียน 500 คน หมู่ช่างทั้งหลายต่างๆอีก 500 คน และช่างโยธา 500 คน ให้ร่วมเดินทางกับพระนางเพื่อไปสร้างบ้านแปงเมืองแห่งใหม่ให้มั่นคงยิ่งขึ้น โดยเดินทางด้วยการล่องเรือไปตามแม่น้ำปิง กินระยะเวลานาน 7 เดือน พร้อมกันนี้พระนางยังได้เชิญพระพุทธรูปสำคัญมาด้วย 2 องค์ คือ
    1) พระแก้วขาว
    2) พระรอดหลวง

    เมื่อพระนางเดินทางมาถึงเมืองหริภุญชัยแล้ว สุเทวฤๅษีและสุกทันตฤๅษีจึงกระทำพิธีราชาภิเษกพระนางขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งหริภุญชัย ทรงพระนามว่า......

    "พระนางเจ้าจามเทวี บรมราชนารี ศรีสุริยวงศ์ องค์บดินทร์ ปิ่นธานีหริภุญชัย"

    หลังจากวันราชาภิเษกไปแล้ว 7 วัน พระนางจึงประสูติพระราชโอรสซึ่งติดมาในพระครรภ์ตั้งแต่ยังทรงอยู่เมืองละโว้ 2 พระองค์ พระโอรสองค์โตมีพระนามว่าพระมหันตยศหรือพระมหายศ ส่วนองค์รองมีพระนามว่าพระอนันตยศหรือพระอินทวร
    ในรัชกาลของพระองค์นั้น นครหริภุญชัยมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่ง ประชาราษฎรต่างอยู่ร่วมกันด้วยความร่มเย็นเป็นสุข พระพุทธศาสนาได้รับการทำนุบำรุงอย่างดียิ่ง

    ตามตำนานได้กล่าวว่า พสกนิกรต่างมีใจศรัทธาสร้างวัดขึ้นเป็นจำนวนถึง 2,000 แห่ง และกาลต่อมาวัดทั้ง 2,000 แห่งก็มีภิกษุจำพรรษาทุกแห่ง อนึ่ง ในเวลาต่อมา ภายหลังสงครามขุนวิลังคะชาวลัวะได้ผ่านไปแล้ว พระนางจามเทวียังได้สร้างวัดประจำเมืองขึ้น 4 วัด เพื่อเป็นพุทธปราการ ได้แก่...

    1. วัดอรัญญิกกรัมมการาม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของพระนคร
    2. วัดอาพัทธาราม ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของพระนคร
    3. วัดมหาวนาราม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของพระนคร
    4. วัดมหารัดาราม ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระนคร

    ก่อนที่ข้าพเจ้าจะเล่าเรื่องนี้ต่อไปนั้นขอกล่าวก่อนว่า ทำไมข้าพเจ้าถึงได้เล่าเรื่องนี้มาให้ท่านผู้สนใจได้ฟังเพราะเรื่องนี้มันจะกล่าวถึงสัจจะสัญญาที่จะทำให้มนุษย์ทั้งหลายไม่สามารถหลุดพ้นได้

    เรื่องมีอยู่ว่าข้าพเจ้าได้ไปฝึกกรรมฐานมาก็ได้ไปเห็นสถานที่ที่หนึ่ง ซึ่งในครั้งนี้ข้าพเจ้าได้พบนางสนมคนหนึ่งที่ปรารถนาติดตามพระนางจามเทวีมา นางมีชื่อว่า "นางอุทุมมาพร หรือพระนางอุทุมมาพรเทวี นางคอยดูแลเรื่องการให้ทานของพระแม่ ............. และนอกจากนี้ในด้านการป้องกันเมือง พระนางจามเทวีได้จัดให้มีด่านชายแดนอาณาจักรไว้ที่เวียงนอกและเวียงสามเสี้ยว (ปัจจุบันบริเวณหมู่บ้านกอกและทุ่งสามเสี้ยว เขตอำเภอสันป่าตองจังหวัดเชียงใหม่) และโปรดฯ ให้มีการซ้อมรบเพื่อการเตรียมความพร้อมของกองทัพ โดยทรงออกอุบายให้ด่านที่เวียงนอกและเวียงสามเสี้ยวแกล้งตั้งตัวเป็นกบฏและทรงมีรับสั่งให้จัดทัพไปปราบ ปรากฏว่าฝ่ายพระนครชนะศึก ทว่าในการซ้อมรบดังกล่าวก็มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เพราะต่างฝ่ายต่างไม่รู้กัน พระนางจึงทรงปูนบำเหน็จความชอบให้แกผู้รอดชีวิต และทรงอุปถัมภ์ครอบครัวของทหารที่ตายในการสู้รบครั้งนี้ให้เป็นสุขต่อไป และครั้งนั้นหลังจากมีคนล้มตายเป้นจำนวนมากก็ได้สร้างวัดตลอดถึงพระประธานเพื่อเป็นขวัญกำลังใจและเพื่ออุทิศเป็นมหากุศลและได้มอบหมายให้พระนางอุทุมาพรเป็นคนดำเนินการเรื่องนี้ และในการสร้างครั้งนี้เองเป็นเหตุให้บุคคลคนหนึ่งต้องติดคำสัญญานานถึงพันกว่าปี

    เรื่องมีอยู่ว่าพระนางอุทุมมาพรนั้นเมื่อได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้นั้นก็ดำเนินการไปด้วยดี แล้ด้วยวิบากกรรมแต่ปางก่อนทำให้นางได้พบรักกับนายทหารหนุ่มท่านหนึ่ง มีนามว่า อมรเทพ ซึ่งเป็นทหารคู่บารมีของเจ้าชายอนันตยศ และทั้งสองก็ได้ครองรักกัน เขาทั้งสองรักกันมาก และ หลังจากได้สร้างวัดวาอารามเสร็จทั้งสองคนได้อธิษฐานร่วมกันว่า........................

    โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ.........หรือทุ่งเสี้ยว อำเภอสันป่าตองในปัจจุบันนี้

    สัจจะสัญญา ๑๔๐๐ ปี ตอนที่ ๒

    หลังจากได้สร้างวัดวาอารามเสร็จ พระนางอุทุมมาพร และนายกองอมรเทพ ได้อธิษฐานต่อหน้าพระใหญ่ร่วมกันว่า..........


    “ เราได้ตั้งจิตไว้ถึงเทพไท้เทวัญ ขอให้ได้ครองคู่กันทุกครา
    และเมื่อเกิดมาทั้งสองต้องพันธ์ผูก
    หากแม้ว่าผู้ใดมิได้เกิด ขอทวยเทพโปรดจำคำนี้ไว้
    การตั้งสัจจะอธิฐานทุกคราไป ขออย่าได้ครองคู่หมู่อื่นเลย
    หากแม้ใครคิดตะบัดสัด ขอข้องขัดเรื่องครองคู่ อย่าอยู่เฉย
    มันผู้นั้นจงฉิบหายตายไปเลย อย่าได้เคยเคียงคู่ทุกชาติไป”

    อมรเทพก็ยังบอกอีกว่า หากเราไปทำกิจของเราเสร็จ เราจะกลับมารับเจ้าไปอยู่ด้วยกัน และนางก็ตอบว่าเราจะรอท่านที่ นครหริภุญชัยนี้จนกว่าท่านจะกลับมา

    นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา นางอุทุมมาพรเทวี ก็ตั้งใจทำหน้าที่ของตน และรอ อมรเทพกลับมา (กิจของอมรเทพนั้นคือทหารเขาต้องเดินทาง เพื่อไปรักษาเมืองต่างๆตามที่ได้รับมอบหมาย)

    มาถึงตอนนี้จะกล่าวถึงท่าน อมรเทพว่าเป็นอย่างไร ท่านอมรเทพเป็นนายทหารที่คอยดูแลกำลังรักษาเมืองหน้าด่าน และเป็นทหารองครักษ์ของเจ้าชายอนันตยศ เมื่อท่านเป็นทหารท่านก็ต้องทำหน้าที่ทหาร ในครานั้นเองคราที่จะสร้างเมืองเขลางค์(ลำปาง) ท่านก็ ได้ติดตามเจ้าชายอนันตยศไป เพื่อไปกราบท่านสุเทวฤาษี ตามความที่พระนางจามเทวีตรัสบอกไว้ เมื่อไปหาท่านสุเทวฤาษีแล้วฤษีวาสุเทพ เพื่อขอให้สร้างเมืองถวาย แต่ฤษีวาสุเทพได้แนะนำให้ไปหาพรานเขลางค์ซึ่งอยู่ที่ภูเขาบรรพต

    ดังนั้นพระเจ้าอนันตยศจึงพาข้าราชบริพารเสด็จออกจากหริภุญชัยไปยังเขลางค์บรรพต ครั้นเมื่อพบพรานเขลางค์แล้ว ก็ทรงขอให้นำไปพบพระสุพรหมฤษีบนดอยงามหรือภูเขาสองยอด แล้วขออาราธนาช่วยสร้างบ้านเมืองให้ พระสุพรหมฤษีจึงขึ้นไปยังเขลางค์บรรพต เพื่อมองหาชัยภูมิสร้างเมือง เมื่อมองไปทางยังทิศตะวันตกของแม่น้ำวังกนที ก็เห็นสถานที่แห่งหนึ่งเป็นชัยภูมิที่เหมาะสม จึงได้สร้างเมืองขึ้นที่นั่น โดยกำหนดให้กว้างยาวด้านละ 500 วาแล้วเอาศิลาบาตรก้อนหนึ่งมาตั้งเป็นหลักเมืองเรียกว่า
    "ผาบ่อง"
    เมื่อสร้างเสร็จแล้วจึงขนานนามตามชื่อ ของนายพรหมผู้นำทางและมีส่วนร่วมในการช่วยสร้างเมืองว่า "เขลางค์นคร" และยังมีชื่อเรียกในตำนานกุกุตนครว่า"ศิรินครชัย" อีกนามหนึ่ง

    ภายหลังสร้างเมืองแล้วเสร็จ พระเจ้าอนันตยศได้ทรงราชาภิเษกเป็นกษัตริย์ทรงพระนามว่า "พระเจ้าอินทรเกิงการ" พระองค์ครองเมืองเขลางค์อยู่ได้ไม่นาน ก็ทรงมีความรำลึกถึงมารดา จึงได้ทูลเชิญเสด็จพระนางจามเทวี พร้อมทั้งสมณะชีพราหมณ์ มายังเมืองเขลางค์นคร ทรงสร้างเมืองให้พระราชมารดาประทับอยู่เบื้องปัจฉิมทิศแห่งเขลางค์นคร ให้ชื่อว่า "อาลัมพางค์นคร" และท่านอมรเทพก็อยู่ช่วยเจ้าชายมาโดยตลอด

    และเนื่องจากวิบากกรรมเก่าที่ยังมีทำให้ท่านอมรเทพได้ไปหม่บ้านในเมืองเขลางค์นคร ได้พบหญิงสาวอีกคนหนึ่ง และได้ถูกตาต้องใจกัน ชื่อนางแก้วจินดา ได้อยู่กินกันที่เมืองเขลางค์นครนั้นเอง ทั้ง ๆ ที่อมรเทพเคยสัญญาต่อนางอุทุมาพรไว้ นางแก้วจินดาก็ยังรู้จากคนสนิทของท่านอมรเทพอีกว่า ท่านอมรเทพมีคู่แล้ว รออยู่ที่เมืองหริภุญชัย (ข้าพเจ้าคิดว่าท่านอมรเทพคงลืมสัญญาที่ได้ให้ไว้) แต่นางก็คงยังอยากที่จะรักท่านอมรเทพอยู่และหาหนทางที่จะไม่ให้ท่านอมรเทพกลับหริภุญชัย

    หลังจากอยู่ด้วยกันมา ท่านอมรเทพก็มิได้กลับไปหริภุญชัยอีกเลย จนท่านสิ้นชีพ โดยท่านสิ้นชีพในขณะปฏิบัติหน้าที่ในป่า และถูกนางแก้วจินดาวางแผนให้ไปเพราะไปรู้ว่า ท่านอมรเทพไปมีผู้หญิงอื่น ท่านเจอไข้ป่าจนสิ้นชีพ จึงทำให้นางอุทุมมาพรอยู่รอท่าน ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าท่านอมรเทพตายแล้ว ขณะนั้นนางอุทุมาพรได้รับพระยศเป็นพระนางอุทุมมาพรเทวี....................

    โปรดติดตามตอนต่อไปเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อตอนที่ ๓ ยังมีครับ สาธุอนุโมทนาบุญครับ ตอนต่อไปจะได้เล่าถึงตอนที่พระนางอุทุมมาพรเฝ้ารอครับ


    สัจจะสัญญา ๑,๔๐๐ ปี ตอนจบ<!-- google_ad_section_end -->​






    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->ก่อนที่จะอ่านตอนต่อไป...เรื่องนี้ได้จากนิมิตจากการนั่งสมาธิ ขอท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน...

    [​IMG]


    มากล่าวถึงนางอุทุมมาพรนั้น เมื่อถึงปี ๑๒๓๑ ท่านอมรเทพได้ติดตามพระเจ้าอนันตยศ เพื่อสร้างเมืองเขลางค์นคร จากนั้นนางก็ไม่ทราบข่าวของท่านอมรเทพอีกเลย นางก็ได้ปฏิบัติตามหน้าที่ของตน จนได้รับฐานันดรศักดิ์เป็น "พระนางอุทุมมาพรเทวี" เป็นพระสนมที่ดูแลวัดวาอารามทั้งหมด<O:p></O:p>
    <O:p</O:p

    นางเฝ้ารอคอยสามีกลับมา แต่ก็ไร้วี่แวว จนกระทั่งได้ข่าวว่าเสียชีวิตไปแล้ว และได้ข่าวสามีว่า มีหญิงอื่นอีกหลายคน นางเฝ้าระลึกเมื่อครั้งลาจากกับสามี คิดแล้วยิ่งหลั่งน้ำตา เสียใจ....

    <O:p“จำใจละฐานกร ละบิดรพระมารดา แสนโศกวิโยคหา จิตห้อยระริกไหว
    ทุกข์ล้ำพระแม่เจ้า จรเข้าละหริภุญชัย ลาแล้ววนาลัย ธ.ประพาสก่อนกาล
    แต่นี้มิได้เห็น กิจเป็น เพราะมีงาน อกโอ้ระโหฐานบจถะระนะบรรทมนอน
    ถึงกาลต้องไป อรทัยมิอยากจร หลั่งน้ำพระเนตรวอน บุพกรรมกระทำมา
    <O:p</O:p

    หลังจากนั้นนางก็ตกอยู่ในความเศร้าระยะหนึ่ง ภายหลังนางก็ได้ออกบวชพร้อมกับพระนางจามเทวี และเสียลงในวัย ๘๖ ปี
    <O:p</O:p

    เมื่อลงนางเสียชีวิตลง ด้วยบุญกุศลได้กระทำมานางก็ได้ไปเกิดเป็นอากาศเทวาที่อยู่บริเวณเมืองเวียงท่ากาน(ปัจจุบันอยู่รอยต่อระหว่างอ.สันป่าตองกับอ.ป่าซาง จ.ลำพูน)
    <O:p</O:p

    หลังจากนั้นไม่นาน พระนางอุทุมมาพรเทวี ก็ได้เลื่อนชั้น เป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราช (ผู้เขียนสันนิษฐานว่า มีผู้อุทิศบุญกุศลให้แก่พระนางอย่างต่อเนื่อง) และยังไม่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์
    <O:p</O:p

    ส่วนท่านอมรเทพก็ได้มาเกิดเป็นชายหนุ่มลูกชาวป่า แต่มีรูปงาม เป็นที่ต้องตาต้องใจของสาว ๆ ทั่วไป แต่ยังมีนิสัยเจ้าชู้เหมือนเดิม ท่านอุทุมมาพรเทวี ได้เฝ้าคอยติดตามดูว่า ท่านอมรเทพไปเกิด ณ. หลังจากตรวจดูแล้ว ไปเกิดในหมู่บ้านในเมืองเขลางค์นคร ใกล้กับบริเวณที่ท่านเสียชีวิต

    <O:p</O:p
    นางเฝ้าคอยติดตาม เพื่อดูแลท่านอมรเทพมิได้ห่าง แต่เฝ้าเห็นพฤติกรรมที่มิได้รักษาสัจจะที่เคยให้แก่นาง นางจึงรู้สะเทือนใจเป็นอย่างมาก เฝ้ารอคอยว่า วันใดวันหนึ่ง ท่านอมรเทพจะระลึกถึงคำสัญญาที่เคยสาบานร่วมกันไว้
    <O:p</O:p

    ในชาตินั้น ท่านอมรเทพได้ใช้ชีวิตอย่างประมาท ยังคงเจ้าชู้ แต่ก็ไม่สมหวังในความรัก และสุดท้ายท่านอมรเทพก็ถูกคู่อริฆ่าตายอย่างอนาถ (เนื่องจากแย่งคนรักกัน) เมื่อตายแล้วท่านอมรเทพก็ได้เป็นสัมภเวสีอยู่สักพัก
    <O:p</O:p

    ต่อมาท่านอมรเทพก็ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ ในยุคพระเจ้าอาทิตยราช ประมาณปี ๑๔๔๐ ได้เกิดมาเป็นลูกชาวบ้าน ณ.เมืองมูล เป็นเมืองหน้าด่านสมัยนั้น ได้ร่วมสร้างวัดชื่อ วัดศรีlสร้อยเมืองมูล (ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดลำพูน)

    ฝ่ายเทพธิดาอุทุมมาพรได้ติดตามหาอดีตสามี และได้พบว่า มาเกิดแล้ว เป็นลูกชาวบ้าน ก็ได้เฝ้าคอยติดตามดูแล แต่ก็เห็นพฤติกรรมเดิม คือ ยังเจ้าชู้มากรัก นางเฝ้าเห็นพฤติกรรมเดิมได้แต่ช้ำใจ ด้วยความรักความห่วงหาอาทร นางก็เฝ้าหวังว่า วันหนึ่งท่านอมรเทพจะกลับใจ และระลึกชาติที่เคยให้คำสัญญาต่อกัน แต่จนแล้วจนรอด ท่านอมรเทพก็ยังไม่รู้ตัว ยังคงมีหญิงคนใหม่ และเจ้าชู้ ในชาตินี้อมรเทพก็ไม่สมหวังในความรัก ในบั้นปลายของชีวิต อมรเทพได้บวช ในพระศาสนา แต่ไม่ได้บรรลุธรรม หรือได้ทิพจักขุญาณแต่อย่างใด ทำให้ไม่สามารถระลึกชาติได้
    <O:p</O:p

    เทพธิดาอุทุมมาพร รู้สึกเสียใจมากที่ไม่น่าเอาความรักความบริสุทธิ์ใจของตน ผูกติดกับคำอธิษฐานกับชายผู้นี้ ซึ่งทำให้นางไม่สามารถที่ยกจิตขึ้นสู่ภพที่สูง หรือบรรลุธรรมได้
    <O:p</O:p

    นางจึงได้สติ และคิดว่า ควรยกเลิกคำอธิษฐานที่มีต่อกัน จึงจะเป็นการดีทั้งสองฝ่าย นางจึงได้เหาะไปยังสถานที่เคยให้สัจจะอธิษฐานและได้อธิษฐานต่อหน้าพระประธานอันสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ...

    “ข้าฯแต่พระปฏิมา อันศักด์สิทธิ์ ผู้มีฤทธิ์ที่อยู่เบื้องหน้าข้าฯ

    โปรดฟังคำขอข้าฯ อีกครา ที่ได้มาด้วยความทุกข์ใจ
    อันตัวข้าฯ และชายโฉด ท่านเคยโปรดข้าฯทั้งสองประคองไว้
    เราเคยพบรักพ้องด้วยต้องใจ และจึงได้มากล่าว ..สัจจะวาจา..
    <O:p
    มาคราวนี้ตัวข้าฯ ขอยกเลิก ขอฟ้าเบิกคำอ้อนวอนของข้า ฯ หนา
    อย่าได้ประสบทุกข์กันอีกครา อันตัวข้าฯ นี้หนา ระอาใจ..
    จะเกิดมากี่ภพ หรือกี่ชาติ เขาไม่อาจเลิกมากรักเป็นหนักหนา
    เมื่อเขานั้นผิดสัจจะทุกคราไป ตัวข้าฯ ไซร้ยิ่งเจ็บปวดรวดอุรา..

    ขอเทพไท้เทวาอันศักดิ์สิทธิ์ ขอพระปิดคำอธิษฐานของข้าฯ หนา
    ขออีกภพที่เขาได้เกิดอีกครา อันตัวข้า ฯ จะขอติดตามไป
    นำตัวเขามาพร้อมกับข้า ฯ เพื่อได้มายกเลิกสัจจะธิษฐานไว้
    ขอได้โปรดหนุนนำข้า ฯ ทุกคราไป ขอให้ได้สัมฤทธิ์ผลในอนาคตกาล…”

    <O:pจากนั้นนางก็เฝ้ารอจนกระทั่งอมรเทพมาเกิดในชาตินี้ มาเกิดเป็นสามัญชน และเทพธิดาอุทุมมาพรได้มาให้ข้าพเจ้าได้เห็นในสมาธิ และแจ้งข่าวให้แก่อมรเทพ (ในอดีตชาติ) และจะไปทำพิธียกเลิกคำอธิษฐานดังกล่าว...

    บุญกุศลใดที่เกิดจากการให้ธรรมทานนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลนี้แด่พระนางจามเทวี เทพธิดาอุทุมมาพร อมรเทพ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ทุกประการเทอญ....

    สำหรับเรื่องสัจจะสัญญา ๑๔๐๐ ปี ขอจบเพียงเท่านี้ และท่านทั้งหลายมีความคิดเห็นใด เกี่ยวกับเรื่องนี้ คุยกันได้นะครับ

    ขอโมทนาสาธุการกับทุก ๆ ท่านด้วย สาธุ.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2011
  2. หริภุญชัย

    หริภุญชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +3,517
    สวัสดีครับ
    เรื่องนี้เกิดจากที่ข้าพเจ้าได้นั่งสมาธิไปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2012
  3. HAYATE

    HAYATE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +759
    มาร่วมฟังอีกคนครับ พอดีเป็นชาวเหนือเหมือนกัน ^^
     
  4. CoccInelle

    CoccInelle เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +255
    เรื่องราวน่าจะตื่นเต้นดี ร่วมฝังด้วยน่ะค่ะ
    สันป่าตอง นี้คุ้นหูมากมาย แถวเชียงรายก็รู้สึกว่ามีหมู่บ้านชื่อนี้อยู่เหมือนกัน
    แล้วก็เอาเพลงสันป่าตองมาประกอบ ทำเป็นละครได้เลยน่ะค่ะ
     
  5. ภวโลกร้อน

    ภวโลกร้อน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,272
    น่าสนใจ รอติดตามด้วยคนค่ะ....
     
  6. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    เอ...มโน คุณหมายถึง(มโนมยิทธิ) ใช่ไหม? ถ้าใช่มโนมยิธิในแบบที่ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานท่านสอน ส่วนใหญ่เค้าจะไม่นิยมเล่าให้ผู้อื่นฟังเพราะเป็นความรู้เฉพาะตัว และที่สำคัญเราไม่แน่ใจว่า"อุปทาน"กำลังเล่นงานเราอยู่หรือป่าว จำได้ว่าสมัยก่อนตอนที่หลวงพ่อยังอยู่พอมีคนที่เค้าเก่งๆเราจะถามอะไรเค้าแต่ละที่ แทบจะต้อง"ง้างปาก"กัน เค้าไม่กล้าพูดเล่นๆสุ่มสี่สุ่มห้า มัน"เสื่อม"ได้ทุกเวลา....อยากให้คุณคิดให้รอบคอบ(นี่เห็นหลวงพ่อมาตั้งแต่เล็กๆยังไม่กล้าใช้"มโนมยธิ"มาพูดในที่สาธารณะเลยคุณ) สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2010
  7. หริภุญชัย

    หริภุญชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +3,517
    มโนในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการใชมโนมยิทธิ มโนในที่นี้หมายถึงการใช้ใจน้อมไปถึงผู้มีพระคุณของเราในอดีตโดยการใชสมาธิระดับหนึ่ง(ซึ่งคำว่ามโนนั้นก็หมายถึงใจ) เรื่องนี้เล่าเพื่อเป็นธรรมทานไม่ได้มีจิตคิดอกุศลอันใด และโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วย จุดประสงค์ในการเขียนครั้งนี้ก็เพื่อ ไม่ให้บุคคลที่ได้ทำบุญอะไรแล้วอธิฐานขอเกิดร่วมกันหรือให้ได้พบกันครับ
     
  8. หริภุญชัย

    หริภุญชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +3,517
    โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

    ผู้ใดอ่านโปรดอ่านเพื่อประดับความรู้ และไม่ต้องเชื่อที่ข้าพเจ้าจะเล่าต่อไปนี้ เพราะพระพุทธเจ้าสอนว่าให้เชื่อประกอบด้วยปัญญา(ในกาลามสูตร)

    :boo:
    สัจจะสัญญา ๑๔๐๐ ปี ตอนที่ ๑
    ประมาณปี พ.ศ. 1202 สุกกทันตฤๅษี ซึ่งเป็นสหายกับสุเทวฤๅษี ได้เดินพร้อมกับนายควิยะผู้เป็นทูตของสุเทวฤๅษี มายังกรุงละโว้ เพื่อทูลขอพระนางจามเทวีจากพระเจ้ากรุงละโว้ เพื่อไปเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองใหม่ที่สุกทันตฤๅษีกับสุเทวฤๅษีสร้างขึ้น ซึ่งก็คือเมืองหริภุญไชยหรือเมืองลำพูนในปัจจุบันนี้ เมื่อพระนางจามเทวีปรึกษากับพระราชบิดากับพระสวามีแล้วทั้งพระสวามีกับพระราชบิดาต่างก็อนุญาต พระนางจึงได้เดินทางออกจากเมืองละโว้ตามคำทูลเชิญของพระฤๅษี

    แต่ในตำนานจามเทวีวงศ์ได้กล่าวความต่างไปอีกอย่าง คือ ในเวลานั้นเจ้าชายรามราชได้ออกบวชเสียแล้ว พระนางจึงทรงอยู่ในฐานะไร้พระสวามี ทางลำพูนจึงได้ส่งสาส์นมาทูลขอดังกล่าว ตำนานพื้นบ้านว่าเจ้าหญิงจามเทวีทรงรับที่จะครองเมืองลำพูนเพราะว่าเมืองลำพูนเวลานั้นราษฎรเดือดร้อนด้วยขาดผู้นำ และพระนางก็ระลึกถึงพระคุณท่านสุเทวฤๅษีที่เคยชุบเลี้ยงมาแต่ก่อนในการเดินทางจากละโว้ไปสู่เมืองลำพูนนั้น

    พระนางได้เชิญพระเถระ 500 รูป หมู่ปะขาวทั้งหลายที่ตั้งอยู่ในเบญจศีล 500 คน บัณฑิต 500 คน หมู่ช่างแกะสลัก 500 คน ช่างแก้วแหวน 500 คน พ่อเลี้ยง 500 คน แม่เลี้ยง 500 คน หมู่หมอโหรา 500 คน หมอยา 500 คน ช่างเงิน 500 คน ช่างทอง 500 คน ช่างเหล็ก 500 คน ช่างเขียน 500 คน หมู่ช่างทั้งหลายต่างๆอีก 500 คน และช่างโยธา 500 คน ให้ร่วมเดินทางกับพระนางเพื่อไปสร้างบ้านแปงเมืองแห่งใหม่ให้มั่นคงยิ่งขึ้น โดยเดินทางด้วยการล่องเรือไปตามแม่น้ำปิง กินระยะเวลานาน 7 เดือน พร้อมกันนี้พระนางยังได้เชิญพระพุทธรูปสำคัญมาด้วย 2 องค์ คือ
    1) พระแก้วขาว
    2) พระรอดหลวง

    เมื่อพระนางเดินทางมาถึงเมืองหริภุญชัยแล้ว สุเทวฤๅษีและสุกทันตฤๅษีจึงกระทำพิธีราชาภิเษกพระนางขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งหริภุญชัย ทรงพระนามว่า......

    "พระนางเจ้าจามเทวี บรมราชนารี ศรีสุริยวงศ์ องค์บดินทร์ ปิ่นธานีหริภุญชัย"

    หลังจากวันราชาภิเษกไปแล้ว 7 วัน พระนางจึงประสูติพระราชโอรสซึ่งติดมาในพระครรภ์ตั้งแต่ยังทรงอยู่เมืองละโว้ 2 พระองค์ พระโอรสองค์โตมีพระนามว่าพระมหันตยศหรือพระมหายศ ส่วนองค์รองมีพระนามว่าพระอนันตยศหรือพระอินทวร
    ในรัชกาลของพระองค์นั้น นครหริภุญชัยมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่ง ประชาราษฎรต่างอยู่ร่วมกันด้วยความร่มเย็นเป็นสุข พระพุทธศาสนาได้รับการทำนุบำรุงอย่างดียิ่ง

    ตามตำนานได้กล่าวว่า พสกนิกรต่างมีใจศรัทธาสร้างวัดขึ้นเป็นจำนวนถึง 2,000 แห่ง และกาลต่อมาวัดทั้ง 2,000 แห่งก็มีภิกษุจำพรรษาทุกแห่ง อนึ่ง ในเวลาต่อมา ภายหลังสงครามขุนวิลังคะชาวลัวะได้ผ่านไปแล้ว พระนางจามเทวียังได้สร้างวัดประจำเมืองขึ้น 4 วัด เพื่อเป็นพุทธปราการ ได้แก่...

    1. วัดอรัญญิกกรัมมการาม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของพระนคร
    2. วัดอาพัทธาราม ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของพระนคร
    3. วัดมหาวนาราม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของพระนคร
    4. วัดมหารัดาราม ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระนคร

    ก่อนที่ข้าพเจ้าจะเล่าเรื่องนี้ต่อไปนั้นขอกล่าวก่อนว่า ทำไมข้าพเจ้าถึงได้เล่าเรื่องนี้มาให้ท่านผู้สนใจได้ฟังเพราะเรื่องนี้มันจะกล่าวถึงสัจจะสัญญาที่จะทำให้มนุษย์ทั้งหลายไม่สามารถหลุดพ้นได้

    เรื่องมีอยู่ว่าข้าพเจ้าได้ไปฝึกกรรมฐานมาก็ได้ไปเห็นสถานที่ที่หนึ่ง ซึ่งในครั้งนี้ข้าพเจ้าได้พบนางสนมคนหนึ่งที่ปรารถนาติดตามพระนางจามเทวีมา นางมีชื่อว่า "นางอุทุมมาพร หรือพระนางอุทุมมาพรเทวี นางคอยดูแลเรื่องการให้ทานของพระแม่ ............. และนอกจากนี้ในด้านการป้องกันเมือง พระนางจามเทวีได้จัดให้มีด่านชายแดนอาณาจักรไว้ที่เวียงนอกและเวียงสามเสี้ยว (ปัจจุบันบริเวณหมู่บ้านกอกและทุ่งสามเสี้ยว เขตอำเภอสันป่าตองจังหวัดเชียงใหม่) และโปรดฯ ให้มีการซ้อมรบเพื่อการเตรียมความพร้อมของกองทัพ โดยทรงออกอุบายให้ด่านที่เวียงนอกและเวียงสามเสี้ยวแกล้งตั้งตัวเป็นกบฏและทรงมีรับสั่งให้จัดทัพไปปราบ ปรากฏว่าฝ่ายพระนครชนะศึก ทว่าในการซ้อมรบดังกล่าวก็มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เพราะต่างฝ่ายต่างไม่รู้กัน พระนางจึงทรงปูนบำเหน็จความชอบให้แกผู้รอดชีวิต และทรงอุปถัมภ์ครอบครัวของทหารที่ตายในการสู้รบครั้งนี้ให้เป็นสุขต่อไป และครั้งนั้นหลังจากมีคนล้มตายเป้นจำนวนมากก็ได้สร้างวัดตลอดถึงพระประธานเพื่อเป็นขวัญกำลังใจและเพื่ออุทิศเป็นมหากุศลและได้มอบหมายให้พระนางอุทุมาพรเป็นคนดำเนินการเรื่องนี้ และในการสร้างครั้งนี้เองเป็นเหตุให้บุคคลคนหนึ่งต้องติดคำสัญญานานถึงพันกว่าปี

    เรื่องมีอยู่ว่าพระนางอุทุมมาพรนั้นเมื่อได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้นั้นก็ดำเนินการไปด้วยดี แล้ด้วยวิบากกรรมแต่ปางก่อนทำให้นางได้พบรักกับนายทหารหนุ่มท่านหนึ่ง มีนามว่า อมรเทพ ซึ่งเป็นทหารคู่บารมีของเจ้าชายอนันตยศ และทั้งสองก็ได้ครองรักกัน เขาทั้งสองรักกันมาก และ หลังจากได้สร้างวัดวาอารามเสร็จทั้งสองคนได้อธิษฐานร่วมกันว่า........................

    โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ.........หรือทุ่งเสี้ยว อำเภอสันป่าตองในปัจจุบันนี้

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.938701/[/MUSIC]<O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 พฤษภาคม 2010
  9. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    อนุโมทนา สาธุ แหม กำลังสนุก คั่นเวลาซะแล้ว อย่าบอกนะว่าจะขายยา แฮะ แฮะ รออ่านอยู่ครับ
     
  10. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    อา...เข้าใจละ บังเอิญจริงๆมันคร้ายๆกัน คำว่า"มโนมยิทธิ"นี่หมายถึง"ฤทธ์ทางใจ"เช่นเดียวกัน... สิ่งไหนที่คุณคิดว่าดี คุณก็รับไปคิด แต่ถ้าสิ่งไหนรู้สึกไม่ชอบใจก็ขอได้โปรดลืมๆไปนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  11. หริภุญชัย

    หริภุญชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +3,517
    รอหน่อยนะครับ

    อนุโมทนาบุญครับ ข้าพเจ้าขอถวายบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ให้เรื่องนี้เป็นธรรมทานขอให้ท่านเจ้าของเรื่องตลอดถึงบุคคลที่เกี่ยวพันในเรื่องจงมีความสุขและหลุดพ้นได้ทุกท่านทุกคนเทอญ และขออนุโมทนาบุญกับท่านเจ้าของเรื่องนีี้ที่อนุญาตให้ข้าพเจ้าได้นำมาเผยแผ่เพื่อเป็นธรรมทาน
     
  12. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    ยังไม่มาอีกเหรอครับ
     
  13. หริภุญชัย

    หริภุญชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +3,517
    มาแล้วครับ

    ขออภัยด้วยนะครับที่ช้าครับ มาอ่านต่อกันเลยครับ



    สัจจะสัญญา ๑๔๐๐ ปี ตอนที่ ๒

    หลังจากได้สร้างวัดวาอารามเสร็จ พระนางอุทุมมาพร และนายกองอมรเทพ ได้อธิษฐานต่อหน้าพระใหญ่ร่วมกันว่า..........


    “ เราได้ตั้งจิตไว้ถึงเทพไท้เทวัญ ขอให้ได้ครองคู่กันทุกครา
    และเมื่อเกิดมาทั้งสองต้องพันธ์ผูก
    หากแม้ว่าผู้ใดมิได้เกิด ขอทวยเทพโปรดจำคำนี้ไว้
    การตั้งสัจจะอธิฐานทุกคราไป ขออย่าได้ครองคู่หมู่อื่นเลย
    หากแม้ใครคิดตะบัดสัด ขอข้องขัดเรื่องครองคู่ อย่าอยู่เฉย
    มันผู้นั้นจงฉิบหายตายไปเลย อย่าได้เคยเคียงคู่ทุกชาติไป”

    อมรเทพก็ยังบอกอีกว่า หากเราไปทำกิจของเราเสร็จ เราจะกลับมารับเจ้าไปอยู่ด้วยกัน และนางก็ตอบว่าเราจะรอท่านที่ นครหริภุญชัยนี้จนกว่าท่านจะกลับมา

    นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา นางอุทุมมาพรเทวี ก็ตั้งใจทำหน้าที่ของตน และรอ อมรเทพกลับมา (กิจของอมรเทพนั้นคือทหารเขาต้องเดินทาง เพื่อไปรักษาเมืองต่างๆตามที่ได้รับมอบหมาย)

    มาถึงตอนนี้จะกล่าวถึงท่าน อมรเทพว่าเป็นอย่างไร ท่านอมรเทพเป็นนายทหารที่คอยดูแลกำลังรักษาเมืองหน้าด่าน และเป็นทหารองครักษ์ของเจ้าชายอนันตยศ เมื่อท่านเป็นทหารท่านก็ต้องทำหน้าที่ทหาร ในครานั้นเองคราที่จะสร้างเมืองเขลางค์(ลำปาง) ท่านก็ ได้ติดตามเจ้าชายอนันตยศไป เพื่อไปกราบท่านสุเทวฤาษี ตามความที่พระนางจามเทวีตรัสบอกไว้ เมื่อไปหาท่านสุเทวฤาษีแล้วฤษีวาสุเทพ เพื่อขอให้สร้างเมืองถวาย แต่ฤษีวาสุเทพได้แนะนำให้ไปหาพรานเขลางค์ซึ่งอยู่ที่ภูเขาบรรพต

    ดังนั้นพระเจ้าอนันตยศจึงพาข้าราชบริพารเสด็จออกจากหริภุญชัยไปยังเขลางค์บรรพต ครั้นเมื่อพบพรานเขลางค์แล้ว ก็ทรงขอให้นำไปพบพระสุพรหมฤษีบนดอยงามหรือภูเขาสองยอด แล้วขออาราธนาช่วยสร้างบ้านเมืองให้ พระสุพรหมฤษีจึงขึ้นไปยังเขลางค์บรรพต เพื่อมองหาชัยภูมิสร้างเมือง เมื่อมองไปทางยังทิศตะวันตกของแม่น้ำวังกนที ก็เห็นสถานที่แห่งหนึ่งเป็นชัยภูมิที่เหมาะสม จึงได้สร้างเมืองขึ้นที่นั่น โดยกำหนดให้กว้างยาวด้านละ 500 วาแล้วเอาศิลาบาตรก้อนหนึ่งมาตั้งเป็นหลักเมืองเรียกว่า
    "ผาบ่อง"
    เมื่อสร้างเสร็จแล้วจึงขนานนามตามชื่อ ของนายพรหมผู้นำทางและมีส่วนร่วมในการช่วยสร้างเมืองว่า "เขลางค์นคร" และยังมีชื่อเรียกในตำนานกุกุตนครว่า"ศิรินครชัย" อีกนามหนึ่ง

    ภายหลังสร้างเมืองแล้วเสร็จ พระเจ้าอนันตยศได้ทรงราชาภิเษกเป็นกษัตริย์ทรงพระนามว่า "พระเจ้าอินทรเกิงการ" พระองค์ครองเมืองเขลางค์อยู่ได้ไม่นาน ก็ทรงมีความรำลึกถึงมารดา จึงได้ทูลเชิญเสด็จพระนางจามเทวี พร้อมทั้งสมณะชีพราหมณ์ มายังเมืองเขลางค์นคร ทรงสร้างเมืองให้พระราชมารดาประทับอยู่เบื้องปัจฉิมทิศแห่งเขลางค์นคร ให้ชื่อว่า "อาลัมพางค์นคร" และท่านอมรเทพก็อยู่ช่วยเจ้าชายมาโดยตลอด

    และเนื่องจากวิบากกรรมเก่าที่ยังมีทำให้ท่านอมรเทพได้ไปหม่บ้านในเมืองเขลางค์นคร ได้พบหญิงสาวอีกคนหนึ่ง และได้ถูกตาต้องใจกัน ชื่อนางแก้วจินดา ได้อยู่กินกันที่เมืองเขลางค์นครนั้นเอง ทั้ง ๆ ที่อมรเทพเคยสัญญาต่อนางอุทุมาพรไว้ นางแก้วจินดาก็ยังรู้จากคนสนิทของท่านอมรเทพอีกว่า ท่านอมรเทพมีคู่แล้ว รออยู่ที่เมืองหริภุญชัย (ข้าพเจ้าคิดว่าท่านอมรเทพคงลืมสัญญาที่ได้ให้ไว้) แต่นางก็คงยังอยากที่จะรักท่านอมรเทพอยู่และหาหนทางที่จะไม่ให้ท่านอมรเทพกลับหริภุญชัย

    หลังจากอยู่ด้วยกันมา ท่านอมรเทพก็มิได้กลับไปหริภุญชัยอีกเลย จนท่านสิ้นชีพ โดยท่านสิ้นชีพในขณะปฏิบัติหน้าที่ในป่า และถูกนางแก้วจินดาวางแผนให้ไปเพราะไปรู้ว่า ท่านอมรเทพไปมีผู้หญิงอื่น ท่านเจอไข้ป่าจนสิ้นชีพ จึงทำให้นางอุทุมมาพรอยู่รอท่าน ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าท่านอมรเทพตายแล้ว ขณะนั้นนางอุทุมาพรได้รับพระยศเป็นพระนางอุทุมมาพรเทวี....................

    โปรดติดตามตอนต่อไปเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อตอนที่ ๓ ยังมีครับ สาธุอนุโมทนาบุญครับ ตอนต่อไปจะได้เล่าถึงตอนที่พระนางอุทุมมาพรเฝ้ารอครับ

    ๘ เมย. ๕๓ ดอกจำปี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2010
  14. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    ขาดตอนอีกแล้ว กำลังสนุก
     
  15. ภวโลกร้อน

    ภวโลกร้อน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,272
    :VO
    แฟนพันธ์แท้จริงๆติดตามทุกตอน....
     
  16. หริภุญชัย

    หริภุญชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +3,517
    สัจจะสัญญา ๑,๔๐๐ ปี ตอนจบ

    ก่อนที่จะอ่านตอนต่อไป...เรื่องนี้ได้จากนิมิตจากการนั่งสมาธิ ขอท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน...

    พระนางจามเทวี.jpg


    มากล่าวถึงนางอุทุมมาพรนั้น เมื่อถึงปี ๑๒๓๑ ท่านอมรเทพได้ติดตามพระเจ้าอนันตยศ เพื่อสร้างเมืองเขลางค์นคร จากนั้นนางก็ไม่ทราบข่าวของท่านอมรเทพอีกเลย นางก็ได้ปฏิบัติตามหน้าที่ของตน จนได้รับฐานันดรศักดิ์เป็น "พระนางอุทุมมาพรเทวี" เป็นพระสนมที่ดูแลวัดวาอารามทั้งหมด<O:p></O:p>
    <O:p</O:p

    นางเฝ้ารอคอยสามีกลับมา แต่ก็ไร้วี่แวว จนกระทั่งได้ข่าวว่าเสียชีวิตไปแล้ว และได้ข่าวสามีว่า มีหญิงอื่นอีกหลายคน นางเฝ้าระลึกเมื่อครั้งลาจากกับสามี คิดแล้วยิ่งหลั่งน้ำตา เสียใจ....

    <O:p“จำใจละฐานกร ละบิดรพระมารดา แสนโศกวิโยคหา จิตห้อยระริกไหว
    ทุกข์ล้ำพระแม่เจ้า จรเข้าละหริภุญชัย ลาแล้ววนาลัย ธ.ประพาสก่อนกาล
    แต่นี้มิได้เห็น กิจเป็น เพราะมีงาน อกโอ้ระโหฐานบจถะระนะบรรทมนอน
    ถึงกาลต้องไป อรทัยมิอยากจร หลั่งน้ำพระเนตรวอน บุพกรรมกระทำมา
    <O:p</O:p

    หลังจากนั้นนางก็ตกอยู่ในความเศร้าระยะหนึ่ง ภายหลังนางก็ได้ออกบวชพร้อมกับพระนางจามเทวี และเสียลงในวัย ๘๖ ปี
    <O:p</O:p

    เมื่อลงนางเสียชีวิตลง ด้วยบุญกุศลได้กระทำมานางก็ได้ไปเกิดเป็นอากาศเทวาที่อยู่บริเวณเมืองเวียงท่ากาน(ปัจจุบันอยู่รอยต่อระหว่างอ.สันป่าตองกับอ.ป่าซาง จ.ลำพูน)
    <O:p</O:p

    หลังจากนั้นไม่นาน พระนางอุทุมมาพรเทวี ก็ได้เลื่อนชั้น เป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราช (ผู้เขียนสันนิษฐานว่า มีผู้อุทิศบุญกุศลให้แก่พระนางอย่างต่อเนื่อง) และยังไม่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์
    <O:p</O:p

    ส่วนท่านอมรเทพก็ได้มาเกิดเป็นชายหนุ่มลูกชาวป่า แต่มีรูปงาม เป็นที่ต้องตาต้องใจของสาว ๆ ทั่วไป แต่ยังมีนิสัยเจ้าชู้เหมือนเดิม ท่านอุทุมมาพรเทวี ได้เฝ้าคอยติดตามดูว่า ท่านอมรเทพไปเกิด ณ. หลังจากตรวจดูแล้ว ไปเกิดในหมู่บ้านในเมืองเขลางค์นคร ใกล้กับบริเวณที่ท่านเสียชีวิต

    <O:p</O:p
    นางเฝ้าคอยติดตาม เพื่อดูแลท่านอมรเทพมิได้ห่าง แต่เฝ้าเห็นพฤติกรรมที่มิได้รักษาสัจจะที่เคยให้แก่นาง นางจึงรู้สะเทือนใจเป็นอย่างมาก เฝ้ารอคอยว่า วันใดวันหนึ่ง ท่านอมรเทพจะระลึกถึงคำสัญญาที่เคยสาบานร่วมกันไว้
    <O:p</O:p

    ในชาตินั้น ท่านอมรเทพได้ใช้ชีวิตอย่างประมาท ยังคงเจ้าชู้ แต่ก็ไม่สมหวังในความรัก และสุดท้ายท่านอมรเทพก็ถูกคู่อริฆ่าตายอย่างอนาถ (เนื่องจากแย่งคนรักกัน) เมื่อตายแล้วท่านอมรเทพก็ได้เป็นสัมภเวสีอยู่สักพัก
    <O:p</O:p

    ต่อมาท่านอมรเทพก็ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ ในยุคพระเจ้าอาทิตยราช ประมาณปี ๑๔๔๐ ได้เกิดมาเป็นลูกชาวบ้าน ณ.เมืองมูล เป็นเมืองหน้าด่านสมัยนั้น ได้ร่วมสร้างวัดชื่อ วัดศรีlสร้อยเมืองมูล (ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดลำพูน)

    ฝ่ายเทพธิดาอุทุมมาพรได้ติดตามหาอดีตสามี และได้พบว่า มาเกิดแล้ว เป็นลูกชาวบ้าน ก็ได้เฝ้าคอยติดตามดูแล แต่ก็เห็นพฤติกรรมเดิม คือ ยังเจ้าชู้มากรัก นางเฝ้าเห็นพฤติกรรมเดิมได้แต่ช้ำใจ ด้วยความรักความห่วงหาอาทร นางก็เฝ้าหวังว่า วันหนึ่งท่านอมรเทพจะกลับใจ และระลึกชาติที่เคยให้คำสัญญาต่อกัน แต่จนแล้วจนรอด ท่านอมรเทพก็ยังไม่รู้ตัว ยังคงมีหญิงคนใหม่ และเจ้าชู้ ในชาตินี้อมรเทพก็ไม่สมหวังในความรัก ในบั้นปลายของชีวิต อมรเทพได้บวช ในพระศาสนา แต่ไม่ได้บรรลุธรรม หรือได้ทิพจักขุญาณแต่อย่างใด ทำให้ไม่สามารถระลึกชาติได้
    <O:p</O:p

    เทพธิดาอุทุมมาพร รู้สึกเสียใจมากที่ไม่น่าเอาความรักความบริสุทธิ์ใจของตน ผูกติดกับคำอธิษฐานกับชายผู้นี้ ซึ่งทำให้นางไม่สามารถที่ยกจิตขึ้นสู่ภพที่สูง หรือบรรลุธรรมได้
    <O:p</O:p

    นางจึงได้สติ และคิดว่า ควรยกเลิกคำอธิษฐานที่มีต่อกัน จึงจะเป็นการดีทั้งสองฝ่าย นางจึงได้เหาะไปยังสถานที่เคยให้สัจจะอธิษฐานและได้อธิษฐานต่อหน้าพระประธานอันสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ...

    “ข้าฯแต่พระปฏิมา อันศักด์สิทธิ์ ผู้มีฤทธิ์ที่อยู่เบื้องหน้าข้าฯ

    โปรดฟังคำขอข้าฯ อีกครา ที่ได้มาด้วยความทุกข์ใจ
    อันตัวข้าฯ และชายโฉด ท่านเคยโปรดข้าฯทั้งสองประคองไว้
    เราเคยพบรักพ้องด้วยต้องใจ และจึงได้มากล่าว ..สัจจะวาจา..
    <O:p
    มาคราวนี้ตัวข้าฯ ขอยกเลิก ขอฟ้าเบิกคำอ้อนวอนของข้า ฯ หนา
    อย่าได้ประสบทุกข์กันอีกครา อันตัวข้าฯ นี้หนา ระอาใจ..
    จะเกิดมากี่ภพ หรือกี่ชาติ เขาไม่อาจเลิกมากรักเป็นหนักหนา
    เมื่อเขานั้นผิดสัจจะทุกคราไป ตัวข้าฯ ไซร้ยิ่งเจ็บปวดรวดอุรา..

    ขอเทพไท้เทวาอันศักดิ์สิทธิ์ ขอพระปิดคำอธิษฐานของข้าฯ หนา
    ขออีกภพที่เขาได้เกิดอีกครา อันตัวข้า ฯ จะขอติดตามไป
    นำตัวเขามาพร้อมกับข้า ฯ เพื่อได้มายกเลิกสัจจะธิษฐานไว้
    ขอได้โปรดหนุนนำข้า ฯ ทุกคราไป ขอให้ได้สัมฤทธิ์ผลในอนาคตกาล…”

    <O:pจากนั้นนางก็เฝ้ารอจนกระทั่งอมรเทพมาเกิดในชาตินี้ มาเกิดเป็นสามัญชน และเทพธิดาอุทุมมาพรได้มาให้ข้าพเจ้าได้เห็นในสมาธิ และแจ้งข่าวให้แก่อมรเทพ (ในอดีตชาติ) และจะไปทำพิธียกเลิกคำอธิษฐานดังกล่าว...

    บุญกุศลใดที่เกิดจากการให้ธรรมทานนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลนี้แด่พระนางจามเทวี เทพธิดาอุทุมมาพร อมรเทพ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ทุกประการเทอญ....

    สำหรับเรื่องสัจจะสัญญา ๑๔๐๐ ปี ขอจบเพียงเท่านี้ และท่านทั้งหลายมีความคิดเห็นใด เกี่ยวกับเรื่องนี้ คุยกันได้นะครับ

    ขอโมทนาสาธุการกับทุก ๆ ท่านด้วย สาธุ.....

    <O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2010
  17. ภวโลกร้อน

    ภวโลกร้อน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,272
    แล้วเธอได้บอกไหมคะว่าอมรเทพในชาตินี้คือใคร อยู่ที่ไหน..
     
  18. magnagiled

    magnagiled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    596
    ค่าพลัง:
    +1,444
    เทพธิดาอุทุมมาพรได้มาให้ข้าพเจ้าได้เห็นในสมาธิ และแจ้งข่าวให้แก่อมรเทพ

    แอบขนลุก

    ท่านอมรเทพ เจ้าชู้ทุกชาติเลยนะครับ

    สงสาร ท่านอุทุมมาพร ต้องเจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีก

    อย่างนี้ในอดีตผมคงต้องเคยทำผิดกว่าท่านอมรเทพมากแน่ๆ

    ถึงได้เกิดมาเป็นเพศนี้
     
  19. หริภุญชัย

    หริภุญชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +3,517
    บอกครับ

    บอกครับแต่ผมขออนุญาตสงวนนามครับเพราะเขากำลังเป็นนักเรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่งครับ และผมก็เจอแล้วครับ กำลังนัดวันที่จะถอนคำอธิฐานกันครับ แล้วจะเก็บรายละเอียดมาบอกนะครับ
     
  20. หริภุญชัย

    หริภุญชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +3,517
    ใจครับ


    ผมกำลังมีคนมาปรึกษาเรื่องนี้แหละครับเรื่องรักๆใคร กรรมเวรกรรมเวรทำได้คือหยุดครับ มันเกิดที่ไหนดับมันที่นั้น ครั้งแรกเกิดที่ใจก็ดับที่ใจครับ ถ้าใจไม่คิดจะมีอะไรได้ครับ สู้นะครับ และอย่างสร้างกรรมใหม่กับคนอื่นอีกนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...